Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
27 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
คุยเฟื่องเรื่องภาพยนตร์จีน "ยอดหญิงในวังหลวง"



ภาพยนตร์จีนเรื่อง "ยอดหญิงในวังหลวง" ซึ่งได้เคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องสาม เวลา 02.30 น. ซึ่งนับว่าดึกดื่นมากทีเดียว การรอคอยรับชมภาพยนตร์จีนเรื่องนี้ทางทีวีในช่วงเวลาดังกล่าว จึงนับได้ว่าเป็นการทรมานสังขารอย่างยิ่ง เราก็คนหนึ่งล่ะที่ไม่เคยดูเรื่องนี้ทางช่องสาม แต่ด้วยการที่ได้เคยท่องเที่ยวไปในห้องบันเทิงแดนมังกร ก็ได้ยินผู้คนในนั้นกล่าวขวัญถึงเรื่องนี้ อยู่หลายประเด็นกระทู้ด้วยกัน


แต่! ยัง...ยังไม่อาจทำให้เราหันมารับชมเรื่องนี้ได้หรอกนะ อย่างไรก็ตามจุดนี้ เริ่มทำให้พอรับทราบว่า " ยอดหญิงในวังหลวง" ค่อนข้างโด่งดังทั้งในบันเทิงแดนมังกร และห้องวิทยุ-โทรทัศน์ของพันทิพย์อยู่เหมือนกัน อันว่าช่องสามได้ฉายจนจบไปแล้ว แต่กระนั้นตัวเราก็ยังไม่ได้ชื่นชมเพชรน้ำงามนี้เลยสักนิดเดียว


จนกระทั่งได้ค้นพบคลับสามก๊ก และแวะเวียนมาอยู่เสมอ จนเหมือนเป็นเกลอคู่ชีวิตโลกไซเบอร์ของเราไปเสียแล้ว และที่สำคัญ คือ ได้รู้จักทางอักษรพิมพ์กระทู้กับผู้มีนามล็อกอินแห่งพันทิพย์ว่า "แม่นางเตียว" ก็ได้คุยกันไปมากับท่านผู้นี้บ่อยครั้ง จนกลายเป็นความสนิทกันทางความคิดในพันทิพย์ คลับสามก๊กซะได้ ด้วยความชื่นชอบในบทบาทขงเบ้งและป๊อปปูล่านามว่า "ถังกั๊วะเฉียง" ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เฮียถังที่รับบทขงเบ้งลีลากวนโอ้ยหัวใจในซีรี่ย์สามก๊ก ฉบับ 1994 กำกับการแสดงโดย "ซุนเอี้ยนจวิน" ( ซึ่งก็ คือ ท่านผู้รับบทท่านเล่าปี่ในซีรี่ย์สามก๊กชุดนี้แล ) จุดเริ่มของความหลงใหลท่านขงเบ้งและเฮียถังกั๊วะเฉียง ก่อให้เกิดกระทู้ลือเลื่องขึ้นในคลับสามก๊ก ทำให้ได้โพสต์รูปขงเบ้งฉบับเฮียถังกันยุบยับมันส์มือไปตามๆ กันของบรรดาแม่ยกเฮียถังและท่านเบ้งทั้งหลาย รวมทั้งเป็นจุดกำเนิดการเล่นมุขล้อสามก๊ก ฉบับเตียวหงส์ขึ้นมาด้วย


แต่ที่ว่าด้วยความเกี่ยวเนื่องกับการรู้จักภาพยนตร์จีนเรื่อง "ยอดหญิงแห่งวังหลวง" นั้น เพราะมีภาพหนึ่งในกระทู้ดังที่ว่ามา ซึ่งเป็นที่ฮือฮามากสำหรับเราและแฟนคลับเฮียถังกั๊วะเฉียงบางท่าน เพราะเป็นภาพถังกั๊วะเฉียงในบทของพระเจ้าหลี่หลงจี หรือ "พระเจ้าถังสวนจง" ในเรื่อง "ยอดหญิงแห่งวังหลวง" นั่นแล เมื่อเห็นเช่นนี้ สายเลือดแฟนพันธุ์แท้เฮียถัง + การเคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องนี้ทางบันเทิงแดนมังกรมาแล้ว เป็นแรงทั้งผลักและดันให้เราก็อดนึกอยากที่จะชมเรื่องนี้ไม่ได้ จึงสืบหาความเป็นมา ศึกษาเนื้อเรื่อง และเสาะแสวงแหล่งที่จะนำพาเราไปรับชมเรื่องนี้ได้ จนในที่สุดก็สมหวัง ได้ครองใจรับชมอย่างอิ่มสุข แม้ตอนนี้จะยังดูไม่จบเรื่อง ไม่ถึงครึ่งเรื่องซะด้วยซ้ำไป แต่ความตระการตา + ตรึงใจให้บันทึกภาพยนตร์จีน "ยอดหญิงแห่งวังหลวง" นี้ไว้ในความทรงจำของเรา กลับไม่ใช่เพียงเพราะเหตุที่ถังกั๊วะเฉียงมีส่วนร่วมในการแสดงเรื่องนี้แค่ประเด็นเดียวเท่านั้น เพราะถ้าหากเราหลงใหลในดาราอยู่แค่นั้น จนริเอาเรื่องนี้มาวิพากษ์วิจารณ์อย่างชื่นชม ก็คงไม่เรียกว่าวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์จีนได้ครอบคลุมอย่างแท้จริง คงเป็นการวิพากษ์ดาราไปแทน


เหตุผลสำคัญที่เราเกิดตื่นเต้น จนไม่อาจมองข้ามที่จะใส่ประเด็นการกล่าวถึงภาพยนตร์มีคุณภาพเรื่องนี้ ก็เพราะองค์ประกอบต่างๆ ที่หลอมรวมเป็นเรื่องราว "ยอดหญิงในวังหลวง" นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า "วิจิตรศิลป์แห่งการแสดง" ดังความคิดที่เราเกิดขึ้นขณะชมเรื่องนี้ว่า "ช่างดึงดูดใจ ทำให้ตื่นเต้น เล่นได้น่าติดตาม สื่อสารคมคาย ได้ข้อคิด ประทับจิตความทรงจำ นำพาภาพงดงาม" ซึ่งนั่นก็เป็นความรู้สึกส่วนหนึ่งเมื่อได้รับชมแม้เพียงตอนแรกของ "ยอดหญิงในวังหลวง" กล่าวได้ว่าไม่อยากละวางสายตาจากภาพที่หน้าจอไปได้ จนทำให้เราที่อยู่ในช่วงเปิดบล็อกใหม่ๆ และปรับปรุงเว็บบล็อกอยู่เสมอ เกิดความนึกคิด อยากจะนำเสนอเรื่อง "ยอดหญิงในวังหลวง" ในเชิงวิเคราะห์ วิพากษ์และวิจารณ์ ซึ่งอาจจะยอมรับไว้ ณ ที่นี้ประการหนึ่งว่า ยังดูไม่จบ อาจจะยังไม่ครอบคลุมในทุกประเด็นของภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะมีสปอยล์บ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็จะพยายามกักเก็บไว้ ให้ท่านผู้ได้เข้ามาอ่านบทวิจารณ์นี้ และยังไม่ได้รับชม "ยอดหญิงในวังหลวง" ไปเฉลยทั้งหมดของเรื่องราวด้วยการรับชมด้วยตนเอง


ดังนั้น ความยาวของบล็อกเรื่องนี้ก็คงยาวพอสมควร เพราะในตอนที่รับชม " ยอดหญิงในวังหลวง" แล้ว รู้สึกเกิดปิ๊งประเด็นวิพากษ์มากมายปลิวว่อนอยู่ในสมอง ก็เลยคิดว่าจะเขียนแล้วเอามาลงนำเสนอเป็นช่วงๆ ไป ให้ได้ติดตามจนจบบทวิพากษ์วิจารณ์ก็แล้วกันนะคะ


เริ่มกันที่การแนะนำนักแสดงในบทบาทต่างๆ ของภาพยนตร์จีนชุด "ยอดหญิงในวังหลวง" มีดังนี้



ถังกั๊วะเฉียง รับบทเป็น หลี่หลงจี


ซุนไห่อิง รับบทเป็น หลี่ไป๋


หลี่ลี่ผิง รับบทเป็น พระสนมเหมย

หวังลู่เหยา รับบทเป็น หยางกุ้ยเฟย


หม่าซู รับบทเป็น สี่เหอจื่อ ( สตรีหย่งซิน )


เจี๋ยไหน่เลี่ยง รับบทเป็น อี๋เมิ่งเข่อ


หวังหยี่ รับบทเป็น หยางกั๊วะจง ( พี่ชายหยางกุ้ยเฟย )

หลิวจิ้ง รับบทเป็น อาฟ่ง ( ฟ่งเป่าหลิน )

หลิวหยวนหยวน รับบทเป็น องค์หญิงโบตั๋น


ฉือเจีย รับบทเป็น อี๋เมิ่งอิ๋น


จ้าวไค รับบทเป็น องค์ชายหลี่เฮิง


หลิวเซียวเซียว รับบทเป็น หูไหล

ร่วมด้วยนักแสดงอื่นๆ อาทิ
เซียวเหวิน รับบทเป็น เสี่ยวอี้ , มู่จิ้ง รับบทเป็น ม่อจี๋ , จ้าวหมิ่นเจี๋ย รับบทเป็น เฮ่อจือจาง , สีเจิ้น รับบทเป็น เว่ยชิง , เนี่ยหย่วน รับบทเป็น อันชิ่งซี่





ความประทับใจในภาพยนตร์จีนเรื่อง "ยอดหญิงในวังหลวง"



ดนตรีและเพลงประกอบการดำเนินเรื่อง หรือภาษานอกแบบหรูๆ เรียกว่า Original Sound Track หรือย่อลงมาอีกทีว่า "OST" ถือได้ว่าในภาพยนตร์จีนเรื่องนี้ปรุงแต่งทั้งดนตรีและบทเพลงประกอบได้งดงามไพเราะ เหมาะสมกับจังหวะของเหตุการณ์ในแต่ละช่วงการดำเนินเรื่องราว และตระการโสตประสาทอย่างยิ่ง บทจะซึ้ง ดนตรีและเพลงก็กินใจลึกล้ำ , ครั้นจะเศร้า ก็เล่นสะเทือนถึงอารมณ์และจิตใจเคล้าคลออย่างสมดุลกับเรื่องราว , คราเมื่อเร่งเร้าใจในสถานการณ์ตื่นเต้น ดนตรีก็ยิ่งชวนให้นึกติดตามลุ้นไปกับเหตุผันแปรต่างๆ นั้นด้วย , การณ์เมื่อจะเน้นภาพที่ยิ่งใหญ่ ก็ถ่ายทอดเสียงบรรเลงได้อลังการ

การเรียบเรียงเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ ประกอบเข้าด้วยกันเป็นท่วงทำนองที่ดึงดูดใจ สอดคล้องกับความเป็นไปของเนื้อเรื่องได้ดี และที่สำคัญ คือ เป็น OST ที่ตราตรึงจิตใจเรามากซะด้วย นี่ถ้ามีเป็นว่าให้เลือกมาไว้ในครอบครองแบบว่าเป็นอัลบั้ม OST ภาพยนตร์จีน "ยอดหญิงในวังหลวง" นี่ เราก็อยากเก็บไว้สักชุดนะ เพราะเพลงประกอบเรื่องนี้มีความไพเราะเป็นเอกลักษณ์ในทุกเพลง ฟังแล้วก็น่าประทับใจจริงๆ โดยเฉพาะเพลง "ลืมรัก" ซึ่งน่าจะถือได้ว่าเป็นเพลงหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่สุดในเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ก็เห็นร้องและบรรเลงกันซะเกือบทั้งเรื่องและทุกตอนเลยนี่นา แต่ก็ยอมรับว่าเพลงนี้ทั้งดนตรี ท่วงทำนอง ลักษณะการร้องและน้ำเสียง สะท้อนอารมณ์ได้ทั้งด้านความงดงามและความโศกเศร้าเหงารักอย่างมากมายจริงๆ

กล่าวได้ว่าลีลาสังคีตศิลป์ที่ร้อยเรียงไว้ใน "ยอดหญิงในวังหลวงนี้" ช่างสมกับที่เป็นสีสันแห่งดนตรีการในภาพยนตร์จีนชุด ที่ถ่ายทอดเรื่องราว "ตำนานแห่งสตรีหย่งซิน" นางผู้ขับร้องแห่งราชวงศ์ต้าถังในรัชสมัยพระเจ้าหลี่หลงจี ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูกวีศิลป์อย่างสูงสุด จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น "ยุคทองของศิลปศาสตร์" ก็ว่าได้





นอกจากเรื่องดนตรีและเพลงประกอบแล้ว ก็คงต้องยกนิ้วให้ฝ่ายจัดทำภาพของหนังจีนชุด "ยอดหญิงในวังหลวง" นี้ด้วยเช่นกัน เพราะมีความงามและน่าดึงดูดใจมากๆ จริง เป็นการกำกับศิลป์แห่งภาพที่เก็บรายละเอียดได้อย่างละเมียดละไมสวยงาม ละเอียดอ่อนทั้งด้านแสง สี และการใช้เอ็ฟเฟคต่างๆ เข้าช่วยอย่างแนบเนียนกลมกลืน เพิ่มเติมและประดับความลึกซึ้งแห่งความหมายให้เด่นชัดสะเทือนอารมณ์ผู้ชมยิ่งขึ้น บางกลวิธีทางเทคนิคของภาพนั้น สื่อสัญญลักษณ์ที่เป็นห้วงคำนึงของตัวละครได้อย่างตรึงตราใจ ก่อเกิดความพริ้วไหวในอารมณ์ร่วมไปกับสถานการณ์นั้นๆ ด้วยอย่างชนิดที่ถูกแรงดึงดูดอันทรงพลังของศิลป์แห่งภาพในหนังจีนชุดเรื่องนี้ครอบคลุมใจผู้ชมไว้ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว





ความงดงามของภาพดังกล่าวมานี้ จะสมบูรณ์ไปมิได้ หากไร้ซึ่ง "ฉาก" อันเป็นองค์ประกอบที่อยู่เบื้องหลังตัวละคร และมีความสำคัญในการแสดงความสมจริง ให้ความรู้สึกเสมือนย้อนกาลเวลาไปในยุคสมัยที่ดำเนินเรื่องราวนั้นได้อย่างกลมกลืนและมีความหมาย ทรงคุณค่าควรแก่การทัศนาการอย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อกล่าวถึงภาพยนตร์จีนที่ดำเนินเรื่องราวโดยฉากส่วนใหญ่ต้องอยู่ในวังหลวงแล้วนั้น เรามักจะจินตนาการได้ถึงความยิ่งใหญ่ อลังการ สวยงาม เลิศหรู และแลดูเป็นการย้อนยุคได้สมจริง ซึ่ง "ยอดหญิงในวังหลวง" ได้เก็บรายละเอียดเหล่านี้มาดำเนินการถ่ายทอดได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้ผิดหวังจากคำว่า "คุณภาพ" เลยแม้แต่น้อย





นอกจากฉากซึ่งเป็นสถานที่แล้ว ในด้านของการสรรหาและจัดวางวัตถุ , วัสดุและอุปกรณ์ประกอบฉาก ก็นับว่ามีความสำคัญไม่แพ้การจัดสถานที่ภายในฉากเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำคัญที่การออกแบบจัดทำให้สมจริงและมีค่าคู่ควร รวมทั้งเหมาะสมกับการประดับฉากนั้นๆ ดังนั้น การได้ชมภาพยนตร์จีนย้อนยุคเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็ทำให้เราได้เห็นศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิถีชีวิตของชนชั้นสูงในยุคเก่าก่อนได้อีกทางหนึ่ง เหมือนกับได้อ่านส่วนหนึ่งของตำราสังคมศึกษาว่าด้วยเรื่องภูมิภาคเอเชียตะวันออกด้วยอีกทางหนึ่งด้วยนะจะบอกให้ ( แถมอ่านอย่างรื่นรมย์ใจด้วย )





ลีลาการแสดงที่ชวนติดตามและบทภาพยนตร์ที่สื่อสารได้คมคาย กล่าวได้ว่าดาราแสดงได้สมบทบาท และให้ภาพของตัวละครนั้นได้เป็นอย่างดี บทเจรจาระหว่างตัวละครก็ถือว่าเป็นคารมที่ชวนฟังและบทจะเชือดเฉือนกัน ก็ลึกซึ้งเฉียบคมดุจเป็นดาบอาบน้ำผึ้งเลยทีเดียว แต่บทเล่นมุขและเรื่องตลก ก็ชวนให้เฮฮาได้ไม่น้อย ( ยิ่งคนพากษ์มีลูกเล่นดีๆ ก็ยิ่งพลิกผันเป็นความขำขันได้มากยิ่งขึ้นด้วย )





แต่ละตอนจากเรื่อง "ยอดหญิงในวังหลวง" ที่เรารู้สึกชอบใจเป็นพิเศษ



เริ่มที่บทกวีเบิกตัวนางเอก
ซึ่งท่านหลี่ไป๋ได้ประพันธ์ไว้อย่างไพเราะ อ่อนโยน
และท่วงท่าแห่งศิลป์ของภาพในฉากนี้
ก็ถือได้ว่างดงามละเมียดละไมจริงๆ



ใบไม้แดง....หอมสุคนธ์

เมฆเคลื่อนพล....กลับขาดกลาง

ถามไถ่วังหลวง....ใครสรรค์สร้าง?

สงสารนกงาม...เพิ่งเข้ารัง



ฉากหมากรุกที่เจรจากันอย่างหลากคติแนวคิด




หลี่ไป๋ : ฝ่าบาท !

หลี่หลงจี : อ้อ ! หลี่ไป๋ มา มา มะ ...มาเล่นหมากรุกกับข้าสักกระดาน เจ้ากับข้าเหมือนกันนะ วันนี้เราปฏิบัติเหมือนเพื่อน ไม่ต้องใช้พิธีของฮ่องเต้

หลี่ไป๋ : เมื่อเป็นเช่นนี้ หลี่ไป๋ขอบังอาจแล้ว

หลี่หลงจี : หลี่ไป๋ ! เจ้าผายลมแบบนี้เป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮ้อะ! ทำไมจู่ๆ ทำเป็นเกรงใจไปได้ 555555 คนเขาบอกว่าชีวิตมันก็เหมือนกับหมากตานึง ทุกก้าวลำบาก ต่างมีอุปสรรค

หลี่ไป๋ : คนเมื่อเกิดมา ก็ต้องเกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งในจักรวาล เกี่ยวพันแน่นแฟ้น ดูไปก็เหมือนหมากขาวหมากดำ สรรพสิ่งในโลกต่างเป็นเช่นนี้...

หลี่หลงจี : อืม...ว่าต่อไป

หลี่ไป๋ : ที่ว่าฟ้าดิน หยินหยาง ยุทธจักรธรรมะอธรรม ขุนนางมีสุจริตกับทุจริต แต่ไม่ว่าหยินหยาง ธรรมะอธรรม สุจริตคดโกง ต่างก็ควบคุมชีวิตของตนเองไม่ได้ เช่นนี้ใครกุมชีวิตพวกเขาล่ะ สุดท้ายก็คือสวรรค์ แล้วก็ยังมี..ฝ่าบาทอีกคนหนึ่ง

หลี่หลงจี : ฮ่องเต้...สวรรค์....ฮ่องเต้ควบคุมได้ทุกอย่างงั้นเรอะ ?

หลี่ไป๋ : อ๋อ !...ฮ่องเต้คงไม่สามารถควบคุมได้ทุกอย่าง แต่ว่าหากฮ่องเต้ผิดพลาดอะไรเพียงเล็กน้อย ก็จะมีประชาชนนับหมื่ยนับแสน บ้านแตกสาแหรกขาด หรือไม่ก็ต้องลงสู่ปรโลก

หลี่หลงจี : โธ่เอ้ย ! เจ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหน ข้าน่ะ...เป็นฮ่องเต้ก็ลำบากแล้ว

หลี่ไป๋ : หากลำบากแล้ว ก็จะสามารถทำให้ประชาชนนับหมื่นนับพันอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างสบาย

หลี่หลงจี : นี่ข้าให้เจ้ามาเดินหมาก เจ้าเอาแต่พูดอะไรก็ไม่รู้ ...เดินสิ !

หลี่ไป๋ : กระหม่อมกำลังพูดหลักการปกครอง

หลี่หลงจี : หลักการปกครอง ?....ข้าเบิกศักราชอันยิ่งใหญ่ ทำให้ต้าถังเจริญ ยังต้องให้เจ้ามาสอนอีกเหรอ?...วันนี้ไม่ต้องพูดเรื่องราชการ

หลี่หลงจี : ข้าเป็นฮ่องเต้ลำบากมาค่อนชีวิต วันนี้ข้าเกลียดการอยู่สูงๆ ข้าอยากจะไปรักไปแค้น เป็นคนกล้ารักกล้าแค้น ข้ารู้ว่า...หลายคนตำหนิหยางกุ้ยเฟย ตำหนิข้าหลี่หลงจี ข้าอายุปูนนี้แล้ว เพื่อคนรักคนเดียว ชีวิตของตัวเอง แผ่นดินของประเทศ....ยังมีค่าอะไรอีก ?...เฮ้อ ! เจ้าเคยรักใครรึเปล่า

หลี่ไป๋ : อืม...( ส่ายหน้าไปมา ) ไม่เคย แต่ว่ากระหม่อมเข้าใจ

หลี่หลงจี : เข้าใจก็ดี เข้าใจก็ดีแล้ว...




คราที่สี่เหอจื่อรำพันถึงความรักที่ฟ่งเป่าหลินมีต่อพระเจ้าหลี่หลงจี




หลี่หลงจี : สี่เหอจื่อ ! เจ้าพูดแบบนี้....แปลว่าเจ้าเอาโอกาสที่จะได้พบข้าเนี่ย..ไปมอบให้กับอาฟ่งเหรอ ?

สี่เหอจื่อ : เพคะ

หลี่หลงจี : แล้วทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ ?

สี่เหอจื่อ : หม่อมฉันกับอาฟ่ง..ทำงานอยู่ด้วยกัน รู้ว่าอาฟ่งมีใจชื่นชอบในตัวฝ่าบาท เพราะว่านางไม่มีวาสนาที่จะได้พบฝ่าบาท จึงได้บังอาจเอาชุดมังกรของฝ่าบาทวางไว้ข้างหมอนและก็ดูเป็นที่ระลึก....เพื่อให้ได้รับบารมีจากฝ่าบาทบ้าง เพราะเหตุนี้..จึงทำให้ถูกเกากงกงโบยจนเกือบเสียชีวิต

หลี่หลงจี : โอ้ !...มีเรื่องเช่นนี้ด้วยเหรอ ? ( พูดแล้วพลางหันไปทางเกาลี่ซื่อ เกากงกงหลุบตาต่ำลง ไม่พูดอะไร )

สี่เหอจื่อ : อาฟ่งคิดถึงฝ่าบาทมากกว่าหม่อมฉัน รักฝ่าบาทก็มากกว่าหม่อมฉัน ดังนั้น..หม่อมฉันจึงกล้าให้อาฟ่งได้มาอยู่กับฝ่าบาท ถ้าหากฝ่าบาทจะลงโทษอาฟ่ง...มิใช่เป็นการผิดต่อน้ำใจของอาฟ่งหรอกเหรอเพคะ ( กล้องจับมาทางฟ่งเป่าหลินที่น้ำตานองหน้า [คนดูอย่างเราก็ซึ้งจนนองหน้าเหมือนกัน ถ้อยคำซึ้งเกินห้ามใจเศร้า เฮียถังใจร้าย !] )

เกาลี่ซื่อ : ฝ่าบาท อาฟ่งมีความผิดหลอกลวงเบื้องสูง หากละเว้น ย่อมมีคนที่ไม่หวังดี ต่อไปวันหน้า อาจจะมีคนเอาอย่างได้นะพะยะฮะ ( เวลาอ่านตรงนี้ ต้องจินตนาการเสียงแบบสตอร์เบอร์รี่เข้าไว้เชียวนะฮ้า ! )

สี่เหอจื่อ : ฝ่าบาท ! หากมีความผิดหลอกลวงเบื้องสูง ก็เป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันเป็นสตรี เข้าใจดีว่ารักแท้เป็นเช่นไร มีพลังฝังแน่นในจิตใจเพียงไหน ฝ่าบาท....พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้...จะสามารถเข้าพระทัย..ถึงความทุกข์ระทมในการคะนึงหาของหญิงชาวบ้านคนนึงได้ยังไงกัน

หลี่หลงจี : นึกไม่ถึงจริงๆ เจ้าอายุเพียงแค่นี้ ก็กล่าววาจาได้คล่องแคล่วถึงเพียงนี้ หึ !...หาได้ยาก !

สี่เหอจื่อ : ที่หาได้ยาก...คือความจริงใจที่อาฟ่งมีต่อฝ่าบาทมากกว่าเพคะ...




การทายปริศนาดอกไม้ที่นางเอกถ่วงเวลาเอาตัวรอดจากฮ่องเต้




หลี่หลงจี : สตรีหย่งซิน ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้วใช่มั้ย หึ..แหม ! เจ้า...ข้าคิดถึงแทบแย่ มาใกล้ๆ หน่อยซี้...อ้าว ! ...

( สตรีหย่งซินผละออกพร้อมดึงไม้ในแจกันมาถือไว้ระดับอก และยิ้มหวาน )

หลี่หลงจี : นี่เจ้าหมายความว่ายังไงเนี่ย ฮึ ?

สี่เหอจื่อ : ฝ่าบาทเดาสิเพคะ

หลี่หลงจี : อื้อ...ซุกซนจริงๆ เลยนะ เล่นปริศนากับข้าเหรอ...ได้ ! ข้าจะลองเดาดู

สี่เหอจื่อ : ฝ่าบาท หากฝ่าบาททายถูก หม่อมฉันจะลงโทษตัวเองดื่ม 3 จอก หากว่าฝ่าบาททายผิด ฝ่าบาทก็ต้องดื่ม 3 จอกเหมือนกันนะเพคะ

หลี่หลงจี : ( เฮียถังคิดไตร่ตรองและตีสีหน้ายิ้มๆ แลบลิ้นอีกหน่อยๆ ) ได้ ๆๆ อื้อ..."โดดเดี่ยวงดงาม" ?

สี่เหอจื่อ : หึ (ส่ายหน้าพร้อมยิ้มหวานแบบอ้อนไว้ก่อน )

หลี่หลงจี : อืม...วสันตฤดู ?... "อันดับหนึ่งแห่งวสันตฤดู " ?

สี่เหอจื่อ : ไม่ถูก !

หลี่หลงจี : เฮ้อ ! ( ถอนใจใหญ่สีหน้าหงุดหงิดผิดหวัง ) งั้นเจ้าเฉลยมาเถอะ หะ....หากเจ้าเฉลยไม่ถูก ข้าก็จะปรับให้เจ้าดื่มเหมือนกันนะ

สี่เหอจื่อ : หม่อมฉันถือดอกไม้ไว้ที่หน้าอก ความหมายคือ "แสดงดอกไม้พร้อมรอยยิ้ม"

หลี่หลงจี : อ้อ ! ...555

สี่เหอจื่อ : พระพุทธองค์ครั้งเทศนาธรรมบนเขาคิชกูฏ วันหนึ่งมีผู้ถวายดอกไม้มาให้ พระองค์ก็ถืออยู่ตรงหน้า ผู้คนทั้งหลายไม่ทราบความหมาย มีแต่พระมหากัสสปะเท่าที่ยิ้มออกมา นี่ถือว่าเป็น "พระนิพพานอันแยบยล" เพคะ

หลี่หลงจี : สตรีหย่งซินนี่มีความรู้กว้างขวางดีนะ แถมยังคุ้นเคยในพระพุทธศาสนาขนาดนี้ หายากจริงๆ

สี่เหอจื่อ : พระพุทธองค์ตรัสกับทุกคนว่า "ตถาคตมีธรรมะจักษุซ่อนเร้น" และยังตรัสอีกว่า "ธรรมะอันนี้มิอาจใช้วาจามาถ่ายทอด"

หลี่หลงจี : เอ้อ ! เป็นปริศนาที่ดีนะ อืม..."แสดงดอกไม้พร้อมรอยยิ้ม" ดี !

สี่เหอจื่อ : ฝ่าบาท...ฝ่าบาทแพ้แล้ว ต้องปรับ 3 จอกนะเพคะ...

หลี่หลงจี : เฮ้ย! สามจอก ข้าว่ามันมากไป เอาแค่สองจอกก็แล้วกันน่า

สี่เหอจื่อ : ฝ่าบาท ! ( หน้าขมวดเล็กน้อยแบบอ้อนๆ ไว้ ) เป็นฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำนะเพคะ !

หลี่หลงจี : เออ....ได้ๆๆ สามจอกก็สามจอก...




ฉากสลับกลับคำพูดที่ชวนฮา




อี๋เมิ่งเข่อ : ฝ่าบาท คนที่ถูกปีศาจเข้าสิง สิ่งที่ตาเห็นมักจะต่างจากคนทั่วๆไป ดังนั้นการพูดจาก็ต้องกลับตาลปัตร ( ดำน้ำเข้าไปนั่น นี่ก็น่าจะเป็นเจ้าของไร่สตอร์เบอรี่มาก่อนนะเนี่ย )

หลี่หลงจี : หา...เอ้อ! กลับตาลปัตรยังไง ?

อี๋เมิ่งเข่อ : เอ่อ ! คือต้องพูดกลับหน้าเป็นหลัง

หลี่หลงจี : เออ ! งั้นก็แปลว่า หากจะให้จำข้าได้ ชื่อของข้า...ก็ต้องอ่านย้อนกลับยังงั้นเรอะ ?

อี๋เมิ่งเข่อ : พะยะค่ะ

หลี่หลงจี : หย่งซิน....ข้าคือ...จีหลงหลี่ !

อี๋เมิ่งเข่อ : ต้องกลับทั้งหมดพะยะค่ะ

หลี่หลงจี : อะ..อืม... ซินหย่ง จีหลงหลี่คือข้า

อี๋เมิ่งเข่อ : อี๋เมิ่งเข่อ คือข้าเอง

สี่เหอจื่อ : ( ค่อยๆ พูดออกมา ค่อยๆ ลืมตานิด ๆ เออ ! ดำน้ำแต่ได้ผลแฮะ ) อี๋..เมิ่ง..เข่อ....เจ้า..พูดอะไรน่ะ

หลี่หลงจี : เฮ้อะ ! ( ดีใจมากๆ ) ซินหย่งสตรี เออ ..เฮ้ย ! ดี...ได้ผลดีจริงๆ ด้วย...ดี !

อี๋เมิ่งเข่อ : ฝ่าบาท ฝ่าบาทมีธาตุสว่างมากเกินไป ดังนั้นบรรดาปีศาจทั้งหลายจะหลีกหนีไปกันหมด หากฝ่าบาทไม่อยู่ ข้าน้อยจะสามารถลงมือได้เต็มที่พะยะค่ะ ( ยังคงสตอร์ฯกันต่อไปอีกหนึ่งยก )

หลี่หลงจี : อือ...ได้ !...เอ่อ !...ถ้างั้น ข้าจะหลีกไปสักครู่ก่อนนะ.... เอ้อ !...เอ๊ะ !....เอ่อ ...ครู่สักไปหลีกก่อน ( อาเฮียนี่ต่อหน้าสาวก็พูดคล่องซะ )

อี๋เมิ่งเข่อ : ฝ่าบาททรงพระปรีชาจริงๆ เรื่องยาก เช่นนี้ยังกล่าวได้อย่างคล่องแคล่ว ( ชมหรือหลอกด่าหว่า )

หลี่หลงจี : เออ...ดี ดี ดี

( ต่อไปเป็นบทซึ้งระหว่างพระ-นางที่ได้พบกันอย่างสวีทสมปรารถนา คั่นหว่างความฮาไว้ได้ระยะนึง สักพักประตูห้องก็เปิดผางอีกครั้ง พร้อมกับร่างของเฮียถังหรือจีหลงหลี่ {อดแซวนามนี้ไม่ได้} ก็เดินดุ่มๆ เข้ามา ทั้งคู่หนุ่มสาวจึงผละจากกันและบรรเลงบทแหล่สตอร์ฯกันต่อไป พระเจ้าหลี่หลงจีเห็นสี่เหอจื่อดีขึ้นแล้วก็แช่มชื่นใจ เข้ามาโอ๋สาวเจ้าเสียใหญ่โต จนฝ่ายเจ้าหนุ่มก็คงจะชักรำคาญใจ จึงปัดรังควานให้เฮียถังเค้าออกไปว่า... )

อี๋เมิ่งเข่อ : เอ่อ !...ฝ่าบาท พิธียังทำไม่เสร็จพะยะค่ะ

หลี่หลงจี : เอ่อ !...ข้าจะหลีกไปก่อน เอ้ย !...ไม่ใช่ ! ก่อนไปหลีกจะข้า..เออ...555





ฉากกุ๊กกิ๊กระหว่างสองพ่อลูก ==>> หลี่หลงจี-องค์หญิงโบตั๋น




หลี่หลงจี : เอ้า..มา! ไหนมาให้พ่อดูเจ้าให้ละเอียดหน่อยสิ ( พูดพลางสองมือประคองสองแก้มของสาวน้อยๆ แล้วหยิกเบาๆ โหยกไปมาอย่างหยอกล้อ ) นี่! ยายของเจ้าเป็นยังไงบ้าง ?

โบตั๋น : อย่าเพิ่งถาม อย่าเพิ่งถาม ! มะ อุ้มลูกขึ้นมาหน่อยซี้ ( อ้าอ้อมแขนทั้งสองข้างเข้าหาพ่อ )

หลี่หลงจี : อ้าว....มะ...อะ...โอ๊ะ! โอ้ย ! ....อุ้มไม่ไหวแล้ว โอ้ย! เจ้าโตขึ้นเยอะแล้วนิ๊ ไม่ไหว เฮ้อ! ...หนัก !

โบตั๋น : อืมมมม....งั้น...หอมลูกก็ได้ ( โอ้ ! มายก้อดพระเจ้าช่วยกล้วยทอด ! ลูกสาวแก่นแก้วแก่แดดซะขนาดนี้ เฮียกล่อมลูกมายังไงเนี่ย )

หลี่หลงจี : อึม....อื้ม !....( เสียงเฮียเหมือนหมั่นเขี้ยวเอามากๆ ) อึ้ม...เอ้า !...

โบตั๋น : ข้างนี้ด้วย ? ( โอ้ ! เราล่ะอยากเกิดมาเป็นสาวเจ้าผู้รับบทนี้จัง ได้รับขวัญจากเฮียถังอ่ะ ! )

หลี่หลงจี : อือออออ...อึ้ม...เอ้า !...

( เสร็จเฮียถังกั๊วเฉียงไปสองฟอดเต็มๆ เลยอ่ะ T_T ล้อเล่นน้า { .... มุมกล้อง มุมกล้อง....ปลอบใจตัวเราเองที่ดูฉากนี้แล้วลูกไฟในตาพรึ่บพรั่บ} )


แหมทีลูกอ่ะ! เฮียเค้าบอกว่าอุ้มไม่ไหว แต่กับสาวพระสนมคนนี้สิ




เฮียเกิดฮึด อึดขึ้นมาทันตาเลยนะ แล้วสาวคนเนี้ย รู้สึกหน่วยก้านน่าจะน้ำหนักมากกว่าลูกสาวคนนั้นอีกซะด้วย ซีนส์นี้เข้าขั้นใช้กำลัง SEED MODE อ่ะเปล่าคะเฮีย !!??





ความหมายในคำพูดของตัวละครบางถ้อยความ สื่อสารแนวคิดและเป็นคติเตือนใจด้วยแง่มุมต่างๆ อย่างหลากหลายข้อคิด ด้วยถ้อยความวิพากษ์และวิจารณ์ (รวมวิเคราะห์อีกหน่อยนึง) คงมิอาจสื่อสารถ่ายทอดความเป็นภาพยนตร์จีนชุดเรื่อง "ยอดหญิงในวังหลวง" ออกมาได้ทั้งหมด เพชรน้ำหนึ่งนี้ หากไม่ได้ชื่นชมด้วยตาตนเอง ไหนเลยจะล่วงรู้แจ้งถึงคุณค่าความงามนั้นได้อย่างแท้จริง

นี่ก็เป็น....สิ่งที่ได้กล่าวพรรณนาชื่นชมมาแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของทั้งหมดเพียงเท่านั้น เพราะทุกๆสิ่ง ทุกๆ อย่าง จากนี้ไปนั้น คงเป็นสิ่งที่ผู้อยากรู้อยากเห็น ต้องดูด้วยตาตนเองจริงๆ .....



ปล. เหล่านี้กล่าวในฐานะผู้ชมคนหนึ่งที่ชื่นชอบภาพยนตร์จีนชุด "ยอดหญิงในวังหลวง" มิได้มีเจตนาโฆษณาชวนเชื่อเพื่อกลยุทธ์ทางการค้าในตลาดภาพยนตร์จีนแต่อย่างใด





Create Date : 27 สิงหาคม 2551
Last Update : 28 สิงหาคม 2551 16:26:15 น. 7 comments
Counter : 6204 Pageviews.

 
เนื่องด้วยการปรับระบบหัวข้อกรุ๊ปบล็อกใหม่ บทความนี้จึงโอนมายังห้อง "อักษรหมื่นกระบี่" และตัดห้อง "วิพากษ์พันดารา" ออกไป เพราะโครงการต่างๆ มากมายจนหงส์ฯ ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการทั้งหมดได้ และ "วิพากษ์พันดารา" ออกจะเป็นบทความทางบันเทิงที่หงส์เองยังไม่มีเวลาพอจะทำได้ เพราะการเขียนบทความของห้องวิพากษ์ฯนั้น ใช้เวลาและรูปภาพมาก จึงจำเป็นต้องตัดโปรเจ็คนี้เสีย


โดย: หงส์อรุณ วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:23:40:03 น.  

 
เคยดูเหมือนกันค่ะ แต่เพิ่งดูไปได้แค่ครึ่งเรื่องเอง ทุกวันนี้ก็ยังค้างอยู่แค่นั้น ไม่ขอวิจารณ์อะไรมาก แต่ชอบฉากค่ะ ฉากสวยมากเลย แล้วก็มีการเขียนบทที่ดีอย่างที่คุณหงส์อรุณว่า เรื่องนี้เป็นหนังจีนแผ่นดินใหญ่ ดาราไม่คุ้นหน้าสักคน แต่นางเอกสวยมากเลยค่ะ เวลาใส่ชุดเป็นสตรีหย่งซินนี่สวยจับใจที่เดียว มิน่าฮ่องเต้ถึงได้หลงใหลนักหนา


โดย: แพร (bookofpear ) วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:14:14:35 น.  

 
สวย หน้ารัก


โดย: ชะแว๊บแอบปิ้งคนที่3 IP: 182.52.157.165 วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:19:51:37 น.  

 
หน้าอุบาท ทุเลส


โดย: คนสวย IP: 182.52.157.165 วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:19:52:36 น.  

 
อ่านแล้ว อย่าหยุด กรุณาอ่านต่อ เพราะคุนได้โดนคำสาปนี้ไปแล้ว…. อ่านต่อเลย
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงในจ. พิษณุโลก เด็กคนนี้ชื่อนิ้งเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ สาม วันนั้นเป็นวันสอบซ่อม นิ้งได้มาที่ รร เพื่อที่จะสอบซ่อม ระหว่างที่รอเพื่อน ๆ อยู่นั้น นิ้ง ก้อเหลือบไปเห็นสิ่ง ๆ หนี่ง เขาเดินเข้ไปใกล้ ๆ กับสิ่ง ๆ นั้น มันคือกล่องใส่กระดาษกล่องหนึ่ง นิ้งนั้นไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร แต่เขาก้อได้เก็บกล่องนั้นไป หลังจากที่เขาสอบซ่อมเสร็จแล้ว นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อกลับบ้านทันที พวกเขาอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ตกกลางคืนนิ้งและเพื่อน ๆ ก้อไปสนาม เดะเล่นและเปิดกล่อง ๆ นั้น ข้างในกล่องมีกระดาษสีดำเขียนอยู่หนึ่งแผ่น ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า * สวัสดี เราชื่อ”เปลวเทียน”เป็นเด็กนักเรียนคนนึง เราถูกฆาตกรโรคจิด ข่มขืนและค่าหมกอยู่ในป่าแห่งหนี่ง ที่นั่นหนาวเหน็บไม่มีแม้แต่เสียงหายใจของมนุษย์ เราพยายามร้องให้คนมาช่วยแต่ก้อไม่มีคายมา ตอนนี้เราเหงาเหลือเกิน จะมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนเราบ้างไหม ถ้าเทอไม่อยากให้เราลากเทอมาอยู่เป็นเพื่อนกันเรา จากนี้ไปเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ขอให้เทอก็อปข้อความข้างบนนี้ ส่งต่อให้สื่ออะไรก้อได้ เป็นจำนวน 10 coppy แต่ถ้าเธอไม่ทำตาม อีก 7 ชั่วโมงนี้ฉันจะไปตามเทอมอยู่เป็นเพื่อน * หลังจากที่นิ้งได้อ่านนั้น เอก้อไม่เชื่อ และคิดว่ามีคนมาแกล้งเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ และไม่ยอมทำตาม 7 ชั่วโมงให้หลัง นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อตาย โดยที่ไม่มีสาเหตุ ***********************************- เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้ หมอและตำรวจยังไม่สามารถรู้ได้ว่า เด็กเหล่านั้นตายได้เช่นไร __________ ตอนนี้พวกเทอได้อ่านกระทู้นี้ ก้อคงได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด นั่นคือ เทอจะต้อง copy ข้อความนี้เป็นจำนวน 10 copy แต่ถ้าเทอไม่ทำตามที่เด็กคนนั้นขอ เทอจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อกับเด็กคนนั้น อีก 7 ชั่วโมงให้หลัง ขอให้พวกเทอทุกคนโชคดี
(ปล ห้ามส่งมายังคนเดิมที่ส่งมาอีก ไม่งั้นจะรับโทษฐานคืน ตาย!!!!!
กลัวตายอ่า เลยส่งต่อ


โดย: 123 IP: 113.53.34.50 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:14:01:06 น.  

 
อ่านแล้ว อย่าหยุด กรุณาอ่านต่อ เพราะคุนได้โดนคำสาปนี้ไปแล้ว…. อ่านต่อเลย
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงในจ. พิษณุโลก เด็กคนนี้ชื่อนิ้งเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ สาม วันนั้นเป็นวันสอบซ่อม นิ้งได้มาที่ รร เพื่อที่จะสอบซ่อม ระหว่างที่รอเพื่อน ๆ อยู่นั้น นิ้ง ก้อเหลือบไปเห็นสิ่ง ๆ หนี่ง เขาเดินเข้ไปใกล้ ๆ กับสิ่ง ๆ นั้น มันคือกล่องใส่กระดาษกล่องหนึ่ง นิ้งนั้นไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร แต่เขาก้อได้เก็บกล่องนั้นไป หลังจากที่เขาสอบซ่อมเสร็จแล้ว นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อกลับบ้านทันที พวกเขาอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ตกกลางคืนนิ้งและเพื่อน ๆ ก้อไปสนาม เดะเล่นและเปิดกล่อง ๆ นั้น ข้างในกล่องมีกระดาษสีดำเขียนอยู่หนึ่งแผ่น ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า * สวัสดี เราชื่อ”เปลวเทียน”เป็นเด็กนักเรียนคนนึง เราถูกฆาตกรโรคจิด ข่มขืนและค่าหมกอยู่ในป่าแห่งหนี่ง ที่นั่นหนาวเหน็บไม่มีแม้แต่เสียงหายใจของมนุษย์ เราพยายามร้องให้คนมาช่วยแต่ก้อไม่มีคายมา ตอนนี้เราเหงาเหลือเกิน จะมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนเราบ้างไหม ถ้าเทอไม่อยากให้เราลากเทอมาอยู่เป็นเพื่อนกันเรา จากนี้ไปเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ขอให้เทอก็อปข้อความข้างบนนี้ ส่งต่อให้สื่ออะไรก้อได้ เป็นจำนวน 10 coppy แต่ถ้าเธอไม่ทำตาม อีก 7 ชั่วโมงนี้ฉันจะไปตามเทอมอยู่เป็นเพื่อน * หลังจากที่นิ้งได้อ่านนั้น เอก้อไม่เชื่อ และคิดว่ามีคนมาแกล้งเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ และไม่ยอมทำตาม 7 ชั่วโมงให้หลัง นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อตาย โดยที่ไม่มีสาเหตุ ***********************************- เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้ หมอและตำรวจยังไม่สามารถรู้ได้ว่า เด็กเหล่านั้นตายได้เช่นไร __________ ตอนนี้พวกเทอได้อ่านกระทู้นี้ ก้อคงได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด นั่นคือ เทอจะต้อง copy ข้อความนี้เป็นจำนวน 10 copy แต่ถ้าเทอไม่ทำตามที่เด็กคนนั้นขอ เทอจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อกับเด็กคนนั้น อีก 7 ชั่วโมงให้หลัง ขอให้พวกเทอทุกคนโชคดี
(ปล ห้ามส่งมายังคนเดิมที่ส่งมาอีก ไม่งั้นจะรับโทษฐานคืน ตาย!!!!!
กลัวตายอ่า เลยส่งต่อ


โดย: แนนนี่ IP: 113.53.34.50 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:14:01:52 น.  

 
ท่านหงส์รู็ไหมว่าแม่นางเตียวหายไปไหน ทำไมไม่กลับมาที่กระท่อมโงลังกั๋งเลย อิ่มไปฝากตัวเป็นศิษย์ก็ไม่กลับมาตอบโพสอิ่ม ท่านหงส์ได้โปรดช่วยอิ่มด้วยนะ อิ่มฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านณ. ที่ีนี้เลยละกันนะคะ


โดย: แม่นางอิ่ม IP: 118.172.22.208 วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:11:02:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หงส์อรุณ
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หงส์อรุณ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.