สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจในปีนี้ รวมทั้งตลาดคอนโดมิเนียมที่จะชะลอตัวลง ทำให้ LPN หรือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียม ระดับ กลาง-ล่าง ในราคา 1-3 ล้านบาท โดยมีจุดแข็งการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด ภายใต้ชื่อ"ชุมชนน่าอยู่" และพัฒนาโครงการกว่า 80 โครงการ 125,000 ยูนิต ในรอบ 24 ปี
ล่าสุด LPN ได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว ระดับกลาง-บน สำหรับคนเมือง หลังละ 8-9 ล้านบาท เป็นครั้งแรก บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ห่างจากสวนหลวง ร.9 500 เมตร บนที่ดิน 26 ไร่เศษ เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ประมาณ 100 หลัง มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท โดยจะเปิดตัวไตรมาส 3 นี้ เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย โดยจะนำจุดแข็งเรื่องการบริหารชุมชนหรือนิติบุคคลแบบเดียวกับ คอนโดมิเนียมของ LPN มาใช้
โดยที่ผ่านมา LPN มีโครงการแนวราบสะสม 4 โครงการ เช่น ทาวน์เฮาส์ย่านลาดพร้าวและเสนานิคม ปิดการขายแล้ว ส่วนอีก 2 โครงการอยู่ระหว่างเปิดขายคือ ลุมพินีทาวน์เพลส สุขุมวิท 62 ราคา 5-7 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 30% จาก 70 ยูนิต และลุมพินีศรีนครินทร์-แบริ่ง ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท มียอดขาย 20% จากจำนวนทั้งหมดกว่า 90 ยูนิต
และปีนี้ยังเตรียมเปิดตัวโฮมออฟฟิศ "ลุมพินีทาวน์ เรสซิเดนซ์" ถนนศรีนครินทร์ 27 ยูนิต ราคา 9-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท รวมถึงเตรียมซื้อที่ดินอีก 2 แปลง วงเงิน 1 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาทาวน์เฮาส์ คาดว่าจะเปิดตัวไตรมาส 4 และในอนาคตจะหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ LPN จะต้องเจอคู่แข่งในย่านนี้ อาทิ เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น แสนสิริ เอพี (ไทยแลนด์) กรุงเทพบ้านและที่ดิน หรือเคแลนด์ และนิรันดร์กรุ๊ป
ซึ่งนายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ระบุว่า การที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หันมาลงทุนโครงการแนวราบมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงลงทุน การรับรู้รายได้จะมีความสม่ำเสมอดีกว่าทำแต่แนวสูงเพียงอย่างเดียว
อีกทั้งเวลาตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว คอนโดมิเนียม จะเป็นกลุ่มที่กระทบมากสุด และผู้ซื้อกลุ่มเก็งกำไรจะซื้อแต่คอนโดมิเนียมเป็นหลัก แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีลูกค้ากลุ่มนี้จะหายไป และเชื่อว่าการแข่งขันที่เกิดขึ้น ประโยชน์จะตกกับผู้บริโภคทั้งหมด