"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 
27 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
"เล่าให้ลูกฟัง" หนังสือดี ว่าด้วยชีวิตข้าราชการมหาดไทยยุคใกล้อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์







"เล่าให้ลูกฟัง" หนังสือของ "พระยาสัจจาภิรมย์ อุดมราชภักดี" (สรวง ศรีเพ็ญ) เป็นหนังสืออัตชีวประวัติที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของข้าราชการมหาดไทย ยุคใกล้อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในช่วงรัชกาลที่ 6-7

จนถือเป็นบันทึกสำคัญชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์การปกครองไทยในยุคก่อน 2475 ที่ไม่อาจหาอ่านได้ในตำราประวัติศาสตร์ทั่วไป

น่าเสียดาย ที่หนังสือทรงคุณค่าเล่มนี้ มีโอกาสได้ตีพิมพ์เพียง 2 ครั้งเท่านั้น กระทั่งล่าสุด สำนักพิมพ์มติชนตัดสินใจขออนุญาตนำเอาบันทึกดังกล่าวมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ.2557

และนี่คือเนื้อหาเปี่ยมสีสันส่วนหนึ่งจากหนังสือ "เล่าให้ลูกฟัง"

"ส่วนตัวพ่อเองก็รู้สึกภูมิใจที่ตนเองมีความรู้การปกครองและมีตำแหน่งสูงขึ้น ทั้งทะนงตนว่าเสด็จในกรมฯ (กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ ข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลปราจีนบุรี - มติชนออนไลน์) โปรดด้วย จึงกระทำราชการด้วยความเคร่งครัด ไม่ยอมผ่อนปรนให้ใครตามวิสัยคนหนุ่มคะนองเกียรติ

"ขณะนี้ที่อำเภอบางคล้า มีโรงต้มกลั่นสุราอยู่ติดกับเขตของอำเภอ จีนไขบุ๋นเรียกกันว่าอากรไขบุ๋น เป็นเจ๊กแก่ อายุราวสัก ๖๐ ปี พูดเก่ง กำลังกายแข็งแรงเป็นผู้ผูกขาดต้มกลั่นสุราแต่ผู้เดียวในเมืองฉะเชิงเทรา

ไขบุ๋นก็เป็นคนโปรดปรานของเสด็จในกรมฯ มากอยู่ ถึงกับให้หรือขายที่ดินสร้างตึกอยู่หน้าวังของพระองค์ท่านที่มักกะสัน

"ต่อมากิจการของโรงกลั่นต้มเกิดขัดกันกับทางอำเภอ ที่พ่อเป็นนายอำเภออยู่หลายอย่าง แต่เป็นเรื่องระเบียบการเล็กๆ น้อยๆ พ่อก็มิได้ยอมผ่อนผันให้ นัยว่าไขบุ๋นไปฟ้องเสด็จในกรมฯ ว่ากระไรไม่ทราบครั้ง ๑ หรือ ๒ ครั้ง

เสด็จในกรมฯ เคยรับสั่งกับพ่อว่า โรงต้มกลั่นนั้นผลประโยชน์เป็นของหลวง ให้พ่อเอาใจใส่ดูแลบ้าง เมื่อได้ฟังพระกระแสเช่นนั้น พ่อก็ไม่รู้สึกตัว ยังคงเคร่งครัดต่อระเบียบการอยู่

ตัวไขบุ๋นเองเคยมาพูดกับพ่อเป็นทำนองจะให้สินน้ำใจอะไรสักอย่าง พ่อกลับปฏิเสธและกล่าวตำหนิค่อนข้างแรง จนพ่อเองรู้สึกว่าไขบุ๋นไม่พอใจในพ่อเป็นอย่างมาก

"ครั้นอยู่มาไม่กี่มากน้อย ถึงวันที่ ๑ เมษายน ร.ศ.๑๑๒ พ.ศ.๒๔๕๐ พ่อก็ถูกสั่งย้ายไปเป็นนายอำเภอบ้านนา เมืองนครนายก ซึ่งเวลานั้นเป็นอำเภอป่าเปลี่ยว โดยพ่อไม่รู้ว่ามีเหตุผลกลใด ก็จำต้องย้ายไปตามคำสั่ง ...

ครั้นมาอยู่อำเภอบ้านนาได้ ๓ เดือนเท่านั้น ก็ได้รับคำสั่งอีก ให้พ่อไปเป็นรองปลัดเมืองนครนายก (ต่อมาเรียกตำแหน่งนี้ว่า สัสดี แล้วเปลี่ยนเป็น เสมียนตรา) เป็นตำแหน่งชั้นรองกรมการ ลดเงินเดือนลงมา คงได้รับเดือนละ ๖๐ บาท

ทีนี้ซิพ่อรู้สึกเอะใจว่าอะไรกัน เพราะพ่อไม่เคยได้กระทำผิดอะไรสักอย่าง ประเดี๋ยวย้ายไปอำเภอป่า ประเดี๋ยวย้ายลดตำแหน่ง ลดเงินเดือน พ่อสังเกตหน้าเพื่อนฝูงที่เป็นข้าราชการเคยชอบพอกันมา

สีหน้าเขาบอกให้พ่อรู้สึกว่าเขาไม่อยากจะสมาคมกับพ่อ โดยกลัวเสด็จในกรมฯ เพราะพฤติการณ์เวลานั้นมีอยู่ว่า เสด็จในกรมฯ กริ้วโกรธผู้ใดแล้ว ใครขืนไปคบค้าสมาคมด้วย ผู้นั้นเป็นถูกกริ้วโกรธด้วย

ถ้าเสด็จในกรมฯ กริ้วโกรธแล้ว ก็นับว่าหมดหวังในทางที่จะได้เงินเดือนขึ้น หรือได้เลื่อนตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น คล้ายถูกสาปให้เป็นหมาหัวเน่า

เพราะเหตุนี้จึงทำให้พ่อสังเกตได้ว่า บรรดาข้าราชการและเพื่อนฝูงทั้งหลายที่มีอคติติดตัวอยู่ ได้มีอาการอันเหินห่างอย่างไรชอบกล..."

(หน้า ๖๐-๖๑)

"ต่อมาในเดือนมิถุนายน ร.ศ.๑๒๘ พ.ศ.๒๔๕๒ ทางการก็ย้ายให้พ่อไปเป็นเสมียนตรามณฑลปราจีน อยู่ที่เมืองฉะเชิงเทรา ได้เงินเดือนๆ ละ ๑๐๐ บาทเท่าเดิม เมื่อครั้งยังไม่ถูกถอด

เสด็จในกรมฯ ได้โปรดให้พ่ออยู่บ้านหลังหนึ่งในเขตวังของท่าน นับว่าหายกริ้วกันแล้ว แต่พ่อไม่วายคิดว่าอะไรเป็นเหตุทำให้ในกรมฯ ทรงกระทำแก่พ่อถึงเพียงนั้น

เพราะก่อนที่พ่อจะย้ายมาอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา พระยาจ่าแสนยบดีก็ย้ายมาเป็นข้าหลวงมหาดไทย และอัยการมณฑลปราจีนก่อนแล้ว ท่านอยู่แพจอดอยู่หน้าบ้านที่พ่ออยู่ พ่อจึงได้ถามความข้องใจที่พ่อต้องย้าย และถูกลดตำแหน่งเงินเดือน

พระย่าจ่าแสนยฯ บอกแก่พ่อว่า อากรไขบุ๋นมาฟ้องในกรมฯ หลายข้อหลายประการ แต่ข้อใหญ่นั้นหาว่าพ่อต้มเหล้าเถื่อน ครั้นเมื่อได้ทำโทษพ่อไปแล้ว ท่านจึงได้ทรงทราบจากหม่อมเจ้าบุตรารัตนานพ ซึ่งไปเป็นนายอำเภอบางคล้าแทนพ่อว่า

ส่วนสำคัญเรื่องต้มเหล้านั้นไม่เป็นความจริงเลย ไขบุ๋นทูลเท็จ เพราะไม่พอใจพ่อที่เป็นผู้ขัดขวางเขาในกิจการของโรงต้มเหล้าหลายอย่าง เมื่อพ่อได้ฟังพระยาจ่าแสนย์ฯ เล่าเช่นนี้ ก็นึกเสียว่าเป็นคราวเคราะห์แล้วก็ให้แล้วไป แต่ไม่วายรู้สึกติเตียนเสด็จในกรมฯ ว่า หูเบา เชื่อง่าย ตามนิสัยของเจ้านายผู้เรืองอำนาจราชศักดิ์ชั้นผู้ใหญ่"

(หน้า ๖๔-๖๕)

"ในระหว่างที่พ่อเป็นเจ้าเมืองฉะเชิงเทราอยู่นี้ มีคนๆ หนึ่งชื่อหลวงวิชิตภักดี (ม.ร.ว.กล่ำ) เธอเป็นสรรพากรมณฑล เป็นผู้ที่ประจบประแจงเก่ง มีเรื่องอะไร แม้แต่เล็กน้อยก็ทูลฟ้องในกรมฯ เสียเรื่อย ครั้งเมื่อพ่อเป็นอัยการจังหวัดหรืออะไรไม่แน่ ได้ฟ้องพ่อครั้งหนึ่งถึงกับในกรมฯ กริ้วพ่อ

ครั้นภายหลังก็ปรากฏว่าพ่อไม่ผิดอะไรเลย แล้วกันไป ครั้นเมื่อสมัยพ่อเป็นเจ้าเมืองเวลานั้น ในกรมฯ ประชวร ไปประทับที่วังมักกะสัน รับสั่งไว้ว่า เรื่องที่เกี่ยวกับพระคลังข้างที่ ถ้าพ่อจะสั่งการอย่างใดให้ปรึกษากับพระยาจ่าแสนยฯ (เวลานั้นเป็นพระสุนทรพิพิธ อัยการมณฑล) และให้เสนอในที่ประชุม

ที่ท่านสั่งเช่นนี้ก็เพราะตามระเบียบการธรรมดา พ่อเป็นผู้แทนพระองค์ท่าน เมื่อมิได้อยู่บัญชาการจะโดยประชวรหรือเสด็จไปกิจการ ณ ที่อื่น พ่อย่อมมีอำนาจสั่งการงานในหน้าที่เทศาฯ ได้ทุกอย่าง ท่านจึงเกรงว่าพ่อจะสั่งการผิดๆ ถูกๆ จึงกำชับไว้เฉพาะเรื่องของพระคลังข้างที่

ในระหว่างนี้ก็มีเรื่องพระคลังข้างที่ดูเหมือนเรื่องแป๊ะเจี๊ยะตลาดแผงลอย พ่อก็ได้ปรึกษากับพระยาจ่าแสนย์ฯ และนำเสนอในที่ประชุมตามระเบียบแล้ว แต่ทั้งพระยาจ่าแสนย์ฯ และที่ประชุมก็ยอมทำตามความคิดความเห็นของพ่อทุกอย่าง

ส่วนหลวงวิชิตภักดีเข้าใจว่าพ่อสั่งการโดยพลการ จึงทูลฟ้องในกรมฯ ในเวลาที่ทรงประชวรอยู่ที่มักกะสัน ทราบว่าในกรมฯ กริ้วพ่อเสียยกใหญ่โดยหาว่าอวดดี พ่อเห่อเหิมอยากจะเป็นเทศาฯ เสียเอง ฝืนคำสั่งของพระองค์ท่าน

พ่อก็ได้ทูลตอบไปแล้วว่า พ่อทำตามรับสั่งทุกอย่าง หาได้ฝ่าฝืนประการใดไม่ เรื่องก็เป็นอันระงับกันอยู่นาน มาวันหนึ่งพระยาจ่าแสนย์ฯ กับพ่อได้นั่งเฝ้าอยู่ที่บันไดตำหนักที่ฉะเชิงเทรา จะรับสั่งเรื่องอะไรมาก่อนบ้างจำไม่ได้ แต่พอมาถึงเรื่องเกี่ยวกับพระคลังข้างที่เข้า

เสด็จในกรมฯ ก็กริ้วพ่อเสียมากมาย ถึงกับลำเลิกว่าเลี้ยงมายังกำเริบ ฝ่าฝืนคำสั่งได้ และตรัสอะไรๆ อีกจำไม่ได้ พ่อก็นิ่งฟังอยู่ ตามธรรมดาในกรมฯ กริ้วใครแล้วเถียงไม่ได้ เรายิ่งเถียงจะยิ่งหนักขึ้น ตามรูปของพวกขัตติยมานะ

"แต่พ่อคิดว่า นิ่งเสียจะทำให้ท่านเข้าพระทัยผิด เรื่องก็คงจะไม่ยุติเพียงเท่านี้ พ่อจึงเอื้อมมือสะกิดเจ้าคุณจ่าแสนย์ฯ ที่นั่งอยู่ข้างหน้าพ่อ เจ้าคุณจ่าแสนย์ฯ เหลียวมาดูพ่อ แล้วก็พยักหน้า พอดีรับสั่งจบเรื่องที่กริ้วพ่อ เจ้าคุณจ่าแสนย์ฯ ก็ทูลว่า เรื่องนี้ทราบเกล้าฯ อยู่แล้วว่ากริ้วพระวิชิตฯ (พระยาสัจจาภิรมย์ฯ - มติชนออนไลน์)

แต่คิดด้วยเกล้าฯ ว่าเรื่องก็ไม่มีเสียหายอย่างไร แล้วก็ให้แล้วไป แต่ครั้นเมื่อได้ฟังรับสั่งยังกริ้วพระวิชิตฯ อยู่อีกเป็นเรื่องแล้วไม่รู้แล้ว จึงสมควรจะกราบทูลให้ทราบความจริงที่พระวิชิตฯ ได้สั่งการไปในเรื่องขอพระคลังข้างที่นั้น

พระวิชิตฯ ก็ได้นำความมาปรึกษาข้าพระพุทธเจ้าแล้ว ทั้งได้ไปทำความตกลงกันในที่ประชุมอีก พระเสนางค์ สัสดีมณฑลก็อยู่ด้วย พระวิชิตฯ จึงได้สั่งดำเนินงานไป แม้การนั้นจะไม่สมประสงค์ ก็หาใช่ความผิดของพระวิชิตฯ ไม่

"เมื่อในกรมฯ ทรงฟังคำทูลของพระยาจ่าแสนย์ฯ ได้ทรงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรับสั่งทรงปฏิญาณว่า ฟ้าผ่าเถอะวะ ต่อไปจะไม่เชื่ออ้ายหม่อมราชวงศ์กล่ำ (หลวงวิชิตภักดี) อีก

"ส่วนพ่อเองนั้นได้ระลึกถึงพฤติการณ์ของเสด็จในกรมฯ หนหลังมาว่า เลี้ยงใครพอเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นแล้ว มักจะมีความระแวงพระทัย เช่น พระรัชฏภัณฑ์ (ทองอยู่) เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนเป็นพระและเป็นข้าหลวงสรรพากรมณฑล แล้วก็อยู่ไม่ได้

พระพนมสารนรินทร์ (กลึง) เรียกมาจากกรุงเก่าตั้งแต่เป็นหลวงศุภมาตรา พอได้เป็นเจ้าเมืองนครนายกได้หน่อยถูกกริ้วก็ต้องออก พระยาเกรียงไกรกระบวนยุทธ (โคม) ก็เช่นเดียวกัน ตลอดถึงพระยาโบราณราชธานินทร์ฯ ก็ถูกกริ้วอย่างมากเหมือนกัน

หากแต่ความรู้และบารมีท่านแก่กล้า สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ และพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช (รัชกาลที่ ๕) โปรดปรานเสียแล้ว พระองค์ท่านจึงทำอะไรไม่ได้

"ส่วนตัวพ่อกระจิริดเท่านี้ มีแต่ความรู้หามีผู้ใดจะอุปการะอุ้มชูไม่ สังเกตดูพระจรรยาของเสด็จในกรมฯ เล่าก็ประดุจเป็นบ้าจี้ มีพระกรรณเบา เชื่อง่าย ไม่ทรงพิจารณาเหตุผลเสียก่อน ซึ่งได้แก่ตัวเองมา ๒-๓ ครั้งแล้ว เช่นนี้ที่ไหนจะทนทานพระบารมีอำนาจราชศักดิ์ท่านได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว พ่อจึงบอกแก่พระยาจ่าแสนย์ฯ ซึ่งพ่อรักใคร่นับถือท่านว่า พ่อจะไม่อยู่หละ ท่านได้ถามพ่อว่า พ่อคิดเห็นอย่างไรจึงจะไม่อยู่ พ่อก็เล่าความคิดความเห็นให้ท่านฟังดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ท่านก็นิ่งอยู่และพูดประโยคสั้นๆ ออกมาคำหนึ่งว่า ′ผมก็เหมือนกัน′ แล้วก็มิได้พูดอะไรในเรื่องนี้กันอีก

"ต่อมาในต้นปี พ.ศ.๒๔๕๘ พ่อก็ได้มีหนังสือส่วนตัวถึงพระยาราชนุกูล (อวบ เปาโรหิต) ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย มีใจความสั้นๆ ว่า ′ถ้ากระทรวงมหาดไทยประสงค์จะใช้พ่ออยู่ ก็ขอให้ย้ายเสียจากมณฑลปราจีนโดยไม่เลือกที่ภายใน ๓ เดือน หาไม่แล้วจะไม่ได้ใช้พ่อ′

...

"ครั้นวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๘ พ่อก็ได้ย้ายไปรับราชการเป็นผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี โดยทางรถไฟ ประหลาดอยู่หน่อยที่พ่อเข้าใจว่าเสด็จในกรมฯ คงจะทรงพิโรธพ่อ เพราะปฏิบัติไปในทางที่เรียกว่า โจทเจ้า แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่

ครั้นใกล้เวลาที่รถไฟจะออก เสด็จในกรมฯ ได้เสด็จไปส่งพ่อถึงสถานีรถไฟ (ซึ่งพระองค์ท่านไม่เคยเสด็จส่งใครเลย) ในเวลาจวนรถไฟจะออก พ่อได้เดินตรงเข้าไปคุกเข่าลงกับพื้นดินชานชาลารถไฟแล้วก็กราบลงที่บนหลังพระบาทซบนิ่งอยู่เป็นครู่ โดยระลึกถึงพระกรุณาธิคุณของท่านที่ได้ทรงพระเมตตากรุณาแก่พ่อเป็นอย่างมาก

แล้วพ่อแหงนหน้าขึ้นดูพระพักตร์เสด็จในกรมฯ โดยหวังว่าท่านคงจะตรัสประทานโอวาสแก่พ่อ ในยามเมื่อพ่อจะจากท่านไป น้ำตาของพ่อก็ไหลออกมาถึงต้องใช้ผ้าเช็ดหน้า ในขณะนั้นเสด็จในกรมฯ ทรงอึ้งอยู่พักหนึ่ง ต่างฝ่ายก็มิได้พูดจาอะไรกันเลยสักคำเดียว ... พ่อลุกจากเสด็จในกรมฯ มาทั้งน้ำตายังไหลอยู่ ก็ตรงมาขึ้นรถไฟ ครู่เดียวรถไฟก็เคลื่อนที่..."

(หน้า ๑๐๑-๑๐๕)

ผู้สนใจสามารถหาซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ที่บูธมติชน V 10 โซนพลาซ่า ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 7 เมษายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

และสามารถร่วมงานเสวนา "ชีวิตข้าราชการมหาดไทย ยุคใกล้อวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์" วิทยากร: คุณมนุชญ์ วัฒนโกเมร (อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย), ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ และ อ.พิพัฒน์ กระแจะจันทร์ ผู้ดำเนินรายการ: คุณธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ ได้ในวันศุกร์ที่ 4 เมษายน เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องบอร์ดรูม 2 (โซนพลาซ่า)

 

 

ขอบคุณ มติชนออนไลน์

สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ




Create Date : 27 มีนาคม 2557
Last Update : 27 มีนาคม 2557 9:22:25 น. 0 comments
Counter : 1131 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.