วันที่ 6 เดินเล่น เย็นๆ ใจ ใน Venice

แหะๆ ก็เป็นประจำเหมือนทุกๆ วัน หลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมา ก็ต้องเล่าเหตุการณ์ตอนเย็นของเมื่อวาน แล้วก็เล่าเกี่ยวกับที่พักเล็กน้อย

ที่พักของเราเมื่อคืนนี้ก็อยู่ที่เมืองเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Mestre เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่มีอะไรเลย แต่ผู้คนจากทุกสารทิศก็ยังเดินทางมาที่นี่ เพื่อพักอาศัยค้างคืนก่อนที่จะเข้าไปในเวนิส อย่างที่พวกเราทำนั่นแหละ จริงๆ แล้วในเมืองเวนิสนั้น มีที่พักเยอะแยะเลยล่ะ แต่ฉันคิดว่าอาจจะไม่สะดวกสบายเท่า เพราะว่าการเดินทางในเวนิสที่แต่การเดินทางทางเรือ แล้วเราก็ไม่สามารถเอารถเข้าไปในเวนิสได้ เราจึงเลือกโรงแรมที่พักที่เมือง Mestre เพื่อที่จะได้ใช้เป็นที่จอดรถ ในระหว่างที่เราไปเที่ยวในเวนิสด้วย

เมื่อคืนเรามาถึงโรงแรมก็เกือบห้าทุ่มแล้ว โชคดีที่โรงแรมนี้มีคนเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เราเลยสามารถเชคอินได้ หลังจากที่ทำการเชคอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ go to sleep~~~~~
__________________________________________

โห หลังจากที่ตื่นเช้าขึ้นมา อากาศวันนี้ช่างสดใสดีจริงๆ เราจึงรีบลงไปที่ห้องอาหารของโรงแรม เพื่อที่จะรับประทานอาหารเช้ากัน วันนี้ที่ห้องอาหารเรามีเพื่อนร่วมมื้ออาหารเช้าเป็นชาวเอเชียด้วยล่ะ คิดว่าน่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น ที่ต้องบอกก็เพราะว่าตั้งแต่วันที่เราออกเดินทางเที่ยวกันนั้น ที่พักของเราไม่มีชาวเอเชียมาพักเลยล่ะ แต่เราก็ไม่ได้พูดคุย หรือส่งยิ้มให้เค้าหรอกนะ เพราะว่าเรารีบตั้งหน้าตั้งกิน แล้วก็ออกกันเลย

การเดินทางจากเมือง Mestre ไปยังเมืองเวนิสนั้นสะดวกสบายเหลือเกิน พวกเราแค่เดินจากโรงแรมไปที่สถานีรถไฟ แล้วก็รอรถไฟสาย... สายอะไรก็ไม่รู้แล้ว จำไม่ได้ เข้าแถวซื้อตั๋วรถไฟ สนนราคาก็คนละ 1 ยูโร นั่งรถไฟเพียงแค่ 10 นาที เราก็มาถึงเวนิสกันแล้ว

ป.ล. รถไฟที่ออกจากเมือง Mestre มาที่เวนิสนั้น มีค่อนข้างเยอะทีเดียว เกือบจะทุกๆ 10 นาทีด้วยซ้ำ ไม่ต้องกลัวตกรถไฟเลย
__________________________________________

เวนิส เมืองโรแมนติก

เวนิส เวนิส เวนิส เยยยยยยยยยยยยยยยย้ ในที่สุด ฉันก็ได้มาเหยียบเวนิสจนได้ เวนิสนี่ เรียกว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ในความฝันของฉันเลยก็ว่าได้

หลังจากที่เราลงจากรถไฟได้ โอ้โห สอดส่ายสายตาไปทางไหนก็เห็นนักท่องเที่ยวเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งหัวดำแล้วก็หัวทอง ต้องยอมรับว่าเป็นเมืองที่ครึกครื้นที่สุดเท่าที่เราพบเห็นมาตลอดทริปนี้เลยแหละ เฮ้อออ เลิกสนใจผู้คนดีกว่า ตอนนี้ที่เราต้องสนใจก็คือ Tourist Information ต่างหาก เพราะว่าเราจะต้องไปซื้อตั๋วเรือสำหรับเดินทางภายในตัวเมืองเวนิส แต่ก่อนอื่นขอถ่ายรูปหน่อยละกัน


รูปแรกใน Venice โบสถ์อะไรก็ไม่รู้ โผล่ออกมาจากสถานีรถไฟก็เจอเลย


เฮ้อ !!! วิ่งกลับเข้ามาที่สถานีรถไฟเพื่อสอบถามเรื่องตั๋วเรือต่อ ตั๋วเรือที่นี่มีหลายแบบหลายราคามากเลย มีทั้งแบบตั๋ววัน ตั๋วเป็นเที่ยวๆ ตั๋ว 3 วัน นอกจากนั้นก็ยังมีตั๋วที่รวมราคาไกด์ทัวร์เข้าไปด้วย แต่พวกเราก็ซื้อตั๋วแบบตั๋ววันนั่นแหละ เพราะคิดว่าต้องคุ้มที่สุดแล้วแน่ๆ เลย เพราะว่าตั่วแบบเป็นเที่ยวๆ นั้น ราคาต่อเที่ยวก็ปาเข้าไปตั้ง 3.50 ยูโรแน่ะ แล้วแต่ตั๋ววันราคาเพียงแค่ 6 ยูโรแค่นั้นเอง

หลังจากที่ซื้อตั๋วรถไฟแล้ว เราก็ออกมาที่ท่าเรือที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับสถานีรถไฟนั่นแหละ โดยเราวางแผนที่จะนั่งเรือไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเวนิส นั่นคือ Piazza San Marco เดินเล่นๆ รอบๆ บริเวณนั้น แล้วค่อยนั่งเรือไปที่อื่นๆ ต่อ พวกเรารอเรืออยู่ประมาณ 5 นาทีก็ได้ลงเรือกันล่ะ การลงเรือครั้งแรกที่เวนิสนี้ เราวางแผนผิดพลาดกันไปหน่อย เพราะว่ามัวแต่เย็นใจ ไม่ยอมไปยืนรอที่ด้านหน้าของโป๊ะ ทำให้เราได้ลงเรือเกือบจะเป็นคนสุดท้าย แล้วเราก็เลยไม่ดีโอกาสไปยืนหาที่ดีบนเรือ เพื่อที่จะถ่ายรูป โดนคนอื่นแย่งที่ไปหมดเลย ... เศร้า


รูปนี้เป็นรูป Santa Maria della Salute ที่ได้พยายามถ่ายขณะอยู่บนเรือ


เรานั่งเรือไปประมาณ 4-5 ป้ายก็ถึง Piazza San Marco คนในเรือก็ขึ้นที่ท่าเรือนี้เกือบทุกคนเลย เพราะว่าผู้คนส่วนใหญ่ในเรือก็เป็นทักเที่ยว แล้วก็มีจุดหมายปลายทางเหมือนพวกเราเนี่ยแหละ ที่ Piazza San Marco นี้ ถ้าเดินไปอีกหน่อยก็จะพบสถานที่เที่ยวหลายๆ ที่ที่สำคัญเลยแหละ ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์ San Marco, หอนาฬิกา Markusturm และที่อื่นๆ แต่ว่าก็ต้องยอมรับว่า สถานที่ท่องเที่ยว มักจะมีคนเยอะเสมอ ฉันก็เลยรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย ที่ถ่ายรูปแล้วไม่ได้อย่างใจเอาเสียเลย คนเดินผ่านหน้ากล้องเต็มไปหมด


รูปนี้คือ หอนาฬิกา เรียกว่า Camanile นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปบนยอดนี้ เพื่อชมทัศนียภาพของเวนิสได้ แต่... พอไปถึงปรากฏว่า โอ้โฮ!!! แถวยาวเหยียดมากเลยค่ะ ไม่รู้ว่าผู้คนมากจากไหน ยาวจริงๆ ถ้ารอนี่สงสัยเสียเวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมงแน่ๆ เราก็เลยได้แต่จดๆ จ้องๆ แล้วก็ตัดสินใจเดินเที่ยวเฉพาะบริเวณรอบๆ ดีกว่า ไม่ต้องดงต้องดูมันล่ะ


มาเดินถ่ายรูปเล่นที่บริเวณรอบๆ ดีกว่า สะบายจายยย










โบสถ์ San Marco บอกแล้วว่าคนเยอะจริง


หลังจากที่เราเดินเล่นทั่วบริเวณ Piazza San Marco เราก็นั่งเรือเล่นเย็นๆ ใจ แต่ว่าไม่เย็นกายเอาซะเลย เพราะว่าอากาศวันนี้ร้อนจริงๆ ระหว่างทางก็ถ่ายรูปการสัญจรทางน้ำของผู้คนในเวนิส รวมทั้ง ถ่ายรูปเรือกอนโดล่ามาฝากจ้า

การสัญจรทางเรือก็มี Traffic jam เหมือนกันนะ



คลองเล็กๆ ในเวนิส



บรรยากาศริมน้ำ และเรือกอนโดล่า


นอกจากคลองเล็กๆ แล้ว ในเวนิสก็เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยเล็กๆ เต็มไปหมด ถนนใหญ่ อย่างในบ้านเราน่ะเหรอ ไม่มีทางได้เห็นในเวนิสเลยล่ะ สองข้างทางของตรอกซอยเล็กๆ เหล่านี้ก็จะมีทั้งร้านอาหาร โรมแรม ร้านค้าขายของที่ระลึกต่างๆ มากมาย แต่ฉันก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาหรอกนะ ยังนึกเสียดายอยู่เหมือนกันว่า น่าจะถ่ายรูปบรรยากาศบนพื้นดินของเวนิสมาเก็บไว้บ้าง

เฮ้อ ทิ้งท้ายที่เมืองเวนิสแค่นี้แหละ เดี๋ยวจะต้องไปเอารถ แล้วก็ศึกษาเส้นทางที่จะไปยังเมือง Innsbruck กันที่โรงแรมซักหน่อย เสร็จแล้วค่อยออกเดินทางกันต่อ

__________________________________________


เมื่อเรากลับมาถึงโรงแรมที่พัก สิ่งแรกที่เราทำก็คือ เปิดอินเตอร์เนตของโรมแรม เพื่อลุ้นว่าอากาศที่เมือง Innsbruck ในออสเตรีย จะเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากว่าครั้งสุดท้านที่เราดูพยากรณ์อากาศมาก็คือ วันที่เราพักที่เมือง Bern แล้ววันนั้นเราดูมาว่าจะมีฝนตกที่อินสบูร์ก วันนี้เราก็เลยลองมาลุ้นกันอีกทีว่า อากาศจะดีขึ้นหรือเปล่า แต่กลับกลายเป็นว่า นอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้ว ยังมีทีท่าว่าจะแย่ลงซะด้วยซ้ำ แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าโปรแกรมได้วางเอาไว้แล้ว เราก็เลยตัดสินใจไปเที่ยวอินส์บูกต่อนั่นแหละ

ระยาทางก็เวนิสไปอินส์บูร์ค่อนข้างไกล นั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เกือบ 4 ชั่วโมง เราจึงวางแผนที่จะแวะเข้าไปเดินเล่นที่เมืองเล็กๆ ซักเมืองริม Gardasee ซึ่งเป็นทะเลสาบทางตอนเหนือของอิตาลี เพื่อยืดแข้งยืดขากันซักเล็กน้อย หลังจากได้วางแผนเสร็จเรียบร้อย เราก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลยยยย ไปโลด
__________________________________________


ณ เมือง Lazise ริม Gardasee

หลังจากออกจากโรมแรม เราก็ตัดสินใจแล่นมาเรื่อยตามถนนสายที่ไม่ใช่ Autobahn เพื่อที่จะประหยัดค่าผ่านทางนั่นเอง ขับมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง Gardasee นั่นแหละ จากนั้นเราก็ลองตัดสินใจสุ่มเลี้ยวรถเข้าไปเมืองที่มีชื่อว่า Lazise (ไม่ค่อยเน่ใจเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะเป็นชื่อนี้ปหละ) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริม Gardasee

ตอนที่มาถึงก็ประมาณ 5-6 โมงเย็นแล้ว แดดร่มลมตกนิดหน่อย ก็เลยมีผู้คนพาครอบครัวออกมาเดินเล่นให้เห็นประปราย มาดูบรรยากาศของเมือง Lazise กันดีกว่า







เอารูปมาลงให้ดูบรรยากาศของเมืองเล็กๆ เฉยๆ ไม่มีคำบรรยายใดๆ จ้า

เสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันต่อได้ ที่นี้ พวกเราตัดสินใจขึ้นไปขับบนทาง Autobahn ล่ะ เพื่อที่จะได้ตรงดิ่งไปที่เมืองอินส์บูร์กได้เลย

หลังจากที่เริ่มเข้าเขตออสเตรีย ความใสกระจ่างของท้องฟ้าก็ดูจะเริ่มหม่นหมองลงไปทันที ท้องฟ้ายามเย็นไม่สดใสอย่างหลายวันผ่านมา แต่กลับเต็มไปด้วยหมอกหนาที่ปกคลุมอยู่ ยิ่งเข้าไปในออสเตรียมากขึ้นเท่าไหร่ หมอกก็ยิ่งหนาขึ้นเท่านั้น


หมอกหนาระหว่างทาง


เส้นทางจากอิตาลีทางตอนเหนือจนมาถึงอินส์บูร์ก เค้าเรียกว่า South triol วิวทิวทัศน์งดงามมากจริงๆ สองข้างทางที่รถแล่นผ่านห้อมล้อมไปด้วยหุบเขาน้อยใหญ่ และทุ่งหญ้าสีเขียวขจี สลับสับเปลี่ยนไปกับเมืองเล็กๆ ที่มีให้เห็นประปรายเป็นหย่อมตามทางที่รถแล่นผ่าน จนฉันได้แต่คิดว่า นี่ขนาดวันอากาศไม่ดี ธรรมชาติของ South Triol ยังงดงามได้ถึงเพียงนี้ แล้วถ้าอากาศดีๆ ล่ะ จะงดงามมากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าอากาศจะดี หรือไม่ดี เราก็ได้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป สวยงามทั้ง 2 แบบนั่นแหละ และถ้ามีโอกาส ฉันก็อยากจะมาท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติของ เขตนี้อีกครั้งหนึ่ง

หลังจากที่พร่ำเพร้อมานาน ในที่สุด เราก็มาถึงอินส์บูร์กจนได้ แต่ที่พักของเราคืนนี้ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองอินส์บูร์กหรอกนะ แต่อยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่า Rum ที่อยู่ห่างจากอินส์บูร์กไม่ถึง 2 กิโลเมตร หลังจากที่โทรถามทางจากเจ้าของบ้านพัก เราก็ไปถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ

เมื่อจัดแจงวางเข้าของสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกไปหาอาหารเย็นทานที่หมู่บ้านใกล้ๆ อีกหมู่บ้านนึง เป็นร้านเล็กๆ น่านั่งมาก ตอนที่เราไปถึงลูกค้าค่อนข้างน้องเพราะว่าค่อนข้างดึกพอสมควร ก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ นั่นแหละ นับว่าเป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดมื้อแรกของทริปนี้เลยแหะ ไม่งั้นก็จะได้กินแต่พิซซ่า หรือไม่ก็ขนมปัง

จบเรื่องราวของวันนี้เพียงเท่านี้ดีกว่า แล้วพบกันใหม่ที่เมือง Innsbruck

ปล. คำเตือน

สำหรับคนที่กำลังจะไปเที่ยวอิตาลี ขอแนะนำให้เดินทางโดยสารโดยรถไฟดีกว่า เนื่องจากว่า ถ้าขับรถบน Autobahn นั้น จะต้องเสียค่าธรรมเนียมแพงมากๆ ในความรู้สึกของฉัน โดยเส้นทางจากมิลานไปปิซ่า ค่าธรรมเนียมตกราวๆ 18 ยูโร ซึ่งโดยรวมทั้งหมด พวกเราเสียค่าธรรมเนียมขึ้น Autobahn ในอิตาลีทั้งหมด 50 ยูโรเห็นจะได้




...Click here to continue reading...







Create Date : 14 กันยายน 2548
Last Update : 4 เมษายน 2551 21:49:50 น.
Counter : 1613 Pageviews.

2 comments
  
กำลังวางแผนจะขับรถในอิตาลีอยู่เลยค่ะ คุณแก้ว

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ และข้อมูลนะคะ
โดย: popcycle IP: 58.9.36.168 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:19:25:41 น.
  
ขอบคุณมากๆค่ะ ...!
งงอ่ะดิ
ได้ข้อมูลทำการบ้านแย้ว
โดย: นู๋เฌอแตม IP: 125.24.135.254 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:11:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Yai Kaew
Location :
Nordrhein-Westfalen  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



New Comments
กันยายน 2548

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
  •  Bloggang.com