การกินเนื้อสัตว์ขัดแย้งกับพระพุทธศาสนาหรือไม่: อ.สมภาร พรมทา
ก า ร กิ น เ นื้ อ สั ต ว์ ขั ด แ ย้ ง กั บ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ห รื อ ไ ม่ ?
อาจารย์สมภาร พรมทา
บทสรุป ท้ายที่สุดแล้วพุทธทุกฝ่ายก็เห็นร่วมกันว่า การถือมังสวิรัติเป็นดี
การที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้สาวกกินเนื้อสัตว์ได้ ตามที่ปรากฏในคัมภีร์ของฝ่ายเถรวาทนั้น ควรเข้าใจว่าเป็นคนละเรื่องกับการสนับสนุนให้กินเนื้อสัตว์
ระบบจริยธรรมของพุทธศาสนาเถรวาทนั้น เป็นระบบที่คิดเผื่อให้มีทางออก สำหรับสถานการณ์ที่เราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้
เมื่อเราเข้าไปดูหนังในโรงหนัง โรงหนังนั้นต้องมีทางออกปิดเอาไว้ สำหรับคนที่มีภาระต้องออกไป ก่อนคนอื่น หรือไม่ยินดีที่จะดูหนังต่อเพราะหมดสนุก
พระพุทธองค์ทรงคิดเช่นนี้ จึงทรงอนุญาตให้ชาวพุทธบริโภคเนื้อสัตว์ได้
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าในอนาคตหลังจากที่ทรงปรินิพพานแล้ว พุทธศาสนาอาจแพร่เข้าไปในดินแดนที่อาหารหลักของผู้คนคือเนื้อสัตว์ (เช่นบริเวณขั้วโลกเหนือที่ปลูกพืชแทบจะไม่ได้เลย มีแต่ปลาและเนื้อเท่านั้นที่ผู้คนจะกินเป็นอาหารได้)
การปิดประตูสนิทสำหรับการกินเนื้อสัตว์ จึงอาจเป็นอุปสรรคต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา แต่การมีประตูออกที่โรงหนัง ไม่ได้แปลว่าเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนออกมาจากโรงหนัง
การมีอยู่ของประตูนั้น ควรเข้าใจว่ามีอยู่ในฐานะช่องทางสำหรับการเลือก จริยธรรมแบบที่ไม่มีช่องทางสำหรับการเลือกเลยนั้น พุทธศาสนาเถรวาทถือว่าเป็นจริยธรรมที่สุดโต่ง
การที่ฝ่ายมหายานมีความปรารถนา ที่จะให้โลกนี้ลดการฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารมนุษย์นั้น ต้องถือว่าเป็นเจตนาดีอย่างไม่มีข้อสงสัย
ยิ่งในโลกปัจจุบันที่อุตสาหกรรมอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ กระทำในรูปธุรกิจที่มีการเลี้ยงสัตว์คราวละมากๆ และฆ่าสัตว์เพื่อส่งตลาดคราวละมากๆ
ข้อเสนอของฝ่ายมหายานยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สิ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ
การที่เรายังกินเนื้อสัตว์อยู่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความชั่วร้าย ที่กลายเป็นระบบไปแล้วนี้ยังดำรงอยู่ต่อไป
|
|
แต่ไม่ได้บอกว่าฉันแล้ว บาปหรือไม่บาป
ทรงให้สงฆ์ใดๆตัดสินใจเองว่าจะฉันหรือไม่ฉัน
พระสงฆ์นั้นมีการบำเพ็ญเพื่อพุทธศาสนาตลอด
เป็นการฉันเพื่อทำความดี สัตว์นั้นๆก็โกรธ แต่ก็ได้บุญเสมอ
ต่างกับฆราวาสที่มิได้ทำบุญตลอด
ตามความคิดส่วนตัวน่าจะบาป
คิดถึงใจเขาใจเรา ใครฆ่าเรา ใครกินเรา เราก็โกรธ