กิจกรรมอาสา+++>ไปเป็นครูอาสา
เคยเขียนบทความให้ในเวปบอร์ด ครูบ้านนอก ครั้งเมื่อไปออกค่ายเป็นครูดอย เมื่อครั้งก่อน นั่งอ่านงานเก่าๆ ก็เลยคิดถึง อยากหาเวลาว่างไปอีกสักครั้ง ความสุขเล็กๆที่เราสามารถหยิบยื่นให้คนอื่น ไปกันๆๆๆๆ
//www.bannok.com/volunteer/





ครูบ้านนอกอาสา รุ่น109 “พระจันทร์สวยที่ห้วยชมพู”

“มิตรภาพในความทรงจำ”

พระจันทร์ดวงกลมใหญ่ส่งแสงนวล น้ำค้างประพรมเปียกยอดหญ้าทั่วพื้นดิน สายลมหนาวพัดใบไม้ไหวและผิวใบหน้า แสงไฟในกองไฟที่ก่อไว้ริบหรี่จวนจะดับมอด ร่างของชายหนุ่มสองคนข้างกองไฟหนาวสะท้าน ในเวลาเลยสองยามไปมากโขทีเดียว

“ครูจะเด็จ...มันจะไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียว ผมจะต้องกลับมาที่นี่อีก”

คำพูดสุดท้ายก่อนที่กองไฟจะมอดดับลง

..................................................................................

วันลอยกระทงใกล้เข้ามาแล้ว เหลืออีกเพียงสามวันก็จะถึง หลายคนตั้งโปรแกรมหาสถานที่ลอดกระทง หลายคนนัดเพื่อนนัดคนรัก แต่สำหรับข้าพเจ้า ความรู้สึกกับเคว้งคว้างยิ่งกว่ากระทงกลางสายลำน้ำเจ้าพระยา มันเป็นความเคว้งคว้างทางความรู้สึกในตัวเอง เราเกิดมาเพื่ออะไร เราทำประโยชน์อะไรบ้างในชีวิตนี้ ลอยกระทงปีนี้คงเงียบเหงาเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา

จอกระจกสี่เหลี่ยมตรงหน้า “ครูบ้านนอกรุ่น109 พระจันทร์สวยที่ห้วยชมพู” คือข้อความที่สะกดความรู้สึกของข้าพเจ้าให้จดจ่อ หลายครั้งและหลายปีมาแล้วที่ข้าพเจ้ารู้จัก “โครงการครูอาสา” แต่ก็มิได้มีสักครั้งที่หัวใจจะกล้านำพาสองขาก้าวเดินเข้าร่วมโครงการ มีเพียงความรู้สึกลึกๆข้างในที่บอกกับตัวเองเสมอๆว่า สักวันเราจะไป สักวัน

โครงการครูอาสา รุ่น109 ข้อมูลแจ้งว่า มีผู้สนใจสมัครหลายร้อยคนทีเดียว หลายคนโอนเงินเพื่อยืนยันการเข้าร่วมโครงการ ความรู้สึกบอกกับตัวเอง ครั้งนี้แหละ ครั้งนี้ที่เราจะไป แต่อีกสองวันเอง คนจะเต็มไหม และเราจะไปได้ไหม ที่สำคัญเรายังไม่ได้สมัครและโอนเงินเลย

พี่จะเด็จ นักเดินทางสิบทิศ ผู้ทำโครงการแห่งมูลนิธิกระจงเงา คือผู้ให้คำตอบแรก
“ยังไม่เต็มครับ มาจ่ายเงินที่มูลนิธิได้เลยครับ และพรุ่งนี้โทรมายืนยันอีกทีครับ”
คำตอบแรกช่วยให้ใจชื้นแต่สำหรับคำตอบที่สอง เราจะไปได้ไหม คงต้องรอคำตอบในวันพรุ่งนี้สำหรับการลางาน ในวันที่ต้องเดินทาง

หัวใจเต้นถี่ระรัว ฝ่ามือเปียกชื้นพร้อมท้องไส้ที่ปั่นป่วน แต่ข้างในลึกๆกับบอกว่า จะไปกลัวทำไมในเมื่อเรามีสิทธิในการใช้วันลาของเรา

ขอบคุณสำหรับการอนุมัติวันลา ของผู้ที่ถืออำนาจเหนือเรา ข้าพเจ้าคิดในใจเช่นนั้น

“พี่จะเด็จครับ ลงชื่อผมด้วยหนึ่งคน พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่เชียงรายครับ”

ข้าพเจ้ากรอกเสียงผ่านคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ที่ส่งตรงถึงเชียงราย กระเป๋ายังไม่ได้จัด ตั๋วรถยังไม่ได้จอง คือภาระที่ต้องจัดการในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

...............................................................

หัวใจเต้นถี่เร็วยิ่งกว่าตอนเช้าเมื่อวาน เท้าก้าวลงจากบันไดรถพร้อมสายลมหนาวปะทะใบหน้า ยิ่งสั่นสะท้านหนักขึ้นทั้งภายในและภายนอก เคว้งคว้างท่ามกลางผู้คนที่ไม่เคยรู้จัก ไม่แน่ใจว่าเราจะกลัวทำไม แต่ความรู้สึกจริงๆถามตัวเองว่าจะไปทางไหนดี คือความรู้สึกของการเดินทางคนเดียว และครั้งแรกที่ต้องพบเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ บอกกับตัวเอง
“ทุกๆอย่างจะผ่านไป”

มิตรภาพเกิดขึ้นเสมอหากหัวใจไม่มีความหวาดระแวง และเป็นความรู้สึกจริงๆของหัวใจที่ต้องการเปิดรับ การทำความรู้จักไม่ได้ยากเย็นอย่างที่กลัวเลยสักนิด มิตรภาพเริ่มต้นขึ้นหลังจากทุกๆคนเปิดหัวใจให้กัน เช่นเดียวกับ ครูบ้านนอก 109 ทุกๆคน ที่เริ่มต้นขึ้นที่มูลนิธิกระจกเงา

ข้าพเจ้าก็เช่นกัน ความกลัวแต่ตอนแรกถูกทิ้งไว้ที่ บขส.เชียงรายตั้งแต่ตอนเช้ากับมิตรภาพที่ได้รับเหมือนความคุ้นเคย ก่อนแล้ว

หัวใจของครูอาสาทุกๆคนมุ่งสู่ดอยอันห่างไกล มิตรภาพของสามสิบชีวิตประสานตลอดเส้นทางอันคดโค้งและฝุ่นดิน ณ บนยอดดอย แห่งบ้านห้วยชมพู เด็กๆรอคอยกการมาของครูอาสา ทุกๆคน

...................................................

การต้อนรับเป็นอีกหนึ่งมิตรภาพที่ข้าพเจ้าได้รับในวันแรกบนยอดดอย แม้จะเป็นการแสดงเพียงเล็กน้อย ไม่ได้อลังการใหญ่โตอะไร แต่ความรู้สึกประทับใจกับยิ่งใหญ่กว่ามากนัก บางสิ่งบางอย่างอาจไม่สามารถตีค่าได้ เลย สำหรับความรู้สึกดีๆและรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

คืนนี้ข้าพเจ้าได้ลอยกระทง แต่มันไม่ได้ลอยกลางนทีเช่นที่อื่น ที่นี่หัวใจที่เบ่งบานพองโตไม่ได้ก้มลงมองผืนน้ำ แต่กับถูกเงยขึ้นมองดวงจันทร์และโคมไฟ ที่ถูกปล่อยล่องลอยเป็นแสงไฟดวงเล็กๆ ที่ทำให้ทุกๆคนมีความสุขกับมัน
พระจันทร์ดวงใหญ่ส่องแสงนวลสว่าง ใกล้กันในระดับสายตา แสงเล็กน้อยจากโคมที่ล่องลอยให้ความรู้สึกอบอุ่นและสวยงาม

.........................................................

ความเป็นครูเริ่มต้นขึ้น หลายสิ่งถนัด ถูกถ่ายทอด แม้บางคนอาจไม่ใช่มืออาชีพ หรือบางคนนี่อาจเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว ข้าพเจ้าก็เช่นกัน มันคือการเป็นครูครั้งแรกในชีวิตจริงๆ

รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ การทะเลาะเบาะแว้ง ความซุกซน เกิดขึ้นเสมอๆ และตลอดเวลาสำหรับเด็กๆ หลายคน หลายอารมณ์ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับคุณครูมือใหม่ทั้งหลาย แต่ทุกคนก็ยินดีที่จะต้อนรับมัน คงเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนจะไม่มีวันลืมหรือลบเลือนไป

ประสบการณ์ครั้งนี้ที่ให้อะไรหลายๆอย่าง อย่างหนึ่งที่พวกเราครูอาสาคงได้เข้าใจ คือการเป็นครู คือการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ของคนคนหนึ่งที่มีหัวใจเป็นครู ข้าพเจ้ารับรู้กับสิ่งที่สัมผัสครั้งนี้ ข้าพเจ้าขอน้อมคารวะในความเสียสละของคุณครูทุกๆคน

....................................................................

สายลมหนาวพัดผ่านผิวในค่อนรุ่ง สามสิบชีวิตของครูอาสามุ่งตรงสู่ยอดดอยที่สูงขึ้น ฝ่าสายลมหนาวด้วยหัวใจพองโต ผ้าห่มห่อร่างพันกาย เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยหยอกล้อ เสียงชัตเตอร์ของกล้องถ่ายภาพ ได้ยินไปตลอดเส้นทางและระงมทั่วบนยอดดอย แม้ระยะทางจะทำให้หลายๆคนเหนื่อยล้า

แต่สุดท้าย ความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้น กับมลายหายเมื่อพวกเราถึงยอด “ดอยกาดผี” พระอาทิตย์กำลังโปรยยิ้มต้อนรับ เปล่งประกายสีทอง น้ำค้างบนยอดหญ้าใสนวล เพิ่มความสดใสให้กับใบหญ้าในตอนเช้า หมอกบางๆคละเคล้าความหนาวเหน็บ แต่ครูอาสาทุกคนกับพบแต่ความสุขและความอิ่มเอมในหัวใจ

........................................................................

สีผมที่โกรกแต่งอย่างสวยงาม สีเล็บที่บรรจงทาอย่างทะนุถนอม สีผิวและใบหน้าที่ถูกประพรมด้วยครีมราคาแพง สีของชุดเสื้อผ้าราคาแพงและสวยสด ไม่ได้ทำให้เกิดอุปสรรคเลยสักนิด หลายคนบรรจงแต้มสีกันสนิมลงบนกระเบื้อง โดยไม่ได้กลัวสีจะเลอะเปื้อนตัวหรือเสื้อผ้า หลายคนมุ่งมั่นกวาดฝุ่น มุดฝ้ากับหน้าที่ในการรื้อฝ้าเพดาล หลายคนถอดถุงเท้า รองเท้า ลุยโคลน แบกกระเบื้อง โดยลืมความวิไลของตัวเอง

ความบอบบางและสดใสของบางคนถูกกระเบื้องแผ่นใหญ่บดบัง ขณะแบกยกไปตามเส้นทาง
แต่ทุกอย่างเกิดมาจากจิตใจที่มุ่งมั่นของครูอาสาทุกๆคน ข้าพเจ้าขอน้อมคารวะเช่นกัน
ภาพและบรรยากาศยังคงย้ำตรึงอยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้า ความสามัคคี เสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม สามารถทำให้เราลืมความเหน็ดเหนื่อยได้เป็นอย่างดี

คืนสุดท้าย หัวใจที่เคยพองโตกลับเหี่ยวเฉา แม้สายลมหนาวจะกระหน่ำพัดสักเพียงใด ความหนาวเหน็บในใจกลับมีมากกว่าหลายเท่านัก แสงของกองไฟที่ก่อไว้ส่องสว่างขึ้น แต่ไม่นานก็มอดดับลง เฉกเช่นวันเวลาที่ครูอาสาทุกคนได้มาพบเจอกันในครั้งนี้
แต่มิตรภาพที่เกิดขึ้นจะส่งสว่างสดใส ดั่งเช่นดวงจันทร์กลมโต เหลืองอร่ามกลางดอย ณ บ้านห้วยชมพู


“ไม่มีเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม มีเพียงน้ำตาที่ไหลริน และสวมกอด แทนการร่ำลาจากเด็กๆ”


“ครูเทพ”
ครูบ้านนอก 109





Create Date : 26 เมษายน 2553
Last Update : 26 ตุลาคม 2553 15:43:00 น.
Counter : 953 Pageviews.

6 comments
»FFF#94« "กินเพลินเกินห้ามใจ" ผัดหมี่เส้นจันท์ nonnoiGiwGiw
(16 เม.ย. 2567 15:00:28 น.)
คุย โอพีย์
(13 เม.ย. 2567 21:51:16 น.)
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)
come from away พุดดิ้งรสกาแฟ
(7 เม.ย. 2567 19:24:46 น.)
  
โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:14:25:25 น.
  
โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:14:25:47 น.
  
โดย: thanitsita วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:15:17:50 น.
  
ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่เป็นค่ะ
โดย: i'm sorry (ลายมือยุ่งๆของคนไม่มีเวลา ) วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:17:50:01 น.
  
สวัสดีครับ

ห้วยชมพู
อยู่ไม่ห่างจากดอยวาวีเท่าไรใช่ไหมครับ

แต่เป็นอำเภอเมือง
ไม่ใช่อำเภอแม่สรวย

ผมเคยนั่งรถผ่านอยู่สองสามครั้ง
ตอนที่อยู่ดอยวาวี
โดย: พ่อพเยีย วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:10:14:08 น.
  
สวัสดีครับ : หาแฟนตัวเป็นเกลียว, thanitsita,ลายมือยุ่งๆของคนไม่มีเวลา

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกัน

สวัสดีครับ พี่โดม

ใช่ครับ ห้วยชมภูกับวาวีอยู่ใกล้ๆกันครับ ผมยังไปจิบชาที่วาวีตอนขากลับ มีโอกาสขอไปเยี่ยมบ้านพี่ที่นั้นนะครับ
โดย: ดอกหญ้า บนทางดิน วันที่: 3 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:05:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thep-thong.BlogGang.com

ดอกหญ้า บนทางดิน
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด