รู้จัก Social enterprise แห่งแรกของเมืองไทย กับนิตยสาร BE Magazine
Social Enterprise หรือ กิจการเพื่อสังคม ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่เป็นที่รู้จักหรือแพร่หลายกันมากนัก บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กิจการเพื่อสังคม นั้นหมายถึงการทำอะไร กิจการเพื่อสังคมหากจะแปลตรงตัว ก็หมายถึงการดำเนินการ ดำเนินงาน หรือทำธุรกิจเพื่อช่วยสังคม ช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสได้มีโอกาสแสดงความสามารถ มีโอกาสสร้างรายได้ หรือแม้แต่โอกาสที่จะสร้างอนาคตของตัวเอง นิตยสาร BE Magazine เป็นนิตยสารเพื่อสังคมเล่มแรกของประเทศไทย ที่ก่อตั้งขึ้นจากหนุ่มนักเรียนนอก อารันดร์ อาชาพิลาส หรือ ต้น ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอายุ 26 ปีที่นำแรงบันดาลใจจากนิตยสาร Big Issue ของประเทศอังกฤษ ซึ่งผลิตขึ้นเพื่อให้ผู้ด้อยโอกาส หรือคนไร้บ้านนำไปจำหน่าย เป็นการสร้างรายได้และลดปัญหาของสังคม แม้จุดเริ่มต้นของการทำ BE Magazine จะเป็นศูนย์ เพราะไม่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการทำงานนิตยสารเลย แต่ตัวช่วยของ อารันดร์ คือการเข้าใจโมเดลของนิตยสาร Big Issue ต้นแบบที่เขาได้มาจากประเทศอังกฤษ จึงทำให้เขาสามารถสร้าง BE Magazine ให้เป็นที่รู้จักภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน ธุรกิจอยู่ได้เพราะคำว่า พอเพียง ถ้าคุณใช้ความคิดสร้างสรรค์คู่กับคำว่าพอเพียง มันก็ทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาได้ อย่างผมไม่ใช้กระดาษอาร์ทมัน แต่เลือกใช้กระดาษปอนด์ที่ราคาถูกกว่า แล้วเอาดีไซน์เข้ามาช่วย จึงได้นิตยสารที่ดูดี ผมไม่มีโรงพิมพ์เอง ก็ใช้ระบอบทุนนิยมที่ดีที่สุด คือให้แต่ละโรงพิมพ์มาเสนอราคาแข่งกัน ที่ไหนพิมพ์ได้ถูกที่สุดก็รับงานไป กองบก.ก็ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม ผมไม่ได้ให้คุณมากัดก้อนเกลือกินกับผม ผมมีเงินเดือนให้ ตามมาตรฐานเพราะ นี่คือโจทย์ของธุรกิจเพื่อสังคม มันยังเป็นธุรกิจ ต้องมีผลตอบแทน และต้องยั่งยืนด้วยตัวมันเองได้ มันยากกว่าการที่คิดช่วยเหลือคน เพราะต้องคิดว่าช่วยอย่างไรให้เราไม่ตายด้วย เมื่อทุกอย่างมันประหยัดลงไปได้ มันก็เกิดความมั่นคงตามมาเอง (Credit : //www.nationejobs.com by จีราวัฒน์ คงแก้ว) องค์กรอยู่ได้ด้วยลำแข้ง แนวทางช่วยเหลือก็ต้องขยับขยายควบคู่ไป นี่คือเหตุผลที่ความพยายามของ BE ในลำดับต่อมา คือดึงความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีศักยภาพต่อยอดความช่วยเหลือต่อไป ธุรกิจเพื่อสังคมเราทำคนเดียวไม่ได้ ตอนนี้เราอยากขอความร่วมมือกับทางกรุงเทพมหานครมาก เมื่อเจอคนลำบาก ขอให้โยนมาที่พวกเรา แล้วเราจะอบรมอาชีพให้เขาเอง ถ้าทำได้มันจะทำให้การแก้ไขปัญหาสังคมเป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้น ช่วยเหลือคนได้มากขึ้น กระทั่งบริษัทที่อยากทำซีเอสอาร์ มาร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้กับเรา ผมมองว่า BE เป็นนิตยสารเพื่อสังคมที่ชัดเจนที่สุดแล้วในเมืองไทย เพราะเราเป็นหนังสือที่ให้ข้าวคนกินได้ เป็นวิธีช่วยคน สังคม อย่างชาญฉลาด แต่จะไกลแค่ไหน ถ้าหนังสือดี ทุกคนได้ ธุรกิจก็อยู่ได้เช่นกัน Be Magazine ก่อตั้งและดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 จนมาถึงตอนนี้ก็ก้าวข้ามจากปีที่ 3 ขึ้นสู่ปีที่ 4 แล้ว ซึ่งปัจจุบันสามารถช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสสามารถมีรายได้จากการขายนิตยสารได้มากสูงสุดถึงเดือนละ 20,000 บาท (Credit : ข่าว 3 มิติ) ด้านนายราวิน ดิษาภิรมย์ หรือ วิน อายุ 52 ปี เล่าว่า รู้จักกับนิตยสาร BE Magazine จากผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งช่วงนั้นกำลังตกงานอยู่จึงติดต่อไปที่ BE เพื่อนำนิตยสารไปขาย โดยครั้งแรก BE จะให้มาก่อน 30 เล่มเพื่อนำเงินไปทำทุน จากนั้นค่อยมาซื้อในราคาทุนเล่มละ 25 บาท ซึ่งก็จะได้กำไรจากการขาย BE เล่มละ 20 บาท โดยแต่ละวันขายได้ประมาณ 20 เล่ม ผมรู้สึกว่าชีวิตผมดีขึ้นตั้งแต่มาขาย BE เพราะทำให้มีโอกาส พอมีโอกาสทำงานแล้วก็ทำให้มีรายได้ นั่นมันคือสิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้น สบายขึ้น มีเงินใช้จ่าย มาเหมือนเมื่อก่อนผมทำงานรับจ้าง แจกใบปลิวบ้าง แต่รายได้ไม่ดีเท่ากับขาย BE ซึ่งอยากจะฝากถึงผู้ที่สนใจขาย BE ทุกคนว่า โอก่าสคือทางรอด ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสที่เขาหยิบยื่นให้ เราจะเสียโอกาสไป โอกาสคือหนทางที่เราจะมีรายได้ มีทางรอดผ่านความยากลำบาก
Create Date : 17 กรกฎาคม 2555 |
|
17 comments |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2555 22:39:16 น. |
Counter : 1574 Pageviews. |
|
|
|