เปิดตัวหนังสือภาพ "ภิรมย์ภาพภักดี"
เปิดอีกบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่พสกนิกรชาวไทย ควรค่าแก่การได้เห็นจาก "คลังภาพ" ที่มีโอกาสถวายงานด้วยการถ่ายภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ระหว่างทรงงานมากว่า 30 ปี
ถือเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต และเป็นผลงานรูปถ่ายที่เป็น "ที่สุด" ของ จำนงค์ ภิรมย์ภักดี
ในงานจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย และเปิดตัวหนังสือภาพ "ภิรมย์ภาพภักดี" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานทรงเปิดนิทรรศการภาพถ่าย
โดยมี จำนงค์-สันติ-จุตินันท์-ม.ล.ปิยาภัสร์-ปิติ ภิรมย์ภักดี, ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ, อานันท์ ปันยารชุน, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เฝ้าฯรับเสด็จ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน
จำนงค์เล่าว่า บรรดาภาพถ่ายเหล่านี้เริ่มจากที่ผมตามเสด็จฯ ทั้ง 2 พระองค์ในการเสด็จฯไปทรงงานในที่ต่างๆ ผมเป็นคนชอบถ่ายรูป จึงพกกล้องติดตัวไปด้วย พอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ และรู้ว่าผมสนใจเรื่องกล้องเหมือนที่พระองค์สนพระราชหฤทัย
พระองค์ก็รับสั่งพูดคุยเรื่องกล้องกับผมจากนั้นเป็นต้นมา และยังพระราชทานอนุญาตให้ผมถ่ายภาพที่เป็นพระอิริยาบถของพระองค์ด้วย
จำนงค์เล่าถึงความประทับใจ ในการถวายงานถ่ายภาพว่า วันหนึ่งระหว่างยืนเข้าแถวส่งเสด็จ มีแขกบ้านแขกเมืองมาร่วมมากมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระดำเนินตรงเข้ามา พอถวายคำนับ เงยหน้าขึ้น ทรงยื่นพระหัตถ์มา แล้วรับสั่งว่า
"เอาไปล้าง อัดมาให้ด้วย"
"ซึ่งพอกลับถึงบ้าน ผมไม่รู้เอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน เข้าห้องมืดล้างอัดฟิล์มส่วนพระองค์ม้วนนั้นจนถึงเช้า ทุกวันนี้ยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ไม่รู้ลืม ประทับใจมากๆ"
ไม่เพียงเท่านั้นเพราะในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่เขานั่งทำงานอยู่ที่บริษัทก็มีโอกาสครั้งสำคัญเข้ามา
"มีโทรศัพท์โทร.มาแจ้งว่า มีรับสั่งให้ผมไปฉายพระรูปที่พระบรมมหาราชวัง ผมกังวลใจว่าจะเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้วไปทันหรือไม่ โชคดีตอนนั้นมีนายดาบตำรวจคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าบ้านพอดี
จึงขอให้เขารีบนำทางไปยังวังหลวง พอถึงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลงแล้ว ผมยังเห็นภาพฝรั่งยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ เพราะไฟฉายพระรูปของเขาเกิดขัดข้อง"
"จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ต้องพระราชประสงค์จะฉายพระรูปที่พระทวารอีกภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตร์มารับสั่งว่า ให้เวลาเตรียมตัว 5 นาที
ตอนนั้นแม้อุปกรณ์ไม่ครบกับเวลาอันเร่งรีบ แต่ก็ถือว่าพระรูปนั้นเป็นพระรูปที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม
เพราะคราใดที่มีพระราชอาคันตุกะต่างประเทศเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรูปนี้ให้เป็นของที่ระลึก โดยมีผมเป็นผู้ถวายงานในการอัดขยายพระรูปนี้เสมอมา"
จำนงค์ยังเก็บภาพเหตุการณ์ที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำมิรู้ลืม
"ทุกครั้งที่มีโอกาสตามเสด็จฯ ไปในที่ต่างๆ ล้วนมีเรื่องราวที่น่าประทับใจ อย่างครั้งที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ พื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่สีแดง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรจนตะวันคล้อย
จวนจะค่ำมีชาวบ้านเจ็บหนัก ต้องผ่าตัดด่วนซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ต้องเสด็จฯ กลับ เพราะฟ้าเริ่มปิด ทำให้ทัศนวิสัยในการบินจำกัด แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดให้หมอหลวงประจำพระองค์ทำการผ่าตัดด่วน โดยให้รถพระที่นั่งและรถในขบวนเสด็จฯ ล้อมวงกลมเปิดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยให้มีแสงสว่างในการผ่าตัด
"ด้วยทรงห่วงใย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ใกล้ๆ เมื่อการผ่าตัดสำเร็จเรียบร้อย ทรงรอจนแน่พระทัยว่าปลอดภัย ราชองครักษ์จึงจัดเตรียมรถพระที่นั่งเพื่อจะเสด็จฯ กลับทางรถยนต์ ซึ่งคงต้องใช้เวลาเกือบตลอดคืน กว่าจะถึงพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
"แต่ ณ บัดนั้น ฟ้าที่เดิมปิดด้วยเมฆหมอก ก็เปิดโล่งเป็นอัศจรรย์ ดวงจันทร์ส่องสว่าง นักบินเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งกราบบังคมทูลว่า สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้ด้วยแสงจันทร์นี้ จึงทำให้เสด็จฯ กลับทางเฮลิคอปเตอร์ได้
นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ประจักษ์ ทั้งในเรื่องช่วยให้ชาวบ้านรอดชีวิต และสามารถนำเครื่องขึ้นบินกลับด้วยความราบรื่นปลอดภัย"
ด้านการถวายงานใกล้ชิดจึงเป็นที่สุดในชีวิตของผู้ชายคนนี้
"เมื่อนำพระบรมฉายาลักษณ์ที่ฉายไว้มาเรียบเรียง เรื่องราวในความทรงจำก็กลับคืนมาเป็นความสุข ที่ไม่มีอะไรเทียบได้เลย" จำนงค์กล่าวทิ้งท้าย
(ที่มา:มติชนรายวัน 23 สิงหาคม 2557)
ขอบคุณ มติชนออนไลน์ - มติชนรายวัน
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 24 สิงหาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2557 18:18:27 น. |
Counter : 3069 Pageviews. |
|
|
|