### มารู้จักโรคเริมกันเถอะ ### ตำแหน่งที่พบบ่อย คือบริเวณริมฝีปาก และอวัยวะเพศ ลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส แสบและคันเล็กน้อย ตุ่มน้ำใสนี้จะแตกออกง่ายแล้วตกสะเก็ดหายไป ในเวลาประมาณ 7 10 วัน ก่อนจะเกิดตุ่มน้ำใส อาจมีอาการตึงๆ ร้อนวูบวาบริมฝีปาก มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตได้ หลังจากอาการหายแล้ว เชื้อไวรัสจะหลบซ่อนภายในปมประสาท ต่อมาเมื่อร่างกายอ่อนแอ มีอารมณ์เครียด ถูกแสงแดด ฯลฯ เชื้อไวรัสนี้ จะออกจากปมประสาทมายังบริเวณที่เคยมีอาการติดเชื้อครั้งแรก ทำให้โรคเป็นๆหายๆอยู่บ่อยๆ โดยทั่วไปการติดเชื้อเริมมักไม่รุนแรง แต่ในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำกว่าปกติ เช่น คนที่กำลังได้รับยา รักษาโรคมะเร็ง หรือฉายรังสี เป็นต้น อาการที่เป็นรุนแรงได้ เมื่อเกิดอาการครั้งแรกในระยะตุ่มน้ำใส ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยถูกต้องแน่นอน ซึ่งอาจได้รับยาที่ช่วยให้อาการระยะเฉียบพลันดีขึ้น หลังจากจับต้องแผล เพราะอาจนำเชื้อไปสู่ส่วนอื่นของร่างกายได้ โดย เฉพาะกับเด็กเล็ก หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เพราะมีโอกาสติดเชื้อง่าย เกิดจากการมีเพศสัมพันธุ์กับผู้ที่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน หรือกำลังมีอาการของโรคนี้อยู่ อาการเริ่มแรกจะมีตุ่มน้ำพองใสเป็นกลุ่ม มีอาการปวดแสบและคันมาก ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกออกเป็นแผล เมื่อแผลหายแล้วเชื้อไวรัสยังคงหลบซ่อนในปมประสาท และโรคจะกลับมาเป็นอีกเมื่อมีปัจจัยส่งเสริมบางอย่าง เช่น ความเครียด ภาวะขาดสารอาหาร แสงแดด การเสียดสีของผิวกับเสื้อผ้า เช่นกางเกงคับๆเป็นต้น ก็จะเกิดความเครียด คิดมาก ว่าไปติดใครมา เป็นปัญหาใหญ่ได้ ขอให้คิดในแง่ดีไว้ก่อนนะคะ เพราะไม่ว่าสามีหรือภรรยาเป็นก่อน โดยที่อีกฝ่ายไม่เป็นนั้น อย่าคิดในแง่ลบสงสัยว่าไปนอนกับใครมาแน่ๆ จะยิ่งเพิ่มความเครียดมากขึ้นไปอีก แค่เครียดว่าเป็นโรคเริมก็มากอยู่แล้ว ควรคิดแง่บวกบ้างว่า ไปติดไปสัมผัสมาจากที่สาธารณ เช่น โถส้วม ชักโครกผู้หญิงที่เป็นเริมมานั่งแล้วไปนั่งต่อโดยไม่ได้เช็ด หรือจากเพื่อนที่เป็นเริมแล้วใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้ว ช้อน ซึ่งเพื่อนที่เป็นก็อาจไม่ทราบว่าเริมเป็นโรคติดต่อ ดังนั้นต้องพูดบอกเพื่อนให้ระวังช่วงที่เป็นด้วยไม่ให้แพร่เชื้อไปติดผู้อื่น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ จะได้ทราบวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับเด็กในครรภ์ และเด็กเล็กๆ ใครเห็นก็อยากอุ้ม อยากกอด อยากหอม อยากจูบ ฯ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ฯ บางคนก็ไม่ได้ระวังสังเกตผู้ที่จะอุ้มลูก-หลาน ฯ เป็นเริมที่ปาก มาหอม จูบเด็กเล็กๆ ก็อาจติดเริมได้ ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับเชื้อมา ไม่ทราบเลยว่า เริมมาอยู่ในร่างกายได้อย่างไร เมื่อมันมาอยู่แล้วอยู่ตลอดชีวิตเสียด้วย หลบซ่อนในปมประสาท สิ่งที่ดีที่สุด คือหลีกเลี่ยง ส่งเสริม สิ่งที่ทำให้มันขึ้นมาปรากฏบนผิว ไม่ให้มันขึ้นบ่อย และต้องยอมรับมันให้ได้ (ทั้งๆที่ไม่ต้องการ) คนใกล้ตัวต้องให้กำลังใจกัน ช่วยกันรักษา และไม่ให้ติดต่อมาถึงตัวผู้ที่ยังไม่เป็น
ขอบคุณข้อมูลจาก รศ.พญ. ณัฏฐา รัชตะนาวิน หน่วยตรวจโรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี |
บทความทั้งหมด
|