Nephilim's tale ตอนที่ 5
Back to Chapter 1

Back to Chapter 2

Back to Chapter 3

Back to Chapter 4


----------------------------------
[b]Chapter 5[/b]

อนาคิมนั่งอึ้ง คงเพราะอยู่ ๆ มีคนมาบอกว่า นางชื่อ เรฟาอิม ทั้ง ๆ ที่นางไม่เคยรู้เรื่องอะไรเช่นนั้นมาก่อนเลย

เซคิน่าผู้ที่เรียกอนาคิม ว่า เรฟาอิม ก็ยังคงจับจ้องที่อนาคิมอย่างไม่วางตา บรรยากาศรอบ ๆ เงียบอย่างมากเพราะทุกคนต่างงุนงนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

“เจ้าจำคนผิดแล้วมั้ง เซคิน่า” เลออสทำลายความเงียบเป็นคนแรก

“ใช่ ๆ ใช่แล้ว ข้ารู้จักกับอนาคิมตั้งแต่เด็กนางไม่ได้ชื่อนั้นสักหน่อย” เรโนอาช่วยยืนยันอีกเสียง

“...” เซคิน่านิ่งเงียบไป นางขมวดคิ้วใส่เลออสและเรโนอา

“ข้าไม่ได้บอกว่าแม่สาวลิงของพวกเจ้าคือ เรฟาอิมสักหน่อย” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ

“เช่นนั้น ทำไมเจ้าเรียกนางว่าเรฟาอิมล่ะ” ชไนเดอร์กอดอกถามเซคิน่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เซคิน่าเอามือไปจับที่คางตัวเอง เธอเงยมองท้องฟ้ายามเย็นหันหัวไปมา

“นั้นสิ” เธอตอบราวกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีอะไรเป็นสาระเลย นั้นทำให้เลออส และเรโนอา แทบจะแสดงสีหน้าเอือมระอาออกมาทันที

ยกเว้นชไนเดอร์ที่ยังคงจดจ้องเซคิน่าด้วยสายตาที่ราวกับจะคาดคั้นเอาความ จริงให้ได้

“ข้าว่าเจ้ามีอะไรก็เล่า ก็ถามมาดีกว่านะ เซคิน่า” ชไนเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง

ทุกคนต่างมองไปที่ชไนเดอร์ด้วยคิดว่าเขาจริงจังไปรึไม่ หากแต่อนาคิมเองก็รู้สึกแบบเดียวกับชไนเดอร์
เธอรู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น

“ท่านเซคิน่า ท่าน...ต้องการถามสิ่งใดจากข้ากันแน่คะ?” อนาคิมกล่าวถามด้วยท่าทางนบน้อบพอควรทีเดียว

เซคิน่าที่รับฟังอยู่ เอียงมองใบหน้าอนาคิมด้วยแววตาแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่าอนาคิมจะถามตรง ๆ เช่นนี้
ระหว่างนั้นสำรับอาหารถูกจัดเตรียมเรียบร้อย และนำมาวางไว้ที่โต๊ะที่ทั้ง 5 นั่งอยู่พอดี

“ทานไปคุยไปก็ได้ มันจะได้ไม่เครียดเกินไป” เซคิน่ากล่าวออกมา

“ข้าว่ามันเครียดตั้งแต่เจ้าเริ่มเรื่อง...” เลออสเหล่ตาแซวเซคิน่าแต่ไม่ทันจบประโยคเขาก็โดนถาดอาหารทุบเข้าที่หัวทันที

“ข้าไม่ได้จะหาเรื่องซักหน่อย แค่มีอะไรสงสัยคาใจเท่านั้นเอง” เซคิน่ากล่าวตอบเลออสที่เอามือกุมหัวอยู่

“ถ้างั้นก็คิดซะว่าเป็นการสนทนาระหว่างมื้ออาหารก็แล้วกัน” ชไนเดอร์กล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาที่มุมปาก

หากแต่อนาคิมกลับมองไปมารอบ ๆ ตัวนางรู้สึกว่ามันขาดสิ่งใดไปซักอย่าง จนชไนเดอร์สังเกตเห็นจึงเอ่ยถามขึ้น

“มีสิ่งใดรึ อนาคิม?”

“เออ....แล้วแล้วมารดาของพระองค์ เอ้ย ของท่านล่ะคะ?” อาคิมพยายามถามให้เป็นแบบปกติที่สุดแต่นางก็ยังกระท่อนกระแท่น

บรรยากาศบนโต๊ะเงียบลงอีกครั้ง ชไนเดอร์หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบนิดหน่อย

“มารดาของข้าเสียไปได้เกือบหนึ่งปีแล้วล่ะ” เขาตอบน้ำเสียงเรียบเฉย แต่นัยน์ตาแฝงไว้ซึ่งความเศร้า
อนาคิมรู้สึกผิดที่ไปกล่าวอะไรซึ่งอาจจะทำให้ชไนเดอร์เศร้าใจ นางรีบโค้งศีรษะขอโทษทันที

“ข...ข้าต้องขอโทษท่านด้วยค่ะ”

ชไนเดอร์ส่ายหน้าช้า ๆ แล้วยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรซักหน่อย ก็เจ้าไม่รู้นี่นา”

“เอ้า ๆ กินก่อน ๆ” เซคิน่ารีบตักอาหารที่มาจัดวางไว้ก่อนเป็นคนแรก

“เฮ้ย!! ปูตัวนั้นข้ามองตั้งแต่มันมาวางแล้วนะ” เลออสท้วงเซคิน่าที่หยิบปูนึ่งตัวใหญ่ไปก่อนใคร

“ของแบบนี้มันใครดีใครได้ต่างหาก เจ้าหมีขนแดงงี่เง่า” เซคิน่าข่มเลออสที่พลาดของที่ตนเองเล็งไว้ทันที

อนาคิม กับ เรโนอาที่เห็นทั้งสองแย่งอาหารกันอยู่ได้แต่แสดงสีหน้าหนักใจ ด้วยไม่คิดว่าพวกระดับหัวหน้าทหารจะเป็นได้ถึงเพียงนี้

“หึหึหึ เรื่องปกตินา พวกเจ้าทั้งสองทานตามสบายเถอะ” ชไนเดอร์กล่าวกับอนาคิมและเรโนอา แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ทั้งสองจึงเลยตามเลยไป

อาหารพร่องไปมากพอควรแล้ว เลออส เรโนอาและชไนเดอร์แทบจะนั่งเฉย ๆ ไม่ขยับด้วยความอิ่ม หากแต่อนาคิมยังคงค่อย ๆ ตอดเล็กตอดน้อยอาหารได้เรื่อย ๆ ส่วนเซคิน่านั้นดื่มสุราอย่างสบายใจ

“เอ้า เข้าเรื่องได้รึยังเซคิน่า” ชไนเดอร์ทวงสิ่งที่เซคิน่าทำให้คาใจไว้

“หืม....อืม” เซคิน่าวางแก้วเหล้าลง แล้วมองไปยังอนาคิมที่ยังตักอาหารเข้าปากอยู่

“นี่อนาคิม เจ้าเป็นเด็กกำพร้าใช่รึไม่น่ะ” เซคิน่ายิงคำถามออกมาตรง ๆ จนอนาคิมแทบสำลักอาหารออกมา
เรโนอาที่นั่งอิ่มอยู่ถึงกับตะลึง ไม่คิดว่าเซคิน่าจะตั้งคำถามอะไรที่ดูเสียมารยาทเช่นนี้ หากแต่เลออสกับชไนเดอร์กลับมองเซคิน่าด้วยความสนใจในคำถามที่นางเอ่ยถามขึ้น เพราะทั้งสองรู้ดีว่าเซคิน่าแม้จะขี้เล่นและสนุกสนาน แต่เมื่อถึงเวลาที่จริงจังนางไม่เคยถามสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์เป็นแน่

“ท่านเซคิน่าล่ะก็ บิดามารดาของอนาคิมก็คือสามีภรรยาที่อยู่โรงหลอมอาวุธที่เอเวี่ยมยังไงล่ะ คะ”

เรโนอารีบออกตัวรับแทนอนาคิม เซคิน่ามองเรโนอาแล้วทำตาปริบ ๆ

“เจ้านี่ รักเพื่อนมาก ๆ เลยนะ” เซคิน่ากล่าวชมเรโนอาพร้อมส่งยิ้มให้ จากนั้นจึงชี้นิ้วไปทางอนาคิมพร้อมขยิบตา

“เอ้า ตาเจ้าล่ะอนาคิม”

อนาคิมวางช้อนส้อมลงมาวางไว้ที่จาน ท่าทางของเธอดูซึม ๆ ไปราวกับว่าคำถามนั้นมันจี้ใจของเธอ
เธอนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จึงได้เงยหน้าขึ้นกล่าวท่ามกลางทุกคนที่รอฟังคำตอบอยู่

“ใช่ค่ะ ข้าไม่ทราบว่าบิดามารดาที่แท้จริงของข้าคือผู้ใด”
อนาคิมกล่าวเรียบ ๆ แต่เป็นคำตอบที่ทำให้เรโนอาตะลึงอย่างมาก เพราะนางตลอดเวลาเกือบ 18 ปีที่นางรู้จักกับ
อนาคิม เธอไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้เลยซักนิดเดียว

“เฮ้ ๆ เซคิน่า เจ้าจะบอกว่าแม่ลิงนี่เป็นญาติกับคนที่ชื่อเรฟาอิมนั่นน่ะรึ” เลออสกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสงสัยใคร่รู้

“ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียวหรอกนะ” เซคิน่าตอบเลออสกลับไป

“ข้าว่าข้าอยากรู้จักเรฟาอิมให้มากกว่านี้จริง ๆ คงต้องให้เจ้าเล่าแล้วกระมังเซคิน่า” ชไนเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เซคิน่าหันไปมองชไนเดอร์ เธอยักไหล่เล็กน้อย มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ถ้าใครจะสนใจเรื่องของ ‘เรฟาอิม’
ในเมื่อเธอเป็นผู้เปิดประเด็นก่อน

“เรฟาอิมน่ะ เป็นชื่อของนักฆ่าคนหนึ่งในเผ่าของข้าเอง นางไม่ใช่ดาร์คเอล์ฟนะ แต่ ‘เป็นมนุษย์’ นั่นล่ะ”
‘เป็นมนุษย์’ คำ ๆ นี้สร้างความแปลกใจให้เลออสและชไนเดอร์พอควรทีเดียวเพราะปกติเผ่าดาร์คเอล์ฟ ไม่ค่อยยอมรับคนต่างเผ่าไปอยู่ในเผ่าตนเองง่าย ๆ

“ยังไงน่ะ ทำไมนางถึงอยู่กับพวกเจ้าได้ล่ะ” เลออสไม่รอช้ารีบถามก่อนชไนเดอร์ทันที

“ดาร์คเอล์ฟที่อยู่นอกใจกลางหมู่บ้านเป็นผู้เก็บนางได้น่ะ เห็นว่าจริง ๆ ผู้ที่เก็บนางได้ก็กะจะปล่อยนางไว้ทั้งเช่นนั้น แต่ไม่รู้นึกยังไงถึงได้เลี้ยงจนเติบใหญ่ กลายเป็นว่านางมีความผูกพันธ์กับเผ่าเราอย่างมาก แถมด้วยฝีมือของนางถึงขั้นทำให้ผู้อาวุโสในเผ่ายอมรับ และแต่งตั้งให้อยู่เป็นนักฆ่าระดับสองของเผ่าตั้งแต่อายุเพียง 15 ทีเดียวล่ะ”

“เรฟาอิมเป็นคนที่เยือกเย็น แต่ก็เด็ดเดี่ยว เวลาอยู่ในสนามรบนางว่องไวมากซะจน คนในเผ่าแท้ ๆ ที่เรียกว่าบุตรแห่งสายลมยังดูจะเร็วแพ้นางด้วยซ้ำไป”

เลออส เรโนอา และชไนเดอร์หันไปมองอนาคิมเป็นตาเดียวกัน เพราะนึกถึงความเร็วเมื่อครั้งที่นางต่อสู้กับเลออสแล้วก็แทบจะกล่าวได้ว่า นางก็รวดเร็วมาก ๆ เช่นกัน

“แต่ด้วยความที่นางซื่อสัตย์ต่อองค์ชูไนมาน ทำให้นางสละชีวิตเพื่อปกป้องราชบัลลังค์แห่งบาลันเทียร์
‘เมื่อ 150 ปี’ ที่แล้ว”

เซคิน่าย้ำคำว่า 150 ปีที่แล้วชัดเจน นั้นหมายความว่าเรฟาอิมนั่นเสียชีวิตล่วงเลยมานานถึง 150 ปี

“แม้ว่ามันจะ 150 ปีล่วงมาแล้ว แต่ความจำของข้ายังคงแม่นยำอยู่” เซคิน่าเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของอนาคิม

“เจ้ากับนาง พูดได้ว่า ‘พิมพ์เดียวกัน’ ออกมาเลยเชียวล่ะ”

“ข...ข้ามีใบหน้าเหมือนกับเรฟาอิมของท่านงั้นรึ?” อนาคิมถามย้ำ เพราะเธอไม่ค่อยมั่นใจว่าตนเองแปลความที่เซคิน่าบอกถูกต้องรึไม่ เซคิน่าพยักหน้ารับทันที

“ใช่ ซึ่งข้าไม่คิดว่าจะมีคนบนโลกที่เกิดมาด้วยรูปร่าง หน้าตาที่ถอดแบบมาได้เป๊ะเช่นนี้โดยที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด เลย”

“เจ้ากำลังจะบอกว่า เป็นไปได้ที่อนาคิมอาจจะเป็นผู้สืบเชื้อสายของเรฟาอิมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง งั้นรึ”
ชไนเดอร์มองเซคิน่าด้วยความสนใจในสิ่งที่นางกำลังจะตอบ

“เป็นไปได้” เซคิน่าตอบด้วยความมั่นใจ

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เจ้าไปวุ่นวายเรื่องของฝ่ายในด้วยล่ะ” เลออสถามต่อในสิ่งที่เขาคาใจ
เซคิน่ามองเลออสอยู่ครู่หนึ่ง ก็หยิบเอาแผนที่ซึ่งเคยใช้ปรึกษากันเรื่องคีราเนียขึ้นมา

“ไอ้นี่ไงเลออส เจ้าลืมไปแล้วรึ และมันมีลือกันด้วยนะว่า ผู้ที่ได้สิทธิ์ดูแลไอ้ของพวกนี้น่ะ คือ เรฟาอิม” เซคิน่ายืนยิ้มแฉ่งออกมาทันทีที่พูดจบ

“หมายความว่าเจ้าทำไปเพื่อได้มาซึ่ง ‘กุญแจ’ ที่ใช้เปิดสิ่งนั้นงั้นรึ” ชไนเดอร์กล่าวพร้อมกับสายตาที่จริงจัง

“โอ้ แม่ลิงสาวของเรามีค่ากว่าที่ใครจะคาดคิดอีกซะอีก เรียกว่าเป็นโชคของพวกเรารึเปล่านี่” เลออสพูดพลางยิ้มออกออกมา

อนาคิมกับเรโนอาได้แต่ทำหน้างงกับสิ่งที่ทั้งสามพูดคุยกัน ส่วนชไนเดอร์นั้นนิ่งเงียบไป ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับเรื่องทั้งหมดนี้

“ข้าคงไม่ใช้อนาคิมเพื่อการนั้นเป็นแน่” ชไนเดอร์กล่าวพลางถอนหายใจออกมา
เลออส กับ เซคิน่าต่างมองไปยังชไนเดอร์ด้วยไม่คิดว่า เขาจะห่วงอนาคิมมากเพียงนั้น

“...ข้า...ก็ไม่ได้บอกว่าจะเอาอนาคิมไปทำกุญแจเสียบประตูที่นั่นสักหน่อย” เซคิน่ากล่าวขึ้นมา

ก...กุญแจ นี่ข้าเป็นกุญแจอะไรงั้นรึ

อนาคิมคิดในใจพลางกุมมือเรโนอาแน่น จนเรโนอาแปลกใจกับกิริยาของอนาคิม

“อืม ๆ ห่วงน่ะห่วงได้ แต่ไม่ต้องออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้” เลออสแหย่ชไนเดอร์ต่อทันที
ชไนเดอร์แสดงอาการเขินออกมาทันที ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนเพื่อนของตนดูออกได้ง่ายเพียงนี้

“ข้าน่ะคิดว่า การที่อนาคิมอยู่กับพวกเรามันน่าจะง่ายต่อการดูแลและคุ้มครองมากกว่าน่ะ” เซคิน่ากล่าวขึ้น

มันยิ่งทำให้อนาคิมสงสัยมากขึ้นว่าทำไมทุกคนต้องให้ความสำคัญกับเธอขนาดนั้น มันกำลังมีเรื่องสิ่งใดกันแน่

หากแต่นางก็ไม่กล้าถามตรง ๆ นางได้แต่ก้มหน้าก้มตารับฟังไป ชไนดอร์เห็นอนาคิมเงียบไป จึงเอ่ยขึ้น

“เจ้าคงสงสัยเรื่องที่พวกเราคุยกันอยู่สินะ อนาคิม”

อนาคิมนั้นก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาชไนเดอร์ นางค่อย ๆ เงยหน้ามามองเขา แล้วกล่าวช้า ๆ

“ข้า...ไม่... ไม่อาจก้าวก่ายกิจซึ่งอาจจะเป็นเรื่องภายในของพวกท่านได้หรอกค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ไว้เจ้ามารายงานตัวแล้วข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟังก็แล้วกัน” ชไนเดอร์กล่าวพร้อมยิ้มให้กับความขี้อายของอนาคิม จนเลออสและเซคิน่ามองชไนเดอร์เป็นตาเดียว และแหย่ชไนเดอร์พร้อมกัน

“จะหาเวลาเกี้ยวพาราสีเป็นการส่วนตัวสินะ”

“ไม่ใช่สักหน่อย!!” ชไนเดอร์กล่าวปฎเสธออกมาพร้อมกัดฟัน เขาเริ่มทนที่โดนทั้งสองแหย่บ่อย ๆ ไม่ไหวแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะส่วนหนึ่งสิ่งที่ทั้งสองแหย่นั้นมันก็เป็นจริง เกือบทั้งสิ้น

เรโนอานั้นได้แต่มองทั้งสามด้วยรอยยิ้ม เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะเป็นคนที่สนุกสนานเช่นนี้ เพราะเธอเคยคิดว่าพวกเขาน่าจะเคร่งเครียดและจริงจังจนน่าอึดอัด หากแต่เธอยังรู้สึกติดใจเรื่องของอนาคิมอยู่

เธอหันไปมองอนาคิมสายตาของเธอมีแววในความสงสัยในเรื่องของอนาคิมอย่างมาก

อยู่ ๆ เซคิน่าก็ปรบมือ ทำให้อนาคิมและเรโนอาที่คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ถึงกับสะดุ้งทีเดียว

“เอ้า ลิงกับแรคคูนวันนี้พวกเจ้าค้างที่บ้านของข้านะ”

นี่ข้าเป็นแรคคูนจริง ๆ รึเนี่ย

เรโนอาคิด เธอแทบจะร้องไห้ในใจให้กับตัวเองที่กลายเป็นแรคคูนไปซะได้

“นั้นสินะ วันนี้พวกเจ้าไปพักกับเซคิน่าก่อนตามที่ตกลงไว้ก็แล้วกัน” ชไนเดอร์กล่าวพลางหยิบแก้วไวน์มาดื่ม

“พวกเจ้าจะยังกินอยู่อีกรึ” เซคิน่าหันไปถามสองหนุ่ม

“อืม ข้าว่าเจ้าชายสุดหล่อของเราคงมีเรื่องคุยยาวแน่ ๆ” เลออสตอบเซคิน่า โดนหันมามองที่ชไนเดอร์

“มีอะไรสนุกมาเล่าให้ข้าฟังบ้างก็แล้วกัน” เซคิน่าพูดพลางลุกจากโต๊ะ อนาคิมและเรโนอาที่เห็นเซคิน่าลุกจึงลุกตาม ทั้งสองโค้งให้กับชไนเดอร์เพื่อเป็นการขอบคุณเรื่องอาหาร ซึ่งชไนเดอร์ก็พยักหน้ารับ

“เฮ้ หวานใจจะไปนอนแล้ว ไม่พูดอะไรซักหน่อยเหรอ” เลออสแหย่ชไนเดอร์ซะอีกที ซึ่งชไนเดอร์ก็สวนด้วยการเอากระดูกที่อยู่ในจานกรอกปากเลออสทันที จนเซคิน่าที่ดูอยู่อดหัวเราะไม่ได้

“เอ้า ไปกันเถอะสาว ๆ ให้หนุ่มเขาทะเลาะกันไปก่อน” เซคิน่าเรียกอนาคิมและเรโนอาที่ยืนดูอยู่ แต่ดูท่าทาง
อนาคิมจะโดนคำแหย่ของเลออสเมื่อครู่ทำเอาเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกไปเลย เรโนอาเลยต้องค่อย ๆ ลากเธอออกไป

ทั้งสามเดินออกจากสวนไปเหลือไว้เพียงเลออส กับชไนเดอร์ที่ยังเล่นกันอยู่

ทั้งสองเลิกทะเลาะกันแล้วกลับมานั่งลง ณ ที่เดิม

“เมื่อกี้ข้าพูดจริง ๆ นะ เจ้าไม่คิดจะราตรีสวัสดิ์นางซักนิดเลยรึ” เลออสกล่าวหลังจากที่คายกระดูกออกไปแล้ว

“เจ้าไม่เห็นรึ ขนาดข้าแทบไม่ได้พูดอะไรนางยังอายซะจนตัวแข็งแทบเป็นหิน” ชไนเดอร์ตอบข้อสงสัยของเลออส

“ใช้ไม่ได้เลยนะเจ้า” เลออสยิ้มพลางบ่นใส่ชไนเดอร์

“ว่าแต่เจ้าเถอะ มีการใดรึถึงได้ยังไม่ไปเช่นนี้” ชไนเดอร์หันกลับมาสนใจเรื่องที่เลออสอยากจะคุยด้วย

เลออสเอานิ้วแยงหูตัวเอง พร้อมกับหลับตาข้างนึง
“เจ้าว่าสถานการณ์แบบนี้ เจ้าจะหิ้วอนาคิมไปในสนามรบได้หรือไม่ล่ะ”

เป็นคำถามที่ชไนเดอร์แทบไม่ได้คิดมาก่อน เพราะตัวเขาเองไม่ได้หวังให้นางมาอยู่ในกองทัพ แต่การกลับเป็นว่านางมีตำแหน่งในกองทัพเช่นนี้ คงหลีกเลี่ยงที่จะต้องออกศึกสงครามไม่ได้เป็นแน่

ชไนเดอร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ใจของเขาเมื่อนึกถึงภาพของนางที่ต้องออกไปรบและต้อง ‘เข่นฆ่า’ มนุษย์ด้วยกันไม่ออกจริงๆ

“เมื่อถีงเวลานั้น....ข้าคงต้องให้นางเป็นผู้กำหนดชะตากรรมตนเองว่าเป็นเช่น ใด”

เลออสได้แต่เพียงนั่งมองชไนเดอร์ด้วยความเป็นกังวลในอนาคตของคนทั้งคู่

มันจะไปรอดกันรึเปล่าหว่า...... เขาคิดก่อนที่จะยกไวน์ขึ้นมาดื่ม

ด้านอนาคิมและเรโนอาเดินตามเซคิน่าไปยังบ้านพักของเธอ ซึ่งค่อนข้างห่างจากบ้านของชไนเดอร์พอควรทีเดียว
พวกเธอเดินตามไปเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรกันเลย เรโนอาแม้มีเรื่องในใจเธอก็ยังไม่กล้าถามอะไร ณ เวลานี้

“พวกเจ้านี่เดินเงียบกันจริง ๆ เชียว” เซคิน่าพูดทำลายความเงียบก่อนเป็นคนแรก

แต่ทั้งอนาคิมและเรโนอา ต่างก็ไม่รู้จะคุยกันด้วยเรื่องอะไร แม้ว่ามีเรื่องมากมายอยู่ภายในใจ จนเซคิน่ารู้สึกหงุดหงิดนิดๆ

“ถ้าพวกเจ้าไม่พูด งั้นข้าพูดเอง” เธอกล่าวออกมา

“อนาคิม ข้าว่าเจ้าขี้อายเกินไปหน่อยแล้วนะ” เซคิน่าเล็งไปที่อนาคิมก่อนเป็นอันดับแรก

“เออ...ข้า... ก็ข้าไม่รู้จะกล่าวอะไรออกไปนี่คะ” อนาคิมกล่าวตอบ ซึ่งเรโนอานั้นค่อนข้างเห็นตรงกับเซคิน่า
อนาคิมในเวลานี้แทบจะเป็นคนละคนในยามปกติ แม้ว่าปกติเธอจะขี้อาย แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่กล้าพูดสิ่งใดเลย

“พวกเจ้าทั้งสองมาที่นี่เพื่อสิ่งใดกันล่ะ” เซคิน่าตั้งคำถามให้ทั้งคู่

“ข้าหวังเพื่อได้ทำงานในวังซึ่งมีเกียรติและฐานะที่ดีกว่าสาวชาวสวนน่ะค่ะ” เรโนอากล่าวตอบไปก่อน

“ข้า...หวังเพียงแค่ได้มาเพื่อ................พบท่าชไนเดอร์เท่านั้น” อนาคิมตอบออกมาอย่างยากลำบาก คงเพราะนางเองยังหวั่นต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่

“แม่แรคคูนสาวน่ะไม่เท่าไหร่ เป้าหมายชัดเจนมาก แต่เจ้าสิแม่ลิงสาว เจอแล้วจะทำไมรึ...?” เซคิน่าถามต่อ

“ข...ข้าก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” อนาคิมตอบแบบกระอ้อมกระแอ้ม

“...งั้นข้าแนะให้ เจอครั้งหน้าเจ้าจับชไนเดอร์กดซะเลย” เซคิน่าแหย่อนาคิมกลับไปทันที

อนาคิมที่ฟังคำของเซคิน่ารู้สึกตกใจจนรีบส่ายมือปฎิเสธทันที

“ม...ไม่นะ ข้าไม่อาจเอื้อมอะไรเช่นนั้นหรอกค่ะ และท่านชไนเดอร์คงไม่…” ไม่ทันที่อนาคิมจะกล่าวจบ

“ชไนเดอร์หวังในตัวเจ้าจริง ๆ นะ” เซคิน่าบอกด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

“เออ ข้า...” อนาคิมยังคงไม่พูดอะไรออกมามาก
เซคิน่าถอนหายใจออกมาแรง ๆ นางรู้สึกว่าอนาคิมนี่น่ารำคาญเอาเรื่องเหมือนกัน

“มันก็เป็นเรื่องของพวกเจ้าสองคนน่ะนะ ข้าคงไปยุ่งอะไรมากไม่ได้ คงพูดได้แต่ว่าชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก
จะทำอะไรก็รีบทำซะจะได้ไม่ต้องมาเสียดายในภาพหลังยามเมื่อหมดโอกาสนั้นไป แล้ว”

“เอ้า ถึงบ้านข้าละ” เซคิน่าชี้ไปยังบ้านชั้นเดียวรอบ ๆ บ้านไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากรั้วไม้ธรรมดา
ภายในบ้านพักแบ่งห้องออกเป็นไม่กี่ห้องเท่านั้นเอง

“ตามสบาย ๆ ข้าอยู่ที่นี่ผู้เดียวล่ะ จริง ๆ ต้องบอกว่านาน ๆ จะกลับมาพักซักทีด้วยซ้ำไป” เซคิน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงสบายใจหากแต่เรโนอาเอานิ้วปาดดู เธอพบว่าที่นี่มีขี้ฝุ่นอนู่ค่อนข้างมาก เธอจึงเอาไม้ขนไก่มานั่งปัดอย่างต่อเนื่องทันที

“เจ้าไม่ต้องทำความสะอาดขนาดนั้นก็ได้ นี่ก็ค่ำแล้วนา” เซคิน่าปราม

“ไม่ค่ะ ข้าว่าควรทำความสะอาดซักนิดนึง” ว่าแล้วเรโนอาก็ใช้ให้อนาคิมเอาผ้าห่มและผ้าปูออกไปสะบัดฝุ่นออก

เซคิน่านั้นมองดูเฉย ๆ เพราะสำหรับนางในฐานะหน่วยสอดแนม การอยู่กลางดินกินกลางทรายเป็นเรื่องปกติ ที่นั้นจะรกขนาดใหนเธอจึงไม่รู้สึกอะไร

“ท่านเซคิน่าไปชำระร่างกายก่อนก็ได้ค่ะ หรือจะให้อนาคิมไปต้มน้ำร้อนให้ก็ได้นะคะ” เรโนอาออกคำสั่งเสร็จสรรพจนเซคิน่าอดหัวเราะไม่ได้ ที่อยู่ ๆ ก็ได้สาวใช้มาทำงานบ้านถึงสองคน

“น้ำร้อนน่ะมีพวกทหารเขามาทำไว้ให้แล้วล่ะ แต่เอาเถอะข้าไปอาบก่อนก็ได้ เดี๋ยวพวกเจ้าค่อยไปต่อก็แล้วกัน” เซคิน่ากล่าวพลางถอดชุดที่ใส่อยู่โยน ๆ ไปทันที เรโนอาที่มองอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเซคิน่าจะเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัวเช่นนี้

เรโนอา กับ อนาคิมช่วยกันทำความสะอาดที่พักจนเรียบร้อย พอดีกับที่เซคิน่าอาบเสร็จออกมาพอดี
“เอ้า ตาพวกเจ้าต่อ ว่าแต่พวกเจ้าคงไม่มีชุดนอนสินะ งั้นเอาของข้าใส่ไปก่อนก็แล้วกัน” เซคิน่ากล่าวพลางเปิดตู้หาเสื้อผ้าให้อนาคิมและเรโนอา

ระหว่างนั้นเรโนอาและอนาคิมได้ถอดเสื้อผ้าออกเพื่อไปอาบน้ำ
“เจ้าอาบก่อนก็ได้นะเรโนอา” อนาคิมบอกเพื่อนของเธอ

“ไม่ ข้าจะอาบพร้อมเจ้า” น้ำเสียงของเรโนอานั้นดูดุอย่างมาก จนอนาคิมไม่กล้าปฎิเสธออกไป ทั้งสองจึงเข้าไปพร้อมกันใน

ห้องน้ำนั้นค่อนข้างกว้างพอสมควรทีเดียว อ่างน้ำก็พอที่จะลงไปสองคนได้สบาย ๆ

อนาคิมยกน้ำร้อนในถังเทใส่อ่าง ซึ่งเรโนอาแช่อยู่

เรโนอานั้นจับจ้องอนาคิมไม่วางตาจนอนาคิมนั้นอายทีเดียว
“จ...เจ้ามองอะไรน่ะ เรโนอา” อนาคิมถูกมองจนต้องถามออกมา

“ทำไมเจ้าไม่เคยบอกข้าเลยล่ะ ว่าเจ้าไม่ใช่ลูกสาวของท่านลุงครูทัสกับท่านป้าเคย์ซ่าน่ะ” เรโนอาเริ่มถามในสิ่งที่สงสัย

อนาคิมที่ฟังคำถาม ก็นิ่งเงียบไป จริง ๆ เธอเองไม่ได้อยากให้ใครรู้เท่าไหร่ แต่ในเมื่อรู้แล้วก็จะให้ทำอย่างไรได้

“ข้าไม่ได้อยากปกปิดเจ้าเท่าไหร่หรอก แต่ข้าก็ไม่อยากให้ผู้อื่นรอบกายข้ารู้เรื่องนี้มากนัก ข้าเกรงว่าท่านแม่จะไม่สบายใจ” อนาคิมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
เรโนอาที่ฟังคำตอบก็ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกไปดี เพราะอย่างไรเสียเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่อนาคิมมีสิทธิ์ที่จะ บอก หรือ ไม่บอก ใครก็ได้
เรโนอาเลื่อนตัวลงไปในอ่างเหลือเพียงตาที่เลยพ้นน้ำ อนาคิมยังคงตักน้ำร้อนมาราดตัวเรื่อย ๆ ท่ามกลางสายตาที่เรโนอาจับจ้องอยู่ แล้วเธอก็ค่อย ๆ เลื่อนตัวขึ้นจนโผล่ออกมาเหนือน้ำ

“ข้าไม่คาดคั้นเรื่องส่วนตัวของเจ้าหรอก แต่อย่างน้อยถ้าเจ้ามีความทุกข์ ก็มาระบายให้ข้าฟังก็ได้” เรโนอากล่าวขึ้นมา ซึ่งทำให้อนาคิมหันมามองเรโนอา และส่งยิ้มให้

“อืม ถ้าข้ามีเรื่องทุกข์ใจอะไร ข้าจะมาปรึกษาเจ้าก่อนก็แล้วกัน” อนาคิมรับคำที่เรโนอาขอ
ทั้งสองใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสักพักจึงออกมาจากห้องน้ำ

“แท่นแท้น!!” เซคิน่าโผล่มาในชุดนอนที่บางใสจนแทบจะเห็นสัดส่วนทั้งหมดในร่างกายทีเดียว
ในมือถือชุดนอน 2 ชุดซึ่งดูแล้วค่อนข้างบางมากทีเดียว

“เอ้า ๆ เจ้าทั้งสองใส่ซะ” นางยื่นชุดให้อนาคิมและเรโนอา แต่ทั้งสองได้แต่ทำหน้าแหย ๆ เพราะชุดที่ได้มาเมื่อมาดูชัด ๆ ก็เรียกว่าบางไม่แพ้ชุดที่นางใส่อยู่เลย

“ท่านไม่มีชุดที่เป็นแบบมนุษย์ปกติบ้างเลยรึคะ” เรโนอาถามขึ้น ในขณะที่อนาคิมนั้นนุ่งชุดที่เซคิน่าให้ทันที

“ไม่มีหรอก ข้าเป็นพวกดาร์คเอล์ฟนะ จะให้ชอบรสนิยมอะไรแบบมนุษย์เนี้ย มันยากนา” เซคิน่าตอบปฎิเสธ
เรโนอาได้แต่จำใจต้องใส่เท่านั้น เธอหันไปมองอนาคิม ซึ่งนุ่งห่มชุดที่ได้มาเรียบร้อยแล้ว เธอแทบจะลมจับทีเดียว
เพราะอนาคิมในชุดเช่นนี้ดูเซ็กซี่มีเสน่ห์มากซะจนราวกับไม่ใช่อนาคิมที่นาง รู้จักมาตลอด

“ก็สบายดีนะ เย็น ๆ ดี” อนาคิมบอกเรโนอาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ใช่ม้า ใช่ม้า” เซคิน่ายิ้มให้กับคำตอบของอนาคิมทันที เรโนอาได้แต่ทำใจใส่ ๆ มันไปซะ

เซคิน่านั้นนอนบนเตียงของตน ส่วนอนาคิมและเรโนอานั้นปูผ้านอนที่พื้นของห้อง

ระหว่างที่ทั้งสองนั่งปูผ้าอยู่ เซคิน่าก็ลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยขึ้น
“นี่เจ้าแรคคูน ข้าลืมบอกไปเลยล่ะ”

ห่ะ!! นี่ข้าเป็นแรคคูนจริง ๆ รึนี่.... เรโนอาได้แต่ถามตัวเองในใจ

“เจ้าน่ะ จะต้องมารายงานตัวกับเจ้ากรมทหารนะ คิดว่าเจ้าคงอยู่รับใช้ในส่วนนั้นล่ะ” เซคิน่าบอกที่ทำงานของเรโนอาให้นางทราบ
เจ้ากรมทหารนั้นเป็นผู้ดูแลในส่วนของการจัดหากำลังพล และรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับกำลังพล ปกติจึงมักไม่ได้ออกไปในแนวหน้า งานแบบนี้ก็ไม่ต่างจากงานในวังเท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นไปตามที่เรโนอาคาดการณ์ไว้แต่แรก

เซคิน่าหันไปชี้ที่อนาคิมเป็นรายต่อไป

“ส่วนเจ้า ต้องไปขึ้นตรงกับชไนเดอร์ ฉะนั้นเลิกทำตัวขี้อายในทุกสถานการณ์ได้แล้ว มิเช่นนั้นงานจะเสียหมด”

ทำเอาอนาคิมนั้นเกร็งอย่างมาก ที่ต้องไปทำงานอยู่ใกล้ ๆ กับคนที่ตัวเองมีใจให้
“เอานาทำตัวตามสบาย ชไนเดอร์ไม่รีบปล้ำเจ้าตั้งแต่วันแรกหรอก ฮะฮะฮะ” เซคิน่าหยอกอนาคิมอย่างสนุกสนาน

ในขณะที่อนาคิมหน้าแดงด้วยความเขินอายอย่างมาก

“ลืมอีกแล้ว เจ้าลิงเตรียมตัวได้เลย เจ้าหมีขนแดงรอประมือกับเจ้าอีกครั้ง ครั้งหน้าคงต้องจริงจังกันหน่อยนะ”
เซคิน่าเตือนเรื่องของเลออสที่หมายจะประชันฝีมือกับอนาคิมอีกครั้ง อนาคิมที่ได้ยินเช่นนั้น นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเธอก็ยิ้มออกมาทันที

“นั่นก็ เป็นสิ่งที่ข้ารอพิสูจน์เช่นกัน” ทีท่าของอนาคิมผิดไปจากก่อนหน้าแทบจะหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
เล่นเอาเซคิน่าตามอารมณ์ของนางไม่ทันเลย

“เจ้านี่ท่าทางจะชอบเรื่องการต่อสู้น่าดูเลยนะ” เซคิน่าเอ่ยถามด้วยความสนใจ

“ค่ะ ข้าชอบเรื่องอะไรเช่นนี้มากกว่าเรื่องงานบ้านงานเรือนซะอีก” อนาคิมตอบ เธอดูสดใสขึ้นเมื่อได้พูดถึงเรื่องที่ชอบ

“หึ เหมือนเรฟาอิมจริง ๆ” เซคิน่ายิ้มให้กับอนาคิมอีกครั้ง

อนาคิมหันไปมองเซคิน่า เธอค่อนข้างสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของเรฟาอิมและเซคิน่าแต่ก็ไม่กล้าถามออก ไป

หากแต่ดูเหมือนเซคิน่าจะมองออกว่าอนาคิมนั้นมีข้อสงสัยอยู่
“เจ้าสงสัยอะไรล่ะ ถามมาได้เลย ตอบได้ข้าจะตอบ” เซคิน่าเปิดทางทันที

“เออ เรื่องกุญแจ....” ไม่ทันที่อนาคิมจะพูดจบ เซคิน่าสวนขึ้นมาทัน

“ไม่ ไม่ ไม่ เรื่องนั้นชไนเดอร์บอกเองว่าจะเป็นคนเล่าให้เจ้าฟัง ข้าไม่กล้าไปแย่งเวลาที่หมอนั้นจะได้อยู่กับเจ้าอย่างมีความสุขหรอกนะ” นางกล่าวพร้อมกับหัวเราะขบขันในความคิดของตัวเอง

อนาคิมได้แต่ทำหน้าเขินอาย เรียกว่ามีชื่อชไนเดอร์เมื่อไหร่เธอพร้อมที่จะอายได้ทันที

“เอ้า เรื่องอื่น ๆ” เซคิน่ายังคงยิ้มต่อ

เรโนอายกมือขึ้นทันที

“ท่านเซคิน่าอายุเท่าไหร่แน่คะ?”

เซคิน่าดูไม่แปลกใจกับคำถาม เพราะถ้าย้อนไปตอนที่เธอเล่าเรื่องเรฟาอิม นางพูดเหมือนตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ ทั้ง ๆ ที่เรื่องมันล่วงเลยมานานกว่า 150 แล้ว

“อืม ข้าน่ะ ปีนี้ก็คง 280 ปีเศษได้แล้วล่ะ” คำตอบของนางทำเอาอนาคิมกับเรโนอาอ้าปากค้าง 280 ปีแต่ยังคงเป็นสาวสวยได้เช่นนี้ ย่อมเป็นที่น่าแปลกใจอย่างมาก

“พวกเจ้าแปลกใจอะไรกัน เผ่าเอล์ฟน่ะ อายุเฉลี่ยหลายร้อยปีเชียวนา ท่านผู้เฒ่าของข้าบางคนอายุตั้งพันกว่าปียังมีเลย”
นั้นยิ่งทำให้อนาคิมกับเรโนอาตะลึงหนักกว่าเดิม

“เรโนอา แบบนี้ท่านอาจารย์มีอาน่าอายุเท่าไหร่กันล่ะ” อนาคิมหันไปถามเรโนอาที่อ้าปากหวออยู่

“ยัยวารีคลั่งนั่น น่าจะ 250 ปีขึ้นไปได้แล้วล่ะ” เซคิน่ากล่าวตอบให้ในทันที

“วารีคลั่ง??” เรโนอาตื่นจากภวังค์เพราะคนที่เซคิน่าเอ่ย

“หึ อาจารย์ของพวกเจ้าน่ะ เคยเป็นจอมเวทย์ระดับต้น ๆ ของเมืองนี้เลยนะ ฉายานั่นได้เพราะตอนศึกเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อน นางใช้เวทย์น้ำถล่มพวกออร์คเถื่อนที่มาบุกเมืองซะราบเลย”
เซคิน่าสาธยายวีรกรรมของมีอาน่าให้ทั้งสองฟัง อนาคิมกันเรโนอายิ่งตะลึงไปใหญ่ ใครจะคาดคิดว่าอาจารย์ที่สอนเรื่องงานบ้านงานเรือนที่ดูเรียบร้อยเช่นนั้นจะ มีวีรกรรมให้เล่าขานจนมีฉายาเช่นนี้

“อ...เออ ท่านเซคิน่า ข้าจะถามเรื่องของเรฟาอิมอีกได้รึไม่คะ” อนาคิมถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“ได้สิ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” เซคิน่าตอบรับอย่างสบาย ๆ

“เรฟาอิมผู้นั้นเป็นอะไรกับท่านรึคะ?” ในที่สุดอนาคิมก็ได้ถามในสิ่งที่เธออยากจะถามสักที

เซคิน่าแสดงสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงได้เริ่มพูดออกมา

“จริง ๆ ข้ากับเรฟาอิมน่ะ เป็นเหมือนคู่แข่งกันเลยล่ะ” เซคิน่าพูดไปยิ้มไป

“นางเป็นสตรีเพียงคนเดียวในตอนนั้นที่ข้าหวังจะล้มให้ได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามซักกี่ครั้ง นางก็จะนำข้าอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ จนข้าอดอิจฉาในตัวนางไม่ได้เลย ยิ่งนางมีความสุขุมเยือกเย็น ยิ่งทำให้นางมีความน่าเกรงขามอย่างมาก”

เซคิน่านอนลงบนเตียงมองไปยังเพดานของห้อง

“หากแต่นางไม่ใช่คนไร้น้ำใจ แม้ในสนามรบนางก็ยังช่วยพวกพ้องหลายครั้งหลายครา นั่นยิ่งทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าอยากจะไปให้ถึง ณ จุดเดียวกับนาง แต่...”

เซคิน่าหยุดคำครู่หนึ่ง จึงกล่าวต่อ

“นางกลับเลือกเส้นทางที่จะช่วยราชวงศ์บาลันเทียร์ แทนที่จะก้าวไปสู่ความรุ่งเรืองในฐานะสุดยอดนักฆ่า”

อนาคิมที่ฟังอยู่เอ่ยถามขึ้นทันที

“บาลันเทียร์... ก็เป็นต้นราชวงศ์เฟรโดน่า ที่เขาเล่าขานกันน่ะสิคะ”

“อืม ชูไนมานน่ะเป็นกษัตริย์ที่เก่งกาจมาเลยล่ะในยุคนั้น แต่เพราะความคิดที่เกินตัวไปหน่อยเลยพยายามไขว่คว้าอำนาจแห่งพระเจ้าไว้ใน มือ ผลสุดท้ายเลยทำให้สิ่งที่ตัวเองพยายามก่อร่างสร้างขึ้นมาต้องพบจุดจบ ดีนะที่ไม่พากันฉิบหายไปทั้งราชวงศ์”

“ข้าล่ะเสียดายฝีมือของเรฟาอิมจริง ๆ นางไม่น่าไปรับใช้คนเช่นนั้นจนต้องเอาชีวิตไปทิ้งเลย”

เซคิน่าเล่าไปถอนหายใจไป

“แต่เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 150 ปีก่อน เรื่องสายเลือดของข้ากับนางคงไม่...” อนาคิมพูดค้างไว้ เซคิน่าลุกขึ้นมามองอนาคิมอีกครั้ง แววตาของนางยังคงเป็นแววตาที่ให้ความสนใจใคร่รู้อยู่เช่นเดิม

“ที่โต๊ะอาหารน่ะ ข้าไม่ได้พูดถึงคนผู้หนึ่ง ซึ่งนางคนนั้นอาจจะมีความสัมพันธ์กับเจ้ายิ่งกว่าเรฟาอิมก็เป็นได้”
เซคิน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา สิ่งที่นางเอ่ยทำให้อนาคิมตั้งใจฟังอย่างมากเพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับชาติ กำเนิดของเธอเอง

“นางผู้นั้น เปรียบได้ดั่งเงาของเรฟาอิม จะว่าอย่างไรดีล่ะ เหมือนกับเงาที่สะท้อนในกระจก ถ้าเรฟาอิมเป็นด้านสว่างที่แสดงความเป็นผู้มีความซื่อสัตย์และรักในพวกพ้อง นางผู้นั้นก็เป็นผู้ที่พร้อมจะทรยศและเข่นฆ่าทุกคนที่ขวางทางของนางอย่างไร้ ความปรานี...”

เซคิน่าหรี่ตาลง เธอนึกย้อนไปถึงภาพในอดีตที่เธอเคยสู้กับนางผู้นั้น
“นางผู้นั้นเก่งกาจไม่แพ้เรฟาอิม ทั้งยังโหดเหี้ยม และบ้าคลั่ง นางประกาศชื่อของนางในฐานะหัวหน้าเหล่าโจรแห่งหุบเขาปีศาจ ‘เอนิม’ ”

อนาคิมทวนคำของเซคิน่าช้า ๆ
“เอ...นิม….”

พลางคิดในใจ ‘ทำไมชีวิตข้าถึงได้มีคนหน้าเหมือนนะ’


------------------------------------------------------Next to Chapter 6




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2553 18:53:03 น.
Counter : 550 Pageviews.

2 comments
: หยดน้ำในมหาสมุทร 34 : กะว่าก๋า
(12 เม.ย. 2567 05:52:40 น.)
เวลวที่หายไป - บทที่ 26 ดอยสะเก็ด
(11 เม.ย. 2567 11:44:44 น.)
ใครบ้าง ตอบได้ ว่าทำไมรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 28มี.ค ถึงวันนี้9เม.ย.67ยังจอดคา ไว้กลางทางอยู่ jiab bangkok
(9 เม.ย. 2567 11:52:33 น.)
Pecchè? By Gaetano Errico Pennino ปรศุราม
(8 เม.ย. 2567 11:54:21 น.)
  
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!
โดย: dda IP: 124.122.121.136 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:54:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Onpuchan.BlogGang.com

joyka
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]