Dresden ฟลอเรนซ์แห่งลุ่มแม่น้ำ Elbe

เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จักเมืองแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรมตระการตาอย่างเมืองฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตาลี แต่ใครเล่าจะคิดว่า เมืองขนาดกลางๆ ในแคว้นแซกโซนี (Saxony) ทางฝั่งตะวันออกของประเทศเยอรมัน จะได้รับสมญานามว่าเป็น ฟลอเรนซ์แห่งประเทศเยอรมัน หรือ ฟลอเรนซ์แห่งลุ่มแม่น้ำเอลเบ (Elbe)

ฉันเองเพิ่งรู้จักเมืองเดรสเดนได้ไม่นานเท่าไหร่ กว่าจะได้มาทำความรู้จักกับเมืองฟลอเรนซ์แห่งลุ่มแม่น้ำ Elbe ก็หลังจากที่อยู่เยอรมันมาเกือบ 4 ปี โชคดีที่เผอิญมีเพื่อนมาเรียนที่เดรสเดน ได้คุยกัน ก็เลยได้รู้จักเมืองนี้ในเวลาต่อมา

แผนการเดินทางสู่เดรสเดนของฉันเริ่มต้นมาจากการที่มีวันหยุดช่วง Pfingsten ในเดือนพฤษภาคม 2004 ตอนนั้นเราเดินทางโดยการนั่งรถไฟตอนกลางคืน ออกจากเมือง Aachen ประมาณสามทุ่มกว่า และไปถึง Dresden ตอนเช้าตรู่ ค้างหนึ่งคืน โดยไปพักที่ห้องเพื่อน ก็เลยช่วยประหยัดค่าที่พักไปได้บ้าง จ่ายแต่ค่ารถไฟไปกลับ ก็ประมาณ 80 ยูโรต่อคน

เมื่อฉันเดินทางมาถึง Dresden ก็มีเพื่อนมารอรับที่สถานีรถไฟ พร้อมทั้งพาไปเก็บของที่ห้องพัก ก่อนที่จะพาเราออกมาเดินเล่นในตัวเมือง โดยจุดหมายแรกก็คือเขตเมืองเก่า บริเวณ Theaterplatz

โบสถ์ที่อยู่กลาง Theaterplatz แห่งนี้ คือ Kathedral St. Trinitatis ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นแซกโซนี เป็นโบสถ์สไตล์บารอค สร้างขึ้นโดยสถาปัตยกรชาวอิตาลี Gaetano Chiaveri ในช่วงปี 1738-1754



นอกจากตัวโบสถ์หินที่มีขนาดใหญ่โตอลังการแล้ว ก็ยังมีพวกสถาปัตยกรรมสวยๆ รายรอบอยู่ด้วย





เอาหอนาฬิกามาให้ดูชัดๆ



โบสถ์แห่งเมือง Dresden อีกมุมหนึ่ง



อันนี้เป็น Semperoper ซึ่งเป็นโรงละครที่มีชื่อเสียงของเดรสเดน จำได้ว่าฉันเคยเห็น Semperoper แห่งนี้ หลายต่อหลายครั้งในโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่งทางทีวี และก็เชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยอยู่เยอรมันก็น่าจะเคยเห็นเหมือนกัน



จากบริเวณ Theaterplatz เราลองเดินเลียบกำแพงสีเหลืองไปเรื่อยๆ กำแพงนี้เรียกว่า Fürstenzug สร้างขึ้นยาวตลอดแนวถนน (ยาว 101 เมตร)ศิลปะบนกำแพงแห่งนี้เป็นการวาดรูปบนกระเบื้องเคลือบ (Porcelain) โดยรูปบุคคลที่อยู่บนกำแพงเป็นรูปชนชั้นขุนนางของ Wettin (เมืองเล็กๆ ในแคว้นแซกโซนี) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ถึงตอนต้นศตวรรษที่ 20



รูปที่มีชื่อเสียงของกำแพงนี้ คือ King August I (Augustus the Strong)



ถัดจากกำแพง Fürstenzug ฉันก็เดินมาถึง Zwinger ซึ่งในความรู้สึกของฉัน Zwinger นี้จะเป็นสิ่งก่อสร้างในเดรสเดนที่ยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำของฉันตราบนานเท่านาน

Zwinger ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนักสถาปัตยกรรมชาวเยอรมัน Pöppelmann โดยได้ร้วมมือกันสร้างกับนักแกะสลักที่ชื่อว่า Permoser

อันนี้เป็นประตูทางเข้า Zwinger เรียกว่า Kronentor รูปแรกถ่ายจากด้านในของ Zwinger ส่วนรูปที่สองถ่ายจากด้านนอก





ภายในของ Zwinger ประกอบด้วยตึกสไตล์บารอคหลายๆ ตึกเป็นรูปทรงโค้งล้อมรอบบ่อน้ำพุ 4 บ่อที่ตั้งอยู่ตรงกลาง



ตึกรูปทรงโค้งที่สร้างเป็นแนวกำแพงของ Zwinger



ตึกที่เด่นและสวยงามที่สุดก็คือ Wallpavillion



แต่จะว่าไป จริงๆ แล้วตึกที่อยู่ในเขต Zwinger นี้ก็หน้าตาคล้ายๆ กันทุกตึกนั่นแหละ สวยเหมือนกันไปหมด

ด้านหน้า หรือด้านหลังของ Zwinger ก็ไม่รู้ จะมีลักษณะเป็นคูน้ำล้อมรอบ ตอนนี้ฉันก็เดินข้าสะพานไม้เล็กๆ มาอยู่อีกฝั่งหนึ่งของคูน้ำแล้ว สองรูปนี้เป็นรูปกำแพงด้านนอกของ Zwinger





ออกจากเขตเมืองเก่า ฉันก็นั่งรถเมล์ออกนอกใจกลางเมืองเพื่อที่จะไปเที่ยวที่ Blaues Wunder ซึ่งเป็นสะพานเหล็กสีน้ำเงิน สร้างข้ามแม่น้ำ Elbe ในเขตเมืองใหม่ จากจุดนี้ก็สามารถนั่งรถรางขึ้นไปชมบรรยากาศของเขตเมืองใหม่ในเดรสเดนได้ สะพานที่อยู่ทางด้านขวามือในรูป คือ Blaues Wunder



ในเขตเมืองใหม่นี้ ก็ยังมีสถานที่น่าเที่ยวอีกหลายที่ แต่ที่ฉันไปมา ก็คือ Schloss Pillnitz ซึ่งเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ชั้นสูงแห่งแคว้นแซกโซนี



ตัวพระราชวังเป็นตึกสองตึกสร้างหันหน้าชนกัน โดยพื้นที่ตรงกลางระหว่างทั้งสองตึกเป็นสนามหญ้า บ่อน้ำพุ และสวนดอกไม้ ถือว่าเป็นรูปแบบภาคบังคับของพระราชวังฤดูร้อนในยุโรปเลยก็ว่าได้ ด้านหลังของตึกที่อยู่ด้านในเป็นติดริมน้ำ สามารถลงไปล่องเรือเล่นได้ ตอนเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในเดรสเดนเมื่อหลายปีที่แล้ว ตึกนี้จมน้ำไปเกือบครึ่งตึกเลยทีเดียว



พอถึงตอนเย็นฉันก็นั่งรถกลับมาที่ริมแม่น้ำ Elbe ในเขตเมืองเก่าอีกครั้ง ยามเย็นที่ริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ก็โรแมนติกไม่น้อยหน้าเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกหลายๆ เมืองเลย



ฉันเดินเล่นริมน้ำอยู่นานมากจนกระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ก็มีการเปิดไฟสีเหลืองนวลบนตึกทุกตึกที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ตลอดจนตึกที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันก็เตรียมตัวไปเที่ยวต่อที่ Sächsische Schweiz หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Elbsandsteingebirge ถ้าแปลชื่อตามภาษาเยอรมันออกมาเป็นภาษาไทยตรงตัวเลย ก็คือ เทือกเขาหินทรายแห่งลุ่มแม่น้ำ Elbe เทือกเขาแห่งนี้เป็นเทือกเขารูปร่างแปลกๆ จนได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งแคว้นแซกโซนี

การเดินทางจากตัวเมือง Dresden มาที่นี่ ก็ต้องนั่งรถไฟสาย S1 มา แล้วก็ต่อเรืออีกต่อหนึ่ง คล้ายๆ เรือข้ามฟากบ้านเรานั่นแหละ

Elbsandsteingebirge ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวางทีเดียว เหมาะสำหรับการเดินเล่นในยามว่าง ถือว่าเป็นกิจกรรมยามว่างของครอบครัวได้เหมือนกัน

เมื่อเข้าไปในเขต Elbsandsteingebirge ก็จะมีป้ายต่างๆ บอกทางให้เดินเที่ยว ฉันเสียเวลาในนี้เกือบครึ่งวันเลย ทิ้งท้ายทริปเที่ยว Dresden ด้วยรูป Elbsandsteingebirge ก็แล้วกัน





ในความเห็นของฉัน ถึงแม้คำพูดที่ว่า "Dresden ถือว่าเป็นฟลอเรนซ์แห่งลุ่มแม่น้ำ Elbe" จะดูเกินไปซะหน่อย แต่เมืองเดรสเดนแห่งนี้ ก็มีเสน่ห์และความงามที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ โดยไม่ต้องนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร

Create Date : 25 กันยายน 2551 Last Update : 25 กันยายน 2551 23:41:06 น. Counter : 2381 Pageviews.		17 comments
Share Tweet