การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างบุคคลของชาวม้งดีกว่าชาวที่ราบ
ประชา แม่จัน เย็นวันหนึ่งขณะที่ออกกำลังกายในสวนสาธารณะหมู่บ้าน เพื่อนบ้านบ่น เรื่องต้นกล้วยของเขาถูกฟันทิ้งโดยมือมืดกล้วยของเขาปลูกบนทางเท้าข้างบ้าน เพราะบ้านของเขาเป็นทาวเฮาส์ห้องริม เขาบอกว่าถ้ารู้ว่าเป็นใคร ก็ต้องสั่งสอน จากนั้นก็สนทนาถึงเรื่องบ้านที่ป้องกันคนเขามาขโมยของด้วยการกั้นลวดไฟฟ้าผมบอกว่า วิธีการนี้รุนแรงเกินไป ถ้ามีคนตายเพราะไฟช๊อตจากลวดไฟฟ้าเจ้าของบ้านก็โดนคดีฆ่าคนตายอีกแล้วผมเล่าถึงประสบการณ์ของผมเกี่ยวกับแก้ไขความขัดแย้งระหว่างบุคคลของชุนชนชาวม้ง ผมเล่าว่าชุมชุนม้งจะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างบุคคลด้วยการเผชิญหน้าและโต้แย้งอย่างเปิดเผยผมเคยไปค้างคืนกับเพื่อนชาวม้งที่พบพระ เขาเล่าให้ฟังว่า ถ้ามีปัญหาระหว่างบุคคลเช่น มีคนไปขโมยของ ถ้ามีพยานแวดล้อมที่เชื่อว่าเพื่อนบ้านไปขโมยก็จะนำเรื่องนี้มาพูดคุยกัน ถ้าคนถูกกล่าวยอมรับผิดก็อาจจะถูกตักเตือนหรือเสียค่าปรับตามแต่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้ ทำให้ผมจำได้คลับคล้ายว่า นานมาแล้วเคยเข้าร่วมเหตุการณ์ทำนองนี้ที่บ้านทุ่งนาน้อย แต่จำไม่ได้ว่าเป็นเรื่องในครั้งนั้นก็มีผู้ใหญ่ในหมู่บ้านที่พวกเขานับถือเป็นประธาน การโต้แย้งครั้งใช้เวลาสองวัยสองคืนดูเหมือนมีฝ่ายหนึ่งโดนปรับ ปัจจุบันบ้านทุ่งนาน้อยถูกกว้านต้อนมาอยู่ในพบพระหลังจากพคท.จังหวัดตาก และกองกำลัง ทปท.วางอาวุธ การแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างบุคคลด้วยวิธีนี้สะท้อนถึงสังคมที่คนในสังคมรู้จักปกป้องสิทธิตัวเองดูเหมือนว่าสังคมม้งมีความเป็นอริยะมากกว่าสังคมคนไทยที่ราบคนในสังคมไทยไม่กล้าปกป้องสิทธิตัวเอง เพิกเฉยกับอำนาจ ไม่กล้าที่จะแสดงตัวตนของตัวเอง ในขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านผมเคยเป็นเจ้าหน้าที่ อบต.ในภาคเหนือ บอกว่า คนม้งดุมาก และพูดยากไม่เหมือนชาวบ้านคนไทย ผมตอบว่า น่าจะเป็นเพราะพวกเขากล้าปกป้องสิทธิตัวเองและต้องใช้เหตุผล การปกป้องสิทธิตัวเองของชาวม้งจึงกลายเป็นชาวม้งปกครองยาก และเรียกพวกเขาว่าพวกหัวหมอ
Create Date : 20 กันยายน 2558 |
Last Update : 20 กันยายน 2558 18:01:48 น. |
|
1 comments
|
Counter : 766 Pageviews. |
|
|