นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

น่าสนใจยิ่งกับการขยายไลน์ธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง ของกลุ่มทุนซีพี โดยเฉพาะในส่วนของซีพี ออลล์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าสะดวกซื้อชื่อดัง เซเว่น อีเลฟเว่น เพราะนอกจากมีการขยายสาขาไม่หยุด เรียกว่าบุกเกือบทุกตำบลในประเทศไทยแล้ว การเปิดให้บริการใหม่ๆในช่วงนี้มีเพิ่มถี่ขึ้นบ่อยขึ้น และหากรวมธุรกิจในเครือทั้งหมดของกลุ่มยังมีความน่าสงสัยว่า ...ยังเหลือธุรกิจอะไร ประเภทใดบ้างที่กลุ่มทุนนี้ไม่ได้ลงไป...?

อย่างที่เป็นข่าวเกรียวกราว ล่าสุด บริการของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ได้เปิดบริการรับส่งของหรือพัสดุทางไปรษณีย์ ต่อจากที่เคยเป็นกระแสฮือฮาถึงการให้บริการเครื่องซักแห้งมาไม่นาน และก่อนหน้านั้น ก็มีบริการเปิดร้านอาหารตามสั่งในบ้างสาขามาแล้วด้วย...

หากเรามองในภาพรวม ภายใต้ระบบเศรษฐกิจของไทยที่ยึดหลักเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี ใครใคร่ค้าค้า ใครใคร่ขายขาย ก็คงไม่ผิดอะไร แต่ก็มีคำถามที่หลายคนสงสัยไม่น้อยว่า ภายใต้ระบบทุนนิยมแบบนี้ ใครมีทุนมากกว่าก็ยอมได้เปรียบ มีกำลังในการลงทุน ในการขยายธุรกิจไปได้ต่างๆนานาไม่หยุดยั้ง แบบนี้จะมีพื้นที่ให้กับกลุ่ม คือ คนเล็กๆ สามารถโตขึ้นมาในทางธุรกิจได้อย่างไรบ้าง?

การแข่งขันเสรีภายใต้ระบบนี้ เป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมจริงหรือ หากจะเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับ เอาคนตัวเล็กไปแข่งกับคนตัวใหญ่ระดับยักษ์ เอานักมวยน้ำหนัก 105 ปอนด์ไปต่อยกับนักมวยน้ำหนัก 200 ปอนด์ขึ้นไป อย่างนี้จะแข่งขันกันได้อย่างไร

ในยามที่บ้านเมืองกำลังพูดกันเรื่องการปฏิรูปประเทศ ส่วนใหญ่มักจะมองไปในเรื่องการเมืองเป็นหลัก ทั้งที่จริงแนวทางการปฏิรูปยังมีอีกหลายด้านทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจด้วย

ซึ่งในส่วนของการปฏิรูปเศรษฐกิจ มีการพูดกันเรื่องการค้าที่เป็นธรรม พูดกันถึงเรื่องการผูกขาด การมีอำนาจเหนือตลาด ฯ ก็เลยยังสงสัยอยู่ว่า แนวทางในการสร้างความเป็นธรรมในทางการค้าการลงทุน จะมีรูปร่างหน้าตาออกมาอย่างไร รูปธรรมในการดูแลการค้าการลงทุนที่เป็นธรรมจะออกมาอย่างไร ก็ต้องติดตามกันไป

แต่หากยังยึดกรอบเสรีตามแบบที่ยกมาข้างต้น ใครมีทุนก็ลงทุนได้ไม่มีขีดจำกัด ไม่เหลือพื้นที่ให้คนตัวเล็ก การปฏิรูปเศรษฐกิจ จะเป็นจริงได้อย่างไร..ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป....?