เมย์มีเรื่องเล่า เพราะทุกที่มีเรื่องเราจึงเก็บมาเล่า บล็อคนี้เป็นบล็อคบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ และวรรณคดีทั้งไทยและต่างประเทศ
|
|
แนะแนวโครงการอินเดียศึกษา วิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ (PBIC Indian Studies TU) แนะแนวโครงการอินเดียศึกษา วิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ (PBIC Indian Studies TU) โครงการอินเดียศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวหลักสูตรที่เปิดนั้นเป็นหลักสูตรปริญญาตรี แบบ(นานาชาติ) ที่มีการใช้ภาษาฮินดี และภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนทั้งหมด ซึ่งตัวโครงการนั้นตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีนักเรียนเฉลี่ยรับต่อปี ประมาณ80คน และรับนักศึกษาทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ผ่านการเรียนการสอนในระบบทวิภาคแบบเต็มเวลา โดยแบ่งเวลาศึกษาในปีหนึ่งๆ เป็นสองภาคการศึกษาปกติ ซึ่งภาคการศึกษาที่บังคับ คือ ภาคการศึกษาที่หนึ่ง(เดือนสิงหาคม-เดือนธันวาคม) และที่สอง(เดือนมกราคม-เดือนพฤษภาคม) ภาคการศึกษาหนึ่งๆ มีระยะเวลา 16 สัปดาห์ และอาจเปิดภาคฤดูร้อน(เดือนพฤษภาคม) ได้โดยใช้เวลาศึกษาไม่น้อยกว่า 6 สัปดาห์ โดยหลักสูตรการเรียนแบ่งออกเป็น135 หน่วยกิต แบ่งออกเป็นวิชาทั่วไป วิชาหมวดภาษาฮินดี วิชาอินเดียศึกษา วิชาภาษาสันสกฤต เป็นต้น โดยถ้าพูดถึงสาธารณรัฐอินเดีย นั้นเราคงจะนึกถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ในวันนี้อินเดียถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทสำคัญในโลกยุคปัจจุบัน โดยอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆในนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งยังมีอารยธรรมที่มีรากอันยาวนานและโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อวัฒนธรรมไทย และความสำคัญของอินเดีย ทั้งในบริบทสังคมโลก ตลอดจนสังคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การศึกษา เรื่องอินเดียศึกษาจึงเริ่มทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นกอปรกับความขาดแคลนบุคลากรด้านอินเดียศึกษาในประเทศไทย วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ จึงได้พัฒนาหลักสูตรอินเดียศึกษา เพื่อสร้างบัณฑิต ระดับปริญญาตรีที่สามารถปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับประเทศอินเดีย ตลอดจนศึกษาต่อในระดับสูงด้านอินเดียศึกษาต่อไปได้ หลักสูตรPbic อินเดียศึกษา มธเป็นอย่างไร และเรียนอะไรบ้าง สำหรับหลักสูตร อินเดียศึกษานั้นได้มีการพัฒนาผ่านสองปัจจัยหลักๆ 1 การเรียนเกี่ยวกับสถานการณ์หรือการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในช่วงศตวรรษที่ 21 ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการใช้นโยบายเปิดประเทศ ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในภูมิภาคเอเชียและเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลก จากการพัฒนาทางเศรษฐกิจอันรวดเร็ว ทำให้อินเดียสามารถบูรณาการภาคเศรษฐกิจของอินเดียให้เข้ากับเศรษฐกิจโลกได้ ส่งผลให้อินเดียกลายเป็นผู้นำด้านการนำเข้าและส่งออกในอันดับต้นของโลก อีกทั้งยังเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนที่สำคัญของโลก โดยประเทศไทยและประเทศอินเดียต่างมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นมายาวนาน การพัฒนาเศรษฐกิจในปัจจุบันจึงจำเป็นที่ต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้รอบด้านอินเดียศึกษา และความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาฮินดี ซึ่งเป็นภาษาราชการของประเทศอินเดียอย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรสาขาวิชาอินเดียศึกษาซึ่งมีลักษณะ “สหวิทยาการ” และการใช้ทักษะทางภาษาอังกฤษและภาษาฮินดีเป็นสื่อการเรียนการสอน จึงสามารถผลิตบัณฑิตที่มีความรู้รอบด้านอินเดียศึกษา เพื่อตอบสนองตลาดแรงงานและการศึกษาขั้นสูงต่อไปได้ 2การเรียนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์หรือการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม ในปัจจุบันการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมนั้นจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางภาษา สภาพทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างชนชาติต่างๆ และการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข การพัฒนาเนื้อหาวิชาและรูปแบบหลักสูตรจึงต้องบูรณาการความรู้และทักษะสังคมเข้าด้วยกัน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เปรียบเทียบสถานการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมด้วย ซึ่งหน่วยกิตทางการเรียนของโครงการอินเดียศึกษานั้นมีอยู่ 135 หน่วยกิต 3) การศึกษาในประเทศอินเดีย ระยะเวลา 1เทอม จบมาแล้วเป็นอะไรได้บ้าง เฉกเช่นเดียวกับคณะทางด้านสังคมศาสตร์ส่วนใหญ่ที่คณะนี้ก็สามารถจบไปและประกอบอาชีพได้หลากหลายแขนงวิชาเนื่องด้วยการเรียนแบบสหวิทยาการของหลักสูตรอินเดียศึกษา ผนวกกับการเรียนในหลักสูตรสองภาษาอังกฤษ-ฮินดีการประกอบอาชีพจึงมีตั้งแต่งานราชการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานและองค์กรที่ใช้ภาษาฮินดี และ ภาษาอังกฤษ เช่นสถานทูตและองค์กรระหว่างประเทศ ,อาจารย์,นักวิจัยด้านอินเดียศึกษา, บรรณาธิการ, นักเขียน, นักวิจารณ์, นักข่าว ผู้สื่อข่าว และผู้รายงานข่าว รวมไปถึงงานด้านการท่องเที่ยว อย่างล่าม ,มัคคุเทศก์ เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยฯลฯส่วนในงานเอกชนนั้นสามารถเป็นพนักงานสายการบินพนักงานบริษัทขนส่งทางอากาศพนักงานบริษัทขนส่งทางเรือ,เจ้าหน้าที่สนามบิน,เจ้าหน้าโรงแรม เจ้าหน้าที่-ร้านอาหารสำหรับชาวต่างประเทศ,เจ้าหน้าที่ประจำสถานที่ท่องเที่ยว ,นักแปล, เจ้าหน้าที่บริษัทการค้าระหว่างประเทศ, เจ้าหน้าที่บริษัทท่องเที่ยว ฯลฯ เรียนโครงการอินเดียศึกษา ใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายตกอยู่ประมาณ 55,000-60,000 ต่อเทอม รวมสี่ปีก็ประมาณ 400,000 - 500,000 ซึ่งในค่าใช้จ่ายนี้รวมถึงค่าเรียนในการศึกษาต่อประเทศอินเดียด้วย แต่นักศึกษาสามารถที่จะขอทุนจากทางมหาวิทยาลัยที่มีความร่วมมือสถานทูตอินเดียประจำประเทศไทยได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น ค่าธรรมเนียมการศึกษา 1. ค่าหน่วยกิต 2,000 บาท/หน่วยกิต 2. ค่าธรรมเนียมโครงการ 15,000 บาท/ภาคการศึกษา 3. ค่าขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา 400 บาท (เฉพาะภาคการศึกษาแรก) 4. ค่าบำรุงสุขภาพ 125 บาท/ภาคการศึกษา 5. ค่าบำรุงกีฬา 200 บาท/ภาคการศึกษา 6. ค่าบำรุงห้องสมุด 2,000 บาท/ปีการศึกษา (รวมภาคฤดูร้อน) 7. ค่าบำรุงมหาวิทยาลัย สำหรับนักศึกษาชาวไทย 450 บาท/ภาคการศึกษา สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติ 10,000 บาท/ภาคการศึกษา 8. ค่าธรรมเนียมการศึกษาเพื่อการพัฒนา 3,600 บาท/ภาคการศึกษา (ยกเว้นภาคฤดูร้อน) 9. ค่าประกันอุบัติเหตุ 110 บาท/ปีการศึกษา 10. ค่าธรรมเนียมในการใช้บริการเครือข่าย 1,600 บาท/ปีการศึกษา (รวมภาคฤดูร้อน) 11. ค่าเอกสารในการจดทะเบียนรายวิชา 200 บาท (เฉพาะภาคการศึกษาแรก) 12. ค่าบำรุงกิจกรรมนักศึกษา 200 บาท/ภาคการศึกษา (ยกเว้นภาคฤดูร้อน) ถ้าอยากเข้าโครงการอินเดียศึกษา มธต้องทำอย่างไร เกณฑ์ในการสอบเข้าคณะ(อย่างคร่าวๆ)ก็มีดังนี้ 1. ต้องสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ( สำหรับนักเรียนในประเทศไทย ) หรือเทียบเท่า หากเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ต้องมีใบเทียบวุฒิของกระทรวงศึกษาธิการ 2. ต้องมีผลสอบอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ และผลสอบต้องมีอายุไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา IELTS ( Academic ) 4.5 ขึ้นไป หรือ TOEFL : CBT = 97 ขึ้นไป หรือ PBT = 400 ขึ้นไป หรือ IBT = 32 ขึ้นไป หรือ TU - GET 400 คะแนนขึ้นไป (คอร์สแนะนำคือ TU-GET) หรือ (* เกณฑ์ขั้นต่ำข้างต้นนี้มีสิทธิสมัครสอบได้ แต่หากได้รับเลือก จะต้องเรียนปรับพื้นฐานทางภาษาอังกฤษที่วิทยาลัยฯ จัดสอน และจะต้องสอบผ่านวิชาดังกล่าวก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 มิเช่นนั้นจะถือว่าไม่มีสิทธิในการเข้าศึกษาในหลักสูตรนี้ ** ในกรณีที่มีคะแนน IELTS > 6.0 หรือ TOEFL(pBT) > 500 หรือ TU-GET > 500 ไม่ต้องเรียนปรับพื้นฐานทางภาษาข้างต้น) 3. สอบการเขียนเรียงความเป็นภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอินเดียศึกษา 90% เทคนิคการเขียนessayต้องดูเรียงความที่ถูกต้องแบบฉบับภาษาอังกฤษ ใช้คำเชื่อมทั้งทุกส่วนคำนำหน้า และต้องอ่านโจทย์ให้แตก โดยศึกษาจากเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆอ่านข่าวให้เยอะๆ แล้วตอนเราเขียนessayก็เขียนเหตุผลรองรับสิ่งที่เราเขียนให้ดูน่าเชื่อถือเข้าไปด้วย 4. สอบสัมภาษณ์ 10% โครงการPBIC-อินเดีย เปิดรับสมัครช่วงไหน ส่วนมากโครงการนี้จะ เปิดรับสมัครช่วง กลางมีนาคม – ปลายพฤษภาคม โดยต้องยื่นผลคะแนนการทดสอบภาษาอังกฤษ ตัวจริงด้วย และเริ่มสอบข้อเขียนต้นมิถุนายน ส่วนเริ่มสัมภาษณ์เริ่มช่วงปลายเดือนมิถุนายน และจะประกาศผลช่วงต้นมิถุนายนเช่นกัน สามารถปรึกษาเรื่องการแนะแนวการศึกษาต่อในหลักสูตรอินเตอร์ได้ที่ แนะแนวเรื่องการศึกษาต่อ และged by pure https://1ab.in/PC2 |
Group Blog มกราคม 2564 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31
All Blog
Link |
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |