นิยายเรื่องรักยกกำลังสอง แนวโรแมนติกวัยมัธยม ผมไม่สามารถเล่าเนื้อเรื่องย่อได้ เพราะเนื้อหาทุกอย่างจะทำให้คุณลุ้นและเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติ และมีปริศนาให้คาดเดาและลุ้นไปกับมัน ลองเข้ามาอ่านเรื่องนี้สิครับ รับประกันความสนุก
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
24 เมษายน 2554

รักยกกำลังสอง บทที่ 29 ไผ่ลู่ลม (Bamboos bend with the wind) ตอน 3

“บรึ้นนน ๆๆ ฮ่า ๆๆๆ” แล้วเสียงมอเตอร์ไซด์ที่ขับมาด้วยความเร็วสูงก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะของคนขับที่กำลังเมามันไปกับการซิ่ง

ปลายถนนด้านที่พ้นโค้งไปก็มีเด็กตัวน้อยวิ่งออกมาเก็บลูกบอลที่ตัวเองเตะกระเด็นออกมานอกเขตพื้นทราย โดยหารู้ไม่ว่ามียานพาหนะสองล้อกำลังแล่นมาทางเขา!!?

“บรึ้นนนนน!!!” พอนักบิดเลี้ยวโค้งมา เขาถึงรู้ตัวว่ากำลังจะชนกับเด็กเข้าอย่างจัง!!!

“เหวอออออออ!!!” คนขับร้องเสียงหลง

“ระวังงงง!!!” ทันใดนั้นก็มีสาวม.ปลายพุ่งเข้าไปปกป้องเด็กเอาไว้

แต่มันก็สายเกินกว่าที่เธอจะอุ้มเด็กหนีไปพ้น!!?

เธอจึงได้แต่หลับตาปี๋กอดเขาไว้แน่น!!!

ราวกับมีปาฏิหาริย์!?! จู่ ๆ ทั้งคนขับทั้งมอเตอร์ไซด์ก็ตีลังกาลอยข้ามหัวทั้งสองไปอย่างฉิวเฉียด แล้วลงสัมผัสพื้นอย่างนุ่มนวล จนสามารถวิ่งต่อไปได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!?!

“เป็นอะไรมั้ย!!!” เอย์จิรีบวิ่งเข้าไปหาพวกเธอ

แต่พอเธอหันมาภาพใบหน้านั้นกลับมีแต่เงาสีดำถมอยู่เต็มจนมองเห็นแค่รูปทรงภายนอก เอย์จิถึงกับผงะ!!!

“เอ๊ะ!!” เขารู้สึกว่ารูปร่างและทรงผมของเด็กสาวคนนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าเป็นใครซักคนที่สำคัญมาก

แล้วอะไรบางอย่างก็พรั่งพรูขึ้นมาในอกข้างซ้าย พร้อมกับความเสียวแปล๊บที่เสียดแทงหัวใจ

“เรกะ!?!”

แล้วเด็กหนุ่มก็สะดุ้งตื่น!!!

{…!?}

เขานอนแผ่หลาอยู่บนสะพาน รอบ ๆ ตัวมีฟองสบู่ลอยละล่อง พร้อมกับเสียงแตกดังโป๊ะ ๆ เป็นระยะ

“ตรึ๊งง ตรึง วู้ วู้ วู ตริ้ง ตริ๊ง”

เสียงดนตรีบรรเลงยังคงแว่วมา พร้อมกับเสียงอื่น ๆ รอบข้าง

“เจี๊ยกกก ๆๆๆ คร่อกกก”
“เจี๊ยกกกก ๆ คร่อกกก ๆ”
“เจี๊ยกกกก ๆ คร่อกกก”
“เจี๊ยกกกก ๆ คร่อกกก ๆๆ”

“ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!”
“โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!”


{ฟองนี่? ลุงกอริลลาช่วยเรางั้นเหรอ!?}

เขาเอานิ้วจิ้มฟองสบู่เบา ๆ

“นิ่มจัง” แล้วมันก็แตกดังโป๊ะ!!

พอเริ่มขยับตัวได้เขาถึงเพิ่งรู้ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในมือ {ไอ้กระบอกนี่…ยังอยู่อีกเหรอ นึกว่าทิ้งไปแล้วซะอีก!?!} เขาเอี้ยวคอมองตัวอักษรจีนที่สลักอยู่บนกระบอกไม้ไผ่

แล้วแหงนมองท้องฟ้ายามบ่ายแก่ ๆ {ปวดไปหมด ขยับตัวไม่ได้เลย ถ้าหากใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ก็ผ่านที่นี่ไปไม่ได้จริง ๆ เหรอ!?}

{{เวทมนตร์หน่ะเป็นความสามารถเฉพาะของใครของมัน ไม่ใช่อะไรที่สอนให้กันแล้วจะเป็นหรอกนะ}}

{{ปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญก็ เช่น พลังในการจินตนาการ พลังสมาธิ ความศรัทธา พรสวรรค์ และก็สายเลือด}}

{{เวทมนตร์ก็คือพลังจากใจนั่นแหละ สิ่งใดก็ตามที่มีชีวิต ย่อมมีจิตใจ และพลังที่เกิดจากใจที่มุ่งมั่นก็จะรวมตัวกันก่อเกิดกลายเป็นเวทมนตร์}}

{{ถึงตอนนี้เจ้าจะจำอดีตไม่ได้ แต่ร่างกายของเจ้าต้องจำได้แน่ ๆ}}

“โธ่เว้ยย!!” เอย์จิสบถออกมา

{ก็คนมันนึกไม่ออกแล้วจะให้ทำยังไงวะ!!} เขาเริ่มถอดใจ

แต่เสียงพวกนั้นก็ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท!?

{{“อ้าว! งั้นที่นี่มันคืออะไรกันแน่! แล้วเรื่องที่ผมเจอมาเมื่อกี๊หล่ะเป็นความจริงรึเปล่า”}}

{{“นั่นเป็นเรื่องจริงจ๊ะ”}}

{{“ถ้างั้นผมต้องรีบแล้วหล่ะครับ เพราะเรกะกำลังอยู่ในอันตราย!!”}}

{{“ชั้นบารอน เอ็ดเวิร์ด ฟอร์เฟวเดอร์”}}

{{“เพื่อการนั้นชั้นจำเป็นต้องใช้ร่างของเรกะ ฮิเมะ!”}}

{{“ทั้งคู่ยังไม่เป็นอะไรหรอก เฉพาะในตอนนี้หน่ะนะ”}}

{{“ก็ชั้นรำคาญไง!!!”}}

{{“รำคาญที่เวลาไปไหนต่อไหนนายก็ต้องมาตามติดแจ รำคาญสายตาคนอื่นที่มองมา ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เข้าใจแล้วใช่มั้ย นายหน่ะอยู่ห่าง ๆ ชั้นหน่ะดีแล้ว เลิกยุ่งกับชั้นซะที!!!”}}

{{จงใช้หัวใจนึกให้ออกสิ!?}}


“เรกะ!! ชั้นขอโทษ!!” และแล้วน้ำตาของเขาก็คลอออกมา!?!

{{“ลูกผู้ชายไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็จะปกป้องคนสำคัญของตัวเองเอาไว้ให้ได้”}}

{{“ยูเคยอินเลิฟ (in love) รึเปล่าหล่ะ”}}

!?!

แล้วจู่ ๆ ภาพเงาร่างของเด็กผู้หญิงที่เขาพบบนถนนเลียบชายหาดก็ปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้ง!?!

“ตึกตัก!!”
“ตึกตัก!!”

ถึงแม้มันจะเป็นแค่ภาพเงาดำ ๆ แต่ความรู้สึกนั้นก็ค่อย ๆ เอ่อล้นขึ้นมา ราวกับว่ากำลังนอนอยู่ในอ่างที่น้ำค่อย ๆ สูงขึ้น ๆ จนท่วมร่างกาย

เอย์จิยากที่จะตอบได้ว่าเป็นความรู้สึกสุขหรือทุกข์ แต่มันเหมือนกับการดื่มน้ำแร่ที่ไร้รสชาติ แต่ว่าในบางครั้งก็สัมผัสได้ถึงรสอันเข้มข้น

เขารู้สึกโหยหาถึงเด็กสาวคนนี้อย่างประหลาด เหมือนกับเธอมีอยู่จริง และเขาก็สัมผัสได้ถึงผิวพรรณที่นุ่มนวล กลิ่นหอมที่คุ้นเคย ความอิ่มเอิบใจ และความสว่างไสวของเธอได้อย่างชัดเจน

“ตึกตัก!!”
“ตึกตัก!!”

แต่ในความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังมีความโหวงเหวงปนอยู่ด้วย มันเหมือนกับหน้าอกของเขาทะลุเป็นรูกลวง จนสามารถยื่นมือลอดผ่านไปได้ และถ้าหากมีก้อนเนื้ออะไรเต้นอยู่ตรงนั้น เธอคนนั้นก็คงจะสามารถเอื้อมมือไปคว้าจับมันเอาไว้ได้เลย


“แปล๊บบบบ!!!”

ซักพักก็เหมือนมีอะไรเสียดแทงเข้าที่หัวใจ ราวกับมีเข็มหลายสิบเล่มทิ่มลงมา แล้วบางสิ่งที่สำคัญก็ถูกขโมยไป จนเหลือแต่หน้าอกกลวง ๆ ว่างเปล่า แล้วภาพคนสำคัญของเขาก็ซ้อนทับกับเงาร่างนั้นจนแนบสนิท!?!

“เรกะ”|

“ตึกตัก!!”
“ตึกตัก!!”



“โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!”
“โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!”
“โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!”
“โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!”
“โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!”
“โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!” “โป๊ะ!!!”

จู่ ๆ ฟองสบู่เวทมนตร์ก็แตกออกจนหมด และไม่มีฟองใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาเลยแม้แต่ฟองเดียว!?!

จนลุงกอริลลาที่เฝ้าดูอยู่ยังคิดว่าตัวเองตาฝาดไป!?!

{เกียร์ของเราสลายไปงั้นเรอะ!? นั่นมันระดับดีโอเชียวนะ!?!}

{เจ้าหนุ่มนี่!?}

ตัวอักษรภาษาจีนที่สลักอยู่บนกระบอกไม้ไผ่ก็เรืองแสงออกมา!?!

แล้วเอย์จิก็ค่อย ๆ มีแรงลุกไหว!?

“ต่อให้ใช้เวทมนตร์อะไรนั่นไม่เป็น ชั้นก็จะกลับไปช่วยเธอให้ได้!!” เขาพูดอย่างมุ่งมั่น

ขณะนั้นลุงแกรู้สึกเหมือนกับเห็นแสงบางอย่างแวบออกมาจากร่างของเอย์จิ แต่พอขยี้ตาดูอีกทีก็ไม่เห็นมันแล้ว

“เจี๊ยกกก ๆๆๆ คร่อกกก ๆๆ”
“เจี๊ยกกกก คร่อกกก ๆ”
“เจี๊ยกกก ๆ คร่อกกก ๆๆ”

ตอนนี้ฝูงลิงทั้งสองแก๊งไม่พอใจอย่างมากที่เห็นเหยื่อของมันลุกขึ้นมาได้

พวกมันเลยระดมยิงใส่เขาไม่ยั้ง!!!

“ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!”
“ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!”
“ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!”
“ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!”


แต่พอกระสุนโดนร่างเอย์จิ มันก็แคนนอนเปลี่ยนทิศไปทางอื่น โดยไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่แล้วมา!?! อาการบาดเจ็บที่สะสมเพราะโดนโจมตีก่อนหน้านี้ก็เช่นกัน!? มันหายเป็นปลิดทิ้งเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เอย์จิเลยต้องยกไม้ยกมือเช็คดูตามร่างกายตัวเองด้วยความสงสัย

{ไม่เจ็บแล้ว!?}

{ทำไมกันนะ หรือว่าเพราะเราเริ่มชินกับมัน}

“แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงต้องรีบไปต่อให้เร็วที่สุด!!!” แล้วเขาก็วิ่งขึ้นสะพานไปโดยไม่สนใจจะหลบกระสุนที่มองไม่เห็นลูกใด ๆ อีก

เอย์จิวิ่งไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าธรรมดา เขารู้สึกเนื้อตัวเบาหวิวเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ แรงโน้มถ่วงที่เคยเป็นอุปสรรค์ก็เบาลงจนแต่ละก้าวเหมือนกับกระโดดลอยไป แต่เขายังไม่รู้ตัวเองว่าตอนนี้ร่างของเขามีแสงออร่าบาง ๆ คลุมเอาไว้!?!

{ความทรงจำเริ่มกลับมาแล้วหล่ะสิ} ลุงกอริลาคิดในใจพลางมองออร่าที่แผ่ออกมา

{คุ้มมั้ยหล่ะที่โดนเบิ้ดกะโหลกไปหน่ะ หึหึ}


{{“คือว่าก่อนไปช่วยบอกวิธีใช้เวทมน…เอ่อ เกียร์ให้ผมหน่อย…ได้มั้ยครับ”}}

{{“ไหนมาใกล้ ๆ ซิ!”}}

{{“อะไรเหรอครับ”}}

{{“โบ๊ะ!!!”}}

{{“โอ้ยยย!!!”}}

{{“อะไรเนี่ย!!”}}

{{“I forgot to remember to forget”}}

จังหวะนั้นเองที่ลุงกอริลลาแอบร่ายเกียร์เบา ๆ




“ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!” “ฟุ่บบบ!!!”


เอย์จิวิ่งฝ่าไปโดยที่ก้อนอากาศได้แต่ถูกตัวเขาแล้วก็เบี่ยงไปซ้ายบ้างขวาบ้าง จนฝูงลิงรอบ ๆ พากันกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ

แล้วในที่สุดเขาก็ตามลุงมาทัน!!

“แฮ่ก ๆ ขอโทษที่ให้รอนานครับ” เอย์จิหอบเล็กน้อย

“โอ้ว อันบีลีฟเอเบิ้ล (unbelievable) ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนวิ่งขึ้นมาทื่อ ๆ แบบนี้ได้ บอยนี่ก็เซ็กซี่เหมือนกันนะเนี่ย” ลุงปรบมือให้

{เอ่อ อย่าพูดคำว่าเซ็กซี่ด้วยหน้าลิงอุรังอุตังแบบนี้ได้มะ มันสยิว ๆ ยังไงไม่รู้} เอย์จิขัดคอในใจ

“เอาหล่ะ ถ้างั้นก็เลสโก (let’s go) ด่านต่อไปกันเลย!!!”

“หา! ยังมีด่านต่อไปอีกเหรอครับ”

“ไหนว่าถึงทางออกแล้วไง!?”

“ยูอย่าบ่นพิรี้พิไรน่า เป็นแมน (man) ซะเปล่า ทางออกอยู่ข้างหน้านี่แหละ รีบมาเร็วเข้า!!!”

และพอไปถึงยอดเขา เอย์จิก็เห็นประตูบานหนึ่งตั้งอยู่ตรงสุดปลายสะพาน!? มันเป็นประตูที่ตั้งโด่เด่อยู่โดยบานเดียวโดยไม่มีทั้งกำแพง หน้าต่าง หรือว่าสิ่งก่อสร้างใด ๆ ติดอยู่กับมันเลย ส่วนตัวสะพานเองก็ขาดหายไปที่ตรงจุดนั้นเอาดื้อ ๆ เอย์จิมองแล้วก็งง เพราะข้างหลังประตูไม่มีอะไรเลย นอกจากยอดเขากับความว่างเปล่า!?

“ประตูไปด่านต่อไปไงหล่ะ” ลุงกอริลลาอธิบาย

แล้วพอเปิดมันออก เอย์จิก็รู้สึกเหมือนกับข้างในนั้นเป็นอีกคนละโลกนึง อีกฝั่งของประตูเป็นบันไดหินที่ถูกสร้างโดยเอาแผ่นหินมาเรียงซ้อนกันเป็นขั้น ๆ ซึ่งทุกก้อนเป็นหินที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และมีขนาดประมาณ 1 × 2 เมตร ทั้งหมดตั้งซ้อนกันไว้จนสูงมองไม่เห็นยอด!?!

ถัดไปตรงด้านที่เป็นเหมือนกับฉากหลังของบันไดก็มีสระบัวตั้งอยู่!?! มันเป็นสระที่ต่อเนื่องจากด่านที่เอย์จิผ่านมาเมื่อกี๊ แต่คราวนี้มันไม่ได้ลาดเอียงขึ้นแบบเดิม ทว่ามันกลับตั้งฉากเป็นแผ่นขึ้นไปจากพื้น 90 องศาตรง ๆ เลย หรือถ้ามองในมุมกลับก็อาจพูดได้ว่าตัวบันไดมันวางนอนตะแคงอยู่บนผิวสระบัว และเอย์จิก็ยืนตะแคงบนนั้น ราวกับพวกเขาอยู่กันคนละแรงโน้มถ่วง

ตรงขอบตลิ่งก็ยังมีเว็คคิโอ้มอนโด้ เดอะแก๊งกับนูโอโว่มอนโด้ เดอะแก๊งซุ่มอยู่ฝั่งละสองสามตัวเหมือนกับแอบมาดูลาดเลา โดยพวกมันยืนอยู่บนแรงโน้มถ่วงเดียวกับสระบัว ซึ่งหันหัวตะแคงไปในแนวนอนเมื่อเทียบกับทิศทางการยืนของเอย์จิ

เอย์จิชะโงกหน้ากลับออกมาดูนอกประตูก็พบว่าสถานที่ระหว่างสองฝั่งมันไม่ต่อเนื่องกัน แต่เขาก็เริ่มชินแล้วกับความผิดปกติเหนือสามัญสำนึกของโลกแห่งนี้ จึงไม่เอ่ยถามอะไร

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญสำหรับเขามากกว่าก็คือคำถามที่ว่าไอ้บันไดหินที่แค่เอาหินมาเรียง ๆๆ ซ้อนกันนั้น มันจะมั่นคงแข็งแรงแค่ไหน เพราะดูเหมือนมันจะไม่มีการเชื่อมต่อ หรือโบกปูนใด ๆ ติดไว้ทั้งสิ้น และแม้แต่ราวบันไดก็ไม่มี

ลุงกอริลลาเดินนำขึ้นไปก่อน

แล้วพอเห็นเอย์จิไม่ตามขึ้นไปแกเลยหันมาถามว่า “อ้าวเป็นอะไรหล่ะบอย ตามมาสิ”

“เอ่อ…คือผม” เอย์จิทำท่าอ้ำอึ้ง

“What?”

“คือไอ้บ่อน้ำนี่มันทำไมถึงอยู่อย่างนั้นหล่ะครับ” เขาเฉไฉไปเรื่องอื่น ไม่กล้าพูดตรง ๆ

“อ๋อ สระบัวนี่ก็แค่ตะแคงอยู่เท่านั้นแหละ เอ…หรือว่าพวกเราจะเป็นฝ่ายยืนตะแคงหัวอยู่เองหว่า ฮ่า ๆๆ อย่าไปคิดมากเลยรีบไปกันเถอะ”

แต่เอย์จิก็ยังไม่ยอมตามไป

“เอ่อคือ”

“อะไรอีกหล่ะ” ลุงขมวดคิ้ว

“คือผมไม่ค่อยมั่นใจในบันไดหน่ะครับ” เอย์จิตอบเลี่ยง ๆ โดยไม่กล้าสบตา

แต่ว่าตอนนี้ขาเขานั้นขาสั่น เย็นเฉียบ จนแทบเดินไม่ไหวแล้ว

“อะไรของยูเนี่ย ไม่มั่นใจในบันไดหรือไม่มั่นใจในตัวเองกันแน่ ห๊า!!”

“อย่าทำตัวตุ๊ดน่า! ขึ้นมาเร็วเข้า! ทางออกอยู่ข้างหน้านี่แหละ”

“แต่ว่า…”

“บอกไว้ก่อนนะว่ามีไม่ช่วยอุ้มให้หรอก เพราะมีจะยอมอุ้มแต่สาว ๆ เท่านั้น หุหุ” แล้วแกก็เก๊กหน้าหล่อซะเต็มประดา

{เอ่อ คงมีแต่คิงคองตัวเมียเท่านั้นแหละคับที่ยอมให้พี่อุ้มหน่ะ} เอย์จิทำหน้าละเหี่ยใจ

“เอ้า ควิกลี่ (quickly) ถ้ามัวชักช้าเดี๋ยวก็ทิ้งไว้ซะหรอก!!”

แล้วลุงก็ทำท่าจะเดินขึ้นไปโดยไม่รอเขา

“เดี๋ยว! รอด้วยครับ” เอย์จิถึงยอมเดินขึ้นบันไดแต่โดยดี

ทุกย่างก้าวที่เหยียบขึ้นไปนั้น เอย์จิต้องตั้งสมาธิอย่างสุดชีวิต เพราะหินแต่ละก้อนมีรอยลื่น รอยนูน และตะปุ่มตะป่ำไม่เหมือนกัน แถมบางก้อนยังมีตะไคร่เขียว ๆ เกาะอยู่อีกต่างหาก

เขาพยายามประคองตัวเองให้อยู่ในแนวกลางให้มากที่สุด เพราะบันไดที่นี่ไม่มีราวให้จับ และยังต้องคอยระวังไม่ให้เผลอมองลงไปข้างล่างอีกด้วย เพราะไม่งั้นความสูงที่ชวนให้หวาดเสียวนี่คงทำให้เขาขาสั่นจนยืนไม่อยู่แน่ ๆ

แต่พอขึ้นไปได้ประมาณ 50 ขั้นก็มีลมกรรโชกลงมาจากข้างบน ทำเอาเอย์จิทรงตัวไม่อยู่เผลอก้มหน้ามองลงไป

ทันทีที่เห็นภาพจากมุมสูงนั้น ใจเขาก็หวิวจนเหมือนกับร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม แล้วความเสียวจี๊ดก็แล่นผ่านตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมายังก้นกบ ไล่มาตามแผ่นหลังขึ้นมาถึงท้ายทอย จนเอย์จิแข้งขาอ่อนทรุดลงไปกองกับแผ่นหินนั้นอย่างหมดสภาพ

และทันใดนั้นเองเขาก็เห็นภาพในอดีต!?

{{“เอย์จิคุงเล่นพร้อมกับชั้นก็ได้นะจ๊ะ”}}

เขากับเรนะยืนคุยกันอยู่หน้าทางขึ้นเครื่องเล่นบันจี้จั๊มป์!?!

พอลิฟต์ลอยสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เขาก็แขนสั่นขาสั่นด้วยความกลัว

{{“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ”}}

เด็กสาวกุมมือเขาไว้อย่างอบอุ่นและอ่อนโยน

พอไปยืนที่ปลายสะพานบันจี้จั๊มป์ เขาก็รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม

แล้วเรนะก็เข้ามากอดเขาไว้ และทั้งคู่ก็กระโดดลงไปพร้อมกัน

ภาพบรรยากาศตอนตกจากที่สูงนั้นแล่นเข้าสู่สมองเอย์จิโดยตรง แม้มันจะน่ากลัวและน่าหวาดเสียว แต่ก็มีความอบอุ่นและสุขใจปนอยู่อย่างบอกไม่ถูก

“เฮ้! บอย!”

“เฮ้! บอย!” ลุงตะโกนเรียก

“ครับ!” เอย์จิเพิ่งหายจากอาการเหม่อ

“เป็นอะไรของยู ไหวรึเปล่า”

“เปล่าครับ เอ่อ…”

{ขาเราหายสั่นแล้ว!?} เอย์จิเพิ่งรู้ตัวว่าจู่ ๆ โรคกลัวความสูงของเขาก็หายไปอย่างน่าประหลาด

“ผมไม่เป็นอะไรครับ”

“งั้นก็ตามมาสิ ชักช้าอยู่ได้”

“ครับ ๆๆ”

คราวนี้เขาเดินขึ้นไปได้เร็วกว่าเดิมมาก ความกลัว ความหวาดเสียวในตอนแรกหายไปเป็นปลิดทิ้ง และเพียงแป๊บเดียวเขาก็ขึ้นมาได้สูงเกือบเท่ากับตึก 10 ชั้นซะแล้ว

“เข้าเขตแล้วนะบอย บีแคร์ฟูลด้วย” ลุงหันมาบอกข่าวร้าย

“เขตอะไรครับ!?”

“เขตโจมตีของพวกมันไง!!”

แล้วพอเอย์จิหันไปมองดูรอบ ๆ พวกลิงที่ซุ่มอยู่ตามริมตลิ่งก็โผล่หัวเผยตัวออกมา

ริมบึงในแนวตั้งมีฝูงลิงกับต้นไม้ประหลาดที่ดูจะเตรียมพร้อมอยู่แล้วล่วงหน้าเรียงแถวกันเป็นหน้ากระดาน แต่คราวนี้ไม่ใช่ต้นไผ่พ่นลมเหมือนเดิม แต่มันเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นเรียวยาวคล้ายเชือกและสูงตั้งขึ้นไป (ในแนวนอน) เฉียด ๆ 100 เมตร ตามลำต้นยังเป็นปล้อง ๆ เหมือนกับต้นไผ่ แต่มันจะมีใบ มีกิ่งก้านก็เฉพาะตรงปลายยอดเท่านั้น ทำให้ยอดของมันมองดูคล้ายกับไม้กวาด

เขาสังเกตเห็นว่าคราวนี้พวกแก๊งนูโอโว่มอนโด้กับเวคคิโอ้มอนโด้กระจายตัวปีนอยู่บนโคนต้นไผ่นั้นต้นละหนึ่งตัว


“เจี๊ยกกก ๆๆๆ คร่อกกก ๆๆ”
“เจี๊ยกกกก คร่อกกก ๆ”
“เจี๊ยกกก ๆ คร่อกกก ๆๆ”
“เจี๊ยกกก ๆๆ คร่อกกก ๆๆ”

พวกมันพากันกระโดดไปมาอย่างคึกคักเหมือนกับกำลังจะมีงานฉลอง

“คราวนี้อะไรอีกหล่ะ” เอย์จิทำหน้าเบื่อหน่าย

“ไผ่แส้หน่ะ ดูให้ดี! มันจะมาแล้ว!!”

“เพี๊ยะ!!”

ไม่ทันขาดคำ!! ลำต้นของไผ่เรียวยาวนั้นก็หวดลงมาตรงบันไดที่เขายืนอยู่ทันที!!

แต่เอย์จิกับลุงกอริลลาก็ขยับหลบได้อย่างไม่ยากเย็น เสียงลำต้นฟาดกับบันไดหินดังเหมือนเสียงแส้ฟาด แล้วไผ่ต้นนั้นก็เด้งกลับไปเหมือนติดสปริง มันกลับไปตั้งเด่ในแนวนอนเหมือนเดิม

“มาอีกแล้ว รีบไปเร็ว!!”

คราวนี้ไผ่แส้หวดมาเป็นชุด ๆ ทั้งซ้ายขวา เอย์จิเห็นพวกลิงที่ปีนอยู่บนโคนต้นคอยขย่มให้ต้นไผ่ล้มฟาดลงมา ที่มันทำได้ก็เพราะลำต้นของไผ่นี้อ่อนนุ่มและเหนียวเหมือนแส้นั่นเอง

“เพี๊ยะ ๆๆๆ!!” เสียงแส้ฟาดลงมาไม่หยุด

แต่ลุงกอริฯก็โชว์สเต็ปอ้วนพลิ้ว!? เอี้ยวตัวหลบซ้ายทีขวาทีแล้วก้าวขึ้นบันไดไปอย่างไม่มีสะดุด!!

เอย์จิเองก็เช่นกัน ตอนนี้เขาเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วรวดเร็วกว่าเดิมมาก จนสามารถมองเห็นไผ่แส้ที่ฟาดลงมาได้อย่างชัดเจน และหลบมันได้อย่างไม่ยากเย็น

{ง่ายกว่ากระสุนอากาศด่านที่แล้วแฮะ}

{ถ้ามองเห็นซะอย่าง ยังไงก็หลบได้ง่ายกว่านั่นแหละ}

ทั้งสองขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีสะดุดจนไม่นานก็เลยครึ่งทาง ซึ่งเมื่อเอย์จิก้มไปดูแล้วก็คิดว่าน่าจะอยู่สูงจากพื้นราว ๆ 500 เมตร



“เจี๊ยกกก ๆๆๆ คร่อกกก ๆๆ”
“เจี๊ยกกกก คร่อกกก ๆ”
“เจี๊ยกกก ๆ คร่อกกก ๆๆ”

ฝูงลิงได้แต่ทำท่าไม่พอใจที่ไม่อาจจัดการเหยื่อได้ จนตอนนี้พวกมันเริ่มกัดกันเองแล้ว ตัวไหนที่ยังไม่มีต้นไผ่ให้ประจำการก็ฉุดกระชากตัวที่ปีนอยู่ลงมา แล้วขึ้นไปแทนที่เพื่อหวังจะโจมตีด้วยตัวเอง

{หึหึ จริง ๆ แล้วด่านนี้ไม่ง่ายหรอกนะบอย ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงถูกฟาดร่วงตกไปนานแล้ว}

แล้วพอขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ เอย์จิก็รู้สึกว่ามีกระแสลมแรงพัดลงมาใส่เขาจากด้านบน ราวกับมีพัดลมขนาดใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่บนฟ้า

“เกิดอะไรขึ้นกันครับเนี่ย”

“น็อทซิง (nothing) ก็แค่ลมแรงไปหน่อย แค่นี้สบายมากอยู่แล้ว อย่าลืมหลบแส้หล่ะ” แล้วลุงก็เดินนำไปหลบการโจมตีของพวกลิงไป

ตอนนี้เอย์จิเริ่มหน้าชา ผมเผ้าลู่ลงไปข้างหลัง เพราะลมที่พัดตีเข้าใส่ เขาเริ่มแสบตาจนต้องเอามือมาอังไว้
“ฟู่!!!”
{ความรู้สึกนี้มัน!?} เอย์จิสงสัยตัวเองที่กลับรู้สึกคุ้ยเคยกับการถูกลมแรงพัดเข้าใส่อย่างน่าประหลาด

แล้วพอมันยิ่งแรงขึ้น เขาก็เหมือนจะนึกอะไรออก!?!

{{“นายใช้เวทมนตร์ได้ไม่ใช่เหรอ ทำอะไรซักอย่างสิ”}}

เขาเห็นภาพตอนที่เรกะกระซิบบอกเขาที่ลานหน้าโรงเรียน

{{“เวทมนตร์แบบนั้นมีที่ไหนกันหล่ะ”}}

แล้วเขาก็ตอบกลับไปอย่างสนิทสนม

{{“อ้าวสองคนนั่นมัวทำอะไรกันอยู่ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”}}

{{“เดี๋ยว! นายจะพาชั้นไปไหน”}}

{{“คนอื่นเค้าจะคิดยัง...”}}

ทันใดนั้นเอย์จิก็อุ้มเธอขึ้นแล้วบินขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

{{“ว้าย!”}}

เรกะได้แต่ดิ้นไปดิ้นมาในอ้อมกอดของเขา

ทั้งสองลอยสูงขึ้นไปพ้นแนวม่านเมฆ สายลมแรงบนท้องฟ้าพัดเข้าใส่แบบเดียวกับตอนนี้ เขาพาเธอบินฝ่าก้อนเมฆไปลูกแล้วลูกเล่า

{{“ลมเย็นจังนะ ชั้นไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าบนนี้จะรู้สึกดีแบบนี้”}}

“บอย! ระวัง!!”

“เพี๊ยะ!!”

ทันใดนั้นระหว่างที่มัวแต่เหม่ออยู่!! ไผ่แส้ก็ฟาดเข้าใส่เอย์จิเต็มแรง แต่เขากลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ เลย แล้วต้นไผ่ก็เด้งกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

{ไม่เป็นอะไรเลยเรอะ โดนหวดเข้าจัง ๆ เลยนะนั่น}

“เอ่อ ขอโทษครับ ผมมัวแต่เหม่อไปหน่อย” เหมือนเขาจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่ลุงกอริฯก็ดูออกว่าออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวเอย์จิเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อกี๊อย่างเห็นได้ชัด

“เอาหล่ะจะถึงแล้วนะ ดูโน่นสิ” ลุงชี้ให้ดูข้างบน

ตรงนั้นมีท่ออะไรบางอย่างขนาดกว้างเท่าบ้าน เส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 30 เมตรส่องลงมายังพวกเขา มันใหญ่ซะจนคนสามารถปีนเข้าไปข้างในได้สบาย ส่วนผิวท่อก็เป็นปล้อง ๆ เหมือนต้นไผ่!?!

โคนอีกฝั่งของมันหักเป็นมุมฉากแล้วจุ่มลงในสระบัวที่ตั้งขนานขึ้นมากับบันได ส่วนที่แช่ลงในน้ำนั้นมีรากของไผ่ดูดลมนับพันเชื่อมต่อขึ้นมากับตัวท่อ

“นี่คือโพรงรากไงหล่ะ แอร์ (air) เกือบทั้งหมดที่ถูกดูดเข้ามาก็จะถูกส่งมารวมกันที่นี่แหละ” ลุงแกอธิบายเหมือนกับเป็นไกด์นำเที่ยว

“แล้วทางออกอยู่ในท่อนั้นเหรอครับ”

“โนว์! อยู่ข้างบนต่างหาก”

เอย์จิมองไปตามที่ลุงกอริฯชี้ให้ดู ก็เห็นแผ่นหินที่เป็นขั้นบันไดเรียงตัวเลี้ยวอ้อมโพรงรากเลยสูงขึ้นไปอีก

แล้วพอพวกเขาเดินผ่านมันไปได้ ก็เห็นประตูทางออกตั้งอยู่ข้างบนสุดตรงปลายบันได ห่างออกไปไม่เกิน 30 เมตร

“นั่นไงหล่ะเอ็กซิท (exit)”

เอย์จิแหงนหน้ามองแล้วก็รู้สึกผิดปกติอะไรบางอย่าง เพราะแผ่นหินที่เป็นขั้น ๆ ต่อจากตรงนี้ไปกลับมีแต่ขี้เถ้าสีดำเปรอะเปื้อนอยู่เต็มไปหมด ซึ่งต่างจากที่แล้ว ๆ มามาก

“พวกลิงไม่ตามเรามาแล้วเหรอครับ”

“โนว์ พวกมันไม่กล้าขึ้นมาแถวนี้หรอก”

“ทำไมหล่ะครั…”

“บรึ้มมม!!!”

เอย์จิถามยังไม่ทันขาดคำ ขั้นบันไดที่ลุงกอริฯยืนอยู่จู่ ๆ ก็เกิดระเบิดขึ้น!!!

จนหินแผ่นนั้นถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ควันไฟ และไอกำมะถันขนาด ๆ ย่อม ๆ กินบริเวณกว้างเกือบ 3 เมตร

“แค่ก ๆๆ ค่อก! อะแค่ก ๆๆ โอยยย” ลุงกอริฯโผล่ออกมาจากควันไฟด้วยเนื้อตัวดำปี๋

“นี่ไงหล่ะสาเหตุ”

“ดูโน่นสิ” แล้วลุงก็ชี้ไปที่ริมตลิ่งซึ่งพวกลิงไม่กล้าตามขึ้นมา

บริเวณนั้นมีพุ่มไม้เตี้ย ๆ (ขึ้นในแนวนอน) ขนาดสูงเท่าหัวเข่า มันดูคล้ายกับต้นข้าว แต่รวงของมันมีแต่เมล็ดกลม ๆ ที่มีหนามแหลม ๆ รอบตัว แต่ละต้นจะมีฝักเรียวแหลมคล้ายข้าวโพดชี้เด่อยู่ตรงกลางหนึ่งฝัก และรายล้อมไปด้วยรวงเมล็ดหนามต้นละ 4 ถึง 5 รวง โดยแต่ละรวงจะมีเมล็ดอยู่มากกว่า 20 ลูก

“หน่อไม้ระเบิด เจ้านี่แหละอันตรายที่สุด!!”

{มีต้นไผ่ก็ต้องมีหน่อไม้สินะ} เอย์จิคิดในใจ

“โชคดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีลม แค่ก ๆๆ ไม่งั้นถ้าเมล็ดมันปลิวหลุดมาหล่ะก็วุ่นแน่”

“อาศัยจังหวะนี้รีบไปกันเถอะ”

“ครับ” แล้วทั้งสองก็วิ่งขึ้นบันไดไป

“บรึ้มม!!” เอย์จิเหลียวหลังกลับมามองก็เห็นแผ่นหินที่พวกเขาเพิ่งผ่านมาเกิดระเบิดขึ้น

“บรึ้มมม!!” “บรึ้มมม!!” บริเวณริมตลิ่งก็เช่นกัน พอเมล็ดหนามสีแดงปลิวไปกระทบกับอะไร มันก็จะระเบิดทันที

{เพราะงี้สินะพวกลิงนั่นถึงไม่กล้าขึ้นมา อันตรายน่าดูแฮะ}

“มัวเหม่ออยู่ได้ ขึ้นมาเร็วบอย”

แล้วพอลุงกับเอย์จิก้าวขึ้นไปถึงบันไดขั้นรองสุดท้าย จู่ ๆ ก็มีเสียง “วูบบ!!” ดังขึ้นพร้อมกับลมพัดมาเฮือกใหญ่

“แย่แล้วบอย!!” ลุงตกใจตาถลนจนหน้าคล้ายลิงอุรังอุตังตอนทำตาเหลือก

วินาทีนั้นทุกอย่างเหมือนกับเป็นภาพสโลวโมชั่น เอย์จิเห็นพุ่มหน่อไม้กว่าสิบต้นเอนลู่ตามลม แล้วเมล็ดของมันก็หลุดออกจากรวงปลิวมาทางพวกเขา กะประมาณด้วยตาแล้วมากกว่าร้อยลูก!?!

“บรึ้มมม!!”
“บรึ้มมม!!”
“บรึ้มมม!!”
“บรึ้มมม!!”
“บรึ้มมม!!”

ทุกสิ่งมืดมัวไปหมด เปลวเพลิง ควันไฟ ไอร้อน และเสียงระเบิดดังตลบอบอวลไปทั่วจนเอย์จิน้ำหูน้ำตาไหล เขาต้องหลับตาปี๋ด้วยความแสบร้อน

และในตอนนั้นเองเขาก็เห็นภาพอะไรบางอย่าง

{{“อย่าเข้ามาที่นี่มันอันตราย”}}

เอย์จิหันมาห้ามเรกะแล้ววิ่งหายเข้าไปข้างในโดม

ทุกอย่างในนั้นถูกเปลวเพลิงปกคลุมเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ เสา คาน หรือแม้แต่หลังคา

และพอไปถึงหน้าห้องน้ำก็เห็นเรนะนอนสลบอยู่

เขารีบเอาเธอขึ้นหลังแล้ววิ่งย้อนกลับออกมา แต่ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ไหม้ไฟก็หล่นมาล้อมเขาไว้ทุกด้าน

{{“เอย์จิ!!!”}}

เสียงเรกะตะโกนเรียกมาจากอีกฝั่งของกองเพลิง

ทันใดนั้นราวกับปาฏิหาริย์ เศษวัสดุต่าง ๆ ที่ล้อมรอบเขาไว้ก็ลอยขึ้นไปบนหลังคาโดม แม้แต่ควันไฟและเปลวเพลิงก็ลอยตามขึ้นไปด้วย

“บอย! รีบไปที่ประตูเร็ว!! แค่ก ๆๆ” เสียงลุงกอริลลาตะโกนเรียกมาจากในกลุ่มควัน เอย์จิถึงได้รู้สึกตัวตื่นจากภวังค์

“รีบไปที่ประตูเร็ว!!”

“ครับ ๆ” แล้วเขาก็รีบพุ่งขึ้นไปตามที่ลุงบอกทันที

แต่ทว่า

“อ๊ะ!!”

ขาเขาที่ก้าวเหยียบไปกลับไม่มีแผ่นหินรองรับ!?!

“เหวอออ!!!” เอย์จิเสียหลักร่วงตกทันที

เพราะควันไฟทำให้หลงทิศ เขาก็เลยวิ่งไปผิดทาง

ร่างเขาหล่นแทรกผ่านอากาศ ร่วงผ่านโพรงราก ผ่านด่านไผ่แส้ แล้วก็
“ตู้มมม!!!”

จมลงในน้ำตรงบริเวณที่มีไผ่พ่นลมในตอนแรกสุด!!!

ความแรงจากการร่วงตกลงมาจากจุดที่สูงมากทำให้เอย์จิจมลึกลงไปจนถึงก้นสระ

แล้วรากไผ่ที่อยู่ในนั้นก็พากันพันแข้งพันขาจนเขาขยับตัวไม่ได้

“อึ๊ก ๆๆๆ” น้ำไหลทะลักเข้าปากเข้าจมูกจนท่วมปอด

แล้ว ณ วินาทีนั้น…

{{“ก็ดีเหมือนกันเนอะได้ตายหลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยขนาดนี้ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่กับคนรักก็เถอะ”}}

{{“แต่ได้อยู่กับนายก็ไม่เลวนักหรอกนะ”}}

{{“ขอโทษนะที่ต้องมาอยู่กับคนอย่างชั้น”}}

{{“คงจะจบแค่นี้หล่ะมั้ง” เรกะหันไปสบตาเอย์จิ แล้วเธอก็เอื้อมมือไปขอให้เขากุมมือเธอไว้}}

{{ทันใดนั้นเอย์จิก็ดึงตัวเรกะขึ้นมาอุ้มนอนหงายไว้แนบอกเขา มือซ้ายของเขาโอบหลังเรกะไว้ ส่วนมือขวาสอดใต้หัวเข่าของเธอ}}

{{ทันใดนั้นน้ำทะเลที่อยู่รอบ ๆ ตัวของทั้งคู่ก็ค่อย ๆ กระจายออกเป็นวงกว้างขึ้น ๆ จนเป็นช่องว่าง เหมือนมีกรวยกระจกคอยป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้ามา แล้วเอย์จิก็อุ้มเรกะลอยขึ้นช้า ๆ}}

{{“ชั้นสัญญาแล้วนี่ว่าจะปกป้องเธอ”}}

{{“ลูกผู้ชายไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็จะปกป้องคนสำคัญของตัวเองเอาไว้ให้ได้”}}
{{“เจ้าเองก็คิดแบบนี้เหมือนกันใช่มั้ย”}}

{{“ยูเคยอินเลิฟ (in love) รึเปล่าหล่ะ”}}

{{“จะว่ายังไงดีหล่ะ การใช้เกียร์มันก็เหมือนกับการตกหลุมรักหล่ะมั้ง”}}

{{“เลิฟหน่ะคือพรหมลิขิตนะบอย เรากำหนดไม่ได้หรอกว่าจะเลิฟใครหรือเมื่อไหร่”}}

{{จงใช้หัวใจนึกให้ออกสิ!?}}

“เรกะ!!”

ทันใดนั้นน้ำในสระบัวรอบ ๆ ตัวเอย์จิก็กระจายออกเป็นวงกลม!! ราวกับโมเสสแยกทะเล รากไผ่ที่มัดร่างเขาอยู่ก็ขาดสะบั้น!! แล้วตัวของเอย์จิก็มีแสงสว่างสีฟ้าห่อหุ้มเอาไว้ มันสว่างเจิดจ้ากว่าออร่าที่แล้ว ๆ มามาก จนเขามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

แล้วเอย์จิก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาช้า ๆ “นี่มัน!?” เขามองแขนขาตัวเองที่ถูกห่อหุ้มด้วยเวทมนตร์

แล้วกระบอกไม้ไผ่ที่ติดมือเขามาก็ส่องแสงสว่างจ้าออกมา!!

“วาบบบ!!”


มันสว่างจ้าจนแสบตา ถึงกับทำให้พวกลิงพากันถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว

แล้วพอแสงหรี่ลงมันก็กลายเป็นดาบคาตานะฝักสีดำ โกร่งดาบรูปวงกลมสีทองแกะสลักเป็นลวดลายขนนก

“ดาบนี่มัน!?”

{{“ถ้าอยากปกป้องคนที่รักก็จงใช้มันให้ดีหล่ะ”}}

“ที่บอกตอนนั้นหมายความอย่างนี้เองเหรอ” เอย์จินึกถึงคำพูดของชายตาบอด แล้วเขาก็ชักมันออกจากฝัก!!

ตัวดาบที่ออกมาจากฝักแวววาวครบกริบ ตรงโคนดาบมีตัวอักษรสลักไว้เช่นเดียวกับบนกระบอกไม้ไผ่ว่า




แล้วเอย์จิก็เก็บดาบเข้าฝัก

จังหวะนั้นเองลิงที่แต่งตัวคล้ายหัวหน้าแก๊งของแต่ละฝั่งก็ตะโกนสั่งลูกน้องให้เลิกถอยหนีแล้วหันมาโจมตีใส่เอย์จิ พวกสมุนลิงเลยพากันกระโดดปีนป่ายขึ้นไปบนยอดไผ่แล้วบังคับปากกระบอกให้หันไปทางเขา และยิงกระสุนเข้าใส่ทันที

กระสุนอากาศนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่เอย์จิจากทุกทิศทุกทาง!!!

แต่พอมันโดนตัวเขา

“ซู่มมม!!”

“พลั่กกก!! โครมมม!!” มันก็ถูกดีดกลับเข้าใส่ฝูงลิง จนพวกมันกระเด็นกระดอนแตกกระเจิง!!!

“เจี๊ยกกก ๆๆๆๆๆ คร่อกกก ๆๆๆๆ”
“เจี๊ยกกกก ๆๆๆๆ คร่อกกก ๆๆๆๆ”
“เจี๊ยกกก ๆๆๆๆๆ คร่อกกก ๆๆๆๆ”
“เจี๊ยกกกก ๆๆๆๆ คร่อกกก ๆๆๆๆ”

ฝูงลิงต่างพากันหนีเข้าป่าเอาตัวรอดกันอย่างอลหม่าน

“โทษทีนะ” เอย์จิหันไปพูดกับพวกลิง แล้วเขาก็บินพุ่งกลับไปตามทางเดิมอย่างรวดเร็ว

“ฟุ่บบ!!”

เขาพุ่งผ่านเข้าประตู ผ่านไผ่แส้ ผ่านโพรงราก ผ่านหน่อไม้ระเบิดไปอย่างรวดเร็ว สายลมที่พัดแทรกผ่านตัวเขาช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นเหมือนกับในภาพตอนที่พาเรกะบินขึ้นฟ้า แสงออร่าสีฟ้าก็ทำให้เขามีแรงหายเหนื่อยและรู้สึกคล่องแคล่วอย่างน่าประหลาด

ระหว่างทางพวกลิงที่ยังเหลืออยู่ก็ยังคอยโจมตีใส่เขา แต่ทั้งไผ่แส้ ไผ่พ่นลม หรือหน่อไม้ระเบิดก็ถูกดีดกระเด็นกลับไปจนพวกมันหนีหายแตกกระเจิงไปจนหมด

แล้วเอย์จิก็บินขึ้นไปฉุดลุงกอริฯออกมาจากกลุ่มควันที่เขาร่วงลงมาเมื่อกี๊

“รอนานมั้ยพี่!!” เขาถามอย่างอารมณ์ดี

“แต๊งกิ้วคูลบราเธอ (Thank you cool brother)” ลุงแกก็ออกมาโดยที่ไม่เป็นอะไรมากนัก จะมีก็แต่ฝุ่นสีดำเปรอะเปื้อนเต็มตัวเท่านั้น

แต่พอเอย์จิเห็นหัวแกชัด ๆ เขาก็ขำพรวดออกมาจนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ “พรืดดด!! ก๊ากก ฮ่า ๆๆๆ”

“ว้อท รอง บ๊อย (What wrong boy?)” ลุงกอริฯมองเอย์จิแล้วทำหน้างง

แล้วพอแกรู้สึกเย็น ๆ บนหัวแกก็ร้องเสียงดังลั่น “โอ้ววว โนวววว มร่ายยยยยยยย”

เพราะทรายที่แกเอามาโปะบนหัวจนเป็นผมทรงแอฟโร่นั้นได้ถูกแรงระเบิดซัดจนหายไปหมดแล้ว ตอนนี้เลยเหลือแต่หัวล้านเหี่ยว ๆ กับผมตรงกกหูหรอมแหรมที่ไหม้เป็นหยิกหยอยเท่านั้น

“เดี๋ยวถ้าผมกลับไปแล้วจะซื้อวิกให้ใหม่นะลุง” เอย์จิแซว

“โนววว ไม่ใช่นะไม่ใช่!! ที่หลุดไปไม่ใช่วิก แต่เป็นผมมีจริง ๆ แต่เพราะคลื่นมันแรงต่างหาก มันเลยถากผมมีร่วงไป” ลุงแกรีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่ก็ปกปิดอาการเขินอายหน้าแดงไม่มิด

{นี่ถ้าใครไม่เคยเห็นลิงอุรังอุตังอาย มาดูที่นี่ได้เลยนะเนี่ย} เขาคิดในใจ

“ทางออกอยู่นั่นใช่มั้ยครับ” เขาชี้ไปที่ประตู

“เยสส เข้าไปกันเถอะ มีเองก็มีธุระแถวนั้นด้วยเหมือนกัน”

แล้วเอย์จิก็บินเข้าประตูไป



Create Date : 24 เมษายน 2554
Last Update : 24 เมษายน 2554 20:27:01 น. 0 comments
Counter : 303 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

TonyLaFraga
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add TonyLaFraga's blog to your web]