Life In USA-3 ตอนมาดามฟราย เทคโอเวอร์ครัวฝรั่ง

หลังจากที่ไปเดินที่วอลมาร์ทหลายครั้ง คำนวณราคา เนื้อสัตว์ ผักและเครื่องปรุงต่างๆ ถ้ามาดามแค่ทำอาหารกินเองได้ ต้นทุนจะต่ำกว่าซื้ออาหารจากร้านอาหารหรือจากห้างนี้ก็จะทำให้ประหยัดได้กว่าครึ่ง  และแน่นอนว่ามาดามจำต้อง ทรานส์ฟอร์มเป็นศรีภรรยา มีหน้าที่ทำอาหารให้เราทั้งสองกินแต่ตอนนั้นยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรกิน…แค่ซื้อ ๆ ไปก่อน ได้ผักมาสองสามอย่าง กับ เนื้อหมู

มาดามขอออกตัวก่อนนะคะว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านเรื่องอาหารการกิน อยู่บ้านก็มีพี่สาวเป็นคนทำอาหาร พอเรียนจบทำงาน  มาดามฝากชีวิตไว้กับแม่ครัวของบริษัทบางบริษัทไม่มีแม่ครัว มาดามก็ต้องพึ่งพา คุณแม่บ้านบ้าง รปภ.หรือก็คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั่นเอง ซึ่งนอกจากพวกเขาจะมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบริษัทฯและอารักขา ขาโจ๋ อย่างมาดามแล้ว พวกเขายังต้องคอยวิ่งหาอาหารมาประเคนทุกเย็น เพราะมาดามเป็นพวก “บ้างาน”ฝรั่งเรียกมนุษย์ประเภทนี้ว่า Workaholic มาดามจะไม่ลุกจากเก้าอี้ไปไหนหลังเลิกงาน ในขณะที่พวกผจก. ผช. ผจก. ฝ่ายอื่น ๆ จะไปรวมตัวกันสังสรรค์ที่สโมสรเพื่อบริโภคมื้อค่ำที่มีแม่ครัว “ฝีปากเอก” (เน้น...ฝีปากนะคะ ไม่ใช่ฝีมือ..เฮ่อ ๆ) จัดไว้ให้ แล้วก็กลับหอพักไปนอนกัน ส่วนมาดามก็นั่งทำงานต่อไปยันเที่ยงคืนโน่น…

แต่พอลาออกจากงานมาดูแลร้านของตัวเอง มาดามก็เริ่มพึ่งพาอาหารนอกบ้านที่ตลาดสดห่างจากบ้านประมาณสองร้อยเมตร มีคนขายอาหารมากมาย ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นมาดามมักจะปิดร้านและไปซื้ออาหารช่วงบ่ายสี่โมง สัปดาห์ละครั้ง...(ขี้เกียจไปบ่อย) ซื้อมาเยอะ ๆ เก็บแช่ในตู้เย็นเมื่อต้องการจะกินก็เพียงแค่อุ่นด้วยไมโครเวฟรายการอาหารที่มาดามซื้อประจำเป็นประเภทที่ (คิดเอาว่า) ไม่มีไขมันมาก เช่น แกงส้ม แกงจืด แกงเลียง ต้มจับฉ่าย กระเพาะปลา แกงไตปลา ผัดผัก ผัดวุ้นเส้น ยำ น้ำพริก....แทบจะไม่กินแกงกะทิ และของทอดเลย แม้ว่าอยากใจจะขาดรอน ๆ....

กินแบบนั้นเกือบ 2 ปีก็ค้นพบว่า อาหารที่ซื้อจากตลาดหลัง ๆ ไขมันเยอะมาก เยอะแบบเหลือเชื่อเลยละเลยจำเป็นต้องทำอาหารกินเอง และก็ทำอยู่ไม่กี่อย่าง วนไปมา ประเภทอาหารจานเดียว ไม่มีอะไรพิเศษมันง่ายแทบไม่อยากบอก...บอกก็ได้อ้ะ...ผัดผักรวมมิตร ...ฟักทองผัดไข่ บางทีก็เอาไปทำฟักทองหั่นเล็ก ๆ ไปต้ม แล้วเทนมถั่วเหลืองไวตามิลค์โลว์ชูก้าลงไป โห้ย!! ไม่ต้องไปกินกะทิเลย อ้วนเปล่า ๆ บางครั้งก็เอาไปกวนกับน้ำตาลนิดหน่อยใส่พริกไทยเยอะ ๆ เกลือพอปะแล่ม เก็บใส่ตู้เย็นไว้ทาขนมปังกินกับกาแฟเป็นอาหารเช้า เริ่ดมากค่ะ....ว่าต่อ...นอกจากนั้นก็มี มะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวใส่โหระพาหอมชื่นใจ...ผักบุ้งไฟแดง...ผัดมะกะโรนีผัดขี้เมา/ผัดซอสสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา/ผัดซอส...ผัดหมี่ขาวผัดซีอิ๊ว...ผัดไทยเส้น...น้ำพริกไข่ต้ม+ผักต้ม+แตงกวา...ซุปมันฝรั่ง...ต้มยำเห็ด สองเมนูนี้ต้องใส่เนื้อไก่ค่ะ

ต่อมาเริ่มอยากหัดทำอาหารไทย อย่างอื่นเพราะตอนนั้นแอบคิดว่าถ้าเผื่อได้สามีฝรั่งที่กำลังหา ๆ อยู่ แล้วเมียไทยเกิดทำอาหารไทยไม่เป็นมันก็จะขายหน้าวันละห้าดอลล์ พาลเสื่อมเสียเกียรติยศหญิงไทยหมด....ต้องหัด...ลองทำ เต้าเจี้ยวหลน...แกงเขียวหวาน ...แกงเลียงแกงส้ม...ต้มข่าไก่...ต้มจับฉ่าย...แกงจืดเต้าหู้ไข่... พะแนงไก่...เปิดตำราจากอินเทอร์เน็ทกันเลย ชอบสูตรไหนก็เลือกเอา...ต้องขอสารภาพนิดว่าทุกอย่างที่ลงมือทำไปมักจะลืมชิมรสชาติตลอดเพราะชอบคิดในใจว่าใส่เค็ม หวาน เผ็ดเท่านี้น่าจะพอ...เจ้าประคุณรุนช่อง ทุกอย่างอร่อยลิ้นเหลือเชื่อ แม้บางครั้งจะเค็ม หรือจืดไปสักติ๊ดแต่ก็รับรสอร่อยได้...ตระหนักได้ทันทีว่าการทำอาหารไม่ใช่เรื่องยาก แค่เพียงมีเวลาเพียงพอและมีใจอยาก...แต่ก็นั่นแหละค่ะ มันแค่การหัด ครั้งเดียวไม่ใช่การทำกินเป็นประจำความสันทัดจัดเจนก็ยังไม่เกิด...โอ๊ะ ๆ! ตกลงมาดามจั่วหัวเรื่องผิดรึว่าใส่เนื้อเรื่องผิดกันแน่หว่า???? ขออำภัยท่านผู้ชม ที่ออกตัวยาวไปไกลเลย แค่อยากให้พอรู้แบล็คกราวด์ มาดามก็ไม่คิดฝันจริง ๆว่าจะมาเป็นแม่ศรีเรือนแบบ Full time เอาตอนแก่!!!

        กลับมาที่เมกากันต่อ....มาดามเริ่มทำอาหารไทยอย่างแรกเลย คือ การหุงข้าวหอมมะลิด้วยSauce Pan ทำตามคำแนะนำที่ถุงข้าว (เพราะไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า) ที่บ้านคีธมี Sauce Pan ให้เลือกใช้สี่ขนาด...ข้าวออกมาดี้ดี หอมและกินอร่อย มาดามทำผัดผักใส่เนื้อหมู ซึ่งเป็นอาหารหลักที่ทำให้ชีวิตอยู่รอดที่เมืองไทยแต่ว่าที่โน่นมาดามมีเครื่องปรุงรส อันได้แก่ ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว แต่ที่นี่ไม่มี...มาดามเปิด Pantry มองหาว่ามีอะไรพอจะเอามาใช้แก้ขัดได้บ้าง ก็เจอผงปรุงรสซองนึงไม่ทันได้อ่านก็เทลงกระทะไปซะแล้ว....ก็ไฟมันแรว์งเกินถ้ามัวแต่อ่านจะไม่ทันการณ์เอา...ปรากฎว่า รสชาติออกมาแปลก ๆ ไม่เหมือนเคย...ที่นี่มีแต่ซอสถั่วเหลือง Kikkomanที่แสนเค็ม กับเกลือป่น ฝรั่งไม่กินน้ำปลา มาดามก็ไม่กินเหมือนกันเพราะกว่าจะหมดขวดมันเหม็น!!! อ้อ!ผงปรุงรสซองนั้นตอนหลังมาอ่านที่ซองมันคือผงปรุงรสเนื้อ ถึงว่ามันแปลกๆ แต่คีธบอกว่าผัดจานนั้นอร่อย ฮ่าฮ่า มาดามเป็นจำพวก “บ้ายอ” หน้างี้บานเป็นกระด้งฝัดข้าวเลย...แต่พอมาคิดอีกที นี่อาจเป็นมารยาทที่ดีสำหรับการกินอาหารที่คนอื่นทำหรือเวลาเรากินอาหารที่คนอื่นจ่ายตังค์ของฝรั่งเขาละ...ทะลึ่งดีใจ!!

         ผักหลักๆ ที่ต้องมีประจำในตู้เย็นตอนนี้ คือ ผักกาดหอม บร็อกโคลี่แครอท มะเขือเทศ มันฝรั่ง หอมใหญ่ และกรีนอันเนี่ยน หรือก็คือต้นหอมน่ะแหละแต่มันต้นอ้วนกว่ากลิ่นก็แปลกกว่านิดๆ หอมใหญ่และ กรีนอันเนี่ยน เป็น พระเอก กะ นางเอก ของทุกจานต้องใส่ค่ะ...เพราะมันเป็นมือปราบไล่ล่าพวกผู้ร้ายซึ่งก็คือ ไขมันทั้งหลายแหล่ที่เรารับ ๆ เข้าไป มาดามไม่แคร์สูตรต้นตำหรับอาหารไทยที่เขาไม่ใส่เจ้าสองตัวนี้หรอกค่ะ ใครจะว่ากินแปลกก็เชิญ ตามบายนะจ๊ะ!!!

ต่อมาก็ต้องกินให้หลากหลายขึ้นจึงต้องกินอย่างอื่นสลับสับเปลี่ยนเวียนกันไป กะหล่ำปลี พริกเขียว พริกหวานแดง พริกหวานเหลือง กรีนบีน เห็ด ข้าวโพดหวานสด ๆ (ชอบมาก อร่อยมากหวานได้ใจ) ส่วนอาหารกระป๋องที่ชื่นชอบ มี ถั่วแดง ๆ ของเมกาอร่อย นุ่มแต่กินอิ่มไม่เกินชั่วโมง ธาตุลมจะแปรปรวนค่ะ ผัว-เมีย จะเริ่มยิงสลุดใส่กันคนละหลายนัดก่อนจะสงบศึกไป...

มาถึงเนื้อสัตว์บ้าง เนื้อหมู ไม่ติดมัน เนื้อไก่ ต้องเลาะมันออก เบคอนไก่งวง โบโลนญ่า ไส้กรอกรมควัน (คีธเรียกมันว่าฮอทด็อกเจ้าตัวนี้ปริมาณไขมันมหาศาล ตอนหลังเอาออกจากลิสต์เลย) แต่คีธชอบกินเนื้อวัวบดคือเอามาทำ Tacos (ทาโคส์) แต่มาดามเกลียดกลิ่นมันมากยิ่งตอนกำลังผัด ที่ร้ายกว่านั้นไขมันเยอะสุด ๆ ตอนเอาลงกระทะทำให้สุกไม่ต้องใส่น้ำมันเลยนะ เพราะเดี๋ยวเดียวไขมันจะละลายออกมามากมายก่ายกองต้องเอาไปเดรนทิ้งก่อนปรุง...มาดามเลยต้องขอร้องให้เขาเลิกกินเจ้าเนื้อบดนี่ ก็ไอ้เจ้าไขวัวนี่แหละเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คีธพุงโตยังกะคนท้องใกล้คลอดก็ไม่ปานขนาดพยายามลด ๆ อยู่ 4 เดือนก่อนบินไปแต่งงาน ก็ยังบิ๊กบึ้ม!...(มีเรื่องขำ ๆ มาดามสั่งการให้ “ว่าที่สามีในตอนโน้น” ลดน้ำหนักก่อนถึงวันแต่งให้ชั่ง Before- After จะติดตามผลลัพธ์กันเดือนละครั้งทางวีดีโอคอล โดยคีธจะต้องเปิดพุงโชว์ พร้อมรายงานน้ำหนักแต่ละเดือน...น้ำหนักก่อนเข้าโปรแกรม 88 กิโล...หลังจากเปลี่ยนอาหารเช้าเลิกกินของหวานตอน 6 โมงเช้า คีธเรียกมันว่า แคนดี้ หน้าตาเป็นไงไม่ทันได้เห็นค่ะ เดือนแรกพุงยังไม่ยุบมาดามเห็นตอนวีดีโอคอล ครั้งนั้นครั้งเดียว ต้องรีบบอกเค้าว่า พอแล้ว ๆ ไม่อยากเห็นอีก...ทนไม่ด๊าย...อารมณ์จะพาลเสื่อมหมดก่อนถึงวันแต่ง!!! สี่เดือนถัดมา ลดได้แค่ 1 โล...เอง!)

มาดามทำอาหารกลางวันช่วงสิบโมงเช้าเพราะปกติคีธจะกินกลางวันตอนสิบเอ็ดโมง แต่บางครั้งมาดามก็ใช้เวลาเกินล่วงเลยไปถึงเที่ยง เพราะมัวแต่บรรจงล้าง บรรจงหั่น นั่น นี่สามีก็แสนจะหิวไส้กิ่ว เดินมาเยี่ยมหน้ามองที่ครัว หลัง ๆ เขาฉลาดขึ้น...คอยฟังเสียงว่าเมื่อไหร่ที่เครื่องดูดควันเงียบลงแปลว่าอาหารเสร็จแล้ว เขาก็จะออกมา เตรียมน้ำชาใส่น้ำแข็งให้ตัวเองส่วนมาดามดื่มน้ำที่ไม่แช่เย็น

เมนูไข่ ยังไงต้องขอมีผักไว้ก่อนล่ะค่ะ

การทำอาหารซ้ำซากไปมาสองอาทิตย์มันก็น่าเบื่อ (ใช่ป่ะคะ คุณน้อง Max?) จากเมนูข้าวสวย กินกับผัดสารพัดผัก มาดามเริ่มขยับคิดทำเมนูอื่น เช่น ผัดมะกะโรนี สปาเก็ตตี้เส้นหมี่ขาวของจีน เส้นหมี่เหลืองของจีน (ไม่มีของไทยขายเลย) ทำข้าวผัดอันนี้คีธดูจะชอบมากเลย สังเกตกินมากกว่าปกติทุกครั้งที่ทำข้าวผัด...ต่อมาเริ่มสมองตื้อหัวตัน คิดอะไรไม่ออกอีก ต้องหันหน้าไปเพิ่งพาอินเตอร์เน็ท...ก็เจอเมนูที่มีรูปแต่ละอย่างน่ากินทั้งน้าน...โอ้ว! อันนี้มาดามก็อยากทำอ๊ะ! อันนั้นก็ข้ามไม่ได้ เซฟไว้ ๆ...คว้าของที่พอจะมีออกมาทำแต่ก็เจอปัญหาวัตถุดิบไม่ครบตามที่ว่ามา ก็ต้องปรับสูตรไปตามยะถากรรมแต่ก็ยังอร่อยและน่าตาน่ากินอยู่นะ (อุ๊ยโทษค่ะหางกระดกนิดนุงน๊า) เมื่อของที่มีหมด แบบเกลี้ยงหม้อเกลี้ยงไห ก็ต้องออกไปซื้อเพิ่มแล้วหละที่รัก...ต้องซื้อนะจ๊ะ....ตอนหลังก็ได้เครื่องปรุงรสเพิ่มขึ้น ซอสหอยนางรม ซุปก้อน ทั้งไก่ หมู เนื้อ และแบบผง เอาไว้ผัดข้าว

มะกะโรนี หลายเวอร์ชั่น

จริง ๆ ตอนนั้นอยากทำแกง เขียวหวานแกงส้ม แกงเผ็ด ต้มยำ แต่ว่า ไม่มีเครื่องไทย ยังหาของสด ๆ ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นตะไคร้ ใบมะกรูด ใบโหรพา พริกขี้หนู ข่า ในห้างตอนนั้นเห็น แค่ ขิงสด แต่มาดามไม่สนใจกินผัดขิงอยากทำผัดกระเพามากกว่า...สุดท้ายซื้อใบโหรพาแห้ง ใบมะกรูดแห้ง ก็เริ่มทำ อาหารไทยสไตล์มาดามฟราย (เพราะมันไม่ใช่สูตรต้นตำหรับ) เช่น พะแนง แกงสับปะรดแกงเขียวหวานมะเขือม่วง (มะเขือเขียวไม่มีขายจ้ะ) แกงมันฝรั่ง แกงแตงกวา แกงซูกีนิน้ำพริกอ่อง ไข่กระทะ ต้มจืดเรดแรดดิช หรือหัวไชเท้าฝรั่ง อันนี้เอาไว้ซดน้ำซุบตอนกินข้าวผัด (คีธชอบมากตะแคงชามขอดน้ำเกลี้ยงทุกครั้ง)...เพราะว่าผักหญ้าก็มีให้กินไม่กี่อย่างก็ต้องคิดวิธีปรุงรสชาติให้หลากหลาย 

เบื่อไขแห้ง ๆ หันมากิน ซุปไข่เจียว โรยหน้าด้วยพามีซานชีส...ง่ายซะไม่มี!

อาหาร และขนมฝรั่งนั้นทุกสูตรหนักไปทางไขมันสารพัดรูปแบบ ไม่วาจะเปิดตำหรับเว็บไหน ก็เจอแต่ที่ต้องใส่ สารพัดชีส ซาวครีม ขนมก็ต้องใส่ นม เนย หรือน้ำมันพืช ครีมชีส น้ำตาล ช็อกโกเลตไม่งั้นไม่อร่อย...มาดามหลงใหลทำกินอย่างเมามันอยู่พักหนึ่ง ไล่มา ตั้งแต่ คุกกี้ มัฟฟิน เค้ก พาย ทาร์ต สลับกันไปแต่ละอาทิตย์...เป็นของว่างกินทุกวันบ่ายสามโมงกับกาแฟส่วนคีธจะกินเป็นมื้อเช้า เค้าชอบ บานาน่านัทแบรด...อั๊ยย่ะ!! ปรากฏว่าพุงหนาสองนิ้วไปเรียบร้อยในเวลาสามเดือน...เพราะมาดามผอมไขมันน้อยร่างกายต้านทานความหนาวเย็นในฤดูหนาวไม่ได้ สัญชาติญาณในการปรับตัวทำให้มาดามหิวเร็วหิวบ่อย และอยากจะกินมัน ๆ แบบสติแตก...ไขมันที่มาดามยอมให้สะสมในร่างกายเดือนแรกนั้นเพื่อให้พลังงานความอบอุ่นแก่ร่างกายพอที่จะต่อสู้กับความหนาวเย็นได้แต่พอกินไม่หยุด ไม่เว้นวรรค ก็เกิดอาการเหลือเฟือ...เบิร์นไม่หมดในแต่ละวัน เพราะกินแล้วก็นั่งจุ้มปุ๊กหน้าคอมฯทั้งวัน เว้นวรรคไปทำอาหาร-งานบ้าน สองชั่วโมง...คิด...ถ้าขืนปล่อยไปเรื่อยไม่ทำอะไรสักอย่างมีหวังรันทดแน่ ที่เคย เกลียดความอ้วน คงจะได้มาครองก็ครานี้  และที่เคยออกกำลังกายตอนเช้าหลังตื่นนอนทุกวันๆ ละ 10-15 นาทีนั้นตอนนั้นรู้สึกจะไม่เพียงพอซะแล้ว...ต้องลดหรือหยุด ๆ กิน เนย ชีส และเนื้อสัตว์....การที่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกอยากกินของอร่อยกับอยากหุ่นดี...นี่มันทรมาน ทรกรรม จริง ๆ...แต่มันอดไม่ได้นาน...ต้องกลับมากินอีกเป็นจังหวะ ๆ ไป

ข้าวผัดสารพัดเวอร์ชั่น...ต้องมีผัก ๆๆๆ

ในที่สุดมาดามต้องรีเอ็นจิเนียริ่งระบบการกิน...โดยทำอาหารไทยประมาณ 80% อาหารนานาชาติ 20%แบบ อเมริกัน แม็กซิกัน อิตาเลี่ยน (อินเดียก็เคยนะแต่ทนกลิ่นเครื่องเทศไม่ไหว)...ทำไมเรียกว่า รีเอ็นจิเนียริ่ง....ก็แบบว่า ลดมัน ลดเค็มลดหวานที่คีธเคยกินมาแต่ก่อนเก่า แต่ไม่ลดความอร่อย...ทำไงเหรอ??? ไม่ยากท่านผู้ชมเวลาผัดอาหารไทย มาดามใส่น้ำมันพืชไม่ถึงช้อนแค่เจียวกระเทียมให้หอม ๆ กรณีที่ทอดอาหาร ก็ใช้วิธี กริลล์ คือใส่น้ำมันไม่ท่วมอาหารที่ทอดนั้น อันนี้ทำเป็นนิสัยตั้งกะอยู่ไทยแล้วละ...แกงกะทิ มาดามก็ค้นพบว่าใส่นมแทนกะทิก็อร่อยได้อร่อยดี(ไม่เชื่อต้องลองนะคุณผู้ชม มาดามไม่ได้หมายถึงใส่นมในต้มยำนะ แกงอย่างอื่นน่ะค่ะใส่นมเล้ยน้ำครึ่ง-นมครึ่ง หลัง ๆ มาดามลดนมลงอีกครึ่งด้วยซ้ำก็ยังอร่อยค่ะ)...อันต่อมา กินผักมากกว่าเนื้อสัตว์ คีธโพสต์ในเฟสบุ้ค ว่ามาดามขี้เหนียวเนื้อสัตว์ (เพราะเค้ากินเนื้อสัตว์ครั้งละเยอะๆ กับขนมปังเป็นอาหารหลักไง) และเพราะคีธชอบกินอาหารรสเผ็ดนิด ๆ มาดามก็จัดให้ทุกเมนู(ยกเว้นต้มจืด) เอาเผ็ดกลาง ๆ แต่บางครั้งหนักมือ กลายเป็นเผ็ดจัด ทั้งผัวทั้งเมีย กินไปสั่งน้ำมูกไปทิชชูกองพะเนินเทินเทิดเลย...ต้องเสิร์ฟน้ำเพิ่มอีกคนละแก้ว

วันไหนทำอาหาร-ขนมฝรั่งมาดามก็ลดชีส เนย น้ำมัน จากสูตรลง 50% แต่ก็ยังอร่อยได้ดีเด่...วันนึงก็บอกสามีว่าเลิกกินโค้กซะเถอะ(ปกติเค้าจะกินโค้ก ในวันที่ทำพิซซ่า) เค้าก็น่ารักนะ ไม่ซื้อมาอีกเลยหลายเดือน ...“ที่รัก เลิกกินเลย์เค็ม ๆและอะไรที่เค็มมาก ๆ นี่ซะเถอะ ไตยูจะพัง” พูดบ่อย ๆ สามีก็จัดให้... “ที่รัก เลิกกินของมันมาก ๆ มันไม่ดีต่อสุขภาพไออยากอยู่กับยูไปจนอายุร้อยขวบ” พูดบ่อย ๆ...สามีก็จัดให้...เมียก็ได้ใจ ขอไปเรื่อย... “ที่รัก...ลดกินเบียร์เหลือแค่ 5 ขวดได้มั๊ย” ....เมินซะเถอะแพท!!!!

Turkey Bacon, Hotdog Italiano Skillet

เมนูนี้ลดชีสแล้ว 50% ยังอร่อยพอสำหรับสาวไทยอย่างมาดาม 55!!

ทุกวันที่มาดามกอดคีธจะชอบดันพุงเค้าให้แบนลง เค้าก็จะบอกว่า “ผมน้ำหนักลดแล้วนะ” แต่มาดามไม่เคยเชื่อ แต่หลัง ๆแอบรู้สึกเหมือนว่าตัวเค้าเล็กลง เพราะดูเหมือนว่าไม่ต้องอ้าแขนกว้างเท่าเดิมแต่ก็ไม่แน่ใจ....คุณผู้ชม เมื่อเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา คีธไปบ้านแม่ได้เครื่องชั่งเก่ามาอันนึง จริง ๆ เค้าชั่งมาจากบ้านโน้นแล้วแหละ...ด้วยความลิงโลดและอยากจะคอนเฟิร์มกับเมีย ว่าเค้าจริง ๆ ตอนนี้ผอมลงนะ เลยยกกิโลนั่นมา พอขึ้นไปยืนก็เรียกมาดามไปถ่างตาดูว่าตอนนี้เค้า น้ำหนักเหลือแค่ 75 กิโลกรัม จากวันที่ไปแต่งงาน 87 กิโล....น้ำหนักเค้าหายไป 12 กิโล ในระยะเวลา 8 เดือน ท่านผู้ชม!!! ยังค่ะ ยังลดไม่หยุด สองวันก่อนไปหาหมอ ต้องชั่งที่คลินิก เค้าเหลือ 69.5kg....มายกู๊ดก้อด!!! ตอนนี้แม่สามีบอกอยากลองกินอาหารไทยบ้างแล้วจ้า!!!

มาดามถ่ายรูปอาหารที่ทำไว้ตลอด 10 เดือนที่่ผ่านมา ได้มาเป็นพันรูปค่ะท่านผู้ชม เพราะคิดว่าวันนึงอาจจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้จะหมายความว่าตัวเองเป็นพหูสูตรหรอกนะคะ...มันเป็นแค่ความทรงจำที่ดี เป็นห้วงเวลาที่มาดามมีความสุข อยากจะจำ และ จดมันไว้

คลิกอ่านต่อ Life In USA-4 ตอน มาดามฟราย กับ หิมะแรก

แวะไปดูเมนูอาหารของมาดามที่เขียนไว้บล็อกนี้ ได้ค่ะ

//talontrail.blogspot.com/2015/07/blog-post_29.html

Create Date : 13 ตุลาคม 2558
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2558 4:34:06 น.		2 comments
Counter : 3248 Pageviews.
Share Tweet