ติสตู นักปลูกต้นไม้ โมรีส ดรูอง แต่ง อำพรรณ โอตระกูล แปล ถ้าใครเคยอ่านและรักเจ้าชายน้อย ที่มาจากดาวดวงกระจิ๋ว ผู้เปล่าเปลี่ยวและขี้เหงา คุณก็จะรักและซาบซึ้งกับติสตูที่น่ารัก โอบอ้อมอารี และมีน้ำใจได้ไม่แพ้กัน สำหรับข้าพเจ้าขอลำเอียงเล็กน้อย ว่าซาบซึ้งและจดจำ ติสตูมากกว่าสัก 0.1 มิล
เรากำลังอ่านหนังสือที่เขียนขึ้นโดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยออกล่าอาณานิคม และฝากความเจ็บช้ำ ความบาดหมางให้กับไทยและกัมพูชา จนถึงทุกวันนี้ และเป็นหนังสือเด็กเล่มเดียวที่เขียนโดยผู้เขียนท่านนี้ ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่า เล่มเดียวเล่มนี้จะเป็นเล่มที่รวมเอาความดี ความงาม และความสุข ไว้ได้มากมาย ทุกตอนของเรื่อง ยังคงทันสมัยและใช้เป็นแนวทางให้กับลูกหลาน แม้กระทั่งเป็นแนวทางให้กับผู้นำ ทางการเมือง และการทหาร ติสตูคุยกับคุณตรูนาดิส ผู้เจ้าระเบียบ คนสนิทของคุณพ่อ : เราขังเขาไว้ที่นั้น (นักโทษในคุก) เพื่อรักษาให้เขาหายจากการเป็นคนไม่ดีหรือครับ
ติสตูถามคนเฝ้าสวนสัตว์ถึงที่มาของสัตว์จากแอฟริกา หรือว่าจากเอเชีย : เราขออนุญาตมันหรือเปล่า ก่อนที่จะนำมันมาที่นี่?
เมื่อติสตูถามคุณตรูนาดิส เกี่ยวกับสงคราม และการขยายตัวของสงคราม ติสตูถูกตบหน้าเป็นการทำโทษ : สงครามเป็นแบบนี้เอง! เขาขอให้เราอธิบาย เราแสดงความคิดเห็นของเรา แล้วก็เพี้ยะ! เราก็โดนตบหน้า นี่ถ้าฉันทำให้ต้นกระบอกเพชรงอกในกางเกงของแกนะ แกจะว่าอย่างไร (น่าสงสาร และน่าขบขัน ไปพร้อม ๆ กัน แล้วก็...ผู้ที่ชอบบอกว่า ฉันรับฟังความคิดนะ เขาก็เป็นแบบนี้แหละ) รวมทั้งคำพูด ความคิด ที่น่ารักของติสตู ก็ทำให้ยิ้มได้ ซึ่งเป็นยิ้มอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่า เสียงทีวี ที่ดังมาแว่ว ๆ จะเป็นข่าวการเหตุวุ่นวายในลีเบีย ที่บานปลายจนไม่รู้ว่ากว่าจะจบ อีกกี่ชีวิตที่ต้องดับดิ้นลงไป กลับมาที่ติสตูดีกว่า ยิมนาสติค ฟังฉันนะ แล้วอย่าไปบอกใครเสียเล่า ดอกไม้สามารถสกัดกั้นความชั่วร้ายได้ ติสตูกระซิบกับม้าแกลบ บางครั้งเด็กอย่างติสตู ก็ทำให้เราเศร้า เพราะว่าความบริสุทธ์ของเด็ก หลังจากที่คุณตรูนาดิสอธิบายให้ติสตูฟังถึงอานุภาพของปืนใหญ่ที่สร้างจากโรงงานของคุณพ่อให้ฟัง ว่า มันสามารถทำลายบ้านใหญ่ ๆ อย่างบ้านติสตูได้สี่หลังทีเดียว : ถ้าเช่นนั้น ยิงปืนใหญ่แต่ละทีก็ทำให้มีติสตูที่ไม่มีบ้านถึงสี่คน กาโรลูส ไม่มีบันได้สี่คน อาเมลีไม่มีครัวสี่คน (คนรับใช้ในบ้านของติสตู เด็กที่เอื้อเฟื้อ) เนื้อเรื่องโดยย่อ สำหรับติสตู เด็กน้อย ที่เติบโตอยู่ท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น มีคนรัก มีสัตว์เลี้ยง ฐานะดี ซึ่งมันก็ไม่น่าจะปัญหาอะไร แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อติสตูอายุได้ แปดปี ถึงวัยเข้าโรงเรียน ที่โรงเรียน ติสตู ผู้เพียบพร้อมกับมีปัญหา ที่ทำให้ทางโรงเรียน แจ้งมาว่า ไม่อาจรับติสตูเข้าเรียนได้ เนื่องจาก เขา ไม่เหมือนคนอื่น คำคำนี้ ถ้าครอบครัวใด เคยได้ยินจากปากคุณครู คงจะเจ็บปวด และโกรธเกรี้ยว แต่ด้วยพ่อกับแม่ของติสตู ค่อนข้างเป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว ถึงแม้ว่า พ่อผู้สง่างามของติสตู จะประกอบอาชีพ และร่ำรวยจากการผลิต และ ค้าขายอาวุธสงครามก็ตามทีเถอะ พ่อของเขาจึงตัดสินใจให้ติสตูไปเรียนกับผู้มีความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่เป็นคนที่พ่อคัดเลือก ได้แก่ คุณลุงคนสวน (แน่นอนว่าเป็นคนละคน กับ คนสวนแช้นส์จากเรื่องที่เห็นและเป็นอยู่ เพราะคุณแช้นส์คนสวนคนนั้นเขาอยู่ที่โปแลนด์) คุณหัวหน้าคนงานเจ้าระเบียบ และคุณหมอที่ใจดี จากโรงพยาบาลที่คุณพ่อช่วยสร้าง การเรียนรู้จากชีวิตจริง สถานที่จริง เหล่านี้ ทำให้เกิดเรื่องปาฎิหาริย์ขึ้นมากมาย ซึ่งแต่ละเรื่องจะต้องใช้ความกล้าหาญ ความรัก และเมตตา รวมทั้งความเฉลียวฉลาดอย่างมาก ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ความตั้งใจ ที่จะไม่ทำใน สิ่งสำเร็จรูป ความคิดสำเร็จรูป ติสตู เด็กน้อยผู้มีนิ้วมือสีเขียว คิดที่จะแก้ไขคุกที่น่ากลัวให้เป็นปราสาท คิดที่จะปรับปรุงสลัมที่สกปรกให้เป็นสวนดอกไม้ที่สวยงาม ที่ต่างจากผู้ใหญ่เราคือ ติสตูไม่ได้หยุดแค่คิด แต่ ติสตูยังลงมือทำ ซึ่งข้อนี้แหละ ที่ต่างกับผู้ใหญ่ในปัจจุบัน ความเป็นผู้ใหญ่ทำให้เราได้แต่คิด แต่ไม่ได้ทำ แม้ในตอนสุดท้าย สิ่งวิเศษสุดที่เกิดขึ้นในการหยุดสงคราม ที่กำลังจะเกิดในดินแดนแถบทะเลทราย เมื่อปืนใหญ่ที่ยิงออกไปกลายเป็นดอกไม้ แน่หละ เราไม่สามารถยึดดินแดนกันและกันได้ ด้วยดอกไม้ ที่ติสตูทำขึ้น เกี่ยวกับต้นไม้ ดอกไม้ และอาวุธสงครามของพ่อนั้น จะทำให้โรงงาน คนงาน พ่อ และครอบครัว ต้องเดือดร้อน แต่พ่อและคนสนิทของพ่อ ก็คิดได้ จากตัวอย่างการกระทำของติสตู เราไม่อาจต่อต้านพลังของธรรมชาติได้ (ทั้งที่ เรื่องราวแบบนี้มันแถบจะไม่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ๆ เลย ไม่เว้นแม้แต่ ในแถบเอเชียตะวันออกกลาง ขณะนี้ แต่ผู้แต่งก็นำพาความสุข ความปิติมาสู่ผู้อ่านที่ทำให้เรื่องความขัดแย้งจบลงแบบนี้ เฮ่อ ) คำพูดที่ออกจากปาก ม้าแกลบตัวหนึ่ง ที่จะนำพาเราไปสู่ความเศร้า แต่ท้ายสุดก็ไม่เศร้าอย่างที่คิด ต้องขอบคุณผู้แต่งจริง ๆ เลย : เธอค้นพบว่า ความตาย คือ โรคร้ายประการเดียวที่ดอกไม้ไม่อาจขัดขวางให้เกิดขึ้นได้ อย่าลืมเก็บติสตู ไว้ที่ บ้านสักเล่มนะคะ
Free TextEditor
ฝากชื่อ ทักทายกันคะ
Create Date : 04 มีนาคม 2554 |
Last Update : 27 ธันวาคม 2554 11:42:48 น. |
|
7 comments
|
Counter : 6251 Pageviews. |
|
|
ยังพอจะจำได้เลย....น่ารักเนอะ