"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
ฟัง "ธงทอง จันทรางศุ" เล่าเรื่อง "คุณปู่" และกัลยาณมิตรชื่อ "พระยาสัจจาภิรมย์ฯ"










ในงานเปิดตัวหนังสือ "เล่าให้ลูกฟัง: ชีวิตข้าราชการมหาดไทยยุคใกล้อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์" ของพระยาสัจจาภิรมย์ อุดมราชภักดี (สรวง ศรีเพ็ญ) โดยสำนักพิมพ์มติชน ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 42 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

หนึ่งในผู้มารับฟังการเสวนา ที่มีนายมนุชญ์ วัฒนโกเมร อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ผอ.วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ และ อ.พิพัฒน์ กระแจะจันทร์ จากภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผู้เป็นวิทยากรก็คือ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อ.ธงทอง จันทรางศุ

อ.ธงทอง เล่าให้แขกเหรื่อผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมฟังเสวนา เช่น นายศิวะ แสงมณี อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และนายอนุชา โมกขะเวส อดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งวิทยากร 3 ท่าน ฟังว่า ตนเองกำลังจะเขียนหนังสือเนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี ของนามสกุลพระราชทาน "จันทรางศุ"

โดยคุณปู่ของตน คือ พระยาสุนทรเทพกิจจารักษ์ (ทอง จันทรางศุ) อดีตข้าราชการกระทรวงมหาดไทย และอดีตผู้ว่าฯ หลายจังหวัด นั้นถือเป็นกัลยาณมิตรคนหนึ่งของพระยาสัจจาภิรมย์ฯ และถูกระบุชื่ออยู่หลายครั้งในหนังสือเล่มนี้

ซึ่งเป็นหนังสือที่ทำให้ อ.ธงทอง ได้พบข้อมูลเพิ่มเติมบางอย่างเกี่ยวกับคุณปู่ของตนเอง

ในทัศนะของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งพระยาสุนทรเทพฯและพระยาสัจจาภิรมย์ฯ ถือเป็นกลุ่มคนในยุคเปลี่ยนผ่าน เมื่อครั้งแรกเริ่มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสยาม โดยการปฏิรูประบบราชการของในหลวงรัชกาลที่ 5

ซึ่งการพัฒนาระบบราชการให้รวมศูนย์และหนักแน่นแข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ทางการต้องดึงคน ที่ไม่ได้เป็นเจ้านายหรือลูกหลานตระกูลขุนนางสูงส่ง เข้าสู่ระบบราชการเป็นจำนวนมาก

พระยาสัจจาภิรมย์ฯ อาจมีเชื้อสายของตระกูลขุนนางเก่าแก่ และมีศักดิ์เป็นหลานเจ้าเมืองนครนายก

แต่สำหรับพระยาสุนทรเทพฯ ปู่ของ อ.ธงทอง แล้ว กลับมีประวัติภูมิหลังที่แตกต่างออกไป

พระยาสุนทรเทพฯ เดิม เป็นลูกชาวบ้านจากแม่กลอง ซึ่งเรียนหนังสือเก่ง ต่อมาจึงได้บวชเป็นสามเณรในวัดท้องถิ่นสังกัดธรรมยุติกนิกาย

ต่อมา สามเณรทอง จึงได้ย้ายมาอยู่ที่วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ ซึ่งผู้สืบเชื้อสายอย่าง อ.ธงทอง ยังไม่แน่ใจว่า ปู่ของตนเองย้ายเข้ามาที่วัดเทพศิรินทร์ได้ เพราะ "เส้นสาย" ในหมู่พระผู้ใหญ่นิกายธรรมยุต หรือว่าใช้ "เส้นสาย" ของพี่ชายปู่ ที่ขณะนั้น รับราชการอยู่กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช แห่งวังบูรพา

แล้วเส้นทางชีวิตของสามเณรทองก็พลิกผัน เมื่อเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ในช่วงนั้น คือ หม่อมเจ้าพระศรีสุคตคัตยานุวัตร (หม่อมเจ้าพร้อม ลดาวัลย์) ตัดสินใจลาสิกขาบท และได้ชักชวนให้สามเณรทองกลับไปใช้ชีวิตในเพศฆราวาสพร้อมๆ กัน

จากนั้น หม่อมเจ้าพร้อม ซึ่งกลับไปรับราชการที่กรมราชบัณฑิต จึงได้ฝากฝังให้ลูกชาวบ้านอย่างอดีตสามเณรทองเข้าเรียนในโรงเรียนมหาดเล็ก กระทั่งมีโอกาสได้รับราชการในกระทรวงมหาดไทยในท้ายที่สุด

การเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทยนี่เองที่ทำให้ทั้งพระยาสุนทรเทพฯ และพระยาสัจจาภิรมย์ฯ ต้องประสบชะตาชีวิตระหกระเหินขึ้นๆ ลงๆ คล้ายๆ กัน

ดังที่พระยาสัจจาภิรมย์ฯ เขียนเล่าไว้ในหนังสือ "เล่าให้ลูกฟัง" ว่า

"พ่อจะเล่าเรื่องเจ้าเมืองเพชรไม่ลงกันกับท่านเทศาฯ (พระยามนตรีสุริยวงศ์ หรือ ฉี่ บุนนาค - มติชนออนไลน์) นี้ให้ฟัง ครั้งหนึ่ง ราวกลาง พ.ศ.2461 พระเจ้าอยู่หัวประทับที่หาดเจ้าสำราญ เจ้าเมือง เทศาฯ และเจ้าพนักงานก็ไปปลูกกระท่อมพักกันอยู่ เพื่อถวายความพิทักษ์รักษา

วันหนึ่งพ่อก็ไปที่หาดเจ้าสำราญ คิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวด้วย และพักอยู่ด้วยกันกับเจ้าเมืองเพชรบุรี คือพระยาสุนทรเทพกิจจารักษ์ (ทอง จันทรางศุ) เย็นวันนั้น พ่อกับพระยาสุนทรเทพฯ เดินคุยกันไปตามชายหาด

พ่อนุ่งกางเกงจีนสวมเสื้อขาวชั้นนอก ส่วนพระยาสุนทรเทพฯ นั้นนุ่งกางเกงแพรจีนใส่เสื้อกุยเฮง ประแป้งเสียพราวยังแถมใส่หมวกสักหลาดอีกด้วย

บังเอิญพระยามนตรีฯ เทศาฯ ก็เดินมากับใครคนหนึ่ง พ่อไม่รู้จัก มาพบกันเข้า พ่อก็ยกมือไหว้บอกว่า พ่อมาวันนี้ตั้งใจว่าค่ำๆ จะไปกราบเท้า แต่พระยาสุนทรเทพฯ หาไหว้ไม่ ซ้ำหมวกก็ไม่ถอด

พ่อสังเกตว่าเทศาฯ ไม่ชอบใจด้วยสีหน้า แต่ไม่ว่ากระไร แล้วก็มายืนพูดกับพระยาสุนทรเทพฯๆ ก็ยืนคุยอยู่ด้วยโดยหมวกก็ยังอยู่บนศีรษะ และยังเอามือไพล่หลังเสียด้วย หน้าก็ยังประแป้งอยู่ไม่ยอมลบรอย

คือแสดงออกอย่างชัดๆ ว่าเธอไม่มีการเกรงกลัวสักนิดเดียว ทำนองจะดูถูกเสียด้วยซ้ำ พูดอะไรกันจำไม่ได้ แล้วพ่อกับพระยาสุนทรเทพฯ ก็กลับมาที่พัก พ่ออดปากอยู่ไม่ได้ จึงถามว่าทำไมถึงทำกับเทศาฯ เช่นนั้น

แกพูดหัวเราะกับพ่อว่า กลัวอะไรมัน ยั่วเล่นอย่างนั้นแหละ ส่วนพ่อไปพักอยู่ ๒ คืน ดูเหมือนเป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ ครั้นวันจันทร์พ่อก็กลับราชบุรี

"ครั้นต่อมาเมื่อในหลวงเสด็จกลับแล้วก็ทราบว่า เทศาฯ บอกส่งตัวพระยาสุนทรเทพฯ กับกระทรวงเพราะอะไรไม่ทราบ กระทรวงก็ได้สั่งย้าย ดูเหมือนให้ไปเป็นเจ้าเมืองอยู่ร้อยเอ็ดภาคอีสาน เมื่อพระยาสุนทรเทพฯ อพยพครอบครัวจากเพชรบุรีโดยรถไฟ พ่อก็ไปส่งที่สถานีรถไฟราชบุรี

พอพ่อเห็นตัวเธอพ่อก็พูดหัวเราะว่า แจวละหรือ ที่พูดเช่นนั้นล้อกันเล่นเพราะมีนัยที่รู้กันอยู่แล้ว พระยาสุนทรเทพฯ ก็ชี้หน้าพ่อว่าอย่าอวดดีไปเลย แกก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน แล้วก็ต่างหัวเราะและพูดกันอยู่พักหนึ่ง รถไฟก็เคลื่อนกระบวนต่อไป"

นอกจากนั้น ตำแหน่งสุดท้ายในฐานะข้าราชการกระทรวงมหาดไทยของพระยาสุนทรเทพฯ และ พระยาสัจจาภิรมย์ฯ ก็เป็นตำแหน่งเดียวกัน คือ เจ้ากรมปกครอง ดังที่พระยาสัจจาภิรมย์ฯ เขียนเล่าว่า

"อนึ่ง ในคราวที่พ่อเข้ามารับตราครั้งนี้ เผอิญทราบว่าพระยาสุนทรเทพกิจจารักษ์ เจ้ากรมปกครองได้ป่วยมา ๑๐ กว่าวันแล้ว พ่อจึงไปเยี่ยมที่บ้านของแก ที่ถนนรองเมืองซอย ๑ ข้างโรงน้ำแข็งของนายกี ซึ่งเป็นพ่อตาของแก

เมื่อไปถึงบอกกับคุณหญิงแม้นว่าพ่อมาเยี่ยม ทราบว่าเจ้าคุณป่วย เธอก็นำพ่อเข้าไปในห้องที่พระยาสุนทรเทพฯ นอนอยู่ พ่อก็ไปนั่งใกล้ๆ

เห็นแกนอนหลับตานิ่งอยู่ พ่อถามคนพยาบาลว่าหลับหรือ เขาพูดดังๆ ว่านอนนิ่งมาอย่างนี้ ๓ วันแล้ว ไม่มีสติสตังอะไร อาหารจะให้กินก็กรอกลงไปเฉยๆ ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย พ่อได้จับแขนขึ้นมาดูแล้วจับตัวแกลูบคลำ

ดูแกก็เฉย พูดถามอะไรแกๆ ก็ไม่ตอบ พ่อคิดว่าโรคอัมพาตอย่างนี้แรงมาก เห็นจะเป็นด้วยพิษสุราที่แกดื่มจัดนัก ขณะนั้นมีหมอเข้าไป พ่อก็ถามว่าจะแก้รูปใดกัน หมอบอกว่าหมดหวัง เป็นแต่ชะลอไว้นานหน่อยเท่านั้น

พ่อพูดอยู่กับหมอครู่หนึ่งพ่อก็ลากลับ ตรงไปที่กระทรวงมหาดไทยพบกับพระยาจ่าแสนยบดี พ่อก็บอกถึงอาการที่ได้ไปเยี่ยมพระยาสุนทรเทพฯ มา พ่อเห็นว่าแกต้องตายในวันสองวันนี้แล้ว เพราะไม่รู้สึกตัวมา ๒-๓ วันแล้ว

พ่อได้บอกแก่พระยาจ่าแสนย์ฯ อธิบดี (กรมพลำภัง กรมใหญ่ที่เป็นต้นสังกัดของกรมปกครองอีกต่อหนึ่ง - มติชนออนไลน์) ว่าตำแหน่งนี้ (เจ้ากรมปกครอง - มติชนออนไลน์) พ่อจะเอา

ขอกลับเข้าบ้านเข้าเมืองเสียที เพราะพ่อต้องตระเวนอยู่หัวเมืองมา ๓๐ ปีแล้ว และตั้งใจว่าจะไม่ขอกลับออกไปอยู่บ้านนอกอีกต่อไป พระยาจ่าแสนยบดีก็พยักหน้า และคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง พอดีมีผู้นำหนังสือราชการมาเสนอพ่อก็ลากลับ

"ครั้นต่อมา ๒ วัน พ่อก็ทราบว่าพระยาสุนทรเทพฯ ได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ทำให้พ่อสลดใจในแกมาก เพราะเป็นเพื่อนที่ดีของพ่อคนหนึ่ง เธอเป็นคนตรง พูดจาไม่มีกลัวเกรงผู้ใดแม้แต่ผู้มีตำแหน่งเหนือแก แกไม่มีประจบประแจ้งใคร ทำราชการไว้เกียรติว่ามีความรู้ดี พูดมากอยู่สักหน่อยเมื่อเสพสุราเข้าไปแล้ว ...

ในวันที่ทราบว่าพระยาสุนทรเทพฯ ถึงแก่กรรมนี้ พ่อได้เข้ามาเยี่ยมนำพวงหรีดไปขมาศพตามธรรมเนียม แล้วเลยไปเตือนพระยาจ่าแสนย์ฯ ตามที่พ่อบอกท่านไว้ ว่าตำแหน่งเจ้ากรมนี้ต้องเป็นของพ่อ แล้วก็กลับอยุธยา

"ครั้นต่อมา ๒-๓ วันเท่านั้นก็ได้รับตราเรียกให้พ่อเข้ามารับราชการในตำแหน่ง เจ้ากรมปกครองกระทรวงมหาดไทย พ่อได้เข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๔..."

นี่คือชะตาชีวิตที่สอดคล้องต้องกันของข้าราชการกระทรวงมหาดไทยยุคบุกเบิกสองราย คือ พระยาสุนทรเทพกิจจารักษ์ ต้นตระกูลจันทรางศุ และพระยาสัจจาภิรมย์ อุดมราชภักดี (สรวง ศรีเพ็ญ)


ขอบคุณ มติชนออนไลน์

อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ


Create Date : 06 เมษายน 2557
Last Update : 6 เมษายน 2557 11:33:34 น. 0 comments
Counter : 1532 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.