กลับบ้านแล้ว..
หลังจากไปพักฟื้นอยู่บ้านคุณปู่คุณย่ามาหนึ่งเดือน
ตอนนี้คุณแม่กะหนูมิกิกลับมาบ้านแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมและร่วมแสดงความยินดีนะคะ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ








จากวันนั้น....

คืนวันที่ 3 พย. เริ่มปวดท้องขึ้นมาแปล๊บ ๆ
ท้องแข็งมาเป็นพัก ๆ ทำเอานอนไม่หลับเลยทีเดียว

เช้าวันที่ 4 พย. อาการปวดท้องยังไม่หาย
ป่าป๊าไปทำงานตามปกติ แต่ก็โทรมาถามอาการตลอด
แต่ชักปวดขึ้นเรื่อย ๆ
เอะ...เราปวดอึรึเปล่า ไปนั่งเบ่งหน้าดำหน้าแดงก็ไม่ออก
แต่ก็ปวดอยู่อย่างนั้นทั้งวัน ร่วมกับอาการท้องแข็งเป็นพัก ๆ
และเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ๆ ๆ

บ่าย
คุณปู่โทรมาถามอาการ และจะมารับไปโรงบาล
แต่เราขอดูอาการก่อนซักพัก เผื่อไม่ไช่ปวดท้องคลอด(ก็ไม่รู้นี่นา )

บ่ายแก่ ๆ
ป๊าโทรมา บอกจะกลับบ้านแล้ว จะพาไปโรงบาล
เราบอกว่า ทำงานไปเหอะ ยังไม่เป็นไร (กัดฟันกรอด ๆ )
เจ็บอะเจ็บ.....เจ็บเป็นพัก ๆ ทุก 5-10 นาที

ตกเย็น
ป๊าเลิกงาน รีบเก็บกระเป๋า พาไปบ้านคุณปู่
เผื่อจะคลอดจริง ๆ ในเร็ว ๆ นี้ หรือพรุ่งนี้ซึ่งป๊าไปทำงาน
จะได้มีคนพาไปโรงบาลได้

กลางคืน
อาบน้ำ เตรียมจะนอน ท้องแข็งเป๊ก ๆ ปวดหนักขึ้น ๆ
เหมือนปวดท้องเมนส์ + ปวดอึ คูณหลาย ๆ เท่า
ปวดหลังตรงกระเบนเหน็บร้าวมาด้านหน้า
แต่ก็ยังพยายามนอน แต่มันหลับไม่ได้
นอนกัดฟันกรอด ๆ ๆ

ตี 3
นอนครางอิ๊ด ๆ ๆ
ป๊าบอกว่า ท่าทางม๊าจะไม่ไหวแล้ว ไปโรงบาลเหอะ
เดี๋ยว ๆ ๆ ยังไม่อยากไปตอนนี้ เผื่อแค่เจ็บหลอก ๆ
รอดูอีกแป๊บนะ

ตี 4 กว่า ๆ
ไม่ไหวแล้ว มันปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ปลุกป่าป๊า...บอกว่าไม่ไหวแล้ว ไปโรงบาลเหอะ
ป๊าคว้าโทรศัพท์ โทรไปโรงบาล เล่าอาการ
หมอบอก มาโรงบาลได้แล้ว
ป๊าคว้ากระเป๋าใส่รถ บึ่งไปโรงบาลทันที

ตี 5 กว่า ๆ
ถึงโรงบาล
ได้ยินเสียงเด็กทารกร้องจ้า อยู่ห้องไกล้ ๆ
ได้ยินเสียง ร้องโหยหวย อยู่ห้องข้าง ๆ (ห้องคลอด)
พยาบาลพาไปชั่งน้ำหนัก แล้วให้นอนรอ
เอาสายวัดมาคาดพุง
ซักพักหมอก็มา มาจับ ๆ ล้วง ๆ
หมอบอก ปากมดลูกเปิดประมาณ 1-2 ซม.แล้ว แต่คงอีกนาน ท้องแรกด้วย
จะกลับบ้านรอดูอาการก่อนก็ได้นะครับ
อ้าว....กลับก็กลับ
แล้วก็พากันกลับบ้าน

6 โมงเช้ากว่า ๆ
ปวด ๆ ๆ ๆ ปวดอึรึเปล่า ไปเบ่งก็ไม่ออก
แต่มีเลือดไหล ตอนนี้ไม่ครางอิ๊ด ๆ แล้ว แต่ร้องโอ้ย ๆ ๆ
ป๊าโทรไปลางาน แล้วโทรไปโรงบาลอีกที
บอกว่าเลือดไหล ปวดหนักขึ้นด้วย
หมอบอกว่าแสดงว่าใกล้คลอดแล้ว มาโรงบาลได้แล้ว
แล้วก็กระเตงกันไปโรงบาลอีกรอบ

7 โมงกว่า ๆ ถึงโรงบาล
เปลี่ยนเสื้อผ้า นอนรอ ซักพักหมอมาล้วง
เปิด 4 ซม. แล้ว ให้นอนที่ห้องรอคลอด
ป๊ามายืนอยู่ข้าง ๆ คอยนวดหลังให้

นอนปวดจาก 7 โมงเช้า
กว่าจะเปิดครบ 10 ซม.

บ่ายกว่า ๆ
พยาบาลพาเข้าห้องคลอด
อณุญาติให้ป๊าเข้าไปด้วยได้เป็นกรณีพิเศษ
เนื่องจากเราเป็นกระเรี่ยง ภาษาญี่ปุ่นไม่แข็งแรง

ปวด ๆ ๆ อยากเบ่ง ๆ ๆ ๆ
เบ่งอึ๊ด ๆ ๆ ๆ หมอบอกอย่าเบ่ง เดี๋ยวจะหมดแรงซะก่อน
รอเด็กเอาหัวมาจ่อซะก่อน ทีนี้ค่อยเบ่ง
ก็มันปวดนี่โว้ย..ให้ทำไงอะ

บ่าย 2 กว่า ๆ
ยังมองไม่เห็นหัว ไม่มีทีท่าว่าจะเอามาจ่อ
หมอมาก็ล้วงแล้วล้วงอีก
โดนล้วงไปกี่ที แทบจำไม่ได้
ทีนี้หมอให้เบ่ง เผื่อจะเอาหัวมาจ่อ
เอ๊า..เบ่ง.......อื๊บ ๆ ๆ อ๊าก ๆ ๆ ๆ
จำไม่ได้ว่าเบ่งไปกี่ครั้ง แต่รู้ว่าเบ่งอยู่นานมาก
ก็ไม่มีทีท่าว่าเด็กน้อยจะเอาหัวออกมาให้เห็น
ทีนี้หมอก็ซาวด์ดู เอ...หัวก็อยู่ตรงนี้นี่นา
อยู่ตรงอุ้งเชิงกรานต์แล้ว
เอ๊าเบ่งต่อไป...

4 โมงเย็น
ยังเบ่งไม่เลิก...
ร่างกายเริ่มล้าแล้ว
เตียงข้าง ๆ เค๊าเข้ามา เบ่ง ๆ ๆ แล้วก็ออกไป
คนแล้วคนเล่า
แต่เรา ยังเบ่งหน้าดำหน้าแดงอยู่ต่อไป
หมอซาวด์ดูอีก เอ..ยังอยู่ตรงอุ้งเชิงกราน
เอ๊าพยายามต่อไป...
เบ่ง ๆ ๆ ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ป่าป๊าที่คอยจับมืออยู่ข้าง ๆ ร้องให้ตาแดงด้วยความสงสาร
" ม่าม๊า กำบาเระ กำบาเระเนะ..."

6 โมงเย็น
หมอตัดสินใจให้ยาเร่งคลอดผ่านสายน้ำเกลือเนื่องจาก
- มดลูกเปิดครบนานแล้ว
- เด็กไม่มีทีท่าว่าจะออกมา
- แม่เริ่มจะหมดแรงแล้ว
แต่การใช้ยาจะทำให้มดลูกบีบตัวแรงขึ้น
คุณแม่จะปวดท้องมากขึ้น ทนไหวมั๊ย??
หูย..ยังไงก็ได้ค่ะหมอ มาถึงตรงนี้แล้ว

หลังจากให้ยาผ่านสายน้ำเกลือ
เริ่มปวดหนักขึ้น
เริ่มให้เบ่งอีก...เบ่ง...เบ่ง...เบ่ง...
ซักพักใหญ่ ๆหมอบอก เด็กเอาหัวลงมาใกล้ ๆ แล้ว
คลำดูก็เจอหัวเด็กแล้ว
คุณแม่พยายามเบ่งอีกนะครับ
จากนั้นก็ตั้งหน้าเบ่งหน้าดำหน้าแดงอีกต่อไป
แต่...เบ่งยังไงก็ไม่ออก
เบ่งจนหมดแรง จำได้ว่าสลบเหมือดไปสองสามครั้ง
แล้วหมอก็เอาออกซิเจนมาครอบปาก จมูก
ลืมตาขึ้นมาเห็นป๊ายืนบีบมืออยู่ข้าง ๆ ตาแดง ๆ
" ม่าม๊า กำบาเระ ๆ ๆ ๆ "
ฟื้นแล้วหมอก็ให้เบ่งต่อ
(สาบานนะ ว่านี่คือโรงบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอนี้)

2 ทุ่มกว่า ๆ
หมอเรียกป๊าไปคุย
คุณแม่เบ่งไม่ออก ไม่มีแรงแล้วด้วย
จะผ่าตอนนี้ก็ยากนะ เพราะหัวเด็กลงมาต่ำมากแล้ว
อีกอย่างหมอไม่อยากให้เจ็บสองต่อ
แต่หมอคิดว่า น่าจะใช้วิธีใช้เครื่องช่วยดูด
กับการใช้คีมคีบออกมา
การใช้เครื่องเป็นสูญยากาศคล้าย ๆ ถ้วยดูดตรงหัวเด็กออกมา
ส่วนวิธีการใช้คีมก็ใช้เครื่องมือเข้าไปคีมเอาหัวเด็กออกมา
คุณพ่ออยากจะให้หมอใช้วิธีใหน??
ป่าป๊าบอกหมอว่า ขอวิธีที่คุณแม่กับคุณลูกปลอดภัยที่สุดครับ
(ป๊าลืมบอกหมอไปด้วยว่าขอวิธีที่คุณแม่เจ็บน้อยที่สุดด้วย)

หมอบอกควรเป็นวิธีใช้คีม
แต่คุณแม่จะเจ็บหน่อย ต้องทนเอา
แผลฝีเย็บจะกว้าง กรีดหลายแผล
เพราะต้องเอาเครื่องมือเข้าไปแล้วคีบออกมา
แต่หมอจะเย็บให้เรียบร้อย
แต่อาจจะเหมือนเดิมรึเปล่า
หมอไม่รับประกัน แต่จะทำให้ดีที่สุด

แล้วคุณหมอก็ได้เชิญป๊าให้ออกไปรอข้างนอก
เนื่องจากมันหวาดเสียว (กลัวป๊าจะเป็นลมไปซะก่อน)

หมอสั่งพยาบาลเตรียมเครื่องมือ
โทรตามหมออีกคน (ที่ชำนาญในการใช้คีม)
แล้วเครื่องมือต่าง ๆ ก็มาวางรายล้อม
หมอหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาหลอดเบ่อเร่อ
เราถามว่าจะทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บไช่ใหม?
หมอตอบว่า จะทำให้คุณรู้สึกชาตรงแผลฝีเย็บก่อนที่หมอจะตัด
เรารีบถาม บล๊อคหลังไช่ใหม?
หมอรีบตอบเช่นกัน ยาชาเท่านั้นครับ

ซักพักหมออีกคนก็มา
เปลี่ยนกันเอามือเข้าไปล้วง ๆ คลำ ๆ ดูหัวเด็ก
มือทั้งดุ้น อยู่ตรงใหน ๆ ๆ จะได้คีบถูก (เจ็บนะโว้ย....)

ซักพักหมอหยิบคีมขึ้นมาเล็ง
ลมแทบจับ.....อันเท่าพับพีใบเขื่อง ๆ สองอัน
พยาบาลเอามือมาปิดตา แล้วบอกว่า อย่ามองดีกว่านะคะ
แล้วพยาบาลหลาย ๆ คนก็มารายล้อมเตียงเรา
ช่วยกันจับแข้งจับหา จับแขนเราล็อคไว้
(ทำไมต้องล็อค กลัวเราหนีไปใหน..วินาทีนั้นยังไม่เข้าใจ)
หมอบอกว่า หมอจะใช้เครื่องมือช่วย
แต่คุณแม่ต้องช่วยหมอเบ่งด้วยนะครับ
พอหมอให้เบ่งก็เบ่งเลยนะครับ

และแล้ววินาทีนั้นก็มาถึง
เมื่อพับพีใบเขื่องสองอันถูกยัดเข้าไป
" กรี๊ดดด..ย๊ากกกก..จ๊ากกก...โอ๊ยยย...อ๊ากกก...." (มีทุกเวอร์ชั่น)
หมอพยาบาลพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า "อึ๊บบบบ"
เราเบ่งสุดชีวิต
ร้องเสียงหลง... ย๊ากกกกกกก อ๊ากกกกกกกก
สิ้นเสียงอึ๊บจากพี่ ๆ พยาบาล
เสียงหมอสองคนแย่งกันพูดว่า ดี ดี ครับ หัวออกมาแล้ว
เอ๊าขออีกครั้งครับ ครั้งสุดท้าย
" กำบาเระ ๆ ๆ ๆ" เสียงจากพยาบาลหลาย ๆ คน
และ " ม่าม๊า...กำบาเระ.. ๆ ๆ ๆ " เสียงตะโกนจากป๊าข้างนอกห้องคลอด
( ไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องเค๊าแถวนั้นเลยนะ)
เรารวบรวมกำหลังเฮือกสุดท้าย...ย๊ากกก...
แล้วก็โพล๊ะ.....
ทุกคนที่รายล้อมเตียงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
" โอเมเดโตะ ๆ ๆ ๆ "
แต่เรา " คุณหมอ ๆ ลูกแข็งแรงมั๊ย มีนิ้วครบสิบนิ้วป่าว"
หมอยิ้ม " แข็งแรงปลอดภัยดีครับ "

หลังจากหมอคลอดรกเสร็จ
จัดการเย็บแผล ซึ่งใช้เวลานานมาก จนยาชาเริ่มหมดฤทธิ
เราเริ่มบ่นอีกรอบ " เจ็บ ๆ ๆ อะหมอ"
หมอสั่งยาชาที่พยาบาลอีกรอบ
แล้วหมอสองคนก็ก้มหน้าคุยกันไป เย็บแผลกันไป

พยาบาลอุ้มเด็กน้อยตัวแดง ๆ มาไว้ในอ้อมกอดเรา
น้ำตาไหล.......เด็กน้อยของแม่
นี่แหละ " ชีวิตที่ฉันต้องปกป้อง "

เสร็จแล้วคุณหมอออกไปคุยกับป๊าข้างนอก
หมอชี้แจงว่า เหตุที่คุณแม่เบ่งไม่ออกเนื่องจาก
สายรกของเด็กสั้นเกินไปครับ เลยยื้อกันอยู่ข้างใน
แต่ยังไงตอนนี้ก็ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกครับ
ป่าป๊าโค้งขอบคุณคุณหมอทั้งน้ำตา......

ที่ป้ายข้อมือเด็กน้อยเขียนว่า....

5 / 11 / 05
ชื่อ...(คุณแม่.......)
เพศ หญิง
น้ำหนัก 2816 g.
เวลา 8 : 56 pm.




แรกคลอด
ป๊ามัวแต่ตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก
ถ่ายรูปลูกสาวได้แค่ใบเดียว





1 เดือน
เหมือนไผหว่า???









Create Date : 08 ธันวาคม 2548
Last Update : 12 ธันวาคม 2548 12:18:15 น.
Counter : 1047 Pageviews.

13 comments
ความสุขดุจทองคำ สมาชิกหมายเลข 7582876
(9 ม.ค. 2568 12:19:26 น.)
มื้อนี้เสี่ยอั๋นขอเลี้ยงเอง nokeja
(11 ม.ค. 2568 20:28:46 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันแวนด้าหลายสี ทนายอ้วน
(6 ม.ค. 2568 15:58:07 น.)
#สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ newyorknurse
(12 ม.ค. 2568 00:10:07 น.)
  
อู๊ย อ่านไปเบ่งไป เอ๊ย ไม่ใช่ อ่านไปลุ้นไป หนูมิกิ กว่าจะออกมาให้ป่าป๊า ม่าม๊าชื่นใจ เล่นเอาใจหายใจคว่ำเลยนะคะ แต่ก็ต้อง โอเมเดโต๊ อีกหลายๆครั้งเลยจ้า ยินดีด้วยจริงๆ

หนึ่งเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก(มั้ย) กลายเป็นสาวน้อยผิวชมพูผ่องเลย รูป(บน)นี้ เริ่มมีเค้าหน้าเหมือนแม่กาปุ้ยแล้วจ้า
โดย: นู๋โนริ วันที่: 12 ธันวาคม 2548 เวลา:13:06:58 น.
  
เมย์ กล่องคอมเมนท์บล็อคเมย์หายไปใหนค่ะ?
โดย: กาปุ้ย วันที่: 12 ธันวาคม 2548 เวลา:14:05:34 น.
  
อ่านไปเบ่งไป...กัดฟันกร่อดๆ...ไปด้วย
ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า

ยังไงก็พักผ่อนเยอะๆนะ
(ถ้ามีเวลาพัก)

หน้าเริ่มเปลี่ยนแล้วเน๊อะ
เหมือนปุ้ยหน่อยๆ...ปุ้ยล่ะ..ว่าเหมือนใคร

วันก่อนเข้ามา..ปุ้ยปิดบล๊อค..หรอ..งงเลย

ตอบแทนเมย์...เมย์ปิดคอมเมนท์ไว้แป็บนึงอ่ะ

ยังไงก็..สู้สู้นะ
โดย: iamname วันที่: 12 ธันวาคม 2548 เวลา:14:19:19 น.
  
กรี้ดๆๆๆๆๆ น่ารักจังเลย ขาวอมชมพู โตขึ้นสวยแน่ๆเลย เดียวถ้าโตกว่านี้หน่อย ขอไปหอมแก้มน้องมิกิหน่อยนะ อิอิ

อ่านแล้ว สงสารคุณแม่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ท่าจะทรมานเจียนตายเลย
โดย: Bird (House Of FlyingBird ) วันที่: 12 ธันวาคม 2548 เวลา:17:58:02 น.
  
ยินดีด้วยค่ะ

ขอให้หนูมิกิ เลี้ยงง่ายๆ โตไวๆนะคะ
โดย: Hana* วันที่: 12 ธันวาคม 2548 เวลา:18:59:17 น.
  
เฮ้อ...กว่าจะเบ่งออกมาได้ ดาอ่านไปลุ้นไป เสียวแทนไปด้วย ขนาดปวดท้องเมนส์ยังเกือบตาย น้องมิกิหน้าเหมือนป่าป๊าใช่เปล่าคะ คุณปุ้ยเยี่ยมมากเลยค่ะ เอ่อ...คิดจะมีอีกซักคนไม๊คะ
โดย: lisalee วันที่: 12 ธันวาคม 2548 เวลา:19:00:29 น.
  
ยินดีด้วยครับ....

อ่านแล้วเห็นภาพเลย...เสียวครับ
คุณแม่คนใหม่ ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ
โดย: Hiroki วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:0:48:08 น.
  
อ่านแล้วอินมากๆ ค่ะ ถ้ายังไม่ได้เป็นแม่คงไม่อินขนาดนี้

แต่ทำให้พี่รู้สึกว่า การคลอดของพี่นั้นมัน
เจ็บเล็กน้อยจริงๆ เมื่ออ่านเรื่องของน้องกาปุ้ย
ตอนนี้คงฟื้นตัวแล้วนะคะ

ขอให้หนูมิกิเลี้ยงง่ายๆ โตไวๆ คุณแม่ก็แข็งแรงไวๆ นะคะ
โดย: วดี วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:15:12:29 น.
  
เพิ่งรู้ว่าปุ้ยทรมานขนาดนี้...อ่านแล้วเสียวจริงๆ...
อย่างนี้...คุณพ่อ...คุณแม่...ต้องรักลูกสาวมิกิคนนี้มากๆแน่ๆ....ก็พ่อเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เกือบตลอดเวลาเลย...น่ารักจริงๆ...ขอให้มิกิจัง เลี้ยงง่ายๆ เป็นเด็กแข็งแรง...และคุณแม่ปุ้ย ก็รักษาสุขภาพตัวเองดีๆด้วยนะจ๊ะ...
โดย: ปาน-Sapporo วันที่: 27 ธันวาคม 2548 เวลา:22:40:50 น.
  
Happy New Year to K.Pui, Papa & Nu+ Miki ka





Have a great New Year naka.
โดย: lisalee วันที่: 30 ธันวาคม 2548 เวลา:12:16:49 น.
  
ขอบคุณทุก ๆ คนนะคะที่แวะเข้ามาเยี่ยม มาให้กำลังใจ

สู้ตายค๊า...
โดย: กาปุ้ย วันที่: 31 ธันวาคม 2548 เวลา:14:05:21 น.
  
เพิ่งรู้ว่าคลอดนู๋มิกิเป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามขนาดนี้ อ่านแล้วซึ้งจิงๆ ขอให้คนเบ่ง คนเชียร์และนู๋น้อยมีสุขภาพแข็งแรงนะจ๊ะ (อาจจะช้าไปหน่อยแต่ก็เป็นไรที่อ่านแล้วอึ้ง)omedetou...
โดย: ai IP: 203.172.49.69 วันที่: 25 เมษายน 2549 เวลา:21:41:16 น.
  
สุดยอดเลยค่ะ
โดย: ~ Rain Or Shine ~ วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:36:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kapui.BlogGang.com

กาปุ้ย
Location :
Ibaraki  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]