ตอนที่๒
ช่วงเวลาก่อนการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวดูเหมือนบรรดาหนุ่มๆจะคึกคักกันเป็นพิเศษโดยเฉพาะกมลกับมหิศรที่แอบกระซิบกระซาบแล้วพากันหายไปแต่ไม่มีใครสงสัยว่าทำไมถึงได้กลับมาก่อนส่งตัวเมฆาไม่กี่นาที
ปริตรมองน้องๆแล้วส่ายหน้าแม้จะรู้สึกว่าอยากอยู่คนเดียวเต็มแก่แต่ยังเดินตามไปผู้ใหญ่ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวตามหน้าที่ที่เขาจะต้องเป็นคนนำพานใส่ดอกไม้ไปที่ห้องหอเพราะเป็นพี่ใหญ่สุดของบ้าน
ชายหนุ่มยิ้มให้กับเมฆาชั่วจังหวะที่กำลังจะเดินออกจากห้องหอแต่ก็เพียงเป็นการกระตุกมุมปากขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาส่งพานในมือให้กับแม่บ้านที่เดินตามหลังคุณย่าน้อมก่อนจะเดินแยกออกมานั่งคนเดียวตรงมุมมืดเพราะเห็นว่าหมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว
เสียงพูดคุยยังดังมาจากลานหญ้าที่อยู่ห่างออกไปสายตาคมจับจ้องหญิงสาวร่างเล็กที่แหงนหน้าขึ้นมองคนข้างๆแล้วหัวเราะเมื่อถูกเย้าแหย่จากหนุ่มๆที่ยืนล้อมอยู่
ปริตรสูดลมหายใจเข้าแล้วปล่อยออกมารวดเดียวเพื่อบรรเทาอาการอึดอัดในอกไม่เคยเลยที่ปูนแป้งจะหัวเราะแบบนั้นให้เขาเห็นส่วนใหญ่ถ้าไม่ทำหน้าเหมือนกินยาขมเวลาที่เห็นหน้าเขาอย่างมากก็ยิ้มแหยๆเหมือนถูกบังคับ
ผิดกับเวลาที่อยู่ใกล้ปราชญ์หญิงสาวจะหัวเราะเสียงใส หน้าตาสดชื่นจน...จน... ปริตรถอนหายใจเขานึกถึงวันที่ยายขี้แยนั่งมองเข็มฉีดยาอยู่ตรงสระบัว
แม่นักเรียนพยาบาลตัวจ้อยกำลังจับจ้องเข็มสลับกับแขนตัวเองช่างดูน่าขันแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าตัวคงกำลังตัดสินใจระหว่างจะหัดเจาะเลือดให้ได้ หรือยอมแพ้ดีเพราะเขานี่ล่ะที่รู้ดีว่าปูนแป้งกลัวเข็มมากแค่ไหน
ปริตรก้มลงมองแขนตัวเองนึกถึงตอนที่เขาเดินเข้าไปนั่งข้างๆแล้วยื่นแขนออกไปให้หญิงสาวแทนที่เธอจะเข้าใจดันถามมาได้ว่า...พี่ปริตรทำอะไรคะ
มุมปากได้รูปยกสูงเมื่อนึกถึงสีหน้าของปูนแป้งในวันนั้นนัยน์ตากลมโตเหมือนตุ๊กตาเบิกกว้างตอนที่เขาบอก
ขืนให้เอาเข็มทิ่มตัวเองเดี๋ยวได้เป็นเรื่องเอาแขนพี่นี่ล่ะ ง่ายดี
แต่ว่า...
จะทำอะไรก็ทำเร็วๆด้วย
ชายหนุ่มพูดใส่ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดจนเข็มในมือหญิงสาวหล่นลงพื้นแถมแม่ตัวดีดันเก็บขึ้นมาแล้วทำท่าจะใช้เข็มอันนั้นล่ะเจาะเลือดเขา
จะบ้าเหรอตกพื้นแล้วทำไมไม่ทิ้ง เปลี่ยนอันใหม่เดี๋ยวนี้
ปริตรจำได้ว่าดุหญิงสาวไปแล้วหลังจากนั้นเขาก็นั่งแม่นักเรียนพยาบาลหัดเจาะเลือดจนอีกวันปวดแขนจนยกไม่ขึ้นต้องกินยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดอยู่หลายวัน
เสียงหัวเราะของกมลทำให้ปริตรหยุดคิดถึงอดีตเขามองเจ้าตัวเล็กวิ่งออกมาจากบ้านของเมฆาเข้าไปคลอเคลียเจ้านายของตัวเองก่อนที่กมลจะเดินตามไปสบทบกับปูนแป้ง ปราชญ์ ปกรณ์และพี่น้องคนอื่นๆ
เขารู้ทันทีว่ากมลคงเล่นอะไรแผลงๆอีกเพราะฟังจากท่าทางการเล่าและเสียงหัวเราะที่ตามมานั้นคงจะไม่พ้นเรื่องแกล้งเจ้าบ่าวร้อยเปอร์เซ็นต์
คุณปริตรเห็นพีบอมมั้ยคะ
ชายหนุ่มหันมามองอาสะใภ้แล้วส่ายหน้า
ไม่เห็นครับอาแอนลองไปถามเจ้าพวกนั้นดูสิครับ เจ้ามลน่าจะรู้ดี
จีรายุหันไปมองคนที่ชายหนุ่มพูดถึงแต่ยังไม่ทันจะก้าวขาคุณจันทราก็เดินตามมาสบทบพอดี
เจอมั้ยแอน
ยังคะ...อ้าวนั่นไงคะแม่วิ่งไปหาคุณพงศ์แล้ว
หญิงสาวรีบบอกเมื่อเห็นพี่หมาทั้งสองวิ่งไปหาสามีของเธอที่กำลังนั่งคุยกับพี่ชายอีกคนอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มหนุ่มๆ
คุณปริตรไม่ไปร่วมกลุ่มกับน้องๆหรือคะ
ไม่ล่ะครับอยากนั่งเล่นตรงนี้อีกสักพัก
ปริตรปฏิเสธเขาคิดว่ากระตัดบทจะทำให้คุณจันทรากับอาสะใภ้จากไป แต่จีรายุรู้สึกเหมือนว่าคนตรงหน้ากำลังมีเรื่องในใจ
แล้วไม่ทานอะไรสักหน่อยหรือคะวันนี้ยังไม่เห็นคุณปริตรทานอะไรเลย
ปริตรอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าจะมีคนสนใจว่าเขาจะทำอะไรอย่างไร คุณจันทรามองลูกสาวกับหลานชายของลูกเขย นางยกมือขึ้นแตะต้นแขนเรียวแล้วแกล้งพูดเสียงดังพอให้คนที่นั่งอยู่สะดุ้งได้
ไม่เป็นไรหรอกแอนพ่อหนุ่มนี่เขาอิ่มแล้ว
จีรายุมองหน้าคุณจันทราหัวคิ้วขมวดด้วยความสงสัยว่าแม่เธอไปเห็นปริตรกินอะไรตอนไหน
อิ่มอะไรแม่แอนยังไม่เห็นเขากินอะไรเลย
กินแห้วไงเล่นกินคนเดียวหมดไม่เผื่อแผ่ใคร เลยมานั่งจุกอยู่ตรงนี้
พอคุณจันทราพูดจนปฏิกิริยาของจีรายุกับปริตรแสดงออกมาให้เห็นคนละแบบลูกสาวมองแม่เหมือนอยากามว่านี่ตกลงว่ากำลังจิกกัดหลานชายสามีด้วยเหตุผลบางอย่างที่เธอยังไม่รู้ใช่ไหม
ส่วนปริตรเขาแทบจะหงายท้องตกเก้าอี้กับหมัดสั่งที่คุณจันทราปล่อยมาเต็มหน้าชายหนุ่มมองหน้าผู้สูงวัยกว่าแต่ได้เห็นรอยยิ้มแปลกๆเลยหันมากล่าวขอบคุณในความเป็นห่วงของอาสะใภ้แล้วทำท่าจะลุกขึ้น
ไม่ต้องลุกไปไหนหรอก นั่งเก็บเปลือกแห้วต่อไปเถอะไปแอนไปหาอะไรสนุกทำดีกว่า
ประโยคหลังคุณจันทราหันมาบอกลูกสาวก่อนจะลากแขนหญิงสาวให้เดินตามไปในขณะที่ชายหนุ่มแอบถอนหายใจเบาๆเพราะกลัวว่าคนที่เพิ่งเดินไปจะได้ยิน
แต่เหมือนเคราะห์กรรมคงยังทับถมกันไม่พอเพราะพอนั่งเงียบๆอยู่ได้เพียงครู่เดียว เจ้าหมาขนฟูสองตัวก็มานั่งอยู่ตรงหน้าปริตรมองตากลมๆสองคู่ก่อนจะเลยไปข้างหลังเพราะกลัวว่าคุณจันทราจะย้อนกลับมาอีกรอบ
พี่หมาทั้งสองกระโดดขึ้นมานั่งขนาบข้างแล้วยกขาหน้าขึ้นวางบนขาของปริตรดร.หนุ่มก้มลงมองมือที่ปกคลุมด้วยขนขาวๆตัดกับกางเกงสีดำของตัวเองค่อยๆมองเลื่อนขึ้นมาแล้วสบตาที่กำลังเอียงคอจ้องหน้าเขาเหมือนสงสัย
มีอะไรอีกล่ะ
ปริตรถามแล้วอดนึกขำตัวเองไม่ได้ที่มานั่งพูดกับหมาเหมือนมันจะรู้เรื่อง เขาทำเป็นไม่สนใจแต่บอมกับบันบันกลับเอาหัววางไว้บนตักแล้วส่งเสียงเบาๆเหมือนกำลังอ้อน คิ้วเข้มเลิกขึ้นแล้วมือหนาก็ทาบลงไปบนหัวเจ้าขนฟูทั้งสองตัว
เพราะไม่ค่อยได้เข้าใกล้สัตว์ทุกชนิดพอมือสัมผัสความนุ่มของขนขาวๆก็อดลูบเบาๆไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเขาคิดได้ว่าถึงแม้จะมีพี่น้องที่เติบโตด้วยกันมาหลายคนแต่เพราะถูกเลี้ยงมาในกลุ่มผู้ชายล้วนแล้วเขาก็เป็นพี่ใหญ่ที่ต้องดูแลน้องๆเลยต้องวางตัวให้น้องๆเกรงใจจนติดเป็นนิสัย
ตอนที่เรียนจบปริญญาตรีเขาเองก็ลังเลที่จะเรียนต่อต่างประเทศ พอปู่ย่าถามถึงเหตุผลที่เขาบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไรเลยต้องจำใจยอมไปเรียนสุดท้ายก็เลยเรียนต่อเนื่องจนจบได้เป็นดอกเตอร์ปริตรสมใจทุกคน
แต่ความลับอย่างหนึ่งที่ไม่เคยบอกใครคือเรื่องงานวิจัยจากหลายองค์กรที่เขาบอกปัดไปเพียงเพราะคิดถึงใครคนหนึ่งจนเลือกที่จะมาปลูกบ้านหลังเล็กๆในพื้นที่ที่ปู่แบ่งให้แล้วเขียนบทความเกี่ยวกับอาหารและยาส่งให้นิตยสารทางการแพทย์ของต่างประเทศซึ่งสร้างรายได้ให้กับเขาไม่น้อย
เพียงแต่ไม่มีใครรู้นอกจากเห็นว่าพี่ใหญ่เอาแต่เก็บตัวในห้องเพื่อค้นคว้าอะไรบ้างอย่างเท่านั้น แต่จะว่าไปถึงเขาจะไม่ทำอะไรลำพังเงินปันผลที่ได้จากหุ้นของโรงแรมแม้จะไม่มากมายแต่ก็พอให้อยู่ได้ถ้าหากไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป
ปริตรโชคดีตรงงานโรงแรมของครอบครัวได้ปราชญ์เป็นคนดูแลดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะรับช่วงบริษัทยาของพ่อต่อได้อย่างสบายใจ
พี่ปริตรมาอยู่นี่เองตามหาแทบแย่
เสียงหวานๆที่ดังอยู่ตรงหน้าทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของปูนแป้งคิ้วเข้มขยับเข้าหากันแสดงออกว่าไม่ค่อยชอบใจนักที่เวลาอันแสนสงบสุขถูกรบกวนอีกแล้ว
นิอรเพื่อนที่เขามองอย่างไรก็ไม่น่าคบกับปูนแป้งได้เพราะนิสัยคนละขั้วยายขี้แยของเขาดูอ่อนหวาน เพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มก็ดูเรียบร้อยจะมีก็แต่ผู้หญิงคนนี้ที่เขาเห็นว่าเปรี้ยวและเปรียวจนไม่น่าเชื่อว่าจะคบกันได้
หญิงสาวเคยมาทำรายงานที่บ้านของปูนแป้งตอนนั้นเขาได้พักในช่วงที่กำลังยื่นเรื่องเรียนต่อปริญญาเอกเลยแอบกลับมาเพราะอยากเห็นหน้าคนข้างบ้านยอมแม้กระทั่งประหยัดค่าใช้จ่ายและหางานพิเศษทำเพื่อเป็นค่าตั๋วแต่ที่ไหนได้แทนที่ยายขี้แยจะดีใจกลับทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักให้เขากับเพื่อนตามที่ถูกขอร้อง
ปริตรไม่ใช่พระเอกนิยายที่จะทำเป็นประชดด้วยการยอมคบกับเพื่อนปูนแป้งหากเขาตอบปฏิเสธแล้วบอกให้นิอรตั้งใจเรียนให้จบ แต่หญิงสาวกลับดื้อผิดคาดเพราะนอกจากจะไม่ยอมเลิกเอาตัวเข้ามาวุ่นวายแล้วยังไปขอที่อยู่ของเขาจากปูนแป้งแล้วเขียนจดหมายส่งไปตลอด
และเขาก็เลือกที่จะไม่อ่านแล้วเอาจดหมายทุกฉบับใส่ห่อส่งคืนให้ทั้งๆที่ยังไม่เปิดยอมเยเงินส่งคืนแต่มันกลับไม่ได้ช่วยให้เธอถอดใจ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ปริตรมั่นใจคือนิอรไม่ได้รักเขาแต่เป็นเพราะอยากเอาชนะที่เขาไม่สนใจเธอ
ขออรนั่งด้วยได้มั้ยคะ
นิอรพูดเสียงหวานเธอยืนรอนึกว่าปริตรจะจับหมาสองตัวที่นั่งขนาบข้างหลบแต่ชายหนุ่มกลับผายมือไปที่เก้าอี้อีกตัวหญิงสาวจ้องเจ้าหมาหน้าขนด้วยแววตาที่บอกว่า...ลุกไปเดี๋ยวนี้
แต่พวกพี่หมากลับทำเป็นเหลือกตาขึ้นมองถอนหายใจ แล้วหลับตา แสดงออกมาให้รู้ว่า ก็ฉันไม่ลุกใครจะทำไม
เป็นครั้งแรกที่ปริตรนึกชอบพี่หมาขึ้นมาแต่เขาก็ไม่คิดว่านิอรจะตื้อได้ถึงขนาดเดินเข้ามาทำท่าจะจับพี่หมาออกจากตักเขาเพียงแค่หญิงสาวเลือกผิดตัวเท่านั้นเอง
เพราะถ้าคนที่คุ้นเคยจะรู้ว่าพี่บันบันไม่ค่อยมีอะไรมากแต่พี่บอมนั้นทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งถือตัว ถ้าไม่ชอบอย่ามาแตะไม่งั้นมีเรื่อง ดังนั้นเมื่อนิอรคิดจะรบกวนความสงบพี่บอมจึงขยับขึ้นนั่งแยกเขี้ยวส่งเสียงขู่ ตามด้วยเสียงเห่าที่ฟังไม่ค่อยน่ากลัวนัก
แต่...เสียงเห่าของพี่บอมไม่ใช่การขู่เพราะมีสิ่งหนึ่งพุ่งมาตามเสียงเรียกของพี่หมาหัวโจก และเจ้านี่ล่ะที่ทำให้นิอรถึงกับล้มลงไปนั่งกองกับพื้นชนิดหมดท่า
เสียงร้องวี้ดดังขึ้นแต่พอปริตรจะลุกขึ้นเพื่อช่วยตามนิสัยความเป็นสุภาพบุรุษพี่บอมกลับขยับขึ้นมาบนตักแล้วทิ้งตัวลงนอนทับไว้ไม่ให้เขาได้ทำอย่างที่ตั้งใจ
เจ้าตัวเล็ก
เพราะเสียงของนิอรทำให้หนุ่มๆในบ้านวิ่งมาปูนแป้งอุทานเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กกำลังนอนเอาคางเกยอยู่บนตักของเพื่อนสาวพอเธอเรียกแทนที่มันจะลุกขึ้นกลับทำเป็นเหลือกตาไปมองพี่บอมแล้วอ้าปากหาวก่อนจะวางหัวไว้ที่เดิม
กมลกับมหิศรหันไปมองพี่ชายคนโตแล้วหันมาสบตากันเพราะรู้ฤทธิ์เดชของพี่ๆมากปากเมฆามามากพอที่จะรู้ว่านิอรคงไปทำอะไรให้ไม่พอใจเลยถูกเอาคืน
ส่วนปกรณ์นั้นพอจะรบกับเจ้าตัวเล็กไหวจึงเดินไปตบหัวมันเบาๆก่อนจะสั่งให้ลุกขึ้นแล้วปล่อยให้ปราชญ์ทำหน้าที่สุภาพบุรุษส่งมือให้นิอรจับเพื่อดึงตัวเองลุกขึ้น
งทีเพื่อนๆของปูนแป้งเข้ามาล้อมรอบนิอรแล้วถามว่าเป็นยังไงบ้างในขณะเดียวกันปูนแป้งกับมองคนที่นั่งทำหน้าเฉยเหมือนต่อว่าว่าเขาไม่มีน้ำใจที่จะช่วยเพื่อนของเธอหากสายตาที่มองสวนมานั้นกลับทำให้หญิงสาวด้องเดินไปยืนหลบข้างๆปราชญ์แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง
เป็นอะไรคะน้องแป้ง
ปราชญ์ก้มลงมองคนที่เข้ามาเกาะแขนแล้วถามเสียงนุ่มเขายกมือขึ้นวางบนศีรษะทุยโยกไปมาด้วยความเอ็นดูเพราะคิดว่าหญิงสาวคงเสียใจที่หมาตัวเองทำให้เพื่อนเจ็บ
เปล่าค่ะ
ปูนแป้งรีบปฏิเสธเธอแอบมองปริตรเห็นว่าเขาหันหน้าไปทางอื่นก็ลอบถอนใจ โดยไม่รู้เลยว่าการที่ชายหนุ่มหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากมองภาพบาดตาบาดใจต่างหาก
หลังจากที่ทุกคนพากันเดินหายไปจากตรงนั้นปริตรก็เริ่มพูดดีๆกับพี่หมาทั้งสองตัวเป็นครั้งแรกอาจเป็นเพราะเขาพอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเข้าใจทุกคำพูด เข้าใจทุกความหมายเพียงแต่จะทำตามหรือไม่เท่านั้น
ขออยู่คนเดียวเงียบๆนะ
พี่บอมลืมตาขึ้นมองแล้วอ้าปากหาวแลบลิ้นออกมายาวเหยียดพลางขยับลงมายืนบนเก้าอี้แล้วทำท่าบิดขี้เกียจเหมือนเพิ่งตื่นทั้งๆที่เขารู้ดีว่าทั้งสองตัวไม่ได้นอนหลับเหมือนที่เห็นเลย
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนบิดตัวด้วยความเมื่อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปตามทางเดินเล็กๆมุ่งหน้าไปที่บ้านของตัวเอง เขาเหนื่อยเกินกว่าจะไปบอกลาญาติๆตามมารยาทเขาเจ็บปวดเกินกว่าจะกลับไปเห็นภาพน้องชายกับคนที่เขาแอบรักและเขา...อยากมีเวลาตัดสินใจเกี่ยวกับจดหมายที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ
ขายาวๆเดินทอดน่องไปตามทางเดินจนในที่สุดบ้านหลังน้อยของเขาก็อยู่ตรงหน้า แต่ปริตรเพิ่งนึกออกว่าตัวเองถอดเสื้อนอกทิ้งไว้ตรงเก้าอี้หินที่นั่งอยู่เมื่อครู่ซึ่งมันคงจะไม่มีอะไรสำคัญถ้า...จดหมายฉบับนั้นจะไม่อยู่ในกระเป๋าเสื้อจึงต้องเดินย้อนกลับไปแต่ต้องใช้เวลาพอสมควรเพราะบ้านของเขาห่างจากบ้านใหญ่มากกว่าคนอื่น
ร่างสูงที่กำลังเดินจ้ำเท้าไปตามทางเดินด้วยอาการรีบร้อนไม่ได้สนใจมองรอบข้างจนกระทั่งใกล้จะถึงมุมที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้
ปริตร
อยู่ๆพงศธรก็ก้าวออกมาขวางไว้นัยน์ตาที่ซ่อนอยู่ในเงามืดทำให้ปริตรไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอาพงศ์ถึงได้มาดักหน้าตนอย่างนี้
มีอะไรหรือครับอา
พงศธรยิ้มแต่มันรอยยิ้มที่ปริตรไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะรู้ดีว่าอาของเขาจะต้องมีอะไรแน่ๆ
ช่วงนี้ว่างหรือเปล่า
ว่างครับ
หลานชายคนโตของตระกูลตอบสั้นๆตามนิสัยซึ่งพงศธรเองแม้จะมีศักดิ์เป็นอาแต่อายุก็ใช่ว่าจะห่างจากหลานชายมากนักจึงรู้นิสัยกันดีว่าปริตรเป็นคนพูดน้อยแต่ใช้ง่ายและมีความรับผิดชอบสูงกว่าทุกคน
พรุ่งนี้มาหาอาที่โรงแรมหน่อยนะมีงานจะให้ช่วย
อาหนุ่มยกมือขึ้นจับบ่ากว้างเขายิ้มรับเมื่อชายหนุ่มตอบกลับสั้นๆว่า...ครับ ก่อนทีจะหันหลังเดินกลับไปทางเก่าส่วนคนที่ยืนมองตามหลังก็รีบเดินไปหาเสื้อสูทที่ลืมวางไว้ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ามันยังวางอยูที่เดิม
ปริตรรีบควานหาจดหมายในกระเป๋าแต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า จึงรีบก้มลงหาว่าอาจจะตกอยู่ตรงไหน แต่หาจนเหงื่อชุ่มไปทั้งหน้าก็ยังหาไม่เจอ
ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อนึกในใจว่าขออย่าให้ใครพบจดหมายฉบับนั้นเลย เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที
จนกระทั่ง...
พี่ปริตรหานี่อยู่ใช่มั้ยคะ
หญิงสาวในชุดราตรีสั้นคุ้นตาย่อตัวลงนั่งยองๆแล้วยื่นกระดาษสีขาวมาตรงหน้าปริตรรีบรับมันมาใส่กระเป๋าเสื้อแล้วมองหน้าหวานเหมือนจะถามว่าเธอได้เปิดอ่านช้างในหรือไม่
ขอโทษนะคะแป้งจำเป็นต้องเปิดดู แต่...แป้งไม่ได้อ่านนะคะ พอเห็นชื่อพี่ปริตรแป้งก็ปิดเลย
ปูนแป้งรีบบอกแล้วทำท่าจะลุกขึ้นแต่ปริตรไวกว่า เขาลุกพรวดพราดขึ้นแล้วก้าวมาขวางหน้าหญิงสาวเอาไว ก่อนจะจับข้อมือบางดึงให้เดินตามไปอีกด้านของทางเดิน
พี่ปริตรคะคุณแม่รอแป้งอยู่
เสียงหวานๆเริ่มสั่นนึกกลัวว่าจะถูกดุที่ไปเปิดจดหมายของชายหนุ่มอ่านนัยน์ตากลมโตมีน้ำใสๆเอ่อขึ้นมาคลอ แต่ไม่ได้ดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมกลับยังเดินตามต้อยๆ
กิริยาของหญิงสาวทำให้ปริตรรอดนึกไปถึงตอนเด็กๆที่เขาดุที่เธอมานั่งดูหนุ่มๆในบ้านเล่นน้ำตรงแพแล้วลากเด็กสาวไปส่งบ้านคนลากที่ทำหน้าดุกับเด็กสาวที่เอาแต่ยกมือเช็ดน้ำตาแต่ขากลับก้าวตามต้อยๆอย่างว่าง่าย
เดี๋ยวพี่ไปส่ง
ปริตรหยุดเดินเขาหันมาบอกปูนแป้งแล้วหยิบโทรศัพท์มากดหาปราชญ์ให้บอกคุณวิภาว่าตอนนี้ปูนแป้งมาเอาหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ที่บ้านเขาอีกสักพักเขาจะพาหญิงสาวไปส่งที่บ้านเอง
การวางตัวของปริตรทำให้ไม่มีใครสงสัยอะไรเพราะตลอดเวลาทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มเอาใจใส่ปูนแป้งและดูแลหญิงสาวเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเพียงแต่เขาเป็นคนที่ออกจากเข้มงวดและไม่ค่อยพูดเท่านั้นเอง
และบ่อยครั้งที่เขามักจะเรียกให้ปูนแป้งมาเอาหนังสือเวลาที่หญิงสาวต้องทำรายงานหรือช่วงใกล้สอบที่ต้องหาหนังสืออ่านเสริมดังนั้นคำพูดของปริตรจึงมักไม่มีใครตีเจตนาไปในทางที่ไม่ดี
พี่ปริตรคะ
เสียงอุทานดังขึ้นด้วยความตกใจเมื่อถูกพามาที่บ้านของชายหนุ่มจริงๆและทันทีที่เข้ามาด้านในร่างบางก็ถูกกดให้นั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ก่อนที่เขาจะลากเบาะกลมมานั่งตรงหน้าเธอ
แป้งได้อ่านหรือเปล่า
ปริตรถามย้ำเหตุผลหนึ่งที่แน่ใจว่าจดหมายน่าจะถูกอ่านเพราะปูนแป้งเป็นคนที่พูดปดไม่เป็นเวลาที่จะพูดเลยมีอาการแปลกๆแสดงออกมาให้จับได้เสียทุกครั้งเหมือนตอนที่หญิงสาวบอกว่าไม่เห็นว่าเมฆากำลังทำอะไรกับเจ้าสาว แต่เขารู้ดีเลยว่าเธอต้องเห็นเพียงแต่จะมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น
แป้งมะ...
โกหก
ปริตรพูดขึ้นทั้งๆที่คำปฏิเสธยังหลุดออกจากปากหญิงสาวไม่กี่คำแต่ก็ทำให้ร่างเล็กๆสะดุ้งแล้วน้ำตาก็หยดลงมาบนร่องแก้มทันที
ทำไมพี่ปริตรต้องโกรธแป้งด้วย ก็แค่พี่จะไปทำงานทำไมต้องให้เป็นความลับ
หญิงสาวหลุดเสียงสะอื้นออกมาสองมือที่กำลังวางอยู่บนตักบีบกันแน่นแล้วนัยน์ตาตัดพ้อก็ทำให้ปริตรถึงกับพูดไม่ออก
พี่ปริตรโกหก ไหนบอกแป้งว่าจะไม่ไปไหนอีก
ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกเมื่อนึกถึงวันที่ไปส่งพี่ปริตรเรียนเมืองนอกน้องแป้งร้องไห้โฮจนคนที่กำลังจะเดินจากไปแทบเปลี่ยนใจ
อย่าร้องไห้
ปริตรจำได้ว่าเขาดุน้องแป้งทั้งๆที่สงสารเหลือเกิน
พี่ปริตรไม่ไปไม่ได้เหรอคะ
คำถามเจือสะอื้นนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำและเขาจำได้ดีว่าตัวเองยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับเธอก่อนจะย้ำว่า...เรียนจบมาเมื่อไหร่พี่ปริตรจะไม่ไปไหนพี่ปริตรจะอยู่กับน้องแป้งตลอดไป
พี่แค่ไปทำงาน
ปริตรบอก เขาสบตาหญิงสาวแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดัง
เวลาพี่อยู่แป้งก็คอยหลบหน้า พอพี่จะไปแทนที่จะดีใจกลับร้องไห้จะเอายังไงกันแน่
คำถามของชายหนุ่มถ้าคนอื่นมาได้ยินคงพากันตกใจเพราะน้อยครั้งที่เขาจะพูดอะไรยาวๆออกมาสักที แต่สำหรับปูนแป้งนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพียงแต่หญิงสาวไม่เคยสังเกตเท่านั้นเอง
ก็...
ปูนแป้งตอบไม่ถูกเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหตุผลที่รู้สึกเช่นนั้นริมฝีปากอิ่มเผยอค้างเพราะกำลังหาคำพูดที่จะอธิบายออกมาแต่เหมือนในหัวมันวุ่นวายเสียจนคิดอะไรมิออกเอาเสียเลย
และในตอนนั้นเองที่เธอถูกดึงเข้าไปกอด กลิ่นโคโลญ์อ่อนๆที่คุ้นเคยนัยน์ตาหวานหลุบลงเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวกดลงบนเปลือกตาเพื่อซับน้ำตาให้ โลกของเธอหยุดหมุนในฉับพลันเหลือเพียงไออุ่นที่โอบล้อมรอบกายกับคำพูดที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการจะพูดถึงเรื่องนี้อีก
กลับบ้าน พี่จะไปส่ง