กรวยไตอักเสบ Pylonephritis
กรวยไตคืออะไร



ไตของคนจะมีหลอดเลือดแดงไปเลี้ยง เมื่อเลือดกรองเสร็จจะนำกลังหลอดเลือดดำของเสียที่กรองได้จะรวบรวมสู่กรวยไต หลังจากนั้นปัสสาวะจะนำสู่ท่อไต กระเพาะปัสสาวะและไปท่อปัสสาวะ

ปัสสาวะของคนจะไม่มีเชื้อโรค คนส่วนหนึ่งจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบแต่ถ้าหากเชื้อลามจากกระเพาะปัสสาวะไปสู่ท่อไต ureter และไปอักเสบที่ renal pelvis เรียกกรวยไตอักเสบผู้ป่วยมักจะมีไข้ อาเจียน ขาดน้ำ ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการความดันโลหิตต่ำและเสียชีวิต

กรวยไตอักเสบจะพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง
สำหรับผู้ใหญ่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ เมื่ออายุมากขึ้นโดยเฉพาะวัยทองมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่ม
ทางเดินปัสสาวะในผู้ชายมักจะพบเมื่ออายุมากว่า 50 ปีเนื่องจากต่อมลูกหมากโต

กรวยไตอักเสบ Pylonephritis

หมายถึง การติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในบริเวณกรวยไต แบ่งเป็น ชนิดเฉียบพลัน ซึ่งมีอาการแสดงชัดเจน กับชนิดเรื้อรัง ซึ่งไม่มีอาการแสดงชัดเจนพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
อาจเป็นโรคแทรกซ้อนของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ, นิ่วในทางเดินปัสสาวะ
เนื่องจากไตของคนเรา อยู่ที่ บริเวณหลังเหนือระดับเอวเล็กน้อย ทั้งสองข้าง และโดยทั่วไปกรวยไตอักเสบมักเป็นข้างเดียว ดังนั้น อาการหนึ่งของโรคกรวยไตอักเสบ ก็คืออาการปวดหลังข้างหนึ่งข้างใดที่ระดับเหนือเอว

อาการปวดหลังนี้ ต้องแยกจากอาการปวดหลังจากสาเหตุอื่น เช่น จากปัญหาของกระดูกสันหลัง จากกล้ามเนื้อ หรือจากสาเหตุอื่นที่พบได้บ่อยกว่า โดยปัญหาที่เกิดจากกระดูกสันหลัง มักทำให้ปวดตรงกลางหลัง ไม่ใช่ข้างๆ หรือหากเป็นโรคที่ทำให้เกิดปัญหากับเส้นประสาท ก็จะปวดร้าวไปยังข้างๆ เป็นปื้น แต่ไม่ใช่จุดใดจุดหนึ่ง

โรคกรวยไตอักเสบ มักจะทำให้มีอาการปวดหลังบริเวณข้างๆ (ไม่ใช่ตรงกลาง) ระดับเหนือเอว และมักเจ็บที่จุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ (ซึ่งก็คือตำแหน่งของไต) และอาการปวดควรจะคงที่เมื่อขยับตัว ไม่ควรจะเพิ่มขึ้นชัดเจนเมื่อขยับตัวหรือบิดตัว (ไม่เช่นนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องของกล้ามเนื้ออักเสบหรือกระดูกสันหลังมากกว่า)

สิ่งหนึ่งที่ช่วยแยกโรคกรวยไตอักเสบ ออกจากโรคอื่นได้มาก และแพทย์มักตรวจร่างกายโดยวิธีนี้ด้วย ก็คือการเคาะเบาๆ ที่บริเวณหลังที่ปวด หากคนไข้มีอาการปวดมากชัดเจน ก็บ่งว่าน่าจะเป็นโรคกรวยไตอักเสบ

นอกจากอาการปวดหลังแล้ว โรคกรวยไตอักเสบก็มักมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะอาจขุ่นหรือมีสีผิดปกติ บางกรณีหากมีการอักเสบของระบบปัสสาวะส่วนล่างด้วยก็อาจมีอาการปัสสาวะแสบขัดได้

ทั้งนี้ การแยกโรคกรวยไตอักเสบ ออกจากโรคอื่นที่มีอาการปวดหลัง หรือโรคอื่นที่มีไข้ หรือโรคไตชนิดอื่นๆ อาจต้องอาศัยการซักประวัติดูว่ามีอาการอะไรบ้าง มีปัจจัยเสี่ยงใดบ้าง ตรวจร่างกายดูว่าเข้าได้กับโรคกรวยไตอักเสบมากน้อยเพียงใด และอาจต้องส่งตรวจเลือดหรือปัสสาวะเพื่อยืนยันการวินิจฉัยด้วยครับ ดังนั้น การวินิจฉัยที่แน่นอนคงต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย

โรคกรวยไตอักเสบ คือการติดเชื้อ สำหรับสาเหตุของการติดเชื้อนั้น ในคนปกติ อาจไม่ทราบสาเหตุก็ได้ แต่ในผู้ที่ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เช่น มีโรคเบาหวาน รับประทานยาที่กดภูมิคุ้มกัน หรือมีโรคอื่นที่มีปัญหากับระบบภูมิคุ้มกัน อาจพบโรคนี้ได้บ่อยกว่าปกติ และผู้ที่มีความผิดปกติของระบบปัสสาวะอยู่เดิม เช่น มีภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับจากกระเพาะปัสสาวะไปยังท่อไต (VUR - vesoureteral reflux) หรือมีความผิดปกติอื่นของไต ท่อไต หรือกระเพาะปัสสาวะ ก็อาจพบโรคนี้ได้บ่อยกว่าคนปกติ

ในทัศนะการแพทย์จีน

กรวยใตอักเสบเกิดจากภาวะร้อน-ชื้น(ซือยื่อ) ที่สะสมในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นภาวะที่จะเอื้อ ต่อการแพร่พันธุ์ของเชื่อแบคทีเรีย และเมื่อมีเชื้อแบคทีเรียลุกลามเข้ามาในระบบทางเดินปัสสาวะก็จะทำให้เกิดอาการอักเสบที่ท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะหรือกรวยไตได้ การแพทย์จีนจึงใช้วิธีบำบัดแบบองค์รวมดังนี้

-ขจัดภาวะร้อน-ชื้นและเสริมสร้างภูมิต้านทานของระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อต้านทานเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการอักเสบได้มากขึ้น ซึ่งจัดเป็นวิธีสำคัญที่สุดในการปัองกันและรักษากรวยไตอักเสบโดยเฉพาะกรวยไตอักเสบชนิดเรื้อรัง

-ช่วยขับปัสสาวะเพื่อขับเชื้อแบคทีเรียและสารพิษออกจากร่างกาย พร้อมทั้งลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะ

-ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียกลุ่มแกรมลบที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนั้น การแพทย์จีนยังเน้นความสำคัญในการบำรุงรักษาไตควบคู่กับการรักษากรวยไตอักเสบด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากกรวยไตอักเสบมีการทำลายเซลล์ของไต ทำให้ไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ไตจะฝ่อลงและเกิดภาวะไตวายเรื้อรังในที่สุด

อาการต่างๆ ของกรวยไตอักเสบเรื้อรังหรือกรวยไตอักเสบกำเริบเฉียบพลันจึงค่อยๆ ทุเลาลง ที่สำคัญคือภูมิต้านทานของระบบทางเดินปัสสาวะจะกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ...

กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย เกิดจากการติดเชื้ออักเสบเฉียบพลันในบริเวณกรวยไต ส่วนมากเชื้อโรคมักจะแพร่กระจายมาจากบริเวณผิวหนังรอบ ๆ ท่อปัสสาวะ เข้ามาในท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ และผ่านท่อไตขึ้นมาที่ไต การอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะมักเป็นปัจจัยเสริม ให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต กระเพาะปัสสาวะไม่ทำงานในผู้ป่วยอัมพาต การตั้งครรภ์หรือมีก้อนในช่องท้อง เป็นต้น

เชื้อที่พบได้บ่อย เป็นเชื้อแบคทีเรียกลุ่มแกรมลบ

ได้แก่ อีโคไล (Escherichia coli), เคลบซิลลา (Klebsiella), สูโดโมแนส (Pseudomonas)
นอกจากนี้ ในบางรายเชื้อโรคอาจแพร่กระจายจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยทางกระแสเลือดก็ได้
โรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 4 เท่า มักพบในผู้หญิงในวัยเด็กหรือขณะตั้งครรภ์, ในคนที่เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ, ต่อมลูกหมากโต, เนื้องอก หรือมะเร็งของกระเพาะปัสสาวะ, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือผู้ป่วยที่เคยสวนปัสสาวะมาก่อน (เช่น ผู้ป่วยหนักที่นอนพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล) ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน หรือกินสเตอร์รอยด์ นาน ๆ ก็อาจมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ง่ายขึ้น

กรวยไตเสบอักเสบเรื้อรัง

กรวยไตอักเสบเรื้อรัง มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณกรวยไต เนื่องจากมีการอุดกั้น หรือมีความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ แต่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแสดงแต่อย่างไร นอกจากการตรวจพบเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะ (bacteriurea) โดยบังเอิญ หรือบางครั้งบางคราวอาจมีอาการของกรวยไตอักเสบกำเริบเฉียบพลัน หรือมีอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ผู้ป่วยมักจะมีการอักเสบของกรวยไตนานเป็นแรมปี จนในที่สุด เซลล์ของไตถูกทำลาย ไตฝ่อ และเกิดภาวะไตวายเรื้อรัง มีอาการซีด อ่อนเพลีย ความดันโลหิตสูง

อาการ

กรวยไตอักเสบชนิดเรื้อรังจะไม่มีอาการแสดงแต่อย่างใด นอกจากการตรวจพบเชื้อแบคทีเรียและเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะโดยบังเอิญ หรือบางครั้งอาจมีกรวยไตอักเสบกำเริบเฉียบพลันหรือมีอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ผู้ป่วยมักจะมีอาการอักเสบของกรวยไตนานเป็นแรมปี จนเซลล์ของไตถูกทำลาย ไตฝ่อและเกิดภาวะไตวายเรื้อรังในที่สุด

ผู้ป่วยที่เป็นกรวยไตอักเสบต้องนอนโรงพยาบาลได้แก่

ผู้ป่วยกรวยไตอักเสบที่พบร่วมกับนิ่วในไต
ผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะ
ผู้ป่วยที่เป็นโรค เบาหวาน โรคไต
ผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันไม่ดีเช่น ได้เคมีบำบัด ผู้ป่วยมะเร็ง โรคเอดส์
ผู้ป่วยซึ่งมีสัญญาณชีพไม่ดี
ผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดี เช่นการดื่มน้ำ

ปัจจัยที่ทำให้ผลการรักษาไม่ได้ผลดี
อายุมาก
ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
โรคนิ่วในไต
ผู้ป่วยที่ใส่เครื่องมือทางท่อปัสสาวะ
โรคเบาหวาน
โรคไต
ผู้ป่วยมะเร็ง

กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน
สิ่งตรวจพบ


ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการปวดที่บริเวณสีข้างขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยจะปวดมากที่ข้างใดข้างหนึ่ง และอาจปวดร้าวลงมาที่บริเวณขาหนีบ พร้อมกับมีไข้สูง หนาวสั่นมากเป็นพัก ๆ (อาจต้องห่มผ้าหลายผืนคล้ายไข้มาลาเรีย แต่จะจับไข้ไม่เป็นเวลาแน่นอน) ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน บางรายอาจมีอาการขัดเบาร่วมด้วยปัสสาวะมักมีลักษณะขุ่น บางครั้งอาจข้นเป็นหนอง

กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน ไข้สูง 39-40 ํซ ถ้าใช้กำปั้นทุบเบา ๆ ที่สีข้างตรงที่ปวด ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บจนสะดุ้งหน้าท้องอาจมีอาการกดเจ็บ หรือท้องเกร็งแข็งเล็กน้อยปัสสาวะมีลักษณะขุ่น

อาการแทรกซ้อน

กรวยไตอักเสบเฉียบพลันถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจลุกลามเข้ากระแสเลือด กลายเป็นภาวะโลหิตเป็นพิษ ซึ่งอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ในบางรายอาจกลายเป็นโรคกรวยไตอักเสบเรื้อรัง และภาวะไตวาย

การรักษา

กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน

1. หากสงสัย ควรส่งตรวจปัสสาวะเพิ่มเติม จะพบเม็ดเลือดขาวอยู่กันเดี่ยว ๆ และเกาะกันเป็นแพ (white blood cells cast) ถ้าอาการไม่รุนแรง อาจให้การรักษาด้วยยาลดไข้ และยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน 500 มก. ทุก 8 ชั่วโมง หรือ โคไตรม็อกซาโซล 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หรือ นอร์ฟล็อกซาซิน 400 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 14 วัน ถ้ากินยาไม่ได้ ให้ฉีดเจนตาไมซิน ครั้งละ 1.7 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 8 ชั่วโมง

2. ถ้าให้การรักษา 3 วันแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ช็อก ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะออกน้อย ซีด เหลือง หรือสงสัยโลหิตเป็นพิษ ควรส่งโรงพยาบาล การเพาะเชื้อจากปัสสาวะ จะพบเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุนอกจากนี้ อาจต้องเอกซเรย์ ตรวจเลือด หรือตรวจพิเศษอื่นๆ เพื่อค้นหาความผิดปกติที่เป็นปัจจัยเสริมให้มีการติดเชื้อ
การรักษา ควรให้ยาปฏิชิวนะตามชนิดของเชื้อที่ตรวจพบ และถ้าพบความผิดปกติอื่น ๆ ก็อาจให้การแก้ไขร่วมไปด้วยโดยทั่วไป มักจะรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยเมื่อรักษาจนอาการหายดีแล้ว ควรทำการตรวจปัสสาวะให้แน่ใจว่าไม่มีอาการอักเสบเรื้อรัง มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นอันตรายในระยะยาวได้

ข้อแนะนำ

หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ และตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อค้นหาความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ (เช่น นิ่ว การตีบตันของทางเดินปัสสาวะ) ถ้าพบอาจต้องผ่าตัดแก้ไข หรืออาจต้องให้ยาปฏิชีวนะ และติดตามดูอาการของผู้ป่วยติดต่อกันเป็นเวลานาน ด้วยการตรวจปัสสาวะและตรวจเลือดเป็นระยะ ๆ ดูว่ามีภาวะไตวายแทรกซ้อนหรือไม่

ถ้าเป็นกรวยไตอักเสบเรื้อรัง ควรติดต่อรักษากับแพทย์ อย่าได้ขาด

โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ

ไตวายผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยหอบเนื่องจากน้ำท่วมปอด การทำงานของไตจะเสื่อมลง

โลหิตเป็นพิษผู้ป่วยจะมีความดันโลหิตต่ำ ปัสสาวะออกน้อย ซึมลง
ฝีที่ไตผู้ป่วยจะปวดเอว ไขไม่ลง

มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะผู้ป่วยจะปวดเอว ปัสสาวะออกน้อย ไข้สูง
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง
ท่อปัสสาวะอักเสบ
กรวยไตอักเสบ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบจากการคาท่อปัสสาวะ

คัดลอกบทความมาจาก
//www.dmsc.moph.go.th/webroot/ri/limb/webboard4/showQAnswer.asp?qNo=107
//www.siamhealth.net/public_html/Disease/renal/uti/pylonephritis.htm
//www.ruamphat-ts.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=508951
//healthnet.md.chula.ac.th/cyber_board/room5/messages/3770.html



Create Date : 30 กรกฎาคม 2551
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 22:01:21 น.
Counter : 6042 Pageviews.

6 comments
  
คนเราพออายุมากเข้า โรคต่างๆก็ทยอยเดินทางมาเยี่ยมกันไม่ซ้ำหน้า หน่ำซ้ำโรคบางโรคไม่เป็นที่รู้จักเลย แล้วตัวเราเองก็ไม่เคยป่วยจนถึงกับเข้าโรงพยาบาลเลยในชีวิต จนกระทั่งมาอยู่ที่นี่ก็มีโอกาศอันดีที่ได้นั่งรถฉุกเฉินของ รพ.ของที่นี่ด้วยการปวดท้องกระเพาะ รู้สึกว่าหรูไม่เบาฮิฮิ
ก่อนหน้านี้ไปหาหมอที่นี่เกี่ยวกับการปัสสาวะบ่อย ประมาณ 20-30 ครั้งต่อวัน ได้ยามาทาน ก็ยังไม่ดีขึ้น ได้วันนัดไปหาหมอใหม่อีกครั้งในวันที่ 7 สิงหาคม
แต่ที่ดีขึ้นหลังจากได้ยาทาจากหมอคือเลือกกำเดาไหลเป็นก๊อกน้ำ อาการดีขึ้นจากเลือดที่ไหลแบบเปิดน้ำจากก๊อก ก็กลายเป็นแค่หยดนิดหน่อยแค่ ไม่กี่นาที ก่อนหน้านี้หนะหรือ เบือดไหลเป็น ชั่วโมง หรือครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ยาที่ได้มายังไม่หมดก็จะใช้ไปจนกว่าจะหมด อยากให้หมอใช้วิธีฉายแสงด้วยซ้ำไป แต่อ่ะนะหมอคงรู้ว่ามันไม่ถึงกับต้องใช้วิธีนั้น ก็นับว่ายาที่คุณหมอให้มามีสรรพคุณตรงกับโรคที่เป็นอยู่และใช้ได้ผลตามเงินที่ได้จ่ายไป ไม่เหมือนกับที่จ่ายค่าตรวจและยาที่ได้มาจากคุณหมอที่เมืองไทย เป็นยาพ่น ส่วนยาทานไม่ได้ผลเลยเสียดายเงินที่จ่ายไปจัง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วที่นี่ยังถูกกว่าเมืองไทยเสียอีก ก็ยังนับว่าโขคดีที่มีโอกาศมารักษาที่นี่
เป็นมันหลายโรคก็เลยหาข้อมูลและนำมาลงที่บล๊อค แต่ยังไม่แน่ใจว่าอาการที่ปัสสาวะบ่อยนี่เป็นโรคอะไร
โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:15:25 น.
  
ไม่เหมือนเรานะคะ เป็นกรวยไตอักเสบ

หมออังกฤษทำเกือบตาย ต้องบินด่วนกลับไทย
ดีขึ้นมาก แต่ไม่หายดีสักทีค่ะ
โดย: ไหม IP: 125.25.149.75 วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:11:40:34 น.
  
สวัสดีค่ะ คุณไหม
ขอบคุณนะค่ะที่แวะเข้ามาทักทาย
ไม่ทราบว่าหมอที่อังกฤษนี่ เมืองไหนอ่ะค่ะ อยากรู้อีกนะ รู้ไปก็ทำให้กังวลเปล่าๆว่ามั้ยค่ะ แล้วรักษาที่ รพ.ไหนค่ะที่เมืองไทย แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้านค่ะ
ติดต่อคุณไหมไม่ได้ต้องมาทักทายที่นี่ค่ะ
โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:16:19:37 น.
  
ขอขอบคุณครับ เพราะได้รับความรุ้มากเลย
โดย: jki_keab IP: 203.172.138.98 วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:15:50 น.
  
Artichoke (ATISO, actiso) อาร์ติโช๊คบำรุงตับไตถุงน้ำดี
อาร์ติโช๊ค (Cynara scolymus) เป็นพืชที่นิยมปลูกในต่างประเทศ เฉพาะภูเขาสูงมากกว่า 1,500 เมตร เท่านั้น ปี 2513 นักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรป ได้ค้นพบสารไซนาริน ” มีคุณค่าทางอาหาร และยา นำมาบริโภคสด หรือปรุงอาหารได้ทุกส่วน หรือนำมาสกัดสารไซนาริน(Synarin) รับประทานเพื่อบำรุงรักษาสุขภาพได้ดี” ในยุคโบราณอาร์ติโช๊คเป็นอาหาร และยารักษาโรคของชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวโรมัน และเป็นเมนูอาหารที่สำคัญในทุกงานเลี้ยงของกรุงโรม นอกจากจะเป็นอาหารเสริม แล้วยังมีสรรพคุณทางยา ดังนี้
1. ช่วยบำรุง กระตุ้นการทำงานของตับ ซึ่งตับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ทำหน้าที่ในการสกัดสารพิษ หรือสิ่งแปลกปลอมออกจากกระแสโลหิต สร้างน้ำดีและน้ำย่อย และเปลี่ยนแปลงหรือสร้างสารอาหาร ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
2. กระตุ้น การสร้างน้ำดีของตับ ทำให้มีประสิทธิภาพในการลดไขมัน (Chloresteral) ในเลือด ช่วยให้ระบบหลอดเลือดและหัวใจทำงานดี ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน
3. เสริมสร้างการทำงานของถุงน้ำดี ช่วยสร้างน้ำดีป้องกันถุงน้ำดีอักเสบ ซึ่งมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ทำให้ระบบการย่อยอาหารดี ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก
4. ช่วยป้องกันตับอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคดีซ่าน และโรคตับแข็ง (Cirrhosis) ในประเทศบราซิล อาร์ติโช๊ค เป็นยาสมุนไพรพื้นฐาน ที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของตับ และโรคอื่นหลายโรค ได้อย่างกว้างขวาง เช่น โรคโลหิตจาง เบาหวาน ไข้ รักษาบาดแผล และเกาต์

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม
www.artichokeskidney.com หรือ
www.smethai.com/shop/gms
Tel: 02 - 888 - 9954, 081 – 627 1521 คุณวัลลภา
โดย: artichojke IP: 110.164.125.214 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:16:50:26 น.
  
ผมอยากเป็นกรวยไตอัเสบ
โดย: night IP: 223.207.95.59 วันที่: 17 มกราคม 2554 เวลา:16:14:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Guanthanwha.BlogGang.com

กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน
Location :
ทับเที่ยง ตรัง Aberdeen  United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด