|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การคลุกคลี 2
ต่อจากตอนที่แล้ว ขอยกข้อความในพระไตรปิฎกมาดังนี้
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายจักไม่มีการคลุกคลีด้วยหมู่คณะเป็นที่มายินดี จักไม่ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ จักไม่ประกอบเนือง ๆ ในความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ตลอดกาลเพียงไร ภิกษุทั้งหลาย พึงหวังความเจริญอย่างเดียว หาความเสื่อมมิได้เลย
ถ้าได้อ่านตอนที่แล้วคงจะทราบว่า คำว่า คลุกคลี ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึงการเกลือกกลั้วกับอกุศล คืออะไรก็ตามที่ทำให้ติดข้องอยู่กับอกุศลมูล3 (โลภะ โทสะ โมหะ) เรียกว่าการคลุกคลีทั้งนั้น
เพราะเหตุใด ผู้ที่สนใจทางธรรมะหลายๆท่าน มักจะไม่ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ที่เนื่องด้วยเรื่องราวทางโลก เหตุผลสำคัญ ก็เพราะว่าการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ตามประสาปุถุชนทั่วไป มักจะเป็นเหตุให้อกุศลมูล3กำเริบ อีกทั้งยังเป็นเหตุให้เสพคุ้นเรื่องราวที่สะสมสภาพธรรมฝ่ายอกุศลมากขึ้น และเพราะเหตุที่สะสมสภาพธรรมฝ่ายอกุศลมากขึ้น สติเจตสิกจึงเกิดได้ยาก เพราะอกุศลมูล3มีกำลัง เมื่อสติเจตสิกเกิดได้ยาก การที่จะเข้าใจขณะที่สภาพธรรมกำลังปรากฏ ว่าเป็นเพียงจิต เจตสิก ไม่ใช่เรา จึงเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก เมื่อสภาพธรรมเหล่านี้ไม่ปรากฏ ก็ยากที่ปัญญาเจตสิกจะเกิด เมื่อปัญญาเจตสิกไม่เกิด ก็ยากที่จะดับทุกขสัจจ์ต่างๆ เมื่อดับทุกขสัจจ์ต่างๆมิได้ ก็ยังมีโอกาสที่จะกระทำอกุศลกรรมต่อไป เมื่อยังกระทำอกุศลกรรมแม้เพียงเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่ต้องหวังพระนิพพาน หรือแม้แต่สุคติภูมิ
Create Date : 02 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2553 10:03:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 459 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|