มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
Life in USA-19 กว่าจะได้กรีนการ์ด-ตอน 2









Life in USA-19 กว่าจะได้กรีนการ์ด-ตอน 2



.......พอถึงบ้านมาดามก็ลุยถั่วสืบค้นขอมูลอีกครั้ง...และแล้วก็เจอเข้ากับ เอกสารของทางการซึ่งเป็นหนังสือ สรุปขั้นตอนการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการขอและออกหนังสือรับรองการเกิด...พระเจ้าช่วยมาดามแล้ว!!! ในนั้นระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนทั้งขั้นตอน เอกสาร หลักฐานที่ต้องใช้และระยะเวลาสำหรับการพิจารณาออกหนังสือฯ...เพื่อให้แน่ใจว่าการปฏิบัติของแต่ละอำเภอเป็นหนึ่งเดียวมาดามได้โทรผ่าน Skype ไปที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ สอบถามว่า กรณีที่มอบอำนาจให้คนอื่นมายื่นคำขอแทนนั้นที่นี่ต้องการหลักฐานอะไรบ้าง...สาวน้อยนางหนึ่งรับสาย และตอบอย่างไม่ลังเลไรเลย (เหมือนรู้จริง และก็ชีก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรเลยสักคำ) มาดามก็จด ๆ กันลืม มีสิ่งเดียวที่แตกต่างกันคือ ที่นี่ไม่ต้องการรูปถ่าย!!!???

มาดามเริ่มพิมพ์หนังสือมอบอำนาจแบบราชการทั่วไปให้ลูกสาวเป็นผู้รับมอบฯ และให้พี่สาวอีกสองคนเป็นพยาน...ส่งอีเมล์ไปให้เจ้าคริสลูกสาวหัวดื้อของมาดาม พร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน แค่นี้จริง ๆ ที่อำเภอเมืองสมุทรปราการบอกทางโทรศัพท์....และเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ทั้งสามสาวไม่ต้องเดินทางไกล มาดามก็แนะเจ้าคริสไปว่า ให้ลองโทรสอบถามที่เขตลาดกระบังซึ่งใกล้พวกเค้าที่สุดว่าถ้าจะไปยื่นขอที่นั่น ได้หรือเปล่า และต้องการเอกสารไรบ้าง ต่างหรือเหมือนกันยังไง...เจ้าคริสก็โทรไป ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตอบโดยไม่ถามไรเหมือนกัน แต่คำตอบ คือ ต้องมีหนังสือมอบอำนาจที่เซ็นรับรองโดยกงศุล/สถานทูตในต่างประเทศมายื่นพร้อมหลักฐานอื่น และที่สำคัญ เกิดที่ไหนก็ให้ไปยื่นที่นั่น....ตายห่าละครานี้...ไรกันนี่ แต่ละที่ก็มีแบบแผนเป็นของตัวเอง ทั้งที่อยู่ในกรมการปกครองเดียวกันแท้ ๆ....

มาดามเลยต้องมาค้นหาข้อมูลและโทรไปสอบถามที่สถานทูตไทยในเมกา ก็ได้ข้อมูลมา แล้วดาวน์โหลดแบบฟอร์ม “หนังสือมอบอำนาจ(ทั่วไป)” และ “คำร้องนิติกรณ์” เมื่อกรอกข้อมูลลงในฟอร์มเสร็จก็ปริ้นท์ออกมา ขั้นตอนต่อไป ต้องไปลงนามตัวเองในหนังสือมอบอำนาจ ต่อหน้า Notary Public ซึ่งเธอทำงานที่ US Bank ที่คีธมีบัญชีอยู่เธอเซ็นรับรองให้โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม เพราะถือว่าเป็นลูกค้าธนาคาร...ดีไป!!

25 ส.ค. 2558 เมล์เอกสารทั้งหมดไปที่ กงสุลใหญ่นครชิคาโกพร้อมเช็คสั่งจ่าย $15 เป็นค่าธรรมเนียมการรับรอง...มาดามได้รับเอกสารที่ประทับรับรองแล้วกลับคืนรวมระยะเวลาไป-กลับสัปดาห์กว่า ๆ....เสร็จสรรพ ช่วงต้น ๆ เดือน ก.ย. ก็เมล์ไปให้เจ้าคริส (คีธจ่ายค่าส่งไปแบบธรรมดาสามัญมาก $1.25 ถึงมือเจ้าคริสในอีก 17 วันหลังจากนั้นจริง ๆ มาดามบอกคีธไว้ล่วงหน้าแล้วว่าให้ส่งแบบลงทะเบียนเพราะเกรงว่าเอกสารอาจสูญหายระหว่างทางแต่ไม่รู้ทำไม๊... คีธถึงส่งแบบนั้น??)

เจ้าคริสและพี่สาวสองคนของมาดามก็พากันนั่งแท็กซี่ไปที่อำเภอเมือง (มีรถ...แต่ไม่มีคนขับ...เหอๆ) ตามที่มาดามต้องการ โดยไม่สนว่าเขตลาดกระบังจะพูดว่าให้ไปขอยังบ้านเกิด...เมื่อไปถึงอำเภอเมืองสมุทรปราการเจ้าหน้าที่รับเรื่องเสร็จ ตรวจสอบข้อมูลในระบบ แล้วก็หันมาแจ้ง “ข่าวร้าย”ว่า ให้ไปยื่นคำขอที่อำเภอบ้านเกิดเถอะนะโยม!!!!

มาดามมารู้เรื่องราวข่าวร้าย เอาตอนกำลังหลับไหล...ได้รับข้อความทางไลน์จากพี่สาว ว่าขณะนั้นพวกสามสาวกำลังนั่งหน้าทำหน้าแป้นแว๊นอยู่ที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี บ้านเกิดของมาดามเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่...แต่ ปลัดอำเภอปฏิเสธคำขอ และบอกว่าให้ไปยื่นที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ ตามทะเบียนบ้านปัจจุบันเถอะนะโยม!!!...ดูเอาเองละกันพี่น้องระบบราชการไทยแลนด์...

แต่หลังจากที่คุณนายสมจิตรพี่สาวคนโตที่แสนฉลาดปราดเปรื่องของมาดามได้ไฟท์กับปลัดอำเภอไปสองยก... “ก่อนจะเหมาแท็กซี่วิ่งมาที่นี่อิชั้นได้เช็คข้อมูลและได้รับการยืนยันจากผู้อำนวยการเขตดุสิต แล้วว่า อำเภอบ้านเกิดสามารถออกให้ได้นี่ไงหมายเลขโทรศัพท์ปลัดอยากคุยตอนนี้เลยมั๊ย จะต่อให้???”.....นั่นแหละปลัดฯ ก็เลยยอมจำนนแต่โดยดีว่าจะรับเรื่องคำขอ และออกหนังสือรับรองให้ แต่ว่าจะต้องไปนำตัวผู้ใหญ่บ้านและข้าราชการในหมู่บ้านอีกสองคนมาเป็นพยาน...พี่สาวก็รีบโทรไปหาพี่ชายให้ดำเนินอย่างที่ว่า และพาคนเหล่านั้นมาที่อำเภอโดยด่วน....

ระหว่างที่รอ ปลัดก็ถามหา รูปถ่าย...อ้าว ไม่มีรูปทำไง??? พี่สาวแสนดี และฉลาดเป็นกรด ก็รีบส่งข้อความทางไลน์มาบอกมาดามว่าให้ส่งรูปถ่ายไปให้โดยด่วนนะบัดเดี๋ยวนั้นเพราะปลัดจะต้องติดรูปถ่ายลงในหนังสือรับรองการเกิดนั่นด้วย...โชคดีจริงท่านผู้ชมที่ในคืนนั้น มาดามไม่ได้ปิด WiFi มือถือก่อนเข้านอน เลยได้ยินเสียงข้อความจากไลน์เข้ามา ตื่นมาดูเห็นข้อความที่ว่าต้องกระโดดโหยงลงจากเตียง ไปเปิดคอมพิวเตอร์ และนั่งทำเบลอ ๆ สักเดี๋ยว...คิดว่าตูจะเอารูปไหนจาก Folderไหนในเครื่องปัจจุบันหรือว่า ใน Hard disk ตัวเก่า? ที่มาดามหิ้วมันมาด้วย...สักพักก็ต่อ External Hard disk ขุดเอารูปที่เคยถ่ายเอาไว้จากเว็บแคมเอาที่มันดูเป็นทางการก็เจอไอ้รูปที่ใช้ทำการ์ดเชิญแต่งงานน่ะแหละ...ปรับแสงซะหน่อย จะได้ไม่มืด (ขนาดรีบ ๆ ยังอุตส่าห์ห่วงสวยอีก) เสร็จแล้วก็ส่งไลน์ไป....กลับไปนอนต่อกว่าจะหลับ ก็นึกเคืองเจ้าหน้าที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ ที่ให้ข้อมูลแบบขอไปที ไม่ถามไถ่ให้รอบคอบก็ตอบส่งเดช...มาดามเข้าใจเอาเองว่า ที่เขตลาดกระบัง คงมีประสบการณ์ที่ต้องปฏิเสธคำขอมาแล้วเพราะคนขอไม่ได้เกิดที่เขตนั้น....

รุ่งขึ้นคุณนายสมจิตรก็ส่งแอร์เมล์เอกสารนั้นมาให้พร้อมกับแจ้งค่าเสียหายทั้งหมด 3,860 บาท ไล่เรียงไปตั้งแต่ ค่าแท็กซี่ ค่าอาหาร ค่าปริ้นท์รูปถ่าย ค่าส่งเมล์กลับ (ยังดีที่ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาให้ผู้ใหญ่บ้านและข้าราชการครูสองท่าน...ถือโอกาสขอบพระคุณทุก ๆ ท่าน มา ณ ที่นี้นะค๊า)....

เจ้าคริสใช้มือถือถ่ายหนังสือรับรองการเกิดส่งไลน์มาให้มาดามคีธก็ส่งอีเมล์ไปให้สำนักงานแปลที่เมืองไทย แปลเป็นภาษาอังกฤษหลายวันต่อมาก็ส่งอีเมล์ฉบับแปลมาให้...จ่ายค่าเสียหายไป $29 เพราะคีธหัวดื้อไม่ยอมฟังเสียงมาดาม ว่าที่กงสุลใหญ่นครชิคาโก้คิดราคาค่าแปล เพียง $15 (ช่างหัวคีธ!!)

ในระหว่างที่รอหนังสือรับรองการเกิดตัวจริงอยู่นั้น บ่ายสามโมง ของวันที่ ต.ค. 2558 ไปรษณีย์สาวขับรถเก๋งมาสอดเมล์ให้ตู้ คีธก็ออกไปควักเอามาจากตู้....โอ้ว...มีซองนึงที่จั่วหัวถึงตัวมาดาม คีธใจร้อนเปิดดูที่โรงจอดรถ อ่านจบเค้าก็รีบเข้ามาในบ้าน พูดว่า....”ยูต้องบินกลับเมืองไทยคนเดียวทันทีไอไม่สามารถไปกับยูได้” หัวใจมาดามหล่นตุ้บลงไปกองที่เท้า..ทำไมคีธพูดอย่างงั้น??? คว้าเอกสารมาอ่านอย่างงง ๆ งวย ๆ... มันเป็นเอกสารที่เรียกว่า Denial Notice จาก USCIS-Vermont Service Center อ่านแล้วไม่รู้เรื่องจับความไม่ได้ มึน!....คีธก็พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง...หูอื้อ...ตาลาย...มึนไปหมด...ทำไงดี??? มาดามวางมันลงไว้ที่โต๊ะและนั่งสงบสติอารมณ์พักใหญ่ ๆ รอจนคีธหุบปากเงียบไปแล้วมาดามก็หยิบมันขึ้นมาอ่านใหม่ อย่างถี่ถ้วน...

เอกสารฉบับนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง การยื่นขอกรีนการ์ดแต่ประการใด ทว่ามันเป็นคำตอบสำหรับ การยื่นคำขอขยายระยะเวลาการพำนัก (I-539 Application to Extend/Change Non immigration Status) ที่ส่งมาจากสำนักกฎหมายของ USCIS แจ้งว่า “ทางการไม่สามารถขยายระยะเวลาฯ ให้ได้เพราะเหตุผลของการขอฯ ไม่อยู่ในลิสต์ที่ทางการกำหนดไว้ดังนั้น ท่านต้องรีบเดินทางออกนอกประเทศทันที หากยังรีรอจนวีซ่าหมดอายุท่านจะอยู่อย่างผิดกฎหมาย...แต่หากท่านไม่เห็นด้วยกับการพิจารณานี้ และหากวีซ่ายังไม่หมดอายุท่านต้องยื่นขออุธรณ์ภายใน 33 วัน”

มาดามอ่านถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าน่าจะยังมีทางรอดการยื่นอุทธรณ์น่าจะแปลว่ามาดามไม่ต้องบินกลับทันที เพราะต้องอยู่ดำเนินการอุทธรณ์ (คิดเอาเองอีกแหละ) มาดามคิดว่า จะดียิ่งกว่านั้นถ้าวันนี้...พรุ่งนี้ได้รับหนังสือรับรองการเกิด ก็แค่รีบเอาไปยื่นเพิ่ม ทางการก็พร้อมจะอนุมัติกรีนการ์ดให้แล้วดังนั้น เอกสารจากสำนักกฎหมายก็จะเป็นอันตกไป....ภาวนา ๆ ๆ ขอให้ได้รับหนังสือรับรองการเกิดภายในพรุ่งนี้ทีเถิ้ด!!!

ต.ค. 2558 คำภาวนาของมาดามดูเหมือนจะมีพลังเอาเรื่อง... เสียงกริ่งดังที่หน้าบ้าน....คีธเปิดประตูพบมิสเตอร์โพสต์แมน ยื่นซองพร้อมกับบัตรเซ็นชื่อผู้รับ....มาดามถลามาคว้าซองจากมือคีธ...ใช่แล้วมันคือสิ่งที่กำลังรอคอย...เราต้องรอดต้องไม่ถูกจับก่อนรับการอนุมัติกรีนการ์ดและไม่ต้องบินกลับทันที!...เราจะไป USCIS-St. Louis เพื่อยื่น Additional Documents ซึ่งมาดามได้เตรียมไว้ทั้งหมด พร้อมทำ List ปะหน้าเพื่อให้ตรวจสอบได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นสำหรับสาวใหญ่ในร่างมืดคนนั้น...

มาดามรีบชวนคีธไปยื่นเอกสารในทันทีแต่เขาบอกว่า ไว้เป็นวันถัดไปละกัน...(ดูเอาเถอะ..คนไร ช่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกำลังหน้าซิ่วหน้าขวาน ยังจะผลัดวันประกันพรุ่งSmiley) มาดามบอก เราต้องฉวยโอกาสนี้มันเป็นโอกาสสุดท้าย ช้าแค่วันเดียวเราอาจสูญเสียทุกอย่าง และอาจถูกจับและนั่นหมายถึง มาดามจะไม่มีสิทธิ์กลับเข้าประเทศนี้ได้อีกเลย...ในที่สุดคีธก็ยอมตาม...ขับรถไปสองชั่วโมง ก็ถึง USCIS-St.Louis มาดามนั่งรอที่เก้าอี้ ใจระทึก ส่วนคีธเข้าไปแจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งขณะนั้นมีเพียงหนึ่งน้องนางเดียวให้บริการคนกว่าสิบ...นางบอกว่ายูต้องไปทำขั้นตอน INFO PASS ก่อน คือนัดหมายออนไลน์ล่วงหน้าสำหรับการนี้นางชี้ไปที่ทางเข้าซึ่งมีเครื่อง Kiosk ตั้งอยู่ แต่มาดามไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม และเมื่อใช้เครื่องนั้นแล้วจะต้องดำเนินการไงต่อ...วันนี้ รึว่า วันไหน??

มีสองหนุ่มสาวนั่งรอที่เก้าอี้แถวเดียวกับเรา เมื่อเธอได้ยินความเช่นนั่น เธอพูดกับคีธว่า นัดออนไลน์ผ่านมือถือก็ได้...คีธควักมือถือตัวเองออกมา พยายามไปที่เว็บนั้นแต่ทว่าดูเหมือนอินเทอร์เน็ทมือถือเค้าใช้การไม่ได้ในตึกนี้...สาวน้อยผู้อารีจึงยื่นมือถือของเธอให้คีธยืม เค้าก็พยายามอยู่สักครู่แต่แล้วเจ้าหน้าที่ก็พลันเรียกให้เธอไปรับบริการที่เค้าน์เตอร์ คีธจึงต้องคืนมือถือให้เธอไป

เราสองคนก็ได้แต่เดินออกมาและคีธก็พยายามใช้เครื่อง Kiosk ตรงทางเข้านั่น แต่มันก็ไม่เวิร์ค ล็อคอินไม่ได้ท่านผู้ชม เค้าเลยหัวเสียและชวนมาดามกลับบ้าน....มาดามอยากจะร้องไห้ ชักกระแด่ว ๆ ที่ตรงนั้นซะจริงๆ...ดูเหมือนความหวังเดียวของมาดามจะลางเลือนลงทุกขณะภาพที่ตัวเองกำลังบอกลาสามีเพื่อไปขึ้นเครื่องค่อย ๆ ปรากฏเด่นชัดขึ้นที่ละนิดๆ...ขณะเดินตามเค้าลงไปที่ชั้นล่าง เราเริ่มทะเลาะเสียงดัง เพราะมาดามขอร้องเค้าให้พยายามต่อ...กลับตอนนี้ไม่ได้...เราอยู่ที่นี้แล้ว...ทำไมต้องกลับโดยที่เอกสารยังอยู่ในมือ...มันต้องมีทางอื่นอีกซิ!!! (ทำไมสามีของฉันเป็นคนขี้แพ้ไม่เคยใช้ความพยายาม ไม่ยอมถามผู้คน คิดเอาเองแบบไร้ข้อมูลถ้าฉันต้องบินกลับเมืองไทย ก็จะไม่กลับมาที่อเมริกานี่อีกเด็ดขาดเลิกกันไปเลย...นี่คิดแบบนี้ในเวลานั้น โกรธมว๊าก!)

เค้าพามาดามเดินผ่านด่านตรวจออกมา มาดามเดินตามช้า ๆ อย่างเสียไม่ได้และครุ่นคิดอย่างหนัก...ตรงหน้าทางออกจากสำนักงานเห็นมีม้าหินตั้งอยู่ มาดามบอกว่าขอนั่งตรงนี้ก่อน...แค่ยื้อเวลาไว้ก่อนเผื่อมีไอเดียอื่นแว่บมา...เขาทำท่าหงุดหงิดเดินออกประตูไปมาดามไม่เดินตามได้แต่ตะโกนยื่นคำขาดว่าถ้าวันนี้ไม่หาทางยื่นเอกสารให้ได้มาดามจะกลับเมืองไทยทันที ไม่ต้องให้ใครมาไล่จับแล้วจะไม่กลับมาเหยียบเมกาอีกเลย...ขาดกัน!!!!!!!นั่นแหละ เขาจึงเดินกลับมายืนรอข้าง ๆ....

มาดามมองไปด้านในดูคนเดินผ่านด่านตรวจเข้า-ออก คิด ๆ ๆ ทำไง ๆ...ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าฉันควรทำไงและต้องทำวันนี้ เดี๋ยวนี้ ก่อนที่คีธจะลากมาดามกลับออกไป....สายตามาดามจับจ้องที่เจ้าหน้าที่ชายตรงด่านตรวจ อืม...น่าจะลองถามเขา มาดามรวบรวมความกล้า เอาวะเขาจะฟังรู้เรื่อง หรือไม่ก็ต้องพูดดูสักตั้ง...สาวเท้าเข้าไปหาเขาเล่าเรื่องราวให้ฟัง ขอให้ช่วยชี้แนะ....เขาก็บอกว่า จริง ๆ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยได้แต่ตรวจคนผ่านเข้า-ออก....แต่แนะว่าให้เข้าไปในห้องที่ชั้นหนึ่ง ตรงนั้น และถามเจ้าหน้าที่ข้างในมาดามกลับมาลากแขนคีธกลับเข้าไปชั้นที่หนึ่ง ห้องนั้น...มันเป็นห้องที่มาดามเคยมาทำ Biometric นี่นา....เอาเหอะมันจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ขอถามหน่อยละกัน...เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ฟังความเธอก็บอกไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ต้องเป็นชั้นสอง...ก็ชั้นที่มาดามเพิ่งจะลงมาน่ะแหละ...คีธไม่อยากลับขึ้นไปเขาไม่เชื่อว่าจะมีทางเป็นไปได้เพราะเธอคนนั้นบอกชัดแล้วว่าจะต้องทำการนัดวันเวลาที่เครื่องคีออสค์นั่นเสียก่อนเขาเพียงแค่คิดว่าจะขับรถกลับบ้านสองชั่วโมง แล้วทำการนัดออนไลน์แล้วค่อยขับรถอีกสองชั่วโมงเอาเอกสารมาส่งแล้วก็ขับกลับอีกสองชั่วโมง...เฮ้อ ซึ่งมาดามไม่รู้ว่าถ้าทำอย่างนั้น แล้วมันจะได้รับวันนัดนานแค่ไหน...เวลาของการพำนักอย่างถูกต้องตามกฎหมายมันหมดไปตั้งสี่เดือนแล้ว...

ลากคีธกลับไปที่ชั้นสองจนได้และครั้งนี้มาดามออกโรงเอง...ตรงรี่กลับไปหาเจ้าหน้าที่หญิงคนเดิมที่คีธคุยด้วยแล้วบอกเธอไปว่า “เมื่อตะกี้เราได้ไปใช้เครื่อง Kiosk นั่นแล้ว แต่ว่ามันไม่ทำงานเราทำอะไรไม่ได้เลย เราขับรถมาสองชั่วโมง เราจำเป็นต้องยื่นเอกสารนี้ให้ได้ในวันนี้เพราะเวลาของเรากำลังจะหมด”....นั่นแหละเธอจึงขอดูเอกสาร และถามสองสามประโยค....แล้วเธอก็ตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์...แล้วเธอก็ทำนู่นนี่ นั่น กับมันสักครูนึง ระหว่างนั้นมาดามจ้องดูเธอตาไม่กระพริบ...แล้วเธอก็เงยหน้ามองเราสองคน...มาดามใจระทึกกับสิ่งที่กำลังจะได้ยิน....แล้วเธอก็พูดว่า“ทั้งหมดเรียบร้อยแล้วเอกสารชุดนี้กำลังจะถูกส่งให้เจ้าของเคส” มาดามตัวเบาหวิวเหมือนยกเทือกเขาหิมาลัยออกจากอก...กล่าวขอบคุณเธออย่างลิงโลด....Have A Nice Day! นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเธอพร้อมส่งยิ้มให้เราสองคน...

7 ต.ค. 2558 ทางการออกหนังสือแจ้งอนุมัติ I-130 Petitionfor Alien Relative, I-485 Application to Register Permanent Residence or Adjust Status ....ความว่า “ยินดีต้อนรับสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา...นี่เป็นการแจ้งว่าคำขอฯของท่านได้รับการอนุมัติแล้ว ด้วยความยินดียิ่ง เราขอต้อนรับท่านสู่ถิ่นพำนักถาวรในประเทศสหรัฐอเมริกาฯลฯ”...ข้อความหลังจากนั้นก็จะเป็นการบอกเกี่ยวกับหมายเลขสำคัญที่เราต้องจดจำเพื่อการอ้างอิงในกรณีที่ติดต่อเรื่องในภายภาคหน้าที่เรียกว่า USCIS A# (A-Number) ประกอบด้วย PermanentAccount, File Number…และ Permanent Resident Card จะถูกส่งมาถึงในอีกไม่ช้า (ไม่เกิน 3 สัปดาห์) กรีนการ์ดถูกส่งมาถึงบ้านหลังจากนั้นเพียงแค่สัปดาห์เดียวเอง

แม้จะได้รับหนังสือแจ้งการอนุมัติฯแต่ในระหว่างที่ยังไม่ได้รับ Permanent Resident Card มาดามอยู่อย่างผิดกฎหมายนะท่านผู้ชม หากความซวยมาเยือน แบบว่าเจอตำรวจขอดูพาสพอร์ตมีหวังโดนข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมายแน่...เลยต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนรอกรีนการ์ดมาเกย!!!....สิริรวมระยะเวลาการยื่นขอกรีนการ์ดในแบบนี้ล่อไป 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) อันที่จริงถ้าเคสไม่ถูกโอนไป-มาสองสามรอบและถ้าเอกสารหลักฐานครบตั้งแต่ครั้งแรกมันก็แค่ 6 เดือนแหละ ไม่มาก ไม่น้อย...

Permanent Resident Card หรือที่มักเรียกกันว่ากรีนการ์ด (สองปี) มีประโยชน์ยังไง? มาดามใช้มันทำอะไรได้บ้าง...มาดามจะเขียนต่อตอนถัดไปนะจ๊ะ...Smiley

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ




Create Date : 08 พฤษภาคม 2559
Last Update : 24 พฤษภาคม 2559 7:41:52 น. 2 comments
Counter : 1271 Pageviews.  
 
 
 
 
โอ้ยยย อ่านแล้วลุ้นหัวใจจะวาย ทำไมตื่นเต้นแบบนี้ แต่ยินดีด้วยค่ะที่สุดท้ายแล้วทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จะติดตามอ่านเรื่อยๆ นะคะ

^ -- ^
 
 

โดย: Jasmine IP: 43.249.70.106 วันที่: 10 พฤษภาคม 2559 เวลา:14:30:12 น.  

 
 
 
ขอบคุณ คุณ Jasmine ที่ส่งเสียงมาค่ะ
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2559 เวลา:3:24:51 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com