ห่างหายไปจากการอัพบล็อคพอสมควรทีเดียวครับ อาจเพราะว่าตัวเองล้ามากจากการทำงานต่าง ๆทั้งงานประจำและงานสวน จริงแล้วผมตั้งใจจะอัพบล็อคเป็นประจำเพราะการได้เขียนอะไรต่าง ๆที่มาจากความคิดและความรู้สึกของเรามันทำให้เราบริหารสมอง และได้ทบทวนกระบวนการคิดของเรา และเมื่อหันไปดูจำนวนเพจวิวก็พบว่ามีตัวเลขไม่น้อยเลยที่แสดงว่าบล็อคของเราได้มีผู้อื่นเข้ามาสัมผัส ผมจึงอยากจะอัพบล็อคให้มีคุณภาพเท่าที่ผมสามารถจะทำได้ แม้จำนวนคอมเมนต์จะน้อยมากซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะตัวผมเองก็ไม่ได้แวะเวียนไปพูดคุยกับใครเลย แต่ความปรารถนาดีที่มีให้กับเพื่อน ๆทุกคนยังคงเหมือนเดิม
แต่ทุกท่านก็สามารถพบผมเป็นประจำได้ทางแฟนเพจ ซึ่งผมมักจะแวะเวียนไปอัพเดทภาพและสถานะแทบทุกวัน เป็นการแบ่งปันความสุขที่ง่าย ๆไม่ยุ่งยากอะไร อย่างภาพเจ้า
โคกกระออมนี่ผมเองก็ถ่ายไว้หลายวันเหมือนกันแล้วนำไปแบ่งปันในแฟนเพจจนถึงวันนี้หันกลับมาดู โห...หลายสิบภาพเลยทีเดียวสำหรับเจ้าต้นไม้ที่ใคร ๆก็บอกว่ามันคือวัชพืช ที่ไม่ต้องสนใจว่าดอกมันจะเป็นเช่นไร เพราะหากไม่มีความสำคัญที่เกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจหรือบริโภค หลาย ๆท่านเลือกที่จะตัดมันทิ้งไม่ปล่อยให้เกะกะรกบ้านแน่
ต้องบอกว่าผมโชคดีจริง ๆ ที่เจ้าต้นโคกกระออมไปแอบขึ้นที่หลังบ้านผมที่ไม่ได้กว้างขวางอะไร ๒ ต้น โดยที่ผมเห็นมันตั้งแต่ต้นน้อย ๆผมก็ไม่ได้ใส่ใจมันเพราะมันไม่ได้ทำความเดือดร้อนอะไรให้ผมก็ปล่อยให้มันขึ้นเลื้อยรัดต้นไม่โน่นนี่ไปจนมาวันหนึ่งมันออกดอก ดอกของมันเล็กมาครับขนาดประมาณหัวเข็มหมุดได้ ผมเลยให้ความสนใจมันขึ้นมาถ่ายภาพมันเก็บไว้จากนั้นมา โดยในใจยังแอบสงสัยเหมือนว่าจะรู้จักมันว่ามันคือต้นอะไรแต่ไม่สามารถชี้ชัดได้
เคยไหมครับอาการแบบนี้ แบบที่เขาว่ากันว่า "มันติดอยู่ที่ริมฝีปาก" ประมาณนั้นจนมาวันหนึ่งมันกลับติดฝักติดผล ผมก็ยิ่งสับสน ใจหนึ่งคิดว่ามันคือ ต้นโทงเทง เพราะเห็นผลของมันเหมือนมาก แต่อีกใจก้มีความขัดแย้งว่าไม่ใช่ เพราะต้นนี้มันเลื้อย แต่นึกเท่าไหร่ก้นึกไม่ออก แต่แล้ววันหนึ่งก็นึกออกจนได้ว่ามันคือ โคกกระออม ... พืชสมุนไพรชนิดหนึ่งนั่นเอง
โคกกระออม ... เป็นไม้เลื้อยนะครับ ผมเคยเห็นและรู้จักมันมานานแล้วตั้งแต่สมัยที่ผมยังอยู่ที่บ้านเกิดสมุทรสาคร แต่ต้องบอกเลยนะครับว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นนทบุรีนี้กว่า ๑๕ ปี ผมไม่เคยเห็นมันเลยสักครั้งแม้ตัวผมเองจะคลุกคลีสนิทสนมกับบรรดาต้นไม้ใบไม้และวัชพืชต่าง ๆ อาจเพราะว่ามันคือวัชพืชในสายตาคนทำสวนเลยกำจัดมันไปจนไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปเฉกเช่นในอดีต หรืออาจเป็นเพราะบุพเพสันนิวาสก็อาจเป็นไปได้
นั่นดอกมันเล็ก หรือมือคุณเทียนใหญ่กันแน่คะ
ยังคงเป็นภาพที่น่าชื่นชมเสมอนะคะ