bloggang.com mainmenu search

“ลูกบ้า” ไม่ใช่แค่ความ “กล้า” แต่น่าจะหมายรวมถึงความอดทน มุ่งมั่นทำอยู่แบบนั้นซ้ำๆ ทั้งๆ ที่คนรอบข้างไม่เห็นด้วย “จี๊ป” ชายหนุ่มวัย 27 ปีก็น่าจะเข้าข่ายนั้น เพราะคนในวงการของเล่นรู้จักเขาดีในฐานะหุ้นส่วนร้าน Play House ร้านของเล่นที่เพิ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็น “ร้านของเล่นที่ดีที่สุดในโลก” อีกทั้งเขายังทำให้คนไทยรู้จักคำว่า “ดีไซเนอร์ทอย” แถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานไทยแลนด์ ทอย เอ็กซ์โปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ
ชีวิตวัยเด็กของคุณจี๊ปไม่แตกต่างจากเด็กผู้ชายทั่วไปที่ชอบเล่นของเล่น อ่านหนังสือการ์ตูน แต่ความชอบของเขาเข้าขั้นไล่ซื้อเก็บสะสมให้ครบรุ่น เอาเงินเก็บที่มีซื้อของเล่นจนหมดทั้งๆ ที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม ความบ้าระดับโคม่าของเขาจึงเป็นที่มาของจุดหักเหหลายๆ ครั้งในชีวิต

“ตอนเด็กผมสมาธิสั้น คุณแม่กลัวจะไปรบกวนคนอื่นเลยหาของเล่นมาให้เล่น หาการ์ตูนมาให้อ่านเพราะตอนเด็กผมอ่านภาษาไทยไม่ออก ผมก็เลยผูกพันกับของเล่นมาตั้งแต่เด็ก ตอนม.3 เคยเอาเงินเก็บเป็นแสนไปซื้อของเล่น จนคุณแม่ดุ”

แม้คุณจี๊ปจะมีสกุล “ธรรมวัฒนะ” ต่อท้าย แต่เพราะมีคุณแม่ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวหลังคุณพ่อ (คุณเทอดชัย ธรรมวัฒนะ) ถูกลักพาตัว ทำให้เขาและพี่สาวได้รับการอบรมสั่งสอนให้รู้จักเก็บออม ประหยัด และรู้จักค่าของเงินมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะรักชอบของเล่นแค่ไหน ของเล่นทุกชิ้นจะต้องเก็บเงินซื้อเอง หรือแลกมาด้วยเกรดและชัยชนะจากการแข่งขันกีฬาของเขาเสมอ

“ต้องบอกว่าโชคดีที่เกิดเป็นลูกคุณแม่ เพราะคุณแม่หาเงินเอง ท่านจะสอนว่าเงินทองหายากแต่ไปง่าย ต้องรู้จักคิดและรู้จักใช้”

คุณจี๊ปไล่ซื้อของเล่นสะสมมาเรื่อยๆ เริ่มต้นจากขบวนการ 5 สี ซูเปอร์เซนไทของเล่นที่โปรดปราน เพิ่มปริมาณขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยกระทั่งช่วงมัธยมปลายมีโอกาสเดินทางไปประเทศจีน สถานที่ๆ ทำให้เขารู้จักดีไซน์เนอร์ทอยเป็นครั้งแรก และเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจของเล่น

“ตอนนั้นผมไปจีนแล้วไปต่อคิวซื้อแฮชเชอรี่การ์ด ที่มีแค่ 100 ตัวในโลก แล้วผมซื้อเป็นคนเกือบสุดท้าย ตอนนั้นซื้อมาตัวละ 3,700 แต่แป๊บเดียวมีชาวต่างชาติมาขอซื้อต่อในราคา 37,000 ตอนนั้นยิ่งคิดเลยว่าต้องทำธุรกิจด้านนี้แล้ว”

“ผมว่าผมอาจจะได้ความชอบของเล่นมาจากคุณพ่อ เพราะผมชอบไปรื้อของเล่นของคุณพ่อ แล้วท่านเก็บไว้เป็นอย่างดี ยังไม่ได้แกะเลย ผมยังคิดเลยว่าที่ผมชอบและสะสมของเล่นแบบนี้ อาจช่วยสานต่อความฝันของท่านก็เป็นไปได้”

แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต จากเรื่อง “ของเล่น” ที่เคยฝังหัวอยู่ตลอด กลับถูกปิดทับด้วยความคิดอยากเป็นนักการทูตเพียงเพราะเห็นพระเอกในละครเป็นนักการทูตแล้วเท่ ทำให้ไอเดียธุรกิจของเล่นของเขาในช่วงนั้นถูกทิ้งร้างไป

“ดูละครเห็นพี่เคน ธีรเดชเล่นเป็นนักการทูตแล้วรู้สึกว่ามันเท่มาก มีสาวๆ รุมชอบเต็มไปหมด ก็เลยคิดว่าอยากเป็นนักการทูตเหมือนพี่เคน ตอนนั้นเลยเข้าเรียนศิลปศาสตร์ อินเตอร์ ที่ธรรมศาสตร์ เรียนหนักมากจนไม่มีเวลาว่าง พอปี 2 ก็เริ่มคิดว่าจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองดี”

สมาชิกในตระกูลธรรมวัฒนะส่วนใหญ่อาจเลือกสืบทอดธุรกิจภายในตระกูล แต่คุณจี๊ปมองชีวิตของตัวเองแตกต่างไปจากคนอื่น เพราะเขาคิดว่าธุรกิจหลักของตระกูลอยู่รอดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ถ้ายังคิดจะกลับไปทำในสิ่งที่มีอยู่แล้ว คงไม่สร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเองเท่าไรนัก นั่นจึงเป็นเหตุให้เขาตัดสินใจเลือกเส้นทางและคิดถึงธุรกิจของเล่นขึ้นมาอีกครั้ง

ในวัยเพียง 20 ปีคุณจี๊ปคิดการณ์ใหญ่ทำธุรกิจขายของเล่นโดยย้อนกลับไปนึกถึงดีไซน์เนอร์ทอยหรือของเล่นของสะสมที่ออกแบบจากแนวคิดไร้กรอบของผู้ออกแบบ คุณจี๊ปจึงเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับของเล่นและหวังทำธุรกิจทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้ ไม่มีเงิน ไม่มีแผนการตลาด หรือจะเรียกว่าเริ่มต้นจาก 0 เลยก็ว่าได้

“แอชรี่ วูด และ คิม พัง วอนเป็นดีไซน์เนอร์ที่ผมให้คุณแม่ช่วยเจรจาธุรกิจให้ ตอนแรกผมไม่รู้จักเขาเลย เข้าไปถามว่า Who are you ? เขาคงคิดว่าไอ้เด็กนี่ใคร ทั้งๆ ที่คนในวงการของเล่นรู้จักเขาหมด ผมให้แม่คุยให้ ส่วนผมส่งอีเมล์หาเขาทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน แต่เขาไม่เคยตอบ จนผมเกือบถอดใจ คิดว่าถ้าอีก 2-3 วันเขาไม่ตอบก็ไม่เอาแล้ว แต่เขาก็ตอบกลับมาให้ผมไปคุยกับเขา”

คุณจี๊ปเดินตัวเปล่าเข้าไปคุยกับสองนักออกแบบของเล่นชื่อดัง คุยกันแบบไร้แผน ไร้สัญญา แต่กลับได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนนำของเล่นเข้ามาขายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

ชีวิตพ่อค้าของเขาเริ่มต้นจากการวางของเล่นขายแบบแบกะดินที่ตลาดคลองถม เมื่อได้รับความสนใจก็ขยายตลาดโดยนำของเล่นไปฝากขายตามร้านของเล่นที่ตัวเองเคยเป็นลูกค้า คุณจี๊ปจึงเป็นนักธุรกิจที่กล้าลงมือทำธุรกิจทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนด้านบริหารธุรกิจมาโดยตรง แต่อาศัยลองผิดลองถูก และขอความรู้จากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเองคุ้นเคย

“ผมจะไปถามผู้ใหญ่ที่รู้จักว่าถ้าคุณอา คุณลุงเจอเรื่องแบบนี้ๆ ควรทำอย่างไร ต้องรับมืออย่างไร แต่มันก็มีปัญหาที่ไม่ตรงกับที่ถามมาให้แก้เสมอ ผมก็พยายามคิดว่าปัญหาเป็นเรื่องสนุก”

ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี Play House กลายเป็นร้านขายของเล่นที่ดีที่สุดในโลก จากของเล่นสะสมส่วนตัวที่บ้านถูกย้ายมาที่ร้านเกือบทั้งหมดรวมๆ แล้วหลายแสนชิ้น ในอนาคตเขายังมีโปรเจคเกี่ยวกับของเล่นมากมายที่จะขยายไปสู่ตลาดโลก และทำให้คนทั่วโลกรู้จักดีไซน์เนอร์ทอยของไทย

ความสำเร็จของหนุ่มน้อยวัย 27 ปีคนนี้น่าจะมาจากสารพัดปัจจัย หลายๆ คำตอบของเขาสะท้อนถึงมุมมองที่ฉีกไปจากความคิดของนักธุรกิจหรือหนังสือ How To ที่เราเคยอ่านหรือมีซุกไว้ตามชั้นหนังสือ และเขายังเป็นนักธุรกิจอายุน้อยร้อยล้านที่ใช้ชีวิตธรรมดา ไม่มีซูเปอร์คาร์ หรือใช้ชีวิตหรูหราแบบที่เราคิด

“ผมมีได้นะรถแบบนั้นถ้าจะซื้อ แต่ผมว่าผมใช้รถธรรมดาก็เหมือนกัน นั่งรถไฟฟ้าก็สะดวกดี ผมว่าเราต้องเลิกคิดแบบเดิมๆ บางคนบอกว่าดีแล้วที่ผมเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย ถ้าล้มจะได้ลุกได้ทัน แต่ผมว่าผมต้องลุกได้ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ถ้าทำธุรกิจแล้วไม่สำเร็จเราก็ต้องลุกได้ตลอดชีวิต”

จะว่าไปแล้วเขาน่าจะเป็นหนึ่งเดียวในตระกูลธรรมวัฒนะที่ลุกขึ้นมาสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง โดยใช้ความรักความชอบเป็นที่ตั้ง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเน้นย้ำเสมอว่า “ผมไม่อยากให้คนทำธุรกิจเอาเงินเป็นที่ตั้ง โดยไม่นึกถึงความสุขของตัวเอง ผมจะทำทุกวันให้ดีที่สุด ทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบ เพราะผมแบกตระกูลนี้ไว้ด้วย มันกดดันนะ แต่ผมเริ่มจากขายของเล่นริมถนนแล้วมาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนร้านของเล่นที่ดีที่สุดในโลก ได้รับการยอมรับในระดับโลกแบบนี้ผมก็ภูมิใจแล้ว”

หลายคนอาจไม่เชื่อมั่นในความสามารถและมองภาพเขาผิดเพี้ยนไปเพียงเพราะเขาเกิดในตระกูลที่เคยเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมเมื่อหลายปีก่อน แต่เขาก็มุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวตนไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่เพื่อตัวเอง ว่าเขาสามารถสร้างธุรกิจจากสิ่งที่รักให้ออกมาสำเร็จได้เช่นกัน

ขอขอบคุณ S! MEN ผู้สนับสนุนเนื้อหา
//men.sanook.com/10649/
Create Date :31 ตุลาคม 2558 Last Update :31 ตุลาคม 2558 8:41:40 น. Counter : 1147 Pageviews. Comments :0