Group Blog
 
 
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
ไหว้เจ้าขอพรปีใหม่ ตอนที่ 2 วัดขุนด่านเจ้าพ่อเสือ,ศาลหลักเมือง

ไหว้เจ้าขอพรปีใหม่ ตอนที่ 2 วัดขุนด่านเจ้าพ่อเสือ,ศาลหลักเมือง
จากความตั้งใจเดิมคือการไปไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือ รถติดมากหาทางอยู่นานไม่มีที่จอด

พวกเราจึงตั้งใจว่าไปไหว้รอบนอกก่อนแล้วค่อยกลับมาเป็นเป้าหมายสุดท้ายจะดีกว่า

อาจจะมีที่จอด และคนบางตาลงบ้าง ผ่านจุดลานคนเมืองตรงข้ามกับเสาชิงช้า จุดนี้คึกคัก

เป็นพิเศษ เขามีอะไรกัน แล้วก็ถึงบางอ้อ นี่เลยที่เป็นจุด talk of the town ไฟประดับ 39

ล้านบาท หรือบางคนก็บอกว่า 40 ล้านบาทนี่แหละ ช่วงที่ผ่านเป็นช่วงเที่ยงๆ ป้ายไฟจึงยังเป็นลักษณะนี้อยู่





ผ่านเสาชิงช้า ถิ่นเดิมๆของย่าดาสมัยเรียนหนังสืออยู่





ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทั้งสามภาพเป็นการถ่ายแบบ snapshot บนรถ ใช้จับจังหวะเอา





เห็นเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมการดูแลความเรียบร้อยย่านนี้อยู่





การจราจรมีการปิดกั้นบางช่วง หาทางไปยังจุดหมาย มาโผล่ที่ ถนนถนนมหณรรพ





แล้วก็วกมาโผล่ที่เสาชิงช้านี่อีกครั้ง มีป้ายงานถนนคนเดินติดอยู่ที่แผงกั้น





ผ่านราชดำเนิน snapshot อีกครั้งเพื่อบันทึก timing ณ ขณะนั้น





จากนั้นก็ยาวไปจนถึงจุดเป้าหมาย คือศาลขุนด่านเจ้าพ่อเสือ





------------


ขุนด่านเจ้าพ่อเสือ บางหว้า


ขุนด่านเจ้าพ่อเสือ บางหว้า หรือที่นิยมเรียกว่า ศาลเจ้าพ่อเสือ บางหว้า

หรือ ศาลเจ้าพ่อเสือ ภาษีเจริญ เป็นศาลเจ้าจีนตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม

แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ


ศาลเจ้าพ่อเสือ บางหว้า แห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในยุคที่มีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นยุคที่มีการตัดถนนและเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ

มากมาย เดิมที ศาลแห่งนี้เป็นเพียงศาลเพียงตาเล็ก ๆ ริมถนน ต่อมาได้

มีการขยายถนนให้ใหญ่ขึ้น ศาลเพียงตาจึงถูกดินที่ขุดขึ้นมาฝังกลบจนมิด

ต่อมาได้มีผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น คือนายประเสริฐ ธรรมมา อดีตผู้ก่อตั้ง

ศาลฝันเห็นมีนักรบโบราณ บอกให้นำศาลที่ฝังดินนั้นขึ้นมา เมื่อตื่นขึ้นจึง

ได้ขุดศาลขึ้นมาและบูรณะจนกลายมาเป็นศาลเจ้าเช่นในปัจจุบัน


ในอดีตเป็นที่เล่าลือกันว่า มีผู้พบเห็นเสือโคร่งตัวใหญ่วนเวียนอยู่บริเวณนั้น

จึงเป็นที่มาของศาล ส่วนองค์ประธานในศาล คือ "ตั่วเหล่าเอี๊ย" หรือ เจ้าพ่อเสือ

เช่นเดียวกับศาลเจ้าพ่อเสือ พระนคร ในเขตพระนคร และเจ้าพ่อขุนด่าน

ที่เชื่อว่าคือ นักรบโบราณผู้นั้น เป็นเจ้าเมืองหน้าด่านกรุงธนบุรี หนึ่งในทหารเสือ

ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยุคธนบุรี


ศาลเจ้าพ่อเสือ บางหว้า ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่จากผู้มีจิตศัทธรา ขึ้นชื่ออย่างมาก

ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในปัจจุบันด้านข้างของศาล มีลานสำหรับฉายภาพยนตร์

แก้บนอย่างถาวร สำหรับผู้ที่มาบนบานต่าง ๆ แล้วได้ตามที่บนบานไว้ มีการฉายทุกวัน

วันละ 3 เรื่อง เริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน และผู้ที่ขับขี่พาหนะผ่านไปมา มักจะแสดง

ความเคารพด้วยการยกมือไหว้หรือกดแตรเสียงดัง และในงานเทศกาลต่าง ๆ เช่น

ตรุษจีน, สารทจีน ทางกรรมการศาลเจ้าจะมีการอัญเชิญเทวรูปองค์เจ้าพ่อมาให้สักการะ

บริเวณด้านหน้าศาลอีกด้วย ส่วนงานประจำปีของศาลจะอยู่ในช่วงต้นเดือนมีนาคมของทุกปี


จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


มีที่เผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่มุมซอยฝั่งซ้าย(ตัวศาลเจ้าอยู่ฝั่งขวา)





องค์ประธานในศาล คือ "ตั่วเหล่าเอี๊ย" หรือ เจ้าพ่อเสือ เช่นเดียวกับศาลเจ้าพ่อเสือ พระนคร

ศาลเจ้าขุนด่านเจ้าพ่อเสือ บางหว้า ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ระหว่างซอยเพชรเกษม 46

และ 46/1 เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 - 19.30 น

.









ไหว้ขอพร





จุดธูปไหว้





ไหว้ตรงศาลพระภูมิ ด้านหน้าของศาลขุนด่านเจ้าพ่อเสือ





ส่วนหลังคาของศาลขุนด่านเจ้าพ่อเสือ





จากนั้นก็เติมน้ำมันตะเกียง





เป้าหมายที่สามคือศาลหลักเมือง ทีแรกนึกว่าจะไม่มีที่จอดรถ แต่ก็หาจนได้ เข้าตรงด้านข้าง

ขับไปยังด้านหลัง พอมีที่จอดอยู่บ้าง





เข้าไปด้านในกันเลยค่ะ





สวยงามมาก





สวยตะลึงไปเลยค่ะ ไม่เคยได้เข้ามาชมใกล้ๆขนาดนี้มาก่อน





close up ลวดลายบนหน้าจั่ว งดงาม อ่อนช้อย ลายละเอียดสวยงามสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว





การมาครั้งนี้เป็นการมากราบไหว้ การถ่ายรูปจึงต้องทำใจ เลือกช่วงเวลาถ่ายไม่ได้ค่ะ

ถึงจะมีเบาบังก็ยังดูสวยงามอยู่ดี





ขอนำข้อมูลมาลงไว้ประกอบภาพนะคะ

“ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร” คู่บารมีกรุงรัตนโกสินทร์


กรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรของประเทศไทยนั้นก็มีเสาหลักเมืองคู่บ้านคู่เมือง

มาตั้งแต่ครั้งสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเสาหลักเมืองประดิษฐานอยู่ภายในศาล

หลักเมืองกรุงเทพมหานคร ใกล้กับวัดพระแก้ว


ความแปลกโดดเด่นของศาลหลักเมืองกรุงเทพฯนี้ เห็นจะอยู่ตรงที่มีถึง 2 หลัก

ด้วยกัน โดยเสาหลักแรกสร้างขึ้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1)

โปรดเกล้าให้ทำพิธียกเสาหลักเมืองสถาปนาพระนครใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 8 ขึ้น 10 ค่ำ

ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 6.45 นาฬิกา ซึ่งใช้ไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง

โดยประกอบด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ที่มี เส้นผ่าศูนย์กลาง 75 ซ. สูง 27 ซม. และกำหนด

ให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน 10 นิ้ว ฝังลงในดินลึก 79 นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม

สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมือง

เรียกได้ว่าเสาหลักเมืองนี้เป็นสิ่งก่อสร้างอันศักดิ์สิทธิ์แรกๆ ที่อยู่คู่กับพระนคร


ส่วนเสาที่ 2 สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร. 4)

ทรงโปรดเกล้าให้มีการขุดเสาหลักเมืองเดิม และจัดสร้างเสาหลักเมืองขึ้นใหม่

ทดแทนของเดิมที่ชำรุด เป็นแกนไม้สัก ประกอบด้านนอกด้วยไม้ชัยพฤกษ์ 6 แผ่น

สูง 108 นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง 70 นิ้ว บรรจุดวงเมืองในยอดเสาทรงมัณฑ์ที่มี

ความสูงกว่า 5 ม. พร้อมกับอัญเชิญหลักเมืองเดิม และหลักเมืองใหม่ ประดิษฐาน

อยู่ใกล้กันในอาคารศาลหลักเมืองที่มียอดปรางค์ ก่ออิฐฉาบปูนขาวที่ได้แบบ

อย่างจากศาลหลักเมืองอยุธยา


ด้านจุลภัสสร ได้แสดงทัศนะถึงเหตุที่เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ มี 2 เสา ก็เพราะว่า

“ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีกษัตริย์ด้วยกัน 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

เพราะพระปิ่นเกล้าฯ มีดวงพระชะตาเรียกว่าเสมอกันกับพระองค์ พระองค์ก็เลยสถาปนา

ให้เป็นพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ที่ 2 ฉะนั้นเมื่อมีพระเจ้าอยู่หัว 2 องค์ในแผ่นดินเดียวกัน

จึงโปรดเกล้าให้สถาปนาหลักเมืองขึ้นมาอีกหลักหนึ่ง คือเหมือนกับแผ่นดินซ้อนแผ่นดิน

เลยต้องมีเสา 2 ต้น”
ซึ่งปัจจุบันนี้เสาหลักเมืองทั้ง 2 หลักถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยให้ความเคารพ

เป็นอย่างมาก ในแต่ละวันจะมีผู้คนมากราบไหว้ขอพรจากองค์หลักเมืองกันเป็นจำนวน

มาก โดยทางศาลได้จัดพื้นที่ด้านนอกวิหารไว้ให้ประชาชนได้จุดธูปไหว้ และมีเสาหลักเมือง

จำลองให้ประชาชนได้มาทรงน้ำ ปิดทอง และผูกผ้าแพรที่เสา ก่อนที่จะเข้าไปสักการะ

องค์หลักเมืองของจริงที่อยู่ด้านใน


ขอบคุณเวบผู้จัดการคลิ๊กอ่านตรงนี้ค่ะ





ลวดลายพญานาคบนหลังคา สีสันสวยงาม อ่อนช้อยมาก





จะเห็นยอดพญานาคสีขาวเล็กๆ ประดับเรียงราย สวยงามสุดประทับใจ





เราตั้งของไหว้ไว้ตรงนี้ และไปจุดธูปไหว้ตามจุดต่างๆ





มองออกไปด้านนอก จดขอบฟ้า ท้องฟ้าสีฟ้า เมฆปุยขาว เสริมบรรยากาศให้ดู

สดชื่น จิตใจเบิกบานแจ่มใส





แสงสีทองของพระอาทิตย์ช่วงเย็น ทอทาบ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในหัวใจ





ไหว้อธิฐานขอพร เป็นการเริ่มศักราชใหม่ที่เป็นมงคลแก่ชีวิต





บัวสัตบงกช(สีชมพู) และ บัวสัตบรรณ(สีเขียว) เป็นดอกไม้ที่นิยมใช้ไหว้บูชา





นำผ้าเจ็ดสีมาผูกที่ศาลหลักเมืองจำลอง ศาลหลักเมืองจริงห้ามค่ะ

เข้าไปไหว้อธิฐานได้เท่านั้น





เข้าไปไหว้ ศาลหลักเมืองของจริง ในรูปเป็นเสาต้นที่สองซึ่งด้วยมุมภาพ

บดบังต้นแรกมิด หามุมถ่ายไม่ได้ ด้วยคน และแสงสะท้อน





จึงขอนำภาพจากวิกิมาลงให้ชมค่ะ





ลวดลายไทยงามๆที่ด้านข้าง





ลวดลายสวยๆที่หลังคา





จุดนี้ไหว้วางดอกไม้ธูปเทียนได้ แต่ไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนค่ะ





หลังจากไหว้เสร็จแล้ว ย่าดาขอเวลานอกขอถ่ายวัดพระแก้วสักช๊อตสองช๊อต





ตรงช้างเอราวัณ กลางสามแยก





จากนั้นก็เดินกลับไปทางเดิม เก็บภาพระหว่างทางมาฝาก จุดขายพวงมาลัยไหว้พระ





ที่นี่คนมากราบไหว้บูชาเยอะมาก ทะยอยกันมาเรื่อยๆ











เราอยู่ตรงจุดนี้ค่อนข้างนาน จากบ่ายแก่ๆจนอาทิตย์ลับขอบฟ้ากันเลยทีเดียว





สั่งลาเป็นรูปสุดท้าย





เย็นนี้หรืออาจจะช่วงค่ำๆ จะมีการแสดงลิเก โรงลิเกตั้งฉาก และ

อุปกรณ์ต่างๆเตรียมพร้อมแล้วค่ะ


พวกเราไม่ได้อยู่ดู เพราะจะไปยังเป้าหมายสุดท้าย(ซึ่งก็คือจุดหมาย

ที่สองที่ตั้งใจไว้) คือศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า

เสียเวลาตรงทางออกนี่ค่อนข้างมาก เนื่อจากมีรถเข้าอยู่ตลอดเวลา

ต้องถอยหลังหาที่จอดแอบให้รถเข้า





ภาพสุดท้ายก่อนเดินทางออกจากจุดนี้





กว่าจะมาถึงจุดหมาย ประมาณ 6โมงเย็น ศาลแห่งนี้ปิดไปตั้งแต่ 5โมง

เมื่อตั้งใจมาไหว้แล้ว

เราจึงถือของไหว้ อธิฐานกันที่หน้าประตูศาลเจ้ากัน ถือว่าได้มาไหว้แล้วค่ะ

ขอให้ทุกท่านโชคดีวันปีใหม่ พ.ศ. 2559 นี้นะคะ


ย่าดา รายงาน



Create Date : 15 มกราคม 2559
Last Update : 15 มกราคม 2559 20:04:17 น. 2 comments
Counter : 3087 Pageviews.

 

มาเยี่ยมชม มาทักทาย

มาตามไหว้พระด้วยคนครับ ที่ศาลเจ้าพ่อเสือถนนตะนาวนี้ผมยังไม่เคยไปเลยครับ เคยไปแต่ที่ถนนเพชรเกษมครับ ส่วนศาลหลักเมืองเคยไปไหว้ครั้งเดียวเองครับ ไว้จะหาโอกาสไปอีกครับ

ช่วงนี้ย่าดาออกทัวร์บ่อยอีกแล้วใช่ไหมครับ?

อิอิ



โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 15 มกราคม 2559 เวลา:22:30:17 น.  

 
ไม่บ่อยหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นไปธุระเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ไปกินข้าวนอกบ้านจ๊ะ


โดย: ดา ดา วันที่: 16 มกราคม 2559 เวลา:0:11:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดา ดา
Location :
1 Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดา ดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.