หลังจากฤๅษีถูกกะเหรี่ยงอิสระ (KNU) จับตัวไป ลุงพินิจรอคอยการมาถึงของ มิตรจากตะวันออก ตามคำพยากรณ์ของฤๅษี จนกระทั่งได้ข่าวการมาถึงของผู้บุกเบิกงานเขตอุ้มผางที่ขยายมาสู่ชาวม้งทุ่งนาน้อย เขาก็ได้เดินทางไปรอพบ ในที่สุดก็สามารถพบและประสานงาน นำ พ.ค.ท. เข้าสู่ลุ่มแม่จันและทุ่งใหญ่นเรศวร ครอบคลุมอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก อำเภอสังขละบุรีและอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี จนถึงอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
ผมถามลุงพินิจว่า รู้ได้อย่างไรว่าเจอถูกคน ลุงพินิจตอบว่า ได้จับชีพจร สัมผัสเลือด ลม แล้ว มั่นใจว่าถูกต้องตามคำสั่งเสียของฤๅษี
ในช่วง 2519 ลุงพินิจรับผิดชอบเขตงานสังขละบุรี มีสำนักอยู่ที่จะแก ครอบคลุมตำบลไล่โหว้ เรียกว่าเขต ต.16 น่าจะหมายความว่า ได้แยกเป็นเขตงานต่างหากในปี 2516
อาจจะด้วยความเป็นลูกศิษย์ฤๅษี เขาจึงได้รับมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบการขยายงานที่ทุ่งใหญ่นเรศวร เนื่องจากชาวกะเหรี่ยงที่นี่นับถือฤๅษี ต่อมา พ.ค.ท. มีเข็มมุ่งขยายงานไปเชื่อมกับภาคกลาง โดยเขต ต.16 เป็นฐานการขยาย
หลังการวางอาวุธ ลุงพินิจมาอยู่ที่บ้านมอทะ จนกระทั่งประมาณ 2545 หลังจากผ่านความขัดแย้งที่รุนแรง ลุงพินิจได้เริ่มงานฟื้นฟูวิถีกะเหรี่ยงลุ่มแม่จันดั้งเดิม ผ่านความเชื่อฤๅษี ลุงพินิจได้ตีความใหม่ เช่น อนุญาตให้เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูได้ แต่ข้อห้ามการกินเหล้ายังคงเป็นข้อห้ามสำคัญ เช่น การห้ามกินเหล้า และนำเหล้าเข้าในหมู่บ้าน
ลุงพินิจอธิบายเรื่องข้อห้ามเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู ฤๅษีห้ามเพียง 2 ปี 7 เดือน ระหว่างการอพยพหนีพม่าจากมัณฑะเลย์ มาสู่ดินแดนทางใต้ เพราะไก่ขันทำให้พม่าสามารถรู้ร่องรอยการเดินทางของชาวกะเหรี่ยง ตอนนี้ก็พ้นระยะเวลาห้ามแล้ว ก็สามารถเลี้ยงได้เหมือนเดิม
เทศกาลสำคัญแรกของการฟื้นฟูคือ ปีใหม่ฤๅษี ที่จะจัดขึ้นในเดือน 4 เทศกาลนี้มีการร่วมภาวนา 7 วัน 7 คืน ระหว่างขึ้น 8 ค่ำ ถึง ขึ้น 15 ค่ำ ในระยะแรก มีคนเข้าร่วมประมาณ 10 ครอบครัว ผ่านไป 10 ปี ผู้เข้าร่วมมาจากทุกหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ บนลุ่มแม่จัน มากกว่า 100 ครัวเรือน มีผู้เข้าร่วมในวันขึ้น 15 ค่ำหลายร้อยคน
ศาลาพักของลานพิธีกรรม ที่สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ไผ่ ก็ได้เปลี่ยนเป็นไม้จริง มีการปลูกพืชยืนต้น เช่น ต้นหมาก ในบริเวณลานพิธีกรรม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของชุมชนนี้
ลุงพินิจ ได้จัดตั้งกองทุนของชุมชนในลักษณะของกองทุนสวัสดิการชุมชน ที่มีแนวคิดกองทุนจัดตั้งภายใต้ความเชื่อฤๅษี กองทุนนี้จะรวบรวมเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้มีเหตุจำเป็น ลุงพินิจบอกว่า ถ้ากองทุนนี้ดำรงได้นานกว่า 3 ปี ชุมนุมของเราจะมีความมั่งคั่ง
เมื่อจะเย่ หรืออดีตผู้ใหญ่สมหมายได้ก่อตั้งกลุ่มต้นทะเล ผู้เข้าร่วมกับความเชื่อฤๅษีของลุงพินิจได้เข้าร่วมกลุ่มนี้ทันที
กลุ่มต้นทะเลได้รับการสนับสนุนจากอภัยภูเบศร์ ด้วยการรับซื้อขมิ้นแห้งจากกลุ่มปีละ 6 ตัน ทำให้สมาชิกกลุ่มได้รับการจัดสรรรายได้ จึงดูเหมือนว่า คำพยากรณ์ของฤๅษีในเรื่องกองทุนสวัสดิการชุมชนกำลังเป็นจริง
ความมุ่งมั่นของลุงพินิจ ก็ได้ปรากฏดอกผลในที่สุด