บนเก้าอี้สีขาว ของร้านกาแฟริมถนน ต้นเดือนเมษา กาแฟคาปูชิโน่ในแก้วพลาสติก ไม่มีฟองนม มีเพียงกลิ่นของผงชินนามอนเท่านั้น ทำให้หวนนึกถึง หนังสือหลายๆเล่มของ ชาติ ภิรมย์กุล ที่ว่าด้วยเรื่องการตะเวนชิมกาแฟ ในสไตล์ขำๆ อ่านแล้วเพลิดเพลินกับบรรยากาศกลิ่นไอกาแฟหอมๆ
เคยมั๊ย ที่เรารู้สึกเรรวนในบางครั้ง การไม่รู้จะตัดสินใจเลือกทางใหนดี หลายคนคงเคยเป็น การเลือกความรักที่บังเอิญ หรือตั้งใจให้ได้เลือก การเลือกซื้อของอะไรบางอย่าง การเลือกฝั่งเลือกฝ่าย และเลือกอะไรอีกหลายๆอย่าง ที่เราไม่สามารถตัดสินใจได้ในขณะนั้น หากเราเลือกด้วยความรู้สึก คงยากที่จะตัดสิน แต่หากมีเหตุผลเข้ามาช่วยสักนิด ก็คงทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกทางใหนดี สำคัญที่ว่าขณะนั้นเราพอมีสติที่จะหาเหตุผลหรือป่าว โดยไม่เข้าข้างตังเองอย่างเดียว
วันนี้ข้าพเจ้าก็กำลังสงสัยในตัวเองเช่นกัน ว่าการเขียนบล็อก เราเขียนเพื่ออะไร แค่สงสัยในตัวเอง ใช่สงสัยผู้อื่นไม่ ข้าพเจ้าลังเล หรือ รวนเร ประมาณเท่านั้น ว่าจะเขียนดีหรือไม่ จะมีบล็อกเป็นของตัวเองไปเพื่ออะไร เพราะก่อนหน้านี้ อะไรๆในลักษณะนี้ผ่านเข้ามาตามกระแส ตามสมัยนิยม ตามเทรน ว่ากันไป แล้วก็ผ่านไปสำหรับข้าพเจ้า ปล่อยให้เป็นขยะในโลกไซเบอร์ หรือในเซิร์ฟเวอร์ของเจ้าของเวปเพจ นั้นๆ วันนึงเขาก็ลบทิ้งไป หลายคนคงเป็นเช่นกัน
สายแล้ว แดดสาดส่องเป็นสาย อากาศเริ่มร้อนระอุ เป็นปกติของเดือนเมษา แต่ในเมืองกรุงคงไม่มีลูกเห็บตก ดังเช่นในหน้าข่าวเมื่อสองสามวันก่อน ไม่งั้นคงแปลกดีพิลึก ต้องไปแล้วสำหรับข้าพเจ้า ร้านกาแฟ เก๋ๆ น่ารักๆ น่านั่งละเลียดกาแฟหอมๆ กับบรรยากาศ แต่....เรียนรู้การชงกาแฟหน่อยเป็นไรไป สาวพม่าทุกคนใช่เป็นคนชงกาแฟได้ทุกคน คนชงกาแฟกับบาริสต้า ใช่คำเดียวกันหรือป่าว ไม่แน่ใจ แต่อย่าดูแคลนคนดื่มกาแฟดีกว่าไหม หากเช่นนั้น โต๊ะเก้าอี้คงว่างโล่ง ตลอดเวลา
รอเหตุผลให้ตัวเองในเวลาที่ผ่านไป แล้วคงตัดสินใจได้ว่า ข้าพเจ้าจะเขียนบล๊อกเพื่ออะไร
ทำแล้วสบายใจก็ทำไม ไม่จำเป็นไปวิเคราะห์ให้เหนื่อย
ว่าทำเพื่อ...เพราะ...อะไร
เพราะในชีวิตคนเรา ยังมีเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่อง
รอให้เราคิดอยู่
เรื่องไหนที่เป็นหน่วยเล็ก ๆ เราก็ควรปล่อยผ่านไปบ้าง
ชีวิตจะได้มีที่ว่างให้ความสุขผ่านเข้ามาได้บ่อย ๆ ไงค่ะ