|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
6 กันยายน 2552 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไทย - กัมพูชา เล่นเกมแย่งดินแดน ชิงไหวพริบเอาชนะฝ่ายตรงข้าม
ไทย - กัมพูชา เล่นเกมแย่งดินแดน ชิงไหวพริบเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ยกงานช้าง JBC รับผิดชอบพิจารณาแผนที่ใครจริงหรือปลอม ด้านคนไทยเบาใจ...ยังไม่เสียดินแดน หลังเหตุความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สงบลง ท่ามกลางความหวาดระแวงของกลุ่มชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนของทั้ง 2 ฝ่าย แม้ว่าเหตุการณ์ต่างๆจะดูเหมือนมีความสงบ จนทหารไทยได้เปิดพื้นที่ชายแดนบางส่วน อาทิ ผามอดิแดง ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกที่หนึ่ง ทีมีทัศนียภาพอันงดงาม สามารถมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารและบรรยากาศในเขตแดนกัมพูชา ที่สามารถมองได้จากมุมสูง ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวไทยได้เข้าเยี่ยมชมตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าชาวบ้านยังไม่เลิกหวาดแระแวง เพราะยังไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามาบริเวณดินแดนที่เกิดข้อพิพาท จนกว่าจะแน่ใจว่าเหตุการณ์ต่างๆสงบและยุติลงจริง และสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นยังไม่วางใจว่าเหตุการณ์จะยุติลงจริง ก็เพราะยังมีทหารถืออาวุธครบมือออกมาเดินวนเวียนอยู่รอบๆหมู่บ้านอย่างไม่ขาดสาย เหมือนอยู่ในช่วงประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่ากัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านศรีธนนท์ชัยของเรายังไม่ยอมเลิกเล่นเกมแย่งดินแดนจากไทย โดยพันเอกธเนศ วงศ์ชะอุ่ม เสนาธิการกองกำลังสุรนารี ซึ่งปฏิบัติภารกิจด้านการดูแลความสงบบริเวณพื้นที่ชายแดนและข้อพิพาท ในจังหวัดศรีสะเกษ ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ถือว่าเหตุการณ์รอบๆชายแดนในพื้นที่ที่สำคัญ อาทิ พลาญยาว, ภูมะเขือ, เขาพระวิหาร, เขาสัตตะโสม และผามออิแดง อยู่ในภาวะปกติแล้ว แต่ที่ยังคงมีกองกำลังและทหารกระจายกันอยู่ ก็เพราะว่ากัมพูชายังไม่ได้มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ หากแต่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์หมุนเวียนไปยังจุดต่างๆ ซึ่งหากกองกำลังของไทยยอมถอย หรือยอมถอนกำลังลงก็อาจจะทำให้เสียเปรียบ หากกัมพูชาจะแอบเข้ามาเล่นเกมแบบไม่ซื่อ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือความไม่ประมาทและการรู้เท่าทัน จึงจะสามารถรักษาพื้นที่โดยไม่ให้เกิดช่องโหว่ ทั้งนี้นอกจากกัมพูชาจะใช้วิธีหลอกล่อแบบสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังแล้ว ยังใช้วิธีทำเนียนแบบเหมือนจะซื่อ เดินเข้ามาสอดแนมในเขตกองกำลังไทย โดยใช้วิธีแบบขอดื่มน้ำ ขอข้าว และหาเรื่องคุย เพื่อสอดส่องสถานที่พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับกำลังพล อาวุธและคาบข่าวไปบอกยังกองกำลังของตนเองให้รับทราบ เพื่อหาวิธีแก้เกม ซึ่งทหารไทยก็รู้อยู่เต็มอกว่ากัมพูชาจะมาด้วยแผนนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะเล่นเกมส์เนียนกลับไปบ้างเหมือนกัน โดยใช้หลักการที่ว่า "เอ็งมาได้ ข้าก็ไปได้เหมือนกัน" และเมื่อทหารไทยเล่นเกมส์กลับไปอย่างนี้ กัมพูชาก็เริ่มเล่นต่อด้วยการแอบวางระเบิดไว้ระหว่างทาง เพื่อให้ทหารไทยโชคร้ายบางคนถูกแจ็คพอตรางวัลที่ 1 พร้อมของแถม ซึ่งเมื่อมีการสอบถามก็อ้างแบบศรีธนนท์ชัยอีกว่า "มันมีมาก่อนแล้ว" และการที่ได้ยินดังนั้น ทหารไทยก็เริ่มตอบกลับแบบศรีธนนท์ชัยบ้าง แต่บังเอิญว่ากัมพูชาโชคดีเลยไม่เคยเจอแจ๊คพอตสักลูก แต่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะอาศัยดวงอย่างเดียวเสมอไป ยังไงกระบวนการตามขั้นตอนที่ถูกต้องก็ย่อมปรากฎให้เห็นเป็นรูปธรรม มากกว่าเรื่องดวง เรื่องโชค ที่มีแต่นามธรรมจับต้องไม่ได้ ดังนั้นเมื่อกัมพูชามีการละเมิดความผิด ตามสัญญาที่เคยตกลงกันไว้ใน MOU ข้อ 5 ว่าจะยังไม่มีการปลูกสร้าง หรือกระทำการใดๆ ให้พื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทเกิดความเสียหายหรือผิดรูปไปจากเดิม พันเอกกฤตัชญ์ สรวงศิริ รองผู้บัญชาการที่ทำการกองกำลังสุรนารี กล่าวว่า หลังจากมีการลงนามเซ็นสัญญาตกลงร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ในปี 2543 กัมพูชาก็ได้ละเมิดข้อตกลงดังกล่าวมาหลายครั้ง จนทำให้ไทยต้องแสดงหลักฐานเป็นรูปธรรม โดยการทำหนังสือประท้วง ซึ่งต้องจัดทำขึ้น 2 ฉบับ โดยฉบับแรกจะให้หน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย ตรงบริเวณชายแดน และฉบับที่ 2 ส่งต่อไปให้กระทรวงกาต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงกัมพูชาไปแล้วทั้งหมดกว่า 46 เรื่อง แยกเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหารรวม 8 เรื่อง ซึ่งถือเป็นจำนวนไม่น้อยเลยที่มีการละเมิด โดยที่เป็นการโจทย์จันกันมากก็น่าจะเป็นเรื่องของการประท้วงเกี่ยวกับตลาดค้าขาย ตรงทางขึ้นประสาทเขาพระวิหาร โดยกัมพูชามีการสร้างร้านค้าเพื่อทำการค้าขายในบริเวณดังกล่าว ซึ่งหลังจากประท้วงไปแล้วกัมพูชาก็อ้างแบบศรีธนนท์ชัยว่า ตลาดดังกล่าวมีการก่อนปี 2543 ที่จะลงนามเซ็นสัญญา ดังนั้นก็ถือว่าไม่ผิด ส่วนไทยก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะทำหนังสือประท้วงไว้เพื่อให้เป็นหลักฐานว่ามีการละเมิดในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนที่เหลือก็ต้องรอให้ JBC มาตัดสิน นอกจากนี้ล่าสุดเป็นการประท้วงเกี่ยวกับการสร้างกระเช้าลอยฟ้า เพื่อลำเลียงสิ่งของขึ้นไปยังปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการสร้างฐานในพื้นที่ของฝ่ายกัมพูชา แต่จุดหมายปลายทางของตัวกระเช้าก็ยังคงเป็นตัวปราสาท ซึ่งถือเป็นจุดที่ยังไม่มีข้อยุติ ดังนั้นการก่อสร้างกระเช้าดังกล่าวถือเป็นการละเมิดข้อตกลงในข้อ 5 ที่เคยลงนามร่วมกันไว้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเมื่อได้รับเรื่องแล้วก็ยังใช้อาการเดิมๆ คือทองไม่รู้ร้อน จนกว่าจะได้รับการตัดสินและพิจารณาจาก JBC ว่าใครเป็นคนผิด จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างเล่นเกมแย่งดินแดน ที่มีปัญหามาจากการยึดถือแผนที่คนละฉบับ ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกันก็พบว่ามีพื้นที่ที่ทับซ้อน จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องพรมแดน และทำให้ไทยกับเขมรต้องเล่นเกมกันมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะอธิปไตยของใคร ใครก็ย่อมจะหวงแหนเป็นธรรมดา คราวนี้ก็คงเหลือแต่ภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงของคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดน หรือ JBC เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบว่าจริงๆแล้วแผนที่ใครจริง แผนที่ใครปลอมกันแน่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คนไทยทั้งประเทศก็น่าจะสบายใจได้ไปเปราะนึงว่า "เรายังไม่เสียดินแดน" ในพื้นที่ดังกล่าวให้กับกัมพูชา เพราะกองทัพไทยเค้าออกมายืนยันเป็นหนักแน่นว่าไทยเรายังไม่เสียดินแดน แต่จากสื่อทั้งหลายที่กระจายออกไปมันทำให้เห็นภาพว่าเราเสียดินแดน เพราะตรงบริเวณประสาทเขาพระวิหาร มีภาพทหารกัมพูชาบุกยึดและเฝ้าพื้นที่ไว้ทั่วปราสาท โดยพันเอกสรชัช สุทธิสนธิ์ รองเสนาธิการกองกำลังสุรนารี ผู้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ยืนยันว่า ประเทศไทยยังไม่เสียดินแดน แต่ที่เห็นทหารกัมพูชา ก็เพราะว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องให้กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย แบ่งกันมาควบคุมดูแลเพื่อเกิดความสมดุล ซึ่งจริงๆแล้วกองกำลังของไทยมีอัตราการควบคุมพื้นที่มากกว่ากองกำลังของกัมพูชาถึง 2 เท่า โดยกองกำลังกัมพูชามีทหารคุมพื้นที่เพียงร้อยละ 30 ที่เหลือเป็นกองกำลังจากทหารไทยทั้งหมด แต่ที่เห็นมีแต่ทหารกัมพูชาก็เพราะ พื้นที่ที่คนส่วนใหญ่สนใจและได้เห็นนั้น เป็นพื้นที่ที่กัมพูชาเป็นฝ่ายดูแลอยู่
Create Date : 06 กันยายน 2552 |
|
14 comments |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2555 22:38:59 น. |
Counter : 694 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ดาวพระศุกร์ (dao_venut ) 6 กันยายน 2552 12:15:07 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|