We are twin. P&P => Travelling is our life.
ความเข้าใจที่มากขึ้น...[ทวิภพ]



หลังจากที่ช่วงนี้ชีวิตหมุกมุ่นอยู่กับ "ทวิภพ" โดยเริ่มต้นจากการไปดูละครเวที "ทวิภพ เดอะมิวสิคคัล" เวอร์ชั่น โดม-นัท ที่ประทับใจสุดๆ เสียน้ำตาSmileyไปพอสมควร แต่ด้วยครั้งแรกยังไม่จุใจพอ บางตรงยังจับประเด็นไม่ค่อยทัน โดยเฉพาะส่วนที่ร้องพร้อมๆกัน เลยไปซื้อบัตรมาอีกสักรอบ และก่อนไปดูรอบที่สองก็ขออ่านนิยายทบทวนความจำเสียหน่อย เรื่องนี้เป็นนิยายเก่า แต่เราเพิ่งซื้อมาไม่เกิน 3 ปี หลังจากเพื่อนพูดกรอกหูบ่อยๆว่าอ่านเถอะ สนุกมาก คุณหลวงเทพนี่เป็นพระเอกที่เพื่อนเพ้อด้วยอีกคน









หลังจากอ่านและพูดคุยกะพี่ๆที่รู้จัก ก็ได้แผ่นละคร "ทวิภพ ปี 2537" เวอร์ชั่นตั้ว ศรัณยูและแอน สิเรียมมาดู อันนี้เพ้อหนักไปอีก น่ารักกันมากมาย Smiley ถึงแม้ดูไปจะขัดใจกับแฟชั่นเสื้อผ้าในยุคนั้นบ้างก็ตาม อาจเพราะความไม่คุ้นเคย อีกอย่างคือภาพอาจจะเก่าไปมาก แต่บทและความละเมียดละไมของละครเรื่องนี้ก็จับใจเรามาก Smiley







หลังจากดุละครเวอร์ชั่นเก่าไปแล้ว ก้ได้มีโอกาศดูละคร "ทวิภพ ปี 2554" เวอร์ชั่นอ๋อม-แพนเค้ก ด้วยความที่ปกติก้ไม่ได้ดูละครสักเท่าไหร่ แล้วตัวพระนางไม่ค่อยดึงดูด อีกทั้งเคยเห็นตัวอย่างมาบ้างซึ่งยิ่งไม่ดึงดูดเข้าไปใหญ่ แต่ก็ลองดู สรุป ไม่ชอบ Smiley ก้เลิกตัดสินใจเลิกดูไปหลังจากดูไปจริงจัง 1 ตอน และเปิดผ่านๆอีก 3-4 ตอน Smiley 



แต่ด้วยความที่ติดตามอ่านในเว็บพันธ์ทิพย์ กระทู้ของเรื่องนี้มีมาให้ดราม่ากันไม่หยุดหย่อน และเมื่อได้อ่านไปเยอะๆ ทั้งชม ทั้งวิจารณ์ทะเลาะกัน จนมาถึงความคิดเห็นของเจ้าของบทประพันธ์อย่าง "ทมยันตี"  กับคำวิจารณ์สั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง
"น่าเสียดายที่การเหวี่ยงหมัดไม่ตรงเป้า" ก็เกิดกระแสขึ้นอีกอย่างกว้างขวาง ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย SmileySmiley


และจากกระแสนี่เอง ทำให้เรากลับมามองตัวเราเองว่า เราอ่าน เราดู ไปก็มาก เราได้ซึมซับความหมายหรือความต้องการที่แท้จริงกับนวนิยายเรื่องนี้หรือไม่ คำถามนี่เกิดขึ้นและต้องลองถามตัวเองดู Smiley Smiley



แต่เมื่อเราได้ลองมาขบคิดดูแล้ว จากการที่ติดตามอ่านความคิดความเห็นของหลายๆคน ทำให้เรามีความเข้าใจในนวนิยายเรื่องนี้มากขึ้น อาจจะไม่ได้เข้าใจถึงความต้องการทั้งหมดของผู้ประพันธ์ (ซึ่งเห็นมีการถกเถียงกันว่า "ผู้ประพันธ์ต้องการอะไรกันแน่กับเรื่องนี้") ในความเข้า่ใจของเรานั้นมีดังนี้


1. เรื่องความรักและห่วงแหนในชาติ เป็นเรื่องที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนในตัวของบรรพบุรุษยุค รศ.112 ไม่มีใครอยากให้ประเทศไทยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก ความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาเอกราชของชาติไว้ ความร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่ายเพื่อให้ไทยดำรงความเป็นไทยไว้


2. ความรักความผูกพันระหว่างแม่กับลูก ทั้งคู่แม่ลูกในยุคของมณีจันทร์ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน หากก็มีความรักความห่วงใยซึ่งกันและกันเสมอ ดูเหมือนเมณี่จะสามารถพูดคุยปรึกษากับแม่ได้ทุกเรื่อง และคุณมาลิดาก็มีความเชื่อมั่นใจตัวลูกสาวอย่างมาก ไม่งั้นเธอคงไม่อาจไว้วางใจและปล่อยให้ลูกสาวคนเดียวเลือกใช้ชีวิตอยู่ในภพอดีตซึี่งไม่สามารถกลับมาพบเจอกันได้อีกแล้ว และอีกคู่คือคุณหญิงแสร์และคุณหลวงเทพฯ ถึงแม้จะเป็นแม่กับลูกชาย หากก็เป็นแม่ลูกก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน คุณหญิงแสร์ดูจะเข้าใจในความนึกคิดของลูกชายตลอด ร่วมทั้งยังเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณหลวงด้วย มีสิ่งใดก็พูดคุยปรึกษากันได้ แม้ทั้งสองจะมีความแตกต่างทางความคิดอยู่ไม่น้อย ระหว่างความคิดแบบคนโบราณของคุณหญิงและความคิดทันสมัยจากการเล่าเรียนต่างประเทศของคุณหลวง ทั้งสองความสัมพันธ์แม่ลูกเป็นความสัมพันธ์ที่เรียบง่าย แต่หากก็เป็นความสัมพันธ์ของแม่ลูกที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่จะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต



3. ความรักของหนุ่มสาว ในทวิภพจะแสงให้เห็นถึงความรักที่ไร้ความแตกต่างทางกาลเวลา และเป็นความรักที่เกิดจากการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความรักที่เป็นมากกว่าเพียงเจอหน้าแล้วตกหลุมรัก หากเป็นความรู้สึกที่ก่อเกิดจากความประทับใจ เมื่อแรกอาจเพียงเป็นความรู้สึกแปลกใหม่กับความที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ หากแต่ความรักไม่ได้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ง่ายดายเพียงแค่นั้น จากที่คุณหลวงและแม่มณีกล้าที่จะรักคนที่แตกต่างกันเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะเป็นคนที่เกิดคนละยุคสมัย นอกจากนี้เพียงคำว่า "รัก" แล้ว การจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันของคนที่มีความแตกต่างกันมากๆ การปรับตัวของทั้งสองฝ่ายเป็นส่วนสำคัญ และการให้เกียรติซึ่งกันและกันก็สำคัญมากๆด้วย ร่วมกันคิดร่วมกันสร้างสิ่งต่างๆร่วมกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก


"อย่าพยายามปรับเปลี่ยนให้เขาให้มาเป็นแบบของตัวของฉัน หากแต่จะร่วมกันปรับเปลี่ยนตัวของตัวเองเพื่อร่วมกันเดินบนทางของเรา"


4. สิ่งสุดท้ายที่เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้นคือ "อย่าตัดสินคนอื่นโดยใช้บริบทของตัวเรา" สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราเข้าใจมากขึ้น จากการฟังทัศนคติของคุณหญิงทมยันตีที่กล่าวถึงในการแสดงละครเวทีครั้งแรก และการเถียงกันอย่างกว้างขวางถึงแก่นของนิยายเรื่องนี้ ด้วยคนในปัจจุบันอาจจะคิดๆกันว่า เราไม่น่าจะต้องเสียแผ่นดินบางส่วนให้ต่างชาติก็ได้ หากเรามีศักยภาพเพียงพอ โดยคิดเอาว่าบรรพบุรุษนั้นมีความสามารถหรือศักยภาพไม่เพียง หากเรามีนั้น มีนี่ เราจะต้องรักษาผืนแผ่นดินของเราไว้ได้ โดยไม่ต้องเสียให้ใคร เหมือนดังที่นางเอกของเรื่องหรือมณีจันทร์ มีความคับข้องใจเสมอๆ หากแต่เมื่อมณีจันทร์ได้กลับคืนสู่ช่วงเวลานั้น เธอก็ได้พบว่าทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาแผ่นดินไว้ ด้วยศักยภาพทั้งหมดของบรรพบุรุษ ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนในชาติ เพราะฉะนั้นเราไม่อาจเอาจุดที่เรายืนอยู่ไปตัดสินว่าคนอื่นกระทำการไม่เต็มที่ในจุดที่เขายืนอยู่


วันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราทุกคนจะต้องรักษาและทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด เต็มความสามารถที่สุด และใช้ศักยภาพของเราใช้เต็มที่ที่สุด เผื่อในวันข้างหน้าได้มองย้อนมาจะได้ไม่นึกเสียใจว่าหากในวันนั้นเราทำดีกว่านี้ ทุกอย่างคงดีกว่านี้ หากเมื่อทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด เราจะยืดอกได้เต็มภาคภูมิว่า "ฉันได้ทำมันอย่างดีที่สุดแล้ว"




Create Date : 22 สิงหาคม 2554
Last Update : 22 สิงหาคม 2554 13:45:32 น. 0 comments
Counter : 2421 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PaB_KaP
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add PaB_KaP's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.