### อาหารกับ อาการเพลียเรื้อรัง ###












คุณเคยมีอาการเหล่านี้หรือไม่?

เหนื่อยเป็นประจำ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง มีความรู้สึกซึมเศร้า

แม้ว่าจะนอนมาทั้งคืนแล้วก็ยังไม่หาย อาการเป็นๆ หายๆ

 แต่จะเป็นมากกว่าหาย จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

อาการเหล่านี้อาจมาจากสาเหตุของอาการเพลียเรื้อรัง

(Chronic fatigue syndrome : CFS) ที่เกิดจากความผิดปกติ

จากระบบกลไกของร่างกาย

โดยปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถหาระบุสาเหตุได้แน่ชัด

เมื่อเป็นโรคนี้จะส่งผลให้เกิดความอ่อนล้า เหนื่อยง่าย

จนกลายเป็นอาการเรื้อรัง อาการนี้สามารถเกิดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

บางการศึกษาระบุสาเหตุว่าอาจเกิดจากการที่มีโรคเรื้อรังอื่นมาก่อน

และทำให้ ร่างกายเกิดกลไกสร้างความเครียดให้กับร่างกาย

 หรือบางการศึกษาระบุว่าเป็นเรื่องของจิตใจที่ไม่สามารถควบคุมได้

อาการของโรคเพลียเรื้อรัง


- มีอาการอ่อนเพลียที่เป็นอย่างต่อเนื่อง

มากกว่า 3 เดือนสำหรับเด็กหรือวัยรุ่น

และมากกว่า 4 เดือนขึ้นไปสำหรับวัยผู้ใหญ่

- นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ ฝันร้าย หรือตื่นมาตอนดึก

และไม่สามารถนอนต่อได้ เป็นประจำ

- ปวดกล้ามเนื้อ หรือเมื่อยล้าบริเวณกล้ามเนื้อ

โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณคอและบ่า
- ปวดหัว
- ไม่มีสมาธิ
- ความจำแย่ลง

- อาหารไม่ย่อย มีลมในกระเพาะอาหารเป็นประจำ

- แพ้อาหารที่ไม่เคยแพ้มาก่อน เช่น ข้าว ขนมปัง ไข่ ถั่วเหลือง

 โดยอาการแพ้อาจแสดงออกเช่น คลื่นไส้ มีผื่นขึ้นตามตัว ท้องเสียเป็นต้น

- อยากกินของหวาน ขนมหวาน น้ำตาลอยู่เป็นประจำ

แม้ว่ายังไม่มีอาหารที่สามารถช่วยรักษาอาการเพลียเรื้อรังให้หายขาด
ได้

แต่การรับประทานอาหารที่ถูกต้องสามารถช่วยลดอาการเพลียเรื้อรังได้

ช่วยให้มีความรู้สึกที่สดชื่นขึ้น และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

ทำให้ลดการเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างอื่น ตามมา

อาหารที่ควรรับประทาน

- รับประทานอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตในทุกมื้ออาหาร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต เผือก มัน

ข้าวโพด มันฝรั่งทั้งเปลือก ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชไม่ขัดสี

เหตุผลที่เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพราะจะมีค่าของดัชนีน้ำตาลต่ำ

ทำให้ร่างกายค่อยๆ ได้รับน้ำตาล และช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด

ให้สมดุล ทำให้ลดอาการต่างๆ ลงได้

- รับประทานผักผลไม้ทุกวันโดยพยายามให้ได้ผักทุกมื้ออาหาร

มื้อละอย่างน้อย 1 ทัพพี และผลไม้ 3-5 ส่วน

 (1 ส่วนเช่น ส้มเขียวหวาน 1 ลูก ชมพู่ 2 ลูก แอปเปิ้ลเล็ก 1 ลูก

ฝรั่ง ½ ผล มะละกอสุก 6 ชิ้น กล้วย 1 ลูก)

ผักและผลไม้เป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์

และมีสารพฤกษาเคมีที่ช่วยเร่ง ให้ร่างกายต่อสู้กับอาการเพลียเรื้อรัง

รวมทั้งอาการข้างเคียง

- รับประทานโปรตีนให้เพียงพอและเลือกโปรตีนที่มีไขมันต่ำ

 เนื่อง จากร่างกายประกอบด้วยโปรตีนประมาณ 20% ของทั้งร่างกาย

และโปรตีนยังมีความสำคัญต่อการสร้างฮอร์โมน เอนไซม์

และแอนติบอดีของร่างกาย จากงานวิจัยพบว่า

ผู้ที่ขาดโปรตีนในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาของอาการเพลียเรื้อรัง

จะมีอาการที่หนัก มากกว่าผู้ที่ได้รับโปรตีนเพียงพอ

เช่นผู้ที่ขาดโปรตีนจะมีอาการปวดของกล้ามเนื้อคอและหลัง

มากกว่าผู้ที่ได้รับ โปรตีนเพียงพอ

- โกโก้และดาร์กช็อกโกแลตในปริมาณเล็กน้อยต่อวัน

จากการศึกษาพบว่า สารโพลีฟีนอลที่มีอยู่ในโกโก้และดาร์กช็อกโกแลต

จะทำให้ร่างกายผ่อนคลายและลด ความเครียด

(แต่เนื่องจากโกโก้และดาร์กช็อกโกแลตมีคาเฟอีนอยู่ด้วย

จึงไม่ควรรับประทานใน ปริมาณมาก)

- ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว

(เน้น ทีน้ำเปล่าหรือน้ำสมุนไพรที่ไม่มีการเติมน้ำตาล)

การที่ร่างกายขาดน้ำจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย

และปวดหัวได้ง่ายอยู่แล้ว ยิ่งในผู้ที่มีปัญหาอาการเพลียเรื้อรัง

หากขาดน้ำอาการจะแย่ลง

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง


- อาหารที่ให้ไขมันสูง เช่น อาหารทอดน้ำมัน

อาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีน้ำตาลสูง

- อาหารที่มีการส่วนผสมของผงชูรส

- อาหารหวานจัด อาหารเชื่อม

- อาหารรสเค็มจัด

- อาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ

เนื่องจากรบกวนการทำงานของระบบประสาททำให้ร่างกายตื่นตัว

และอาจทำให้รู้สึก อ่อนเพลียมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้บางการศึกษาระบุว่าเครื่องดื่มกาเฟอีน

มีผลต่อการนอนหลับพักผ่อนทำให้นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท

ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล ภาควิชาโภชนวิทยา

คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

#‎RamaChannel







Create Date : 05 พฤษภาคม 2557
Last Update : 6 พฤษภาคม 2557 12:23:20 น.
Counter : 855 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Poungchompoo.BlogGang.com

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]

บทความทั้งหมด