5555

 

ญี่ปุ่นจะรับเด็กเข้าอนุบาลตอนอายุ3ขวบค่ะ โดยเกณฑ์ในการรับเด็กเข้าเรียนในฤดูใบไม้ผลิ หรือเดือนเมษานะคะ จะเด็กรับเด็กที่เกิดไม่เกินวันที่ 1เมษายนค่ะ ถ้าเกิดตั้งแต่2เมษาไป นับไปสมัครต่อปีหน้าเลยจ้า

 

น้องไหมเกิดหลังวัน1เมษา นังเลยต้องเข้าอนุบาลในปีต่อไป อีแม่ก้อเกิดกลัวลูกไม่พร้อม เลยอยากจะเอาเข้าเนอร์สเซอรี่(แบบประจำ5วัน) ลูกจะได้เตรียมความพร้อม จะได้มีเพื่อนเล่น จะได้รู้จักวินัย จะได้ห่างมือถือและแม่เองก้อจะได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง แม่จะได้ออกไปหางานทำบ้าง เงินก้ออยากได้ ลูกก้ออยากกอดนิคะ 

 

แต่อีกใจนึ่ง โถๆๆอีแม่เองสิ กล้าห่างจากลูกมั้ย555 ทุกวันนี้เราตัวติดกันแทบจะ24ชม. อยากกอดลูกเยอะๆ เพราะอีกหน่อยนังมีเพื่อน นังคงติดเพื่อน ติดเล่นตามวัยนังไป อีแม่คงเหงา ดราม่าไปค่ะ 😭

 

ทุกวันนี้ เราก้อเอาไหมฝากเนอร์สเซอรี่รายวันอยู่แล้วค่ะ มันก้อดีนะคะ มันเป็นแบบนี้ค่ะ เราเรียกว่า "อิจิจิโฮอิคุเอ็น"ค่ะ คือฝากลูกเป็นรายวัน

1สัปดาห์ได้ไม่เกิน1-3ครั้งค่ะ 

ทำไม1-3ครั้งคะ มันคือแบบนี้ค่ะ

ถ้าคุณแม่ไม่ได้ทำงานไร อยากแค่มีเวลารีเฟรชตัวเองหรือมีธุระเอาเจ้าตัวน้อยห้อยตามไม่ได้ จะฝากได้แค่อาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้าคุณแม่มีงานประจำหรืองานพิเศษทำ ก้อจะฝากได้ไม่เกิน3วันอาทิตย์ค่ะ บืมบอกไปแบบนี้ไม่ฟรีนะคะ มีค่าใช้จ่ายค่ะต่อวันค่ะ อย่างน้องไหมเด็กสองขวบ จะตกวันละ2500เยน บวกค่าอาหารและอาหารว่าง500เยนค่ะ โรงเรียนเข้าตั้งแต่7:30-17:00ค่ะ เวลาเข้าออกนี่ก้อแล้วแต่ที่อีกนะคะ 

 

ส่วนการจอง ก้อง่ายนิดเดียว โทรจองค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าได้ทุกวันที่ต้องการนะคะ ต้องเช็คอีกทีวันนั้นเด็กมากเด็กน้อยเข้าได้ไม่ได้ไม่ได้อีกทีค่ะ

 

การติดต่อเอาตัวน้อยเข้าเนอร์สเซอรี่ในญี่ปุ่นนะคะ ตรงไปเลยค่ะ อำเภอแต่เขตของเมืองค่ะ 

เค้าจะสอบถามความต้องการมา ถ้าด่วนมากจะเอาเข้าเลยณ.บัดnowละก้อ เค้าก้อมีเอกสารแผ่นที่เบอร์โทรพร้อม แล้วselfserviceเลยค่ะ ไล่โทรถามแต่ละโรงเรียนเองว่า อิจิจิโฮอิคุเอ็นเต็มมั้ยคะ รับได้มั้ยคะ ถ้าโอเคว่าง ก้อเข้าไปคุยกะครูที่นั้นเลยค่ะ แต่ถ้ารอได้ ก้อกรอกสมัครเอกสารทิ้งไว้ (วิธีเป็นไงต่อไม่ทราบจิงๆ😞ค่ะ )

 

ตอนที่เราไปสมัคร คือไล่ไปถามแต่ละโรงเรียนว่ารับเด็กมั้ย พอเจอโรงเรียนว่าง เค้าก้อนัดเราไปคุยค่ะ รับเอกสารมากรอก จะมีเอกสารเกี่ยวกับประวัติตัวลูก เกิดกี่โล แพ้หรือป่วยอะไรมั้ย เดิน คลาน กลิ้ง คว่ำต้องกี่เดือน ทานข้าวเองได้มั้ย ชอบไม่ชอบอะไร นิสัยเป็นไง ป่วยง่ายมั้ย ใช้ผ้าอ้อมวันละกี่ผื่น พูดได้ยังขนาดไหน ไรแบบนี้อะค่ะ และขอเอกสารยืนยันการทำงานขอพ่อแม่ หลังจากส่งเอกสาร ก้อจะนัดคุยกันอีกทีค่ะ 

แต่อีแม่ได้ยินเค้าบอกจะขอสัมภาษณ์ อีแม่อีพ่อก้อจัดเต็มสิคะ ใส่สูทผูกไทด์ ชุดดำ จัดเต็มเลยค่ะ กลัวเค้าไม่รับลูกเราจัด แต่สรุป แค่เข้าไปคุยค่ะ 

 

เข้าไปคุยก้อง่ายๆค่ะ ถามเกี่ยวกับเอกสารที่กรอกไป ว่าลูกเราเป็นไงบ้าง สุขภาพเป็นไง นิสัยดีนิยไม่ดีตรงไหน เพราะหลังจากนี้เค้าต้องดูแลลูกเรา เค้าต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกเราที่จำเป็นทั้งหมดค่ะ นอกจากนี้ยังคุยเกี่ยวกับการเตรียมพร้อม สิ่งของจำเป็นที่จะต้องใช้ในโรงเรียนด้วยค่ะ(ขอใช้ในเนอสเซอรี่ไว้คุยคราวหน้านะคะ) ตารางการเรียนการสอน ใครมารับลูกเราเป็นหลัก การจ่ายเงินไรแบบนี้อะค่ะ 

 

 หลังจากนั้นก้อนัดวันเข้าเรียนกันครั้งแรกไป

 

ไปส่งเรียนน้องไหมครั้งแรก อีแม่น้ำตาตก ห่างกันเป็นครั้งแรก อีลูกก้อร้อง อีแม่ก้อร้อง อีแม่ดูเวลาแทบจะตลอด 11โมงถึงเวลาทานข้าวแล้ว จะทานได้มั้ยหนอ เที่ยงถึงเวลานอนแล้ว จะนอนมั้ยเพราะไหมนังยังจุ๊บเต้านอนอยู่เลย (เนอร์สเซอรี่ส่วนใหญ่นอนกลางวัน3ชมค่ะ อีแม่ปาดเหงื่อที คืนนี้จะเข้านอนกี่โมงกัน) สามโมงช่วงอาหารว่าง หลังจากนั้นก้อไปรับได้แล้วค่ะ ดีนะที่ขาไปรับกลับ คุณครูใจดีมาก อธิบายลูกเราอย่างละเอียดมาก ว่าแต่ละชั่วโมงน้องเป็นไง ทำไรบ้าง เล่นยังไง เล่นกะใครบ้าง (บ้างโรงเรียนจะมีสมุดรายวันให้ทุกวัน แต่ที่นี่ไม่มีค่ะ คุณครูบอกปากเปล่าเอาค่ะ)

 

ห้องเรียนที่น้องไหมเรียนนะคะห้องที่นี่จะคละเด็กค่ะ ตั้งแต่เด็ก0ปีถึง5ขวบค่ะ วันนึ่งเด็กไม่เกิน10คนค่ะ มีคุณครูสองคนดูแลค่ะ ในห้องเรียนจะมีห้องน้ำอ่างล้างมือในตัว แบบโซนโต๊ะอาหาร โซนเล่นและนอน ค่ะ  สะอาดใช้ได้เลยค่ะ

กิจกรรมในแต่ละวันก้อมีสลับสับเปลี่ยนไปเช้าเล่นในสวนโรงเรียน  บ้างวันมีระบายสี ประดิษฐ์ของ อ่านนิทาน ร้องเพลง ค่อนข้างดูแลใกล้ชิด มีเตือน มีสอน ให้รู้จักระเบียบ เล่นแล้วเก็บ นั่งทานข้าว กลับมาจากข้างนอกล้างมือ ถอดรองเท้าเก็บ ไรพวกนี้ค่ะ อยู่กับคนหมู่มาก ลูกก้อทำตามโดยอัตโนมัติเลยค่ะ อิอิ 

ก่อนเข้าเรียนมีงอแงนิดหน่อย แต่พอจะกลับ เรียกยากทุกทีเลย ขอเล่นต่อทุกที แปลว่าลูกชอบเนอะ 

ปล.เรื่องเขียนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ พึ่งโพส555