เช้าของวันหนึ่ง ณ บ้านเล็กๆนอกเมืองหลังหนึ่ง สภาพของบ้านค่อนข้างเก่า มีบางส่วนผุพังเนื่องจากไร้การซ่อมแซมมาเป็นเวลานานพอสมควร
ก๊องแก๊งๆ ฉ่าๆ เสียงดังมาจากห้องครัวเป็นระยะๆ "วันนี้มีอะไรกินเหรอจ๊ะน้องเมย์ กลิ่นหอมเชียว" มาร์คร้องถามเข้าไปในครัว "น้องเมย์ทำข้าวผัดจ๊ะ เสร็จพอดีเลยเดี๋ยวเรามากินด้วยนกันเลยนะคะ" น้องเมย์เรียก "อื้อหือ อร่อยจัง ฝีมือขนาดนี้ไปเปิดร้านขายกับข้าวได้เลยนะเนี่ย" มาร์คแกล้งแหย่ "ไม่อร่อยก็บอกมาตรงๆเหอะ ไม่ต้องมาแกล้งชมเลย"น้องเมย์ค้อน "อร่อยจริงๆนะ เนี่ยพี่กินหมดเลยเห็นไหม" มาร์คยกจานให้ดูแล้วเดินเข้าไปจับหัวน้องเมย์เขย่าเบาๆ น้องเมย์แอบยิ้ม "เดี๋ยวหนูเอาจานไปล้างก่อนนะ"น้องเมย์ยกจานไปล้างในครัว หลังจากล้างจานเสร็จหนูเมย์ก็หยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินไปหามาร์ค พี่ชายคนเดียวของเธอ ซึ่งกำลังใส่รองเท้าอยู่ที่หน้าบ้าน "พี่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ ขอหนูไปทำงานด้วยคนนะคะ หนูไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว"น้องเมย์อ้อน "ไม่ได้หรอกจ๊ะน้องเมย์ งานในตลาดมันหนักมาก พี่อยากให้น้องเรียนหนังสือสูงๆจะได้ทำงานสบายๆ น้องต้องตั้งใจเรียนนะ"มาร์คพยายามอธิบาย "ก็หนูสงสารพี่นี่นา พี่ต้องไปทำงานตั้งแต่เช้าจนค่ำมืดทุกวันไม่มีเวลาพักผ่อนเลย"น้องเมย์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ "ก็เราอยู่กันแค่ 2 คนนี่นา พี่ต้องหาเงินจุนเจือครอบครับของเราสิ" "พี่สาบานกับตัวเองไว้แล้วหลังจากที่พ่อแม่หายสาบสูญไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ว่าจะต้องดูแลน้องให้ดีๆ พี่ต้องทำให้ได้"มาร์คพูดอย่างหนักแน่น หนูเมย์โอบกอบพี่ชายด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ "ก็หนูสงสารพี่ น้องเมย์ทำหน้าเศร้า" "ป่ะ สายแล้ว เดี๋ยวพี่เดินไปส่งน้องที่โรงเรียนนะ" "ค่ะพี่" ทั้งสองเดินคุยกันไปด้วยความสนุกสนาน ถึงแม้จะไม่มีเงินมากนักแต่ทั้งสองก็มีความสุขเพราะความรักซึ่งกันและกัน "พี่คะ ส่งหนูแค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวหนูเดินข้ามถนนแค่นี้ก็ถึงโรงเรียนแล้ว" "จ๊ะ เดินระวังๆนะ"
หนูเมย์เดินไปถึงครึ่งทางก็หยุดชะงัก "อ๊ะ! ลืมไปเลยวันนี้วันเกิดพี่นี่นา เราอุตส่าห์ร้อยสร้อยคอให้พี่ทั้งคืนดันลืมซะได้" หนูเมย์หันหลังกลับวิ่งไปหาพี่ชายพร้อมกับตะโกนเรียก "พี่คะรอเมย์ด้วย" มาร์คหันหลังกลับไปก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็ว "น้องเมย์ระวัง!" มาร์ควิ่งไปหาน้องเมย์ มาร์คโอบกอดน้องเมย์ไว้พยายามเบี่ยงตัวหลบรถคนนั้น
ปี๊บๆๆ เอี๊ยดดดด! แว๊บบ มีแสงสว่างวาบขึ้นมาครู่หนึ่ง โครมม! "กรี๊ดดด ช่วยด้วยๆ รถชนเด็กๆ" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องด้วยความตกใจ ท่ามกลางความสับสนอลหม่านนั้น ผู้คนต่างพากันวิ่งกรูกันเข้าไปช่วยเหลือ ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น บางคนถึงกับเอามือกุมปากตัวเอง นี่มันอะไรกัน สภาพที่เห็นก็คือรถคันนั้นได้ชนกับเสาไฟฟ้ายุบเข้าไปเกื่อบๆฟุต แต่ไม่มีร่องรอยของเด็กทั้งสองให้เห็นเลย ....... ณ ดินแดนลึกลับแห่งหนึ่ง ที่ดินแดนแห่งนี้ มีซากปรักหักพังของอาณาจักรๆหนึ่งตั้งอยู่หน้าหุบเขาขนาดใหญ่ ตัวอาณาจักรตั้งหันหน้าไปทางทิศใต้ อาณาจักรแห่งนี้เคยมีความรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด สังเกตุได้จากซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เสารูปทรงหกเหลี่ยมสูงนับสิบเมตรจำนวนหลายสิบต้นตั้งตระหง่านสู้แดดฝนมานานนับร้อยปี บ้างก็เอน บ้างก็หัก บ้างก็ล้มนอนอยู่บนพื้น กระจัดกระจายเต็มไปหมด เศษก้อนหิน ผนังหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ให้เห็นโดยทั่วไป ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณจนแทบไม่เหลือซากของความเจริญให้เห็นอยู่เลย ถัดออกไปทางด้านหุบเขาทางทิศเหนือมีถนนสายหนึ่งปูด้วยหินซึ่งแกะสลักด้วยลวดลายสวยงามทอดยาวไปกว่า 50 เมตร แต่ในตอนนี้สภาพของมันก็ไม่แตกต่างจากสภาพของอาณาจักรซักเท่าไหร่นัก สองข้างทางมีร่องรอยว่าบริเวณนี้ถูกตกแต่งไปด้วยแปลงดอกไม้เป็นชั้นๆ ถัดออกไปเป็นลานโล่งมีซากของอัฒจรรย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ที่ปลายถนนมีแผ่นหินขนาดใหญ่ซึ่งมีการแกะสลักอักขระรูปร่างแปลกตา และมีลวดลายสวยงามตั้งตระหง่านอยู่ที่ด้านหน้าของหน้าผาสูงชัน น่าแปลกที่แผ่นหินนี้ยังคงสภาพดีไม่มีการผุพังหรือถูกทำลายแต่อย่างใด ที่หน้าผามีการแกะสลักเป็นรูปเทพเจ้าจำนวน 6 ตน แต่ละตนถืออาวุธแตกต่างกัน สภาพแตกหักจนดูไม่ค่อยออก ลึกเข้าไปภายในหุบเขา มีถ้ำลึกลับอยู่แห่งหนึ่ง แต่จะว่าเป็นถ้ำก็ไม่เชิงเพราะว่ามันเป็นลักษณะหลุมรูปทรงหกเหลี่ยมลึกลงไปใต้หุบเขาสูงนับสิบเมตรเลยทีเดียว ที่ด้านบนมีต้นไม้ปกคลุมจนรกทึบ ที่มุมแต่ละมุมของถ้ำแห่งนี้มีแท่งผลึกแก้วรูปหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้ง 6 มุม ลานตรงกลางระหว่างแท่งผลึกทั้งหกเป็นพื้นหินมีลวดลายแกะสลักเป็นรูปวงกลมซ้อนกันหลายวง ระหว่างแต่ละวงมีการแกะสลักอักขระแปลก เรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ส่วนวงในสุดแกะสลักเป็นรูปดาวหกแฉก เหนือเส้นวงกลมมีแท่งผลึกเล็กๆวางอยู่อย่างเป็นระเบียบจำนวน 6 ก้อน บรรยากาศโดยรอบอึมครึมเนื่องจากมีแสงส่องเข้ามาได้เพียงน้อยนิด
ในเวลานั้นเอง จู่ๆท้องฟ้าก็มีกลุ่มเมฆดำทะมึนหมุนวนปกคลุมไปทั่วหุบเขาแห่งนี้ บรรยากาศเริ่มมืดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมืดสนิท ลึกลงในภายในถ้ำ ปรากฏมีแสงสว่างเปร่งประกายออกมาจากแท่งผลึกทั้งหก แสงสว่างนั้นค่อยๆสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นแท่งผลึกก็ปล่อยลำแสงสีทองออกมาจากมุมต่างๆเชื่อมประสานแท่งผลึกทั้งหกและก้อนผลึกเล็กเข้าด้วยกันกลายเป็นรูปดาวหกแฉก ลายสลักที่พื้นก็มีแสงสีทองส่องขึ้นมาเหมือนกัน ก่อกำเนิดเกิดเป็นวงแหวนสีทองเลื่อนสูงขึ้นมาจากพื้น อักขระในแต่ละช่องเกิดการหมุนวนสลับกันในแต่ละวง จากวงนอกไปหาวงข้างในความเร็วค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่วงในสุดที่มีรูปดาวหกแฉกกลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทันไดนั้นก็มีแสงสีทองเข้มข้นส่องออกมาจากรูปดาวหกเปลี่ยมนั้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าไปยังเมฆดำทะมึนเหล่านั้น เมื่อแสงสีทองกระทบกับเมฆดำเหล่านั้นก็เกิดการระเบิดเกิดขึ้นแสงสีทองกระจายกันออกไปเกิดเป็นวงแหวนเวทย์สีทองขนาดใหญ่ขึ้นบนท้องฟ้าโดยมีลักษณะเหมือนกันวงแหวนที่อยู่ในถ้ำนั่นเอง สิ่งนี้ก็คือวงแหวนเวทย์มนต์ที่พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรนี้ได้สร้างขึ้นมาเมื่อ 100 ปีที่แล้วนั่นเอง
ที่ตรงกลางของวงแหวนเวทย์ปรากฏวัตถุลึกลับสว่างสดใสค่อยเลื่อนหล่นลงมาตามแสงสีทองนั้น เมื่อหล่นวัตถุนั้นลงมาถึงพื้นแสงสีทองและวงแหวนเวทย์ก็ค่อยๆเลือนหายไป ท้องฟ้าที่เคยมืดสนิทกลับมีแสงสว่างตามเดิม จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้ต้นไม้ที่ปกคลุมอยู่เหนือถ้ำหายไป แสงสว่างส่องลงไปภายในถ้ำได้มากขึ้นทำให้เห็นสภาพภายในถ้ำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่แต่ละด้านของถ้ำมีรูปสลักของเทพเจ้าทั้ง 6 ตนเหมือนที่อยู่ภายนอกถ้ำ และที่มุมด้านในตรงข้ามกับประตูที่ถูกปิดตายด้วยเวทย์มนต์นั้นมีเทวรูปขนาดใหญ่กว่าตนอื่นๆตั้งอยู่ลึกเข้าไปในผนัง เทวรูปตนนี้นั่งอยู่บนที่นั่งโดยนั่งชันขางข้างหนึ่งลงมา มือทั้ง 6 ข้างถืออาวุธแตกต่างกันโดยอาวุธเหมือนกับที่เทวรูปตนอื่นๆถืออยู่ ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิท แต่ดวงตาที่สามที่อยู่ตรงหน้าผากเปิดอยู่ ภายในดวงตามีรูปดาวหกแฉกปรากฏอยู่ลางๆ ที่ด้านหน้าเทวรูปมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หลังจากที่วัตถุลึกลับนั้นเลื่อนลงมาถึงพื้น วงแหวนเวทย์ด้านล่างก็เลื่อนลงแล้วหายไปในร่องสลักตามเดิม แสงสีทองค่อยๆจางหายไป พร้อมๆกับปรากฏร่างขายชายหญิงสองคนโอบกอดกันอยู่ ทั้งสองสะดุ้งรู้สึกตัว ความรู้สึกเหมือนกับหลับลึกเป็นระยะเวลานาน หลังจากที่รวบรวมสติได้มาร์คจึงร้องถามด้วยความเป็นห่วง "น้องเมย์ น้องเมย์เป็นอะไรไหม"มาร์คถามด้วยความเป็นห่วง "หนูไม่เป็นอะไรค่ะ"น้องเมย์ตอบ "โธ่ ทำไมน้องถึงไม่ดูถนนให้ดีๆก่อนค่อยข้าม"มาร์คตัดพ้อ "หนูคิดได้ว่าหนูทำสร้อยคอเป็นของขวัญวันเกิดให้พี่ แต่น้องเมย์ลืมไปพอนึกได้หนูเลยรีบวิ่งเอามาให้พี่"เมย์ตอบเสียงอ่อยๆ "โธ่ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้น้องไม่น่ารีบร้อนไปเลย ให้เมื่อไหร่ก็ได้" "หนูขอโทษค่ะพี่" น้องเมย์ร้องไห้เสียใจที่ทำให้พี่ชายเป็นห่วง "แต่เอ๊ะ พวกเราถูกรถวิ่งชนนี่นา ทำไมเราไม่เป็นอะไรเลยล่ะ" น้องเมย์หันมองไปรอบๆ "พี่ว่าตอนที่รถกำลังจะชนเรานั้น พี่มองเห็นแสงสว่างวาบเข้ามา แล้วทุกอย่างก็ขาวโพลนไปหมดเลย พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว"มาร์คอธิบายสิ่งที่ตนเองเห็น "เอ ที่นี่ที่ไหนกันนะ" มาร์คมองดูรอบๆ "นี่มันรูปปั้นอะไรกันทำไมใหญ่โตมโหมโหฬารอย่างนี้" มาร์คกับเมย์เดินดูรูปปั้นด้วยความทึ่งในสถาปัตยกรรมที่แสนยิ่งใหญ่นี้ "ตรงนี้มีแท่นบูชาด้วยค่ะพี่มาร์ค" เมย์เรียก "ไหนดูซิ" "พี่ว่าเราควรทำความเคารพเทวรูปเหล่านี้ก่อนดีกว่า" มาร์คชวน ทั้งสองก้มลงกราบไปที่แท่นบูชาตรงหน้าเทวรูปตนใหญ่ "ขอต้อนรับท่านทั้งสองสู่อาณาจักรเฮ็คซาเนีย" มีเสียงเปล่งออกมาจากเทวรูป ทั้งสองตกใจกอดกันกลม ............... |