Red Tear of Lilim ตอนที่ 5 Back to Chapter 1 Back to Chapter 2 Back to Chapter 3 Back to Chapter 4 ---------------------------------------------------- [b]Chapter5[/b] ลิลิธนั้นได้แต่นั่งดูลูซิเฟอร์ที่นั่ง ลูบผมตัวเองอยู่นานสองนาน ดูลูซิเฟอร์เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างตั้งแต่ที่ลิลิธบอกว่าพลังของนางนั้น เหมือน ‘หลุมดำ’ “ทำไมรึ พลังของข้ามันแปลกมากขนาดนั้นเชียวรึ?” ลิลิธเริ่มเปิดคำถามใส่ก่อน ลูซิเฟอร์ที่นั่งลูบปอยผมตัวเองถึงกับสะดุ้ง เหมือนกับถูกปลุกออกจากภวังค์ นางทำหน้าแปลกประหลาดใจระคนหนักใจที่ต้องตอบคำถามของลิลิธ “ถ้ามันยากนัก ไม่ต้องตอบข้าก็ได้” ลิลิธพูดแกมค้อนนิด ๆ จนลูซิเฟอร์ปั้นหน้าไม่ถูก “ไม่ใช่ว่ามันยากหรอก แต่มันเป็นของแปลกน่ะ” ลูซิเฟอร์พยายามตอบ “ไอเซ็ทก็บอกว่าแปลก แต่นางก็ไม่ยอมบอกอะไรข้าเลย แล้วข้าจะรู้ได้เช่นไร” ลิลิธนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ลูซิเฟอร์ จริง ๆ ไอเซ็ทก็ให้หนังสือที่บรรยายทุกอย่างไว้แล้วล่ะ แต่นางรู้สึกขี้เกียจอ่าน นางรู้สึกว่าให้คนอื่นอธิบายจะดีกว่า “ฮะฮะฮะ พอไอเซ็ทไม่ตอบก็เลยมาถามข้าสินะ” ลูซิเฟอร์กล่าวพลางมองลิลิธด้วยสายตาขบขัน ลิลิธถอนหายใจออกมาอย่างแรง ดูนางคาใจในสิ่งนี้มาก “เหนือฟากฟ้าแห่งอีเดนขึ้นไป...” ลูซิเฟอร์เริ่มกล่าวอะไรบางอย่าง ลิลิธที่ทำหน้าเบื่อ ๆ รีบหันมามองด้วยความสนใจทันที ลูซิเฟอร์ที่เห็นเช่นนั้นก็ฉีกยิ้มออกมา “ที่นั่นเราเรียกมันว่า ห้วงอวกาศ ซึ่งมันกว้างใหญ่ยิ่งกว่าท้องมหาสมุทร หากแต่มันเป็นดินแดนที่มืดมิด ปราศจากซึ่งเหล่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในห้วงอวกาศนั้นมีดาราจักรซึ่งประกอบด้วยดวงดาวมากมายน้อยใหญ่ล่องลอยอยู่ บ้างก็มีแสงในตัวเปล่งแสงสุกสว่างออกมา บ้างก็ไม่มีแสงในตัวเอง บ้างก็มีสีสันสวยงาม บ้างก็เป็นเพียงก้อนหินขนาดมหึมาเท่านั้นเอง” ลิลิธที่นั่งฟังอยู่ ใบหน้าของนางแสดงความสนใจอย่างยิ่งราวกับเป็นเด็กที่ได้ฟังนิทานจนจินตนาการโลดแล่นไปไกล “ดวงดาวต่าง ๆ ล่องลอยหมุนเวียนไปตามเส้นทางของมัน อาจมีบ้างที่เกิดการชนกัน จนมีการระเบิด และสูญหายไปจากห้วงอวกาศ หรือเกิดดวงดาวดวงใหม่” “ทว่าที่แกนกลางของดาราจักรที่ดวงดาวของเราอยู่นั้น…” ลูซิเฟอร์หยุดคำ นางเงยหน้ามาจ้องที่ใบหน้าของลิลิธ “มีสิ่ง ๆ หนึ่งที่ผิดแปลกไปจากสิ่งที่ควรจะเป็น..... มันมีสภาพเหมือนหลุม ที่ขุดไว้ให้เหล่าสัตว์ที่ไม่ทันระวังตัวตกลงไป หากแต่มันมิใช่หลุมจริง ๆ เจ้าสิ่งนั้นมีสภาพที่ ‘ดึงดูด’ ทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่แสงสว่างเข้าสู่ใจกลางของมัน สิ่งที่มันดูดกลืนไป ไม่มีผู้ใดสามารถตอบได้ว่า มันหายไป ณ ที่แห่งใด เจ้าสิ่งนั้นล่ะ ที่เราเรียกว่า ‘หลุมดำ’ ….เข้าใจเปล่าแม่เด็กน้อยช่างสงสัย” ลูซิเฟอร์กล่าวลงท้ายแบบกวน ๆ ในแบบของนาง ลิลิธเอามือข้างหนึ่งทุบไปบ่นฝ่ามือ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงใส ๆ “มันเหมือนกับพวกน้ำวนในทะเลงั้นสินะ” “คล้ายจะเป็นเช่นนั้น หากแต่น้ำวนเราสามารถเข้าไปเก็บในสิ่งที่มันดูดลงไปได้ และน้ำวนมิได้มีแรงดึงดูดมากพอจะเป็นอันตรายกับผู้ที่มีความสามารถสูง แต่หลุมดำนั้นมีอานุภาพสูงกว่า ทุกสิ่งจะถูกมันดูดหายไปจนสิ้น ต่อให้เทวทูตที่มีพลังสูงมาก ๆ ยังเอาตัวรอดจากมันได้ยากเลย” ลิลิธถึงกับหน้าซีด นางไม่คิดว่าจะมีอะไรเช่นนี้ แถมดันเป็นสิ่งที่นางมีอยู่ในตัวอีกต่างหาก “แล้วข้าจะเป็นเช่นไรกัน” นางถามลูซิเฟอร์ทันที ลูซิเฟอร์ลูบปอยผมตัวเอง พลางแสดงสีหน้าครุ่นคิด “ข้าว่าคงไม่เป็นอะไร ตราบเท่าที่เจ้าสามารถควบคุมมันได้ หรือไม่ได้ใช้มัน หากแต่ข้าเองก็ไม่สามารถรับประกันสิ่งใดได้ เพราะหลุมดำก็เป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดอยากเข้าไปท้าทายอำนาจของมัน” ลูซิเฟอร์กล่าวตอบ “แม้แต่พระผู้เป็นเจ้ากระนั้นหรือ?” ลิลิธถามด้วยน้ำเสียงสงสัยอย่างยิ่ง ทว่าคำถามของนางนั้นช่างเป็นการท้าทายยิ่งนัก “เจ้านี่น้า คิดแต่ละคำถามได้น่าปวดเศียรเวียนเกล้าจริง ๆ ...ข้าตอบไม่ได้หรอก ใครจะไปเดาพระทัยของพระองค์ท่านได้ทุกครั้งไปเล่า” ลูซิเฟอร์กล่าวตอบ ดูนางเป็นกังวลพอควร นางเงยหน้าขึ้นเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ “เอ...ลิลิธ เจ้าว่าไอเซ็ทเป็นผู้ที่จะสอนเจ้างั้นรึ? เจ้าสนิทสนมกับนางแล้วรึ?” ลูซิเฟอร์เป็นฝ่ายถามบ้าง “อืม นางเป็นเทวทูตที่ดีมากเลยล่ะ ไม่นับที่นางขี้เล่นมากไปน่ะนะ” ลิลิธตอบไปยิ้มไป ในขณะที่ลูซิเฟอร์นั้นทำหน้าประหลาดใจออกมาทันที “น่าแปลกใจดีนะ นางเป็นเทวทูตที่ปกติไม่ค่อยสนใจสิ่งใดเลย นางดูจะสนุกแต่กับการทดลองของนางเพียงอย่างเดียว การที่มาสนใจเจ้านี่ แสดงว่าเจ้ามีดีอะไรสินะ” ลูซิเฟอร์แสดงความคิดเห็นออกมา ซึ่งมันทำให้ลิลิธนึกถึงวันแรกที่พบไอเซ็ท นั่นทำให้ลิลิธถึงกับหน้าแดงออกมาเลยทีเดียว “ข้าไม่ได้มีดีอะไรซักหน่อย ก็แค่...นะ ก็...นะ” ลิลิธตอบตะกุกตะกัก จนลูซิเฟอร์ยิ้มออกมาหน่อย ๆ “นางเป็นผู้ปัญญามากผู้หนึ่ง การที่เจ้าสนิทและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากนางก็ไม่เลวหรอก ระวังแค่...” ลูซิเฟอร์หยุดคำไว้ ซึ่งมันทำให้ลิลิธคาใจอย่างยิ่ง ระวังอะไร? ระวังทำไม? “อย่าเป็นศัตรูกับนาง” ลูซิเฟอร์กล่าวต่ออย่างเบา ๆ ลิลิธได้แต่เพียงแสดงสีหน้าตกตะลึง เพราะที่เห็นในวันนี้นั้น ดูยังไงนางก็น่าจะเป็นฝ่ายถูกผู้อื่นกลั่นแกล้งเสียมากกว่า ลูซิเฟอร์ยิ้มออกมา นางยกนิ้วชี้ส่ายไปมาเป็นเชิงปฎิเสธ “เจ้าอย่ามองผู้อื่นเพียงภายนอก หรือจากสิ่งที่เห็นด้วยตา ข้ารับรองได้ ฉายา ‘ผู้วิเศษแห่งลุ่มทะเลสาบแดง’ มิได้ ได้มาเพราะโชคช่วยเป็นแน่” นางเตือนลิลิธ ซึ่งลิลิธได้แต่หรี่ตาลงเล็กน้อย ดูนางยังไม่ค่อยเชื่อลูซิเฟอร์ซักเท่าไหร่ ทันใดนั้นนางก็เอามือทุบที่ฝ่ามือตัวเองอีกครั้ง “เกือบลืมไปเลย เจ้าว่าข้าควรเรียนเวทย์สายใหนดีล่ะ” ลิลิธถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ลูซิเฟอร์ลูบปอยผมตัวเองอีกครั้งก่อนตอบไปอย่างรวดเร็ว “ได้ทุกสายล่ะ” คำตอบช่างเรียบง่ายเสียจริง ๆ “หา?” แต่คำตอบมันง่ายเกินไปจนลิลิธอุทานออกมา “จริง ๆ นะ ถ้าไอเซ็ทดูเจ้าไม่ผิดจริง ๆ เจ้าสามารถศึกษาเวทย์มนต์ได้ทุกสายเลย แต่ข้าคงตอบไม่ได้ว่าออกมาแล้วมันจะดีมากน้อยเพียงใด” ลูซิเฟอร์อธิบายขยาย ลิลิธที่นั่งฟังอยู่ ก็เลยหยิบหนังสือฝึกเวทย์มนต์ขึ้นมาให้ลูซิเฟอร์ดู ลูซิเฟอร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ไอเซ็ทคงอยากดูก่อนน่ะว่าถ้าเจ้าผ่านขั้นต้นไปได้ เจ้าควรจะไปทิศทางใด” ลูซิเฟอร์ตอบตามที่นางคิด “สรุปว่าข้าต้องลองก่อนสินะ” ลิลิธพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “ว่าแต่ทำไมถึงได้อยากฝึกเวทย์มนต์อะไรแบบนี้ขึ้นมาล่ะ ข้านึกว่าเจ้าจะชอบพวกงานศิลปะ หัตถกรรม หรือเกษตรซะอีก” ลูซิเฟอร์ย้อนถามลิลิธไป “ข้าว่า... อนาคตข้าคงต้องมีเรื่องกับนามาฮ์ และอาแกรทบ่อย ๆ เป็นแน่ เลยศึกษาไว้อย่างน้อยก็ป้องกันตัว” ลิลิธตอบ “นี่เจ้าเข้าบ้านนั่นไม่ถึงอาทิตย์ก็มีเรื่องกับแม่แกะทอง กับ แม่กระทิงแดงแล้วรึ” น้ำเสียงลูซิเฟอร์หนักใจหน่อย ๆ “ท่านรู้จักพวกนางทั้งสองบ้างรึไม่ ถ้าทราบก็เล่าให้ข้าฟังบ้างสิ” ลิลิธเอาแขนวางทับกันบนโต๊ะแล้วยื่นหัววางบนแขนพลางขยับไปมา พร้อมกับรอยยิ้มแสดงความสนใจออกมา “รู้สึกเจ้านี่จะมีความสุขกับการให้ข้านินทาผู้อื่นจริง ๆ นะ” ลูซิเฟอร์ปั้นหน้าเอือมออกมา หากแต่ลิลิธไม่รู้ร้อนรู้หนาวเท่าไหร่ ยังคงส่งยิ้มที่เป็นเหมือนการคะยั้นคะยอให้ลูซิเฟอร์เล่าให้ฟัง “อา อา เล่าก็เล่า” ลูซิเฟอร์ตอบโดยมีลิลิธที่ยิ้มกว้างอยู่ “นามาฮ์น่ะนะ เป็นเทวทูตแห่งน้ำ นางออกจะมีนิสัยเย่อหยิ่ง และถือตนพอควรทีเดียว เท่าที่ข้ารู้คือนางเป็นพวกชอบสร้างอะไรแปลก ๆ แผลง ๆ เป็นประจำ” ลิลิธที่ฟังลูซิเฟอร์เล่าถึงตรงนี้ ภาพของเจ้าพวกดอกไม้ที่กินสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มันผุดขึ้นมาในหัวทันที ทำให้นางยิ้มแหย่ ๆ ออกมาให้ลูซิเฟอร์เห็น “แต่โดยปกตินางก็ไม่ค่อยยุ่งอะไรกับใครอยู่แล้ว เว้นแต่ใครจะไปทำอะไรให้นางไม่พอใจ นั่นก็คงอีกประเด็นหนึ่ง” “ส่วนอาแกรท นั้นนางเป็นเทวทูตแห่งภาพมายา เท่าที่เห็นข้าว่านางเป็นประเภทที่ชอบเอะอะโวยวาย แถมนางออกจะเอาแต่ใจแล้วก็ชอบแสดงออกทางร่างกายมากไป” ลิลิธทำตาแป๋วพลางคิดในใจ ‘เห็นภาพมากเลยล่ะลูซิเฟอร์’ “ถ้าให้พูดถึงอิทธิฤทธิ์ของสองสาวนี่ล่ะก็ นามาฮ์ค่อนข้างจะมีพลังเวทย์สูงพอตัวทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับไอเซ็ท ข้าว่านางยังห่างชั้นอยู่มาก” “หา?” ลิลิธอุทานอีกครั้งกับสิ่งที่ลูซิเฟอร์กล่าว “ก็วันนี้ ไอเซ็ทบอกข้าเองว่า ไม่อยากสู้กับนามาฮ์เพราะค่อนข้างแพ้ทางนาง” ลิลิธเล่าให้ลูซิเฟอร์ฟัง “ก็อาจจะ การแพ้ชนะในเรื่องนี้มันวัดกันที่พลังเวทย์อย่างเดียวไม่ได้ ใครมีลูกเล่นและพลิกแพลงได้ดีกว่า แม้พลังเวทย์จะน้อยกว่า ก็ชนะได้นะ” ลูซิเฟอร์อธิบายแก้ข้อสงสัยของลิลิธ “ส่วนแม่กระทิงแดงน่ะ นางไม่ได้มีพลังเวทย์ที่เป็นเวทย์มนต์จริง ๆ แต่นางน่ะแรงช้างสารมาก ๆ ข้าเคยเห็นนางประลองกับพวกลูกน้องของมิคาเอล นางจับพวกนั้นเหวี่ยงปลิวไปไกลมากเชียวล่ะ” ‘นี่ถ้าวันนี้ข้าโดนตบ หัวของข้าจะปลิวมั้ยนั่น’ ลิลิธคิดไปพลางเช็ดเหงื่อไป “ฉะนั้นถ้าเจ้าจะฝึกเวทย์มนต์เพื่อรับมือนาง ก็ลองคิดให้ดี ๆ ว่าจะรบกับพวกนางยังไง” ลูซิเฟอร์บ่ายมือออกราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่ลิลิธต้องไปทำการบ้านเอาเอง ลิลิธที่รับฟังก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะมันก็ยากอยู่ที่ต้องมาเจอกับผู้ที่เก่งกาจถึง 2 คนพร้อมกัน “ยังกับว่าข้ามาอยู่ในสนามรบเลย” ลิลิธกล่าว “ก็อย่างที่ข้าบอกเจ้าตั้งแต่ย่างเท้าเข้าไป ณ ที่นั่นล่ะ” ลูซิเฟอร์กล่าวตอบด้วยสีหน้าเย็นชา ลิลิธขยับตัวไปพิงเก้าอี้ นางดูหนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นพอควร “ข้าว่าเจ้าลองศึกษาหนังสือเล่มนั้นก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็ได้ อย่าเพิ่งไปหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่านะ” ลูซิเฟอร์พูดพลางขยิบตาให้ลิลิธ “ตอนนี้ข้าขอไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน วันนี้ข้าวุ่นมาเกือบทั้งวันเลยล่ะ” “อืม ขอบใจเจ้ามากนะที่ให้คำแนะนำข้า แล้วก็ราตรีสวัสดิ์นะลูซิเฟอร์” ลิลิธกล่าวขอบคุณและลาลูซิเฟอร์พร้อมกัน แสงจากจี้ห้อยคอหายไป ลิลิธเก็บมันมาห้อยคอตามเดิม ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายแก่ ๆ นางจึงใช้เวลาที่มีอย่างเหลือเฟือนั่งอ่านเจ้าตำราเวทย์เบื้องต้น เวลาผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมง เหล่าสาวใช้ของลิลิธยกสำหรับมาให้ที่ห้องสมุด ด้วยเพราะไม่เห็นเจ้านายของตัวกลับมายังห้อง “ขอบใจนะ โซฟิอา เชดิม” ลิลิธกล่าวต่อสาวใช้ทั้ง 2 โดยที่สายตายังจดจ้องอยู่ที่ตำรา รู้สึกว่านางกำลังสนุกกับตำรามากทีเดียว นางยกมือยกไม้ วาดวงแหวนเวทย์ในอากาศบ้าง ไม่ก็ยกมือตั้งท่าเป็นเชิงปล่อยพลังเวทย์บ้าง นางนั่งฝึกอยู่เช่นนี้จนเวลาล่วงเลยไปจนยามสอง ในขณะที่ลิลิธกำลังศึกษาเวทย์อย่างตั้งใจนั้น ที่ห้องของไอเซ็ท นางเองก็รื้อค้นตำราสารพัดมาอ่าน เพื่อพยายามทำความเข้าใจพลังของลิลิธ จนแม้แต่อาหารเย็นนางก็ไม่ทาน ด้วยตื่นเต้นกับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้าง สำหรับนางที่สนใจลิลิธ โดยเฉพาะในฐานะสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากพอดูทีเดียว แอ๊ด~ เสียงประตูถูกเปิดออก “ข้าไม่ทานอะไรหรอก พวกเจ้าเอากลับไปเถอะ” ไอเซ็ทพูดขึ้นมาทันที “งั้น ข้าจะป้อนให้เจ้าเอง” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาเป็นเสียงผู้ชาย ทำให้ไอเซ็ทต้องหันไปมอง ซามาเอลนั่นเอง เขามายังห้องของไอเซ็ท และถือสำรับอาหารมาด้วย “ซามาเอล นี่ท่าน!?” ไอเซ็ทพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “ทำไมรึ ข้ามาหาภรรยานี่แปลกมากรึ?” ซามาเอลตอบพลางเดินเอาสำรับอาหารวาง ไอเซ็ทถอนหายใจเบา ๆ ก่อนกล่าวขึ้น “ไม่แปลกหรอก แค่ไม่คิดว่าท่านจะมาหาข้าในวันนี้ ข้านึกว่าท่านจะไปหานามาฮ์ซะอีก” ซามาเอลเดินมาทางด้านหลังของไอเซ็ท เขาโอบกอดนางก่อนที่จะบรรจงประทับริมฝีปากไปบนแก้มของนาง “ท่านนี่น้า มีอารมณ์กับข้าด้วยรึ” ไอเซ็ทกล่าวประชดออกมา “ถ้าไม่มี ข้าจะมาหาเจ้ารึ เทพธิดาแห่งจันทราผู้งดงาม” ซามาเอลตอบนัยน์ตาแฝงความเจ้าชู้ได้เต็มเปี่ยม ไอเซ็ทหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางปิดหนังสือ แล้วหันไปมองซามาเอล “คารมณ์ของท่านนี่ดูเกินจริงไปนิดนะ” “ไม่หรอก อย่างน้อย ๆ ในดินแดนของข้าเจ้าก็เป็นเทวทูตที่เลื่องชื่อว่างดงามมากองค์หนึ่งนี่นา” ซามาเอลกล่าวตอบ ไอเซ็ทยังคงหัวเราะเบา ๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย ด้วยเพราะผู้ที่ชมนางในที่เช่นนี้ก็เห็นจะมีแต่ซามาเอล “อย่างไรเสีย เจ้าก็มาทานอะไรกับข้ากลางแสงเทียนก่อนดีกว่ามั้ย” ซามาเอลกล่าวพลางยิ้มออกมา “ข้าคงขัดท่านไม่ได้สินะ แม้ว่าจะมีเรื่องที่ข้าอยากค้นคว้าก็ตามที” ไอเซ็ทกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มกลับไป บนโต๊ะของไอเซ็ทนั้น ซามาเอลเนรมิตให้มีเทียนขนาดพอเหมาะ แล้วใช้เวทย์มนต์ดับไฟในห้องทั้งหมด เลยเพียงแสงสว่างจะเทียนบนโต๊ะเท่านั้น ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ที่คลุมด้วยผ้าสีฟ้า ไอเซ็ทและซามาเอลค่อย ๆ ทานอาหารเหล่านั้นช้า ๆ “นาน ๆ กลับมาทานอะไรในคฤหาสน์ตัวเองก็ดีเหมือนกันนะ” ซามาเอลเอ่ยขึ้น “ข้าว่าวันนี้ท่านกลับดึกกว่าทุกทีนะ” ไอเซ็ทตั้งข้อสังเกต “วันนี้มีเรื่องวุ่น ๆ ให้พวกข้าไปจัดการน่ะ” ซามาเอลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ว่าแต่ พวกเจ้าเถอะ มีคนมาฟ้องข้าว่าจะมีเรื่องกันรึ” ซามาเอลถามไอเซ็ทกลับไปบ้าง น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉย ไอเซ็ทที่ฟังอยู่ยกแก้วไวน์ทรงสูงขึ้นจิบนิดหน่อย ก่อนที่จะยิ้มออกมา “ก็แค่... เรื่องไม่เป็นเรื่องเท่านั้นล่ะ” ไอเซ็ทตอบแบบไม่ยี่หระเท่าไหร่ “ข้าก็เห็นเจ้าไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยซักครั้ง” ซามาเอลตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน ไอเซ็ทเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตนเอง ท่าทีเหมือนจะกล่าวอะไรบ้างอย่าง เธอค่อย ๆ ปรายตามองไปที่ซามาเอล “ข้าถามท่านจริง ๆ เถอะซามาเอล ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับลิลิธบ้างรึไม่” “ข้าก็รู้ พอ ๆ กับเทวทูตผู้เปี่ยมไปด้วยปัญญาเช่นเจ้ารู้นั่นล่ะ” ซามาเอลตอบกลับ ทีท่าของเขาสงบนิ่งพลางยิ้มที่มุมปาก “ท่านนี่นะ ชมข้าซะจน ข้าแทบจะบินได้เลย” ไอเซ็ทยกไวน์ขึ้นมาจิบอีกครั้ง อาหารพร่องไปไม่มากนัก คงเพราะทั้งสองเองก็ไม่ได้หิวมากนัก หากแต่ก็ทานไปพอเป็นพิธีเท่านั้นเอง ซามาเอลลุกขึ้นเดินไปหาไอเซ็ท แล้วดึงตัวนางขึ้นจากเก้าอี้ ริมฝีปากของซามาเอลเข้าใกล้ใบหน้าของไอเซ็ทอีกครั้ง “ซามาเอล ท่านนี่ใจร้อนจริง ๆ นะ” ไอเซ็ทกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของซามาเอล “ถ้าข้าใจเย็น เวลาที่จะได้อยู่กับเจ้า ก็น้อยลงไปอีกน่ะสิ” ซามาเอลตอบพร้อมรอยยิ้ม “ฉะนั้นข้าก็ควรสนองความต้องการของท่านโดยไวสินะ” ไอเซ็ทปรายตามองซามาเอลพร้อมรอยยิ้ม “ควรจะเป็นเช่นนั้น” ซามเอลกล่าวตอบ ก่อนที่แสงเทียนจะถูกเวทย์มนต์ทำให้มันดับไป และห้องก็ตกอยู่ภายในความมืด ทางด้านลิลิธที่อ่านตำราอย่างคร่ำเคร่งจนแทบไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว เวลาล่วงเลยจนยามสามแล้ว นางลองเวทย์มนต์ต่าง ๆ แม้ว่าจะเป็นแค่พื้นฐานไม่ใช่เวทย์มนต์ใหญ่โตอะไร นางก็รู้สึกภูมิใจแล้วก็สนุกไปกับมัน จนกระทั่ง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในจิตสำนึกของนาง ลิลิธนั่งทบทวนไปมาอยู่ซักครู่จึงได้เริ่มทำการ ‘ลองทำ’ ดู เสียงโครมครามในห้องสมุดดังอย่างต่อเนื่อง มันดังมากพอที่จะได้ยินทั้งคฤหาสน์ หากแต่ไอเซ็ทและซามาเอลที่อยู่ด้วยกัน ณ เวลานี้ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากเสียงหายใจของทั้งสองเท่านั้น ส่วนอาแกรทนั้นแม้จะรำคาญแต่นางก็รู้สึกขี้เกียจที่จะลุกออกไปอาละวาด ณ เวลานี้ คงมีเพียงนามาฮ์เท่านั้นที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตาที่ทอประกายสีทองของเธอมันดูส่องสว่างในยามราตรีอย่างมาก ดูนางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับเสียงโครมครามในห้องสมุด แต่เธอก็ไม่ได้แสดงกิริยาใด ๆ ออกมามากกว่านี้ เธอค่อย ๆ ข่มตาหลับไปพร้อมกับความคิดที่ว่า ‘พวกทำแต่เรื่องไร้สาระ...’ ภายในห้องสมุด หนังสือมากมายตกลงมากองเต็มไปหมด ชั้นหนังสือจำนวนมากล้มทับกันระเนระนาด จนมองไม่เห็นร่างของลิลิธ ชั้นหนังสือตรงกลางห้องค่อย ๆ ขยับทีละนิด ๆ จนมันพลิกกลับไปและเปิดช่องออกมา ร่างที่ออกมาจากชั้นหนังสือคือ ลิลิธ นั่นเอง เนื้อตัวของเธอมอมแมมไปหมด เพราะกองหนังสือ และชั้นหนังสือที่สุมทับเธอ ทว่าเธอไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดออกมาแต่อย่างใด กลับแสดงสีหน้าดีใจอย่างที่สุด พร้อมกับยิ้มออกมา เธอยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาดู พลางขยับนิ้วไปมา เสียงหัวเราะออกจากปากของเธอราวกลับว่าเธอทำอะไรบางอย่างสำเร็จตามที่ได้ตั้งใจไว้ “ฮะฮะฮะ มันต้องแบบนี้สิ” เธอยิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่แสดงความพอใจต่ออะไรบางอย่าง เธอหันไปมองผลงานของเธอที่ทำไว้เบื้องหลัง รู้สึกว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกตัวนิด ๆ แล้วว่ามันดูท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ ลิลิธยืนทำตาปริบ ๆ อยู่ครู่ใหญ่ เหล่าโกเลมที่มีหน้าที่เฝ้าห้องสมุดต่างเดินเข้ามาดูสภาพสถานที่ซึ่งก่อน หน้านี้มันคือห้องสมุดที่เป็นระเบียบเรียบร้อย หากแต่ ณ เวลานี้มันเหมือนกันกองขยะในห้องกว้างซะมากกว่า ลิลิธเดินไปที่โกเลมที่มีหน้าที่เผ้าห้องสมุด “ข้าฝากพวกเจ้าจัดการด้วยนะ” นางกล่าวด้วยรอยยิ้มแหยๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องสมุดไป ---------------------------------------------- รุ่งเช้า ณ ห้องสมุด “...” ไอเซ็ทได้แต่เพียงยืนตะลึงอยู่ ณ ทางเข้าของห้องสมุด นางหันซ้ายหันขวา มองสภาพโดยรอบของที่นั้น สภาพของมันดูไม่เหมือนห้องสมุดเลย ราวกับว่าโดนพายุโหมกระหน่ำ จนห้องสมุด กลายเป็นโรงเก็บขยะ เหล่าหนังสือกระจุยกระจาย แถมชั้นหนังสือยังล้มระเนระนาดอีก “นี่มันอะไรกัน ใครจะให้คำตอบข้าได้บ้าง” ไอเซ็ทเท้าเอวถามเหล่าโกเลมที่กำลังเก็บกวาดอยู่ น้ำเสียงนางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เพราะนางจะมาหาตำราไปใช้ในงานของเธอ และเอาไว้ใช้สอนลิลิธ “ท่านลิลิธเป็นผู้ทำน่ะครับ” โกเลมชายตนหนึ่งกล่าวขึ้น “หา~?” ไอเซ็ทลากเสียงยาว นางไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงตัวคนเดียวจะสามารถถล่มห้องสมุดซึ่งมีชั้นหนังสือแต่ละ ชั้นสูงกว่า 8 ฟุตให้ลงมาล้มระเนระนาดบนพื้นได้จนเกือบหมดห้องสมุด เว้นแต่... ‘นางทดสอบเวทย์มนต์ในห้องสมุดยังงั้นรึ?’ ไอเซ็ทตั้งคำถามขึ้นภายในใจ แต่นางก็พยายามสลัดความคิดนี้ทิ้งไป เพราะ ณ ตั้งแต่ตอนที่นางให้ตำราเวทย์ลิลิธไป มันเป็นช่วงเวลาเพียงไม่นานนัก ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำไป การที่ลิลิธจะใช้เวทย์มนต์ได้ถึงขนาดนี้มันออกจะแปลกไปหน่อย แต่นางก็ยังไม่อาจจะทิ้งข้อสงสัยไปได้ ไอเซ็ทเห็นว่าคงต้องใช้เวลาจัดห้องทั้งวันเป็นแน่ จึงเดินออกจากห้องสมุดไป ที่ด้านนอกห้องสมุดนั้นไอเซ็ทได้พบกับนามาฮ์ที่เดินมาดูเหตุการณ์ด้วยเช่นเดียวกัน ดูท่าทางนางจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กับสิ่งที่เห็นภายใน “แม่โกเลมนั่นทำอะไรอีกรึ ไอเซ็ท” นามาฮ์กล่าวถามน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าไม่รู้หรอก เพราะข้าไม่ได้ตัวติดกับนางสักหน่อย” ไอเซ็ทตอบพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้าง นามาฮ์เลิกคิ้วพลางใช้พัดที่ถือมาด้วยปิดปากตัวเอง ก่อนจะกล่าวทั้ง ๆ ที่พัดปิดปากอยู่ “เช่นนั้นรึ ข้านึกว่าเจ้ากับแม่โกเลมนั่นตัวติดกันซะอีก” น้ำเสียงค่อนขอดของนามาฮ์ทำให้ไอเซ็ทไม่ชอบใจนัก แต่นางก็พยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองไว้ นางเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเองพลางปรายตาไปยังนามาฮ์ แววตาของไอเซ็ทแฝงความรู้สึกขบขันไว้ไว้พอควรทีเดียว “ข้าก็อยากจะเกาะติดแม่นางโกเลมของเจ้าอยู่หรอก หากแต่เมื่อคืนตัวข้าดันไปติดกับซามาเอล ก็เลยไม่สามารถไปเกาะติด ลิลิธได้น่ะสิ” น้ำเสียงของไอเซ็ทราวกับเย้ยหยั่นนามาฮ์ก็ไม่ปาน สายตานามาฮ์จากเดิมที่ดูถูกไอเซ็ท กลับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกไม่พอใจปนริษยา จนไอเซ็ทก็รู้สึกได้ นางจึงส่งยิ้มกลับไป “เชอะ!!” นามาฮ์หันหลังกลับแล้วเดินฉับ ๆ ทิ้งไอเซ็ทไป ไอเซ็ทมีเหงื่อออกนิดหน่อย พลางคิดในใจ ‘ตั้งแต่ลิลิธมาอยู่นี่ ทำไมชีวิตมันช่างตื่นเต้นท้าทายเสียจริง ๆ’ ว่าแล้วเธอก็เดินไปยังห้องลิลิธเพื่อจะได้สอบถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องสมุด ไอเซ็ทเดินมาถึงห้องของลิลิธ เธอเปิดเข้าไปทันที “ลิลิท!!” ไอเซ็ทเรียกชื่อผู้เป็นเจ้าของห้องด้วยเสียงอันดัง ฟรี้~~~~ สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงลิลิทที่ยังไม่ตื่นจากนิทรา ในห้องมีสาวใช้ 2 ตนเดินจัดเตรียมน้ำร้อน และเสื้อผ้าให้ลิลิธ ไอเซ็ทหันไปยังสาวทั้ง 2 แล้วชี้ไปยังลิลิธ โซฟิอาเดินไปหาไอเซ็ทแล้วกล่าวขึ้น “ท่านลิลิธกลับมายังห้องเมื่อเวลาประมาณยามสามได้น่ะเจ้าค่ะ ก็เลยคงยัง...” ไม่ทันที่จะพูดจบไอเซ็ทใช้นิ้วของนางแตะไปที่ริมฝีปากของโซฟิอา แล้วส่ายนิ้วไปมา “พวกเจ้าออกไปก่อน” ไอเซ็ทสั่งสาวใช้ทั้ง 2 โซฟิอาและเชดิม ย่อตัวรับคำสั่งแล้วเดินจากห้องไป เหลือเพียงไอเซ็ทที่อยู่ในห้องกับลิลิธเท่านั้น นางเดินไปหาลิลิธที่เตียง จากนั้นจึงนั่งลงข้าง ๆ เตียงอย่างช้า ๆ ด้วยไม่อยากรบกวนลิลิธให้ตื่นซะก่อน ไอเซ็ทนั่งมองลิลิธด้วยแววตาที่เอ็นดูอย่างมาก นางค่อย ๆ ลูบผมของลิลิธช้า ๆ ลิลิธนั้นขยับตัวเล็กน้อย อือ~ นางครางออกมานิดหน่อย ผ้าห่มเลื่อนลงไปจนเกือบหมด เผยให้เห็นเรือนร่าง และผิวสีขาวนวลของนาง ซึ่งไม่ได้นุ่งห่มสิ่งใดเลย ไอเซ็ทยิ้มแหย ๆ ออกมาพลางคิดในใจ ‘สรุปว่าเจ้าหล่อนชอบเปลือยกายเป็นนิสัยเลยสินะเนี่ย’ ไอเซ็ทหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะลิลิธนั้นดูใสซื่อกว่าที่นางคิดไว้ ‘พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างสิ่งที่ไม่มีใครหยั่งถึงได้จริง ๆ’ เธอคิดพลางลูบศีรษะลิลิธไป ลิลิธขยับตัวนิดหน่อย นางจับมือของไอเซ็ทไว้แน่น ‘ข้าไปทำให้นางรำคาญรึเปล่าเนี้ย’ ไอเซ็ทคิดในใจ ลิลิธที่จับมือของไอเซ็ทไว้นั้น ดึงมือของนางเข้าปากแล้วกัดเต็มแรงทันที “โอ้ย!!” ไอเซ็ทร้องออกมาเต็มเสียง ตัวสะดุ้งโหยง ดึงมือออกจากปากของลิลิธทันที “อึม ๆ เอื้ออ้าง” นางละเมอออกมา แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น นางค่อย ๆ ลุกขึ้นมาทำตาปรือด้วยความงัวเงียจากการที่เพิ่งตื่นนอน แล้วหันซ้ายหันขวาก่อนที่จะยกนิ้วโป้งให้ไอเซ็ท “อร่อยมากเลยล่ะ อายเซ็ท” ลิลิธกล่าว นางโดนไอเซ็ทเขกหัวเข้าไปทีนึง อาการงัวเงียหลังตื่นแทบหายเป็นปลิดทิ้ง นางเอามือกุมศีรษะตัวเอง มีน้ำตาเล็ดออกมานิดหน่อย “ฮือ...เขกหัวข้าทำไมล่ะ ไอเซ็ท” “คิดซะว่าเป็นการชดใช้ที่เจ้ากัดมือข้าเต็มแรงก็แล้วกัน” ไอเซ็ทตอบกลับไป “ว่าแต่เจ้านั่งฝึกเวทย์มนต์ทั้งคืนเลยรึ” นางถามสิ่งที่สงสัยทันที “อืม ๆ อ่านไปแล้วก็เพลินดีเหมือนกันล่ะ” ลิลิตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “แล้วเจ้าก็ลองเวทย์มนต์ในห้องสมุดงั้นรึ” ไอเซ็ทถามต่อไป “อืม ๆ ก็...นิดหน่อย...น่ะ...นะ...” ลิลิธตอบเว้นจังหวะเป็นช่วง ๆ สีหน้าเจื่อนลงไปทันใด “คงไม่นิดหน่อยแล้วกระมัง ขนาดทำให้ห้องสมุดวินาศสันตะโรได้เยี่ยงนั้น” ไอเซ็ทกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัยบางอย่างไว้ “เดี๋ยว...พวกโกเลมก็จัดเข้าที่ได้ใช่รึเปล่า” ลิลิธกล่าวน้ำเสียงเหมือนคนพยายามเลี่ยงความผิด “ข้าว่ากว่าจะเสร็จ เจ้าอาจจะได้โดนนามาฮ์จับกินไปซะก่อนน่ะสิ” ไอเซ็ทตอบน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่ยิ้มที่มุมปากนิด ๆ “ห่ะ!!” ลิลิธอุทานด้วยความตกใจขึ้นทันที “ข้าล้อเล่นนา นางไม่ได้พิศมัยจะกินเจ้าหรอกนา” ไอเซ็ทปลอบลิลิธที่ทำสีหน้าเหมือนหวาดกลัว “แต่... ถ้านางจะกิน ข้าคงช่วยเจ้าไม่ได้หรอกนะ” นางกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ลิลิธได้แต่ทำหน้าเศร้าสำนึกผิดในสิ่งที่ทำไป ไอเซ็ทมองลิลิธแล้วยิ้มออกมานิดหน่อย “นามาฮ์ไม่กินใครหรอกนา ข้าก็พูดไปงั้นล่ะ” นางพูดพลางลูบหัวลิลิธเบา ๆ ลิลิธปั้นหน้ายุ่งทันที “ข้าว่าเจ้าไปอาบน้ำ แต่งตัวก่อนดีกว่านะ” ไอเซ็ทไล่ลิลิธให้ไปจัดการสารรูปที่ดูไม่ค่อยได้ของตัวเองซะ ลิลิธค่อย ๆ ขยับลงจากเตียงทั้งสภาพเปลือยกาย เธอเอามือป้องปากแล้วเรียกชื่อสาวใช้ทั้งสอง “โซ-ฟี-อา....เช-ดิม....” สาวใช้ทั้งสองเข้ามาในห้องทันทีเมื่อผู้เป็นนายเรียกหา ไอเซ็ททำหน้าหนักใจพลางคิดในใจ ‘นี่ถึงขนาดตั้งชื่อให้โกเลมรับใช้ด้วยรีนี่’ ระหว่างที่ลิลิธเดินไปที่ห้องน้ำ นางหันมาหาไอเซ็ทและกล่าวด้วยเสียงอันดัง “วันนี้ข้ามีอะไรจะอวดเจ้าด้วยล่ะ ข้าอุตส่าห์พยายามฝึกทั้งคืนเชียวนา” ลิลิธกล่าวพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง หากแต่ไอเซ็ทกลับรู้สึกว่า ปัญหาในชีวิตของนางกำลังขยายวงกว้างออกไปยังไงยังงั้น ---------------------------------------------- “ว่าแต่เมื่อครู่เจ้าฝันอะไรถึงได้กัดข้าน่ะ” ไอเซ็ทเอ่ยถามขึ้น “หืม ก็แค่ฝันว่าได้กินอาหารมื้อใหญ่ มีเนื้อย่างท่าทางน่ากินด้วยล่ะ แหะ ๆ” ลิลิธตอบพลางหัวเราะแก้เขิน ไอเซ็ทเกาหัวก่อนจะถามกลับไป “เจ้าไม่ได้ทานอะไรรึเมื่อคืน ถึงได้ฝันถึงของกินเช่นนี้” “ทานนา ก่อนนอน ข้าทานไปตั้ง 3 ชุดเชียวล่ะ” ลิลิธตอบพร้อมรอยยิ้ม หากแต่ไอเซ็ทกลับปั้นหน้าหนักใจให้กับคำตอบของนางและคิดในใจ ‘พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถกินได้แบบไม่บันยะบันยังหรือนี่กระไร’ -------------------------------------------------------Next to chapter 6 แถม |
บทความทั้งหมด
|
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!