นิยายเรื่องรักยกกำลังสอง แนวโรแมนติกวัยมัธยม ผมไม่สามารถเล่าเนื้อเรื่องย่อได้ เพราะเนื้อหาทุกอย่างจะทำให้คุณลุ้นและเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติ และมีปริศนาให้คาดเดาและลุ้นไปกับมัน ลองเข้ามาอ่านเรื่องนี้สิครับ รับประกันความสนุก
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
14 มกราคม 2553

รักยกกำลังสอง บทที่ 19 1 รัก 2 หัวใจ (One Heart Two Loves)

ในวันขึ้นปีใหม่ ณ คฤหาสน์แห่งหนึ่งที่มีดอกซากุระโปรยปรายทุกฤดูกาล มีเด็ก 3 คนกำลังเล่น*ฮาเนะสึกิกันอยู่ในสวน
(*การละเล่นของเด็กญี่ปุ่นลักษณะคล้ายกีฬาแบดมินตัน แต่ใช้ไม้รูปร่างคล้ายไม้ปิงปองตีลูกขนไก่ ผู้แพ้จะถูกลงโทษด้วยการเอาหมึกเขียนหน้า นิยมเล่นกันในวันขึ้นปีใหม่)

“อึ๊บ เอาหล่ะนะจ๊ะ” เด็กหญิงเรนะหวดลูกขนไก่ไปทางซ้ายมือ

“ฮะ ๆๆ ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะครับ นี่แน่ะ!!!” เด็กชายตีโต้กลับไป

“เค้าก็ไม่ยอมเหมือนกัน เอ้าอึ๊บ!!!” เด็กหญิงเรนะตีลูกกลับไปบ้าง

ทั้งสองตีโต้กันอย่างสนุกสนาน เด็กหญิงเรกะที่นั่งรออยู่ข้างสนามก็บอกทั้งคู่ว่า “นี่ ๆ ให้เค้าเล่นมั่งสิ” แต่เด็กทั้งสองก็ยังจดจ่ออยู่กับการตีลูก เด็กหญิงเรกะเลยบอกว่า “เรนะเล่นนานแล้วนะ แบ่งเค้าเล่นมั่งสิ”

“แต่เค้ายังไม่แพ้นี่คะพี่” เด็กหญิงเรนะพูดไปตีไป

“ไม่รู้หล่ะ เค้ารอนานแล้ว ถึงตาเค้าแล้ว” เด็กหญิงเรกะแย่งไม้ตีมาจากมือน้องสาว เด็กหญิงเรนะเลยต้องไปนั่นหน้าบูดข้างสนาม แล้วเด็กหญิงเรกะก็เริ่มเสิร์ฟลูก ทั้งสองคนตีโต้กันไปมาอยู่นาน “เอ้าอึ๊บ!!!” เด็กหญิงเรกะหวดสุดแรงจนลูกพุ่งสูงข้ามหัวเด็กชายไป

“อ๊ะ!!!” เด็กชายแหนหน้ามองลูกแล้วรีบก้าวถอยหลังตามไป ทันใดนั้นก็มีเสียงดังตู้ม! น้ำในบ่อปลาคาร์พกระเซ็นขึ้นมาเต็มฝั่ง เพราะเด็กชายลงไปกองตัวเปียกปอนอยู่ในบ่อ

“555 เรนะดูสิอิตจังแพ้แล้ว” เด็กหญิงหันไปยิ้มดีใจกับน้องสาว แต่เธอพบว่าน้องสาวนอนสลบอยู่บนพื้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “เรนะ!!!” เธอร้องเรียกเสียงดัง

ในห้องนอนของคฤหาสน์คุณหมอเอาปรอทวัดไข้เด็กหญิงที่นอนหลับอยู่ โดยมีพ่อแม่ของเธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ส่วนเรกะกับอิตจังก็แอบดูอยู่หลังประตู “แกเป็นไข้หน่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับให้ทานยาแล้วพักผ่อนซักวันสองวันก็หาย”

วันรุ่งขึ้นเรกะกับอิตจังก็เข้าไปหาเรนะ แต่เธอก็ยังไม่ได้สติ “เรนะหลับสนิทเลยเนอะ” เรกะหันไปพูดกับอิตจัง

“นั่นสิครับ อยากให้ตื่นเร็ว ๆ จัง”

“ลูก ๆ ออกไปเล่นก่อนเถอะจ๊ะ อยู่ในนี้เดี๋ยวติดหวัดน้อง” แม่ของเธอไล่เด็กทั้งสอง

ตกบ่ายทั้งเด็กทั้งสองพากันมาเล่นฮาเนะสึกิต่อในสวน เด็กหญิงเรนะรู้สึกตัวตื่นเพราะได้ยินเสียงพี่สาว [[“นี่แน่ะ” “แย่แล้ว!!!” “555+ อิตจังแพ้อีกแล้วนะ”]] “พี่…อิตจัง” เธองัวเงียเรียกทั้งสองคนแล้วค่อย ๆ โซซัดโซเซไปที่สวน

“อ้าวเรนะ ตื่นแล้วเหรอ” เรกะหันไปเห็นน้องพอดี

“เป็นไงมั่งครับคุณเรนะ”

“เค้าหายแล้วจ๊ะ ขอเค้าเล่นด้วยคนนะ”

“งั้นเรนะรอต่อตานี้นะ” เรกะบอกน้อง เรนะเลยค่อย ๆ เดินลงมา แต่เธอยังมึน ๆ อยู่เลยเซจนเกือบตกบันได

“อ๊ะ!” อิตจังรีบเข้าไปประคองเธอ

“เค้าว่าเรนะไปนอนพักก่อนดีกว่านะ” เรกะบอกน้อง

“เค้าไหวจ๊ะพี่”

“งั้นขอเค้าวัดอุณหภูมิเรนะหน่อยนะ” แล้วเด็กหญิงเรกะก็เอาหน้าผากเธอไปแตะกับหน้าผากน้องสาว “เรนะตัวยังร้อนอยู่เลยนี่ กลับไปนอนพักดีกว่านะ”

“แต่ว่า” เรนะทำท่าไม่อยากไป

“เด็กดื้อหน่ะจะทำให้คนอื่นเกลียดเอานะ” เรกะบอกน้อง

เด็กหญิงเรนะก็เลยร้องไห้ “พี่ไม่อยากให้เค้าเล่นกับอิตจังใช่มั้ย ฮือ ๆๆ พี่ใจร้าย”

“ไม่ใช่นะเรนะ!!!” เรกะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก “ฝันอะไรกันนะเรา” เธอค่อย ๆ ตั้งสติเรียบเรียงเรื่องราว “นั่นเราเหรอ” เธอเอามือลูบหน้าตัวเองแล้วเหม่อมองไปที่พระจันทร์สีขาวนวล

ขณะเดียวกันในห้องทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นาฬิกาติดผนังบอกให้รู้ว่าเป็นเวลาตี 4 แต่หมอคนนึงยังคงนั่งทำงานอยู่ “คุณหมอคะนี่ผลตรวจของคนไข้ค่ะ” พยาบาลยื่นซองผลตรวจให้เขา

“ขอบคุณครับ” แล้วเขาก็เอาฟิล์มผลการสแกนสมองของเอย์จิไปส่องดู เขาตรวจอย่างละเอียด “นี่มัน!?!”

วันรุ่งขึ้นพอเรกะกับเรนะทานข้าวเสร็จก็พากันไปรับเอย์จิ ทว่าตั้งแต่ออกจากบ้านเรกะก็ทำหน้าไม่สบายใจมาตลอดทาง เพราะตั้งแต่กลับมาเธอยังไม่ได้เคลียร์กับน้องสาวเรื่องเมื่อคืนเลย เธอรอให้เรนะเอ่ยปากถามแต่เรนะก็ไม่ได้พูดอะไร จนเธอทนไม่ไหวเลยพูดขึ้นมาก่อน “เรนะ!”

“คะพี่” เธอหันมามองพี่สาวแล้วทำหน้างง ๆ

เรกะค่อย ๆ รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมา “เธอ…จะไม่ถามอะไร…พี่เลยเหรอ”

“ถามอะไรเหรอคะ”

“ก็…เรื่องเมื่อวานไง”

เรนะยิ้มอย่างจริงใจแล้วตอบว่า “หนูไม่ถามหรอกค่ะพี่”

“ทำ…ทำไมหล่ะ”

“ก็พี่พาเอย์จิคุงไปช่วยฟื้นความจำไม่ใช่เหรอคะ หนูเองก็อยากให้เค้าหายไว ๆ เหมือนกัน”

“พี่ไม่ได้ถามเรื่องนั้น”

“แล้วพี่หมายถึงเรื่องไหนคะ”

“เธอเลิกทำเป็นไม่รู้เรื่องซะทีจะได้มั้ย ยิ่งเธอทำแบบนี้พี่ยิ่งรู้สึกแย่นะ” เรนะเลยหยุดยืนมองพี่สาวเงียบ ๆ แล้วในที่สุดเรกะก็โพล่งออกมา “พี่หายไปกับแฟนเธอทั้งคืน เธอจะไม่ถามอะไรบ้างเหรอ หรือจะโกรธ จะเกลียด หรือจะด่าว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่ขอร้องอย่าทำแบบนี้ได้มั้ย” แล้วเรกะก็มีน้ำตาคลอ

เรนะรีบเข้าไปกอดพี่สาวแล้วพูดว่า “หนูไม่มีวันเกลียดพี่หรอกค่ะ ก็พี่เป็นพี่คนสำคัญของหนูนี่คะ”

“เรนะ” เรกะเรียกน้องสาวทั้งน้ำตานองหน้า

“อย่าร้องเลยค่ะ พี่ไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะคะ” เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มพี่สาวเบา ๆ “ไม่ว่ายังไงพี่ก็เป็นพี่สาวคนเก่งของหนูเสมอ หนูรู้ว่าพี่ไม่มีทางทำอะไรเสียหายเด็ดขาด หนูเชื่อในตัวพี่ค่ะ”

“แต่ว่า”

“แล้วอีกอย่างหนูกับเอย์จิคุงก็เป็นแค่เพื่อนกัน เราไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น จริง ๆ นะคะ” พอเห็นเรกะหยุดสะอื้น เธอก็ทำหน้าทะเล้นใส่พี่สาว “เอ หรือว่าพี่ไปทำอะไรไม่ดีมารึเปล่าเอ่ย”

“บ้าสิ! พี่จะไปทำอย่างงั้นได้ไง” เรกะทำหน้าดุ

“คิก ๆ ในที่สุดก็กลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว”

“เด็กบ้า!” เธอค้อนใส่น้องสาว

“ดูสิตาช้ำหมดแล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะคิดว่าหนูรังแกพี่นะคะ อิอิ” เรนะค่อย ๆ ซับขอบตาให้พี่สาว

“ก็ใช่หน่ะสิถ้าใครมาเห็น พี่ก็จะบอกเค้าไปเลยว่าเธอรังแกพี่ ตั้งแต่เกิดมาก็มีแต่เธอนี่แหละที่ทำแบบนี้ได้ ยัยตัวดี!!!” แล้วเธอก็หยิบผ้าเช็ดหน้าไปจากมือเรนะไปซับตาเอง

“คิก ๆ ก็พี่เก่งกับทุกคนยกเว้นหนูนี่คะ ถ้าน้องสาวน่ารักคนนี้ไม่แกล้งพี่ แล้วใครจะแกล้งหล่ะ หุหุ”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ ซักวันชั้นต้องเอาคืนแน่”

“แบร่! แล้วเค้าจะรอให้ถึงวันนั้นนะ 555” เรนะแลบลิ้นปลิ้นตาทำหน้าทะเล้นใส่พี่สาว

ชั่วแวบนั้นเธอรู้สึกว่าน้องสาวคนนี้คือคนสำคัญที่ไม่อาจจะมีใครมาทดแทนได้ “ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปก็ดีสินะ” เธอพึมพำเบา ๆ

“อะไรนะคะ” เรนะยื่นหน้ามาเกือบจะชนหน้าพี่สาวแล้วทำตาบ้องแบ๊วจนเรกะตกใจ ดูเหมือนว่าเธอจะชอบยื่นหน้าไปแกล้งคนอื่นจนติดเป็นนิสัยไปซะแล้ว

“เปล่า พี่แค่คิดว่าอยากให้เป็นอย่างงี้ตลอดไปหน่ะ”

“หมายถึงอะไรเหรอคะ”

“ก็ทุกอย่างนั่นแหละ ทั้งเราสองคน ทั้งเพื่อน ๆ และที่นี่”

เรนะเลยเอามือพี่สาวมาเกี่ยวก้อย “หนูสัญญาค่ะว่าจะเหมือนเดิมตลอดไป” แล้วเธอก็ยิ้มให้อย่างแสนน่ารัก

“อื้อ พี่ก็เหมือนกัน” เรกะยิ้มตอบแล้วพูดในใจว่า “ขอบใจนะ”

แล้วทั้งสองก็ไปถึงบ้านเอย์จิ “กิ๊งก่อง ๆ” เรนะกดกริ่งได้ซักประเดี๋ยวเอย์จิก็เปิดประตูออกมา “อรุณสวัสดิ์จ้าเอย์จิคุง” เธอทักทายเขาอย่างสดใส

“อะ อรุณสวัสดิ์ครับเรนะ อรุณสวัสดิ์เรกะ”

เรกะรีบทำหน้าดุกระซิบบอกเขาว่า “ชั้นบอกไม่ให้พูดสุภาพไง”

“ขอโทษที ๆ”

“ตาบ้า! ตอบเบา ๆ ไม่เป็นรึไงยะ” เรกะยังไม่วายกระซิบปรามเขา เรนะเลยได้แต่งงว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน

ระหว่างเดินไปโรงเรียนเอย์จิคุยกับเรกะอย่างสนิทสนมจนผิดสังเกต “ฮะ ๆๆ ไว้วันหลังเราไปกันอีกนะ” เอย์จิพูดอย่างอารมณ์ดี แต่เรกะก็ไม่กล้าตอบอะไรมาก เธอได้แต่เออออตามน้ำไป

“ไปไหนกันมาเหรอจ๊ะ” ที่จริงเรนะไม่ได้คาใจเรื่องเมื่อคืน แต่เธอเห็นเอย์จิคุยขึ้นมาก็เลยอยากคุยรู้เรื่องกับเขาด้วยเท่านั้น

“เมื่อวานเราไปมาหลายที่เลยหล่ะ ทั้งสวนเพนกวิ้น ทั้งสวน...” เอย์จิยังไม่ทันจะพูดจบ เรกะก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

“สวนเพนกวิ้นหน่ะ เราไปสวนเพนกวิ้นกัน แล้วก็ไปดูพลุเทศกาลไหว้ตายายเลยกลับดึกไปหน่อยหน่ะ” เรกะกลบเกลื่อนแล้วก็แอบหยิกเอวเอย์จิ “ห้ามบอกใครเรื่องที่ไปสวนสนุกนะ” เธอกระซิบ

“โอ้ยยย นี่เธอหยิกชั้นทำไ…” ยังไม่ทันร้องจบ เรกะก็หยิกแรงขึ้นอีกจนเอย์จิตัวบิดงอ

“เข้าใจมั้ย” เรกะกระซิบ

“เข้าใจแล้ว ๆ ปล่อยซะที” เรกะจึงยอมปล่อย

เรนะเห็นพี่สาวมีท่าทางแปลก ๆ ก็รู้สึกสงสัยแต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร “งั้นเหรอคะ น่าอิจฉาจัง คราวหน้าพาหนูไปมั่งนะ” เรกะก็ตอบโดยไม่กล้ามองหน้าน้องสาว

แล้วเอย์จิก็หันมาแซวตุ๊กตาคิตตี้สีชมพูที่ห้อยกระเป๋าเรกะ “นี่! ชั้นว่าไอ้ตุ๊กตานั่นมันไม่เหมาะกับเธอเลยนะ”

“คนสำคัญของชั้นซื้อให้หน่ะ” แล้วเรกะตอบแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“งั้นเหรอ อยากรู้จังว่าใครเป็นคนโชคร้ายคนนั้น”

“ทำไม! คบกับชั้นแล้วมันจะโชคร้ายยังไง” เรกะเริ่มฉุน

“ก็เพราะต้องมาเป็นแฟนกับเธอไง 555” แล้วเอย์จิก็รีบวิ่งหนี

“หนอย! แน่จริงอย่าหนีสิ” แล้วเรกะก็วิ่งไล่เอย์จิไป ส่วนเรนะก็เดินตามไปช้า ๆ เธอมองทั้งสองคนแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

พอไปถึงโรงเรียนทั้งสามคนก็เห็นคูมิยะกับนายะยืนดักรออยู่ ทันใดนั้นทั้งสองคนก็พุ่งเข้ามาฉุดเรกะไปอย่างรวดเร็ว “โอ้ยยยย เบา ๆ หน่อยสิ” เธอร้องเสียงหลง

“หึหึ ยังมีหน้ามาต่อรองอีกเรอะ” คูมิยะขู่

“แบบนี้แสดงว่ายังไม่รู้ชะตาตัวเอง” นายะก็เอากับเค้าด้วย

“เดี๋ยวก่อน ๆ คูมิจังนายะจังจะพาชั้นไปไหน” เรกะเริ่มกลัว

ทั้งสามกระเตงกันไปจนถึงมุมระเบียงชั้น 2 แล้วคูมิยะก็เริ่มเค้นถามเธอ“เมื่อวานหล่อนไปไหนมายะคุณเรกะ!!!”

“กะ ก็ ไม่ได้ไปไหนนี่ ก็ไปแถว ๆ นี้แหละ” เรกะตอบเลี่ยง ๆ โดยไม่กล้าสบตาเพื่อนทั้งสอง (ที่ตอนนี้กลายร่างเป็นตำรวจสอบปากคำเธอไปซะแล้ว)

“ไม่ต้องมาทำเนียน เธอแก้ตัวไม่รอดหรอกย่ะ” คูมิยะกดดันเธอ

“เปล่า ๆ ก็ไม่ได้ไปไหนจริง ๆ แค่ไปเดินเล่นในเมืองเท่านั้นเอง” เรกะยังปากแข็ง

“หึ! ปากแข็งนักเรอะ แล้วอย่าหาว่าพวกชั้นโหดนะ เอ้า! เริ่มเกมลงทัณฑ์ได้” แล้วคูมิยะก็ดึงแก้มขาว ๆ ของเรกะให้ยืด ส่วนนายะก็เอามือจี้เอวหล่อนจนชักดิ้นชักงอ

“โอ้ย ๆๆ อุดก่อน ๆ ไอ้ไอ๋แอ๊ว” เรกะดิ้นพล่าน ๆ

แต่พวกคูมิยะก็ยังไม่หยุด “อยากให้หยุดก็สารภาพมาสิยะ” แล้วคูมิยะก็ช่วยนายะจั๊กจี้เธอ

ตอนนี้เรกะชักดิ้นชักงอหายใจไม่ทัน “โอย ๆ พอก่อนไม่ไหวแล้ว 555+ ยอมแล้ว ๆ” แล้วเธอก็ยอมเล่าเรื่องเมื่อวานให้ฟังยกเว้นเรื่องสวนสนุก

“แต่เอ ดูจากเวลาแล้วไม่น่าจะไปกันแค่สวนเพนกวิ้นนะ” นายะเฉลียวใจ แล้วทั้งสองก็หันมาจ้องตาเรกะ เรกะเลยหลบสายตาทั้งคู่

“หึหึ สงสัยต้องจัดการผู้ร้ายปากแข็งให้สิ้นซากซะแล้ว” คูมิยะกับนายะบีบมือกร๊อบ ๆ แล้วทำหน้าตาน่ากลัวเข้ามารุมเธอ

“อย่า โอ้ย ๆ 555+ พอแล้วจะขาดใจตายแล้ว ชั้นไม่ได้โกหกจริง ๆ” เรกะโดนจั๊กจี๊ต่อรอบสอง

“ปากแข็งนักใช่มั้ย งั้นต้องเจออย่างงี้” คูมิยะกับนายะยิ่งรุกหนักเข้าไปอีก

“โอย ๆ ชั้นขอโทษ ๆ ยอมแล้ว ๆ ชั้นไม่ทำอีกแล้ว 555+ โอยพอซะที ยอมแล้ว ๆ” สุดท้ายเรกะก็เลยสารภาพมาหมดเปลือก

“หา! ไปกันจนถึง PM (Precious Memory) เลยเหรอ” คูมิยะพูดซะดังจนคนอื่นหันมามอง

“จะเสียงดังไปทำไมยะ” เรกะหอบแฮก ๆ แล้วรีบอุดปากเพื่อน ระหว่างที่ทั้งสามคนคุยกันเรนะก็เดินมาถึงมุมระเบียงพอดี เธอตั้งใจมาตามทั้ง 3 คนกลับห้องเรียน “สัญญานะว่าจะไม่บอกใคร โดยเฉพาะเรนะ” เรนะเลยได้ยินที่พี่สาวเธอพูดพอดี เธอตกใจไม่กล้าเผยตัวออกไปเลยหยุดอยู่ตรงมุมระเบียงนั้น

“แล้วถ้าเรนะจังมารู้ทีหลังหล่ะ” นายะกังวล

“ก็ห้ามไม่ให้รู้สิยะ เหยียบไว้เลยนะ” เรกะย้ำอย่างชัดเจน

“เข้าใจแล้ว ๆ” คูมิยะบอก

พอทั้งสามคนคุยกันจบเรนะก็ทำเป็นเพิ่งเดินมา “อ้าวอยู่นี่กันหน่ะเอง อาจารย์จะเข้าแล้วนะจ๊ะ”

“งั้นเหรอ งั้นพี่ไปก่อนนะ” แล้วเรกะก็รีบเดินไปกับนายะ ปล่อยให้น้องสาวมองตามหลังเธอด้วยสีหน้าหงอย ๆ

พอพักเที่ยงก่อนออกจากห้องเรนะก็หันไปถามเอย์จิว่า “เอย์จิคุงจ๊ะวันเสาร์นี้ว่างรึเปล่า”

“ทำไมเหรอ”

“คือชมรมฟุตบอลชั้นมีแข่งหน่ะจ๊ะ ไปดูด้วยกันมั้ย”

“งั้นเหรอ น่าดูเหมือนกันนะ เดี๋ยวชั้นขอคิดดูก่อนละกัน” เอย์จิตอบ เรนะเห็นหน้าเอย์จิแล้วถึงกับเจ็บแปล๊บขึ้นในอก เพราะแววตาที่เขามองเธอนั้นเหมือนกับแววตาเมื่อตอนที่เขาเพิ่งรู้สึกตัวฟื้นขึ้นในโรงพยาบาล มันเป็นแววตาที่เย็นชาและห่างเหินเหลือเกิน

พอทุกคนมานั่งรวมกันที่โรงอาหารคูมิยะก็เปิดประเด็นขึ้นมาว่า “เออนี่ชมรมฟุตบอลแข่งวันเสาร์นี้ใช่มั้ย”

“แข่งที่โรงเรียนเราเหรอ” ฟูจิถามต่อทันที

“เปล่าจ๊ะ แข่งกันที่สนามกีฬากลางจังหวัดหน่ะ” เรนะตอบ

“ท่าทางน่าสนุกเนอะ ไปดูกันมั้ย” เรกะถามเพื่อน ๆ

“แค่ซ้อมแข่งทำไมต้องไปถึงสนามใหญ่ด้วย” ฟูจิสงสัย

“นายนี่ไม่รู้อะไรซะเลย ที่จัดใหญ่แบบนั้นก็เพราะรุ่นพี่โชโงะไง” คูมิยะตอบ

“อ๋อ เพราะดาราว่างั้น” ฟูจิทำหน้าเซ็ง

เอย์จิเลยหันไปถามเรกะว่า “รุ่นพี่ที่ว่านี่เค้าเป็นดาราเหรอ”

“เปล่า ๆ เค้าเป็นนักฟุตบอลอาชีพหน่ะ” เรกะตอบ

“แต่จัดใหญ่เพราะคน ๆ เดียวนี่มันไม่เว่อร์ไปหน่อยเหรอ” คอนจิถาม

“เปล่าหรอกจ๊ะ จริง ๆ รุ่นพี่ก็ไม่อยากให้ไปแข่งที่นั่นหรอก แต่อาจารย์กับเจ้าหน้าที่เค้าบอกให้ไปหน่ะ” เรนะแก้ตัวแทน

“ถึงจะเพราะคนอื่นบอก แต่มันก็เหตุผลเดิมแหละว้า” ฟูจิบ่น

“เอาน่า ๆ รุ่นพี่เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย” นายะปรามเพื่อน ๆ

“แล้วตกลงจะไปรึเปล่าหล่ะ” คูมิยะถาม

“อื้อ ไปสิ” ฟูจิตอบตกลงทั้ง ๆ ที่บ่นไปตั้งเยอะ คอนจิเองก็พยักหน้า

“แล้วนายหล่ะไปด้วยกันมั้ย” เรกะหันไปถามเอย์จิ

“อื้อ ไปสิ” เอย์จิตอบทันที เขาทำเอาเรนะถึงกับรู้สึกปวด ๆ ในอก เพราะแววตาที่เอย์จิมองพี่สาวเธอนั้นช่างเต็มไปด้วยความสนิทสนมและคุ้นเคยกัน ต่างกับเธอเหลือเกิน

ซักพักทาคายูกิกับคารินก็เดินมาหาที่โต๊ะ “อ้าวเป็นไงจ๊ะทั้งสองคน เมื่อวานหายไปไหนกันมา” คารินถาม

เรกะมัวแต่ลังเลคิดคำตอบ คอนจิเลยแซวว่า “อ๋อ เมื่อวานสองคนนี่เค้าไปสวีวี่วีกันมาหน่ะครับรุ่นพี่”

“ต๊ายจริงเหรอจ๊ะ” คารินเอามือปิดปาก

“ไม่จริงนะคะ หนูแค่พาเอย์จิคุงไปที่ ๆ เคยไปเท่านั้นเอง” เรกะทำท่าทางขึงขังแต่แก้มเธอเป็นสีชมพูระเรื่อ แล้วเธอก็โวยวายใส่คอนจิ

“อะจ้า แหม ๆ ไม่เห็นต้องโกรธเลยนี่ พี่ก็แกล้งเออออตามน้ำไปงั้นเองแหละ” คารินหัวเราะคิกคัก

“คอนจิคุงก็ขอโทษเรกะจังซะนะ ยังไงเค้าก็เป็นผู้หญิง ไปแซวอย่างงี้เค้าเสียหายรู้มั้ย” ทาคายูกิเตือนรุ่นน้อง

“คร๊าบบ โทษทีนะเรกะ” คอนจิหันไปขอโทษเธอ แต่เรกะก็ไม่ตอบอะไร

“แล้วรุ่นพี่ถืออะไรมาเหรอครับ” ฟูจิถาม

“อ๋อ ไอ้นี่แหละที่จะมาคุยด้วย คืออาจารย์ที่ปรึกษาชมรมเค้าขอร้องมาหน่ะ” ทาคายูกิตอบ

“เรื่องลึกลับเหรอคะ” คูมิยะถามอย่างตื่นเต้น ส่วนเอย์จิก็ทำหน้างง ๆ ว่าเรื่องลึกลับอะไรกัน

“เสียใจด้วยนะ คราวนี้ไม่ใช่จ๊ะ” คารินตอบ

“อื้อ เป็นค่ายอาสาพัฒนาหน่ะ ชาวบ้านเค้าขอให้พวกเราไปช่วยซ่อมโรงเรียนแล้วก็ช่วยซ่อมคอมอะไรทำนองนี้แหละ” ทาคายูกิตอบ

“แล้วทำไมมาเกี่ยวกับชมรมรุ่นพี่หล่ะครับ” คอนจิสงสัย

“คืออาจารย์สึบากิเค้าเป็นคนที่นั่นหน่ะ พอชาวบ้านขอร้องมา อาจารย์ก็เลยมาขอให้พวกเราช่วย แต่ไม่บังคับนะแล้วแต่ความสมัครใจ”

“ไปเมื่อไหร่อะคะ” นายะถาม

“วันอาทิตย์นี้จ๊ะกลับวันอังคาร” คารินตอบ

“งั้นวันเสาร์ไปเชียร์บอลเสร็จวันอาทิตย์ก็ไปได้พอดีเลยสิ แล้วเรื่องที่ว่าจะไปทะเลสาบหล่ะคะ” คูมิยะถาม

“เอ…ทะเลสาบที่ว่าเป็นสีเลือดหน่ะเหรอ” คารินพยายามนึก

“อันนั้นต้องรอให้ปิดเทอมก่อนหล่ะมั้ง อยู่ตั้งฮาโกดาเตะแหนะ” ทาคายูกิตอบ

“แล้วเรื่องเรียนหล่ะคะ” นายะถาม

“ไม่ต้องห่วงนะ อาจารย์เค้าจะทำเรื่องขอหยุดให้” ทาคายูกิตอบ

“อ้าว! แจ๋วสิ! งั้นไม่ไปไม่ได้แล้ว” คอนจิหันไปตกลงกับฟูจิ ฟูจิก็เห็นดีเห็นงามด้วย

“นี่ ๆ พวกนายไม่ใช่คนในชมรมซะหน่อย พอรู้ว่าหยุดเรียนละอยากไปเชียวนะ” คูมิยะต่อว่า แต่ทั้งสองคนก็ทำไม่รู้ไม่ชี้

“แต่ก็ดีนะ จะได้มีคนช่วยเยอะ ๆ ไง แล้วที่เหลือหล่ะจ๊ะ” คารินถาม

“หนูยังไงก็ได้ค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ ไปหนูก็ไปด้วย” นายะตอบ

“หนูไปก็ได้ค่ะ เสียดายที่ไม่มีเรื่องลึกลับ แต่นาน ๆ ทีก็ดีเหมือนกัน” คูมิยะตอบ

“หนูก็โอเคค่ะ แต่ทาคุมิคุงคงต้องคุยกับที่บ้านก่อน” เรกะหันไปมองเอย์จิ

“ผมไปครับ!!!” เอย์จิรีบตอบทันทีแล้วก็หันไปมองเรกะ “ก็มันน่าสนุกดีนี่”

“ดีจัง งั้นสรุปพวกเราไปกันครบทุกคนเลยนะ” คารินทำท่าดีใจ

เรกะหันไปเห็นน้องสาวนั่งเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จาอะไร เธอเลยบอกว่า “งั้นให้เรนะไปด้วยได้มั้ยคะรุ่นพี่”

“เอ๋!” เรนะตกใจหันมามองพี่สาว

“ดีเหมือนกันนะ คราวที่ไปเกาะจินกูฯเรนะจังก็ไปด้วยนี่” คูมิยะพูด

“เอาสิไปกันเยอะ ๆ งานจะได้เสร็จไว ๆ แล้วเรนะจังว่างรึเปล่าหล่ะ” ทาคายูกิชวน

“หนู…ก็ว่างค่ะ แต่จะดีเหรอคะ” เรนะยังลังเล

“ถ้าเรื่องชมรมไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่บอกโชโงะมันเอง” ทาคายูกิพูด

“นะ ๆ ไปด้วยกันนะ คิดซะว่าไปเป็นเพื่อนพี่ละกัน” เรกะขอร้อง

เรนะชำเลืองมองเอย์จิเล็กน้อย แล้วเขาก็ยิ้มให้เธอ “ไปเถอะ ไปกันเยอะ ๆ สนุกดีออก”

เรนะเลยตอบว่า “งั้นหนูไปก็ได้ค่ะ” ทุกคนก็พากันดีใจ

ประมาณ 4 ทุ่มที่บ้านฮิเมะสองพี่น้องนั่งดูทีวีอยู่ในห้องพี่สาว จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น “อ้าว ใครนะส่งแมสเสจมาตอนนี้ หยิบให้พี่หน่อยสิ” เรนะเลยเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ให้พี่สาว แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นที่หน้าจอเขียนว่า {*ทาคุมิ 1 ข้อความ**}

ฝ่ายเรกะพอรู้ว่าเอย์จิส่งข้อความมาเธอก็หน้าชาไม่รู้จะเปิดอ่านต่อหน้าน้องสาวดีรึเปล่า เรนะเห็นพี่สาวทำท่าไม่สบายใจเลยบอกว่า “งั้นหนูขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”

“อ้าวทำไมรีบไป หนังยังไม่จบเลย”

“พรุ่งนี้หนูต้องตื่นเช้าหน่ะคะ ฝันดีนะคะ” เธอยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป พอปิดประตูแล้วเธอก็ยืนพิงอยู่หน้าห้องเรกะแล้วถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้า ๆ

แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงเบา ๆ มาจากในห้องพี่สาว “นี่! นายส่งแมสเสจมาทำไม” เสียงเรกะโทรถามเอย์จิ “ก็เมื่อกี้ชั้นไม่สะดวกคุย” เสียงเรกะดังผ่านประตูมาอีก เรนะฟังแล้วเลยเดินหงอยกลับห้องไป

คืนนั้นหลังจากพระจันทร์ถูกเงาเมฆบดบังจนมิด ณ ห้องทำพิธีแห่งหนึ่ง นักพรตองเมียวจิ 2 รูปกำลังนั่งทำพิธีอยู่ท่ามกลางเทวรูปทั้งสี่ทิศ เบื้องหน้าเป็นเทพีอิซานามิเทพแห่งความตายผู้ครอบครองนรก เบื้องขวาเป็นเทวรูปซุซะโนะโอะเทพแห่งพายุผู้ปกครองปีศาจ เบื้องซ้ายเป็นเทวรูปอามัตสึมิกะโบชิเทพแห่งความชั่วร้าย และเบื้องหลังเป็นเทวรูปบิชะมงเทพแห่งสงคราม

นักพรตองเมียวจิทั้งสองร่ายคาถาในห้องที่มืดมิด มีเพียงแสงจากเทียนไขที่ตั้งอยู่หน้าเทวรูปทั้งสี่คอยส่องแสงสลัว ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดมาจากเทวรูปที่ตั้งอยู่ตรงหน้า “เจ้าตุ๊กตานั่นทำงานพลาดซะแล้ว”

เสียงจากเทวรูปเบื้องขวาพูดออกมาว่า “หึ ก็ดันไปไว้ใจตุ๊กตารับใช้แบบนั้นนี่”

เทวรูปเบื้องซ้ายพูดขึ้นว่า “มันขาดการติดต่อไปนานแล้ว คงไม่รอดแล้วหล่ะ”

เทวรูปเบื้องหลังพูดขึ้นว่า “ว่าแต่ยังมีจอมเวทคนอื่นที่ต่อกรกับพวกเราได้อีกงั้นรึ”

เทวรูปเบื้องขวาพูดขึ้นมาว่า “ก็คงจะมีแต่เจ้าคนนั้น เจ้าคนที่น่ารังเกียจ ฮึ่ม!”

เทวรูปเบื้องหน้าพูดขึ้นว่า “เรื่องเจ้าคนน่ารังเกียจนั่นเอาไว้ก่อน พวกเจ้าทั้งสองจงฟังข้า”

“ขอรับนายท่าน” นักพรตทั้งสองตอบพร้อมกัน

เทวรูปเบื้องหน้าพูดว่า “ข้ามอบหมายงานให้เจ้าทั้งสองจงไปจัดการพวกมันซะ อย่าให้สายเลือดต้องสาปหลงเหลืออยู่ในโลกนี้อีก”

แล้วเทวรูปทั้ง 4 ก็พูดเสียงดังก้องไปทั่วห้องว่า “อย่าให้พวกข้าต้องผิดหวังงงงงง”

เช้าตรู่วันเสาร์เรกะยังงัวเงียเมาขี้ตาอยู่ “งั้นหนูไปก่อนนะคะพี่” เรนะบอกพี่สาว

“ไปเช้าจัง” เรกะถาม

“ต้องไปเตรียมของหน่ะค่ะ”

“แข่ง 10 โมงใช่มั้ย เดี๋ยวพี่ตามไปนะ”

“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”

พอเรกะอาบน้ำทานข้าวเสร็จเธอก็ออกจากบ้านไปรับเอย์จิ “หนูไปนะคะแม่”

“จ้า ไปดีมาดีนะลูก”

“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่” แต่พอเธอก้าวออกจากบ้าน หัวใจเธอก็แทบหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม “ว๊ายยยยยยย” เธอร้องเสียงหลง

“ระวังงงง” เอย์จิเกือบจะชนเธออย่างจัง โชคดีที่เขาจับตัวเธอไว้ทัน จึงมีแค่ปลายจมูกของทั้งคู่ที่สัมผัสกัน พอทรงตัวได้ทั้งคู่ก็สบตากันแล้วนิ่งไปพักนึง

“เอย์จิ!?!”

“ขอโทษที ๆ” เอย์จิขอโทษ

“มีอะไรเหรอลูก” แม่ของเรกะตะโกนถามจากในบ้าน

“ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่ เอ่อ…คือ…มีหนูวิ่งผ่านหน่ะค่ะ”

“งั้นเหรอจ๊ะ” แม่ของเธอเลยกลับไปทำงานต่อ

“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่” เรกะกระซิบถาม

“คือชั้นเพิ่งกินข้าวเสร็จเลยมารอเธอที่นี่หน่ะ” เอย์จิกระซิบตอบ

“เมื่อคืนเรานัดกันที่หน้าปากซอยไม่ใช่เหรอ” เรกะสงสัย

“ก็ชั้นอยากเดินเล่นอะ เลยมารอที่นี่ เออนี่เย็นนี้เธอว่างมั้ย”

“ทำไมอะ”

“คือที่ร้านชั้นเค้ามีเค้กรสใหม่ออก เลยอยากจะชวนเธอไปทาน เธอชอบทานเค้กมั้ย ถือซะว่าเลี้ยงขอบคุณไง”

เรกะอมยิ้มคิดในใจว่า “เลี้ยงตอบแทนอะไรกัน ทำมาเป็นเกรงใจไปได้ แต่จะว่าไปหมอนี่ก็มีส่วนเป็นสุภาพบุรุษเหมือนกันนะ แต่เอ…ถ้าไปมันจะไม่ดูเหมือนไปเดทกันเหรอ”

“นี่! เป็นอะไรอะยืนยิ้มอยู่ได้คนเดียว” เอย์จิสะกิดเธอ

เรกะเลยสะดุ้งโหยง “เปล่า ๆ ไม่มีอะไร”

“บ้าป่าว ยืนยิ้มอยู่คนเดียว อากาศก็ไม่ร้อนนะ”

เรกะฟังแล้วอายจนต้องเอามือทุบหลังเค้าดังพลั่ก “บ้าสิยะ!”

“โอ้ยยยย ทุบชั้นทำไมเนี่ย”

“ปากอย่างงี้ก็สมควรแล้ว”

“แล้วตกลงจะไปมั้ยอะ”

“ไม่ย่ะ! ฝันไปเถอะว่าชั้นจะไปกับคนอย่างนาย”

“อ้าว แล้วกัน” เอย์จิบ่นเสียดาย แล้วเรกะก็เดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว

ทางด้านสนามฟุตบอลเรนะกำลังเตรียมของอยู่ ส่วนโชโงะก็กำลังคุมทีมวอร์มก่อนลงแข่ง “อ้าวเป็นไงมั่งเรนะจัง” คูมิยะกับนายะเพิ่งมาถึง

“คนอื่น ๆ ยังไม่มาเลยเหรอ” นายะมองหาเพื่อน ๆ

“พี่จะไปรับเอย์จิคุงก่อนหน่ะจ๊ะ ส่วนพวกฟูจิโทรมาเมื่อกี้ว่าจะมาช้าหน่อย”

“เหรอ แล้วมีอะไรให้ชั้นช่วยมั้ย” คูมิยะถาม

“ไม่เป็นไรจ้า ขอบใจนะ เตรียมของเกือบเสร็จแล้วแหละ พวกเธอนั่งรอแป๊บนึงนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่กับเอย์จิคุงก็คงมา” เรนะยิ้มตอบ คูมิยะเลยเอามือลูบหัวเรนะเหมือนเด็ก “อะไรอ๊ะคูมิจัง เค้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“แหม ก็เรนะจังน่ารักนี่” เธอยังไม่หยุดลูบ

แล้วนายะก็กุมมือเธอไว้แล้วพูดว่า “พวกเราเป็นเพื่อนเรนะจังเสมอนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ”

“ขอบใจจ๊ะนายะจัง”

ขณะเดียวกันในห้องทำพิธีที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินนักพรตองเมียวจิสองคนร่ายคาถารอบกองไฟ แล้วเปลวเพลิงก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีฟ้า “หึหึหึ ในที่สุดก็หาเจอ” ทั้งสองจับจ้องเข้าไปในเปลวเพลิง ภายในปรากฏภาพเอย์จิกับเรกะกำลังเดินอยู่ด้วยกัน “สายเลือดต้องสาบเอ๋ยวันนี้แหละจะเป็นวันตายของเจ้า” แล้วนักพรตทั้งสองก็เริ่มทำพิธี

ระหว่างที่เอย์จิกำลังเดินอยู่กับเรกะ จู่ ๆ เขาก็หันไปเรียกเธอ “เรกะ!”

“อะไรเหรอ” เรกะหันมาทำหน้างง ๆ ทันใดนั้นเอย์จิก็ขยับเข้ามาหาแล้วเอามือไปใกล้ ๆ แก้มเธอ “เดี๋ยว! จะทำอะไรหน่ะ”

“นิ่ง ๆ นะ” เอย์จิพูดด้วยสีหน้าจริงจังแล้วค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

ตอนนี้ถึงเธออยากจะขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เธอได้แต่ยืนตัวเกร็ง พอถึงที่สุดเธอก็หลับตาปี๋ร้องในใจว่า “ไม่ได้นะ! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

แล้วเอย์จิก็หยิบแมงมุมตัวเล็ก ๆ ที่เกาะอยู่บนผมเธอออก พอเรกะค่อย ๆ ลืมตา เขาก็ยิ้มแล้วชูให้เธอดู “แมงมุมหน่ะมันติดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้” เอย์จิทำหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“งะ งั้นเหรอ ขอบใจนะ” เรกะหอบแฮก ๆ แล้วคิดในใจว่า “อะไรเนี่ย นี่กลายเป็นเราบ้าไปคนเดียวงั้นเหรอ หรือว่าเราจะเป็นคนลามกไปซะแล้ว” เธอคิดไปคิดมาจนหน้าแดงเลยเอามือทุบเขาแก้เขิน

“โอ้ยยย อะไรเนี่ย” เอย์จิเซไปตามแรงทุบ ทันใดนั้นแท่งน้ำแข็งปลายแหลมก็ตกลงมาเฉี่ยวแก้มของเอย์จิจนเลือดไหลซิบ ๆ

“ชิ พลาดไปได้” นักพรตรูปหนึ่งบ่นเสียดาย

“ไม่เป็นไร นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น” นักพรตอีกรูปพูดแล้วทั้งสองก็ท่องคาถาต่อ ทันใดนั้นก็มีแท่งน้ำแข็งปลายแหลมเหมือนหอกตกลงมาราวกับฝน

“ว้ายยยยย” หอกน้ำแข็งพุ่งลงมาเฉี่ยวสะโพกเรกะจนกางเกงขาดเห็นผิวขาว ๆ

“นี่มันอะไรเนี่ย ลูกเห็บเหรอ” เอย์จิถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน หาที่หลบก่อนเถอะ” เรกะรีบจูงมือเขาวิ่งหลบฝนน้ำแข็ง แต่โชคร้ายที่ตลอดทางเป็นถนนโล่งตลอดไม่มีที่กันบังเลย ทั้งคู่จึงได้แต่วิ่งให้เร็วที่สุด ฝนน้ำแข็งเฉี่ยวแขนเฉี่ยวขาทั้งสองจนเลือดซึม บางแท่งเฉี่ยวเสื้อเรกะจนขาดวิ่น

ทั้งสองพยายามเอาตัวรอด แต่ฝนน้ำแข็งก็ตกหนักเป็นบริเวณกว้างล้อมพวกเขาเอาไว้หมด เอย์จิเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจกอดเรกะแล้วกดเธอลงพื้น เขานอนคร่อมเธอเอาหลังบังฝนมรณะไว้ “ว้ายยย ทำอะไรหน่ะ” เรกะร้องห้ามเขา

“อยู่เฉย ๆ นะ” เอย์จิสั่งเธอ

“ตาบ้า! เดี๋ยวนายก็…”

ยังไม่ทันพูดจบหอกน้ำแข็ง 2 แท่งก็ปักเข้าที่กลางหลังเขาอย่างจัง “โอ้ยยยย” สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“พอแล้ว รีบหนีเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย” เรกะพยายามดิ้นแต่ก็ไม่หลุดจากอ้อมกอดของเอย์จิ

“เธอไม่ต้องห่วง ชั้นไม่เป็นไร” เอย์จิสบตาเธออย่างใกล้ชิดใบหน้าทั้งคู่แทบจะติดกัน

“อย่า อย่าทำแบบนี้” เรกะร้องห้ามน้ำตาคลอ แต่เอย์จิก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

ฝนน้ำแข็งยังตกลงมาไม่ขาดสาย ทันใดนั้นเรกะก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้กระซิก ๆ อยู่ไม่ไกล “แย่แล้วมีเด็กอยู่แถวนี้!!!” เธอบอกเขา

“ว่าไงนะ” เอย์จิอุทาน แล้วเรกะก็หันหน้าไปทิศที่เธอได้ยิน เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ

“ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้นะ” เรกะบอกเขา เอย์จิก็พยักหน้ายอมคลายกอดเธอ แล้วทั้งสองก็พากันกึ่งวิ่งกึ่งกระเผลกไปทางต้นเสียง

พอทั้งคู่เลี้ยวที่ปากซอยถัดไปก็เห็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 5 ขวบกำลังนั่งร้องไห้อยู่ ทันใดนั้นเอย์จิก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นว่า “มนต์มารทั้งหลายเอ๋ยจงสลายไป” ทันใดนั้นฝนน้ำแข็งก็หยุดตก

“อ้าวหยุดแล้ว!?!” เอย์จิแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างระมัดระวัง

“หยุดแล้วจริง ๆ ด้วย” เรกะพูด แล้วเด็กน้อยก็ร้องไห้ดังขึ้นอีก เรกะเลยนั่งลงโอ๋เด็กคนนั้น “โอ๋ ๆ ไม่ต้องร้องนะจ๊ะ ไม่ต้องกลัวนะพวกพี่มาช่วยแล้ว” เธอเอามือลูบหัวเด็กอย่างอ่อนโยน เด็กหญิงก็เลยค่อย ๆ หยุดร้อง “หนูชื่ออะไรจ๊ะ”

“ซา ซากุระค่ะ” เด็กหญิงตอบ ซากุระเป็นเด็กหญิงผิวขาวราวกับปุยนุ่น เธอมีผมสีดำขลับแบบคนญี่ปุ่นโบราณซึ่งไว้ยาวถึงกลางหลัง

“แล้วซากุระจังทำไมมาอยู่ที่นี่คนเดียวหล่ะ”

“คือ คือหนูหลงกับคุณพ่อแล้วหมาตัวใหญ่มันก็วิ่งไล่” ซากุระตอบ

“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพวกพี่จะช่วยตามหาคุณพ่อซากุระให้เอง”

“จริงเหรอคะ” ซากุระทำตาโต

“จริงสิจ๊ะ เนอะ” เรกะหันไปยิ้มถามเอย์จิ

เอย์จิก็ตอบว่า “อื้อ ไม่ต้องห่วงนะ เราต้องหาคุณพ่อซากุระเจอแน่” ซากุระเลยยิ้มออก

“เอ่อ แล้วนายเป็นไงมั่ง” เรกะยืนขึ้นแล้วหันมาถามเอย์จิด้วยความเป็นห่วง

เอย์จิเอี้ยวตัวไปดูที่หลังก็ไม่เห็นร่องรอยอะไร “เอ ไม่รู้สิ คงไม่เป็นไรมั้ง”

“ไหนดูหน่อยซิ” แล้วเรกะก็เลิกหลังเสื้อเขาขึ้น เธอพิจารณาตามเนื้อตัวเอย์จิแล้วพูดว่า “ไม่มีรอยอะไรเลย” เสื้อผ้าของเอย์จิกับเรกะที่ขาดวิ่นเมื่อกี้กลับไม่มีร่องรอยฉีกขาดตรงไหนเลย ราวกับเรื่องเมื่อกี้เป็นแค่ความฝัน

“นั่นสิ แปลกดีเนอะ” เอย์จิพูด

“แต่ยังไงก็ขอบใจนะ” เรกะขอบคุณเขา

“ไม่เป็นไรหรอก”

“รู้มั้ยเมื่อกี้นายเท่มากเลย” เรกะพูดเบา ๆ โดยที่แก้มเป็นสีชมพูนิด ๆ

“อะไรนะ” เอย์จิได้ยินไม่ถนัด

“เปล่า ไม่มีอะไร เรารีบไปตามหาคุณพ่อซากุระจังกันเถอะ” แล้วเรกะหันหลังจูงซากุระจังไป

“ฮึ่ม! เผลอแป๊บเดียวมันคลาดสายตาไปซะแล้ว” นักพรตคำราม ทั้งสองใช้เวทมนตร์ค้นหาเอย์จิอยู่นานแต่ก็ไม่พบ

“ไม่เป็นไร คราวนี้ถือว่ามันดวงดี แต่โอกาสยังมีอีกเยอะ หึหึหึ”

ที่สนามฟุตบอลตอนนี้ทุกคนมาถึงกันหมดแล้วยกเว้นเรกะกับเอย์จิ “สองคนนั้นช้าจัง” คูมิยะเดินบ่นไปบ่นมาไม่หยุด

“พี่กับเอย์จิคุงอาจจะติดธุระก็ได้มั้งจ๊ะ เดี๋ยวคงมาแหละ” เรนะพยายามมองโลกแง่ดี

แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกมาจากรุ่นพี่ในชมรม “คุณฮิเมะครับช่วยทางนี้หน่อยครับ”

“ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” เรนะตอบแล้วก็หันมายกมือบอกเพื่อน ๆ ว่า “ขอโทษนะจ๊ะ เดี๋ยวชั้นไปช่วยทางโน้นก่อน”

“อื้อ ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก ไปเถอะ” คูมิยะตอบ แล้วเรนะก็รีบไป

“ขยันจังนะเรนะจังเนี่ย” นายะพูด

“แต่สองคนนั่นสิทำไมไม่มาซักที โทรไปก็ไม่ติด” คูมิยะยังไม่หายบ่น

“เห็นว่าออกจากบ้านแล้วนี่ รออีกซักพักละกัน” ฟูจิบอก

ด้านโชโงะกำลังคุยกับมิองผู้จัดการสาวสวยอยู่ข้างสนาม “นี่มิอง! ทำไมนักข่าวมากันเยอะแบบนี้”

“อ้าวแหม ก็โชโงะนักฟุตบอลดาวรุ่งจะลงสนามครั้งแรกนับตั้งแต่ไปทดสอบฝีเท้า พวกนักข่าวเค้าก็ต้องสนใจเป็นธรรมดาสิจ๊ะ”

“เธอไม่ได้ไปเรียกพวกนี้มาแน่นะ”

“แหม ๆ รู้ใจกันแบบนี้มาเป็นแฟนชั้นเลยมั้ยจ๊ะโชโงะคุง ชั้นจะไปทำแบบนั้นทำไมหล่ะ” แล้วมิองก็เอามือมาจับคางโชโงะเล่นเหมือนเขาเป็นเด็ก

“ชั้นไม่ใช่เด็กแล้วนะ ตามใจอยากจะทำอะไรก็เชิญ” แล้วโชโงะก็หันหลังเดินดุ่ม ๆ กลับไป ซักพักนักฟุตบอลทั้งสองทีมก็ลงสนาม แล้วกรรมการก็เป่านกหวีดเริ่มเขี่ยลูก

ตัดกลับมาที่เอย์จิกับเรกะ “เอ่อ เรกะเมื่อกี้เธอได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ มั้ย” เอย์จิถาม

“เสียงอะไรเหรอ”

“เสียงคล้าย ๆ ผู้หญิงหน่ะ”

“ไม่นี่ นายหูฝาดไปรึเปล่า”

“อืม ก็คงงั้น ว่าแต่เราจะตามหาพ่อของซากุระจังยังไงดีหล่ะ” เอย์จิสงสัย

“ซากุระจังจ๊ะคุณพ่อหน้าตาเป็นยังไงเหรอ” เรกะหันไปถามเด็กน้อย

“ก็ตัวสูง ๆ ใจดี ๆ ซื้อขนมให้ซากุระทานหลังเลิกเรียนทุกวันเลยค่ะ” ซากุระยิ้มตอบ

“แหะ ๆ เอ่อ…ไม่ใช่หยั่งงั้นจ๊ะ พี่หมายถึงว่าคุณพ่อซากุระมีลักษณะเด่นอะไรรึเปล่า” แต่ซากุระจังก็ได้แต่ดูดนิ้วทำหน้างง ๆ

เอย์จิเลยพูดว่า “แล้วบ้านซากุระจังไปทางไหนจ๊ะ” ซากุระจังก็ส่ายหน้าแล้วทำหน้าหงอย ๆ “ไม่เป็นไร ๆ พี่ชายสัญญาว่าจะพาซากุระกลับบ้านให้ได้นะ” เอย์จิเกี่ยวก้อยกับเธอ

“พี่สาวคนนี้ก็ด้วยนะจ๊ะ” เรกะก็เอานิ้วไปเกี่ยวด้วยเป็นสามคน

“ขอบคุณนะคะพี่ชายพี่สาว”

แล้วจู่ ๆ กระเป๋าสตางค์ของซากุระก็หล่นลงมาจากกระโปรง พอเรกะหยิบขึ้นมาก็เห็นกระดาษใบหนึ่งเหน็บอยู่ “คิตามูระ ซากุระ ที่อยู่บ้านเลขที่... อ้าวนี่มันที่อยู่ซากุระจังไม่ใช่เหรอ”

“เธอไปถูกมั้ย” เอย์จิถาม

“ชั้นรู้จักนะแต่ก็ไกลพอสมควร แถมไปคนละทางกับสนามบอลเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถ้าเราอธิบายให้ทุกคนฟังก็คงเข้าใจ” เอย์จิบอก

“อื้อ งั้นเราไปส่งซากุระจังกันนะ”

“ขอบคุณค่ะพี่ชายพี่สาว” ซากุระยิ้มอย่างน่ารักไร้เดียงสา

ด้านสนามฟุตบอลตอนนี้เป็นช่วงพักครึ่งเวลาแรก “พวกนั้นไม่รู้ไปทำอะไรที่ไหน โทรไปก็ไม่ติด” คูมิยะเป็นห่วงทั้งคู่ คนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน

“พี่กับเอย์จิคุงจะเป็นอะไรมั้ยนะ” ตอนนี้เรนะมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

แล้วโชโงะก็เดินมาหาเธอ “เป็นอะไรรึเปล่าเรนะจัง”

“เปล่าค่ะรุ่นพี่ หนูไม่เป็นไร”

“งั้นเหรอ ถ้ามีอะไรก็บอกนะ” แล้วโชโงะก็เดินกลับไปหาเพื่อนร่วมทีม

“เอาไงดีอะ จะไปตามหามั้ย” ฟูจิถาม

“แล้วจะไปตามที่ไหนหล่ะ” นายะถามกลับ

“นั่นสิ นี่มันไม่เหมือนกับที่โรงเรียนนะ” คูมิยะพูด

เรนะเป็นห่วงทั้งคู่มาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยได้แต่ภาวนา “ขอให้ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรด้วยเถอะ”

ด้านเอย์จิก็กำลังพาซากุระขึ้นรถเมล์ “ลมเย็นจังนะ” เรกะนั่งยิ้มหันไปทางหน้าต่างอย่างสบายใจ สายลมพัดผมสีทองของเธอปลิวไสว

“อื้อ” เอย์จิตอบแล้วแอบมองเธอเล็กน้อย

ซากุระเห็นท่าทางทั้งคู่ก็ทำหน้าสงสัย “พี่ชายกับพี่สาวเป็นแฟนกันเหรอคะ”

เรกะเลยรีบหันมาปฏิเสธทันที “เปล่าจ๊ะ ไม่ใช่จ๊ะ ทำไมซากุระจังคิดอย่างนั้นหล่ะ”

เอย์จิก็ตอบว่า “เปล่านะ ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน” เรกะฟังแล้วก็ฉุนเลยเหยียบเท้าเอย์จิซะเต็มแรงจนเขาร้องดัง “โอ้ยยยยยย”

เขามองเหมือนจะถามเธอว่าทำไม เธอเลยตอบฉุน ๆ ว่า “ก็นายอยากพูดอะไรแปลก ๆ ทำไมหล่ะ”

“แต่พี่ชายกับพี่สาวดูสนิทกันมากเลยนะคะ คุณพ่อบอกว่าคนที่ไปไหนด้วยกันสองต่อสองจะเป็นแฟนกัน” ซากุระตอบ

“เปล่าจ๊ะ พี่กับ เอ่อ...นายนี่ก็แค่บ้านอยู่ใกล้กันหน่ะ แล้วเราก็กำลังจะไปหาเพื่อนหน่ะจ๊ะ”

“แต่ถ้าพี่ชายกับพี่สาวเป็นแฟนกันก็ดีสิคะ” ซากุระทำเอาเอย์จิกับเรกะหน้าแดงแป๊ดทั้งคู่

“ทะ ทำไมหล่ะ” เรกะถาม

“ก็ซากุระชอบพี่ชายกับพี่สาวมากเลยนี่คะ” เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสา

“แต่ไม่แน่นะอนาคตพี่สาวอาจจะมาเป็นแฟนพี่ชายก็ได้” เอย์จิพูดแบบขำ ๆ ทีเล่นทีจริง

“จริงเหรอคะ” ซากุระทำตาโตดีใจ

“หนอยแหน่ะ” เรกะเลยแอบหยิกเอวเขาอย่างแรง

“โอ้ยยยย เจ็บ!!!” เอย์จิหน้าตาเหยเก

“สมหน้า!!!” แล้วเรกะก็หันไปหาซากุระว่า “ไม่จริงหรอกจ๊ะ ใครจะไปชอบคนพันธุ์นี้ แถมพี่ชายเค้าก็มีคนที่ชอบ...” แล้วเธอก็สะอึกเงียบไปกลางคัน เอย์จิก็ได้แต่มองเธองง ๆ แล้วเรกะก็พูดกับตัวเองในใจว่า “จริงสิ เราลืมไปซะสนิทเลย…”

“อ้าวใกล้ถึงบ้านซากุระจังแล้วนี่” เอย์จิอ่านในกระดาษแล้วมองป้ายบนถนน พอลงรถแล้วทั้งสองก็เดินหาบ้านตามที่เขียนไว้ ซักพักก็เจอบ้านของซากุระ ทั้งคู่เลยกดกริ่ง

ผู้หญิงวัยกลางคนรีบเปิดประตูออกมารับ สีหน้าเธอดูกระวนกระวายใจมาก “ค่ะ มาหาใคร...” เธอยังไม่ทันพูดจบพอเห็นหน้าซากุระจังก็รีบโผเข้าไปกอดทันที “ซากุระจัง”

“หม่าม้าาาา” ซากุระร้องเรียกด้วยความดีใจ แม่เธอกอดเธอแล้วก็น้ำตาคลอ

“พวกเราเจอแกนั่งร้องไห้อยู่แถวบ้านหน่ะครับ โชคดีที่มีที่อยู่เขียนไว้” เอย์จิอธิบาย

“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ” แม่ของซากุระก้มหัวขอบคุณเอย์จิกับเรกะ

“คุณแม่ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ แถมซากุระก็เป็นเด็กน่ารักมากด้วย” เรกะบอก

“ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ชั้นไม่รู้จะตอบแทนคุณทั้งสองยังไงดี คุณพ่อแกโทรมาว่าหลงกับแก พวกเราก็ไม่รู้จะทำยังไง”

“งั้นก็สบายใจได้แล้วนะครับ” เอย์จิยิ้ม

“งั้นเชิญคุณสองคนเข้ามาข้างในก่อนนะคะ”

“เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ เผอิญพวกเรานัดเพื่อนไว้” แล้วเอย์จิก็หันไปมองเรกะ เรกะก็พยักหน้า

“ถ้างั้นให้ดิชั้นได้ตอบแทนอะไรพวกคุณบ้างเถอะค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนเราถ้าเดือดร้อนก็ต้องช่วยกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” แล้วเรกะก็ก้มไปลูบหัวซากุระ “ต่อไปนี้ต้องระวังอย่าให้หลงทางอีกนะจ๊ะ”

“ค่ะ ซากุระจะระวังอย่างตั้งใจเลยค่ะ” ซากุระยิ้มตอบ

“งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ” แล้วเอย์จิกับเรกะก็ลาแม่ของซากุระ

“แล้วเจอกันใหม่นะจ๊ะ” เรกะโบกมือให้ซากุระ

“แล้วเจอกันใหม่ค่ะพี่ชายพี่สาว” ซากุระโบกมือตอบ

“โชคดีนะคะคุณทั้งสองคน” แม่ของซากุระบอก

พอพวกเอย์จิเดินไปได้ซัก 20 เมตรซากุระก็ตะโกนเรียกทั้งคู่ “พี่ชายพี่สาวคะ” ทั้งสองคนเลยหันกลับมามอง แล้วซากุระก็ยิ้มตะโกนว่า “เจอกันครั้งหน้าพี่ชายกับพี่สาวต้องเป็นแฟนกันให้ได้นะคะ” คำพูดของซากุระทำเอาทั้งคู่หน้าแดงไม่กล้าคุยกันไปพักใหญ่ทีเดียว

ทางด้านสนามฟุตบอลพอเกมจบนักข่าวก็พากันเข้ามาสัมภาษณ์โชโงะ ผลสกอร์ชนะ 3 – 0 แถมโชโงะยังเป็นคนทำประตูได้ 2 ลูก ทำให้นักข่าวชื่นชมเค้าอย่างมาก “เอาไงดี หรือว่าจะเกิดเรื่องกับทั้งคู่” คูมิยะถามเพื่อน ๆ ซักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นคูมิยะก็รีบรับ “เรกะจังเธอไปอยู่ไหนมาเนี่ย!?!”

“โทษทีนะโทษที เผอิญมันมีเรื่องนิดหน่อยหน่ะ” เรกะตอบ

“มีเรื่องอะไรเหรอ แล้วเธอปลอดภัยมั้ย” คูมิยะถาม

แล้วฟูจิก็ถามแทรกไปว่า “แล้วเอย์จิหล่ะ”

“เปล่า ๆ ไม่ใช่อย่างงั้น คือเรื่องมันยาวหน่ะเดี๋ยวไปถึงแล้วเล่าให้ฟัง เอย์จิคุงก็อยู่ข้าง ๆ ชั้นนี่แหละ” เรกะตอบ

“งั้นเหรอ พวกเธอไม่เป็นไรแน่นะ” คูมิยะถามย้ำ

“จ้า ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นไปหานะ รอแป๊บนึง ตู้ด ๆๆๆ” แล้วสัญญาณก็ขาดหายไป

“อ้าวทำไมสายหลุดหล่ะ” เรกะหันมาถามเอย์จิ

“สงสัยในอุโมงค์ไม่มีสัญญาณมั้ง (ตอนนี้รถเมล์กำลังแล่นผ่านอุโมงค์) แต่เดี๋ยวก็ถึงแล้วนี่” เอย์จิตอบ

“อ้าว ทำไมรีบวางหูจัง” คูมิยะสงสัย

“พี่กับเอย์จิคุงไม่เป็นไรก็ดีแล้วหล่ะจ๊ะ” เรนะถอนหายใจโล่งอก

“สองคนนั้นจะมาที่นี่รึเปล่า” นายะถาม

“อื้อมา ๆ เดี๋ยวพวกเรารอกันก่อนดีมั้ย” คูมิยะถาม ทุกคนก็ตกลง

ซักพักโชโงะก็เดินมาหาแล้วบอกว่า “ขอบคุณนะทุกคนที่อุตส่าห์มาเชียร์”

“ไม่เป็นไรค่ะ/ครับรุ่นพี่” ทุกคนตอบแทบจะพร้อมกัน

“เอ่อ เรนะจังเดี๋ยวอาจารย์จะพาพวกเราไปเลี้ยงฉลองหน่ะ ไปได้ใช่มั้ย” โชโงะถาม

เรนะคิดอยู่ครู่นึงแล้วก็ยิ้มตอบว่า “ค่ะรุ่นพี่”

“งั้นเดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วพวกเราไปกันเลยนะ” แล้วโชโงะก็เดินกลับไป

“เรนะจังไม่อยู่รอพวกเรกะจังก่อนเหรอ” นายะถาม

“พวกพี่ไม่เป็นไรแล้วนี่จ๊ะ แถมชั้นก็เป็นผู้จัดการชมรมด้วย” เรนะตอบ

“แต่ว่า” นายะทำหน้าลำบากใจ คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน

“ขอบคุณมากนะจ๊ะที่อุตส่าห์มาช่วยเชียร์ ยังไงรบกวนฝากบอกพี่ด้วยนะจ๊ะว่าไม่เป็นไร”

“อืมได้ ว่าแต่เธอเองก็ไม่เป็นไรนะ” คูมิยะถาม

คำถามของคูมิยะทำเอาเรนะถึงกับสะอึกไป เธอก้มหน้าหลบสายตาทุกคนและพยายามกลั้นความรู้สึกเอาไว้ คนอื่น ๆ ก็ได้แต่เงียบ แล้วเธอก็เงยหน้ายิ้มตอบคูมิยะว่า “ไม่เป็นไรจ๊ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง” แล้วเธอก็เดินไปรวมกลุ่มกับชมรม

คูมิยะมองตามหลังเธอไปแล้วคิดในใจว่า “ยัยบ้า ฝืนยิ้มแบบนั้นใครก็ดูออกย่ะ”

ผ่านไปซักครึ่งชั่วโมงเรกะกับเอย์จิก็มาถึง “โทษทีรอนานมั้ย” เรกะขอโทษเพื่อน ๆ

“ไม่เป็นไร ไม่นานหรอก” คูมิยะตอบ

เรกะหันมองซ้ายมองขวาไม่เห็นน้องสาวก็เลยถามว่า “แล้วเรนะหล่ะ”

“กลับไปแล้ว” ฟูจิตอบ

“ชมรมเค้าพากันไปเลี้ยงหน่ะ” คอนจิอธิบาย

พอเรกะรู้ว่าเธอมาไม่ทันเธอก็ผิดหวังอย่างมาก เอย์จิเองก็ได้แต่หงอย ๆ “งั้นพวกเราก็ไปฉลองกันมั่งมะ” คูมิยะพยายามทำให้สถานการณ์ผ่อนคลาย

“จริงด้วย ไปไหนกันดีหล่ะ” ฟูจิช่วยพูดอีกแรง

“งั้นไปร้าน Amusesbouche กันมะ ชั้นอยากกินเค้กอร่อย ๆ” คอนจิเสนอ

“ก็ดีเหมือนกันนะ ทาคุมิคุงโอเคใช่มะ” คูมิยะหันไปถาม

“อื้อ งั้นเดี๋ยวชั้นโทรบอกคุณพ่อก่อนนะ” เอย์จิตอบ

“ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ” นายะตบไหล่เรกะเบา ๆ

เรกะตอนนี้ทำหน้าซึมแล้วพูดว่า “อื้อ เดี๋ยวคืนนี้ชั้นจะขอโทษเรนะเอง”

“จ๊ะ พวกเราเอาใจช่วยนะ” นายะบอกเธอ

“ถ้ามีอะไรก็บอกพวกเราได้นะ” คูมิยะก็เอาใจช่วยด้วย

หลังจากทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านโทรศัพท์คูมิยะก็ดังขึ้น คูมิยะอ่านชื่อคนโทรเข้ามาแล้วพูดในใจว่า “เรนะจังนี่” แล้วเธอก็รับสาย

พอเรกะกลับถึงบ้าน “แม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ”

“กลับมาแล้วเหรอลูก” แม่เธอกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่

แต่เธอเห็นแม่เตรียมไว้แค่ 3 ที่เลยถามว่า “อ้าวคืนนี้คุณพ่อกลับดึกเหรอคะ”

“เปล่าจ๊ะลูก แต่น้องเค้าขอไปค้างบ้านคูมิจังหน่ะจ๊ะ”

“เอ๋ ทำไมหล่ะคะ”

“เห็นเค้าบอกว่าอยากจะนอนคุยกับคูมิจังหน่ะจ๊ะ แล้วพรุ่งนี้หนูกับน้องจะไปเข้าค่ายกันใช่มั้ยจ๊ะ”

“งั้นเดี๋ยวหนูโทรหาเรนะแป๊บนะคะ” แล้วเรกะก็วิ่งขึ้นห้องไป “ฮัลโหล ๆ เรนะนี่พี่นะ คือพี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”

“พี่มีอะไรเหรอคะ”

“คือวันนี้ที่พี่ไปสาย...”

เรกะยังไม่ทันได้อธิบายอะไรเรนะก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน “พี่ไม่ต้องคิดมากนะคะ คูมิจังเค้าเล่าให้หนูฟังหมดแล้ว”

“งั้นทำไมเธอต้องไปค้างบ้านคูมิจังด้วยหล่ะ”

“คิก ๆ คือหนูแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเท่านั้นเองค่ะ เผอิญนึกถึงตอนเด็ก ๆ ก็เลยอยากมานอนคุยกับคูมิจังบ้าง”

“งั้นเหรอ แล้วเรื่องไปเข้าค่ายหล่ะ”

“พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าหนูไปพร้อมกับคูมิจังเลยค่ะ”

“เอางั้นเหรอ”

“ค่ะพี่ พี่ก็อย่านอนดึกนะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” แล้วเรนะก็วางสายไป ส่วนเรกะก็ได้แต่ซึม ๆ

“น้ำร้อนแล้ว อาบเลยมั้ย” คูมิยะเดินมาถามเรนะ

“คูมิจังอาบด้วยกันมั้ยจ๊ะ”

คูมิยะแปลกใจที่เรนะชวนอาบน้ำด้วย พอเธอมองหน้าเพื่อนก็รู้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างเลยตอบว่า “อื้อ ก็ดีเหมือนกันนะ ตอนอนุบาลพวกเรา 4 คนก็อาบน้ำด้วยกันบ่อย ๆ นี่”

“นั่นสิ คิดถึงจัง ตอนนั้นสนุกดีออกเนอะ” แล้วเธอก็ยิ้มให้คูมิยะ

คูมิยะยิ้มตอบแล้วพูดในใจว่า “ยัยบ้ารอยยิ้มจริง ๆ ของเธอมันไม่หดหู่แบบนี้หรอก” พอทั้งคู่ถอดเสื้อผ้าออกหมด คูมิยะก็ถามว่า “แล้วเธอมีอะไรเหรอ”

“อะไรเหรอจ๊ะ”

“ก็ที่เธอมาขอค้างบ้านชั้นไง มีอะไรจะคุยกับชั้นไม่ใช่เหรอ”

“เปล่าจ๊ะ ก็แค่อยากนึกถึงสมัยเด็ก ๆ เท่านั้นเอง” เรนะยังปากแข็งแต่สีหน้าเธอเศร้ามาก

“ยัยบ้า!!!” คูมิยะเลยตักน้ำราดหัวเธอซะ 1 ถัง

“ว้าย!!! ทำไรเนี่ยคูมิจัง”

“เลิกโกหกได้แล้ว!!! คิดว่าชั้นดูไม่ออกรึไง พวกเรารู้จักกันมานานขนาดไหนแล้ว”

“ชั้นเปล่า…”

“เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวเข้มแข็งไปซะทุกเรื่องหรอกนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ถ้าเอาแต่เก็บความทุกข์ไว้คนเดียวแล้วจะมีเพื่อนไว้ทำไม เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ” เรนะฟังแล้วก็มีสีหน้าเศร้ามาก แต่เธอยังไม่พูดอะไร คูมิยะเลยตักน้ำสาดเธออีก 1 ถัง

แต่คราวนี้เรนะไม่หลบ เธอยืนนิ่งปล่อยให้น้ำห่าใหญ่รดลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้า ทว่าในสายน้ำนั้นกลับมีหยาดน้ำแห่งความเศร้าปะปนมาด้วย “เรนะ!!!” คูมิยะเรียกชื่อเพื่อนที่ตอนนี้ยืนน้ำตาไหลอาบสองแก้ม แต่เรนะก็ยังพยายามสะกดกลั้นไม่ให้มีเสียงร้องใด ๆ ออกมา คูมิยะเลยโผเข้าไปกอดเธอ “ยัยบ้า เธอนี่มันบ้าจริง ๆ”

เรนะยืนนิ่งร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดเพื่อน น้ำตาที่อัดอั้นไหลออกมาราวกับลำธารแห่งความเศร้า “เธอก็ชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อย มีอะไรก็เก็บเอาไว้คนเดียว” แล้วคูมิยะก็เอามือปาดน้ำตาให้เธอ “เธอไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งอยู่คนเดียวเข้าใจมั้ย เลิกฝืนได้แล้ว”

เรนะตาแดงก่ำมองหน้าเพื่อโดยที่น้ำตายังไม่หยุดไหล เธอพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่ในที่สุดเธอก็ปล่อยโฮออกมา คูมิยะเลยกอดเธอไว้แล้วเอามือลูบหัวเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไรนะไม่เป็นไร ร้องออกมาให้เต็มที่เลย ชั้นจะอยู่กับเธอตรงนี้แหละ”

หลังจากทั้งคู่อาบน้ำเสร็จก็พากันขึ้นห้อง คูมิยะปิดไฟเพดานแล้วเปิดโคมไฟหัวเตียงให้พอมีแสงสลัว ๆ ทั้งคู่นอนห่มผ้าผืนเดียวกันหันหลังให้กัน แล้วเวลายามรัตติกาลก็ค่อย ๆ ผ่านไป ในห้องมีแต่ความเงียบสงัดแต่ยังไม่มีใครข่มตาหลับลง ซักพักคูมิยะก็ถามโดยไม่หันกลับมาว่า “แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”

เรนะเองก็ไม่ได้หันกลับไป เธอค่อย ๆ ตอบว่า “เค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ทำไมหล่ะ” คูมิยะถาม

“คือเค้ารู้สึกเกลียดตัวเองหน่ะ” เรนะตอบ

“ทำไมถึงคิดงั้นหล่ะ”

“คูมิจังเคยมั้ย เวลาเราเห็นใครซักคนแล้วเรารู้สึกแย่ ๆ”

“หมายถึงใครเหรอ” คูมิยะถามแต่เรนะก็ไม่ตอบ เธอเลยถามต่อว่า “แล้วไอ้แย่ ๆ หน่ะหมายถึงเกลียดเหรอ”

“เปล่าจ๊ะ”

“แล้วเธอรู้สึกยังไงหล่ะ” คูมิยะถามต่อ


เรนะอ้ำอึ้งอยู่เล็กน้อยแล้วค่อย ๆ ตอบว่า “ก็รู้สึกปวด ๆ ใจ ยังไงไม่รู้”

“ทาคุมิคุงเหรอ” คูมิยะถามแต่เรนะได้แต่เงียบ เธอไม่ตอบรับและปฏิเสธ “ทำไมหล่ะหมอนั่นทำอะไร”

“เปล่า เค้าไม่ได้ทำอะไร” เรนะตอบอย่างแผ่วเบา

คูมิยะเลยถามต่อว่า “แล้วรู้สึกแบบนี้กับทาคุมิคุงคนเดียวรึเปล่า” คำถามนี้ทำเอาเรนะอึ้งเงียบไปพักใหญ่ คูมิยะเองก็รู้คำตอบอยู่ในใจ เธอจึงหันกลับมากุมมือเพื่อนเธอ

แล้วเรนะก็เล่าว่า “เคยมั้ยมันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ บางครั้งมันก็เหมือนกับมีเข็มมาทิ่มในอก บางครั้งมันก็รู้สึกปวด ๆ ยังไงไม่รู้”

“ตอนที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันเหรอ”

เรนะไม่ตอบแต่พยักหน้ายอมรับ “ทั้ง ๆ ที่พี่คือคนที่ชั้นรักที่สุดในโลก แต่ทำไมพอเห็นพี่มีความสุข ชั้นกลับรู้สึกแย่ ๆ ทั้ง ๆ ที่พี่คอยดูแลชั้นมาตลอด ชั้นเป็นน้องที่เลวมากเลยใช่มั้ย ชั้นเป็นคนที่เลวมากใช่มั้ย ชั้นเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ ชั้นเกลียดตัวเองที่รู้สึกแบบนี้” แล้วเรนะก็นอนน้ำตาคลอ

คูมิยะค่อย ๆ ลูบหัวเพื่อนเบา ๆ “ไม่หรอก เธอไม่ได้ทำผิดอะไรซักหน่อย”

“แต่ชั้นเป็นน้องที่เลวมากนะ หน้าตาชั้นตอนนี้ต้องน่าเกลียดน่าขยะแขยงมากแน่ ๆ ฮือ ๆๆ”

“ไม่หรอก ยังไงซะเราก็เป็นแค่มนุษย์นะ จะรู้สึกไม่ดีกับใครบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ชั้นเองก็เป็นออกบ่อยไป แต่เธอก็คือเธอนะ ไม่ว่ายังไงเรนะจังที่ชั้นรู้จักก็เป็นคนดี จิตใจอ่อนโยน เข้มแข็ง เธอไม่มีวันน่าเกลียดหรอก”

แล้วเรนะก็หันมา แก้มเธอมีคราบน้ำตาติดอยู่ชัดเจน “แต่ชั้น...”

“เชื่อชั้นเถอะ ถึงตอนนี้เธอจะยังรู้สึกไม่ดี และชั้นก็อาจจะช่วยอะไรเธอไม่ได้ แต่ชั้นเชื่อว่าพอเวลาผ่านไป ทุกอย่างมันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง ชั้นเชื่อว่าความรู้สึกนั้นจะต้องค่อย ๆ จางไปแน่ ๆ”

“จริงเหรอจ๊ะ” เรนะยังไม่หยุดสะอื้น

“เชื่อชั้นเถอะ” แล้วคูมิยะก็ค่อย ๆ เช็ดคราบน้ำตาให้เพื่อน

เช้าวันรุ่งขึ้นเรกะพอจัดกระเป๋าเตรียมไปเข้าค่ายเสร็จแล้ว เธอก็เหลือบไปเห็นเสื้อกันหนาวของเรนะแขวนอยู่ เธอคิดในใจว่า “เรนะลืมเสื้อเหรอ” เธอเลยหยิบเสื้อกันหนาวของเรนะใส่กระเป๋าไปด้วย “หนูไปนะคะแม่”

“ไปดีมาดีนะลูก ฝากดูน้องด้วยนะ”

“ค่ะคุณแม่” พอออกจากบ้านเธอก็เห็นเอย์จิมายืนรอที่ริมรั้ว “นายมารอนานแล้วเหรอ”

“เปล่า ชั้นเพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”

“งั้นเหรอ” เรกะตอบเนือย ๆ แล้วก็รีบไปที่ป้ายรถเมล์ที่นัดกันไว้เพื่อจะเจอเรนะให้เร็วที่สุด

พอมาถึงทุกคนก็มารอกันพร้อมแล้ว “อรุณสวัสดิ์เรกะจัง” คารินทักเธอเป็นคนแรก

“อรุณสวัสดิ์ค่ะรุ่นพี่ อรุณสวัสดิ์ทุกคน”

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เอย์จิทักทายเพื่อน ๆ

เรกะหันมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นน้องสาว เธอเลยถามคูมิยะว่า “แล้วเรนะหล่ะ”

ทุกคนก็ได้แต่เงียบไม่ตอบอะไร ทันใดนั้นก็มีข้อความส่งเข้ามือถือเรกะว่า {{“หนูขอโทษนะคะที่ไม่ได้ไปตามนัด เที่ยวเผื่อหนูด้วย ดูแลตัวเองนะคะ รักพี่เสมอค่ะ”}} !?!



Create Date : 14 มกราคม 2553
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2553 16:12:38 น. 2 comments
Counter : 252 Pageviews.  

 
สวัสดีวันพฤหัสฯ ที่แสนจะครื้นเครง ทำงานอีกวันเดียวเองก็จะเป็นวันศุกร์ จะไดัเอากระปุกไปใส่กะเป๋า ^___^


โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:12:14:48 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!


โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:17:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

TonyLaFraga
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add TonyLaFraga's blog to your web]