Nephilim's tale ตอนที่ 1 หลังจากสงครามระหว่างทูตสวรรค์และเหล่าผู้ก่อการกบฏต่อสวรรค์ได้สิ้นสุดเป็นเวลากว่า 2,000 ปี สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นบนโลกขึ้นมาใหม่อีกครา บ้างก็ถูกสร้างโดยเหล่าเทพเจ้า บางก็สืบเผ่าพันธุ์มาจากปีศาจ และบ้างก็กลายพันธุ์จากสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่เดิม ณ พื้นที่ซึ่งถูกขนานนามว่า คานาน โดยแบ่งออกเป็นดินแดนต่าง ๆ หลากหลายเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกัน ภายใต้เทพเจ้าผู้สร้างที่ถูกเรียกขานชื่อว่า ไอน์เซเนีย และ แกรคานาร์ด ที่สรรสร้างเผ่าพันธุ์ต่างๆ โดยมีเผ่าพันธุ์ใหญ่ ๆ คือ มนุษย์ ซึ่งแผ่ขยายอาณาเขตอย่างรวดเร็ว เหล่าเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ที่ถูกสร้างในเวลาไล่เลี่ยกัน ต่างลดน้อยลง หรือย้ายที่อยู่ไป เพราะการขยายถิ่นฐานของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และความอ่อนแอในเผ่าพันธุ์ที่ไม่อาจจะเทียบได้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ เช่น เผ่าพันธุ์ของเอล์ฟ และ ดาร์คเอล์ฟที่มีจำนวนเหลือน้อย เผ่าพันธุ์ออร์คซึ่งย้ายถิ่นฐานไปอยู่ทาง ตอนเหนือของโลก แม้การรวมอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเผ่าอื่น ๆ ค่อนข้างอยู่อย่างสันติ หากแต่มนุษย์ก็ยังคงขัดแย้ง และ แก่งแย่งดินแดนเพื่อความยิ่งใหญ่ด้วยกันเองเสมอมา แม้แต่ดินแดนที่สุขสงบอย่างเฟรโดน่า ก็หนีไม่พ้นภัยสงคราม มีการรุกรานจากดินแดนใกล้เคียงอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะจากคีราเนีย ซึ่งเป็นดินแดนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในยุคนั้น แต่กระนั้นก็ยังเป็นเพียงการรุกล้ำอย่างเงียบ ๆ เฟรโดน่าจึงยังสงบอยู่ได้ ไม่มีสงครามเกิดขึ้นกลางเมืองตรง ๆ ------------------------------------------ ตึก ๆๆๆ “อู๊ด ๆๆ” เสียงหมูป่าวิ่งผ่านพุ่มไม้ ไปอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้วิ่งหนีสิ่งใด หากแต่กำลังวิ่งไล่เด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ เด็กชายได้แต่วิ่งตรงไปข้างหน้าสุดแรงเกิด (จริงๆ เขาน่าจะปีนต้นไม้หนีมันนะ แหตุการณ์นี้มันจะได้จบ ๆ ซักที) เด็กชายคิดในใจ เขาวิ่งไปจนเห็นต้นเมเปิ้ลใหญ่ข้างหน้า ใกล้ถึงทางออกจากป่าแล้ว ทันใดนั้นเขาสังเกตบางสิ่งบนต้นไม้ เขาตะโกนสุดเสียง “พี่อาน่าาาาา!!!!” ทันทีที่สุดเสียง ร่าง ๆ หนึ่งโดดลงจากต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว เข้าขวางหมูป่าที่วิ่งไล่กวดเด็กชาย หากแต่หมูป่าตัวนั้นไม่ได้ลดความเร็วลงเลย กลับวิ่งเข้าใส่เต็มที่ เขี้ยวของมันช่างน่ากลัวยิ่งนัก หมายทำร้ายร่างของ ผู้ขวางทางเต็มที่ ทว่า ผลกลับไม่เป็นไปเช่นนั้น ผู้ที่มาขวางใช้กระบองไม้ยาว อัดเข้าที่กลางหน้าหมูป่าอย่างรวดเร็วและ รุนแรงจนมันผงะถอยไป ผลของความแรงในการปะทะทำให้กระบองไม้หักเป็นสองท่อนทันที ทว่าผู้เข้าขวางหมูป่าไม่เสียจังหวะแต่อย่างใด กลับจับกระบองที่เหลืออยู่พุ่งเข้าเสียบที่คอของหมูป่าอย่างสุดแรงทันที เลือดสีแดงสดจากคอหมูป่าพุ่งออกมา ผู้สังหารหมูป่าเบือนตัวหลบเลือดที่พุ่งออกมา แม้จะมีกระเซ็นมาโดนบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อย การต่อสู้ระหว่างผู้ขวางทาง กับหมูป่าเริ่มและจบลงอย่างรวดเร็ว เด็กชายได้แต่ตะลึง จากที่ยืนก็ค่อย ๆ ทรุดลงไปกับพื้นช้า ๆ สีหน้าเหมือนราวกับจะร้องไห้ออกมา “…….” ผู้ช่วยชีวิตเด็กน้อยมองหมูป่าอย่างเงียบๆ “ฮือๆ” เด็กชายเริ่มร้องออกมา แม้เบา ๆ แต่ผู้ช่วยชีวิตก็ได้ยิน และเดินเข้าไปเขกหัวเด็กชายทันที “เจ้าอย่ามาร้องต่อหน้าข้านะ ด..เดี๋ยวข้า ก็ร้องตามเจ้าหรอก” ผู้ช่วยชีวิตเด็กน้อย เริ่มพูดเสียงสั่นเครือ สีหน้าของเธอเหมือนจะร้องไห้ตาม “พี่อาน่า” เด็กชายโดดเข้ากอดผู้มาช่วยเหลือ ซึ่งเป็นหญิงสาวผมสั้นสีเงินออกฟ้า หน้าตาดูอ่อนวัย ดวงตากลมโต ผิวสีน้ำผึ้ง เธอสวมกอดเด็กชายแล้วร้องไห้ออกมา ทั้งคู่กอดกันร้องไห้อยู่พักนึง หญิงสาวจึงปาดน้ำตาแล้วก็พยุงตัวเด็กชายขึ้นมา “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วโคริม ว่าอย่าเข้าไปเล่นในป่าลึก ข้าตามหาเจ้าแทบแย่เลยนะ” หญิงสาวบ่นด้วยสีหน้าเป็นห่วงเด็กชาย “ก็...ก็ข้าแค่อยากไปหาสมุนไพรมาให้ท่านตาก็แค่นั้นเอง” โคริมก้มหน้าก้มตาพูด หญิงสาวได้ฟังเช่นนั้น เธอจึงเอามือลูบที่หัวของโคริมเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ทีหลัง จะไปใหนไกลบอกข้าด้วยนะ อย่างน้อยข้าจะได้ไปเป็นเพื่อนเจ้าได้” “อึ้ม” โคริมพยักหน้ารับคำของหญิงสาว หญิงสาวหันกลับที่หมูป่า เธอจับที่ขาของมัน ทำท่าจะลากออกไป โคริมรีบวิ่งมาที่หญิงสาว “พี่อาน่า จะเอากลับที่หมู่บ้านเหรอ” โคริมถามขึ้น หญิงหันมามองที่โคริมแล้วตอบกลับไปว่า “อืม ๆ จะปล่อยทิ้งไว้ก็น่าเสียดายออก เอาไปให้คนในหมู่บ้านทำอะไรกินกันดีกว่า” ว่าแล้วเธอก็ลากมันออกไปทั้ง ๆ ยังงั้น “......” โคริมได้แต่ยืนมองด้วยความทึ้งในตัวของหญิงสาว แน่ล่ะ หมูป่าตัวนี้ ขนาดของมันแม้จะไม่ได้มหึมา แต่น้ำหนักของมันก็น่าจะ 85 – 100 กิโลขึ้นไป หากแต่เธอกลับลากมันไปอย่างง่ายดายราวกับลากกวาง หรือสัตว์ขนาดเล็กก็ไม่ปาน --------------------------------- ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองของเฟรโดน่า หญิงสาวลากหมูป่ามาถึงกลางหมู่บ้าน โดยมีโคริมวิ่งตามมาติด ๆ ท่ามกลางความสนใจของคนในหมู่บ้าน “โอ้ ๆๆๆ อนาคิมนั้นเจ้าไปได้อะไรมานั่น?!?” ชายวัยกลางคนร้องขึ้นด้วยความสนใจ อนาคิมลากมันมาหยุดตรงเกือบจะกึ่งกลางหมู่บ้าน แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าไปพบมันจะทำร้ายโคริมน่ะ ก็เลยสู้กัน แล้วก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะ” อนาคิมอธิบาย “ฮ่าฮ่าฮ่า แม่ลิงสาวของพวกเรา เอาของแกล้มเหล้ามาอีกแล้ว” ชายวัยกลางคนอีกคนพูดขึ้นเสียงดัง “อื้ม งั้นเดี๋ยวพวกเราเอามันมาย่างกันดีกว่า แล้วแบ่ง ๆ กันไป” ชายหนุ่มที่มาดูเหตุกาณ์แนะขึ้น “งั้นเดี๋ยวพวกป้าช่วยด้วยก็แล้วกัน” หญิงกลางคนรูปร่างท้วมกล่าวขึ้น ชาวบ้านล้วนเฮฮากับหมูป่าที่อนาคิมเอากลับมา ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเรื่องที่เธอเอาชนะหมูป่า แล้วลากมันกลับมา ราวกลับว่านี่เป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำเช่นนั้น “อานาคิมมมมม” เสียงใสๆ ตะโกนลอยมาแต่ไกล อนาคิมหันไปทางเสียง สีหน้าหนักใจเหมือนกับว่ามีเรื่องที่เธอไม่อยากพบกำลังวิ่งเขามาหาเธอ “จ...เจ้า ไปล่าสัตว์อีกแล้วอย่างงั้นรึ” หญิงสาวผมสีทองอ่อน ๆ ผิวขาว อายุไล่เลี่ยกับอนาคิมผู้เป็นเจ้าของเสียง พูดด้วยเสียงอันแหลมและดังจนน่าแสบแก้วหู พร้อมทั้งชี้หน้าอนาคิม “นี่เจ้าหนีชั้นเรียนของอาจารย์มีอาน่า อีกแล้วนะ!!!” อนาคิมทำตาปริบ ๆ ก่อนตอบกลับไป “ข้าเปล่าซักหน่อย ก็แค่........” อนาคิมไม่พูดต่อ ในขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าตั้งใจเต็มที่ อนาคิมเอียงหัวไปมา แล้วเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาจิ้มชนกันที่ด้านหน้าอก ปากของเธอเผยอเล็กน้อย ก่อนที่จะเอยออกมา “เออ..... ก็.....ตามนั้น” “.......ตามนั้น??” หญิงสาวผู้ที่เข้ามาถาม ทวนคำตอบของอนาคิม “อื้ม ตามนั้นล่ะ เรโนอา” อนาคิมตอบซ้ำอีกครั้ง เธอคงไม่อยากเล่าความจริง เพราะมันจะทำให้โคริมโดนดุซะเปล่า ๆ เรโนอาเดินไปหาอนาคิม เธอเอากำปั้มทั้งสองกดเข้าที่ขมับอนาคิมอย่างรวดเร็ว “ทำตัวให้สมเป็นกุลสตรีที่ต้องไปทำงานในรั้วในวังหน่อยสิ !!!!” เรโนอาเอากำปั้มกดขมับอนาคิมไป พูดเสียงแข็งไป “งื่อ~~~” อนาคิมครางเสียงสูง พร้อมทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด โคริมที่ยืนมองอยู่ ยิ้มแหยๆ ออกมาและได้แต่คิดในใจ (พี่อาน่าเวลาอยู่ในหมู่บ้านนี่ ช่างแตกต่างกับตอนที่ต้องสู้รบกับพวกสัตว์ป่าข้างนอกจริง ๆ ) (จะว่าไป พี่เรโนอาเองทำแบบนี้ก็ไม่เป็นกุลสตรีเล้ย) โคริมหันหลังหลบเรโนอา แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ----------------------------------------- อนาคิมโดนเรโนอาสวดยกใหญ่เรื่องที่เธอหนีชั้นเรียนวิชาเย็บปักถักร้อย และวิชาว่าด้วยมารยาทในวัง จริง ๆ แล้วเวลาทดสอบทั้งวิชาเย็บปักถักร้อย และมารยาทต่าง ๆ ในวังนั้น อนาคิมเธอสามารถทำได้ดีทั้งหมด จนอาจารย์มีอาน่าเองก็เอ่ยปากชมบ่อย ๆ แต่อนาคิมเธอไม่ค่อยที่จะสนใจเข้าเรียนในเวลาปกติ และมักโดดเป็นนิจ จนเรโนอาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ต้องพยายามลากเธอไปเข้าชั้นเรียนเป็นประจำ คงเพราะเรโนอาใฝ่ฝันอยากไปอยู่ในวัง แม้จะในฐานะสาวใช้ แต่เธอมองว่ามันมีเกียรติกว่าเป็นสาวชาวไร่ชาวนา ซึ่งตรงข้ามกับอนาคิม เธอชอบที่จะออกไป ฝึกซ้อมวิชาต่อสู้ซะมากกว่า ไม่ใช่ว่าเธออยากเป็นทหารหรืออยากออกไปรบอะไร แต่เธอรู้สึกว่า มันน่าสนใจก็เท่านั้น บรรยากาศเริ่มเย็นมากขึ้น เป็นสัญญาณใกล้ค่ำแล้ว เรโนอาได้อัดคำบ่นชุดใหญ่จนหน่ำใจเธอก็เดินทิ้งอนาคิมไป ปล่อยให้อนาคิมยืนตื้อกับคำบ่นต่าง ๆ ระหว่างที่อนาคิมยืนนิ่ง ๆ นั้นก็มีชายชราคนหนึ่งนำเนื้อหมูป่าที่ย่างจนสุกได้ที่มาให้อนาคิม “ชาวบ้านได้กินของแบบนี้บ่อย ๆ เพราะเจ้าจริง ๆ เลยนะ” ชายชรายิ้มให้อนาคิม อนาคิมรับเนื้อหมูป่าแล้วก็แสดงท่าทางเขินอายพร้อมทั้งเอ่ยว่า “ม...ไม่ถึงแบบนั้นหรอกท่านตา” ใบหน้าของเธอแดงเรื่อเพราะคำที่ชายชราให้นั้น เธอรู้สึกว่ามันคือคำชม ปกติอนาคิมเองแม้จะห้าวหาญ แต่เธอก็เป็นคนขี้อาย แทบจะเรียกได้เป็นผู้หญิงที่ขี้อายมาก ๆ ทีเดียว หลังจากนั้นเธอก็แยกตัวออกจากชาวบ้าน ที่กำลังย่างหมูป่ากินกันอย่างสนุกเพลิดเพลิน เธอเดินตรงรี่กลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว บ้านของเธอเป็นบ้านไม้ไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็พอที่จะอยู่ได้ 3 คนพ่อแม่ลูก มีโรงเก็บม้าสำหรับใช้ขนของต่าง ๆ ไปขาย ด้านข้างของบ้านเธอเป็นโรงหลอมเพื่อผลิตสิ่งของต่าง ๆ จากโลหะ รวมไปถึงอาวุธและชุดเกราะต่าง ๆ ด้วย ซึ่งล้วนเป็นผลงานการสร้างของบิดาของอนาคิมแทบทั้งสิ้น ที่บ้านมีควันลอยออกมาจากปล่องไฟ นั่นหมายความว่า ณ เวลานี้คนในบ้านจุดไฟเพื่อให้อากาศภายในบ้านอบอุ่นแล้ว เมื่อเธอเข้าไปในบ้าน เธอก็พบกับชายวัยกลางคนนอนฟุ่บอยู่บนโต๊ะ อนาคิมมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาเบิกโพล่ง มือของเธอแทบหมดแรง ห่อเนื้อหมูป่าที่ได้มาหล่นรวงไปที่พื้น เธอรีบวิ่งไปหาชายผู้นั้นทันที “ท่านพ่อ! ท่านพ่อ!” อนาคิมร้องเรียกและเขย่าผู้เป็นบิดาของตนด้วยความเป็นห่วง ชายผู้นั้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ “โอ้ย ๆ เจ้าจะเขย่าข้าทำไม” ครูทัส บิดาของอนาคิมพูดพลางมองมาที่อนาคิม “ห....เห?? ท่านพ่อไม่ได้เป็นอะไรรึ?” อนาคิมถามด้วยใบหน้าฉงน “เจ้าจะให้ข้าเป็นอะไรล่ะ?” ครูทัสย้อนคำถามอนาคิมกลับ “ไม่ต้องไปห่วงหรอก พ่อเจ้าน่ะแค่ดื่มเหล้าที่คนที่บ้านเหนือเอามาให้มากไปก็เท่านั้นเอง” “เหล้ามันคงแรงไปนิด พ่อเจ้าเลฟุบไปแบบนั้น” หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีเดินถือจานอาหารเข้ามาให้ห้องพร้อมอธิบาย “ท่านแม่อ่า” อนาคิมขมวดคิ้วใส่หญิงผู้นั้น “อ้าว นั่นอะไรของเจ้าน่ะ อนาคิม” เคย์ซ่า มารดาของอนาคิมชี้ไปยังห่อเนื้อหมูป่า “อ๋า เนื้อหมูป่าย่าง ชาวบ้านเขาแบ่งมาให้น่ะ” อนาคิมตอบพร้อมทั้งเดินไปหยิบห่อเนื้อที่ตัวเองทำตกไว้ “ข้าว่าเจ้าไปล่ามาให้ชาวบ้านกินกันซะมากกว่านะ” ครูทัสพูดในทันทีที่อนาคิมตอบ “เจ้านี่นะ แก่นกะโหลกกะลาจริง ๆ เชียว” เคย์ซ่าบ่นพร้อมทั้งเอามือหยิกเข้าที่แก้มของอนาคิม อนาคิมเอามือจับหลังหัวตัวเองแล้วเอียงคอเล็กน้อยพร้อมทั้งยิ้มออกมา ----------------------------------------- ระหว่างที่อนาคิมและครอบครัวกำลังทานอาหารอยู่นั้น ครูทัสก็เอ่ยขึ้น “ข้าว่าพรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองซักหน่อย ได้ข่าวว่าจะมีรถขนสินค้าจากเมืองโคเรน มาที่เมืองของเรา” อนาคิมที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ทำตาโตและมองไปยังผู้เป็นบิดา นัยตาเปล่งประกายดีใจอย่างยิ่ง “ข้าว่า ข้าจะล่ามเจ้าไว้กับเสาบ้านนี่ล่ะ” ครูทัสแหย่บุตรสาวตนเอง “แหงะ” อนาคิมทำเสียงประหลาดพร้อมกับเบ้ปาก “ข้าให้เจ้าไปได้ แต่คงต้องมีใครตามไปช่วยดูแลเจ้าด้วย เรโนอาเป็นยังไงล่ะ” ครูทัสยื่นเงื่อนไข อนาคิมที่เบ้ปากอยู่ ก็เปลี่ยนมาขมวดคิ้วและหลับตาปี๋ใส่ผู้เป็นพ่อทันที “รึเจ้าจะไม่รับเงื่อนไขนี้?” ครูทัสถามขึ้น “ได้! ข้ารับเงื่อนไขท่านพ่อ” อนาคิมเธอตอบแบบไม่เต็มใจนัก เพราะรู้ว่าถ้าเธอไปใหนพร้อมเรโนอา อิสระของเธอคงลดลงไปพอสมควรทีเดียว “อืม ข้าว่าเจ้าลองแต่งตัวสวย ๆ เข้าเมืองซักทีก็ดีเหมือนกันนะอนาคิม” เคย์ซ่าเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ พร้อมชำเลืองตามองอนาคิม อนาคิมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เธอแค่อยากเข้าไปเที่ยวเล่นในเมืองเฉย ๆ ไม่ได้จะไปอวดอะไรให้ ใครเชยชมซักหน่อย เคย์ซ่าที่เห็นบุตรสาวขมวดคิ้ว ทำหน้ายุ่ง ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ เธอรู้ดีว่าอนาคิมนั้นมีนิสัยอย่างไร แต่กระนั้นเธอเองก็อยากให้อนาคิมเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาสามัญทั่วไป ไม่ใช่แม่สาวนักบู๊ที่ลุยไปทุกที่ “เคย์ซ่า เจ้าอยากให้อนาคิมได้แต่งงานไว ๆ งั้นรึ” ครูทัสแกล้งพูดแหย่อนาคิมอีกครั้ง “ท่านพ่ออออ” อนาคิมลากเสียงยาวค้อนใส่ครูทัส “ถ้าแม่ลิงสาวคนนี้ แต่งงานไว ๆ ได้ข้าว่าคงเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ ตอนนี้เอาแค่ให้ดูเป็นกุลสตรีก่อนดีกว่า” เคย์ซ่าตอบกลับ พร้อมกับส่ายหัวช้า ๆ “งื่อ~~~” อนาคิมครางลากเสียงยาว ๆ ออกมาทันที “เจ้านี่ชอบทำเสียงประหลาดไม่เลิกเลยจริง ๆ” ครูทัสลุกมาเขกหัวบุตรสาวของตนเองเบา ๆ อนาคิมเอามือกุมหัว แล้วก้มหน้าก้มตา เธอช่างดูเหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่โดนพ่อแม่ดุจริง ๆ อาหารมื้อเย็นจบลงด้วย อนาคิมที่ทำหน้าเหมือนกับว่าจะโดนจับคลุมถุงชนซะอย่างนั้น กลางดึกคืนนั้น อนาคิมนอนคิดถึงเรื่องที่จะทำในวันรุ่งขึ้น เธอค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเธอไม่ค่อยได้เข้าไปในตัวเมืองบ่อยนัก ส่วนใหญ่มักเป็นเพียงบริเวณรอบ ๆ เมือง ซึ่งเธอตามบิดาไปเพื่อช่วยส่งของ หรือขนของที่จำเป็นในการตีอาวุธกลับบ้านก็เท่านั้น การที่จะได้เข้าไปเดินในเมืองจึง เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับเธอ อนาคิมนอนกลิ้งไปมาอยู่พักใหญ่ ถึงได้พล่อยหลับไป ------------------------------------ แสงตะวันของรุ่งเช้าวันใหม่ฉายแสง ครูทัสนั่งอยู่บนรถม้าเทียมเกวียน โดยมีอนาคิมกับเรโนอานั่งอยู่ที่เกวียนด้านหลัง เส้นทางจากหมู่บ้านเธอ ไปยังตัวเมืองใช้เวลาไม่นานนัก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่จะได้ชื่นชมกัยทัศนียภาพข้างทางได้ตลอด เพราะเฟรโดน่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างสงบสุข สัตว์ประหลาด หรือเหล่าโจรในรัศมีรอบ ๆ เมืองนั้นไม่เคยมีปรากฎเลย เรโนอานั่งวางแผนว่าจะไปที่ใหนในเมืองบ้าง โดยมีอนาคิมนั่งฟังด้วยรอยยิ้มแหย ๆ เพราะที่ ๆ เรโนอาวางแผนไว้ ล้วนเป็นที่ๆ อนาคิมไม่ค่อยสนใจซักเท่าไหร่เลย ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องประดับ กระนั้นเธอก็ไม่อยากขัดเรโนอา เพราะเรโนอาเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เธอได้ตามครูทัสมาได้ ส่วนเรโนอาเองนั้นจริง ๆ แม้จะชอบเรื่องสวย ๆ งาม ๆ หากแต่เธอก็รู้ดีว่าอนาคิมนั้นไม่ชอบใจในที่ ๆ เธอจะพาไปแน่ ๆ แต่ที่เธอเลือกที่จะพาอนาคิมเข้าร้านพวกนี้ เพราะเคย์ซ่าได้ฝากให้เธอช่วยจัดการแปลงโฉมอนาคิมซักหน่อย ซึ่งเธอเองก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าสนุกทีเดียว ราวกับว่าจะได้จับตุ๊กตาแต่งตัวยังงั้นล่ะ เรโนอามองหน้าอนาคิมแล้วยิ้ม พลางคิดในใจ (อยากรู้จังแม่สิงห์สาวของชาวบ้าน เวลาใส่ชุดงาม ๆ ในเมืองจะเป็นยังไง ฮิฮิ) อนาคิมไม่รู้ว่าเรโนอาคิดอะไรอยู่ แต่เธอรู้สึกขนลุกกับรอยยิ้มของเรโนอาอย่างมาก เหมือนสัญชาตญาณกำลังบอกว่า จะได้เจอเรื่องที่ไม่ชอบซะแล้ว หนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถม้าของครูทัสก็มาถึงด่านตรวจเข้าเมือง ซึ่งการเข้าเมืองก็เป็นไปอย่างง่ายดาย เพราะครูทัสมาค้าขาย ในเมืองบ่อย ๆ ภายในเมืองคับคั่งไปด้วยผู้คนมากมาย มีทั้งมนุษย์ เอล์ฟ ดวาฟท์ และออร์คปะปนเดินกันขวักไขว่ไปหมด ครูทัสบังคับรถม้ามาจอดที่หน้าร้านซื้อขายโลหะแห่งหนึ่ง อนาคิมกระโดดลงจากเกวียนก่อนใครเพื่อน ท่าทางของเธอ ดูตื่นเต้นมาก ๆ ส่วนเรโนอาซึ่งค่อย ๆ ลงจากเกวียนทีหลังกลับไม่แสดงท่าทางตื่นเต้นมากนัก เพราะเธอนำผลไม้มาขาย ภายในเมืองบ่อยๆ “โอ้ ๆๆๆๆ” อนาคิมอ้าปากค้างชี้ไปที่ชาวเผ่าออร์คซึ่งมีรูปร่างใหญ่โต เธอไม่ค่อยได้พบชาวเผ่าออร์คนัก แต่เธอเคยชินกับ เอล์ฟเพราะอาจารย์มีอาน่าเป็นหญิงสาวเผ่าเอล์ฟ “คนแยะจังเลย ยังกับมีงานเทศกาลอะไรยังงั้นล่ะ” อนาคิมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ไม่หรอก คนก็ประมาณนี้ทุกทีล่ะ แต่วันนี้คงจะมากกว่าทุกวันนิดหน่อย เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตของบางเผ่าได้เวลา เก็บเกี่ยวมาขายได้น่ะ” เรโนอาอธิบายไปพร้อมทั้งสอดส่ายสายตามองรอบ ๆ ตัว ครูทัสที่เอารถม้าไปหาที่ไว้ได้แล้ว เดินกลับมาหา 2 สาวพร้อมนัดแนะ “อืม ข้าคิดว่าการเจรจาไม่น่าใช้เวลานานนัก คิดว่าตอนที่สัญญาณระฆังดังในช่วงบ่ายคงจะเรียบร้อย ถึงตอนนั้นก็มาคอยกันที่หน้าร้านนี้ก็แล้วกัน” “คงต้องฝากเจ้าด้วยนะเรโนอา เพราะเจ้ารู้จักเมืองนี้ค่อนข้างดี ถ้าเป็นอนาคิมคงหลงทางเป็นวัน ๆ แน่ ๆ” ครูทัสแหย่ทิ้งท้ายก่อนเดินไปเจรจาธุรกิจ ปล่อยให้อนาคิมอยู่กับเรโนอาสองต่อสอง ไม่ทันที่อนาคิมจะพูดอะไร เรโนอาคว้าข้อมืออนาคิมแล้วจูงมือเดินไปอย่างรวดเร็ว จนอนาคิมได้แต่เดินตามไป เรโนอาพาอนาคิมเดินผ่านร้านน้อยใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ที่ดูแปลกตา ร้านขนมต่าง ๆ และร้านที่ขายของเล่นนานชนิด ซึ่งล้วนแต่เป็นร้านที่อนาคิมอยากเข้าไปดูซื้อหาทั้งสิ้น แต่อนิจจาอิสระภาพของเธอโดนเรโนอาช่วงชิงไปหมดสิ้นแล้ว เธอคิดในใจเช่นนี้ เรโนอายังคงพาอนาคิมไปเรื่อย ๆ มันเป็นเส้นทางที่ลึกมากขึ้น ซึ่งอนาคิมเองก็ไม่กล้าที่จะปล่อย หรือ สะบัดมือจากเรโนอา เพราะเธอไม่คุ้นกับเส้นทางในเมือง เดี๋ยวจะได้เป็นเด็กหลงทางอย่างที่บิดาเธอว่าไว้จริง ๆ เรโนอามาหยุดที่ร้านแห่งหนึ่ง ภายนอกร้านมีผ้าแพรพรรณสีต่าง ๆ มากมาย มันเป็นร้านเสื้อผ้านี่เอง เรโนอายืนฉีกยิ้มเต็มที่ พร้อมทั้งพาอนาคิมเข้าร้านทันที อนาคิมได้แต่เพียงทำหน้าประหลาดใจ เธอยังคงเข้าใจว่าเรโนอาแค่มาดูซื้อเสื้อผ้าของ ตัวเอง หากแต่เป็นเช่นนั้นไม่ เรโนอานำชุดในร้านออกมาหลายชุด แล้วมาลองเข้ากับตัวอนาคิมทันที “เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะเรโนอา” อนาคิมเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “เล่นแต่งตัวตุ๊กตาไงล่ะ..... แล้วเจ้าคือ ตุ๊กตาที่ว่านะ” เรโนอาตอบพร้อมรอยยิ้ม และขยิบตาให้อนาคิม “งื่อ~~~~” อนาคิมครางออกมาแบบที่เธอทำประจำ แน่ล่ะเธอเอาตัวรอดจากเคย์ซ่ามาได้ แต่ไม่คิดว่าจะมีเรโนอามาเล่น อะไรแบบนี้อีกคน เรโนอายังคงสนุกสนานกับการเลือกเสื้อผ้าให้อนาคิม ถ้าเพียงแค่เธอย่องหนีไปตอนนี้ มันก็ไม่มีปัญหาแล้ว อนาคิมคิดในใจ “อ้ะ ๆ จะไปใหนรึแม่เด็กหลงทาง” เรโนอาเปรยขึ้น ด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว เป็นเช่นนั้น เรโนอาพาอนาคิมมาไกลมากในความรู้สึก ไกลมากพอที่ถ้าอนาคิมเดินออกไป เธอจะได้เป็นเด็กหลงทางจริง ๆ แน่นอน “มา ๆ มาลองชุดนี้เร้ว” เรโนอาเรียกอนาคิม ในมือของเธอถือชุดสีชมพูบานเย็น กระโปรงยาวมีโบว์อยู่ที่เอวด้านหลัง อนาคิมเดินเข้ามาใกล้นิดหน่อย ก็โดนเรโนอาล็อคคอแล้วพาเข้าห้องเปลี่ยนชุดทันที เสียงเอะอะของอนาคิมดังไปทั้งร้าน ราวกับว่าเรโนอากำลังปล้ำกับลิงทะโมนก็ไม่ปาน สักครู่ใหญ่ อนาคิมออกมาในชุดเสื้อลูกไม้สีชมพูบานเย็นตัวนั้น คอเสื้อของมันคว้านลงไปลึกที่เธอเคยใส่มันทำให้เธอรู้สึก เขินอายอย่างมาก จนทำให้เธอได้แต่ยืนนิ่งใบหน้าแดง จู่ ๆ เรโนอาก็เข้ามาบีบหน้าอกเธอจากทางด้านหลัง พร้อมทั้งหรี่ตา แล้วกล่าวว่า “แย่จัง นี่ถ้าเจ้าอึ๋มกว่านี้อีกนิด ชุดนี้จะดีมากกว่าตอนนี้เป็นกองเลยล่ะ” อนาคิมได้แต่หน้าแดง อ้าปากค้างราวกับจะร้องไห้ แค่ใส่ชุดแบบนี้เธอก็รู้สึกขัดเขินมากพอแล้ว เรโนอายังมาเล่นอะไร เช่นนี้อีก แต่เธอก็ได้แต่ส่ายตัวไปมาเพื่อปัดเรโนอาเท่านั้น เรโนอาปล่อยมือ แล้วเดินอ้อมมาด้านหน้า จัดผมให้อนาคิมนิดหน่อย “อืม เจ้านี่ถ้าแต่งหน้าแต่งตาอีกนิด เป็นคนงามคนหนึ่งเชียวนา” เธอพูดชมพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปทางเจ้าของร้าน “ชุดนี้เท่าไหร่ค้า~~” เรโนอาถามเจ้าของร้าน “โอ้ 70เซน่า ขอรับ” เจ้าของร้านตอบกลับ เรโนอาควักเงินออกมาเพื่อนำไปจ่าย แต่อนาคิมจับมือเรโนอาไว้ “มันแพงนะ เรโนอา ไม่ต้องซื้อของแบบนี้ให้ข้าก็ได้” อนาคิมคัดค้านขึ้น “ใครว่าข้าซื้อ ท่านแม่ของเจ้าต่างหากซื้อ โฮะโฮะโฮะ” เรโนอาตอบกลับมาพร้อมทั้งหัวเราะใส่อนาคิม อนาคิมได้แต่ยืนอึ้ง คิดในใจ (จริง ๆ แล้วท่านแม่กับเรโอนาร่วมมือกันแน่ ๆ เลย) “เอาล่ะ แม่คนงามเอาไปดูซื้อของที่เจ้าอยากดูกันดีกว่า” เรโอน่าตบบ่าอนาคิมพลางอมยิ้ม ทั้งคู่พากันเดินออกจากร้าน ทันทีที่ออกมา อนาคิมเป็นเป้าสายตาคนรอบข้างทันที แม้ว่าเธอไม่ใช่คนที่สวยงามมากนัก หากแต่เพราะชุดที่เธอใส่มันเสริมให้ผิวพรรณเธอดูเปล่งปลั่งออกมาทันที ประกอบเธอกิริยาท่าทางเธอที่เป็นคนขี้อาย ท่าทางเลยออกกระมิดกระเมี้ยน เลยทำให้มองดูว่าเธอเป็นหญิงสาว ที่น่าทะนุถนอมเข้าไปอีก “ฮื้ม~~ ผลงานของข้านี่จัดใช้ได้ทีเดียว ปั้นดินให้เป็นดาวได้นี่” เรโนอา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอใจกับผลงานตัวเองอย่างมาก ในขณะที่อนาคิมเธออายอย่างมาก เพราะเธอไม่เคยแต่งตัวอะไรเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต เธอเดินกั้มหน้าก้มตาแทบตลอดทางเลยทีเดียว ระหว่างนั้นเธอเหลือบไปเห็นร้านขนมปังร้านหนึ่งมีขนมปังรูปสัตว์ อนาคิมตาโต เธอเดินฉับ ๆ ไปที่ร้านทันที จนเรโนอาต้องรีบเดินตามไป เรียกว่า ณ วินาทีนี้ อนาคิมเธอลืมความอายไปหมดสิ้นแล้ว “อ๊า~~ น่ารักจังเลย” เธอเข้าไปขนมปังที่อบเป็นรูปสุนัขขนาดใหญ่ด้วยดวงตาที่ส่องประกายให้ความสนใจอย่างมาก “นี่มันของกินได้นะ ไม่ใช่ตุ๊กตาเอาไว้กอด” เรโนอาขัด เพราะดูท่าทางเพื่อนสาวเธอจะตื่นเต้นกับของที่อยู่ตรงหน้า จนเธอกลัวว่า อนาคิมจะทำอะไรป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ออกมา แต่เหมือนว่าอนาคิมจะหลุดไปยังโลกส่วนตัวที่เธอเข้าไม่ถึงซะแล้ว “ยัยนี่นะ ทีเรื่องแต่งตัวไม่เคยสนใจเลย ทีของน่ารัก ๆ แบบนี้ล่ะสนใจออกนอกหน้าเชียว” เรโนอาส่ายหัวทั้งที่ยิ้มอยู่ “ว่าแล้วก็น่าซื้อไปให้ท่านแม่บ้างแฮะ” และแล้วเรโนอาก็เดินหาขนมปังนานาชนิดกลับบ้านบ้าง ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังดูขนมปังแบบต่าง ๆ อยู่นั้น ก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่ 2 คนเข้ามาในร้าน ชายทั้งสองตรงรี่ไปหาเจ้าของร้าน และพูดด้วยเสียงอันดังลั่น “เจ้าจงนำขนมปังทั้งหมด 2 เกวียน ส่งไปยังกองทัพของเมืองหลวงซะ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะมีโทษ” เจ้าของร้านตกใจอย่างมาก คงเพราะจำนวนไม่ใช่น้อย ๆ ประกอบกับทางการไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าเรื่องการขอความร่วมมือเรื่องเสบียง เจ้าของร้านจึงบอกชายทั้ง 2 ว่า “ท่านทหารทั้ง 2 โปรดแจ้งเจ้ากรมทหารทีเถิด ว่าทางเรายังไม่ได้รับแจ้ง จากกองทัพเรื่องจัดเตรียมเสบียงไว้สนับสนุนกำลังรบเลย ทำให้ทางร้านเราไม่มีวัตถุดิบมากพอที่จะ.........” ไม่ทันสิ้นคำพูด เจ้าของร้านก็ถูกชายหนึ่งในสองชกเข้าเต็มแรงจนล้มลงไปที่พื้น พร้อมตวาดขึ้น “เช่นนั้น เจ้าจงนำขนมปังในร้านนี้ทั้งหมดขนไปไว้บนเกวียนข้าเดี๋ยวนี้!!!” เหตุการณ์เกิดขึ้นโดนเรโนอากับอนาคิมเฝ้ามองอยู่ เรโนอามีท่าทีตกใจอย่างมาก เธอรีบไปหาอนาคิมพร้อมกล่าวว่า “เรารีบออกไปกันก่อนเถอะอนาคิม เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้ว” หากแต่อนาคิมกลับดูเหตุการณ์อย่างสงบเยือกเย็น เธอไม่ได้พูดอะไรกับเรโนอา นอกจากยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากตัวเอง “ชี่~~” อนาคิมส่งเสียงเบา ๆ พร้อมมองไปที่เรโนอา ก่อนที่จะผละจากเรโนอาเดินไปหาชายรูปร่างสูงใหญ่ทั้งสอง ชายคนหนึ่งจับคอเสื้อของเจ้าของร้าน และกำลังจะเงื้อหมัดหมายชกเจ้าของร้านที่มีทีท่าขัดขืน ไม่ทันที่หมัดจะเข้าที่ใบหน้าของเจ้าของร้านขนมปัง หมัดของชายผู้นั้นต้องหยุดลง เมื่ออนาคิมเอามือข้างหนึ่งรั้งแขนของ ชายผู้นั้นไว้ ชายผู้นั้นหันมามองอนาคิมทันที “เจ้า!!! จะทำอะไรกัน?!?” ชายผู้ถูกรั้งแขนไว้ถามเสียงแข็ง พร้อมทั้งพยายามดันแขนไปข้างหน้า ทว่ากลับไม่เป็นผลทั้งๆ ที่ มือที่รั้งแขนเขาไว้เป็นเพียงมือของหญิงสาวที่บอบบาง แต่มันช่างมีพละกำลังมหาศาลมากจริง ๆ “ข้าไม่คิดว่า สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่มันถูกต้อง” อนาคิมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบดูเย็นชา ชายอีกคนตรงรี่เข้ามาหมายจะตบอนาคิม แต่อนาคิมเอี้ยวตัวหลบทั้ง ๆ ที่มือข้างหนึ่งยังรั้งแขนของชายคนแรกไว้ หลังจากหลบการตบของชายคนที่สอง อนาคิมบีบแขนของชายคนแรกพร้อมทั้งหวี่ยงชายคนแรกออกนอกร้านจนสุดแรง โครม!!!! ชายคนแรกลอยออกจากร้านไปราวกลับว่าตัวเขามีน้ำหนักเบามาก เหมือนเพียงผลส้มที่ถูกปาไป ชายคนที่สองเห็นดังนั้นจึงรีบชักดาบที่เอวออกมาทันที แต่ไม่ทันที่จะตั้งท่าอะไร เขาก็โดนอนาคิมพุ่งเข้าเตะที่ขา และโดน ถีบจนกลิ้งออกจากร้านไปอีกราย “ให้ตายสิ ไอ้ชุดแบบนี้ทำให้บู๊ไม่ถนัดเลย” อนาคิมบ่นขึ้น แล้วเดินออกจากร้านไป “คนที่จะพูดว่า ให้ตายสิ มันน่าจะเป็นข้ามากกว่านะนี่” เรโนอาแสดงความวิตกแกมหนักใจกับการกระทำของอนาคิม ชายคนแรกพยายามผยุงตัวขึ้นมา เขารีบชักดาบพร้อมทั้งตวาดใส่อนาคิม “เจ้ากล้าทำร้ายทหารแห่งเฟรโดน่ารึ!!!!” อนาคิมยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าเธอแสดงสีหน้าเหมือนตอบคำถามของชายคนแรกว่า “แล้วยังไง?” ชายคนที่สองลุกขึ้นพร้อมดาบในมือ ชายทั้งสองพุ่งเข้าหาอนาคิมทันที แต่อนาคิมนั้นว่องไวมาก สามารถหลบการโจมตีของชายทั้ง 2 ได้ ทันใดนั้น “อนาคิม!!!” เรโนอาส่งเสียงเรียก พร้อมทั้งโยนไม้ยาว ๆ ซึ่งเคยเป็นราวตากผ้าให้ทันที อนาคิมรับไม้อย่างรวดเร็ว เธอควงไม้อย่างคล่องแคล่ว แม้มันจะเป็นไม้ราวตากผ้า แต่เมื่อมันอยู่ในมืออนาคิมมันก็เป็นอาวุธ ที่พร้อมต่อกรกับดาบของชายทั้งสองทันที “ให้ตายสิ ไอ้กระโปรงนี่ทำให้ข้าทำอะไรไม่ถนัดจริง ๆ นะ” “นี่เรโนอาข้าถอดมันออกก่อนได้เปล่า??” อนาคิมยิงคำถามใส่เรโนอาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อย่ามาถามอะไรไม่เป็นเรื่องในเวลาอย่างนี้ได้มั้ย!!!” เรโนอาหลับตาพร้อมกัดฟันพูด เพราะรู้ว่าอนาคิมแกล้งหยอกเธอเล่น อนาคิมหันกลับมาควงกระบอกพร้อมทั้งหันไปยังชายคู่กรณีทั้งสอง สายตามุ่งมันเป็นประกายพร้อมทั้งยิ้มที่มุมปาก แล้วเอ่ยขึ้น “จะเข้ามาเมื่อไหร่ ข้าก็พร้อมเสมอ” ----------------------------------------------------------Next to Chapter 2 |
บทความทั้งหมด
|
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!