เที่ยว ประจวบ พักตรี-ชวา รีสอร์ท คลองวาฬ
ไปวันเสาร์ที่ 20 ก.ค.56 กลับวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค.56
ทริปนี้ไปกับแฟน 2 คน พอดีหยุดวันเข้าพรรษายาว 4 วัน นึกขึ้นได้ว่าซื้อวอยเชอร์รีสอร์ท ตรี-ชวา ไว้ในงานท่องเที่ยวไทย ที่ศูนย์ประชุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.56 นี้เองครับ บอกว่าไปได้ทุกวันไม่มีชาร์ท ลองโทรไปก่อนหนึ่งอาทิตย์เหลือห้องว่าง 1 ห้องพอดี เห้อๆ เลยจองเลย (วอยเชอร์อายุ 2 ปี แฟนผมบอกจะรีบใช้ไปไหน 555) ว่าแล้วก็ไปเที่ยวด้วยกันครับ
ออกเดินทางจากบ้านนนทบุรีเวลา 08.00 น.พอดี เซ็ทไมล์ไว้ที่ 0 ก.ม.เหมือนเดิม ใช้เส้นทางเดิม จากบ้านออกกระทรวงสาธารณสุข ขึ้นสะพานพระราม 5 ตรงไปเลี้ยวซ้ายเช้าถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวขวาตรงแยกทางต่างระดับฉิมพลีเข้าวิ่งเส้นบรมราชินีแวะกินร้านต้มเลือดหมู เล้ง เจ้าประจำ (วิ่งตามป้ายไปนครปฐม) ถึงพุทธมณฑลสาย 4 เลี้ยวซ้ายแวะเติมน้ำมันปั๊มเอสโซ่เต็มถัง หลังจากนั้นยิ่งยาวถึงมหาชัย ขึ้นสะพานเลี้ยวขวาไปตรงตามทางพระราม 2 (ป้ายบอกไปเพชรบุรี) ถึงแยกวังมะนาวเลี้ยวซ้ายเข้าเพชรบุรี จากบ้านมาถึงปั๊มนำมัน ระยะทาง 22.8 กม.
จากพุทธมนฑล สาย 4 สี่แยกไฟแดงจะเยอะหน่อย ยิ่งใกล้ถึงมหาชัยรถใหญ่เพียบเลย แต่ผมก็ชอบขับเส้นนี้ดูมันใกล้ดี วิ่งไปเรื่อยๆพอเข้ามหาชัยฝนก็ตกปรอยๆตลอด จนมาถึงเพชรบุรี ตรงหน้าเขาวังเพชรเวลา 10.56 น.ระยะทาง 146 ก.ม. เป้าหมายแรกร้านขนมหวานแม่ปิ่น กะซื้อไปกินเล่นระหว่างอยู่รีสอร์ท เส้นทางถ้ามาจากเขาวังเพชรให้ขับตรงมาจะเจอสามแยกตัวทีเลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวซ้าย ให้ตรงมาเรื่อยๆ จะผ่านหลายแยกไม่ต้องสนใจ ตรงไปอย่างเดียว จนผ่านหน้าจวนผู้ว่า ด้านซ้ายจะเป็นทางรถไฟให้ข้ามสะพานตรงไปหน่อยจะเจอสามแยกตัววายเลี้ยวขวาไปนิดเดียวก็เจอร้านขนมหวานแม่ปิ่นแล้วครับ ร้านจะอยู่ทางขวามือ หาที่จอดรถยากหน่อยนะครับ จอดได้ตามข้างทางนั้นแหละ
คราวที่แล้วมาเที่ยวเพชรบุรี แวะซื้อไปกินติดใจ ทุกอย่างอร่อยหวาน มันกำลังดี คราวนี้เลยมาอุดหนุนอีกครั้ง
ซื้อขนมเสร็จ เป้าหมายต่อไป ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ๊กเม้ง ร้านจะอยู่หลังจวนผู้ว่า ตรงวงเวียนน้ำผุ เป็นร้านดั้งเดิมร้านนี้มีสองร้าน อีกร้านอยู่หน้าเขาวังใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ณาณา ผมกินร้านดั่งเดิมหลังจวนผู้ว่าครับ
ผมมาถึงร้านประมาณห้าโมงเข้า ลูกค้าเกือบเต็มโต๊ะแล้วครับ ได้ที่นั่งก็สั่งก๋วยเตี๋ยวไป ของผมหมื่ขาวแห้งกับเกาเหลาทุกอย่าง ส่วนแฟนผมไวไวน้ำไม่เอาเครื่องใน รสชาติเด็ดขาดสมคำเล่าลือครับ ถ้าใส่ซ๊อสพริกไปด้วยจะเด็ดขาดมากกว่านี้ แต่กลิ่นเนื้อแรงมาก
อิ่มเสร็จก็ได้เวลาเดินทางต่อ ผมออกจากร้านเจ๊กเม้งเวลา 11.38 น.ระยะทาง 147 ก.ม.ออกเพชรได้ก็ขับเฉิ่มๆไปเรื่อย 80-90 ก.ม./ชม. วิ่งเส้นเลี่ยงเมืองไม่เข้าชะอำหัวหิน ฝนตกปรอยๆตลอด ไม่ได้แวะไหนจะผ่านปราณบุรี-สามร้อยยอด-กุยบุรี จนมาถึงแยกประจวบ เวลา 13.50 น.ระยะทาง 306 ก.ม. เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองประจวบตอนแรกว่าจะแวะขึ้นไปบนเขาช่องกระจกแต่ฝนตกเลยขับไปวนเล่นก็ยังดี ถึงสี่แยกขับเลี้ยวซ้ายผ่านเขาช่องกระจก ขับข้ามสะพานก็มาถึงตรงนี้ก็วนกลับแล้วครับ
วันนี้ท้องฟ้ามัวๆ แต่คลื่นสงบดี
ตอนแรกว่าจะนั่งเล่นแถวนี้ก่อนแต่เจอฟ้ามัวๆ เข้าที่พักเลยดีกว่า ขับกลับเส้นทางเดิม ผ่านศาลหลักเมืองแวะไหว้เอาฤกษ์เอาขัยหน่อยครับ กันหลงเอาแผนที่มาให้ดูครับ
ผมมาถึง ตรี-ชวา รีสอร์ท เวลา 14.30 น.ระยะทาง 320 ก.ม. เป็นรีสอร์ทเพิ่งสร้างประมาณหนึ่งปี ยังใหม่อยู่เลยครับ ตรีชวารีสอร์ท เป็นรีสอร์ทขนาดเล็กติดทะเลพื้นที่ภายในมีการตกแต่งที่สวยงาม และสวนหย่อมจัดแต่งอย่างสวยงามและที่ร่มรื่นออกแบบโดยอาจารย์เอื้อมพร วีสมหมาย รีสอร์ทมีห้องทั้งหมด 27 ห้อง แบ่งเป็นห้องซูพีเรียร์ ทั้งหมด 22 ห้อง อยู่ในอาคาร 2 ชั้น และห้องแบบการ์เด้นวิลล่า 3 ห้องเป็นรูปแบบอาคารชั้นเดียว และห้องพูลสวีททั้ง 2 ห้องที่มีสระว่ายน้ำริมระเบียงส่วนตัว ที่สามารถมองเห็นวิวะเลของชายหาดคลองวาฬได้อย่างชัดเจน
ตัวรีสอร์ทจะอยู่ทางซ้ายมือ ที่จอดรถข้างหน้าเลยครับ เดินเข้าไปก็จะเจอแผนกต้อนรับ จะมีน้ำลิ้นจี่มาต้อนรับหวานเย็นชื่นใจ ผมจิบไปหน่อยนึกขึ้นได้ว่าจะถ่ายรูปเดินไปเอากล้องที่รถ กลับมาพนักงานเก็บแก้วไปแล้ว อดถ่ายเลยน้ำก็ดื่มยังไม่หมดแก้ว เสียดายอ่ะ 555 จะรีบเก็บไปไหน หน้าแผนกประชาสัมพันธ์
พนักงานที่นี้น่ารักมากเลยครับ บริการดีทุกคน หลังจากติดต่อเสร็จ น้องเค้าก็ให้มาหมุนวงล้อชิงโชค ผมได้ลดค่าอาหาร 10 % แต่ผมไม่ได้ใช้บริการครับ หลังจากนั้นก็เข้าห้องพัก ทางเดินจะอยู่ตรงกลาง ส่วนที่พักจะปลูกสองข้างหันหน้าเข้าหาทางเดิน ยาวไปสุดชายหาด ทางเดินร่มรื่นดีครับ
ผมพักที่ห้องห้องซูพีเรียร์ (Superior room) มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 35 ตารางเมตร ภายในห้องพักถูกตกแต่งอย่างเรียบหรู มีระเบียงกว้างพร้อมโซฟาขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ผมได้ห้องพัก 209 ชั้นสองเดินขึ้นไปนิดเดียวเอง
ภายในห้องจะมีเตียงเดี่ยว ผ้าปูที่นอนเรียบง่ายแต่สะอาดมาก พร้อมโซฟาให้นั่งเล่นนอนเล่นข้างเตียงอีก 1 ชุด ห้องไม่มีกลิ่นอับใดๆ แอบหอมนิดหน่อย
หน้าโซฟาจะมีโต๊ะกระจกแต่งตัวสำหรับสาวๆ
ปลายเตียงจะมีทีวี-เครื่องเล่นดีวีดี วางบนเค้าเตอร์ยาวโล่งไว้สำหรับวางของทั่วไป จะอยู่ติดผนังกลางห้อง
ถัดไปทางซ้ายติดประตูจะเป็นชั้นวางกระเป๋า มีมินิบาร์และตู้เย็น มีน้ำเปล่าให้ 2 ขวดตามมาตรฐาน เลยมาอีกหน่อยจะเป็นตู้เสื้อผ้า
ห้องน้ำจะอยู่หน้าประตูด้านขวามือ เข้าไปจะเป็นซิงค์ล้างหน้า มีไดร์เป่าผม สุขภัณฑ์ชักโครกจะอยู่ข้างซิงค์ล้างหน้า ไม่มีสายชำระให้แอบเคืองนิดหน่อย ที่อาบน้ำอยู่ขวามือจะเป็นประตูห้องกระจกกั้น เครื่องทำน้ำอุ่นใช้ได้ดี น้ำแรงดีครับ แอร์ก็เย็นฉ่ำไม่มีเสียงดัง เงียบมาก
ภายในห้องจะเป็นกระจกบานเลื่อน ไว้มองวิว แต่วิวไม่สวยอ่ะ
เดินออกไปจะเป็นระเบียง มีโซฟาไว้ให้นั่งเล่น ผมชอบมุมนี้มาก สามารถใช้ได้จริง นั่งเล่น นอนเล่นสบายมาก
มาดูภายในรีสอร์ทกันบ้าง สระว่ายน้ำจะอยู่เกือบหน้าหาด เป็นสระระบบน้ำเกลือ ขนาด 13x5x1.3 เมตร เปิดบริการตั้งแต่ 08.00 น. - 20.00 น. ผมไม่ได้ใช้บริการ จากสระว่ายน้ำเดินไปหน่อยก็จะเป็นชายหาดแล้วครับ ส่วนทางด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้องอาหารของรีสอร์ท ด้านในจะเป็นห้องแอร์ ส่วนด้านหน้าเป็น Open Air โล่งโปร่งสบาย รับลมติดชายหาด
หน้าชายหาดที่รีสอร์ทกำลังทำถนนหรือทำเขื่อนกันอยู่ ไม่เห็นคนเล่นน้ำทะเลเห็นแต่น้องหมาอ่ะ
ผมนั่งเล่น นอนเล่นที่รีสอร์ทถึงสี่โมงเย็นก็ขับรถไปเที่ยวที่อ่าวมะนาว (ฝนตกปรอยๆตลอดวันเลยครับ) ออกจากรีสอร์ทไปทางขวาผ่านตลาดคลองวาฬ เจอร้านขนมจีนข้างทางตรงตลาดสด แฟนเห็นบอกจอดเลยอยากกิน
ขนมจีนเป็นร้านรถเข็นเล็กๆ แต่รสชาติไม่เล็กเลยครับ ผมเป็นคนไม่ชอบกินขนมจีนลองชิมของแฟนไปหนึ่งคำ เลยต้องสั่งน้ำพริกผสมน้ำยามากิน 1 ชาม
ผักเครื่องเคียงเยอะมาก หยิบได้ตามใจชอบ
อิ่มเสร็จขับไปที่อ่าวมะนาวต่อ ส่วนตัวเมืองคลองวาฬ เป็นเมืองเล็กๆ แต่น่ารักดี ไว้ตอนเช้าค่อยมาเดินเล่นที่ในตลาด อ่าวมะนาว.. จะอยู่ในส่วนของกองทัพอากาศ กองบิน 5 มีที่พักและกิจกรรมต่างๆ ใครสนใจเข้าไปดูในเวป คลิ๊กเลยจ้าอ่าวมะนาวดูรูปสวยๆในเวปนี้ครับ คลิ๊กเลยจ้า
อ่าวมะนาวช่วงที่ผมไปฝนยังตกอยู่ เป็นชายหาดยาว สะอาดเพราะอยู่ในส่วนของเขตทหาร ถ้าเป็นหน้าร้อนคิดว่าน้ำทะเลคงจะใสสะอาดน่าเล่นมากกว่านี้ ถ้าใครยังไม่รู้จะไปไหนแนะนำมาเที่ยวอ่าวมะนาว ร้านอาหารการกินสะดวกราคาคิดว่าไม่น่าจะแพง (พอดีผมไม่ได้อุดหนุนนะครับ) อ่าวมะนาว ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่กองบิน 5 กองทัพอากาศ (เดิมใช้ชื่อ กองบิน 53 แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อกลับไปเป็น กองบิน 5 ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2552 ที่ผ่านมาแล้วครับ)ซึ่งในเขตพื้นที่นี้เองได้เคยมีวีรชนคนกล้าทั้งพลเรือนและทหารสละชีพเข้าต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นที่ทำการยกพลขึ้นบก ณ บริเวณอ่าวมะนาวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และคุณงามความดีของเหล่าวีรชนผู้พลีชีพเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้นก็ยังคงได้รับการบันทึกเพื่อการรำลึกผ่านกาลเวลาเอาไว้ในงานประติมากรรม แท่งหินประวัติศาสตร์ และ อนุสาวรีย์วีรชน 8 ธ.ค. 2484 ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตกองบิน 5 นี้เอง ใครที่อยากให้บุตรหลานได้เรียนรู้เศษเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจหลังจากแวะสักการะอนุสาวรีย์วีรชนฯแล้วลองแวะเข้าไปชม อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5 ดู (จากประตูทางเข้ากองบิน 5 ด้านทิศเหนือให้ขับรถมาตามป้ายบอกทางสู่อ่าวมะนาวมาเรื่อย ๆ จะพบป้ายบอกทางไปอุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5 อยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงอ่าวมะนาว ให้เลี้ยวซ้ายไปตามแยกดังกล่าวครับ)อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5 นี้ประกอบด้วยอาคารนิทรรศการ 2 หลัง ภายในอาคารมีการจัดแสดงแสง สี เสียง รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ได้รับชมกัน ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาทเท่านั้น (ปกติอุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5 จะเปิดให้เข้าชมได้เฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ตั้งแต่เวลา 9.00 15.00 น.เท่านั้น กรณีต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะสามารถติดต่อกองบิน 5 เพื่อขอเข้าชมในเวลาราชการได้ครับ)
ส่วนเรื่องที่จอดรถ มีลานจอดรองรับได้เยอะมากไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่จอดครับ พวกกิจกรรมจะอยู่อีกฝั่งยาวไปตามถนน จะมีกิจกรรมพวกยิงธนู ขับรถ ATV ขี่ม้า มีร้านอาหารคาวบอยและกิจกรรมอื่นๆให้ได้เล่น
ในส่วนของอ่าวมะมาวเลยอาคารที่พักไปหน่อยจะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาเข้าไปอุทยานประวัติศาสตร์ ขับเลาะตามริมทะเลเข้าไปเลยครับ ขับไม่ยากไม่หลงประมาณ 5 ก.ม. (ถ้าตรงไปก็ไปประจวบ) แวะเข้าไปชมที่อุทยาน
ผมไปเย็นแล้วครับ นักท่องเที่ยวไม่มีเลย ในส่วนเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์เลยปิดหมดแล้ว ได้แต่ชมภายนอกของตัวอาคาร
ตัวอาคารทาสีฟ้าใหม่ สีสันสดใส
อุทยานประวัติศาสตร์จะติดชายหาด จะมองเห็นตัวเมืองประจวบ
ซูมหน่อยจะเห็นเขาช่องกระจก
ขากลับเจอ ค่างแว่นเจ้าถิ่นขวางทางเลยต้องจอดทักทายกันหน่อย
ค่างแว่นถิ่นใต้ มีสีสันได้หลายแบบ ช่วงบนอาจมีสีน้ำตาล เทา หรือดำ ส่วนช่วงล่าง ขาหลัง และหางสีเทาอ่อน ใบหน้าสีเทา รอบปากสีขาว มักมีแต้มขาวรอบดวงตาเหมือนใส่แว่น ความยาวหัว-ลำตัว 42-61 เซนติเมตร หางยาว 50-85 เซนติเมตร แต่ความยาวหางแต่ละตัวก็ต่างกัน บางตัวสั้นไม่มีขนหาง บางตัวหางยาวและขนหางแน่น ตัวผู้และตัวเมียคล้ายกัน แต่ตัวผู้ตัวใหญ่กว่าและหนักกว่าเล็กน้อย น้ำหนักเฉลี่ยของตัวผู้ 7.4 กิโลกรัม ส่วนตัวเมีย 6.5 กิโลกรัม มือและตีนใช้ยึดจับสิ่งของต่าง ๆ ได้เกือบเหมือนมนุษย์ อุ้งมือและอุ้งตีนสีดำไม่มีขน ข้อมูลจากเวป คลิ๊กเลยจ้า
ค่างแว่นน่ารักมากไม่ซนเลยครับ ให้อาหารได้ แต่ไม่แย่งกัน เวลาวางอาหารไว้ก็ไม่ได้เข้ากิน ต้องให้กับมือถึงจะหยิบไปกิน ประทับใจมาก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปให้อาหารได้แต่ห้ามอาหารประเภท ถั่วฝักยาว แตงโม แตงกวา เพราะเป็นอันตรายต่อค่างแว่น
ที่อุทยานประวัติศาสตร์ จะมีเขาล้อมหมวกอยู่ในอุทยาน ซื่งเราสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวสามารถมองเห็นได้ทั้งสองหาด ใครชอบแนวแอดเวนเจอร์ก็มาลุยกันได้เลย แต่ต้องมาเช้าๆหน่อย จะได้ไม่ร้อน คลิ๊กเลยจ้า
ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์ก็วิ่งออกจากกองบิน 5 เลี้ยวขวาวิ่งเลาะริมชายหาดไปเรื่อยๆจะถึงสะพานปลา วันนี้วันเสาร์มีงานถนนคนเดิน ผมจอดรถได้ก็ลงไปเดินเล่นก่อนครับ (ระหว่างวิ่งเลาะชายหาด มีร้านอาหารหลายร้าน ที่พักกำลังสร้างใหม่ก็เยอะเหมือนกัน)
ถนนคนเดินวันเสาร์ อยู่ติดชายหาด เค้าจะปิดถนนให้มาขายของกินของใช้ให้เลือกเยอะ เดินไปก็เพลินดี ประชาชนก็มาเดินกันเยอะ ขนาดฝนตกคนยังเยอะมาก
เดินได้ซักพักก็ขับมากินข้าวร้าน ลุงหมึก-ป้าหลอด ซีฟูด จะอยู่ก่อนถนนคนเดิน ขับเลาะชายหาดมาก็เห็นเองครับ
อาหารที่ผมสั่ง จานแรก ปลาหมึกแดดเดียว ปลาหมึกสด เหนียวหนึบ แต่รสชาติจะออกหวานหน่อยๆ อร่อยใช้ได้ ตามด้วย กุ้งผัดสะตอ เคยเจอแต่ผัดแบบแห้งๆ แต่เจ้านี้น้ำมาเต็มจานเลย นึกว่าไม่อร่อยแต่พอชิมไป รสชาติกลมกล่อม หอมพริกแกง กุ้งให้ตัวใหญ่มาก ตักสะตอใส่น้ำแกงคลุกข้าวสวยร้อนๆ จานนี้อร่อยมากเอาไปเต็มห้าดาวเลยครับ จานต่อไปหอยแมลงภู่อบ หอยกำลังดีตัวไม่ใหญ่มาก ที่สำคัญสดไม่เหม็นโคลน จิ้มกับน้ำจิ่มซ๊ฟูด แจ่ม กุ้งอบวุ้นเส้น จานนี้แฟนผมบอกว่าจืด ยังไม่ค่อยโดน แต่กุ้งให้มาตัวใหญ่มาก กินไม่หมดครับ ต้องเอาใส่ถุงกลับ ส่วนผมไม่ได้ชิมจานนี้
ปลากะพงนึงซีอิ๊ว ปลาสดมาก เนื้อหวาน น้ำซีอิ้ว เครื่องปรุงผสมลงตัว ผมกับแฟนกินเปล่าๆจนหมดทั้งตัวเลยครับ เมนูนี้ห้ามพลาด กุ้งลายเสืออบเนย ตัวใหญ่มากเนื้อแน่ เคี้ยวหนึบๆเลย ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย แถมมันกุ้งเอามาคลุกข้าวจานนี้ให้เต็มอีกจานครับ
ร้านนี้ควรไปประมาณห้าโมงเย็น ถ้าหลังจากนั้นลูกค้าจะเยอะมากต้องมารอโต๊ะ แต่อาหารไม่ต้องรอนานครับ สั่งไปหกอย่าง ราคาไม่แพง แถมรสชาติอร่อยถูกปากใครไปประจวบแวะไปอุดหนุนได้เลย
ร้านป้าเค้าจะติดถนน เลยไปอีกหน่อยจะมีอีกร้าน คนแน่นร้านเหมือนกันครับ
รูปนี้ร้านป้าเค้านะครับ หน้าร้านจะเป็นแบบนี้
หลังจากอิ่มแล้วก็ขับกลับเข้ารีสอร์ท ผมมาถึงรีสอร์ทเวลา 19.45 น.ระยะทางทั้งหมด 344 ก.ม.ขึ้นห้องได้ก็หลับสนิท ก่อนนอนเอาแผนที่ในประจวบมาให้ดู ยังไงก็ไม่หลงแน่ครับ
ตัดมาตอนเช้า ตื่นมาก็นอนเล่นต่อในห้องนั้นแหละครับ สายๆหน่อยก็ลงมากินอาหารเช้า (ราคาที่พักรวมอาหารเช้า) เป็นบุฟเฟ่ต์ มีไลน์ข้าวต้ม ออมเล็ต ขนมปังไส้กรอกแฮม ซีเรียล มีให้เลือกไม่ค่อยเยอะ คุณภาพระดับกลางๆพอกินได้ไม่ถึงกับแย่มาก
กินเสร็จก็ขับรถไปสำรวจตัวเมืองคลองวาฬ เป็นเมืองเล็กๆไม่ใหญ่ครับแต่บรรยากาศดีมาก
เดินชมตัวเมืองไม่นานแฟนผมอยากไปดูสะพานปลา ที่ประจวบ กะซื้อพวกอาหารทะเลกลับบ้าน ผมมาถึงสะพานปลาเวลา 9.30 น. ไมล์ 354 ก.ม.
เช้าๆกับบรรยากาศสะพานปลา ประจวบ ฯ
ช่วงที่ผมไปมีผู้ปกครองพาเด็กๆมาเที่ยวกันเยอะเหมือนกัน ก่อนเข้าชมต้องซื้อบัตรเข้าชมที่แผนกประชาสัมพันธ์อยู่ข้างหน้าก่อนเลยครับ
ค่าบัตรเข้าชมคนละ 20 บาท มีบัตรก็เดินขึ้นไปชั้นบนเลยครับ จะจัดเป็นโซนๆเดินตามทางบังคับ จะไปลงอีกทางไม่ต้องย้อนกลับมาทางเดิม
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ มีทั้งหมด 6 โซน ผมว่าเค้าจัดได้น่าสนใจเลยทีเดียว ถ้าใครไปเที่ยวประจวบแนะนำแวะเข้าไปเที่ยวได้เลยครับ
อาคารดาราศาสตร์ เป็นอาคาร 3 หลังเชื่อมต่อกัน คือ อาคารพันทิวาทิต พันพินิจจันทรา ดาราทัศนีย์ มีฐานการเรียนรู้ 11 ฐาน ได้แก่ บันทึกเกียรติยศ, โลกอนาคต, เทคโนโลยีเพื่ออาชีพ, โลกของเด็ก, ฟากฟ้า ณ หว้ากอ, พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย, มนุษย์กับดวงดาว, พระมหากษัตริย์ราชวงศ์ไทยกับดาราศาสตร์, รวมใจชาวประจวบ, ความเป็นไปในจักรวาล และเทคโนโลยีอากาศและเอกภพ
บอกตรงๆเลยครับ ผมเดินไม่ทั่ว ใจอยากจะไปถ่ายรูปที่สวนผีเสื้อ แต่ภายในอาคารจัดได้น่าชมมาก ใครชอบดูดาวแนะนำ คุณเข้าไปต้องชอบแน่ๆ ออกมาจากอาคารดาราศาสตร์ได้ก็ขับตรงไป จะมีทางแยกเลี้ยวขวาจะเป็นทางออก เราตรงไปจนสุดถนนจะเป็นค่ายพักแรมของทางอุทยาน จะมีป้อมยามเราเลี้ยวขวาไปนิดเดียวก็จะเป็นสวนผีเสื้อแล้วครับ สำหรับผู้สนใจกิจกรรมค่ายพักแรมทางอุทยานมีการจัด กิจกรรมค่ายหว้ากอ เช่น ค่ายวิทยาศาสตร์ ค่ายสิ่งแวดล้อม ค่ายสอนน้องดูดาว ค่ายปักษี ค่ายสำหรับเด็กพิการ ค่ายอนุรักษ์พลังงาน มีกิจกรรมต่างๆมากมาย เช่น ดูนก ดูดาว Walk Rally กิจกรรมชายหาด กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ รวมทั้งยังมีที่พักรองรับได้ประมาณ 120-200 คนและเต็นท์พักแรมไว้คอยบริการ โดยผู้ที่สนใจสามารถจองค่ายและสอบถามเพิ่มได้ที่ งานการตลาด โทร. 0 3266 1098, 0 3266 1726, 0 3266 1104 ในวันและเวลาราชการ
ผิดหวังกับสวนผีเสื้อครับ ข้างหน้าดูดีมาก แต่พอเข้าไปต้นไม้รก ปล่อยให้ร้างซะงั้น ข้างบนตาข่ายก็ขาดผีเสื้อไม่เห็นซักตัว ถ้ามีงบประมาณอยากให้เข้ามาดูและปรับปรุงให้สวยงาม น่าสนใจเหมือนเดิมอ่ะ เสร็จแล้วน่าจะเป็นสถานที่เที่ยวได้อีกที่
เวลา 13.18 น.ระยะทาง 370 ก.ม. ออกเดินทางมาถึงแยกปากน้ำปราณบุรี เวลา 14.30 น.ระยะทาง 460 ก.ม. จุดหมายคือมาหาร้านอาหารแถวปากน้ำปราณกินครับ แต่ยังไม่รู้จะกินร้านไหนดี ขับวนๆเจอร้านหลายร้าน ร้านดังๆทั้งนั้นเลือกไม่ถูก 555 ขับเลาะมาทางชายหาดแฟนบอกเอาร้านนี้แหละ ครัวแจ๋ว หิวแล้ว ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไร จบครับ อิอิ
สั่งไป 5 อย่าง จานแรก ปูผัดผงกระหรี่ จานนี้รสเข้มข้นกลมกล่อมใช้ได้เลย เนื้อปูให้มาเป็นก้อนๆ เมนูโปรดถูกปากผม
จานที่สอง ข้าวขยำปู จานนี้เค็มไปนิด แต่แฟนผมชอบ ส่วนผมเฉยๆ เค้าจะเอาข้าวกับเนื้อปูมาคลุกกัน ผมก็ไม่รู้ว่าทำยังไงแต่เห็นเป็นเมนูแนะนำของร้านเหมือนกัน
จานที่สาม หมึกแดดเดียว รสชาติอร่อยกว่าร้านเมื่อวาน แต่ความสดเท่ากัน
จานที่สี่ ปลากระพงทอดน้ำปลา จานนี้เด็ด ทอดกรอบกำลังดี น้ำราดไม่เค็มมากออกหวานนิดๆ จานนี้กินเกลี้ยง
จานสุดท้าย ต้มส้มปลากระบอก รสเข้มข้น แฟนผมซดแต่น้ำเหลือปลาให้ผมกินคนเดียว เสร็จโจร อิอิ
สั่งลูกตาลลอยแก้วมาล้างปากหนึ่งถ้วย ช้อนสอง อิ่มสนิท
ทั้งหมด 1,130 บาท ลูกตาลลอยแก้วต่างหาก 35 บาท ราคาสูงกว่าที่ประจวบ ฯ แต่ถ้าเทียบกับหัวหิน ถือว่าถูกกว่าครับ
ผมออกจากร้านครัวแจ๋ว เวลา 16.00 น.ระยะทาง 474 ก.ม.ขับเข้าเส้นบายพาส เข้าราชบุรีแวะซื้อของนิดหน่อย มาถึงบ้านที่นนท์ เวลา 20.42 น.ระยะทาง 751 ก.ม.น้ำมันก็เหลือเท่าที่เห็นนั้นแหละครับ สรุป ทริปนี้ 2 วัน 1 คืน เที่ยวประจวบ นอนคลองวาฬ รวมระยะทางทั้งหมด 751.2 ก.ม. ค่าใช้จ่ายวันแรก - ค่าที่พัก 1,950 บาท - อาหารเช้า ข้าวต้มเลือดหมู 140 บาท - เติมน้ำมัน 1,560 บาท (ลิตรละ 29.99 บาทจำนวน 52 ลิตร) - ดอกเกลือ แถวสมุทรสงคราม 40 บาท (2 ถุง) - ขนมแม่ปิ่น 590 บาท - อาหารกลางวัน ก๋วยเตี๋ยวเจ๊กเม้ง 107 บาท - ซื้อของกินเล่นตอนเย็นถนนคนเดิน 140 บาท - อาหารมื้อเย็น ร้านลุงหมึก-ป้าหลอด 1,060 บาท วันที่สอง - ค่าเข้าชมอุทยาน 40 บาท (คนละ 20 บาท) - ค่าอาหารร้าน ครัวแจ๋ว 1,165 บาท - ซื้อของที่ราชบุรี ดินขุยไผ่ 51 ถุง 300 บาท - มะนาว-กระชาย 195 บาท รวมยอดทั้งหมด 7,278 บาท
Create Date : 07 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2561 12:53:59 น. |
|
19 comments
|
Counter : 67400 Pageviews. |
|
|
Waghor Aquarium
ประวัติความเป็นมา พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ
เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดตั้งตามแผนหลักของโครงการ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ธรรมชาติวิทยา และสิ่งแวดล้อม สำหรับเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ทั้งในและนอกระบบโรงเรียนรวมทั้งประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
โดยมุ่งเน้นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และการศึกษาด้วยตนเองจากนิทรรศการและกิจกรรมหลายๆ รูปแบบ โดยมีพื้นที่จัดแสดงทั้งหมดประมาณ 3,600 ตารางเมตร
ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่หลากหลายสมจริงตามระบบนิเวศวิทยาของแหล่งน้ำต่าง ๆ ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำทะเลมีสื่อบรรยายความรู้ไว้บริการผู้ชมสามารถศึกษาหาความรู้ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ ทั้งสาระความรู้และความเพลิดเพลินด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
โดยผู้เข้าชมสามารถมีส่วนร่วมและสัมผัสได้อีกทั้งยังนำไปสู่การเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์ต่อการใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
นิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ
สัมผัสกับมหัศจรรย์โลกใต้น้ำความสวยงามของสัตว์น้ำหลากหลายชนิดทั้งน้ำจืด และน้ำเค็ม โดยการจัดแบ่งพื้นที่จัดแสดงเป็น 6 ส่วน ได้แก่
โซนที่ 1 อัศจรรย์โลกสีคราม
(The miraculous underwater world)
จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการกำเนิดโลก กำเนิดสิ่งมีชีวิต ทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง อีกทั้งวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก
โซนที่ 2 จากขุนเขาสู่สายน้ำ
(From great mountains to streams)
เป็นส่วนที่นำเสนอโดยการจำลองบรรยากาศเกี่ยวกับชนิด และระบบนิเวศแหล่งต้นน้ำ ป่าต้นน้ำ และแนวทางอนุรักษ์ อีกทั้งจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์
โซนที่ 3 สีสันแห่งท้องทะเล
(The colorful sea)
เป็นการจำลองระบบนิเวศป่าชายเลน หาดทราย หาดหิน และหุ่นจำลองของสัตว์ต่างๆ ในระบบนิเวศ ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตสัตว์น้ำตามถิ่นอาศัยตามระบบนิเวศน้ำจืด กร่อย และทะเล ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ แนวปะการัง
โซนที่ 4 เปิดโลกใต้ทะเล
(Underwater world disclosure)
นำผู้ชมเข้าสู่จินตนาการโลกใต้ท้องทะเลไทย ชมชีวิตสัตว์ขนาดต่างๆ โดยเฉพาะที่มีขนาดใหญ่ในถิ่นอาศัยใต้ทะเล พร้อมทั้งชมโชว์นักประดาน้ำให้อาหารสัตว์น้ำ
โซนที่ 5 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
(Aquatic animals specimens Museum)
จัดแสดงตัวอย่างสัตว์น้ำที่เก็บรวบรวมไว้มากกว่าร้อยชนิด พร้อมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังชนิดต่างๆ ทั้งหมด 6 กลุ่ม
โซนที่ 6 กิจกรรมบทปฏิบัติการ
(Activities Visitors can)
เชิญพบกับบ่อแสดงสัตว์น้ำ ที่ผู้เข้าชมสามารถชมกับสัตว์น้ำได้อย่างใกล้ชิด จัดแสดงทั้งสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น เต่าทะเล ดาวทะเล ปลิงทะเล และหอยมือเสือ พร้อมยังมีบริการคอมพิวเตอร์ประเมินผลโดยเป็นการทดสอบความรู้ความเข้าใจจากการเข้าชมนิทรรศการของตัวท่านเอง
เวลาเปิดให้บริการ
เปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ
ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
การแสดงโชว์พิเศษ
ชมโชว์นักประดาน้ำให้อาหารปลาทุกวัน
ภายในอุโมงค์ปลา เวลา 11.00 น.
บิ๊กแท็งก์ เวลา 14.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
เด็ก 10 บาท(สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร), ผู้ใหญ่ 20 บาท
ยกเว้นค่าเข้าชม
พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ต่างๆ
สำหรับกรณีการเข้าชมเป็นหมู่คณะ เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ ชมรม บริษัท หรือสมาคมต่างๆ ที่เป็นการเข้าชมซึ่งมีความต้องการวิทยากรนำชม โปรดทำหนังสือแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
โดยส่งถึง
ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เลขที่ 181 หมู่ 4 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77000
โทรสาร. 0-3266-1727
สอบถามการได้รับโทรสารที่ 0-3266-1098 หรือ 0-3266-1726 ต่อ 125
สถานที่ตั้ง : แผนที่การเดินทาง
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ
ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยรถโดยสารประจำทาง
จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี (ถนนบรมราชชนนี) มีบริการรถโดยสารสายกรุงเทพฯ ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประจำทุกวัน โดยสามารถเลือกเดินทางได้ทั้งรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 และรถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ โทร. 0-2434-7192 หรือ 0-2435-1195 แล้วเดินทางต่อไปยังอุทยานฯ โดยรถจักรยานยนต์รับจ้าง
โดยรถไฟ
สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) หรือสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) โดยมีบริการรถไฟไปประจวบคีรีขันธ์ทุกวัน สามารถลงรถไฟได้ที่ สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ แล้วเดินทางไปโดยรถจักรยานยนต์รับจ้าง หรือสถานีรถไฟหว้ากอ
สอบถามรายละเอียดติดต่อ หน่วยบริการเดินทางรถไฟแห่งประเทศไทย
สถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) โทร. 0-2223-7010 , 0-2223-7020
สถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) โทร. 0-2411-0102
สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0-3261-1175
โดยรถส่วนบุคคล สามารถเลือกเดินทางได้ 2 เส้นทางคือ
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายปิ่นเกล้า-นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
การเดินทางเข้าสู่อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ทำได้โดยขับรถไปตามถนนเพชรเกษม จากสี่แยกประจวบฯ ลงไปทางใต้ อีกประมาณ 16 กิโลเมตร จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 335 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านหว้าโทน ขับตามทางเข้ามาอีกประมาณ 3.5 กิโลเมตร และข้ามทางรถไฟเข้าสู่อุทยานฯ หรือ จากสี่แยกประจวบฯ หลักกิโลเมตรที่ 323 เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองประจวบฯ ขับรถตามถนนสละชีพ ผ่านกองบิน 5 (อ่าวมะนาว) จนถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ (แยกไฟแดงคลองวาฬ) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่หมู่บ้านคลองวาฬ ขับรถตามทางจนถึงอุทยานฯ (เส้นทางจากกองบิน 5 อุทยานฯ ประมาณ 10 กม.)
ติดต่อ : เบอร์โทรศัพท์
ส่วนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โทร. 0-3266-1098 ต่อ 130, 131 และ 132
ที่มาข้อมูล : พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ
ภาพโดย : aquariumthailand.com
Categories: สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ในประเทศไทย
Tags: Waghor Aquarium, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ประจวบคีรีขันธ์, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ, ภาคกลาง, หว้ากอ, อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ
ข้อมูลจากเวป //www.aquariumthailand.com คลิ๊กเลย