รักลูก... อย่างไรดี
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ชอบมากเล่มหนึ่งที่โดนใจจริงๆ พิมพ์ครั้งที่ 4 เมื่อกันยายน 2537 (พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้) เล่มล่าสุดครั้งที่ 7 พฤษภาคม 2544 ถึงแม้จะตีพิมพ์มานานแล้ว แต่ยังทันสมัย อ่านเข้าใจง่าย สมกับที่บอกไว้ในคำนำว่า " หนังสือทุกชนิดเป็นเพื่อนในการคลำหาทางออกเมื่อเกิดมีปัญหาในบ้านได้เป็นอย่างดี...."
นั่นนะสิ เราจะ รักลูก...อย่างไรดี เริ่มจากฝึกให้รักการอ่านตั้งแต่เด็ก ก่อนดีไหม
ใครๆ พากันกังวลว่า "เอ จะสอนลูกให้อ่านหนังสืออย่างไร จะเริ่มต้นกันที่ไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วจะหาครูดีๆได้ที่ไหน" ใครล่ะจะมาสอนให้ลูกอ่านหนังสือได้ดีไปกว่าคุณแม่ของลูก ทำไมล่ะคุณจึงจะสอนให้ลูกอ่านหนังสือไม่ได้ คุณคือคุณแม่นะ และคุณแม่นี่แหละคือครูคนแรกของลูก เป็นครูที่สุดแสนจะวิเศษ และมีความหมายต่อชีวิตหนูเป็นอย่างยิ่ง
ฉะนั้น ไม่ต้องไปมัวหาคุณครูที่ไหนหรอกค่ะ คุณนั่นแหละคือครูที่ดีที่สุดของลูก
ใครเอ่ยที่ลูกน้อยต้องการมากที่สุด
คำตอบที่เห็นกันชัดๆ ก็คือคุณแม่ คุณแม่เป็นบุคคลที่มีประสิทธิภาพที่สุด สามารถเข้าใจลูก สามารถอดทน และมีความพากเพียรที่จะเห็นลูกพัฒนาก้าวหน้า คุณจงมั่นใจได้แล้ว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่า ใครเลยจะมาเป็นครูของลูกได้ดีเท่าตัวคุณเอง
แล้วจะทำอย่างไรล่ะ
นี่คือข้อสงสัยจากใจแม่ ง่ายนิดเดียวคุณไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องตระเตรียมตัว ไม่ต้องเตรียมการสอน ไม่ต้องวางแผนการเรียน ไม่ต้องแม้แต่หนังสือสักเล่ม เพราะสิ่งที่สำคัญและเป็นหัวใจของการเรียนก็คือ ตัวคุณแม่กับตัวลูกน้อย
เอ ไม่ต้องการหนังสือแม้สักเล่ม
มันชักยังไงแล้วนะ ก็ถ้าไม่มีหนังสือแล้วจะสอนอ่านอะไรล่ะ ยังค่ะ อย่าลืมนะค่ะว่า ลูกเพิ่งอายุไม่เท่าไรเลย รู้คำพูดก้อยังไม่ทั้งหมด ระบบความคิดความอ่านก็ยังไม่ซับซ้อน ฉะนั้น คุณจึงยังไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องหนังสือในการเริ่มต้น
เริ่มต้นกันเสียเลย "ด้วยการจัดหาเวลาอ่าน" ที่แน่นอนในแต่ละวัน เวลาที่ดีที่สุดเวลาหนึ่งก็คือ เวลาก่อนนอน เหมาะสมทั้งกับเงื่อนไขของลูกและของแม่ หรือไม่ก็ไม่ต้องมามัวนั่งหาเวลากันล่ะ เอาเป็นว่า ตอนเช้า กลางวัน เย็น หรือก่อนนอน ล้วนสามารถเป็น "ชั่วโมงการเรียนอ่าน" ได้ทั้งสิ้น เวลาที่เลือกจะต้องสอดคล้องกับคุณ เพราะคุณคือ คุณครูของลูก
เวลาที่พูดคำดังกล่าวควรจะมีคุณลักษณะที่ดีคือ เป็นเวลาที่คุณไม่รีบร้อนจะไปไหน เป็นเวลาที่คุณพักผ่อน เป็นเวลาที่คุณสบายอกสบายใจ
เมื่อหาเวลาได้ดังกล่าว ก็หาสถานที่ หรือมุมห้อง มุมระเบียง มุมสนามหญ้า หรือมุมอะไรก็แล้วแต่ที่เงียบๆ ที่ไม่จ้อกแจ้กจอแจ
คราวนี้ก็มาเรื่อง บรรยากาศ บรรยากาศระหว่างคุณครูกับนักเรียนจะต้องเป็นบรรยากาศสบายๆเรียบง่าย และข้อสำคัญต้องอบอวลไปด้วยความรัก
คราวนี้ก็มาเรื่อง กิริยา คุณควรโอบกอดลูกน้อยไว้บนตัก ลองก้มมองดูแววตาของนักเรียนดูซิ จะเห็นแววของความกระตือรือร้นของความสุขของความรักที่มันฉายฉานออกมา ความพร้อมที่จะเรียนได้เริ่มต้นแล้ว
ได้การแล้วมั้ยล่ะ เมื่อนักเรียนพร้อมแล้ว
คราวนี้ก็มาที่คุณแม่ ในขั้นนี้คุณแม่ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือใดๆเลย คุณแม่เริ่มบทเรียนของการอ่านกับลูกน้อยได้ทันทีด้วยการเล่านิทาน เล่าเรื่องต่างๆที่แม่แต่งขึ้นก็ได้ ลักษณะเรื่องที่เล่าก็คือ
จะต้องเป็นเรื่องที่แม่ชอบเป็นประการแรก เพราะแม่จะต้องเล่าอย่างมีจังหวะจะโคน มีลีลา มีท่วงท่า มีอารมณ์ เป็นประการแรก
ประการที่สอง คือเรื่องที่เล่าควรจะสั้น ตัวละครควรจะง่ายๆ และเป็นสิ่งที่เด็กคุ้นเคยอยู่เป็นประจำ
ประการที่สาม อย่าเล่าหลายเรื่องจนลูกจำไม่หวาดไม่ไหว ให้หยิบเรื่องเด่นๆขึ้นมาเพียง 4-5 เรื่อง แล้วเล่าซ้ำไปซ้ำมา พยายามให้คำพูดของเรื่องเหมือนกัน หรือคล้ายกัน จะช่วยให้เด็กจำได้เร็ว และร่วมเล่าได้ในโอกาศข้างหน้า
ฟังๆดูข้อจำกัดของลักษณะเรื่องเยอะเหลือเกิน แล้วคุณแม่จะไปหาที่ไหน ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ เริ่มเรื่องที่คุณเองมากที่สุดจะดีกว่า เพราะหัวใจของการเรียนก็คือ บรรยากาศ อารมณ์ ท่าทาง ท่วงทำนอง ซึ่งถ้าผู้เล่าสนุก ผู้เรียนก็จะสนุกไปด้วย
เมื่อเด็กสนุกเพลิดเพลินกับบทเรียน การเรียนรู้จะรวดเร็วเป็นเงาตามตัว
เมื่อเรื่องที่เล่าซ้ำไปซ้ำมา นักเรียนน้อยก็จะเริ่มคุ้นเคยกับเรื่องไม่ช้าคุณจะพบการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คือลูกเริ่มร่วมเล่าเรื่องกับคุณได้ รู้จักคำนั้นคำนี้มากขึ้น และรู้จักเอาคำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
การทำเรื่องให้สั้นจะทำให้เด็กไม่เบื่อ และก็ไม่ซับซ้อน ภาษาที่ใช้อย่าใช้หลากหลาย การที่ให้ใช้ภาษาง่ายๆซ้ำไปซ้ำมา ก็เพื่อช่วยให้ลูกจดจำ ทำความเข้าใจได้เร็วจนสามารถใช้คำเล่ามาทายล่วงหน้า ในขณะที่แม่กำลังเล่าอยู่ ซึ่งอาจเป็นการเล่าครั้งที่ 10 หรือ 20 แล้วก็ได้
เมื่อลูกคุ้นเคยกับเรื่องต่างๆจนเป็นที่น่าพอใจแล้วก็เป็นอันว่าจบบทเรียนขั้นที่หนึ่ง
จากหนังสือ รักลูกอย่างไรดี โดย นิดดา หงษ์วิวัฒน์ ประโยชน์ บุญสินสุข สำนักพิมพ์แสงแดด
แล้วค่อยมาต่อ บทเรียนขั้นที่...สอง... กันนะค่ะ
Create Date : 09 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 17:16:49 น. |
|
34 comments
|
Counter : 556 Pageviews. |
|
|
คุณแม่น้องต้นฝนเป็นคุณแม่ที่เอาใจใส่ลูกจังเลยค่ะ
เรื่องสอนลูกอ่านหนังสือเนี่ย...พยายามมากเลย แต่ใบบัวจะชอบฉีกมากกว่าอ่าน