มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
ตอนที่ 1 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย

ตอนที่ 1 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย

หลังจากจบปริญญาตรี เราก็ทำแต่งาน งาน งานแล้วก็ งาน เพื่อนฝูงสมัยเรียนก็ไม่ได้ติดต่อ ไม่เคยไปร่วมงานวันคืนสู่เหย้ารักการทำงานเป็นชีวิต ทุ่มสุดตัว เมื่อความสามารถที่มีติดตัวเป็นมรดกไม่เพียงพอก็ต้องหาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผลงานดี ๆ และโดดเด่น แบบไม่มีที่ติปานนั้นเลย..ทำงานมา 25 ปีเปลี่ยนนายจ้างไปเป็นโหล... ที่สุดท้าย อยู่รวมสองครั้ง ห้าปี นี่นับว่านานที่สุด!!!! ในปี 2012 รู้สึกเบื่อนายจ้าง แบบจุกมาถึงคอหอยเลยต้องทำพิธี "ปลดแอกตัวเอง" และผันมาเป็น "ขี้ข้าตัวเอง"ฝรั่งอาจเรียกว่า Self-Employed (ฟังดู หรู ๆยังไงไม่รู๊!!!!) จริง ๆ ก็แค่ลาออกมาดูแลร้านของตัวเองที่เปิดมาตั้งแต่ ปี 2006 แต่ฝากพี่สาวให้ช่วยดูแลกิจการให้ตั้งแต่ปี 2008 ส่วนตัวมาดามเองกลับก็ไปช่วย “นายเก่า”เพราะเขามานิมนต์.. ทุ่มเทจิตวิญญาณเพื่อคนอื่น...งานเดิน...เงินก็งั้น ๆ !!!ไม่อยากจะเอ่ย..... เลยต้องอำลาวงการ) ขายของอยู่กับร้านตัวเองถึงจะได้เงินน้อยกว่าเงินเดือน แต่คิดว่า อยากได้อิสรภาพ โบยบินไปในที่ต่าง ๆโดยไม่ต้องมี “ห่วงโซ่มาผูกขา” (ที่ผูกเอง)


หลังยื่นใบลาออกมาดามใช้เวลาหนึ่งเดือนสุดท้าย ทุกวันอาทิตย์ ก็จะชวนสมุนคู่ใจตระเวณหาดู “ที่ในฝัน”ที่ ๆ มี ภูเขา สายน้ำ น้ำตก นก ดอกไม้ สายลม และแสงแดด.....ไว้เป็นที่สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของชีวิตมีแอบคิดต่อไปอีกว่า แทนที่จะอยู่ “คนเดียว” ก็อาจทำเป็นโฮมสเตย์สักสามสี่หลังแบ่งปันให้เพื่อนๆ พี่ ๆ น้อง ๆ คนที่มีใจชื่นชอบธรรมชาติเช่นเดียวกันไปพักในช่วงวันหยุด อย่างน้อยก็มีเพื่อนไปมาหาสู่ตอนแก่เฒ่าจนได้ที่อะไร ประมาณนั้น.....

...โชคเข้าข้างในที่สุดก็ได้ที่แปลงสวย “ดั่งฝัน” ในราคามิตรภาพ จากสองผู้เฒ่าอายุเกินแปดสิบบอกขาย 14 ไร่ที่อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ที่ใกล้ เขาตะกรุบ (ป่าอ่างฤาไน ที่มีข่าวว่าช้างออกมาดักปล้นรถบรรทุกอ้อยน่ะแหละ) ปลายไร่ติดคลองชลประทาน ด้านหน้าไร่ติดถนนเล็ก ๆ มีอ่างเก็บน้ำไม่ไกลจากที่ดินชาวบ้านแถวนั้นมีอาชีพ ทำไร่อ้อย มันสำปะหลังทำนา ทำสวน ลำไย มะม่วง แก้วมังกร กล้วยหอมทอง มะขามหวาน แตงกวา...บรรยายไม่หวัดไหว เมื่อเห็นพืชผลขณะขับรถผ่าน ก็อดที่จะปลาบปลื้มเสียมิได้คิดในใจว่า “เรามาถูกที่แล้วเว้ย” สมุนคู่ใจก็ส่งเสียงเชียร์ไม่ขาดปาก....เรามีข้อตกลงกันว่า เมื่อได้ดินแล้วเราจะปลูกมันสำปะหลัง แบบผลผลิต 15 ตันต่อไร่ มาดามเป็นคนลงทุนส่วนมันเป็นคนปลูกและดูแลและรับส่วนแบ่งจากผลกำไร 25%

ในวันที่มาตกลงเจรจาซื้อที่ท่านผู้เฒ่าทั้งสอง ไม่ได้เรียกร้องเงินมัดจำ เพราะเชื่อว่า มาดามฟราย “เอาจริง”(ดูชีจริงจังซะขนาดขับรถไกลจากสมุทรปราการไปสระแก้ว) และที่แน่ ๆ มีแม่ของน้องปา ที่ทำงานด้วยกันเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันนั้นเป็นนายหน้าให้..ชัวร์.... แล้วในเดือนมีนาคม ปี 2012 มาดาม ก็เลื่อนตำแหน่งตัวเองจาก ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรฯ (และตำแหน่งพ่วงใหญ่โตอีกหลายตำแหน่งแต่ไม่มีค่าตอบแทน...ฮา!) ขึ้นไปเป็น “เกษตรกรมือใหม่”อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง (เอาไว้จะเขียนประสบการณ์ช่วงนี้ทีหลังนะจ๊ะ) ภาพล่างมันสำปะหลังปีแรก ขวา อ่างเก็บน้ำใกล้ ๆ


การมานั่งขายของอยู่ที่ร้านหรือบ้านของตัวเอง รู้สึกสบายอกสบายใจอย่างสุดจะบรรยาย.... ตัวเบาหวิวเลยละ เพราะงานหนักทุกอย่างโยนทิ้งไว้ที่ทำงานเดิมเก็บความรู้สึกห่วงหาหรือ กังวลที่เคยมีกับงานใส่หม้อดินมัดปากหม้อโยนทิ้งน้ำไปเลย.....ที่ร้านขายของ...ช่วงกลางวันผู้คนไปทำงานเราก็ดูซีรี่ส์เกาหลีออนไลน์ เรียกว่าติดงอมแงม บางครั้งดูไปร้องไห้ไปก็มีดูตั้งแต่ เก้าโมงเช้าไปจน สี่ทุ่มโน่นเลย จะขายของดีเริ่มตอนสี่โมงเย็น เพราะนักเรียนเลิกโรงเรียนพอห้าโมงเย็นคนก็เลิกงาน มาหาเหล้าเบียร์ดื่มกินกันไป ขายดีไปจนยันสี่ทุ่ม ปิดร้านอาบน้ำ นอน

นอกจากขายของแล้วมาดามก็ต้องขับรถไปซื้อของที่แม็คโครและโลตัส การเข็นรถเข็นคันใหญ่ ๆ ที่มีของเต็มมันก็หนักหนาสาหัสเอาเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจอรถเข็นที่ล้อมีปัญหาชอบวิ่งออกนอกลู่นอกทาง บังคับให้ไปตรง ๆ ยาก ต้องคอยฝืนมันตลอดเวลา บางครั้งยังต้องเข็นลงบันไดเลื่อนแต่ตัวเบรกเจ๊งเกือบแล่นไปชนคนข้างหน้า ดีว่าออกแรงดึงไว้ “เต็มเหนี่ยว”เลยเป็นเหตุให้ปวดที่ข้อแขน บวกกับที่ต้องยกของขึ้นรถ ลงรถ จัดของขึ้นชั้น ไหนจะลังเหล้า-เบียร์-น้ำอัดลม ต้องยกไปแช่ ตอนจะปิดประตูร้านยังต้องดึงประตูม้วนที่แสนหนักและฝืดสุด ๆ ลงอีก ทุกวัน ปีละ 365 วันไม่มีวันหยุด โอว....นี่ไม่ใช่หมู ๆ เหมือนตอนเริ่มเปิดร้านใหม่ๆ หรอกนะสำหรับคนอายุย่างเข้าเลข “ห้า” ......ชีวิตดำเนินไปในแบบนี้เกือบสองปีในระหว่างนั้น อยากจะไปเที่ยวไกล ๆ ก็มีสองเหตุผลที่ทำไม่ได้ดังใจเคยปรารถนา...หนึ่ง ที่ ๆ เราอยากไป ก็ไม่มีใครไปด้วย และที่ ๆ พวกเค้าไปและชวนเรา ๆ ก็ไม่ชอบ...เหตุผลที่สอง พอเลิกเป็นมนุษย์เงินเดือน รายได้ก็เกิดจากการค้าขายอย่างเดียว วันไหนหยุดขายก็ไม่เห็นเงิน...เลยกลายเป็น “คนงก” ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้....


วันหนึ่งลูกสาวมาหาที่ร้าน ได้ยินแม่บ่น ๆ ปวดแขน ปวดขา ชีก็เปรยขึ้นมาว่า “แม่น่าจะคิดทบทวนเรื่องแต่งงานนะ”.... บ้านเราควรมีผู้ชายสักคน เพราะทั้งแม่ แม่นก แม่จิตร และก็น้าบุษล้วนโสดกันทั้งหมด ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยจะได้มีคนไว้คอยดูแลจัดการนี่นั่น” อืม!...ฟังแล้วก็ยัง งง ๆ เลยถามไปว่า “จะไปหาผู้ชายคนนั้นได้ที่ไหน?” ชีก็ตอบว่า “ในเน็ทไง! เว็บหาคู่น่ะ” อืม!....ก็ยังงงต่อไปอีกว่า “จะหายังไง? ใครจะเป็นคนหา?” ชีก็ตอบว่า “เดี๋ยวจะลงโปรไฟล์ให้แม่เองเอาแค่รูปมา”... “อ้าวแล้วหล่อนจะรู้ได้ยังไงยะว่าสเปคแบบไหนที่แม่ชอบ ไม่เอาหรอกถ้าจะทำงั้นจริงแม่จะลงโฆษณาเองเลยแค่บอกมาว่าเว็บอะไร ที่มันเชื่อถือได้” (แอบถามตัวเองว่าเฮ้ย...เอาจริง?... ได้ยินคำตอบเบาๆ ว่า เออน่ะ ลองดูไม่เห็นจะเสียหาย แค่หนุก ๆ อยากรู้ว่าอะไรจะเกิดต่อไป....เค ๆเอาก็เอาวะ)

ในเดือนกุมภาพันธุ์ 2013 เริ่มปฏิบัติการ“หาผู้ชายออนไลน์” เว็บแรกที่เจอ เป็นเว็บหัวนอกสัญชาติเมกาชื่อ Ourtime หนุ่ม ๆที่เว็บนั้น ดูดีมีชาติตระกูล เลยหยอด Profile ลงไปแต่เนื่องจากเราไม่ยอมเสียเงินสมัครเลยเปิดเมล์ที่มี 5 หนุ่มส่งมาไม่ได้เลยไม่รู้จะทำไง ยังไม่อยากเสียตังค์ เลยต้องทิ้งเว็บนั้นไป มองหาที่อื่นแทน

มีนาคม ปี 2013 เจออีกเว็บที่นี่หนุ่ม ๆ หน้าตาดีเหมือนกัน ชื่อเว็บ Match แต่ละนายที่ส่งอีเมล์มาหน้าตาดี้ดีSmileyแต่ขอโทษเถอะค่ะ พวกนี้มันพวกสแกมทั้งน้าน “เอาไม่ได้”....อยู่เว็บนี้สามเดือนสกรีน profile และคำพูดในอีเมล์อย่างสุดฤทธิ์ ตัดสินใจฉวยมาหนึ่งหนุ่ม จากเบลเยี่ยม เพราะคิดว่าสกรีนดีแล้วไม่น่าเป็นพวกสแกม อายุอานามห้าสิบกว่า ๆ ตรงสเปค หน้าตาดีใช้ได้ ภาษาอังกฤษก็ดีกว่าเราหลายขุมอ่านแล้วรื่นหู เมล์ฉบับแรกพี่มาเซล ทักมาว่า “Hello beautiful, how are you doing?" เราเล่าให้ลูกฟังผ่านสไกป์ว่าเอาไงดี...ลูกบอก ก็ตอบกลับไปแม่ “Hi, Handsome.” แม่ก็เชื่อฟังลูกแต่โดยดีตามนั้นเลย...นึกขำ ๆ ในใจ ดูเหมือนจะสนุกพี่มาเซลตอบกลับมาสั้นๆ แบบสงวนคำพูดมาก “Niceto meet you my name is Marcel” จากนั้นก็เริ่มตอบโต้อีเมล์กัน ผ่านเมล์ของเว็บ.... ฉบับที่ 3  “My holiday is fine, I saw your profile and found interest in you and I will like see if we have something incommon to share and get to know each other” เราก็ชักสงสัยว่าทำไมคุยสั้นๆ ตลอด ก็ถามไปว่าทำไมสงวนคำพูดซะเหลือเกิน ฮีก็ตอบมาว่า......(อุ๊ยตาย นี่มันยาวเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ มาดามจะมาเขียนต่อนะจ๊ะ บ๊ายบายSmiley



Ulefone Paris 4G Smartphone Android5.1-White 

with Free Flip Cover and Tempered Glass Screen Protector มาพร้อมกับ ภาษาไทย

ราคาเพียง 6,600 บาท ฟรี Shipping  คลิกชมสเปค และภาพเต็ม ๆ ที่นี่

Ulefone Paris เมื่อเปรียบมวยกับ iPhone S6






Create Date : 02 กันยายน 2558
Last Update : 7 ธันวาคม 2558 2:04:05 น. 2 comments
Counter : 2237 Pageviews.  
 
 
 
 
โอยยยยย ปาดน้ำหมาก! รออ่านกันต่อไป แหมๆๆๆคุณพี่มาจบเอาตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเนี่ยนะคะ อิอิ
 
 

โดย: Max Bulliboo วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:18:32:00 น.  

 
 
 
เย็นไว้โยม!
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:21:36:01 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com