ตัวอย่าง
<<
สิงหาคม 2566
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
26 สิงหาคม 2566
นายกส้มหล่น เศรษฐา พร้อมลุยการท่องเที่ยวประเทศไทยแล้วจ้า
ใครไม่ไหว นายกเศรษฐาไหว ประชุมต่างประเทศฉ่ำ ล่าสุดนครปารีสหวังดึงนักลงทุนเข้าไทย
รีวิว BMWi5 รถยนต์ไฟฟ้า100% คันนี้ที่ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของ
ไทย-ศรีลังกา ลงนาม FTA และ MOU คนไทยได้รับผลประโยชน์อย่างไร
รวมTOP 10 ผู้นำและนักธุรกิจที่นายกเศรษฐาไปเจอ
รวมเรื่องนายกเศรษฐา ประชุมที่ดาวอส สวิตเซอแลนด์มีอะไรบ้าง
รีวิวTest Drive BMW ทั้ง i5 และ IX3 แบบสับๆ เลิศๆ ระดับตัวแม่กับ BMW Amorn Prestige x Ananda
ไขความลับสองรุ่นสุดฮิตตลอดกาลจากค่าย BMW 430i Coupe และ Z4 เจอที่ไหนต้องรีบจับจอง
Prestige Golf Club งานกอล์ฟกระชับมิตรสุดพิเศษที่ผมตั้งตารอมานาน
นายกหารือบริษัทเอกชนทางออกกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
นายกส้มหล่น เศรษฐา พร้อมลุยการท่องเที่ยวประเทศไทยแล้วจ้า
ชูวิทย์ กล่าวลาสังคม หมดเวลาของผมแล้วหลังแฉ เศรษฐา จนสุดทาง
LONGGOY แบรนด์คนไทย ที่ดังไปทั่วโลก ผ่านโครงการ King Power Thai Power พลังคนไทย
ประกาศแล้วผลสนาม 5 นครปฐม THE POWER BAND 2023 SEASON 3
แฉคนละหมัด ชูวิทย์ VS เศรษฐา งานนี้มีเบื้องหลังหรือไม่?
ชาวสงขลาอย่าลืมไปดู THE POWER OF POSSIBILITIES แสดงสดสนามที่ 4 สงขลา
บทเรียน การยกเลิก ฟุตบอลอุ่นเครื่อง เลสเตอร์ ซิตี้ VS ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส
ร่วมเวทีประกวดดีๆมากองกันไว้ตรงนี้
เวทีสร้างสรรค์จาก THE POWER BAND 2023 SEASON 3
มาดูรถบ้านมือสองออกศูนย์ BMWกันเถอะ
จะมีเฮได้ใมั้ยสำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวไทย
ถ้ามีกองทุนสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว จะช่วยเยียวยาผู้ประกอบการได้แค่ไหน?
พาชมรถBMWมือสองไมล์น้อยออกศูนย์จากอมรเพรสทีจรังสิตกับโซนบริการใหม่สุดว้าว
ข่าวท่องเที่ยวไทย กับตัวเลขนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ดีลลับการเมืองในสนามบอล การเมืองกับเรื่องกีฬาเป็นเรื่องเดียวกันจริงหรือ?
มองธุรกิจท่องเที่ยวไทย หลังปัญหา 'ทัวร์ศูนย์เหรียญ' ยังไม่จบดี กลับมามีศึกใหญ่ 'ทัวร์อั้งยี่' ที่ว่ากันว่า รุนแรงกว่าเดิม
จำนวน นทท.9ล้านคน เทียบกับก่อนโควิดได้หรือไม่???
แค่ขายฝัน หรือทำได้จริง ตอบชัดจาก3พรรคใหญ่บนเวทีดีเบต
10 พรรคการเมือง โชว์กึ๋น นโยบายไหนทำได้เลยทำได้ไว กับรายการพิเศษ ดีเบตใหญ่ เลือกตั้ง 66 ผ่านไทยพีบีเอส
ลุงป้อมว่าไง...หลังถูกถามคำถามผ่านรายการ ชั้นเชิงดีมั้ยมาลองดู
พาดู BMW X1 โฉมใหม่ Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 44
King Power ปรับทัพใหม่ในรอบ 3 ทศวรรษ เดินหน้าสร้างดิวตี้ ฟรี อีก 2 แห่ง
เปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ขายดี แต่เงินเข้ากระเป๋าใคร?
รถยนต์ไฟฟ้า(EV) เทรนของโลกยุคใหม่จะเลือกค่ายไหนดีระหว่าง BMW กับ Tesla?
อย่าหวังกับชาวจีนมากไป SME ท่องเที่ยวไทยยังน่าห่วง
มารีวิว Test Drive BMW iX3 รถไฟฟ้า 100% ในงาน Amorn Prestige Rally 2022 ตามนัด ^^
งานแรลลี่ของ Amorn Prestige Rally 2022 ประทับใจแบบสุดๆไปเลย
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวไทย เป็นอย่างไรบ้างมาดูกัน
สรุปปัญหาท่องเที่ยวไทยปีหน้า
อัพเดตรัวๆ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยล่าสุด ประจำเดือนตุลาคม 2022
จีนไม่มา ฝรั่งไม่มี ยอดจองโรงแรมไฮซีซั่นนี้ มีแค่ 40%
ไม่ใช่อินเดีย แต่เป็นมาเลเชีย ครองอันดับเข้าไทย
นโยบาย" Zero-COVID " ของจีนกระทบไทยแค่ไหน
ปัญหาและ เหตุผลที่ทำไมการท่องเที่ยวไทยไม่ฟื้นเสียที
ไขข้อสงสัยเปิดประเทศแล้ว ทำไม? ธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเสียที
เปิดตัวเลขท่องเที่ยวเดือน กันยายน 65 ตามคาดหรือไม่มาดูกัน
ท่องเที่ยวไทยน่าห่วง...ทางรอดธุรกิจท่องเที่ยว
ยอดซื้อในสนามบินฯยังคงเงียบเหงา หลังไทยเปิดประเทศ
พลังคนไทย การให้ที่ยั่งยืนด้วยกิจกรรม CSR ท่ามกลาง COVID-19
อีกหนึ่งครั้งที่คิงเพาเวอร์ นำ เอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก
เปิดประเทศกันแล้วเป็นยังไงบ้าง วันนี้มาดูสนามบินกัน
นักท่องเที่ยวใช้จ่ายไม่ดีเหมือนก่อน เกิดจากอะไรกัน
ความหวังจากรัฐ ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว คาดปี 2566
น่ายินดี สโมสรเลสเตอร์ มอบรางวัลให้กับ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา
นโยบายดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ความหวังจากรัฐสู่ธุรกิจท่องเที่ยว
เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ใครได้อานิสงค์?
นายกส้มหล่น เศรษฐา พร้อมลุยการท่องเที่ยวประเทศไทยแล้วจ้า
หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน ครองตำแหน่งนายกคนที่ 30 หลังกระแสดราม่าแบบสุดๆ แต่สุดท้ายก็เอาตำแหน่งมาได้ แบบงงๆ ล่าสุด นายกส้มหล่น ลุยงานแล้วจ้าทุกคน มาปุ๊บทำงานปั๊บ ลุยการท่องเที่ยวหวังดึงเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากไฮซีซันที่จะถึงนี้
โดยที่แรกที่ลงพื้นที่นั่นก็คือ ภูเก็ตนั่นเอง
การมาภูเก็ตในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของเรา เน้นไปเรื่องการรับฟังปัญหาจากคนพื้นที่ เป็นการทำงานแนวผู้บริหารรุ่นใหม่แหละ ไม่ต้องนั่งโต๊ะ ไม่ต้องประชุม เพราะหลังโควิด19 มานี้ ธุรกิจท่องเที่ยวปิดตัวลงนั้นเยอะมากๆ ทำให้เกิดการชะงักตัว พอเปิดประเทศ ก็ยังกลับมาเที่ยวกันน้อย อาจจะไปเที่ยวประเทศอื่น เพราะแข่งขันกันเยอะแบบสุดๆ ตัวอย่างนักท่องเที่ยวจีนก็กลับมาแค่ 30%แถมท่านนายกหยอดคำหวานอีกว่าจะลงพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวทุกจังหวัดในลำดับต่อไป ไม่ให้จังหวัดอื่นๆน้อยใจกันไปอีก บอกเลยเป็นงาน !
ได้แต่หวังว่า การทำงานของท่านนายก จะกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวได้อีกครั้ง เพราะคนในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวเอง
อดยากปากแห้งกันมานานแสนนาน เพราะถึงนักท่องเที่ยวมาก็ใช้เงินแบบประหยัดมาก
นับเป็นอีกหนึ่งงานหนักที่นายกคนนี้ต้องทำให้ได้เพราะ ธุรกิจท่องเที่ยว ดึงเงินเข้าประเทศไทยได้เป็นอันดับแรกมาเสมอ เป็นการวัดความเชื่อที่ว่า นักธุรกิจมาเป็นนายกรัฐมนตรีกึ๋นดี ประสบการณ์สูง จะทำให้ปากท้องคนไทยดีขึ้นมั้ย ต้องมาลองติดตาม
ที่มา : https://mgronline.com/south/detail/9660000076689
Create Date : 26 สิงหาคม 2566
Last Update : 26 สิงหาคม 2566 14:44:34 น.
171 comments
Counter : 320 Pageviews.
Share
Tweet
(ทัศนะส่วนตัว).. เมื่อชมรายการคุยตามข่าว,15กย.66)จบแล้ว.. เราเห็นว่า..ควรแก้กฎหมายให้องค์กรตำรวจเป็นองค์กรอิสระไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายการเมือง(โดยด่วน)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 17 กันยายน 2566 เวลา:6:06:27 น.
เพราะการที่ยอมให้ผู้นำฝ่ายบริหารคุมตำรวจได้(โดยตำแหน่ง),ก็เท่ากับเป็นการการันตีโดยตรรกะอยู่ในตัวว่า..ผู้นำบริหารทุกท่านจะต้องบริสุทธิ์(?),ไม่มีเรื่องประโยชน์ทับซ้อน?ทุกท่านอย่างแน่นอน?,เหมือนกันหมดทุกท่านเลย?.อย่างนั้นเลย?..ใช่หรือไม่?.. เพราะถ้ามีกรณีการร้องเรียนผู้นำบริหารขึ้นมา.. ตำรวจซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายผู้นำบริหารจะกล้าดำเนินการกับผู้นำบริหารที่ถูกร้องเรียนเรื่องต่างๆ(ในขณะที่มีสิทธิ์โยกย้ายตนเองได้ตลอดเวลา?)หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 17 กันยายน 2566 เวลา:6:12:32 น.
(ปรัชญาป้องกันการคอร์รัปชั่นหรือการหลบเลี่ยงภาษี)..
1.คุณจะป้องกันการใช้สายสัมพันธ์และการติดต่อวิ่งเต้นล้มเรื่องร้องเรียนต่างๆ,เมื่อเริ่มต้นมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ,ขององค์กรตรวจสอบใดๆก็ตาม,ในแต่ละคณะขึ้นมาในแต่ละครั้งได้หรือไม่?.. เพราะถ้าเป็นสมัยก่อน.. ถ้าจะติดต่อวิ่งเต้นต้องใช้วิธี"แอบไปพบกันด้วยตัวต่อตัว(โดยไม่ให้มีใครรับรุ้,หรือพบเห็น).. แต่สมัยนี้แค่มีโทรศัพท์ติดต่อก็สามารถติดต่อเคลียร์กันได้แบบทุกที่-ทุกเวลา,อย่างสบาย,แม้ไม่ต้องไปเจอตัวกันเลยก็ตาม.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:1:05:57 น.
2.(ณ โคนัทแลนด์-แดนสมมุติ).. ต่อไปนี้เป็นเรื่องสมมุติเท่านั้น.. เราพบว่า.. ในขณะที่มีการพูดถึงเรื่องน้ำมันแพงมากกันอย่างมากมาย.. แม้ตั้งแต่หลายปีดีดักมาแล้วก็ตาม.. จะสังเกตว่า.. มักไม่คอยมีสื่อสารมวลชนต่างๆแทบทุกแขนงจะหยิบเอาเรื่องความโปร่งใสในการบริหาร?เรื่องปริมาณน้ำมัน(แก๊ส)ที่ผลิตได้จริงๆในแต่ละบ่อ(และยอดรวมที่ผลิตได้ทั้งหมด)และราคาน้ำมัน(แก๊ส)ที่ควรขายปลีกให้กับประชาชนมาพูดกันในวงการสื่อ(อย่างกว้างขวางและเจาะลึก)แต่อย่างใดเลย(?).. ซึ่งมักมีการพุดคุย,ตั้งข้อสังเกตกันเองในร้านกาแฟหรือกลุ่มย่อยต่างๆว่า.. ก็อาจเป็นเพราะว่า.. ก็เพราะบริษัทน้ำมัน(บางบริษัท)ให้สปอนเซ่อร์กับสื่อต่างๆ(บางส่วน)เป็นจำนวนมาก(ในทุกๆปี)ไงล่ะ(?).. ดังนั้น..สื่อบางส่วนเขาก็ต้องเกรงใจ,หลีกเลี่ยงที่จะพูดวิเคราะห์ในเรื่องเหล่านี้ไงล่ะ(?)..(ใช่หรือไม่?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:1:31:42 น.
3.ถ้าจะป้องกันการคอร์รัปชั่น,การหลบเลี่ยงภาษี,การฟอกเงินในแต่ละเรื่อง,แต่ละหน่วยงาน,แต่ละบริษัทธุรกิจ.. ก็จะมีคำถามว่า.. ก็ต้องหาคนดีจริงๆ,ตรงจริงๆมาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบสิ!?.. แต่ถามว่า..แล้วจะหาได้มั้ย?.. ในขณะที่เงิน(สิ่งสมมุติ)ยังมีค่า,มีความหมาย(เป็นดุจแก้วสารพัดนึก)ในสายตาและความนึกคิดของมวลหมู่มนุษย์ในโลกนี้..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:1:54:35 น.
4.(สิ่งงงๆสำหรับสังคมไทย).. สมัยหนึ่ง.. คำว่าเสียสัตย์เพื่อชาติจะถูกต่อต้านอย่างหนัก.. แต่ยุคปัจจุบัน..ทัศนะกลับเปลี่ยนแปลงไป.. บางคนบอกคนดีตายหมดแล้ว?.. อย่างเช่น.. เจ้าหน้าที่ดูแลป่าท่านหนึ่ง หรือคนขับแท็กซี่ท่านหนึ่ง หรือทนายที่หายตัวไปท่านหนึ่งในอดีตที่ผ่านมา.. เป็นต้น..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:2:11:15 น.
5.สมัยพุทธกาล(ตามพระวินัย)บอกว่า..ภิกษุห้ามค้างคืนอยู่ใกล้เขตทหารด้วยซ้ำไป.. แต่สมัยนี้..บางสำนักศาสนากลับบอกว่า..นักบวชยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้,ถึงขนาดสนับสนุนให้ลูกศิษย์คนสำคัญ(ซึ่งคลุกคลีอยู่ในสำนักนั้นๆอยู่เป็นประจำ)ให้ก่อตั้งและเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเลยด้วยซ้ำไป..(จึงเป็นการยากที่จะมองหาว่า.. จะมีใครที่เป็นคนดี,คนตรงที่บริสุทธิ์จริงๆ,เพื่อดึงให้มาช่วยเป็นผู้ตรวจสอบการคอร์รัปชั่นในสังคมไทยได้?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:2:27:32 น.
6.บางที..เราก็มองว่า.. เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยี่สื่อสารพิเศษ,และถ้าป้อนข้อมูลให้ระบบสื่อสารดีๆ.. บางทีระบบสื่อสารอาจทำงานได้ดีกว่า,เร็วกว่า,และถูกต้อง,ตรงไปตรงมา,ไม่มีอคติ(Bias)..กว่าการให้การตัดสินใจอยู่ที่ตัวบุคคลเสียอีก(หรือไม่?).. คือเราคิดแบบเรานะ.. ว่า.. เราน่าจะใช้ระบบสื่อสารมาทำงานแทนประธานที่ประชุมต่างๆ(เฉพาะองค์กรที่สำคัญๆ)..จะดีหรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:3:06:28 น.
7.ก่อนหน้านี้.. เราเคยสงสัยว่า.. แค่ตำแหน่งประธานที่ประชุม(ที่มีหน้าที่แค่ชี้ให้คนไหนลุกขึ้นพูดก่อนหลัง)เท่านั้น.. ทำไมจึงมีกลุ่มการเมืองหลายกลุ่มอยากได้ตำแหน่งนั้นมาเป็นของกลุ่มตนเอง.. แต่เมื่อเวลาผ่านไป.. เราจึงค่อยอ๋อ!.. ว่าเพราะตำแหน่งประธานที่ประชุมจะมีผลในการคัดหางเสือของสภาให้ไปในทิศทางที่กลุ่มการเมืองนั้นพึงประสงค์ได้อยู่พอสมควรเลยทีเดียว?..นั่นเอง..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:3:12:59 น.
8.ประชาธิปไตยที่"เยิ่นเย้อและระเบียบมาก"(ทำให้เสียเศรษฐกิจ,เสียเวลาของประเทศ,และเสียงบประมาณ,และหมดเงินไปกับ"กลไกของรัฐเพื่อการตรวจสอบ"อย่างมากมาย).. ทำให้"พวกฉลาดซิกแซ็กเก่ง"มี"ช่องทุจริตเพื่อพวกพ้อง"( ="ประโยชน์ทับซ้อน,ซับซ้อน").. ควรสร้าง"ระบบใหม่"( ="สภาประชาชน"),โดยให้ประชาชนมีสิทธิ์"ร่วมตัดสินใจ"ใน"ประเด็นที่สำคัญของประเทศ"(อาจใช้"ระบบซูม"ก็ได้).. แต่ต้องมี"ภาพตัวตนจริงที่เข้าร่วมประชุม"(ถ้าจำเป็นต้อง"จำกัดจำนวนคน",ให้ใช้"ระบบสุ่มจับฉลาก"โดยใช้"ระบบอัตโนมัติ"ทาง"โปรแกรมคอมฯ",เพื่อไม่ให้เกิดการ"จับกลุ่ม,หาพวก"มา"ล็อคโหวต"เพื่อ"ประโยชน์"แก่"บางกลุ่ม"ที่มีการ"จัดตั้งขึ้นมา"ด้วย"ระบบทุน"หรือ"ระบบอำนาจปกครองดั้งเดิม"ได้) และให้มีการโหวต"รับ?หรือไม่รับ?"เรื่องใดๆที่เป็น"ปัญหาสำคัญนั้นๆ".. เช่น.. ในเรื่องของ"การบริหาร,ด้านสังคม,ด้านตัดสินถูกผิด,การฮั้วประมูล,การล็อคสเป๊ค,การแต่งตั้งโยกย้าย,การอนุมัติงบต่างๆ,และการออกกฎหมาย,และกฎระเบียบ,กฎกระทรวงต่างๆ"ได้ทุกเรื่อง.. และมีผลทางกฎหมาย(หลังโหวตรับ,หรือโหวตให้ตกไป)ได้ทันที.. เช่นนี้เป็นต้น..(แต่ถ้าเป็นการประชุมสถานที่จริง,ให้จับฉลากผู้เข้าในห้องประชุมใหม่ทุกรอบ,โดยไม่ต้องมี"เบี้ยเลี้ยง"หรือ"เงินเดือนใดๆ",แต่ให้มีอาหารตามมื้อจัดให้ตามสมควร.. เช่นนี้เป็นต้น)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:4:00:20 น.
9.จริงๆถ้าจะบอกว่า..ชาวบ้านคนไทยนั้นไม่ฉลาด( =โง่)ก็คงไม่ใช่.. จริงๆเขาพร้อมที่จะฉลาดรู้เท่าทันคนโกงได้เสมอ.. ถ้าเพียงมีการอธิบายหลักคิดให้เขาฟังเพียงเล็กน้อย.. แต่สื่อมวลชนบ้านเรา(บางส่วนหรือส่วนมาก)ก็มีลักษณะของธุรกิจสื่อ(ที่บางเรื่องก็พูดไม่ได้)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:11:50:23 น.
10.ซึ่งสื่อบางส่วนบางทีก็ไม่ยอมพูดเพื่อเสริมปัญญาให้ชาวบ้านฉลาด.. เช่น.. อาจจะพูดหลักการว่า..ความผิดปกติในสังคมคืออย่างไร?.. เช่น.. 1.ถ้าผู้ซื้อ(หรือผู้ที่ทำโครงการซื้อต่างๆ)ยินดี(หรือไม่ทักท้วง,ไม่สืบราคาท้องตลาดเสียก่อน).. แล้วยินดีซื้อของในราคาที่แพง(เกินจริง)กว่าราคาในท้องตลาดแบบหลายเท่าจากราคาที่แท้จริง.. อย่างนี้(แม้ไม่ต้องรอใบเสร็จ)ก็น่าจะสามารถฟันธงได้ว่า..ต้องมีความไม่ชอบมาพากลแน่ๆ.. เช่นนี้เป็นต้น.. หรือ2.คุณเป็นเอกชน,และคุณยอมซื้ออสังหาริมทรัพย์กับบางบุคคลที่แพงจนผิดสังเกต..นี่ก็ถือเป็นเรื่องแปลกละ?.. หรือ3.คุณขายบางสิ่ง(เช่นขายหุ้น)แบบเงียบๆให้กับเครือญาติ?หรือคนสนิท?แบบราคาถูกๆ?จนผิดสังเกต?.. นี่ก็ต้องอนุมานว่า..น่าจะมีเรื่องที่ไม่ตรงไปตรงมาละ?.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:11:58:44 น.
11.ในประเทศไทย.. เรายังไม่เห็นใครที่จะถือว่าเป็นนักต่อสู้แบบจริงๆ.. ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักร้อง(เรียน)ท่านต่างๆก็ตาม.. เราว่าบางท่านก็อาจจะกำลังดูทิศทางลม?,ทะเลช่วงนี้มีคลื่นแรง,เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง(?)..ประมาณนั้น(หรือไม่?).. บางท่านเคยเป็นผู้ตรวจสอบความไม่ถูกต้อง,ภายหลังก็ไปมีตอบโต้กับบางด้อม,ทั้งๆที่จริงๆไม่ควรถือสาพวกเด็กๆที่มีแรงบันดาลใจที่จะทำเพื่อสังคม,ช่วงหลังเรตติ้งของท่านก็ดูจะไม่เหมือนเดิม.. ช่วงการต่อสู้ของกลุ่มพธม.,มีหลายท่านที่โดดเด่น.. เช่น.. คุณร.ที่ต่อสู้เรื่องน้ำมันแพงอย่างเผ็ดร้อน.. และดร.จ.ที่มาตะลุยเรื่องรู้ทันบางคน.. ทั้ง2ท่าน,และยังมีท่านอื่นอีกมากที่เป็นนักต่อสู้ในอดีต.. ก็ดูเหมือนจะเงียบๆไปซะมาก..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 19 กันยายน 2566 เวลา:12:33:01 น.
วันนี้(26-9-66).. เราได้ดูคลิปของช่องว.ทีวีที่ตัวแทนแอมเนสตี้เรียกร้องสิทธิประกันตัว.. เรามีความในใจดังนี้.. แม้รบ.ชุดนี้จะเข้ามาเป็นรบ.ด้วยการที่มีปชช.ทั้งส่วนที่ยอมรับและส่วนที่ไม่ยอมรับกระจายกันไปในกลุ่มต่างๆ.. แต่เพราะคนไทยทุกคนยังไงเสียก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยอยู่ดี.. ดังนั้น.. อยากขอเสนอต่อรบ.ชุดนี้ว่า.. ควรเปิดมิติใหม่(แนวคิดสร้างสรรค์ใหม่)ของรบ.พลเรือน(เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่อาจจะสามารถนั่งอยู่ในใจของปชช.ในอนาคตต่อไปได้).. โดยมีข้อชี้แนะว่า.. ถ้ารบ.ต้องการให้ปชช.ยอมรับเพิ่มขึ้น.. ก็ควรคิดใหม่..ทำใหม่ให้ต่างจากรบ.ในอดีตต่างๆ.. โดยที่ถ้ามีประชาชน(ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม)ออกมายื่นหนังสือเรียกร้องต่างๆ,ในแต่ละประเด็น.. ก็อยากบอกว่า..ถ้าไม่มีกิจธุระเร่งด่วนที่จำเป็นจริงๆ.. ก็อยากให้มีนโยบายให้หัวหน้าสูงสุดของแต่ละหน่วยงานควรออกมารับหนังสือเรียกร้อง,หรือร้องเรียนจากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของภาษี)โดยตรง..(โดยท่านไม่ต้องกลัวประชาชน,ไม่ต้องหนีหรือหลบประชาชน).. โดยไม่ต้องให้ตัวแทนออกมารับหนังสือแทน,เพื่อที่ท่านจะได้สัมผัสกับแววตาและความรู้สึกของประชาชนแต่ละกลุ่มโดยตรง..[และประชาชนที่มาชุมนุมเรียกร้องและรวมทั้งประชาชนทางบ้านที่ชมการLiveสด..ก็ยิ่งจะรู้สึกปลาบปลื้มในตัวท่านหัวหน้าหน่วยงาน(ที่ออกมารับหนังสือ)รวมทั้งรบ.ของท่านมากยิ่งขึ้นด้วย].. ซึ่งจะทำให้เกิดพลังแห่งมิตรไมตรีที่จะช่วยทำให้กลุ่มพลังต่างๆมีความรู้สึกในทางบวกต่อรบ.ชุดของท่านมากขึ้น.. และท่านอาจบริหารนโยบายต่างๆได้ง่ายขึ้น,สะดวกขึ้นด้วย.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.196 วันที่: 27 กันยายน 2566 เวลา:1:23:05 น.
คุณวราวิทย์เป็นพิธีกรข่าวที่ซักไซ้,ซักถามได้ค่อนข้างละเอียด,เจาะลึก,และซับซ้อนมากท่านหนึ่ง,เท่าที่เคยติดตามดูรายการของพิธีกรท่านนี้มานาน.. วันนี้เราดูท่านถามผู้ร่วมรายการท่านหนึ่งเกี่ยวกับคดีที่กำลังเข้มข้นในหน้าสื่อ(ขณะนี้).. ซึ่งเรามีเกร็ดข้อแบ่งปันความเห็นดังนี้.. ธรรมชาติหรือแง่จิตวิทยาของมนุษย์.. อาจจะมีคนบางส่วนในสังคมที่อาจไม่ได้สนใจ,สังเกตท่าทีของบุคคลต่างๆเวลาที่ถูกสื่อมวลชนถาม(จึงอาจไม่สามารถอ่านใจบุคคลต่างๆได้).. แต่มีคนจำนวนมาก(เพราะเหตุที่ต้องสัมพันธ์,คลุกคลีกับผู้คนใกล้ชิดในชีวิตประจำวันมาตลอดชีวิต).. จึงมักจะพออ่าน,จำแนกบุคคลต่างๆที่แสดงออกในการพูดคุยหรือให้สัมภาษณ์ได้ไม่ต่างจากเรา..เช่นกัน.. ซึ่งเราเอง,เวลาดูการให้สัมภาษณ์ต่างๆ,เราจะชอบสังเกตท่าทีบุคคล.. และเราประเมินส่วนตัวว่า.. กรณีข้างต้น,ผู้ร่วมรายการท่านนี้ดูค่อนข้างที่จะมีความบริสุทธิ์ใจและตรงไปตรงมาในการตอบคำถามสื่ออย่างมาก(ขออนุญาตวิเคราะห์เพื่อแบ่งปันความรู้กัน..เท่านั้นครับ).. ซึ่งดูว่ามีท่าทีที่นิ่ง,มีสายตาไมตรี,สื่อความจริงใจ,การพูดมีน้ำเสียงที่ราบรื่น,ไม่ติดขัดใดๆเลย.. ซึ่งส่วนตัว,เราจึงเชื่อว่าท่านผู้นี้บริสุทธิ์(หรือค่อนข้างบริสุทธิ์).. แต่อยากเปรียบเทียบกับผู้ที่ถูกผู้สื่อข่าวถามในคดีเกี่ยวกับวัตถุออกฤทธิ์บางชนิดที่เป็นข่าวเมื่อเร็วๆนี้.. จะเห็นว่าผู้อยู่ในคดีนี้(บางท่าน)แม้จะตอบสื่อได้เร็ว,ได้คล่องมาก(?).. แต่เรามองส่วนตัวว่า..ดูจะค่อนข้างคล่องแคล่ว,ในการใช้สมองเพื่อตอบคำถามอย่างมาก(เหมือนมีความชำนาญเชิงกลเม็ดหรือเทคนิคในการพบปะ,พูดคุย,สัมพันธ์กับบุคคลต่างๆมาก่อน).. ซึ่งเราจะให้คะแนน?ลดลงมาจากที่กล่าวถึงท่านแรกค่อนข้างมาก.. ส่วนอีกคดีที่มีเด็กเล็กถูกทิ้งจนเสียชีวิตที่ต่างจังหวัด,จังหวัดหนึ่งเมื่อราว3ปีก่อน.. ซึ่งเรามองว่าผู้ที่ถูกผู้สื่อข่าวถาม(บางท่าน)ดูจะมีท่าที,สายตา,การตอบผู้สื่อข่าวแบบ(ไม่สนิท),ที่คนดูหลายคน(ที่ช่างสังเกต),ก็จะพอมองออกว่า.. มีอะไรบางอย่างในใจ?,ในสมอง?ที่อาจเป็นคนละอย่างกับสิ่งที่สื่อสารกับผู้สื่อข่าวออกมา(?).. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.196 วันที่: 30 กันยายน 2566 เวลา:6:12:28 น.
วันนี้..ได้ดูรายการลุยชนข่าว,30-9-66ตอนนักมวยกตัญญูช็อกแม่ถูกจับ.. ต้องยอมรับว่า..สังคมนี้สีเทาๆและเหลื่อมล้ำจริงๆ.. บางคนดูยังแข็งแรงมาก,จากภาพที่เคยเห็นทางอินเตอร์เน็ต.. แต่ได้รับการดูแลอย่างดีในรพ.ของรัฐ(ด้วยข้ออ้างทางกฎหมายสารพัด).. แต่ผู้ต้องหาบัญชีม้าบางคนเป็นโรคหัวใจโต(คนที่บ้านเราก็เป็นโรคนี้และเสียชีวิตไปแล้ว,เมื่อ20ปีที่แล้ว,พ.ศ.2546),ซึ่ง"โรคหัวใจโต"นี้,เท่าที่ทราบ,เสี่ยงกับการเสียชีวิตเพราะหัวใจอาจเต้นผิดจังหวะได้ง่ายๆ,ถ้ามีเหตุกระทบกระเทือนจิตใจ,เพราะหัวใจจะทำงานหนักและเต้นถี่รัว,เร็วขึ้น.. แต่มีคำถามว่า.. ทำไมผู้ต้องหารายนี้จึงไม่ได้รับการดูแลให้ได้พักอยู่ในรพ.บ้าง?.. เราอยากให้ทุกคนในสังคมไทย(โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ๆของบ้านเมืองทั้งหลาย)ได้ตระหนักถึงคำว่า.. สังคมเรานี้,มีประเด็นเรื่องฝนตกไม่ทั่วฟ้านั้น..เป็นเรื่องจริง..จริงๆ.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.196 วันที่: 30 กันยายน 2566 เวลา:20:02:40 น.
วันนี้ได้ดูคลิปสุดยอดตำรวจ! ลุยจับหนุ่มขับมอไซค์ย้อนศร(2-10-66).. เยี่ยมมากๆ..
โดย: สมจิต IP: 124.122.15.47 วันที่: 2 ตุลาคม 2566 เวลา:15:54:26 น.
ขอกล่าวชื่นชมตำรวจยุคนี้(พร้อมเทคโนโลยี่กล้องจิ๋วติดตามตัว).. ภาพชัดเจนดีมาก,ขับรถมอไซค์ตามติดผู้ขับรถย้อนศรการจราจร.. ใครเห็นภาพคลิปนี้..น่าจะเข็ดกับการขับรถย้อนศรการจราจรกันไปอีกนานครับ..(ควรให้รางวัลยอดตำรวจกับนายตำรวจท่านนี้ด้วยนะครับ.)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.15.47 วันที่: 2 ตุลาคม 2566 เวลา:16:00:50 น.
เรานึกว่ากำลังชมการถ่ายทำหนังเสียอีก,ภาพต่อเนื่องไม่มีตัดต่อ,ทำให้นึกถึงเรื่องทอมกับเจอร์รี่.. เจ้าเจอร์รี่ก็แสนกล,เจอทอมเมื่อไหร่เป็นต้องวิ่งหลบ,จนทอมหัวหมุน.. แล้วเจอร์รี่ก็มักจะรอดตัวไปได้เสมอ.. แต่หนุ่มเจอร์รี่คนนี้ไปไม่รอดแฮะ!!!..
โดย: สมจิต IP: 124.122.15.47 วันที่: 2 ตุลาคม 2566 เวลา:16:06:15 น.
ได้ดูรายการลุยชนข่าว,5-10-66.. เรามีความเห็นและข้อเสนอแนะส่วนตัว.. 1.พิจารณาปรับปรุงหรือทบทวนการครอบครองอาวุธ,อย่าให้อิสระเกินไป.. 2.พ่อ,แม่,ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบ(ปรับโทษ)มากยิ่งขึ้น,เมื่อเด็กในปกครองมีการครอบครองอาวุธ(แม้ยังไม่ได้ใช้งาน),และใช้งานอาวุธบางชนิด.. 3.ปรับลดอายุผู้เริ่มรู้เดียงสาพอที่จะใช้งานอาวุธเพื่อทำร้ายผู้อื่นได้,โดยน่าจะต้องให้มีโทษตามสมควร,นับตั้งแต่12ปีขึ้นไปได้แล้ว,หรือไม่?(มิเช่นนั้น.. จะมีเหยื่ออีกกี่ราย?ที่อาจต้องประสบเหตุเช่นนี้อีก?ในอนาคต?).. 4.สถานที่ที่มีคนไปร่วมกัน(จำนวนมาก)เพื่อการพาณิชย์และสถานบริการต่างๆ(รวมทั้งสถานที่จัดคอนเสิร์ตและโรงภาพยนตร์)ควรจัดให้มีเครื่องตรวจโลหะในทุกๆช่องทางเข้า-ออก(ไม่มีข้อยกเว้น)..ดีหรือไม่?.. 5.พิจารณาเซ็นเซ่อร์เกมส์ที่มีเนื้อหาที่เน้นสร้างอารมณ์สนุก,ตื่นเต้น,เร้าใจ,รู้สึกเป็นฮีโร่?ในการได้โจมตีศัตรูหรือคู่ต่อสู้(แม้จะเป็นแค่ภาพการ์ตูนที่สร้างขึ้นจากจินตนาการเท่านั้น?..ก็ตาม).. ดีหรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:10:01:29 น.
คติ(ปรัชญา)ชีวิตวันนี้.. หยุดเน้นเรื่องการเพิ่มGDPให้มากๆ.. กลับสู่ทางเกวียนสายเก่า,อยู่ในครรลองของศีลธรรมของแต่ละศาสนา.. ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย,เน้นเศรษฐกิจพอดี,พอเพียง.. เน้นต้อนรับเฉพาะผู้ท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ(แบบคล้ายๆประเทศภูฏาน).. เช่น.. การท่องเที่ยวแบบทัศนะศึกษา,ชื่นชมธรรมชาติ,ป่า,เขา,น้ำตก(งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำให้ขาดสติ,สัมปชัญญะและขาดความยับยั้งชั่งใจ,ที่สนุกจนเกินควร,เกินพอดี).. เป็นต้น.. อย่างนี้ดีหรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:10:27:00 น.
(ปรัชญาป้องกันคอร์รัปชั่นเพิ่มเติม)..(คอมมิชชั่น=คอร์รัปชั่น?..หรือไม่?)..(สิ่งที่ผู้ใหญ่ๆในสังคมไม่ออกมาพูดให้ชัดๆ?).. สังคมเรามักมีการพูดกันว่า..แตะตรงไหน?..ก็มีเรื่องการทุจริตตรงนั้น(?).. เช่น.. การจัดซื้ออุปกรณ์บางอย่าง เป็นต้น.. ซึ่งมีการพูดกันทำนองว่า.. ถูกผู้ขายหลอกลวงมาอีกที?,โดยที่ผู้ลงนามต่างๆในหลายๆกรณีนั้นไม่มีเจตนาร่วมทุจริตด้วย?..ประมาณนั้น?.. โดยที่มีการดำเนินคดี,โดยระบุให้ผู้ขายต้องชดใช้เงินคืนแล้ว(?).. แต่จริงๆก็ยังต้องมีการบังคับคดี,ซึ่งอาจกินระยะเวลายาวนาน.. ซึ่งก็ไม่รู้จะได้เงินคืนมาหรือไม่?.. ที่สุดก็อาจต้องตามไปฟ้องร้องทางแพ่ง?กันอีก(?),ซึ่งเสียเวลามากมาย.. ข้อเสนอแนะ.. คือ.. ทางผู้ตรวจทุจริตขององค์กรใดๆก็ตาม,ควรต้องตามตรวจสอบ,ล้วงลึกไปถึงว่า.. แม้ทางผู้ขายจะสารภาพว่า..เป็นการหลอกลวงในเรื่องคุณสมบัติของสินค้านั้นๆไปแล้วก็ตาม.. แต่การจัดซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาสูงเกินจริงมากๆนั้น.. น่าจะมีผู้ดำเนินการจัดซื้อ(ในบางขั้นตอน)ที่(อาจ)ได้รับค่าคอมมิชชั่นต่างๆ?ด้วยหรือไม่?.. ไม่ควรคิดแค่คร่าวๆว่า..ผู้ขายได้ถูกตัดสินว่าผิดไปแล้ว?เท่านั้น?..ก็คือจบเรื่องนั้นๆ?กันไปเลยเท่านั้น?.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 6 ตุลาคม 2566 เวลา:12:29:26 น.
เดี๋ยวนี้เรามีสังคมโซเชี่ยล,โลกโซเชี่ยล.. ในโลกโซเชี่ยล,ใครพูดได้เสียงดังกว่า?(ดูน่าเชื่อถือกว่า?)ก็ดูจะมีอิทธิพลทางความคิด?ต่อคนในโลกโซเชี่ยล,และก็จะสะพัดแนวคิดเหล่านั้นไปสู่สังคมภายนอกไปเรื่อยๆ.. ได้ฟังอินฟลูเอ็นเซ่อร์โซเชี่ยลบางท่านพูดเสียงดัง,บอกอย่าไปโทษเกมส์(ทางออนไลน์)(ซึ่งเราไม่เห็นด้วย).. เกมส์ออนไลน์แม้ว่าไม่ใช่ว่าจะไม่ดีทั้งหมด.. ซึ่งเกมส์บางอย่างก็ช่วยส่งเสริมทักษะบางอย่าง.. เช่น.. การใช้สมองขบคิดแก้ปัญหา"และการฝึกทักษะขยับนิ้วมือ.. แต่เกมส์หลายอย่างก็ส่งเสริมการใช้อารมณ์?ที่ไปในทางรุนแรง,เอาชนะศัตรู?,ทำให้เกิดความก้าวร้าว,รุนแรง?สะสมในจิตใจและอารมณ์ไปเรื่อยๆ(รอวันปะทุ,ระเบิดออกมาในวันใดวันหนึ่ง).. จะพูดเชิงเทคนิคก็ได้เหมือนกัน.. คือไม่ต้องโทษเกมส์ก็ได้เหมือนกัน.. แต่ควรโทษผู้ที่อนุญาตให้มีเกมส์รุนแรง?แพร่สะพัดกันในโลกโซเชี่ยล?อย่างนี้ก็ได้เหมือนกัน?.. เหมือนกับว่า..อย่าไปโทษเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆว่า..เป็นเหตุแห่งความรุนแรง?และอาชญากรรมในสังคมต่างๆ?นั้นก็พูดได้เช่นกัน.. แต่ก็ควรโทษว่า.. ผู้ผลิต,ผู้จำหน่าย,ผู้นำเข้าในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นว่า.. ควรมีส่วนรับผิดชอบต่อเหยื่อที่ถูกผู้ที่ดื่ม(บางคน)แล้วไปสร้างความเสียหายให้กับสังคม?กันอย่างไรดี?.. จะพูดอย่างนี้ก็ได้เหมือนกัน?.. นั่นต่างหาก?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 6 ตุลาคม 2566 เวลา:13:54:21 น.
(ข้อคิด).. สังคมบางส่วนไม่ควรพูดว่า.. ไม่เกี่ยวกับเกมส์(?)หรืออย่าโทษเกมส์(?).. แต่ควรพูดว่า.. ปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่คาดคิด?นั้น.. เกมส์ที่เกี่ยวกับการต่อสู้,ใช้อาวุธตอบโต้กันนั้นก็มีส่วนด้วย(?).. และคงไม่ใช่แค่เหตุเกี่ยวกับเกมส์?แค่อย่างเดียว(?).. แต่ยังมีเหตุปัจจัยอื่นๆที่ประกอบกันจนก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว..ก็น่าจะมีส่วนด้วย.. เช่น.. 1.การควบคุมหรืออนุญาตให้มีอาวุธครอบครอง.. 2.วิธีการเลี้ยงดูจากพ่อ,แม่,ผู้ปกครอง(เลี้ยงด้วยจิตวิญญาณ?หรือเลี้ยงด้วยการปรนเปรอทรัพย์สิน,เงินทอง?).. 3.กฎหมายที่ควรต้องปรับปรุง,แก้ไข,กรณีอายุของผู้ก่ออาชญากรรมควรลดลงเหลือ12ปี,ก็ควรต้องให้รับโทษบ้าง,บางส่วน?..ดีหรือไม่?(โดยอาศัยอ้างอิงจากอายุช่วงราว12ปี,ก็สามารถมีฮอร์โมนทางเพศที่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้แล้ว,ซึ่งชี้ถึงสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ที่เต็มรูปแบบประมาณหนึ่งแล้ว?..หรือไม่?,จึงควรต้องรับผิดชอบกับการกระทำที่รุนแรง?ของตนเองบ้าง?,บางส่วน?..หรือไม่?.. ซี่งจะอ้างว่ายังไร้เดียงสา?ไปเสียทั้งหมด?..คงไม่ได้?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 6 ตุลาคม 2566 เวลา:15:15:19 น.
(A)ได้ดูคลิปวิเคราะห์ประเด็นการศึกษาไทยของสส.ท่านหนึ่ง(7-10-66)ที่ให้ความเห็นไว้ได้น่าฟัง.. ส่วนตัวเรา,มีความเห็นดังนี้.. 1.การรับน้องนั้นมีได้,แต่ต้องใช้หลักความเมตตาแบบพี่กับน้อง,ไม่ควรใช้ความกดดันเพื่อให้น้องต้องเกรงกลัวรุ่นพี่,เพราะไม่เป็นประโยชน์,และอาจเกิดเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด?ได้.. 2.กรณีน้องคนหนึ่ง,วัย15ที่ถูกระบบโรงเรียนกดดัน,ไม่ให้เรียนนั้น(ซึ่งที่จริงเด็กที่รักเรียน,ขวนขวายเพื่อจะเรียนก็ดีอยู่แล้ว,ควรได้รับการส่งเสริมมากกว่าที่จะไปปฏิเสธ,แอนตี้เขา?,เพราะแม้แต่เอดิสัน,นักวิทยาศาสตร์ใหญ่,ตอนเด็กก็คล้ายเคยทดลองบางอย่างจนทำให้ไฟไหม้บ้าน,และคล้ายเคยถูกกดดันจากระบบโรงเรียนมาก่อน..เช่นเดียวกัน)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 7 ตุลาคม 2566 เวลา:12:41:25 น.
(B)เรามองว่า.. ขณะนี้มีเหตุการณ์2อย่างที่เกี่ยวกับเด็ก,คนหนึ่ง14ขวบ,อีกคน15ขวบ.. กรณีเด็ก14ขวบ,หลายคนพยายามไม่โทษเด็กโดยตรง?,แต่อาจโทษเกมส์?บ้าง,โทษการปล่อยให้มีอาวุธกลาดเกลื่อนในสังคม?บ้าง,หรือโทษการได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไร?บ้าง.. แต่กรณีเด็กอายุ15ขวบซึ่งเป็นเพียงเด็กผู้หญิง,หลายคน,หลายกลุ่ม,หลายองค์กรกลับมุ่งที่จะไปโทษทางตัวเด็ก?โดยตรง,โดยไม่มอง(คิด)ด้วยความเมตตาว่า.. อาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่จูงความคิด?ไป?,และอาจเกิดจากการเลี้ยงดูได้ด้วยเช่นกัน(?)..หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 7 ตุลาคม 2566 เวลา:12:53:39 น.
(C)ทั้งๆที่กม.รธน.บัญญัติอย่างชัดเจนทำนองว่าเด็กทุกคนต้องได้รับการสนับสนุนในเรื่องการศึกษาอย่างเต็มที่.. แต่หลายกลุ่ม,หลายคณะกลับใช้มโนคติส่วนตัวที่จะผลักไส,กดดันให้เด็ก15ให้พ้นไปจากระบบรร.(เพราะเพียงกลัวเด็กจะทำให้รร.เสียชื่อเสียง?..เท่านั้น?),แม้กระทั่งมีผู้ใหญ่บางท่านที่ได้ทำคุณดี,มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างมากมาย.. เช่น..เรื่องการต่อต้านการฉ้อฉล,คอร์รัปชั่นต่างๆจนมีชื่อเสียงโดดเด่น(ที่สังคมยอมรับ),ก็ยังถึงกลับหลุดคำพูดประมาณว่า.. ถ้าเป็น.....จะ.....?ไปนั่นเลย,แต่เราอยากให้มองเด็กหญิง15ขวบคนนี้,อย่างผู้ใหญ่ที่เมตตาต่อเด็กมากกว่า,เพราะเด็กคนนี้อาจเป็นด้วยวัย,และการถูกเลี้ยงดู,เมื่อเขาผ่านวัยไปจนอายุมากขึ้นระดับหนึ่ง,เขาก็น่าจะปรับตัวได้เอง,เราไม่ควรใช้การตอบโต้เด็กคนหนึ่งด้วยแนวคิดแบบตาแทนตา..?แต่อย่างใดเลย?..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 7 ตุลาคม 2566 เวลา:13:08:24 น.
(D)เพราะไม่ว่าทั้งเด็ก14ขวบและเด็ก15ขวบก็ล้วนมีเหตุผล,ข้ออ้างที่ไม่ต่างกันนัก(?).. คือถูกกดดันด้วยระบบการศึกษา.. ทางเด็ก15ขวบอาจอ้างระบบหยุมหยิมมากมาย,ไม่เอื้อต่อผู้ที่เข้าเรียน?,ส่วนเด็ก14ขวบก็อ้างว่า..ตนรู้สึกเครียด?เพราะถูกกดดันด้วยระบบการต้องทำเกรดให้ดี?เพื่อให้ผ่านการศึกษา?,และ/หรือเพื่อให้ผู้ปกครองพึงพอใจ?..ประมาณนั้น?(หรือไม่?).. จึงมีคำถามว่า..กฎระเบียบบางอย่างของโรงเรียนเป็นเพียงกฎที่ตั้งกันขึ้นมาซึ่งย่อมเล็กกว่ากม.รธน.,เราจึงควรอะลุ่มอล่วย,และประนีประนอมกับเด็กหญิง15ขวบ(ในบางกรณี),เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กปรับตัว,ดีกว่าการตอบโต้,ต่อต้าน,ผลักไสเขา,ประหนึ่งว่า..เขาไม่ใช่สมาชิกคนหนึ่งของสังคม??.. ซึ่งวันหนึ่ง(ไม่แน่ว่า)อาจผลักไสให้เขาไม่มีทางออก?,จนอาจมีการกระทำบางอย่าง?ที่เกิดจากความเครียด?จากการถูกแรงกดดันจากสังคมจนอาจกระทำอะไรที่ไม่คาดคิด?ขึ้นมา(เหมือนกับเด็กบางคน?)อีกก็เป็นได้?,หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?.. ...ด้วยความปรารถนาดีและด้วยความเคารพทุกๆฝ่ายครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.116 วันที่: 7 ตุลาคม 2566 เวลา:13:31:36 น.
ขอให้..ให้เกียรติปชช... อย่ามองว่า.. ถ้าแจกเป็นเงินสดแล้ว.. ปชช.จะนำไปใช้จ่ายไม่เป็น?,หรือไม่ตรงตามวัตถุประสงค์?.. เพราะปชช.แต่ละคนย่อมจะมีความจำเป็นในการใช้เงินที่แตกต่างกันไป(?).. ถ้าเขาจะนำเงินไปใช้ในทางที่ไม่เป็นประโยชน์?ก็เป็นสิทธิ์,แล้วแต่ภูมิปัญญาของเขา.. การตั้งระบบนั่นนี่?,ซึ่งมีความซับซ้อนมากมาย?ย่อมเป็นช่องทางให้เสียค่าใช้จ่ายป่วยการ?เพิ่มขึ้น,ในการสร้างระบบพิเศษ?มารองรับ?,เพื่อป้องกันไม่ให้มีข้อผิดพลาดต่างๆ?ที่ไม่พึงประสงค์?เกิดขึ้นได้?.. ซึ่งประเทศเรามีเงินน้อย?อยู่แล้ว(?),อันไหนที่ประหยัดได้ก็ควรประหยัด?..ใช่หรือไม่?.. ใครๆก็ล้วนอยากได้เงินทั้งนั้น?,จึงไม่จำเป็นต้องไปถามว่าใครต้องการเงิน,ก็ขอให้ส่งเสียง?..ประมาณนั้น?.. แต่ต้องถามว่า..คนที่มีฐานะดีอยู่แล้วสมควรได้รับแจกเงินจำนวนนี้?..ด้วยหรือไม่?.. ดังนั้นถ้าจะแจก,ก็ควรแจกเฉพาะคนที่มีรายได้น้อย?จริงๆ?.. และควรแจกเป็นเงินสดให้ไปเลย.. อย่างนี้คนคัดค้านก็จะน้อยลง..แน่นอน.. และยังจะช่วยลดโอกาส,ลดช่องว่าง?ที่จะทำให้เกิดการคอร์รัปชั่น?ของเอกชนบางส่วน?ที่อาจจะกำลังเตรียมการ,เพื่อจะไปกินส่วนต่าง?จากปชช.ที่เดือดร้อน?และต้องการเงินสด?,เพื่อไปใช้จ่ายในความจำเป็นเฉพาะหน้า?ของเขา(?)..อีกด้วย.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 19 ตุลาคม 2566 เวลา:19:20:52 น.
วันนี้..(19-10-66).. เห็นบางรายการของบางช่องสื่อที่คล้ายจะได้รับการอุดหนุนจากอะไรที่ไม่ขอเอ่ยถึง?.. แล้วก็ดูจะมีความลำเอียง,อคติ?(ขออภัย..เป็นความเห็นส่วนตัวนะ),โดยนำเสนอข่าวแบบคล้ายคอยจับจ้อง,โจมตี,พูดแต่มุมลบ?ของบางกลุ่มการเมืองอย่างไร้จรรยา?ของความเป็นสื่อที่เป็นกลาง?..(ในกรณีที่วิเคราะห์ถึงนกม.บางท่านที่ได้ออกมาชี้แจงบางเรื่อง).. ทั้งๆที่เราก็เคยนิยมพิธีกรเล่า,วิเคราะห์,เจาะข่าวชายบางคนสมัยที่ต่อต้านระบอบท.และบางสำนัก?มาก่อน.. แต่วันนี้..อยากบอกว่า(เว้นแต่คุณจะทำงานสื่อแบบอาสาสมัคร100%,ไม่รับค่าจ้างใดๆ?เลย?..เท่านั้น?.. เมื่อนั้น..แล้วถ้าคุณจะพูดโจมตี?โดยเลือกเฉพาะกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่ง?นั้น.. จึงจะถือว่า..เป็นทัศนะส่วนตัวของคุณเอง?ที่พอรับได้บ้าง?).. แต่ถ้าคุณยังรับค่าจ้างการเป็นสื่อ?จากเจ้าของสื่อบางท่าน?ที่มีทัศนะเลือกข้างใดข้างหนึ่ง?,แล้วคุณก็มาเล่า,วิเคราะห์ข่าว,โดยเลือกข้างตามแนวทาง,ทัศนะของเจ้าของสื่อของคุณ?นั้น?.. ใครๆที่เขาพอมองออก,เขาก็ต้องมองว่า.. คุณไม่มีความเป็นกลาง,ที่น่าเชื่อถือ?ในการนำเสนอข่าวนั้นๆ?.. ซึ่งถ้าคุณสังเกตให้ดีๆ.. คุณจะพบว่า.. เรตติ้งของช่องสื่อของคุณ?นั้นจะลดลงไปเรื่อยๆ(?).. นี่คือการลงโทษของปชช.,โดยไม่มีใครเขาอยากไปต่อกรกับสื่อของคุณ?(?).. เพราะคุณควรรู้ว่า.. ไม่ว่ากลุ่มคณะใดๆ?ก็ล้วนไม่ได้มีแต่คนที่ดีเลิศล้วนๆ,ไม่มีข้อติเลย?,แม้แต่ซักกลุ่มเดียว?.. การจะตำหนิกลุ่มใด?ก็ต้องตำหนิกลุ่มอื่น?ไปด้วยให้มีน้ำหนักของจำนวนคอนเท้นต์ของข่าวให้เสมอภาคกันไปทั้งหมด(?).. อย่างนี้จึงจะไม่มีใครว่าคุณได้.. ...ด้วยความปรารถนาดีครับ.. เพื่อหวังว่า.. ในอนาคตถ้าช่องของคุณได้ปรับปรุงท่าที?.. เราเองอาจกลับมารู้สึกนิยมในตัวคุณอีกครั้ง?..ก็เป็นได้?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 19 ตุลาคม 2566 เวลา:21:30:11 น.
วันนี้(19-10-66).. เราได้ดูข่าวกรณีมีผู้ที่สักลายหนุมานที่แผ่นหลัง,แล้วมีอาการคลุ้มคลั่ง?ที่เรียกว่าของขึ้น?,จนสุดท้ายจึงควงดาบคู่เข้าหาตำรวจ,จนที่สุดถูกวิสามัญฯจนเสียชีวิต(?).. เราอยากเสนออุทาหรณ์สำหรับสังคมไทยเมืองพุทธดังนี้ครับ.. สังคมไทยนี้ยาก.. คงใกล้กลียุคแล้วมั้ง?.. จะหวังหาผู้ใหญ่ๆของสังคมที่ให้คำแนะนำดีๆก็หาได้น้อยเต็มที.. ที่ท่านเป็นพระที่น่าเคารพก็ดูจะพูดหรือเทศน์สั่งสอนปชช.น้อยลงทุกที.. นักบวชสีกรักบางสำนักเดิมก็สอนหลักธรรมะที่ดูมีเหตุผล,แต่ตอนหลังมัวไปวุ่นวนกับเรื่องการเมืองเลือกข้าง,จนถึงกับจัดตั้งกลุ่มการเมือง,โดยให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดไปเป็นหัวหน้ากลุ่มการเมือง,คนบางส่วนก็เลยเสื่อมความนับถือไปเยอะ..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 19 ตุลาคม 2566 เวลา:23:39:23 น.
บางสำนักดังกล่าว,เราเคยคลุกคลีใกล้ชิด,หัวหน้าสำนักเคยสอนประมาณว่า.. เรื่องการมีองค์หรือการทรงเจ้านั้น,จริงๆเป็นเรื่องที่เหมือนอุปาทานจิต?ของตัวผู้ที่ทำพิธีเข้าทรง?หรือรับองค์ต่างๆ?มาเอง?,ไม่ใช่เรื่องจริง?..ประมาณนั้น(?).. เพราะอย่าง..การทรงเห้งเจียก็ทรงได้,หรือการมีการครอบครูหนุมานหรือสักหนุมานประมาณนี้,ก็เหมือนมีวิญญาณหนุมานเข้ามาครอบจิตที่เรียกว่าของขึ้น?..ประมาณนั้น?.. ทั้งๆที่หนุมานหรือเห้งเจียก็เป็นแค่นวนิยายที่นักเขียนในอดีตเป็นผู้แต่งบท,แต่งเรื่องราวตามจินตนาการของตนเองให้อ่านสนุกๆ..ขึ้นมาเท่านั้น(?).. จะมีวิญญาณจริงๆ?ได้อย่างไร?.. ซึ่งเราก็เห็นด้วยกับท่านหัวหน้าสำนักดังกล่าวที่ท่านเคยพูดสอนไว้นะ..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 19 ตุลาคม 2566 เวลา:23:54:27 น.
แต่สังคมไทยอ้างว่าเป็นผู้นับถือพุทธ?.. แต่ทำไม?พระทั้งหลาย(บางส่วน)จึงไม่สอนให้พุทธศาสนิก(บางส่วน)หยุดงมงายในเรื่องครอบหนุมาน?,หรือการสักยันต์?.. เช่น.. สักหนุมานหรือสักอื่นๆ?ต่างๆ,ซึ่งล้วนเป็นการสร้างอุปาทาน?ให้กับจิตของผู้รับการสักเอง(?).. แล้วพอวันดีคืนร้าย,ก็มีการคลุ้มคลั่ง?ที่เรียกว่าของขึ้น?มีให้เห็นเป็นปรากฏการณ์?เกิดขึ้นกับผู้มีภาพสักลาย?(บางคน)หรือผู้รับการครอบครู?(บางส่วน)ในองค์ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ?ให้เห็นกันอยู่เสมอ?.. ซึ่งทำให้เกิดการตื่นตระหนก,ตกใจ?,ไม่เกิดผลดีใดๆ?กับสังคมไทย?เลย(?).. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 20 ตุลาคม 2566 เวลา:0:07:29 น.
โดยที่แม้แต่พระบางองค์ก็ยังอุตส่าห์สักลายต่างๆให้กับลูกศิษย์อีกด้วย(?),และอาจารย์และพระ(บางส่วน)ที่สักยันต์,สักลาย?(ให้ลูกศิษย์)ก็มักอ้างแบบข้างๆคูๆ?(เชิงใช้หลักจิตวิทยา,เพื่อหวังยับยั้ง,ไม่ให้ลูกศิษย์เกิดอาการของขึ้น?,แล้วไปทำในสิ่งที่ไม่เหมาะควร?).. โดยมักพูดกำกับแก่ลูกศิษย์ประมาณว่า..ถ้าจะให้ศักด์สิทธิ์แก่ตัว?,ก็คือตัวผู้มีลายสักต่างๆ?จะต้องครองตนอยู่ในศีลธรรมด้วย..[เพราะจริงๆ..เมื่อผู้ใด?ได้ประคองตนอยู่ในศีลธรรม,ความดี,ก็น่าจะมีสิ่งคุ้มครอง?อยู่ในตัวเอง,โดยไม่จำเป็นต้องมีภาพสักยันต์ต่างๆ?(ในตัวเอง)ก็ได้,อยู่แล้ว?..ใช่หรือไม่?]..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 20 ตุลาคม 2566 เวลา:0:28:20 น.
แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร?.. ในเมื่อบางครั้ง..บางคนก็เกิดของขึ้น?ขึ้นมาอย่าง"ไม่มีปี่,ไม่มีขลุ่ย",อันเนื่องจากพลังของอุปาทาน?ที่อยู่ในจิตใต้สำนึก?ที่ทุกคนล้วนมีอัตตาฝังแน่น?ที่อยากเป็นคนที่เก่งกาจ?,ที่มีอิทธิฤทธิ์เหนือกว่าคนอื่นๆ?กันแทบทั้งนั้น?.. การสักลาย?หรือการครอบองค์ต่างๆ?ก็จึงน่าจะเท่ากับเป็นการไปหนุน(เพิ่ม)พลังยึดมั่น,ถือมั่น?ในอัตตา,ตัวตน?ให้มีกำลังที่รุนแรง?ยิ่งขึ้นด้วย?..ใช่หรือไม่?.. เราจึงอยากเสนอว่า.. ประเทศไทยเมืองพุทธควรออกกฎหมายห้ามการสักลายตามตัว?(เฉพาะที่มุ่งหมายเพื่อให้รู้สึกว่าศักดิ์สิทธิ์?)ทุกชนิด,เพื่อป้องกันอัตตาฟู?ที่อาจเกิดขึ้นได้?กับผู้ที่รับการสักลาย?(บางคน)ไปเลย(?)..จะดีหรือไม่?.. เพราะการสักลาย?หรือการครอบครูต่างๆ?,จริงๆแล้ว..ไม่ใช่สาระของพุทธศาสนาแต่อย่างใดเลย(?).. แต่บรรดาอาจารย์ต่างๆมักอาศัยแอบอิงประหนึ่งว่า.. ต้องการนำเข้าให้มาเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนา?ไปด้วย?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 20 ตุลาคม 2566 เวลา:0:48:04 น.
ดูข่าวน้องพ.ที่เป็นเหยื่อแก๊งหลอกลวง?,ซื้อมือถือแล้วไม่ได้ของ.. ทำให้รู้สึกสลดใจมาก..โดยที่แก๊งค์หลอกลวงออนไลน์?อาศัยความอยากได้ตามยุคสมัยของเด็กวัยรุ่น?เป็นช่องทางหารายได้โดยทุจริต?ให้แก่ตนเอง??.. โดยไม่นึกถึงความเสียหาย?และความเจ็บช้ำ?ของเหยื่อและครอบครัวที่จะตามมา(?).. จึงอยากขอเสียงประชาชนว่า.. กรณีเช่นนี้.. อยากขอให้เพิ่มโทษ?สำหรับผู้รับผลประโยชน์คนต้นๆ?.. เช่น.. เจ้าของเพจโปรแกรมล่อลวงเช่นนี้?,รวมทั้งผู้ควบคุมทีม?และผู้ดูแลโปรแกรมเทคนิคหลอกเหยื่อ?(เหล่านี้)ด้วย.. ว่า..ควรให้ต้องรับโทษถึงประหารชีวิต?(และควรออกข่าวในการประหาร?ให้เห็นในที่สาธารณะ?..(เนื่องจากมีคติทางศาสนาของบางศาสนามีข้อกำหนดทำนองว่า..ชีวิตหนึ่งที่ถูกกระทำให้ตาย,ก็ควรต้องชดใช้ด้วยชีวิตของผู้ที่กระทำให้ตายนั้นด้วย?..ประมาณนั้น?,ก็คือควรต้องให้ตายตกไปตามกัน?ตามคติโบราณ?เช่นเดียวกัน?,เพื่อไม่ให้มีใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง?.. จนทำให้สังคมต้องตามแก้ไขปัญหา?กันแบบไม่รู้จักจบ?).. อย่างนี้..เราเชื่อว่าถ้าทำได้(เหมือนกรณียิงเป้าผู้วางเพลิง?ในยุคสมัยหนึ่ง..เป็นต้น)นั้น.. น่าจะทำให้กรณีหลอกลวงคน?แบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ?ด้วยวีธีซับซ้อน?ที่เหยื่อบางส่วนมักตามเทคโนโลยี่สมัยใหม่?ไม่ทัน(?).. ก็จะได้ถูกขจัดให้บรรเทา,เบาบางลง?ในเวลาอันไม่นาน?.. อย่างนี้จะดีหรือไม่?.. ขอปรึกษาสังคมครับ?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 20 ตุลาคม 2566 เวลา:11:02:42 น.
(ข้อเสนอแนะอุทาหรณ์น้องพ.).. ขอเสนอแนวคิดดังนี้.. 1.ยกเลิกการขายของระบบออนไลน์ผ่านระบบออนไลน์ดังๆ(ที่รัฐควบคุมกำกับไม่ได้)ทั้งหมด.. 2.จะขายของออนไลน์ได้,จะต้องจดทะเบียนการค้ากับกระทรวงพาณิชย์,ซึ่งต้องมีการตรวจสอบกิจการและทรัพย์สินของบริษัทและปริมาณสินค้าต่างๆเป็นระยะๆ..(คือ..ถ้ายังไม่จดทะเบียนเลิกกิจการอย่างเป็นทางการ,จะต้องห้ามการโอนย้าย,ถ่ายเททรัพย์สินที่เป็นสิ่งการันตีกิจการโดยเด็ดขาด.. และถ้ามีการละเลย,หละหลวม,สะเพร่า?แล้วปล่อยให้มีการโอนย้าย,ถ่ายเททรัพยฺสินต่างๆของกิจการ,ก็ให้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลส่วนนั้นจะต้องมีส่วนรับผิดชอบและชดใช้ค่าเสียหายแทนหรือร่วมชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดกับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายต่างๆนั้น..ร่วมด้วย)..ประมาณนี้ครับ.. 3.และให้มีเงินทุนจดทะเบียนในจำนวนที่น่าเชื่อถือและให้อยู่ในกำกับของทางหน่วยงานของรัฐบาล(เช่น..อย่างระบบของลา....และช็อป.... เป็นต้น.. อย่างนี้..จึงจะอนุญาตให้สามารถขายสินค้าออนไลน์ได้..เท่านั้น).. เพราะเดี๋ยวนี้การขายสินค้าออนไลน์,แบบที่แต่ละคนขายได้โดยอิสระ,และทางรัฐบาลก็ไม่สามารถเรียกเก็บภาษีได้อย่างถี่ถ้วนด้วยนั้น,ก็มีสถิติการล่อลวงเหยื่อเป็นจำนวนมากที่อยากได้ของถูก(หรือแม้จะแพงก็ตาม,ที่มีลักษณะให้ผ่อนชำระได้,และมีการวางเงินดาวน์ก่อน,ดังที่เป็นข่าว)..ที่เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกจนเกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.23 วันที่: 21 ตุลาคม 2566 เวลา:20:10:03 น.
มีสื่อบางช่อง..ซึ่งเรามองว่ายังเป็นสื่อที่ยังไม่แท้?,เป็นลักษณะสื่อเลือกข้าง?.. มีพิธีกรบางคน(สมัยที่วิเคราะห์เรื่องระบอบท.และเรื่องสำนักวัดหนึ่งเราก็เคยนิยมนะ..มองว่าเขาวิเคราะห์ได้ละเอียดดี,แต่เดี๋ยวนี้ไม่นิยมแล้ว,เพราะดันแสดงออกว่าเลือกข้างบางฝ่าย(?)..(เราสังเกตดูพวกสื่อเลือกข้าง?นับวันจะเรตติ้งคนดูตกลงไปเรื่อยๆ.. เพราะประชาชนเขาไม่โง่แล้ว?,เขาดูแต่หัวข้อเรื่องทางออนไลน์เขาก็อึดอัดแล้ว,ไม่อยากเปิดดูเลย,เพราะไม่อยากให้สื่อที่เลือกข้าง?ได้เรตติ้ง?,เพราะเดี๋ยวจะยิ่งหลงตัวเ?ว่ายังมีคนเขาชมรายการของตัวเอง?อีกมาก?..ประมาณนั้น?.. ไม่รู้ว่าจะไปนำเสนออะไร?,ที่อดีตผู้นำสังคมบางท่านไปเที่ยว,และบางกลุ่มการเมืองที่เขาไปเลี้ยงฉลองกัน,แล้วก็นำมาเปรียบเทียบกันให้เป็นประเด็น?.. จริงๆถ้าว่ากันตามจริง,ผู้นำหรืออดีตผู้นำก็ควรใช้ชีวิตแบบสมถะทุกคน(คล้ายๆคานธีนั่นน่ะ..จึงจะเหมาะ),ควรเป็นตัวอย่างแก่ประชาชนที่ประเทศยังอยู่ในภาวะยากจน.. ถ้าไม่มีอุดมการณ์สมถะ,แล้วจะอาสามารับใช้ประชาชนได้อย่างไร?.. เราอยากจะท้าทายว่า?.. เชื่อมั้ย?.. ต่อให้คุณออกกฎหมายหรือระเบียบให้ผู้ที่เล่นการเมือง(ที่มีตำแหน่งต่างๆ)โดยไม่ต้องมีเงินเดือนเลย(?)(อาจมีให้เบี้ยเลี้ยงตามสมควร,เฉพาะในวันที่มีการทำงานจริง?เท่านั้น).. เราก็ยังเชื่อว่าจะมีผู้อาสาที่อยากเข้ามารับใช้ประชาชนแบบไม่มีเงินเดือนอยู่อีกอย่างมากมาย..เช่นเดิมนั่นแหละ(?).. เพราะบางคนก็ถือเป็นเกียรติยศ,ชื่อเสียงต่อครอบครัวตนเองในการได้มีตำแหน่งสำคัญๆที่เข้ามารับใช้บ้านเมือง..นั่นไงล่ะ?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.23 วันที่: 27 ตุลาคม 2566 เวลา:11:46:41 น.
พิธีกรชายบางช่องสมัยอดีต.. เคยพูดแฉเรื่องการทุจริตต่างๆ?ในสมัยอดีตระบอบท.?.. เช่น..,การจำนำผลผลิตการเกษตร?,การฉ้อฉลเงินบริจาค?ของสำนักวัดบางวัด?(ซึ่งเป็นวัดดัง?).. เป็นต้น..นั้น..เราก็ว่าทำได้ดี,ทำถูกต้องนะ.. แต่มาภายหลัง.. หลังจากบางอดีตผู้นำ?(บางท่าน)ไปพูดให้คำชื่นชมต่างๆ?..ก็เลยดูเหมิอนชักเพี้ยน?.. มักนำเสนอแต่ข่าวโจมตี?เฉพาะบางกลุ่มการเมือง?ที่เขาเป็นพวกหัวก้าวหน้า,หัวริเริ่มทำเรื่องใหม่ๆ?หน่อย?.. จริงๆตามหลักการนั้น.. ไม่มีกลุ่มการเมิองใด?ที่จะมีแต่คนดีเลิศ,ประเสริฐศรี?ที่ไร้ข้อตำหนิใดๆ?เลยหรอกคุณ?.. แม้แต่อดีตราชาบางองค์ของไทย,ก็ยังเคยมีดำรัสประมาณว่า..สังคมเรามีทั้งคนดีและไม่ดี,ไม่มีใครที่จะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีทั้งหมดได้..ประมาณนี้..นั่นไง(?).. แต่คุณสื่อบางคน?ก็คอยไปจ้องเอาเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ,สัพเพเหระ?(ที่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญใหญ่โต?อะไร?)ของบางกลุ่มการเมือง?ที่เขากำลังได้รับความนิยม?จากคนรุ่นใหม่?(ประมาณว่าคอยเตะสกัดขา?ว่างั้นเถอะ?..หรือไม่?)มามุ่งโจมตีอย่างเอาจริงเอาจัง?เหลือเกิน(?).. ทั้งๆที่กลุ่มการเมืองดังว่านี้?เขายังไม่เคยได้บริหารงานสังคม?ในฐานะเป็นผู้ดูแลสังคมตัวเต็ม?สักครั้งเดียวเลย(?)..(มันแฟร์มั้ยครับ?).. แบบการพูดเชิงกระแนะฯ?,ค่อนขอด?,แสร้งว่ามุมนั้น,มุมนี้?กับอดีตหัวหน้ากลุ่มการเมืองบางกลุ่ม?..(เช่น..ในเรื่องภาษา?บ้าง?,เรื่องเล็กๆน้อยๆอื่นๆ?บ้าง?.. เป็นต้น).. ดูไปแล้วเหมือนบุคลิกของบางเพศภาวะ?ก็ไม่ปาน(?)?.. ทำให้เรารู้สึกว่า..พิธีกรชายบางช่องนี้?เสื่อมความน่านิยมไปเยอะนะ(?).. เราอยากแนะว่า.. พิธีกรบางท่านนี้?ไต่เต้ามาจากงานในส่วนภูมิภาค?,เรามองว่า..ต่อให้คุณพยายามที่จะโดดเด่น?อย่างไร?..ก็คงโด่งดังให้เท่ากับคนที่มีพื้นเพในส่วนกลาง?เขาไม่ได้หรอกครับ?.. ...ด้วยความปรารถนาดีครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.23 วันที่: 27 ตุลาคม 2566 เวลา:13:20:48 น.
เราแก้ปัญหากันไม่ถูกจุด?(หรือไม่?)แบบที่ไม่กล้าพูดความจริงกัน(?).. เหมือนอย่างคุณเคยซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในราคาซองละ6บาท,แล้วต่อมาก็มาเพิ่มเป็นซองละ7บาท,ทั้งๆที่ปริมาณและคุณภาพเท่าเดิม,อย่างนี้แหละก็จะเรียกว่าเงินเฟ้อขึ้นมา1บาททั้งๆที่ได้สินค้าเท่าเดิม,แต่ต้องจ่ายเงินมากขึ้น..อย่างนี้เป็นต้น.. แต่แทนที่คุณจะไปเพิ่มค่าแรงให้เป็นไปตามที่คุณได้หาเสียงไว้..(เมื่อบริษัทที่จ้างแรงงานสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว,เขาก็จะทยอยปิดโรงงานไป,คนงานก็จะทยอยตกงาน,ก็จะเป็นภาระต่อรัฐบาลอีกเช่นเดิม),ซึ่งเรียกว่าเป็นระบบงูกินหางไปเรื่อยๆ.. คือเมื่อมีข่าวว่าจะมีการเพิ่มค่าแรง,พวกราคาสินค้าก็จะรู้สัญญาณ,และก็จะทยอยพากันขึ้นราคากันไปล่วงหน้าก่อนด้วยซ้ำไป(ตามสัญชาตญาณของพ่อค้า,แม่ค้าทุกๆระดับ),ดังเช่นที่เป็นๆมา..จริงหรือไม่?..ใช่หรือไม่?..(และชาวบ้าน,เกษตรกร,อาชีพอิสระต่างๆ?ที่ไม่ได้อยู่ในภาคผู้ใช้แรงงานก็จะพลอยแบกรับความเดือดร้อน?จากภาวะเงินเฟ้อ,ข้าวของขึ้นราคาตามไปด้วยแบบองค์รวมทั้งประเทศไปด้วย?..ใช่หรือไม่?).. อย่างนี้ก็จะต้องแก้ปัญหากันแบบไม่รู้จบสิ้น??.. แต่ทำไมไม่ลองคิดกลับทางกัน(คิดแบบย้อนศร?).. โดยขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าต่างๆที่จำเป็นให้ช่วยลดค่าครองชีพของปชช.,โดยการพยายามค่อยๆลดราคาสินค้าลง(จะด้วยกลไกวีธีการผลิตใดๆที่จะทำให้ลดต้นทุนลงได้บ้าง..ก็ตาม).. ดังนั้น..เมื่อสินค้าที่สำคัญต่อการครองชีพทยอยลดราคาลง.. ก็จะทำให้เงินเดือน,หรือเงินรายวันที่แรงงานได้รับก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ(?)..ใช่หรือไม่?.. ซึ่งก็เท่ากับเป็นการช่วยเหลือประชาชนได้เช่นเดียวกัน.. ใช่หรือไม่?.. และเมื่อราคาสินค้าถูกลง,ชาวต่างประเทศเมื่อเขาทราบข่าว,เขาก็จะพากันหลั่งไหลมาเที่ยว,มาใช้จ่ายเงินในประเทศ(เพราะมองว่า..เมื่อข้าวของในไทยมีราคาถูกลง,ทำให้มูลค่าเงินต่างประเทศของพวกเขาก็มีราคามากขึ้นอีก).. ซึ่งก็จะพลอยทำให้บรรดาแม่ค้าต่างๆและประชากรตามภูมิภาคต่างๆโดยทั่วไป(โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ)ก็จะพลอยมีรายได้เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นลูกโซ่เป็นทอดๆ..เช่นเดียวกัน..ใช่หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.23 วันที่: 27 ตุลาคม 2566 เวลา:21:40:28 น.
วันนี้(27-10-66)ได้ชมข่าวป้าดีเจถูกเทปปิดปาก,จมูกจนเสียชีวิตและนำศพทิ้งข้างทาง.. แต่พิธีกรเล่าข่าว(บางช่อง)ไม่ได้เจาะข่าวถามตามต่อว่า..รถของคุณป้า(ที่ถอดทะเบียนออก),แล้วถูกนำไปขายให้เต็นท์รถนั้น,เต็นท์รถจะมีความผิดฐานรับซื้อของโจร?ด้วยหรือไม่?.. เพราะผู้ชมก็อยากทราบเรื่องให้ถึงที่สุด,ว่าเป็นเต็นท์รถชื่ออะไร?,รับซื้อมาได้อย่างไรทั้งๆที่ไม่มีสมุดคู่มือทะเบียนรถและป้ายทะเบียนรถ(มีพิรุธหรือไม่?..ในฐานะเป็นผู้รับซื้อรถในกรณีเช่นนี้).. ทำไมจึงยังรับซื้อรถที่ไม่มีหลักฐานใดๆ?ได้?,และซื้อมาราคาเท่าไหร่?,อันควรรู้ว่า..น่าจะเป็นรถที่ไม่ชอบมาพากล?หรือไม่?,เมื่อไม่มีทะเบียนรถจะต้องนำมาจัดการอย่างไรต่อ?,เพื่อขายต่อให้ลูกค้าต่อไป,และควรมีการตรวจสอบ(ทำความสะอาด,ปรับปรุงระเบียบการรับซื้อรถ)ในการรับซื้อรถแบบมีพิรุธ?ของเต๊นท์รถต่างๆ?"ครั้งใหญ่?..หรือไม่?.. เพราะคนที่อยู่ใกล้บ้านเรา,ก็เป็นพนักงานเต็นท์รถ,บางครั้งก็เคยเห็นขับรถบางคันมาจอดที่หน้าบ้านเราทิ้งไว้ระยะหนึ่ง,โดยไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนด้วยเช่นกัน(?).. จึงคิดว่า..น่าจะไม่ได้มีแค่เต็นท์ในข่าวนี้เท่านั้น,ที่มีพฤติกรรมที่แปลกๆ?ดังกล่าว....?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.23 วันที่: 28 ตุลาคม 2566 เวลา:5:45:21 น.
วันสองวันนี้..จะมีการสรุปถูก-ผิดของเรื่องดังบางเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ2-3ปีก่อน..แล้วนะ.. เรามีความเห็นส่วนตัวดังนี้.. "สังคมเรา"มีตำนานของหลวงศรีขี้จุ๊หรือบักเซียงเหมี่ยง(ของตำนานลาว),จึงทำให้สังคมไทยมักมีคติส่วนบุคคล(บางคน)กัน..ประมาณว่า..รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดเดี่ยว(?)ประมาณนั้น.. ทั้งๆที่บอกว่าเราเป็นสังคมเมืองพุทธ(?).. แล้วแทนที่จะนำเอาหลักพุทธศาสนามาอยู่ในใจ,ถ้ารู้ว่าตนทำผิด(?),สังคม(หรือผู้ใหญ่ๆในสังคม)ก็ควรส่งเสริมให้มีการรับสารภาพ(?)กันให้มากๆ,และควรยกย่อง,เชิดชู,ให้เกียรติ?ว่า.. คนที่ทำผิด(?)แล้วกล้ารับสารภาพ(?)คือคนที่ยังมีเชื้อแห่งความดี,เป็นลูกผู้ชายจริง(?)หรือเป็นลูกผู้หญิงแท้(?)อะไรก็ว่ากันไป.. อย่างนี้จึงจะทำให้สังคมเกิดการพัฒนา,ไม่ซับซ้อน,ไม่ซ่อนเงื่อน,ไม่สิ้นเปลืองเวลา,และค่าใช้จ่ายต่างๆจากการต้องไปวิ่งเต้น?ในเรื่องที่เป็นความกัน?..ใช่หรือไม่?.. ซึ่งอาจทำให้บางอาชีพ?ที่เกี่ยวกับการเป็นเรื่องเป็นราวกัน?มีเงินทองไหลมาเทมา?เป็นจำนวนมาก?,ซึ่งเป็นการไปส่งเสริมให้บางอาชีพ?ร่ำรวยโดยใช่เหตุ?.. ใช่หรือไม่?.. ถ้าอย่างดูตำนานท่านป.?(ของจีน),จะเห็นว่า..จะพยายามทำทุกวิธี(?)เพื่อจะตะล่อม,จูงใจ?ให้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพให้จงได้(คือแค่สัมผัส,สบสายตา?,ระดับท่านป.ก็พอจะรู้แล้วว่าใครผิด?-ใครถูก?).. นั้นจึงจะทำให้คลายสงสัยสำหรับประชาชนได้.. แต่สังคมเรามักมีคำพูดจากนักกม.?(บางคน,บางท่าน)บอกกับผู้มาปรึกษาว่า..ทุกอย่าง?ขึ้นกับหลักฐาน?,ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจน?ก็มีโอกาสรอด?จากการต้องเป็นผู้ผิด?(?).. อย่างนี้..จึงทำให้สังคมถูกกล่อม?ด้วยตำนานหลวงศรีฯประมาณว่า.. แม้ผิด(?),แต่ถ้าเราไม่ยอมรับสารภาพ?,และไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน?.ก็มีสิทธิ์รอดได้?..ประมาณนั้น.. ซึ่งน่าจะมิใช่วิถีของคนเมืองพุทธ?เลยนะ?(สู้วัฒนธรรมของชาวเกาหลีและญี่ปุ่นที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับผิดโดยดีของเขาไม่ได้?..นะจ๊ะ)..เราว่า.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:14:52:42 น.
กรณีเด็ก3ขวบ-น้องช.ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง.. เรามีความเห็นส่วนตัวดังนี้.. ควรให้มีคล้ายๆคณะลูกขุนร่วมกันพิจารณาประเด็นแรกก่อนเป็นเบื้องต้น.. โดยให้ชัดเจนว่าน้องช.สามารถเดินขึ้นเขาไปเอง?ได้หรือไม่?,แล้วอาจเสียชีวิตเอง?โดยไม่มีใครทำร้าย?ได้หรือไม่?.. ซึ่งถ้ามองว่า..อาจเดินขึ้นไปเองก็ได้.. แต่เหตุผลอื่นล่ะ.. เช่น.. การที่เด็กจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองด้วยตัวเองจะเป็นไปได้หรือไม่?.. แล้วกรณีที่มีการตัดเส้นผมล่ะ,เด็กจะมีกรรไกรไปด้วยหรือ?,และเด็กจะสามารถตัดเส้นผมตัวเองได้หรือ?.. และอาจมีเหตุผลประกอบอื่นๆอีก.. แต่ถ้าชัดเจนว่า..เด็กไม่สามารถทำหลายอย่างเองได้ตามภาพที่ปรากฏ(เมื่อพบศพ).. ก็แสดงว่า..ต้องมีผู้นำเด็กขึ้นไปวางไว้แน่ๆ(?).. ก็น่าจะสรุปว่า..ผู้ที่นำตัวน้องช.ขึ้นไปวางไว้บนภูเขา?นั่นล่ะ,ที่จะต้องเป็นผู้มีส่วนต้องรับผิด?แน่ๆ(?)..ใช่หรือไม่?.. ถ้าเป็นเรา..เราจะขอสรุปเบื้องต้นแบบนี้นะ.. และน่าจะใช้หลักจิตวิทยา,หลักเมตตาธรรมในการขอร้องให้ผู้ที่มีส่วนในการตาย(จะโดยตั้งใจ?หรือไม่ตั้งใจ?ก็ตาม)ขอให้ช่วยสารภาพเถอะ,เพื่อไม่ให้เรื่องนี้(ซี่งอาจต้องต่อสู้กันถึง3ศาล??)ยุ่งยาก,งุนงงต่อสังคม?กันอีกต่อไป.. เพราะถ้าสารภาพแล้ว,โทษต่างๆก็คงจะต้องลดหย่อนลงมาอย่างน้อยกึ่งหนึ่งอยู่แล้ว.. และขอให้ผู้ที่ทำผิดได้โปรดเล่ารายละเอียด,เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย,แรงจูงใจ(วิธีคิด),และขั้นตอนต่างๆจนกระทั่งมีการพบน้องช.(ก็จะขอขอบคุณต่อผู้ทำผิดที่กรุณาช่วยเปิดเผยเพื่อให้เป็นข้อคิดต่อสังคมด้วย).. แล้วให้มีข้อตกลงว่า..จะให้มีการสร้างเป็นหนังคล้ายหนังนักสืบดังต่างๆ(ที่เป็นของต่างประเทศ.. เช่นนักสืบเชอร์...?,หรือนักสืบโค...?.. เป็นต้น).. เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับความยุ่งยากในการสืบสวน,สอบสวนในเหตุการณ์ครั้งนี้ที่เกิดขึ้น,เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่สังคมด้วย.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 29 ตุลาคม 2566 เวลา:21:53:57 น.
(ข้อคิด).. สังคมพุทธสมควรสังคายนากันยกใหญ่(?)..หรือไม่?.. จริงๆ..สังคมไทยเป็นสังคมที่มีบริบทที่นับถือผี?กึ่งลัทธิพราหมณ์?ที่มีการบูชารูปเคารพต่างๆกันมาแต่ครั้งโบร่ำโบราณ.. แต่พอพุทธเข้ามาในไทย,ก็พยายามที่จะประนีประนอม(?)กับแนวทางนับถือผี?และ/หรือลัทธิพราหมณ์?,เพื่อให้พอที่จะเปิดใจรับศาสนาพุทธกันได้บ้าง(?).. แต่จริงๆ,ศาสนาพุทธนั้นสอนเรื่องเหตุและผล( =เหตุปัจจัย-อิทัปปัจจยตา)เป็นหลักใหญ่.. ดังนั้น..พุทธที่แท้นั้น,พระที่วางตัวดีหลายๆท่านมักจะบอกสอนประชาชนว่า..การทำดีกับการทำผิด,ทำบาปนั้นมันเป็นคนละส่วนกัน,ลบล้างกันไม่ได้( =ทำผิดก็ส่วนทำผิด,ทำดีก็ส่วนทำดี),ไม่สามารถจะสร้างกุศลความดีในภายหลัง,เพื่อหวังผลให้ลบล้างจากความผิดต่างๆ?ที่ทำมาในอดีตก่อนหน้านั้น?ได้เลย(?).. แต่สังคมไทยมักไม่ยอมรับคำสั่งสอน(จากพระที่ทรงคุณธรรม)ที่ให้ล้างกิเลสเป็นหลัก.. คนพุทธไทย(บางส่วนหรือส่วนมาก)มักติดอยู่ในเรื่องบุญ,กุศล,โดยหวังผลทางโภคทรัพย์ที่อุดมสมบูรณ์(อันยังเป็นเรื่องของการสะสมกิเลส)ในชาติหน้า..เท่านั้น.. แต่มักไม่นิยมคำสอนจากบางสำนักที่สอนให้ละกิเลสกันสักเท่าไหร่(?).. จึงมักมองว่า..แม้เราจะไปทำความผิดใดๆมาก่อน.. แต่เมื่อเรามาหาทางแก้กรรม?,โดยการแสดงออก?(หรือสร้างภาพ?ที่ดูดี,เพื่อให้สังคมเห็นว่า.. เราเป็นผู้ฝักใฝ่ในเรื่องกุศล,บุญ,ทาน?และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ?นะ(?).. ก็จะเชื่อว่า..กรรมที่ผิด(ที่ได้กระทำมา)ก็อาจจะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี?ได้(?)..(ซึ่งถ้าจะมองอีกมุม.. ก็เหมือนการเสแสร้งทำสิ่งที่ดูว่าดีต่างๆ?,ที่อาจไม่ได้มาจากความจริงใจในความดีที่กระทำนั้นๆ.. แต่เพียงทำเพื่อลบล้างกรรมที่ผิดบางอย่างของตน?เฉพาะหน้าไปเท่านั้น?).. ซึ่งแนวคิดเช่นนี้น่าจะไม่ใช่หลักการที่ถูกต้องของพุทธศาสนาเลย.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 30 ตุลาคม 2566 เวลา:16:22:38 น.
(หลักคิด).. ปัญหาของคดีสำคัญ(บางคดี)ที่สังคมกำลังจับจ้อง,ก็เหมือนกับการเมืองยุคหนึ่งที่พยายามจะยกยอดคดีการเมือง(แบบสุดซอย?),โดยอ้างว่า..ออกกฎหมายยกโทษให้ทุกฝ่าย?ทั้งหมดไปเลย(?).. ซึ่งที่สุดหลายฝ่ายก็ยอมรับไม่ได้.. โดยเขาบอกว่า..ถ้าฝ่ายเขาเป็นฝ่ายผิด?,พวกเขาก็ยินดีที่จะรับโทษ.. แต่จะให้ยกโทษ?ไปเสียหมด(?),โดยไม่ทำให้ชัดเสียก่อนว่าใครผิด?-ใครถูก?,โดยอ้างว่า..มาปรองดองกัน,กระทั่งคดีคอร์รัปชั่น?(ซึ่งศีลข้อ2เป็นสาเหตุหลักที่เป็นต้นทางของความบาปของมนุษย์ที่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขามิได้ให้,โดยเฉพาะเป็นทรัพย์ของส่วนรวม),ก็จะพลอยยกโทษให้ไปด้วย(?).. เช่นนี้..บางฝ่ายเขาก็ยืนกรานว่าพวกเขารับไม่ได้(?)..[เพราะอย่างน้อย..พวกเขาก็ต้องการให้ผู้ทำผิดได้ออกมายอมรับกับสังคมก่อนว่าตนได้ทำความผิดต่างๆนั้นจริง(หรือไม่?),และควรต้องให้ขอโทษต่อสังคม?ด้วย(?)..เสียก่อน(?)],จนมีเหตุการณ์ที่บางฝ่ายต้องย้ายที่อยู่อาศัยไปพำนักที่ต่างประเทศนั่นไง?.. คดีสำคัญของเด็ก3ขวบ-น้องช.ก็เช่นเดียวกัน.. 1.ต้องทำให้ชัดเจนให้ได้ก่อนว่า..น้องช.เดินขึ้นไปเอง,แล้วหลงทางไม่สามารถกลับลงมาได้,จนถึงกับเสียชีวิตด้วยตนเองนั้น,เป็นไปได้เช่นนั้นหรือไม่?.. 2.ถ้าโดยสภาพศพยืนยันว่า..จะต้องมีผู้นำพาขึ้นไป,ก็แสดงว่าต้องมีผู้รับผิดก็คือผู้ที่พาขึ้นไปนั่นเอง.. 3.ญาติบางท่านจะมายกอ้างว่า..ต้องการให้พี่น้องอโหสิไม่ถือโทษกัน?,กลับมาเป็นเหมือนเดิม?นั้นย่อมเป็นไปไม่ได้(?),เพราะทางคดีนั้น,เป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความกันได้(?)( =ไม่สามารถตกลงกันเองได้?).. ดังนั้น..เขาต้องทำให้ชัดเจนก่อนว่า..ใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องช.ต้องถึงกับเสียชีวิต?.. ส่วนเมื่อมีการสรุปไปแล้ว,และมีการรับโทษไปแล้ว.. แล้วจะมายกโทษ,อโหสิให้กันทีหลัง(ในหมู่เครือญาติกันเอง)นั้น,ก็เป็นสิทธิ์ที่จะทำได้,ถ้าทั้ง2ฝ่ายตกลงเลิกแล้วต่อกัน,ไม่ผูกพยาบาทกันอีกต่อไป..ดังนี้ครับ.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 30 ตุลาคม 2566 เวลา:20:45:19 น.
(ข้อสังเกต).. 1.ไม่ว่าเส้นผมจะถูกตัดด้วยมีด,หรือกรรไกร?(ยิ่งถ้ากรรไกรหรือมีด?ไม่คม?,เด็ก3ขวบย่อมจะตัดได้ยากขึ้นด้วย?),ด้วยตนเอง?หรือมีผู้อื่นเป็นผู้ตัด?,ที่สุดคือต้องมีมีดหรือกรรไกร?ขึ้นไปด้วย(?)(มีคำถามว่า.. เด็ก3ขวบจะพกมีดหรือกรรไกร?เพื่อเดินขึ้นเขาไปด้วย?ได้หรือไม่?,แค่รู้สึกว่าพลัดหลงจากผู้ใหญ่,ก็น่าจะต้องร้องไห้จ้า?แล้ว?,มีอะไรที่ติดตัวไป,ก็น่าจะทิ้งตามทางไปจนหมด,ก่อนขึ้นถึงภูเขาแล้ว?..ใช่หรือไม่?).. ถ้าเด็กตัดผมเอง?,ลักษณะของเส้นผม?ย่อมจะไม่เรียบร้อย?หรือไม่มีระเบียบ?,แต่ที่สำคัญคือ.. เด็ก3ขวบจะมี(ถือ)มีดหรือกรรไกร?,แล้วเดินหลงขึ้นทางชันไปยอดเขา?,เพื่อไปตัดผมด้วยตนเอง?(ยังมีใจสงบ,ตัดผมด้วยตนเอง?)ได้อย่างไร?.. 2.เด็กไม่ได้กินอาหารเช้ามากมาย?,กำลังของกล้ามเนื้อร่างกาย?ที่จะเดินทางที่ชันขึ้น?แม้พลัดหลงก็ตาม?..(ก็ต้องที่จะรู้สึกเหนื่อยมากๆ?).. ซึ่งโดยธรรมชาติของเด็ก3ขวบเมื่อกำลังตก,หรือเริ่มอ่อนเพลีย,ซึ่งอย่าว่าแต่เด็กเลย,แม้แต่ผู้ใหญ่ที่เริ่มเหนื่อย,ก็ย่อมอยากหยุดนั่งพัก,ไม่อยากที่จะเดินในเส้นทางที่มีความชันขึ้นไปเรื่อยๆ?,แม้จะเป็นถนนที่เรียบๆ?ก็ตาม,ซึ่งต้องใช้แรงมาก.. เมื่อยิ่งเป็นเด็ก?,ยิ่งเป็นแนวโน้มที่เขาจะต้องเดินในทิศทางที่ต่ำลงมาเรื่อยๆ?อย่างแน่นอน(?).. 3.ธรรมชาติของเด็ก3ขวบ,เมื่อเริ่มรู้สึกพลัดหลง,ไม่คุ้นกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว,และไม่เห็นใครเลย?(กรณีที่มองว่าเด็กอาจเดินขึ้นภูเขาไปเอง),ย่อมที่จะเกิดความตกใจกลัว?และต้องร้องให้เสียงดังๆ?ออกมา?..อย่างแน่นอน(?)..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 31 ตุลาคม 2566 เวลา:14:06:50 น.
4.ธรรมดา..เมื่อเริ่มพากันรู้ว่า..มีเด็ก3ขวบบางคน?หายไปจากบ้าน.. ก็แน่นอน,ย่อมมีการตื่นตระหนก,และพากันระดมกำลังของชาวบ้านออกช่วยกันตามค้นหากันอย่างขะมักเขม้นกัน,ในชั่วเวลาอันไม่นาน.. ซึ่งแน่นอนถ้าเด็ก3ขวบเดินขึ้นภูเขาไปเอง?,ก็คงจะเดินไปยังไม่ได้ไกล?,และคงยังไม่ถึงกับเสียชีวิต?..แน่นอน?.. และธรรมชาติของเด็ก3ขวบก็จะต้องเดินๆหยุดๆ?,และร้องไห้เสียงดังบ้าง,เสียงเบาบ้าง?,สลับกันไปเรื่อยๆ(?).. ก็เพียงเวลาไม่นาน,เมื่อชาวบ้านเริ่มรู้ว่ามีเด็กหาย,ก็พากันออกระดมติดตามกันแล้ว.. แต่แปลกมั้ย?.. ทำไมจึงไม่มีใครได้ยินเสียงเด็กร้อง?,หรือมีเสียงฮือๆ?ใดๆเลย(?).. หรืออย่างน้อย..เวลาออกตามหาเด็ก,ก็จะต้องส่งเสียงร้องเรียกเด็กด้วยชื่อของเด็ก?อย่างดัง(?).. เมื่อเด็กกำลังพลัดหลงอยู่ในระยะใกล้เคียง,เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเอง?และเสียงแซวๆ?ของผู้ออกค้นหา,ก็ยิ่งจะต้องร้องไห้ออกมาดังๆ?,จนผู้ออกค้นหาต้องพากันได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง(?),แม้เสียงร้องไห้จากที่ไกลๆ?บ้างสักเล็กสักน้อย?..ก็เป็นได้?..ใช่หรือไม่?.. แต่นี่ไม่มีใคร?ที่ได้ยินเสียงเด็กร้อง?และไม่มีใคร?ที่ได้พบเด็ก?,ในช่วงที่เด็กยังมีชีวิต?อยู่แม้แต่สักคนเดียวเลย(?).. จึงน่าพิจารณาว่า.. เด็ก3ขวบอาจเสียชีวิตก่อนแล้ว,แต่ถูกซ่อนไว้ก่อน?ในช่วงที่มีการค้นหา,จนเมื่อเวลาล่วงเลยไปวันสองวัน(?),จึงอาจมีผู้นำศพเด็ก?ขึ้นไปวางบนภูเขา?อีกที?(จนมีผู้พบเห็นศพเด็ก?ในภายหลัง?)..หรือไม่?..(อาจเป็นเช่นว่านี้?..ได้หรือไม่?).. ...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 31 ตุลาคม 2566 เวลา:14:49:56 น.
5.เราไม่ได้สรุปว่า..มีใครเป็นผู้ทำให้เด็ก3ขวบเสียชีวิต?หรือไม่?นะ..(เด็กอาจจะเดินขึ้นภู,ไปเสียชีวิตเอง?ก็ได้นะ?).. แต่ก็อยากฝากเป็นข้อคิดว่า.. ต้องยอมรับว่ามีบางคน?ที่ตามข่าวบอกว่าไม่ได้เป็นผู้ทำ,เพราะรักเด็กมาก?.. แต่ก็แปลก.. เราสมมุตินะ.. สมมุติว่า.. ถ้าเป็นเราที่เป็นผู้ที่เอ่ยคำพูดประมาณว่า..รักเด็กมาก?เช่นนั้น,และถ้าเป็นความจริงเช่นนั้นด้วย(?) .. เราอยากบอกว่า..ถ้าเป็นตัวเราเอง..แม้ซึ่งเรามีกิจธุระ?ที่ได้นัดกับบางท่านว่าจะขับรถไปส่ง ณ สถานที่หนึ่งไว้แล้ว?(ปกติผิดนัดไม่ได้?)ก็ตาม(?).. แต่หลานที่รักมากคนหนึ่ง?(ของเรา)หายไปจากบ้าน?,เราก็คงเลือกยอมเสียนัด?,และรีบออกช่วยตามเด็ก3ขวบนี้โดยไวทันที?.. เพราะเดี๋ยวนี้..โทรศัพท์มือถือไม่ยากที่เราจะต้องโทรไปCancel(?),หรือติดต่อหาผู้รับจ้างขับรถคนอื่น?ให้ไปส่งท่านที่เรานัดไว้แทน?..(หรือไม่?).. แต่แปลก..ที่..สมมุตินะ.. สมมุติว่า..เราเมื่อทราบข่าวว่ามีหลาน3ขวบ(ที่รักมาก)หายไป.. แต่ตัวเรากลับเฉยมาก,ดูไม่ตื่นเต้นเลย,กลับบอกใครต่อใครว่า..เดี๋ยวไปส่งบางท่านนั้นเสียก่อนนะ(?),แล้วจึงจะค่อยกลับมาช่วยค้นหาอีกที(?)(ซึ่งดูใจเย็นมากๆ?).. อย่างนี้..ท่านทั้งหลายจะมองว่าเราเป็นบุคลิกเช่นไร?.. แต่ถ้าเป็นเรา(ตัวจริง).. เราจะต้องติดต่อให้คนอื่นไปส่งบางท่านนั้นแทน(?),และรีบออกตามหาเด็ก3ขวบนั้นในทันที(?),ที่รับรู้ข่าวนั้นเลย(?)..และสีหน้า,ท่าทางของเรา?ก็จะต้องมีอาการตื่นเต้น,ตื่นตระหนก,กังวล?อย่างมาก(?)กับกรณีที่มีเด็ก3ขวบ?ที่เป็นดุจญาติสนิท?ที่หายไปนั้น?..ด้วย(?).. คงไม่อาจที่จะวางเฉยได้?อย่างแน่นอนครับ?.. ...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 31 ตุลาคม 2566 เวลา:15:32:56 น.
(a)มีนักบวชสีกรัก(บางสำนัก)เคยพูดได้น่าคิดประมาณว่า.. ระบบการปกครองที่ต่างกันนั้น,อาจมีส่วนที่ดี-ไม่ดี?ต่างกันบ้างก็ตาม(?),นั่นเป็นเรื่องธรรมดา,แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่การอบรมจิตสำนึกของประชาชนในแต่ละระบบ(ซึ่งมีคำถามว่า..การศึกษาไทย?,รวมทั้ง
ศาสนาทั้งหลายในไทย?ถือว่าล้มเหลว?หรือไม่?.. ที่ไม่สามารถอบรมให้ประชากรไทยมีจิตสำนึกทางหลักศีลธรรมของศาสนาต่างๆที่ดีได้?).. คือสรุปว่า.. ต่อให้ระบบ?จะดีเท่าไหร่?,แต่ถ้าประชาชนในประเทศ?มีจิตสำนึกที่ไม่ดี?.. เขาก็มีช่องที่จะกระทำสิ่งที่เรียกว่าการทุจริตต่างๆสารพัด?ได้อยู่ดี..ทั้งนั้นแหละ?.. และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศนั้นๆ?ไม่เจริญเท่าที่ควร(?)(หรือจะมองว่าทำให้ประเทศนั้นๆ?มีหนี้สินล้นพ้นตัว?ก็ได้ด้วย?).. ถ้าเราดูตัวอย่าง.. เช่น.. ประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น.. เท่าที่ทราบ..ประชากรของเขาจะมีวินัยที่เคร่งครัด,มีลักษณะเด่นคือ..ถ้าประชากรของเขาทำผิดและถูกจับได้,จะมีจิตสำนึกละอายที่มากกว่าประเทศอื่นๆ,และมักจะมีการกล่าวขอโทษ(โค้งคำนับ)ต่อประชาชน,และตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำประจำด้วยตนเอง,โดยไม่ต้องรอให้กระบวนการมีการตัดสินถึงที่สุดเสียก่อน..(จึงไม่แปลกที่เขามีเรื่องของกามิกาเซ่?ที่ยอมตายเพื่อประเทศ?ได้).. ซึ่งเราคิดว่า..นี่เป็นเหตุที่ทำให้2ประเทศนี้เจริญรุดหน้ากว่าหลายๆประเทศ(ในภูมิภาคเดียวกัน).. อยากบอกความเห็นส่วนตัวว่า.. เช่น.. ถ้ามีอาชญากรรมจากคนดื่มแอลกอฮอล์,ก็ไม่ใช่เฉพาะผู้ดื่มแล้วขาดสติ,แล้วไปก่ออาชญากรรม?เท่านั้นที่ผิด?,แต่ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายแอลกอฮอล์สำหรับดื่ม(ทั้งหลาย)ก็ควรมีส่วนต้องร่วมรับผิด?ด้วย?,ไม่ใช่คุณจะมุ่งเอาแต่หวังได้กำไรทางการธุรกิจ?แต่เพียงอย่างเดียว(?),โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ต่างๆ?ที่เกิดขึ้นตามมา(?).. เช่นนี้เป็นต้น..
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 31 ตุลาคม 2566 เวลา:19:03:45 น.
(b)(เห็นด้วยกับอดีตผู้การต.และคุณช.,กรณีคัดค้านออกกฎระเบียบใหม่ให้ครอบครองยาเกิน10เม็ดจึงถือเป็นผู้ค้า).. สังคมเรามีเรื่องที่ดูแล้วตลกๆ.. ต่อไปนี้เป็นเรื่องสมมุติๆนะ.. เช่น.. 1.คุณไปบอกให้พระสอนว่า..หวยไม่ดี,เป็นการพนัน,เป็นการหวังรวยทางลัด(?),ไม่ใช่คำสอนพุทธ.. แต่คุณไม่ควบคุมเรื่องการออกสลากต่างๆ?,อ้างว่านำรายได้เข้ารัฐ?.. ประมาณว่า..ส่วนศาสนาหรือผู้สอนก็สอนไปตามหน้าที่.. ส่วนหารายได้เข้ารัฐ?ก็หาไปตามนโยบาย?..ประมาณนั้นหรือไม่?.. คือมองตัดขาดเป็นคนละส่วน,ไม่มองว่า..เท่ากับส่งเสริมให้ประชาชนงมงาย?กับเรื่องลาภลอยหรือไม่?,เมื่อรัฐส่งเสริม,ออกสลากเสียเอง?,แล้วเมื่อเวลาพระบางสำนักสอนไม่ให้ลูกศิษย์เล่นหวย,แล้วเขาจะฟังไหม?,เขาก็จะพูดเถียงพระว่า..แต่รบ.เขาก็ยังไม่ได้ห้ามไปโน่นเลยไง?.. ผลคือ..ประชาชนเกิดความเคยชินที่จะงมงาย?กับเรื่องลาภลอย?,หรืออะไรที่ได้มาง่ายๆ?,โดยไม่ได้คิดหน้า-คิดหลังให้รอบคอบ?.. ทีนี้,ก็มีผลไปถึงเรื่องของพวกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์?ก็จะหาวิธีมาหลอกลวงคนไทยได้แบบง่ายๆ.. เพราะเขาก็รู้จิตวิทยาว่า..คนไทยเป็นสังคมงมงาย,เชื่อง่าย?,เพราะรัฐก็ยังส่งเสริมให้คนเมา?ในเรื่องลาภลอย?,จนเกิดนิสัยเคยชินที่จะเชื่ออะไรง่ายๆ?นั่นไง?.. แล้วที่สุดเกิดผลเสีย?ต่อประชากรของสังคม?ในระยะยาวไกล?หรือไม่?.. เช่นนี้เป็นต้น.. แล้วรายได้จากสลากแต่ละงวด?จะคุ้มกับการเพาะเชื้อDNA?ของความเป็นคนงมงาย?(เห็นแก่อะไร?,ที่จะได้มาจากการเสี่ยงโชคง่ายๆ?(แบบลาภลอย?),โดยไม่คิดถึงหลักคณิตศาสตร์?เรื่องโอกาสความน่าจะเป็น?(Probability)(ที่จะถูกรางวัลที่1?)ที่เคยร่ำเรียนกันมาเลย(?)( =การศึกษาไทยเรื่องหลักคณิตศาสตร์?พลอยล้มเหลว?ไปด้วยไงล่ะ?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 31 ตุลาคม 2566 เวลา:20:46:46 น.
วันนี้ได้ชมรายการลุยชนข่าว,ช่อง8,27-12-66ช่วงกรรชัยไม่ทน...แล้ว.. มีข้อคิดเห็นดังนี้ครับ...
สังคมไทยควรแก้กฎหมายบางเรื่องมั้ย?..
หลายกรณีที่เป็นข่าวในสังคมไทย(พุทธ95%)คือมาจากเริ่มต้นโดยมีการดื่มสุรา(ผิดศีลข้อ5)เป็นเหตุ(?).. บางครั้งเหมือนจะอ้างว่า..ทำไปเพราะเมา,คล้ายหวังว่า..สังคมหรือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจะไม่อยากเอาเรื่องเอาราว(?)..
แต่การเมาสุราแล้วก่อเหตุเดือดร้อนไม่ได้แปลว่า..การกระทำนั้นจะไม่ผิดกฎหมาย,หรือเอาผิดอะไรไม่ได้นะครับ?.. ใช่ไหมครับ?..
ที่สำคัญคือ.. เราปชช.(รวมทั้งผู้ใหญ่ๆและผู้ทรงคุณวุฒิ,สส.,สว.)ควรเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายให้ผู้ผลิตและจำหน่ายสุราต่างๆว่า.. ถ้าสุรายี่ห้อใดๆที่ผู้ดื่มสุรานั้นแล้วไปก่อเหตุต่างๆในสังคม,ควรให้ผู้ผลิตและจำหน่ายสุรายี่ห้อนั้นๆ?ต้องร่วมชดใช้,เยียวยาต่อผู้ที่รับความเดือดร้อน,เสียหายในกรณีต่างๆนั้นด้วย?..ดีมั้ยครับ?..
ไม่ใช่คุณมีหน้าที่แค่ค้ากำไรจากการผลิตและจำหน่าย?เท่านั้น(?),โดยที่ไม่ต้องร่วมรับผิดชอบจากผลิตภัณฑ์ที่คุณมีส่วนผลิตขึ้นมา?นั้นแต่อย่างใดเลย?.. ประมาณว่า..ก็ลื้อไปซื้อกินเอง,ไปเมาอาละวาดก่อเหตุเอง,อั๊วไม่ได้ร่วมรับรู้อะไรด้วย?..ประมาณนั้น?.. อย่างนี้มันใช่มั้ย?.. ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.255 วันที่: 28 ธันวาคม 2566 เวลา:12:08:07 น.
(A)วันนี้ได้ชมรายการสด-อมรินทร์ลุยชนข่าว,15-12-66ช่วงกลุ่มศรัทธาเด็กรวมพลังปกป้อง...แล้ว.. มีข้อคิดเห็นดังนี้ครับ...
ธรรมดานั้น..ผู้ใหญ่ๆควรเป็นผู้ออกมาให้ปัญญากับสังคมโดยรวม(?).. ถ้าสังคมใด..ที่ผู้ใหญ่ๆพากันเงียบเฉย, อาจถูกมองจากสายตาของสังคมได้ว่า.. ทำไมท่านเหล่านั้น?จึงไม่แสดงความเดือดร้อน?ใดๆ?,หรืออาจเป็นเพราะท่านพากันอยู่อย่างสุขสบายแล้ว?,ธุระไม่ใช่?,เรื่องอะไรจะหาเรื่อง?,หาเหามาใส่หัว?,ให้เปลืองตัว?กับโลกโซเชี่ยล?ไปเปล่าๆ?ไปทำไม?..ประมาณนั้น?..หรือไม่?..
หรืออาจมีผู้ใหญ่บางท่าน?อาจมองว่า..การที่สังคมไทยมักมีเรื่องให้สังคมพากันไปสนใจ(ตามอุปนิสัยคนไทย)ในเรื่องสัพเพเหระ,จิปาถะ,เป็นเรื่องๆ,เป็นระยะๆ?นั้นก็ดีแล้ว?.. จะได้ไม่มานั่งเพ่งเล็งจับผิดในเรื่องที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชั่น?,ทุจริต?,ฉ้อฉล?,กินตามน้ำ?,กินทวนน้ำ?ที่อาจมีผู้ใหญ่บางท่าน?(ในยุคอดีต)ได้เคยกระทำไว้(?),และสามารถประคองตัว,หลบเลี่ยงข้อกฎหมาย,จนสามารถนั่งเสวยสุข?,แบบไม่ต้องเดือดร้อนกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคม?ใดๆเลยก็ได้?,มาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้?..เช่นนั้นหรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
อย่างสำนักพุทธต่างๆ(ซึ่งไทยเป็นพุทธ95%)นั้นก็ควรออกมาแอ๊คชั่น?ชี้แนะว่า,อะไรถูกต้องหรือผิดตามหลักพุทธศาสนา?หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..[ซึ่งไม่สมควรให้สังคมไทยอยู่กับความงมงาย?ที่ไม่ใช่คำสอนของศาสนาพุทธ,โดยเฉพาะที่มักอ้างอิงกับบริบทคำสอนหรือรูปสัญลักษณ์ต่างๆ?ที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาพุทธ?,เพื่อใช้เป็นประโยชน์?หรือใบเบิกทาง?ให้กับลัทธิสัทธรรมปฏิรูป?ตามแนวคิด?,ความเชื่อ?(ของตน,ส่วนตัว?),ซึ่งแปลกปลอมขึ้นมาภายหลัง,แตกต่างจากยุคพุทธกาล?เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่?ให้กับลัทธิศาสนาแนวใหม่(ของตน,ของตน?)..ใช่หรือไม่?]..
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.255 วันที่: 28 ธันวาคม 2566 เวลา:21:07:11 น.
(B)สื่อบางส่วนก็เช่นเดียวกัน,ไม่ใช่มีแต่ทำคอนเท้นต์?,หาเรตติ้ง?ให้กับช่อง,แล้วใช้แค่คาถากำกับ?แค่ว่า..โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม?เท่านั้น(?)..(แต่ควรบอกกับผู้ชมด้วยว่า..อะไรคือพุทธ?,อะไรที่ไม่ใช่พุทธ?)..
แม้จะอ้างหลักกฎหมายว่า..ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเชื่อในลัทธิต่างๆสารพัด?และปฏิบัติตามความเชื่อ?อย่างไรก็ได้?,ตราบใดที่ไม่ทำผิดกฎหมายหลักๆ?เท่านั้นก็พอ(?).. แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว?..เช่นนั้นหรือ?.. แล้วเช่นนี้จะสามารถสร้าง,พัฒนาเชิงปัญญา?( ="ปัญญา"แบบ"พุทธแท้")ให้กับสังคมไทยเพื่อก้าวไปสู่สังคมศิวิไลซ์?ได้ล่ะหรือ?..
ซึ่งบางคนอาจใช้การบวชเพื่อหลบหนีสังคม?,หรือหลบสื่อ?,หรือเสดาะเคราะห์บางสิ่งบางอย่าง?นั้นก็ยังพอทำเนาอยู่บ้าง?..
แต่บางคนเพื่อจะสร้างภาพลักษณ์?เพื่อจะหลบเรื่องราวบางเรื่องที่เกี่ยวกับตน?(ความจริง..ถ้าแน่ใจว่าตนเองไม่ผิดใดๆ?,ก็น่าจะนอนเล่น,แช่แป้ง?,ไม่น่าจะต้องเดือดร้อน,ทำนั่น,ทำนี่,อะไรมากมาย?..ใช่มั้ย?).. เช่น.. ก็พยายามไปสร้างรูปเคารพ?มาเป็นรูปสำหรับบูชา?(ซึ่งไม่ใช่หลักศาสนาพุทธ?เลย?),ซึ่งเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์?(ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานว่า..มีอยู่จริงในโลกมนุษย์มาก่อน?..หรือไม่?)..
แล้วนำมาเป็นสรณะ?เพื่ออาจหวังให้ปกป้องตน?ให้พ้นจากสิ่งร้ายต่างๆ?.. ทั้งๆที่ปากก็พร่ำบอกว่า..ตนเป็นชาวพุทธ?,นับถือพุทธศาสนา?.. แต่สิ่งที่กระทำต่างๆ?นั้น,มันไม่ใช่วิธีคิด?หรือหลักการของพุทธศาสนา?แต่อย่างใดเลย?..(ฝ่ายสำนักพุทธต่างๆ?ก็มักอ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ของสำนักพุทธ?ซะอย่างงั้น?..เสียอีก?)..
หรือที่มีน้องอายุ8-9ขวบที่สามารถทำให้ผู้ใหญ่คราวพ่อ,คราวแม่?ก็มาก้มกราบไหว้?(โดยไม่รู้สึกเคอะเขิน?)ก็ยังเป็นได้สำหรับสังคมไทยเมืองพุทธ?อีกเช่นเดียวกัน(?)..
แล้วเช่นนี้เราจะคาดหวังให้ใคร?เป็นผู้รับผิดชอบ?กับเรื่องมิติแห่งความงมงาย,ไร้เหตุผล?ในบริบทเรื่องลี้ลับ?,เรื่องอดีตชาติ?,เรื่องอวตาร?(อันเป็น'ลัทธิพราหมณ์'),หรือเรื่องแม้กระทั่งสัตว์ในตำนานต่างๆ?ที่นำมาเป็นสิ่งบูชา?,กราบไหว้?,เคารพ?,สักการะ?ที่นับวันแต่จะยิ่งกลายเป็นบริบท?ของธุรกิจความเชื่อที่งมงาย?(อันไม่ใช่หลักพุทธ?)ที่ไม่สามารถพิสูจน์ใดๆได้?เหล่านี้?..อย่างไรกันดีครับ?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.255 วันที่: 28 ธันวาคม 2566 เวลา:21:59:47 น.
(a)เราเคยแสดงความเห็นไว้บางตอน.. ประมาณว่า..ชื่อ(เล่น)นั้นสำคัญไฉน?.. เช่น..ชื่อเล่นบางชื่อที่สื่อถึงความหมาย?ของคำว่าคบซ้อน?มีเนื้อหาดังนี้..
________________
เรามักสังเกตว่า.. ผู้ที่มีอาชีพร้อง,เต้น?ที่มีร้อง?และเต้น?ไปในเนื้อหาที่ไม่ส่งเสริมจริยธรรมทางเพศ?สักเท่าไหร่?,และ/หรือรวมทั้งผู้ที่มีชื่อเล่นที่ทำให้ผู้ได้ยินเขาแว็บไปนึกถึงเรื่องการมีคู่ซ้อน?หรือการคบซ้อน?ดังกล่าวไปแล้วข้างต้น.. หลายคู่,หลายคน?มักจบลงด้วยการที่มีการแยกทางกับคู่ของตน?ให้เห็นอยู่เสมอ(?).. ดังนี้เป็นต้น..
________
ซึ่งเราใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในการสังเกตข่าวสารในสังคม....เราเห็นว่า.. ชื่อเล่น?ที่มีนัยยะ?ของการผิดศีล?ในบริบทของพุทธ,มักนำพาผู้ที่มีชื่อดังกล่าวนั้น..ไปในทางที่ไม่ค่อยโสภา?หรืออาจถึงขั้นเกิดเรื่องเสื่อมเสีย?ในบางกรณี?เลยก็เป็นได้(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 5 มกราคม 2567 เวลา:21:04:21 น.
(b)สมมุติว่า.. ถ้าตั้งชื่อเล่นว่าโบว์หรือแนนนี่,หรือคริสตี้,หรือหมิว,หรือมายด์,อย่างนี้ไม่ค่อยมีนัยยะที่จะไปชวนให้เกิดภาวะล่อแหลม?หรือคล้ายเชิญชวนในเรื่องทางเพศ?อะไรมากมาย(?)..
แต่ถ้าเริ่มเป็นชื่อของสิ่งที่ดื่มได้?,ทานได้?นี่จะเริ่มเข้าข่ายเป็นชื่อที่อาจเชิญชวนปัญหา?ในเรื่องคนคู่?(ที่ไม่เข้าท่า?หรืออาจไม่ถูกครรลองประเพณี?)ให้เข้ามาหาตัวได้ล่ะ(?)..
โดยเฉพาะหญิงสาวที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น?,ดรุณี?,แรกแย้ม?ในการคบหา,สังสรรค์?ที่มีเรื่องของแอลกอฮอล์?แทรกเข้ามาด้วยแล้ว(?),ซึ่งอาจถึงขั้นเกิดการลวนลามทางวาจา?,อันเป็นจุดเริ่มต้น?เข้ามาละ(?)..
เช่น.. ถ้าใครไปตั้งชื่อเล่นว่าแอ๊ปเปิ้ล,ก็อาจถูกแซว?หรือกึ่งลวนลามเล็กๆ?ว่า.. วันนี้รู้สึกว่า..อยากทานแอ๊ปเปิ้ลจัง?..อย่างนี้เป็นต้น..(ซึ่งอาจรู้สึกว่านี่กำลังเริ่มจีบ?แล้วหรือไม่?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 5 มกราคม 2567 เวลา:21:26:49 น.
(c)โดยเฉพาะผู้หญิง?มักเป็นเพศที่จิตใจอ่อนไหวง่าย?กว่าผู้ชาย?.. เมื่อมีการแทะโลม?หรือมีลักษณะคล้ายจีบทางคำพูด?ผ่านชื่อเล่นของตน?ก็มักมีลักษณะหวั่นไหว?,ใจเต้น?,เริ่มฟุ้งซ่าน?,คิดวนเวียน?ขึ้นมาละ(?)..
ซึ่งถ้าเจอเรื่องอย่างนี้บ่อยๆ?ก็เท่ากับทำให้เหมือนรู้สึกว่าตนเองมีตัวเลือก?.. ประมาณว่า..คนนั้นก็จีบเรา?,คนนี้ก็จีบเรา?,เราจะเลือกใครดีนะ?(จิตใจฟูฟ่อง?,เกิดภาวะขี้โลภทางใจ?)..อะไรประมาณนี้?..
ทำไปทำมาอาจทำให้เป็นหญิงใจแตก?,จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว?,เกิดอาการรักเผื่อเลือก?หรือคบซ้อนหลายคน?ได้(?)..
โดยอาจหลงผิด?,หรือหลงถูก(ใจ)?ว่า..เพราะตนเองมีเสน่ห์?เสียอีก(?),ผู้ชายจึงต่างพากันมารุมจีบ?..อะไรประมาณนั้น?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 5 มกราคม 2567 เวลา:21:43:17 น.
(d)วันนี้(5-1-67).. ได้ดูบางรายการยอดฮิตก็เริ่มมีนำเสนอเรื่องทำนองนี้อีกเรื่องหนึ่ง.. ที่มีชื่อเล่น?ของเซเล่บบางคน?ที่ชื่อเล่นของเธอ?สื่อถึงความหมาย?ของเครื่องดื่มบางชนิด?ที่ดื่มแล้ว,อาจทำให้ขาดสติ?ได้(?)..
นี่ถ้ามองในแง่ของพุทธ?,ก็อาจถูกมองได้ว่า..เป็นบริบทของเรื่องวิบากกรรม?ของการตั้งชื่อ?,ที่สื่อไปถึงเครื่องดื่มบางชนิด?ที่มีฤทธิ์?ทำให้สูญเสียสติ,สัมปชัญญะ?,ซึ่งเป็นบริบทของการชักชวน?ให้ละเมิดศีลข้อ5ก็เป็นได้?..ด้วยหรือไม่?..
จึงอาจทำให้เกิดการพลาดพลั้ง?(หลงเคลิ้ม?,ไม่ระวังตัว?,จนอาจเผลอ(?)ทำในสิ่งที่สังคมไทยมักไม่ยอมรับ?กับการไปใกล้ชิด?กับคู่ของผู้อื่น?จนดูเป็นภาพที่ชวนให้สังคมครหา?ว่าไม่เหมาะสม?..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 5 มกราคม 2567 เวลา:22:02:32 น.
(e)ดังนั้น..ผู้ปกครอง?หรือบุพการี?,เมื่อจะตั้งชื่อเล่น?ให้บุตรหลาน?,ก็ควรคิดการให้รอบคอบ?,ว่าจะเป็นเชื้อ?,เป็นสื่อ?,ซึ่งอาจนำพาบริบทของการผิดศีล5?,มาสู่ลูกหลานของตน?ได้หรือไม่?..ด้วย(?)..
ซึ่งเราคอยสังเกตเสมอมา,หรือแม้แต่กรณีชื่อเล่น?ที่สื่อถึงผู้ยิ่งใหญ่?.. เช่น..สรรพนาม?ที่ใช้ขานแทนกษัตริย์ของจีน?(ฮ่......),ซึ่งอาจเป็นการไปเสริมอัตตา?ของเจ้าของชื่อเล่น?โดยใช่เหตุ(?)..
ซึ่งอาจนำพาวิบากกรรม?(บางอย่าง)เข้าหาเจ้าของชื่อเล่น?นั้น?..ก็เป็นได้(?)..
หรือเช่น..ชื่อเล่นว่าหมู.....?(ซึ่งสื่อถึงอาหารฝรั่งชนิดหนึ่ง),ซึ่งเรามองว่า..หมู?เป็นสัตว์ที่น่าสงสาร?,แต่กลับถูกนำมาเป็นอาหารบำเรอลิ้น?ให้กับมนุษย์(?)..
ซึ่งทางธรรมะของพุทธ?อาจมองว่า..สื่อถึงวิบากกรรมจากการตั้งชื่อ?ที่ไม่มีนัยยะเป็นคำพร?( ="อาภัพ?")ต่อตัวผู้ที่มีชื่อเล่นดังกล่าว?ก็เป็นได้(?)..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 5 มกราคม 2567 เวลา:23:59:31 น.
(f)หรือแม้แต่ชื่อเล่น?ที่สื่อถึงผืนผ้าชนิดหนึ่ง?ซึ่งไม่มีนัยยะอะไรพิเศษ?(ซึ่งอาจไม่ชวนให้ผู้ที่มีชื่อดังกล่าวตั้งสติ?ในการดำเนินชีวิต?ก็เป็นได้?),ซึ่งประกอบกับไปพ่วงกับนามสกุลที่มีชื่อเสียงในอดีต?ด้วย(?),จึงอาจทำให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ระวังระไว?เท่าที่ควร?..ก็เป็นได้(?)..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
หรืออีกชื่อเล่นหนึ่ง?(คำฝรั่ง)ที่มีนัยยะแห่งอำนาจที่ยิ่งใหญ่?(เหนือบริวาร?)ว่าเจ้านาย?,หรือนายจ้าง?,หรือหัวหน้าใหญ่?,ซึ่งอาจทำให้เจ้าของชื่อเล่น?รู้สึกหลงเคลิ้ม?ในอัตตาตัวตน?ของชื่อเล่นของตนเอง?อยู่เป็นเนืองนิตย์(?)..ก็เป็นได้?..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
ประกอบกับอาจมีวิบากกรรม?ร่วมกับเครื่องดื่มบางชนิด?ที่ให้(กระตุ้น)พลังงาน?(ในระดับแอ๊คถีฟ?)(ที่ครอบครัวเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย?),ที่แม้ไม่ใช่ฤทธิ์แบบแอลกอฮอล์?,แต่ก็อาจมีส่วนกระตุ้น?ให้เกิดพลังงานที่มากล้น?,จนเกินกำลังของสมอง?ที่จะควบคุมตนเอง?,ให้อยู่ในความพอดีในการใช้ชีวิต?ได้(?)..
จึงอาจส่งผล?ให้เกิดวิบากกรรม?ที่มาดลให้เกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด?ให้กับเจ้าของชื่อเล่น?นั้น?..ด้วย?..ก็เป็นได้(?)..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
ทั้งหลายเหล่านี้?ที่ยกตัวอย่างมา,เรามองด้วยทัศนะส่วนตัว?,และประสบการณ์การสังเกตส่วนตัว?เท่านั้นนะครับ(?)..
...ด้วยความปรารถนาดีและด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 6 มกราคม 2567 เวลา:0:40:53 น.
(A)ศาสนาพุทธหรือแค่หลักปรัชญา?,และความเป็นจริงของโลก?,และธรรมชาติของสังคมไทย?ที่อยู่ในวังวนแห่งความซิกแซ็ก?,ที่ไม่ตรงไปตรงมา?.. เช่น..
1.พระถ้าพูดเรื่องเซ็กส์?หรือเรื่องในมุ้ง?หรือเรื่องคนคู่?,ชู้สาว?,กิ๊กกั๊ก?นั้นไม่เหมาะสม(?)..
ดังนั้น..หนุ่มสาวในสังคมพุทธ95%(แม้จะมีศาสนาอื่นผสมโรงอยู่บ้าง)จึงต้องไปสุ่มเสี่ยง?แบบปิดตา..หารัก?,หรือจริงๆอาจแค่ปิดตา..หาเซ็กส์?(ที่ถูกใจ?,เฉพาะหน้า?,เป็นครั้งคราว?)เพื่อลองวิชารัก?(เซ็กส์?)กันเอาเอง?..เท่านั้น?..หรือไม่?..
เพราะมักอ้างว่า..พระพูดเรื่องต้องห้ามเหล่านี้?นั้นไม่เหมาะสม(?),สังคมไทยจึงถูกปิดตา?กันอยู่มานมนาน,กาเล?.. ดังนั้น..ปัญญาการขบคิด?,วิเคราะห์?,แยกแยะ?เรื่องศีลข้อ3ในมุมมองของพระ,นักบวช?จึงไม่เกิดขึ้น,เพื่อช่วยเหลือให้กับหนุ่ม-สาว?ของสังคมของคนไทย?..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 6 มกราคม 2567 เวลา:17:02:03 น.
(B)2.หรือจริงๆ.. พระควรให้ปัญญากับคนหนุ่มสาว(ในวัยแสวงหาความรัก?,หรือแสวงหาฟงแฟน?หรือคู่ครอง?)ว่า.. ความรักที่บริสุทธิ์?(โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้?)แบบที่ไม่เกี่ยวกับความพึงพอใจในจุดเป้าหมายเรื่องเซ็กส์?(ที่สังคมกำลังพูดกันฮือฮา?)นั้นไม่มีจริงหรอกนะ(?)(อาจมีแค่ในละครหลังข่าวช่วงหลัง2ทุ่ม?ที่ชวนให้หนุ่มสาวหลงใหลได้ปลื้ม?กับความรักแบบอุดมคติ?ที่ไม่มีจริง?เท่านั้นจ้ะ?).. เพราะพระพุทธเจ้าก็สอนไว้อย่างชัดเจนว่า..นัตถิ อัตตสมัง เปมัง( =ความรักอื่นเสมอด้วย*รักตนเอง*นั้นไม่มี)ไม่ใช่หรือ?..
หรือพระควรสั่งสอนประชาชนว่า.. แค่ไปมีใจ?ให้กับคู่ครองของผู้อื่น?ทั้งๆที่รู้อยู่?(จะโดยนิตินัย?หรือแค่พฤตินัย?ก็ตาม?..ที่สังคมรับรู้ได้ว่า..เขาเป็นคู่ครองกันอยู่?เป็นที่ประจักษ์?),นั้นก็คือผิดหลักธรรม?ตามบริบทของศีลข้อ3แล้ว?..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
หรือเรื่องเซ็กส์?นั้น.. ควรให้ความจริง?ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของสัตว์โลก?โดยทั่วไป(?).. และมนุษย์?ก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง?ที่เทียบเท่ากับสัตว์โลกทั่วไป?แค่สปีชี่หนึ่ง?เท่านั้นเอง?..หรือไม่?..
และศาสนา(โดยเฉพาะพุทธ?)เป็นเพียงหลักปรัชญา?ที่พยายามฝืนความจริงของโลก?ที่ว่า..เซ็กส์เป็นความพึงพอใจสูงสุด?ของสัตว์โลก?ที่ไม่อาจห้ามได้?..เช่นนั้นมากกว่า?..หรือไม่? ..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:4:10:00 น.
(C)แต่พุทธบางสำนัก?(โดยเฉพาะสำนักสีกรักบางสำนัก?)มักพยายามอยากบอกสังคมชาวพุทธ?ว่า..กามารมณ์หรือเซ็กส์?นั้นสามารถละขาดได้จริง?..
กระทั่งยอมพูดอวด?(ต่อสังคม)เพื่อพิสูจน์กลุ่มตนเอง?ว่า..สำนักของตน?นั้น..มีผู้สำเร็จถึงขั้นอรหันต์?,และสามารถละกามารมณ์?จนหมดสิ้นได้จริง?..เสียอีกด้วย(?)..
[ซึ่งจริงๆอาจเป็นเพียงการแค่ฝึกฝืนกดข่มทางอารมณ์?ไว้ได้อย่างเนิ่นนาน?,จนดูน่าศรัทธา?,แล้วประเมินกัน(ในหมู่ลูกศิษย์ลูกหา?)เอาเองว่า..ท่านผู้นั้น,ผู้นี้?น่าจะละกามารมณ์?ได้หมดสิ้นจริง(?)..เท่านั้นเอง?..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?]..
ซึ่งส่วนตัว,เรายังไม่ยอมรับว่า..พุทธ?จะสามารถละกาม?จนเป็นอรหันต์?ที่สามารถสลายธาตุวิญญาณจิต?จนไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป?ได้ด้วย(?)..แต่อย่างใด?..
(ซึ่งเรามองว่า..อาจเป็นเพียงแค่หลักปรัชญาความคิด?,เพื่อไต่เต้าแสวงหาความหลุดพ้น?,ซึ่งก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์?ใดๆ?ว่า.. จะมีอรหันต์?ที่สามารถตัดภพ?,จบชาติ?และละกามารมณ์ในจิตส่วนลึก?ที่ฝังใจมาเนิ่นนานข้ามชาติ?ได้จริงๆ?..แต่อย่างใด?..อีกด้วย?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:4:39:51 น.
(D)3.ไม่เช่นนั้นเราจะพบว่า.. ในอดีตไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาในสังคมพุทธไทย?ก็ยังมี.. เช่น.. ท่านนิกะระโณ,ยันตโร,ภาวโนพุทธา,เณรค.,ฯลฯ,ที่ยังต้องพ่ายแพ้ต่อบริบทของศีลข้อ3แม้อยู่ในผ้าเหลือง?โดยมักอ้างว่า..เพราะเกิดจากแผนนารีพิฆาต?ได้อย่างไร?..
รวมทั้งเร็วๆนี้..คือ..ท่านมิ......?(พระชาวต่างชาติบางท่าน)ที่ยังต้องยอมสึกออกไปจากผ้าเหลือง?,เพื่อไปใช้ชีวิตครองเรือน?กับหญิงบางคน?ที่เคยเข้ามาพัวพันเป็นลูกศิษย์?อีกด้วย?..ได้อย่างไร?..
ทั้งๆที่แทบทุกท่าน?ก็ได้กล่าวหลักธรรมของพุทธ?,สั่งสอน,อบรมลูกศิษย์ชาวพุทธ?ในเรื่องศีลข้อ3กันมาอย่างเพรียบพร้อมมาแล้วกันทั้งนั้น(?)..
แต่ก็ยังไม่อาจสามารถเอาชนะความท้าทายของกามารมณ์?ซึ่งธรรมชาติ?ได้ปูทาง,สร้างไว้อย่างประณีต?,ลึกล้ำ?,ซับซ้อน?,จนมนุษย์(ผู้ชาย)ทั้งหลาย?(แม้แต่ระดับนักบวช?)ก็ยังยากที่จะปฏิเสธความต้องการทางกามารมณ์?(ซึ่งผนวกกับการสนองอัตตาตัวตน?หรือความสะใจ,ภูมิใจในจิต?ที่ได้เอาชนะอิสตรี?,ที่ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าสังคม?มักต้องแสดงความหวงเนื้อหวงตัว?)(หรือกรณีที่สตรีบางคน?มุ่งหวังเอาชนะต่อบุรุษ?ในเรื่องทางเพศ?ก็ตาม?),ตามการเร่งเร้าตามธรรมชาติ?ที่มักถูกยั่วยวน?โดยสตรีเพศ?ได้โดยง่าย(?).. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:5:16:24 น.
(E)4.ถ้ามองในมุมมองฝรั่ง?.. โดยทั่วไป..คนฝรั่ง?จะไม่ปฏิเสธเรื่องกามารมณ์?,เพราะพื้นฐานของชนชาติเขา?มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา,ธรรมชาติ?,ที่ไม่ถือว่าเป็นความผิดพลาด,ใหญ่หลวง?อะไร?..
เช่น.. เวลาลูกออกจากบ้าน,พ่อ-แม่ฝรั่ง?(บางส่วน),เราเคยได้ยินว่า.. มักจะคอยเตือนลูกว่า..ลืมถุงยางอนามัย?และมียาคุมกำเนิด?ไว้พร้อมหรือเปล่า?..ประมาณนั้น(?).. เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์?,เพราะยังไม่พร้อม?ที่จะมีครอบครัว?,หรือเลี้ยงดูบุตร?ที่อาจเกิดจากความบังเอิญ?หรือยังไม่พร้อม?ได้?(แต่ก็กลับมีความพร้อมแล้ว?ที่จะเรียนรู้การสนองความสุข?ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กัน?ได้แล้ว?.. หรือนี่คือบริบทความพิกลของธรรมชาติ?ที่ไม่สมดุลกับความเป็นจริงของชีวิต?..หรือไม่?..)..
แต่เขามักไม่ปฏิเสธว่า..เด็กเป็นหนุ่ม?,หรือเป็นสาวเริ่มมีประจำเดือน?(เมน)ก็ย่อมมีความต้องการทางเพศ?,เมื่อมีสิ่งแวดล้อม?ที่ส่งเสริม,เป็นใจให้?..ได้เสมอ(?)..
และเขาไม่ใช้วิธีการกดดัน?ต่อความรู้สึกทางเพศ?ที่มักเกิดขึ้นกับเด็กทุกคน?ตามธรรมชาติที่เร่งเร้า?(เพื่อไปสู่การก่อกำเนิดพืชพันธุ์?)โดยใช้บริบทคำสอนให้ละกิเลสด้านกามารมณ์?ในหลักการของศาสนาพุทธ?(ที่มุ่งหวังให้คนมีความบริสุทธิ์ในจิต?ที่เหนือกว่าความเป็นไปตามธรรมชาติ?ของสัตว์โลกทุกชนิด?)..ในแบบของพุทธ?แต่อย่างใด?..
[ที่อาจทำให้พุทธบางสำนัก?ใช้ประโยชน์ในการโฆษณาสรรพคุณ?ว่า..หลักพุทธ?นั้นเหนือกว่าศาสนาใดๆในโลก?,ที่สามารถละกิเลสกามารมณ์?จนถึงก้นบึ้งของจิตได้?..ประมาณนั้น(?).. ซึ่งเราส่วนตัว,ยังไม่เชื่อว่าจะทำได้?,หรือเป็นได้จริง?..แต่อย่างใด?..]..
สังคมฝรั่ง?จึงไม่ค่อยมีความเครียด?ในเรื่องทางเพศ?ที่ต้องปกปิด?,หรือไม่กล้าแสดงออกให้ใครรับรู้?แบบในบริบทของสังคมไทย?..อย่างนั้นหรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:6:08:22 น.
(F)5.ถามว่า.. ทำไมธรรมชาติ?จึงวางกับดัก?ให้มนุษย์หลงใหล?และเพลิดเพลิน?,ตื่นเต้น?,ถวิลหา?กับการมีเพศสัมพันธ์ต่อกัน?..
นั่นอาจเป็นเพราะ..ธรรมชาติ?ไม่ต้องการให้มนุษย์หรือสัตว์โลกทั้งหลาย,สูญสิ้นเผ่าพันธุ์?..นั่นเอง(?)..
ในวัยเด็ก.. เราจะเริ่มเรียนรู้สัมผัสทางเพศพื้นฐาน?จากการเล่นปูไต่?ตามแขน,ขา?(ด้วยตนเอง),ที่ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน?คล้ายอาการคันเล็กๆ?..
พอโตมาหน่อย.. ถ้าไปให้ช่างตัดผม(ในสมัยก่อน)ตัดผมให้,ก็มักจะมีการแคะหู?,ปั่นหู?(เล็กน้อย)บริการแถมให้กับลูกค้าด้วย,เราก็จะเริ่มเรียนรู้จากอาการที่คันแบบสะดุ้งๆ,หวาดๆ,หวิวๆ,กึ่งท้าทาย?,บางครั้งว่างๆ..ก็เลยหาซื้อที่แคะหู?,ปั่นหู?มาใช้งานเองซะเลย(?)..ประมาณนั้น..
ซึ่งนั่นแหละ.. อาการความสุขทางเพศ?ก็มีลักษณะที่คล้ายสัมผัสที่ตื่นเต้น?ในการแคะหู?หรือปั่นหู?นั่นเอง?,แต่สัมผัสทางเพศ?นั้นจะมีชั้นเชิงที่ซับซ้อน,ลึกล้ำในรายละเอียด??มากกว่ากันมาก(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:6:28:52 น.
(G)6.คือทางพระ?จะสอนให้เห็นโทษของกาม?,ให้พยายามควบคุมหรือกดข่มอารมณ์ความต้องการทางเพศ?เอาไว้?..
แต่จริงๆ..มนุษย์?มีอัตตายึดถือตัวตน?,หรือต้องการสนองรสเสพ?แห่งอัตตาตัวตน?และมานะทิฐิ?ที่เป็นความใคร่เอาชนะ(ใจ)?ต่อเพศตรงข้าม?,และรวมทั้งความยึดถือ?ที่ต้องการสัมผัส?ที่เป็นรสสุขทางกามารมณ์?มาเพื่อตนได้เสพ?(ซึ่งมีลักษณะของบทบาท?ของการผสม,คลุกเคล้า,รวมกัน?เป็นอารมณ์?ที่เรียกว่าอารมณ์ทางกาม?เป็นปกติ,ธรรมดา,ธรรมชาติ?อยู่แล้ว?)..
ซึ่งเราก็ยังไม่เชื่อเลยว่า..จะมีผู้ละรสแห่งกาม?ในบริบทคำสอนของพุทธ?ได้แบบจริงๆ?แต่อย่างใดเลย(?)..
และจริงๆเท่าที่ศึกษาส่วนตัว,เราเรียนรู้ว่า.. ที่ชาย-หญิง?ต่างติดใจในรสกามซึ่งกันและกัน?,เพราะไม่ใช่มีเพียงรสสัมผัสต่อกันทางผิวหนัง,สรีระ?เพียงบริบทเดียว?เท่านั้น?,ที่เป็นเหตุจูงใจให้มนุษย์ติดหลง?..
แต่มิหนำซ้ำ,ยังได้ความรู้สึกทางจิต?ที่ได้สนองอัตตา,ความรู้สึกยิ่งใหญ่?,ได้เอาชนะทางใจ?และทางสรีระ?ของเพศตรงข้าม?ไปด้วยพร้อมๆกัน?(ประหนึ่งได้ครองโลกทั้งโลก?,หรือได้ควบคุมจักรวาลทั้งจักรวาล?ไปนั่นเลยเทียว?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:7:06:55 น.
(H)7.โดยเฉพาะสำหรับผู้ชาย?,คือเมื่อผู้หญิง?ยอมให้เรามีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง?,ก็จะรู้สึกเป็นความได้รับเกียรติ?,ความอิ่มใจ?,ปลาบปลื้มใจ?,(อาจถึงขั้นสะใจ,สะอารมณ์?)ในอัตตาของตัวเอง?(ที่ปกติทางจิตวิทยามักจะเรียกร้องการยอมรับจากเพศตรงข้าม?,ซึ่งถ้าเป็นเพศเดียวกัน?ที่มาให้การยอมรับ?,ก็อาจจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น?หรือภูมิใจ?อะไรมากมาย?..อยู่แล้ว?),พร้อมๆกับการสัมผัสความสุขในทางกาม?มาพร้อมๆกันด้วย(?)..
ดังนั้น.. คล้ายธรรมชาติวางกับดักไว้?,ซึ่งถ้าจะลองทำให้ใจนั้นนิ่งๆ?(เช่น.. การสะกดใจไว้?,แบบคล้ายวิธีฝึกสมาธิแบบพุทธ?,หรือแบบกึ่งสมาธิสายฤาษี?ก็ตาม)ในขณะปฏิบัติกิจ?,โดยที่จะพยายามควบคุม?,แยกแยะ?,ไม่ให้จิตใจ+สมอง?รู้สึกเป็นอัตตาความภาคภูมิใจ?,ความกระหยิ่มใจ?ที่ได้ชัยชนะต่อตัวเธอ?ที่ทำให้เธอยอมเราได้?ผสมเข้ามาในความรู้สึก?ด้วย?.. เมื่อนั้น,ความสุขในการมีเพศสัมพันธ์?นั้น,ก็อาจไม่สามารถสุขถึงที่สุด?ตามความประสงค์,มุ่งหมาย?,หรือเท่ากับล้มเหลว?ไปด้วย?..ได้เช่นกัน?.. เช่นนี้เป็นต้น..
[[ซึ่งจริงๆ..อัตตา?กับกาม?(หรือกามารมณ์?)นั้นแยกจากกันไม่ขาด,ซึ่งบางครั้ง..คนติดกิเลสอัตตา?ที่ใคร่ในการเอาชนะต่อสรรพสิ่ง?นั้น,อาจติดมากกว่าเรื่องติดรสแห่งกาม?ล้วนๆ?..เสียด้วยซ้ำไป(?)..
เพราะจะสังเกตว่า.. ผู้สูงวัยแล้ว?หลายคน,หลายท่าน,แม้เรื่องกามารมณ์?อาจจะเจือจางไปมากแล้ว(?),แต่ก็ยังไม่อาจลดละความอยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่?ในทางสังคม?ก็มีให้เห็นอยู่ไม่ใช่น้อย?..ใช่ไหมล่ะ?..]]..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:8:01:57 น.
(I)8.ส่วนหญิง?นั้น,ก็มักจะได้ความสุขทางเพศ?พร้อมๆไปกับความรู้สึกอบอุ่นใจ?หรือรู้สึกมั่นคง?ที่มีคู่ครอง?,หรือผู้คุ้มครองใกล้ชิด?,ซึ่งหญิงทุกคน?พึงปรารถนาอย่างยิ่ง(?)..
และรวมทั้งการได้เปิดเผยตัวตน?หรือสรีระร่างกาย?ในที่ส่วนตัว?(รโหฐาน)กับคู่ครอง?,โดยไม่ต้องคอยปกปิด?ให้ดูเรียบร้อย?,มิดชิด?,สุภาพ?ในบริบท?ของมารยาทของสังคม?,ซึ่งอยู่ต่อหน้าสายตาผู้คน?(อันน่าอึดอัด?,เกะกะ?,รุงรัง?,มากพิธี?,มากมารยาท?อีกต่อไป?),ซึ่งทำให้ผู้หญิง?(บางส่วน)รู้สึกมีความปลอดโปร่ง?,โล่งใจ?,อิ่มเอิบ?อย่างบอกไม่ถูก(?)..(ที่ได้เปิดเผยสรีระ?ที่ไม่ต้องคอยปกปิดที่เหมือนใส่หน้ากากต่อกัน?ต่อหน้าคู่ครองของตน?)ประมาณนั้น(?)..
ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้?จะเกิดขึ้นในเวลาที่มีเพศสัมพันธ์กัน?อย่างพร้อมมูล(?),ทางความรู้สึกในจิตใจ?ซึ่งยากที่จะให้สมอง?พิจารณากำหนดรู้?(แบบคล้ายการวิปัสสนา?)ว่า..เราไปยึดมั่น,ติดในอารมณ์สุข?จากการมีเพศสัมพันธ์?ในขั้นตอนไหนหนอ?เพื่อจะหาทางเลิกละการติดยึดในเรื่องกามารมณ์?ได้โดยง่าย?..ได้เลย?.. ประมาณนั้น(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:9:08:32 น.
(J)9.ดังนั้น..เราจึงมองว่า..ธรรมชาติ?นั้นยังคงมีอำนาจแข็งแกร่ง?เหนือกว่าคำสอนที่เป็นปรัชญาเชิงพุทธ?[ในเรื่องที่มองว่า..หลักการการตัดกิเลส?(โดยเฉพาะกิเลสเรื่องกามารมณ์?)ของพุทธศาสนา?นั้น,เป็นเรื่องที่ทำได้จริง?,หรือเป็นไปได้?นั้น?].. ที่อยากขอสรุปว่า"ธรรมชาติ?"น่าจะมี"ความเป็นจริง?"และ"ยืนหยัดได้อย่างต่อเนื่อง?"ได้มากกว่า์,หรือเป็นจริงกว่า"อุดมการณ์การตัดกิเลสกามให้สูญสิ้นแบบพุทธ?"?..หรือไม่?..
ดังที่พระพุทธเจ้าก็ยังทรงตรัสบอกว่า..สิ่งที่ไม่มีวันอิ่ม,วันเต็ม?คือ..การเสพการนอน1,การเสพการเมา1,และการเสพกามารมณ์?(หรือเมถุนธรรม?)อีก1,ที่จะไม่มีการอิ่มการเต็ม?แห่งความพึงพอใจ?ได้เลย?.. ใช่หรือไม่?..
ดังนั้น.. พระพุทธองค์จึงทรงบอกย้ำว่า..ในเรื่องเมถุน?หรือกามารมณ์?นั้น,ต้องให้ชักสะพานเสีย?หรือไม่ต้องไปข้องแวะ?,พัวพัน?ไปเลยสถานเดียว?เท่านั้น(?).. ใช่หรือไม่?..
เพราะถ้ายังขืนเสพกามารมณ์อยู่?,แล้วจะให้ใช้สมองวิปัสสนา?หรือธัมมวิจัย?ไปพร้อมๆกันด้วย?.. ประมาณว่า.. ถ้าจะพิจารณาว่า..รสแห่งกามารมณ์?(ที่กำลังเสพอยู่นั้น?)ให้เป็นเรื่องของทุกขัง?,อนิจจัง?,อนัตตา?( =กฎไตรลักษณ์?)ไปด้วยในเวลาเดียวกัน?,เพื่อจะหาทางละการติดยึดในการเสพกาม?นั้น,ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้เลย(?),หรือพูดง่ายๆก็คือ..ต้องให้กดข่มไปเลย?,หรือไม่ต้องไปยุ่งกับการเสพกามารมณ์?ไปเลย?..ว่างั้นเถอะ?..นั่นเอง?..ไงล่ะ?..
นี่แหละ..จึงเป็นเหตุให้เราสรุปว่า.. มนุษย์อาจจะ(หรือน่าจะ)ไม่สามารถละเรื่องความรู้สึก?ในเรื่องความต้องการทางเพศ?ในส่วนลึกๆของจิตใจ?(ในสัญชาตญาณ?ของความเป็นสัตว์โลก?,ที่มีความติดอกติดใจ?ในเรื่องการเสพกาม?,ผสมพันธุ์กัน?มาแบบนานับชาติ?แบบนับไม่ถ้วน?,กว่าจะพัฒนาการมาเป็นมนุษย์?นั้น)ให้(พิจารณา)กลายเป็นเรื่องสุญญตา?,ในบริบทคำสอนของศาสนาพุทธ?ได้จริง?.. นั่นเอง?..
(เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าเอง?ในชาติสุดท้าย,ก็ยังต้องไปมีบุตร?กับนางพิมพา?ก่อน?.. ก่อนจะค่อยมาตรัสรู้?เป็นพระพุทธเจ้า?ในภายหลัง?..นั่นอยู่เลย?.. ใช่หรือไม่?..)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:10:12:00 น.
(K)10.เรื่องที่กำลังเป็นข่าวฮือฮา?,เรามองในมุมมองส่วนตัว?,ก็คือเราพิจารณาว่า.. กรณีการตั้งชื่อเล่น?ที่อาจมีส่วนวนจิต?,วนสมอง?ของเจ้าของชื่อเล่น?ให้ไปสู่การตอกย้ำ?,หมกมุ่น?ให้เกิดการขาดสติ?ในการขบคิด?ในวังวนเรื่องเพศตรงข้าม?ตามมา?(เช่นชื่อเล่นบางคำ?ที่ไปตรงกับชนิดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิด?,หรือชื่อเล่นที่มีความหมาย?ว่าคบซ้อน?หรือการเป็นชู้?..เป็นต้น?)..
และยังคล้ายกับเป็นบัตรเชิญ?ที่เรียกหาการผิดประเวณีทางเพศ?ให้เข้ามาสู่ตนเอง?ได้โดยง่าย?..อีกด้วย?.. ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ตนเอง?ผู้เป็นเจ้าของชื่อเล่นต่างๆ?(บางชื่อ?)เหล่านี้?,อาจต้องเจอวิบากกรรม?ที่ทำให้ตนเอง?ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงในเรื่องทางเพศ,ชู้สาว?ได้ในภายหลังอีกด้วย(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:10:39:51 น.
(L)11.และอีกอนึ่งของความซิกแซ็กของสังคมไทย?.. เช่น.. กฎหมาย?อาจมีข้อกำหนด?ที่ไม่ได้ครอบคลุมหลักศีลธรรม,จรรยา,มารยาท?ของบุคคลในสังคม?ไปเสียทั้งหมดก็ตาม?..
โดยอาจกำหนดว่า..ภาพที่สื่อสารทางสาธารณะ?จะต้องห้ามโชว์ให้เห็นหน้าอก?ของหญิง?,ก็หญิงบางส่วน?ก็อาจเป็นเพราะธรรมชาติ?ของการอยากหาคู่ครอง?พาไป(?)(ซึ่งบุพการีบางส่วน?ก็มักไม่สอน?,หรือไม่กล้าสอน?ในเรื่องการวางตัว?,หรือการแต่งตัวที่ยั่วยวนชาย?,เพราะ..ก็เพราะอาจกลัวว่า..ถ้าไปบอกให้แต่งตัวมิดชิด?,ปกปิด?,เรียบร้อย?,ก็อาจคิดไปไกลถึงว่า..ลูกจะหาคู่ครองไม่ได้?..ประมาณนั้น?..ก็เป็นได้?..หรือไม่?)..
ก็เลยหญิงสาว?(บางส่วน)มักจะนึกคิดตามสัญชาตญาณ?ที่ไม่เคยถูกสั่งสอนอบรมใดๆ?,ก็เลยมักต้องอยากโชว์ส่วนสัด?หรืออวัยวะพึงสงวนบางส่วน?ที่สื่อสารถึงบริบททางเพศบางอย่าง?เพื่อหวังให้เกิดนัยยะที่ยั่วยวนชาย?ให้อยากมาข้องแวะ?,คบหา?,สัมพันธ์ด้วย?..
ก็จึงมักกลายเป็นปกปิดสรีระ?หรืออวัยวะ?เพียงเล็กน้อย?เฉพาะในจุด,แค่ที่มีข้อห้ามทางกฎหมายจังๆ?เท่านั้น(?),แต่นอกนั้นก็พยายามเปิดเผยสัดส่วน?,อวัยวะบางอย่าง?ให้มาก?ถึงมากที่สุด?,ให้ดูชะเวิบชะวาบ?,หวือหวา?,ชวนให้ชายหนุ่มทั้งหลาย?พลอยรู้สึกหวาดเสียว?ไปด้วย?..
(รวมทั้งสื่อบางส่วน?ก็ยังเป็นใจ?,เพื่อสนองเรตติ้ง?ของรายการของตน?,ก็ยิ่งช่วยนำเสนอภาพต่างๆ?เหล่านั้น?..อีกด้วย?).. จนแทบจะเรียกได้ว่า..สามารถช่วยสร้างจินตนาการ?ให้กับชายหนุ่มบางส่วน?จนเหมือนเห็นสรีระที่ไม่มีสิ่งปกปิดใดๆ?ไปแล้ว?..ก็เป็นได้?..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:11:16:56 น.
(M)12.และเมื่อพระ?ยิ่งไม่สอน?หรือไม่กล้าสอน?ว่า.. คนชาวพุทธ?โดยเฉพาะหญิงชาวพุทธ?ควรแต่งกายอย่างไร?,ให้เหมาะสม?,ไม่ดูอุจาด?,อนาจาร?,จนอาจดูไม่เหมาะสม?กับบริบทของศีลข้อ3?ไปแล้วก็เป็นได้?..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
หรือเหมือนเท่ากับเป็นการเชิญชวน?ให้ผู้ชาย?(บางส่วน)เกิดความต้องการมีอะไรๆ?กับตนเอง?..ประมาณนั้น(?).. ดังที่มีดร.พิธีกรดัง?(บางท่าน)ของรายการทีวีบางช่อง?เคยพูดโดยใช้สำนวนว่า..หญิงไม่ควรแต่งตัวคล้ายกำลังส่งบัตรเชิญ?ประมาณนั้น(?).. ซึ่งเราก็เห็นด้วยมากๆ..
ซึ่งจริงๆเราไม่อยากให้สังคมไทย?เป็นสังคมซิกแซ็ก?,ไม่ตรงไปตรงมา?,ก็คือควรพิจารณาออกกฎหมาย?ให้ตรงไปตรงมาตามบริบทของศาสนา?(หรือเอื้อต่อหลักศาสนา?).. คือหญิง?ไม่ควรแต่งกายโชว์ส่วนสัดวับๆแวมๆ?ซึ่งอาจมีส่วนเป็นเหตุผลเริ่มต้น?ที่ทำให้สังคม?เกิดอาชญากรรมทางเพศ?,และการล่วงละเมิดทางเพศ?ในหญิง-ชาย?ที่มีการคลุกคลี?,ใกล้ชิดกัน?อย่างไม่สมควรได้(?)..
หลักศาสนา?ที่ป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ?ที่ดี.. ก็คือการคลุมฮิย้าบ?ของมุสลิม?,ซึ่งเราเห็นว่าน่าจะนำมาประยุกต์?ในการออกข้อกฎหมาย?(ที่เอื้อต่อหลักศีลธรรม,จรรยา?)ให้กับสังคมไทย?.. ซึ่งน่าจะช่วยให้เรื่องการประพฤติผิดหลักศีลธรรมทางเพศ?คล้ายเช่นที่กำลังเป็นข่าวพูดกันมากมาย?อยู่ในทุกวันนี้?..ลดลงได้มากนะ?..เราว่า?..
...ด้วยความปรารถนาดีและด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 7 มกราคม 2567 เวลา:12:32:56 น.
มหากาพย์คดีเมล่อน.. งานนี้อัจฉริยะปะทะเดชา?.. เข้ากั๊น..เข้ากัน.. เข้าตำนานเสือพบสิงห์?.. เรื่องจริงไม่ใช่อิงนิยาย..ครับผม..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 8 มกราคม 2567 เวลา:19:56:30 น.
(a)(ความคิดเห็นส่วนตัว..เพื่อเป็นประโยชน์แก่สังคมโดยรวมครับ)..
ข่าวด่วนร้อนๆ.. มีความข้องใจมาเป็นสิบๆปีแล้ว.. ดังนี้..
1.กรณีผัว-เมีย.. โดยมีผ่ายหนึ่งยิงอีกฝ่ายตาย,และยิงตัวเองตายตาม,สรุปคือตายทั้งคู่,แล้วจะต้องมีการตัดสินคดีทางระบบศาลว่า..ฝ่ายใดผิดหรือไม่?..
เพราะถ้าสมมุติว่าไม่มีการตัดสินว่าฝ่ายใดผิด?,ดังนั้น..ผู้เสียหายโดยตรงก็จะเรียกร้องการชดใช้จากมรดกของฝ่ายผิด(แม้จะตายไปด้วยกันได้อย่างไร?),เพื่อชดใช้ให้กับฝ่ายที่เสียหายโดยตรง,หรือฝ่ายที่ถูกกระทำ(ด้านเดียว?)ได้อย่างไร?.. ใช่หรือไม่?..
ซึ่งเคยได้ยินคำว่าฟ้องผี?นั้นคืออย่างไร?.. คือฟ้องทางอาญา?หรือทางแพ่ง?ครับ?.. ดังนั้น.. สื่อควรจะนำรายละเอียดเหล่านี้ออกมาขยายให้ประชาชนได้เรียนรู้,เพื่อเป็นประโยชน์,เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดกับญาติพี่น้องของตัวเอง..ด้วยนะครับ(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 10 มกราคม 2567 เวลา:0:57:30 น.
(b)2.อยากให้มีการไขข้อสงสัยในระบบการฝากเงินไว้กับองค์กรการเงินของรัฐหรือเอกชนก็ตาม..ว่า.. กรณีที่มีบัญชีการเงินของผู้เสียชีวิตใดๆที่ฝากไว้กับองค์กรการเงินต่างๆ,แต่ญาติของผู้เสียชีวิตอาจไม่ได้รับรู้หรือรู้เรื่องบัญชีเหล่านั้นจากผู้ตายมาก่อน(ซึ่งคาดว่าอาจมีอยู่จำนวนหนึ่ง,หรือไม่?),หรือสมุดบัญชีของผู้ตายใดๆอาจเก็บซุกซ่อนไว้จนที่สุด,อาจสูญหายหรือถูกทำลายไปโดยไม่ตั้งใจ..
แล้วเงินในองค์กรการเงินต่างๆที่ผ่านมา,เคยมีการจัดการกันอย่างไร?,หรือควรจะมีการจัดการเงินเหล่านี้,หรือบัญชีล่องลอยเหล่านี้?กันอย่างไร?..
และควรมีระบบธรรมาภิบาลในการจัดการเงินที่ไม่มีญาติของผู้ตายมาเรียกร้อง,หรือบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว,และไม่มีผู้มาถอนออกเป็นเวลานานๆ(เช่น.. นับเป็นเวลา5ปี,10ปีขึ้นไป)อย่างไร?..
แต่เราเห็นว่า..ไม่ควรให้เงินของผู้ตายนั้นๆ?ถูกดูแลรักษาไว้ในองค์กรการเงินต่างๆ(โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ทางรัฐมาช่วยตรวจสอบดูแลเพื่อนำจ่ายให้กับญาติของผู้ตาย)..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 10 มกราคม 2567 เวลา:1:28:26 น.
(c)3.และน่าจะมีการออกกฎหมายที่ชัดเจนประมาณว่า.. ให้องค์การการเงินต่างๆต้องไม่เงียบเฉย?,แต่ต้องมีส่วนงานที่ต้องเผยแพร่ข้อมูลสำหรับบัญชีเงินฝากที่นิ่งๆที่คล้ายถูกแขวนไว้?..
รวมทั้งทุกองค์กรการเงินต่างๆ,เมื่อมีข่าวสารสาธารณะว่าผู้ตาย(ด้วยเหตุต่างๆ)มีชื่อเป็นลูกค้าหรือมีชื่อในรายนามบัญชีเงินฝาก?ที่อยู่ในอาณัติขององค์กรแต่ละองค์กร,ก็ควรมีแผนกหรือเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจ,เพื่อติดตาม,เพื่อแจ้งให้ญาติผู้ตายทราบหรือนำเงินฝากนั้นๆไปให้กับผู้รับมรดกของผู้ตายโดยเร็ว,ให้เรียบร้อยถูกต้อง.. อย่างนี้น่าจะถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลของการเป็นองค์กรทางการเงินใดๆต่างๆอย่างดีที่สุด..ใช่หรือไม่?..
และควรออกกฎหมายให้ต้องรีบเปิดเผยโดยไม่ชักช้า,ประมาณว่า..มีเงินที่ลอยๆ?อยู่ในบัญชีเงินฝากของผู้ตายใดๆหรือ"ผู้สูญหายใดๆไปนานๆ,โดยที่องค์กรทางการเงินต่างๆเป็นผู้ดูแลเก็บรักษาเงินนั้นไว้,ตั้งแต่จัดตั้งองค์กรทางการเงินนั้นๆขึ้นมานั้น,มีอยู่เป็นจำนวนเงินรวมกันเท่าไหร่?,และมีรายชื่อเป็นของผู้ใดบ้าง?..ดีหรือไม่?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความปรารถนาดีและด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 10 มกราคม 2567 เวลา:1:41:44 น.
(A)(1)เราได้ดูข่าวช่วงนี้,ทำไปทำมา,ดูท่าเสือใต้ก็คงฉลาดรู้ทางปืนว่า..ถ้าขืนสู้หรือยุ่งกับเรื่องผลไม้บางชนิด,ก็อาจต้องพลอยติดร่างแหในสถานะผู้สมคิด,ร่วมรับรู้?ไปด้วยกระมัง(?),จึงอาจชิงถอยฉากเสียก่อน..
ส่วนฝ่ายสิงห์เหนือหรือก็ฉลาดไม่ต่างกันทำท่าเปรยๆออกมาว่า..ก็ไม่ค่อยอยากยุ่ง(กับเรื่องชวนให้ปวดสมองเท่าไหร่?),เพราะคงอาจจะมองว่าท่านแม่(ย่า)นางเธอก็ดูน่าจะไม่ใช่ธรรมดา?(เหมือนเพลงไชยาร้อง)อยู่เหมือนกันนะ(?)..ประมาณนั้นเลย(?)..
เพราะสังคมเรา,มนุษย์ฉลาดขึ้น,และเทคโนโลยี่สื่อสารและอินเตอร์เน็ตก็ยังมาช่วยส่งเสริมให้ความฉลาดของมนุษย์ยิ่งมีพลังมากขึ้นอีกด้วย..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 10 มกราคม 2567 เวลา:3:39:42 น.
(B)(2)ดังนั้น.. เริ่มตั้งแต่นักการเมืองทั้งหลายเป็นต้นมาเลย.. ที่ถ้าคิดว่าจะเล่นการเมือง,จึงจะต้องสร้างประวัติส่วนตัว(โปรไฟล์),หรือต้องทำประวัติของตนให้เป็นคนที่ดีงาม,มีศีลธรรมตามหลักศาสนาต่างๆมาตั้งแต่เริ่มเป็นเด็กที่เริ่มรู้เดียงสามาเลยนั่นแหละ.. จะใช้ชีวิตแบบมั่วๆซั่วๆ,หรือทำตัวแบบเสเพลบอย,เสเพลเกิร์ลไปวันๆคงไม่ได้..
(ดังนั้น..ใครที่รู้ตัวว่าเคยมีประวัติเทาๆจึงไม่ควรลงเล่นการเมืองในยุคนี้เป็นอย่างยิ่ง.. ถ้าไม่ประสงค์ที่จะต้องมานั่งสางโจทย์(หมือนลิงแก้แห),ที่อาจทำให้คุณดิ้นไม่หลุด,หรืออาจต้องเสี่อมเสียชื่อเสียงไปตลอดทั้งชาติ..
ไม่งั้น..คุณก็อาจจะต้องเผชิญกับการสืบค้นประวัติชีวิต,พฤติกรรมของคุณตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก,โดยสืบค้นมาจากอุปกรณ์การสื่อสารและคอมพิวเตอร์ทั้งหลายมาเลยนั่นเทียว..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 10 มกราคม 2567 เวลา:3:54:21 น.
(C)(3.)ต่อมาก็มีบรรดาทเนอะ,ทโนะ,ทเนะด้วยก็ตาม,คุณก็จะต้องเปลี่ยนทัศนะ,ละความโลภ,ที่แต่เดิม..ประมาณว่า..เมื่อเพิ่มเรื่องราว,ก็เท่ากับได้เพิ่มค่าใช้จ่าย,หรือจากหลัก10ล.ก็ทำให้กลายเป็นหลัก100ล.ขึ้นไปนั่นเลย..ประมาณนั้น..
แต่ทัศนะแบบใหม่,จะต้องขายความซื่อสัตย์เป็นหลัก,ต้องพูดหรือทำอะไรแบบตรงไปตรงมาได้อย่างเดียวเท่านั้น.. คือจะต้องยึดถือการทำอะไรให้ตรงไปตรงมาเป็นหลักการที่ยิ่งใหญ่(?)..(คือคล้ายสังคมฝรั่ง,ที่มีความซิกแซ้ก,คดเคี้ยว?น้อยกว่าสังคมของโลกตะวันออก..นั่นแหละ)..
การพูดใดๆต้องยืนอยู่บนหลักความจริงเท่านั้น,ที่ตนเองต้องมั่นใจว่าจะพูดกี่ครั้ง?,หรือจะมีผู้สื่อข่าวถามกี่ครั้ง?ก็จะต้องตอบ(ให้)ได้ตรงกันทุกครั้ง(เพราะความจริงย่อมมีหนึ่งเดียว..เท่านั้น)..
ซึ่งไม่ควรคิดใช้ชั้นเชิง,ความแววไว,หรือไหวพริบ,ปฏิภาณ,ความฉลาด,หรือถึงขั้นใช้เท็คนิคสารพัด,หรือหนักกว่านั้นอาจถึงขั้นใช้เชิงแท็คติก( =แผนหรือเล่ห์กล,เหลี่ยมมุม)ในวงการพิจารณาถูก-ผิด?ที่คุณได้ร่ำเรียนมา,โดยมองเห็นเรื่องระบบถกเถียงถูก-ผิด?เสมือนว่า..เป็นการละเล่นในสนามบางอย่างของเกมส์ต่างๆที่อาจใช้แท็คติกต่างๆได้..
(ซึ่งคุณต้องตระหนักรู้ว่า.."ประชาชน"รวมทั้ง"สื่อมวลชนต่างๆ"ด้วย,ในยุคที่"เทคโนโลยี่สื่อสารเฟื่องฟูนี้",เขาสามารถตามทัน"ความคิดที่คดเคี้ยว?,มากเล่ห์กล?"ของ"บางคน"ได้ออกแทบทั้งหมดนั่นแหละ,อยู่ที่เขาจะ"กล้าพูด,กล้าแสดงออก?"ออกมาหรือไม่?..เท่านั้นเอง)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 10 มกราคม 2567 เวลา:7:24:22 น.
(D)(4)ซึ่งที่สุดแม้จะเป็นแค่การแข่งขันการละเล่นหลายชนิด,บางชนิดก็จะมีถึงขั้นการใช้ระบบเทคโนโลยี่เชิงกล้องถ่ายภาพและเทคโนโลยี่อื่นๆที่เป็นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อมาช่วยระบุความถูก-ผิดของผู้แข่งขัน,เมื่อกรรมการกำกับสนามหรือเวทีเกิดมีข้อสงสัย,ซึ่งอาจทำให้บางคนถึงกับต้องเสียคน,เสียชื่อเสียงไปตลอดชีวิตเลย,ก็เป็นได้ด้วย(?)..
ดังนั้น..วิทยาการการสื่อสารและการเทคโนโลยี่ที่ล้ำยุค,ทันสมัยก็จะช่วยขัดเกลาสังคม,ผู้คนให้เรียนรู้ว่า..โลกยุคหน้าอันไม่ไกลนัก,คุณทุกคนจะต้องยึดกรอบแห่งความซื่อสัตย์,ซื่อตรง,ตรงไปตรงมาเท่านั้น,จะพูดอะไรกี่ครั้ง?,ก็ต้องพูดให้เหมือนกันทุกครั้ง,และเคร่งในหลักศีลธรรมตามมาด้วย..
เพราะชีวิตและ/หรืออาชีพของคุณ(บางคน,บางท่าน)อาจมีสิทธิ์ล้มคะมำ?ได้เสมอ(?),ถ้าเผอิญมีใครดึงเอาดิจิต้อลฟุตปริ๊นซ์ของคุณ?ออกมาโชว์ให้สังคมได้รับรู้?ผ่านช่องทางของสื่อสาธารณะ?และ/หรือสื่อโซเชี่ยล?ซึ่งมีอยู่อย่างหลากหลายในทุกมิติ?..นั่นเอง?..ไงล่ะ?.. ใช่หรือไม่?..
และถ้าถึงวันนั้น,แม้บางคน?จะร้องไห้จนน้ำท่วมจอทีวี?,หรือจอมอนิเตอร์?เพื่อ"ขอโทษต่อสังคม,ประชาชน?"อย่างไร?,ก็คงจะสายเกินไปเสียแล้วล่ะ?..
...ด้วยความปรารถนาดีและด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 10 มกราคม 2567 เวลา:7:48:22 น.
(เสริมข้อความที่ตกหล่นครับ)..
(C.1)(ต่อจากCครับ)..
เช่น.. ในการแข่งขันของการละเล่นบางอย่าง.. อาจมีการอ้างว่า.. เป็นหัตถ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้าง(?),หรือเวลาถูกชนล้มเจ็บเล็กน้อย,ก็จะทำเหมือนว่าเจ็บมากมาย?,เพื่อจะให้ฝ่ายตนเองได้รับประโยชน์ในเชิงกติกา?ในการแข่งขันของการละเล่นบางอย่างนั้น,ที่กำลังเป็นที่นิยมกันมาก,ในสังคมโลกเราในขณะนี้นั้น..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.117 วันที่: 10 มกราคม 2567 เวลา:8:10:11 น.
(a)(ข้อคิดเห็น)..ดูข่าวบางข่าว-พวกขมังเวทย์?ช่วงนี้แล้ว..รู้สึกเป็นห่วงสังคมชาวพุทธไทยมากๆ..
สังคมไทย?มันเป็นยังไงนะ?.. ทำไมผู้ใหญ่ๆ(บางส่วน)โดยเฉพาะผู้ใหญ่ๆ(บางส่วน)ที่ป็นคนพุทธ?(ซึ่งชาวพุทธไทยมีถึง95%)พากันเอาตัวรอด?(เฉพาะตัว?)กันแทบทั้งนั้น(?)..
ทำไมจึงทำเฉยๆกัน,คล้ายนอนหลับไม่รู้?,นอนคู้ไม่เห็น?..ประมาณนั้น.. แล้วปล่อยให้สังคมพุทธ?มีบรรดาผู้บางคน?ที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์สารพัด?,ที่สร้างความงมงาย?ให้แก่สังคม?,ให้มัวเมา?ในเรื่องกิเลส,ตัณหา?,โดยเฉพาะกิเลสกามารมณ์?(ที่ไม่ถูกตามครรลองประเพณีที่ถูกศีลถูกธรรม?แต่อย่างใด?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.39 วันที่: 14 มกราคม 2567 เวลา:21:15:41 น.
(b)โดยที่สุดตนเอง?( =อาจารย์จอมขลัง?,ขมังเวทย์บางคน?)ก็จะได้ค่าครู?,ค่าบูชา?,ค่าทำพิธีกรรม?(จิปาถะ?)ก่อนเป็นอย่างแรก[และมากกว่านั้น..ก็คืออย่างที่มักเห็นกันตามข่าว.. เช่น.. ที่อ้างชื่อเป็นสรรพนามของนักบวชพุทธระดับเณร?,แต่ตัวเอง?(บางราย?)กลับมีบทบาทเป็นแค่ฆราวาส-ปุถุชน?(ที่หนา?,และมัวเมาในกิเลส?).. เป็นต้น]..
ซึ่ง ตัวอาจารย์ขมังเวทย์เหล่านั้นบางคน?ก็ต่างก็พอรู้เรื่องหลักจิตวิทยามนุษย์?อยู่แล้วว่า..โดยเฉพาะสตรีเพศ?(บางส่วน,บางคน)มักมีแนวโน้มที่จะหูไม่หนักแน่น?( =หูเบา?),มักเชื่อในพิธีกรรม?ที่เป็นเรื่องของศาสตร์ของขลัง?,คาถาภาษาบาลี?กันง่ายๆ(?)..
ซึ่งเห็นกันอยู่เสมอ(?)(เผลอๆอาจารย์ขมังเวทย์บางคน?ก็มีสวดคาถาบางอย่าง?ที่มีคำในทางพุทธศาสนา?มาผสมโรง?ด้วยซ้ำไป(?).. อย่างนี้ผู้ใหญ่ๆชาวพุทธ?ของสังคมไทย?ก็ยังทำเฉยๆอยู่ได้เนาะ(?),ไม่มีใครออกมาท้วงติงอะไรๆ?,ต่อเรื่องที่กำลังเป็นข่าวดัง?,เรื่องอาจารย์ขมังเวทย์สายเทาๆ?ใดๆเลย(?)..(ฟังเพลงมันแปลกดีนะ?ประกอบด้วยครับ)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.39 วันที่: 14 มกราคม 2567 เวลา:21:39:03 น.
(ก)(ข่าวใหญ่-ข่าวด่วน)..
ขอให้สังคมไทยช่วยกันกระชากหน้ากากคนดีย์?ออกมาให้ถึงต้นทาง?(ขอบคุณครับ)..
เพราะบางคน,ประชาชนหรือนักข่าว,ที่มีเซ้นซ์การอ่านคน,หรือคนที่เคยปฏิบัติธรรมด้านอ่านจิตมาก่อน,ก็จะพอดูหน้าตา,ท่าทาง,แววตา,ก็พอจะอ่านรู้ได้ไม่ยากอยู่แล้ว,ว่าคนบางคน?เป็นคนที่ตรงหรือคด?อยู่แล้วได้ไม่ยาก(?)..
[ซึ่งเราอ่านดูส่วนตัว,จะมี1คน,ส่วนอีก1คนจะเป็นคนที่อ่านยาก,เพราะเท่าที่ผ่านมา,ได้สร้างเครดิตให้กับตัวเอง?ว่า..เป็นคนที่ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ?มาโดยตลอด(?),เป็นคนที่(แนบ)เนียน(?),ซึ่งยอมรับว่าอ่านยากมาก?,ซึ่งส่วนตัว,เราเคยคิดสับสนมาตลอดว่า..คนคนนี้?เป็นคนดีแท้?หรือเป็นเพียงคนดีย์?กันแน่(?)]..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.43 วันที่: 26 มกราคม 2567 เวลา:20:32:01 น.
(ข)และอยากขอให้มีการแก้กฎหมายให้ผู้ที่แจ้งเบาะแสหรือความคิดเห็นเพื่อการตรวจสอบบุคคลทางการเมืองที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรง?และโดยอ้อม?กับการคอร์รัปชั่น?,หรือแม้จะเป็นส่วนของภาคเอกชน?โดยตรง(?)ด้วยก็ตาม(?)(เช่น..เบาะแสการหลีกเลี่ยง?,หลีกหลบ?ในการจ่ายภาษีให้ภาครัฐ?..เป็นต้น)ต่อหน่วยงานที่ป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่น(ในกรณีที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อผู้แจ้ง)ให้ไม่ต้องรับผิด?หรือรับโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญาใดๆ?ทั้งสิ้น(?)(เช่น..คดีหมิ่นประมาทใดๆ?..เป็นต้น)..
แม้ภายหลังจะมีหลักฐานออกมาว่า..เป็นความผิดพลาด?หรือเข้าใจผิดใดๆ?ก็ตาม.. เพราะถ้าอนุญาตให้มีการฟ้องกลับ?ได้.. ประชาชน,คนธรรมดาที่ไม่มีเศรษฐฐานะที่ดี?ก็จะไม่กล้าที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐ?เพื่อจะแจ้งเบาะแสการคอร์รัปชั่นใดๆ?ได้เลย(เพราะเนื่องด้วยกลัวการถูกฟ้องกลับ?..นั่นเอง)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.43 วันที่: 26 มกราคม 2567 เวลา:20:44:11 น.
(a)ทฤษฎีหัวไม่กระส่าย,หางย่อมไม่ดิก?..
1.ธรรมดาว่าจิตวิทยามนุษย์?.. ถ้าตัวเราเป็นคนที่มีอุปนิสัยทำงานตรงไปตรงมา,เราย่อมไม่เพิกเฉยต่อความไม่ถูกต้องใดๆ(?).. เช่น.. เมื่ออั๊วไม่รับเงิน,อั๊วก็ย่อมรับแต่ทรัพย์ที่ควรได้ตามกติกาเท่านั้น,อั้วก็ย่อมมีฐานะที่สมถะ,พอเป็นไป,ไม่ร่ำรวยผิดหูผิดตา,อันเนื่องมาจากการทุจริต,หรือรับเงินสีเทาโดยมิชอบใดๆ..
แล้วเมื่ออั๊วยอมเสียสละ,ไม่หวังรวยทางลัด(ทั้งตามน้ำ,ทวนน้ำใดๆ),อั๊วก็ย่อมจะไม่ยอมให้ใครมาทำทุจริต,แล้วมีทรัพย์สินมากมายเกินหน้าเกินตาอั๊ว,จนสังคมอาจดูว่า..ทำไมอั๊วจึงไม่ฉลาด(shipเป๋ง?)ที่ไม่จัดการกับ*ผู้ทุจริต*(ต่อหน้า,ต่อตา)ที่มีหลักฐานเห็นตำตาหรอก?..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.43 วันที่: 26 มกราคม 2567 เวลา:21:47:42 น.
(b)2.บรรดาผู้กระทำทุจริต,คอร์รัปชั่น?กรณีใดๆก็ตาม(บางคน).. ท่านต้องพึงสำเหนียกว่า..ไม่ว่าท่านจะเก่งแค่ไหน?,ฉลาดซิกแซ็กได้แนบเนียนปานใด?.. แต่อย่าลืมว่า..จะต้องมีอย่างน้อย1คน?ที่ท่าน(อาจ)รับทรัพย์จากเขา?(หรือบางกรณีอาจให้ทรัพย์กับเขา?ด้วยก็ตาม?)โดยมิชอบ(?)(แม้จะสมประโยชน์กัน?ก็ตาม)..
[หรือบางกรณี.. เช่น.. ลักทรัพย์ของทางราชการ?หรือลักทรัพย์ของนายจ้าง?แบบเนียนๆ,โดยไม่มีใครรู้เลย(?),แต่อย่างน้อย,ต้องมีคนที่ใกล้ชิดท่านที่สุด1คน?,คือคนที่อยู่ในครอบครัวของท่านเอง?ที่ต้องรู้สึกผิดสังเกตว่าท่านเอาเงินมาจากไหนมากมาย?,และรู้ว่าท่านน่าจะได้เงินมาโดยไม่สุจริต?เป็นแน่(?)]..
แต่เมื่อวาระใด?..ที่ท่านจะต้องพูดบางสิ่งบางอย่าง?(เช่น..การแสดงวิสัยทัศน์?)ต่อสังคม,เพื่อแสดงตัวตน?ว่า..ท่านเป็นคนดี?,คนบริสุทธิ์,ไม่มีเรื่องทุจริตใดๆ?ในกาละใดๆก็ตาม(?).. ย่อมจะมีผู้หนึ่ง?(อย่างน้อย1คน?)ที่เขาเคยให้หรือรับเงินสีเทาๆ?ต่อท่าน?นั้น?,จะต้องรู้ว่า..ท่านกำลังพูดโกหก?กับสังคม?อยู่(?)..ณ ขณะนั้น(?)..
และโดยจิตสำนึก?(ตามธรรมชาติ?)ที่ท่านย่อมรู้แก่จิตสำนึกตัวเอง?ว่า.. กำลังมีอย่างน้อย1คน?ที่รู้ว่า..เรา(กำลัง)พูดโกหก?.. ซึ่งนั่นแหละ..จะทำให้คำพูดที่ท่านพูดออกมา?นั้นไม่หนักแน่น?,และสายตา,และสีหน้า,ท่าทีของท่าน?ก็จะมีลักษณะหลบๆ?,ไม่กล้าสบตา?อย่างสนิทสนม?,เต็มที่?กับสังคม?หรือนักข่าว?อย่างเต็มตา?ได้(?)(เพราะท่านกำลังรู้สึกฟ้องผิด?ภายในจิตใจของท่าน?..นั่นเอง?)..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.43 วันที่: 26 มกราคม 2567 เวลา:22:22:40 น.
(c)3.มีคำสอนที่สำคัญของพุทธในระดับอบายมุข6(ในข้อที่5)บอกอย่างชัดเจนว่า..อย่าคบมิตรชั่ว(?),เพราะธรรมชาติคนดีแท้จะไม่อยากคบคนชั่วเป็นมิตร?,หรือให้มาทำงานอยู่ใกล้ชิดตนเอง?อยู่แล้ว(?)..
เพราะจะตระหนักว่า..บุคคล?(บางคน)นั้น(?),อาจนำภัย?,หรือความเสื่อมเสียชื่อเสียง?มาสู่ตัวท่าน?ด้วยก็เป็นได้(?).. เช่น..อาจในฐานะรู้เห็นเป็นใจ?,สมรู้ร่วมคิด?,ทฤษฎีสมคบคิด?,หรือหลับตา1ข้าง?..ประมาณนั้น(?)..
เว้นแต่ท่านไม่รู้จริงๆ(?),หรือไม่มีข้อมูล?เกี่ยวกับบุคคลใกล้ชิด?นั้นๆเลย(?).. แต่ถ้าท่านมารู้ภายหลังเมื่อไหร่?,ท่านต้องรีบขจัดคนใกล้ชิด?ที่มีชื่อเสียงไม่ดีในเรื่องทุจริต?,ไปให้พ้นจากตัวท่าน?ในทันที(?)..
แต่ถ้าท่านยังทำเฉยๆ?,ปล่อยให้สังคมเพ่งเล็ง?และวิจารณ์คนที่ใกล้ชิดท่าน?(ที่ทำงานร่วมกับท่าน?)รวมทั้งตัวท่าน?,โดยไม่นำพา(?).. สังคมย่อมจะคิดได้ในทันทีว่า.. ที่ท่านมักโฆษณาตัวเอง?ว่า..ตัวท่านดี,ตัวท่านบริสุทธิ์?ต่างๆนั้น(?),น่าจะไม่ใช่ความจริง?เสียแล้ว(?)..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.43 วันที่: 26 มกราคม 2567 เวลา:22:43:18 น.
(A)ฟังช่อง8รายการไล้ฟ์สดเรื่องเด็กม.5ถูกล่วงละเมิด(31-1-67).. มีความคิดเห็นดังนี้..
1.สังคมไทย,การเมืองไทยมักห่วงแต่เรื่องด้านเศรษฐกิจการหาอยู่หากิน,แต่ไม่ค่อยให้ความสำคัญในเรื่องของหลักศีลธรรม,โดยเฉพาะหลักศีล5ในบริบทของพุทธ..
การบอกว่า..ใครทำผิด,ทำให้เสียชื่อเสียงองค์กรต่างๆ,ก็จะต้องจัดการเอาผิดอย่างเด็ดขาดนั้นก็ดีอยู่แล้วในส่วนหนึ่ง,แต่ไม่ค่อยมีการพิจารณากันถึงว่า..เวลาจะมีการ(สอบ)สัมภาษณ์ในตอนที่จะรับคนให้มาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต่างๆนั้น..ว่าควรสกรีนให้ชัดเจนว่า..เขามีอุดมการณ์,ทัศนะความคิดในด้านการทำงานและเรื่องการปฏิบัติตามหลักศีลธรรม(ศีล5)อย่างไรบ้าง?..
ดังนั้น.. การแก้ปัญหาของสังคมที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ(บางส่วน)จึงมักเกิดขึ้นเหมือนโรคระบาด,ที่เป็นมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น.. และดูเหมือนว่า..นับวัน,จะมีเค้สที่หนักข้อมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.43 วันที่: 31 มกราคม 2567 เวลา:13:45:59 น.
(B)2.เราเห็นว่า.. ฝ่ายการเมืองไม่ควรเน้นเรื่องเศรษฐกิจหรือGDPให้มากเกินไป(?).. เพราะจะทำให้มองข้ามวัฒนธรรมของการเป็นเมืองพุทธที่ต้องคำนึงถึงประเพณีที่ดีงามที่อิงหรือสอดคล้องกับหลักศีลธรรมของพุทธศาสนาไปเสียหมด,ทำให้สังคมไทยติดตามมาด้วยปัญหาทางศีลธรรมที่หลากหลายตามมา..
แม้เราเองจะเป็นคนพุทธ,แต่เราชอบแนวทางของมุสลิมอยู่อย่างหนึ่งคือการคลุมฮิย้าบ,ที่ทำให้ลดปัญหาที่หญิงจะถูกล่วงละเมิดทางเพศได้.. ซึ่งทุกครั้งที่เราเห็นหญิงมุสลิมที่คลุมฮิย้าบ,เรามักจะรู้สึกส่วนตัวว่า.. รู้สึกเกรงใจและเคารพมาก,เพราะคล้ายว่าสัมผัสได้ว่า..พวกเธอกำลังได้รับการปกป้องจากพระเจ้าผ่านการคลุมฮิย้าบ..นั่นเอง..
ซึ่งถ้าสามารถนำหลักมุสลิมในเรื่องสตรีของมุสลิมมาประยุกต์กับสังคมพุทธ(ซึ่งทุกวันนี้ปล่อยอิสระจนเกินไป)ได้.. เราว่าถ้าสามารถทำได้,น่าจะให้ผลตอบรับทางสังคมที่ดีนะครับ..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.43 วันที่: 31 มกราคม 2567 เวลา:14:29:54 น.
(C)3.อย่างกรณีเด็กม.5ถูกล่วงละเมิดนี้.. เราเป็นคนที่ดูข่าวแบบมองละเอียด,เรามีความเห็นส่วนตัวว่า.. อย่างกรณีน้องเฟื่องฟ้า(นามสมมุติตามข่าว)อ้างว่าถูกแช็ตจีบ?จากชายคนนั้น?ตั้งแต่อยู่ป.3,ซึ่งคล้ายในข่าวบางช่วง,จะมีคำหนึ่งว่าเพราะน้องดูเป็นเด็กที่มีหน้าตาน่ารัก..
ดังนั้น.. เรามองกระทั่งว่า.. การที่พ่อ,แม่(บางส่วน)พยายามเน้นอยากให้ลูกสาวดูน่ารักตั้งแต่เป็นเด็กมาเลยนั้น,น่าจะเป็นดาบ2คม(?)มากกว่าหรือไม่?,เพราะแม้ความน่ารัก(ที่พ่อแม่บางส่วนอาจมุ่งเพื่อหวังผลประโยชน์ต่างๆจากความน่ารักของลูกก็อาจเป็นไปได้ด้วยก็ตาม?)นั้น.. แต่อีกมุมหนึ่ง..ก็คือการเรียกร้องหาภัยทางเพศ?มาสู่ตัวเด็กหรือลูกของตนเองด้วย..นั่นเอง..
ดังนั้น..หลักการมุสลิมเขาจึงคิดถูกแล้วที่วางหลักให้สตรีต้องคลุมฮิย้าบเพื่อป้องกันภัย,เพื่อลดการยั่วยวนทางเพศ?ให้กับลูกหลานของพวกเขา..นั่นเอง(?)..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.43 วันที่: 31 มกราคม 2567 เวลา:14:55:56 น.
(แทรก).1.เราดูข่าวน้องP.มีอุทาหรณ์ส่วนตัวเตือนสังคม(โดยเฉพาะสตรีเพศ)ว่า..อย่าปล่อยตัวตามอารมณ์คนคู่พาไป.. รวมทั้งเตือนบุรุษเพศด้วยว่า..อย่าใจง่าย..คิดว่าเป็นของฟรี?มานำเสนอ,เชิญชวน?.. เพราะเธอจะนำพาปัญหาสารพัด?ตามมาจนทำให้คุณเพศชายแทบจะต้องมุดดินหนี?หรือแทบไม่มีที่ยืนในสังคม?ไปเลย(?),เพราะจะเจอข้อครหา(จากสังคมรอบข้าง)ว่าลักขโมยของชาวบ้านกิน?..นั่นเอง..
ทางพุทธศาสนาบางสำนักสีกรัก,เราเคยเรียนมา,เขามองวิเคราะห์ว่า..ผู้หญิงที่เกิดมาได้สรีระเป็นหญิง?ก็เพราะประมาณว่า..เคยทำผิดศีลข้อ3ในชาติก่อน?มาก่อน(?)..
สรุปว่า..สำนักสีกรักดังกล่าวเขาจะมองสรุปว่า..อิตถีเพศคือเพศที่มีกิเลสกามารมณ์หนา,ยากต่อการที่จะตรัสรู้ธรรมะได้โดยง่าย?..ประมาณนั้น(?)..(ซึ่งก็อาจมีส่วนจริงอยู่ไม่ใช่น้อย?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.246 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:6:02:31 น.
2.เราเองส่วนตัวก็เคยทำงานในร้านขายมอไซค์ร้านหนึ่งในอดีต.. ก็เคยเจอหญิงประเภทนี้(บางคน),คือเวลาที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้าน,ก็จะมีลักษณะพูดจาล้อเล่น?(เชิงหยิก-หยอก?,ชู้สาว?)กับช่างหนุ่มๆที่ทำงานซ่อมรถมอไซค์อยู่หน้าร้าน,ซึ่งพวกช่างก็มักจะเดินไปมาที่โต๊ะเสมียนหญิง,เพื่อเบิกอะไหล่ต่างๆกับเธออยู่เสมอ..
ซึ่งหญิงประเภทนี้(บางคน)(ซึ่งคนที่เรากล่าวถึง,สามีเธออยู่ไกล,ไปทำงานที่กทม.),มักจะมีอัธยาศัยกันเอง?กับผู้ชายที่ร่วมงาน,บางทีพูดไปก็มักจะชอบใช้มือไปแตะตัวผู้ชาย?.. ซึ่งเราเคยเห็นกระทั่งเอามือไปตบที่พุงของผู้ชาย?(ซึ่งน่าจะสื่อสารบางอย่าง?,ซึ่งผู้ชายน่าจะพอรับรู้ได้ว่า..เธอส่งสัญญาณอะไร?),ประมาณว่าฉันสนใจนะ?..ประมาณนั้น)..
ซึ่งตอนหลัง..หญิงผู้นี้?(ทำนองนี้)ก็เลยมีอันต้องออกจากงาน,เพราะมีพฤติกรรมเจ้าชู้?,กล้าผู้ชาย?,ชอบอ่อยผู้ชาย?(เจ้านายจึงอาจระแวงว่า..เธออาจสมคบกับช่าง?,แล้วลักขโมยอะไหล่ของร้านไปขาย(?)..ก็เป็นได้(?)..ประมาณนั้น?).. ซึ่งหลังจากที่หญิง?(บางคน)ทำอาการเช่นนั้น?,ทุกคนก็น่าจะคำนวณได้ว่า..เธอ(น่า)จะนัดแนะไปมีสัมพันธ์ขั้นลึกซึ้ง?กันต่อในภายหลัง?หรือไม่?..
[ปล.วัฒนธรรมสังคมมุสลิม,จึงไม่นิยมให้สตรีของเขาไปทำงานนอกบ้าน?,แล้วต้องพบปะ?,ข้องแวะ?,สัมพันธ์?,พูดจา?กับผู้ชายหลากหลายอุปนิสัย?ในที่ทำงาน,ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องชู้สาว?,ผิดประเวณี?,ลักกิน?,ขโมยกิน?,ทรยศต่อสามีที่บ้าน?,อาจเพราะด้วยเหตุทำนองนี้?..หรือไม่?..(ดังนั้น..สังคมนี้จะดี..ไม่ควรเน้นจีดีพี?.. แต่ควรเน้นศีลธรรมดี?เป็นหลักมากกว่าหรือไม่?..ใช่หรือไม่?)..]
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.246 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:6:23:32 น.
3.อยากขอติงสังคม(โดยเฉพาะสื่อบางท่าน).. คือ..มีสื่อบางท่านพูดถึงข่าวกรณีน้องP.ประมาณว่า..ผู้ชายทั้งหมดของน้องP.อาจจะเป็นความรัก?(พูดแบบเกรงใจคนทำผิดศีลธรรม?มากไป?..หรือไม่?),แล้วพูดต่ออีกว่า..อันนี้เราไม่ขอก้าวล่วง?ก็แล้วกัน(?)..ประมาณนี้(?)..
เราขอแนะนำว่า..สื่อบางท่านนี้,น่าจะต้องไปเรียนเรื่องศีลข้อ3(การประพฤติผิดในกาม)มาใหม่(?).. ซึ่งการผิดศีลธรรมทางเพศ?(ศีลข้อ3)หรือการเล่นชู้?,มีกิ๊ก?,คบซ้อน?(สารพัดศัพท์ที่สื่อบางส่วนและสังคมบางส่วนพยายามจะช่วยพูดหลบเลี่ยง?จากความหมายที่แท้จริง?,ในบริบทคล้ายศรีธนญชัย?.. ซึ่งแท้ที่จริงก็คือ..การคบชู้?หรือการเล่นชู้?ซึ่งเป็นคำที่ให้ความหมายที่ตรงไปตรงมา?มากกว่า?..นั่นเอง)..
ซึ่งสังคมต้องช่วยกันมอง,ช่วยกันพิจารณาว่า.. จะถือว่าเป็นแค่เรื่องส่วนตัว?,ไม่ขอก้าวก่าย?,ไม่ขอก้าวล่วง?,โดยมองว่าเป็นอัธยาศัย,อุปนิสัยส่วนตัวของเขา?นั้น?..คิดอย่างนี้ถูกไหม?..(ข้อมูลในสมัยพระคัมภีร์เดิมของคริสต์,ยังมีข้อกำหนดถึงขนาดว่า..ถ้าพบหญิงใดเล่นชู้,ให้เอาก้อนหินขว้างหญิงนั้นจนตาย?ด้วยซ้ำไป?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.246 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:21:41:02 น.
4.เพราะเรื่องเหล่านี้แหละ,ที่เป็นต้นเหตุ?ของการสร้างสังคม?ที่ไร้หลักการทางศีลธรรม?,ซึ่งจะส่งผลเชื่อมโยง(โดยเฉพาะถ้าหญิงนั้นมีบุตรสาว?),ซึ่งบุตรสาวก็จะได้รับตัวอย่าง?ผ่านภาพพฤติกรรมของแม่?ประมาณว่า.. ก็แม่ยังทำได้?,ทำไมหนูจะทำเหมือนแม่บ้างไม่ได้?..ประมาณนี้?,และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ครอบครัวไทยล้มเหลว?,ล่มสลาย?..
ซึ่งไม่ว่าจะมีลูกเป็น"หญิง?"หรือ"ชาย?"ก็ตาม,
ทั้งบุตร?,บุตรี?ก็จะไม่เกิดศรัทธา?ในตัวบุพการี?,ซึ่งอาจก่อให้เกิดครอบครัวแตกแยก?(มีสถิติตามหน้าข่าวว่า..อาชญากรรมในวัยรุ่น?,มักเริ่มต้นมาจากครอบครัวที่แตกแยก?อยู่ไม่ใช่น้อย?),บาดหมาง?,ไร้ความอบอุ่น?,ไร้ความมั่นคงในชีวิต?.. ลูกก็จะเริ่มไม่เกรงใจพ่อแม่?,ไม่เชื่อฟังพ่อแม่?,เพราะพ่อ?หรือแม่?ไม่ทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่น่าเคารพ?(?)..
ทำให้เกิดภาวะสังคมไทยเหลวแหลก?,ไม่มีหลักยึด?.. ซึ่งเด็กวัยรุ่นที่พ่อแม่แตกแยก?(บางส่วน)มักหันไปคบเพื่อน?(ที่มีพื้นฐานครอบครัว?ที่คล้ายๆกัน?)ที่ชวนไปในทางเสียหาย(อาจเพื่อประชดชีวิต?,ประชดสังคม?,ต่อต้านสังคม?,หรือเพราะไม่มีทางออกใดๆ?)..
ซึ่งที่สุดมักไม่พ้นจากวงจรอุบาทว์?ของกระบวนการดื่มเหล้า?,เมายา?,เสพยาเสพติด?,ร่วมกันก่ออาชญากรรมต่างๆ?,รวมถึงการมั่วสุมทางเพศ?,เกิดการสำส่อนทางเพศ?,สวิงกิ้ง?,อย่างไม่รู้ว่าคู่ใคร?เป็นคู่ใคร?..ตามมา?..นั่นไง?..
แล้วอย่างนี้จะบอกว่า..เป็นเรื่องส่วนตัว?,ไม่ขอก้าวก่าย?,ไม่ขอก้าวล่วง?..ได้อย่างไร?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.246 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:22:03:28 น.
5.ยอดสุดประดับดาวสื่อนักสืบโคแนน?.. วันนี้ดูคลิปลุยชนข่าวกรณีมนต์รักรถตู้ทึบ?,ดูยอดการเข้าชมจำนวน3คลิป1.6ล้าน,1.4ล้าน,1.2ล้านตามลำดับ,สุดยอดจริงๆ,คนติดตามดูข่าวนี้กันจริงๆ.. ไม่ว่าวันนี้..การเมืองไทยจะหมดหวังอย่างไร?.. แต่ก็ยังพอมีหวังกับสังคมไทยอยู่บ้าง(?)..ที่สังคมไทย(ทั้งหญิงและชายจำนวนมาก)ไม่นิยมสตรีเพศบางคน?ที่มีพฤติกรรมคบชู้สู่ชาย?หรือคบซ้อน?หรือแย่งสามีชาวบ้าน?,ไม่ว่าเธอจะออกมายอมรับผิดต่อสังคม?อย่างไรก็ตาม?.. เพราะเธอบางคน?ได้ขึ้นชื่อ(เป็นตำนานต่อๆไป)ว่า.. เป็นผู้ที่มีส่วน?(เป็นตัวอย่างที่ไม่ควรเอาเยี่ยง?)ที่ทำให้สถาบันครอบครัวไทย?ถึงกาล*ล่มสลาย?*อย่างชัดเจน(?),เพราะเพียงเธอไม่ยับยั้งความต้องการ?,ไม่รักดี?ในหลักการของศีลข้อ3(ที่ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวสามีชาวบ้าน?,ไม่นอกใจ?,ไม่นอกกาย?ต่อสามีตนเอง?)..นั่นเอง(?)..
คำกลอนของปราชญ์บางท่าน(ในอดีต)จึงบอกว่า..อย่าไว้(วาง)ใจ?.. คือ...
...หนึ่งอย่าไว้ใจทะเลทุกเวลา...(เช่น..มรสุมในทะเลหรือซือนามิ..เป็นต้น)
...สองสัตว์เขี้ยวเล็บงาอย่าวางใจ...(เช่น..ช้างขวิดคน,สุนัขพันธุ์ดุ,สิงโตท้ายรถปิ๊คอัพ?..เป็นต้น)
...สามผู้ถืออาวุธสุดจักร้าย...(เช่น..พวกเมายา,คลั่งตามเกมส์,ฆ่าฟันไม่เลือกหน้า?..เป็นต้น)
...สี่*ผู้หญิง*ทั้งหลาย..อย่ากรายใกล้...(โดยเฉพาะหญิงอัธยาศัยดีบางคน?ที่มักทำให้ผู้ชายตายใจ?จนเหลือเพียงวิญญาณล่องลอย?..หรือกกน.ติดตัวเพียงตัวเดียว?..เป็นต้น)
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.246 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:0:42:23 น.
6.เมื่อกี๊ได้ดูรายการทุบโต๊ะข่าว(ตอนหนึ่ง).. ฟังว่าหญิงบางคนติดต่อทางลับ,หวังจะให้ชายบางคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับกิ๊กเก่าในที่ทำงาน,ให้มาเป็นพยานให้,ทำให้รู้สึกเหนื่อยใจแทน(?)..
เพราะเท่าที่เราเรียนรู้จักหญิงบางส่วน?มาในชีวิต,เราก็พอรู้ว่า..ถ้าผู้หญิงใด?ที่ฝักใฝ่ในกามารมณ์?มากเกินไป(?), กามารมณ์นั้น?ก็จะกลายเป็นเหมือนยาเสพติด?ดีๆนี่เอง..
เพราะภาษาไทยอีสานพื้นบ้าน?จะมีคำหนึ่งเรียกอักษรย่อว่าง.ประมาณว่า..เป็นอารมณ์ที่คล้ายเสี้ยน(อยากเสพ)ยาเสพติด?..นั่นแหละ(?)..
พอเสี้ยนยา?ขึ้นมาแต่ละครั้งก็ต้องหายาเสพติด?มาเสพให้ได้(?),จึงคล้ายว่า..ต้องหาผู้ชายที่มีพลัง?มาคอยสับเปลี่ยน(ยามต้องการ),เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ(?),เพราะผู้ชายคนเดียว?,อาจไม่มีพลังที่มากพอ?ที่จะสามารถบริการตอบสนองให้เธอ?ในทุกๆเวลาที่เธอมีความต้องการ?ได้(?)..ประมาณนั้น(?)..
ถ้าคิดอยากประณาม,บางทีก็คิดอีกด้านก็เหมือนว่า..น่าสงสาร?,เวทนา?,แกมสมเพท?ต่อเพศหญิง(บางจำพวก?)อยู่เหมือนกัน(?).. แต่มันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี?ในบริบทวัฒนธรรม,ประเพณี?,ทางศีลธรรม?ของสังคมไทย?.. เช่น..ตำนาน,วรรณคดีที่มีการประณามต่อหญิงที่สำส่อนทางเพศ?,มากชู้หลายสามี?(ที่ทุกคนคงเคยได้เรียนผ่านระบบโรงเรียนมาแล้ว).. เช่น.. เรื่องโมรา,กากี,วันทองสองใจ,ฯลฯ..เป็นต้น..(แต่ถ้าเป็นสังคมฝรั่งบางชาติ?,เขาอาจไม่ถือสาในเรื่องราวทางเพศ?เหล่านี้?..ก็เป็นได้(?),เท่าที่เคยได้ยินเขาเล่าว่ามานะ?)..
โดย: สมจิต IP: 171.96.156.229 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:5:02:12 น.
(A)(แทรกพิเศษ)..คุณอ.(เชอร์ล็อคไทย)พูดตอบคำถามผู้สื่อข่าวบางช่อง?ได้อย่างฉลาด(เป็นนักรู้จิตวิทยาการแสดงออก?ของจนท.รัฐบางคน).. เช่น.. การที่จนท.รัฐบางคน?ออกมาพูดชี้แจงอะไรซ้ำๆ?ในบางประเด็น?นั้น.. ย่อมแสดงว่า.. น่า(อาจ)จะมีวาระที่ไม่ปกติ?(hidden a.)หรือไม่?ว่า..อาจเอื้อให้กับบางประเด็น?อย่างผิดสังเกต?หรือไม่?..
และดูเหมือนว่าคุณอ.น่าจะชอบ(หรือเคย)นั่งสมาธิ?จึงมีโอกาสศึกษาเรื่องทางจิต?(โดยไม่รู้ตัว,โดยอัตโนมัติ?).. จึงมักจับรู้อากัปกิริยา?ของจนท.รัฐบางส่วน?ว่ามีอะไรที่ผิดสังเกต?และสรุปตรรกะ?ว่าสอดคล้อง?หรือไม่สอดคล้อง?,ในการประเมินพฤติกรรมของบางบุคคล?ได้เสมอ(?)..[เพราะมนุษย์มักปกปิดตัวเองไม่ได้?จากลีลา,ท่าทาง,สีหน้า,สายตา?ที่แสดงออกผ่านสื่อ?.. จึงมักพบว่าสื่อรุ่นเก๋าบางท่าน?,เมื่อจะพูดประเด็นที่เปราะบาง?,ล่อแหลม?,จึงมักจะสวมแว่นตาดำสนิทอันใหญ่?,เพื่อปกปิดสีหน้าและแววตา?"ไว้อยู่เสมอ?,ลองสังเกตดูสิ?.. ส่วนพิธีกรดังบางคน?ที่มักเปิดเผยประเด็นเจาะลึก?แบบตรงๆก็มักถูกกดดัน?(ผ่านระบบการ(งด)ให้โฆษณาสินค้า?)ให้ออกจากการจัดรายการ?(ที่มีผู้ติดตามมากมาย)ไปตามที่คาด(ตามข่าว)?..หรือไม่?]..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 7 มีนาคม 2567 เวลา:12:56:22 น.
(B)แต่มีบางเรื่องที่คุณอ.(เชอร์ล็อคไทย)ยังไม่เล่น(?),เพราะอาจมองว่ายังต้องอาศัยสื่อบางส่วน?ในการนำเสนอข่าว?, เพราะเราเองก็สังเกตว่ามีข่าวของบางรายการดังบางรายการ?มักมีลักษณะไบแอด?พูดข่าวของการเมืองบางฟาก?ที่ดูล้นเกิน?,คล้ายช่วยเชียร์แบบลับๆ?,แต่ก็มีเชิงฉลาด?ที่มักปิดท้าย?ด้วยการนำข่าวการเมืองของอีกฟาก?เพื่อกลบเกลื่อนว่าตนเองเป็นกลางนะ?อยู่เสมอ(?),เพื่อจะไม่ให้ผู้ชมจับความผิดปกติได้?(หรือไม่?)..
แต่คนช่างสังเกตในการฟัง(ชม)ข่าวก็มักจะจับภาวะผิดปกติ?นี้ได้,ในแง่ของการนำเสนอข่าวของฟากไหน?ว่าใช้เวลามากกว่ากัน?,และมีลีลา,น้ำเสียง,เนื้อหา,การเน้นเสียงหนัก?ที่ช่วยอวย,โฆษณาผลงาน?ให้กับบางฝ่าย?ที่อาจมาสนับสนุนการโฆษณา?ให้กับรายการข่าวของตน?หรือไม่?..ประมาณนั้น(?)..(เพราะเรื่องเงิน?มักเป็นประเด็นหลัก?สำหรับสังคมบ้านเรา?เสมอ?..ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 7 มีนาคม 2567 เวลา:13:05:14 น.
(พิเศษ)วันนี้(7-3-67)ได้ดูรายการคมชัดลึกกับอ.มุนินทร์.. เรามีความเห็นส่วนตัวสั้นๆว่า.. สส.(หรือสภาผู้แทนราษฎร)ถือเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศ(โดยชอบธรรม),ย่อมมีอำนาจที่จะตรวจสอบได้ทุกๆองค์กร(ไม่ว่าจะเป็นองค์กรตัดสินถูกผิดต่างๆ,หรือองค์กรบริหาร,หรือองค์กรอื่นๆใดๆที่อยู่ในขอบเขตประเทศไทยก็ตาม)ในประเทศไทย.. ซึ่งจึงไม่ควรถือว่าเป็นการก้าวก่าย?ใดๆทั้งสิ้น(?).. เพราะถือเป็นอำนาจสูงสุด?ที่ได้รับการมอบหมายอำนาจมาจากประชาชนทั้งประเทศนั่นเอง(?)..
(ปล.).. อยากฝากสื่อภาคสนามและสื่อเล่าข่าวบางคนที่ชอบตั้งคำถามต่อผู้ให้สัมภาษณ์ต่างๆ,หรือผู้ร้องเรียน(เช่นคุณอัจ),หรือผู้ร่วมรายการ(เช่นท่านชัยวัฒน์)ในทำนองที่กระตุ้นด้วยคำถามที่ทำให้เขาอาจเกิดความหวาดหวั่น(กลัว)?(ในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม?)ต่อผลที่จะกระทบถึงบริบทของตัวเอง?หรือไม่?(อาจเพราะสื่อบางส่วนไม่รู้จะหาคำถามใดมาถามหรือเปล่า?..ก็ไม่ทราบได้?,ซึ่งเราพบเห็นการถามคำถามทำนองนี้?อยู่บ่อยมาก),ซึ่งเรามองว่า..สื่อไม่ควรถามด้วยคำถามที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์กลัวใดๆ(เพราะคำถามทำนองนี้จากสื่อมวลชนบางส่วน?นี่แหละ,จึงทำให้สังคมไทย?มีแต่คนขี้กลัว?เต็มไปหมด?..ไงล่ะ?,แล้วเช่นนี้จะเกิดคนอย่างชาวบ้านบางระจันได้อย่างไร?).. นี่แหละจึงทำให้แทนที่จะเสริมปลุกเร้าให้เกิดกำลังใจ?ที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม.. ก็เลยกลายเป็นไปถามให้เกิดการกลัวนั่น,กลัวนี่?กันไปหมด?.. แล้วเช่นนี้..สังคมเราจะพัฒนาเป็นสังคมศิวิไลซ์ได้อย่างไร?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 7 มีนาคม 2567 เวลา:19:35:25 น.
(พิเศษ)อยากให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบสื่อมวลชนต่างๆ(บางส่วน)ว่า.. ถูกกดดันโดยเงินที่สนับสนุนการโฆษณาสินค้า?ในช่องของตน?หรือไม่?.. เราจึงไม่พบคลิปการขึ้นเวทีกลุ่มคปท.และกทธ.ของหมอวรงค์ลงในโซเชี่ยลฯในช่องทางของสื่อช่องต่างๆ(บางส่วน)เลย(?)(มีพบในนามบุคคลธรรมดาเพียงช่องเดียว,ซึ่งมีผู้เข้าชมแค่หลัก20000ครั้งในช่วง4วันที่ผ่านมานี้เท่านั้นครับ)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 8 มีนาคม 2567 เวลา:10:31:37 น.
(พิเศษ)ได้ดูข่าวช่อง8(8-3-67)กรณีสัมภาษณ์ผู้เสียหายในคลิปฉาว..
อยากบอกสตรีบางส่วนเนื่องในวันสตรีสากลว่า..
1.อย่าไว้ใจผู้ชายทุกคนที่สามารถทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้,ไม่ว่าจะเป็นระดับญาติสนิท?แค่ไหนก็ตาม(?)..
2."สตรีบางส่วน?"อย่าบอกว่า..ศักดิ์ศรีกินไม่ได้,จำเป็นต้องทำนั่น,นี่(?),เพราะในยุคดิจิตอลฟุตปริ๊นซ์นี้,ศักดิ์ศรีนั้นกินได้,เพราะถ้าคุณ(บางคน)ขืนคิดปล่อยตัว,ขายศักดิ์ศรี?เพื่อแลกเงินตรา?,หรือทรัพย์ศฤงคารนานา?,ในวันหนึ่งในอนาคต,คุณอาจถึงกับไม่มีที่ยืนในสังคม?,ต้องอยู่(แต่)ในบ้าน?,ถ้าจะออกไปไหน?,อาจต้องปิดแม้ซ?,ใส่หมวก?,สวมแว่นตาดำสนิท?อยู่เป็นประจำก็เป็นได้(?)..
3.อย่าบอกว่ากลัวอดมากกว่ากลัวเอดส์?,ถ้าคุณยังไม่เคยไปลองถามว่า..ผู้ป่วยภูมิฯบกพร่อง?นั้นต้องทนทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ?ขนาดไหน?(โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นหญิง?)..
4.อย่าบอกว่าฉันมีสิทธิ์ในอวัยวะและสรีระของฉัน?,เพราะนั่นคือ..คุณกำลังเป็นส่วนหนึ่งที่กำลังร่วมทำลายค่านิยมวัฒนธรรมที่ดีงามของหญิงไทย?,อันเป็นสาเหตุเริ่มต้น?ของการทำให้สถาบันครอบครัวไทยล่มสลาย?[และลูกหลานไทยในอนาคต?เต็มไปด้วยเด็กที่ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่เลิกร้าง?,จนอาจกลายเป็นnewอาชญากร?ในอนาคตได้(?)]..นั่นเอง(?)..
5.อย่าอ้างการเลิกล้างจากสามีคนไทย?(อาจเฉพาะสตรีบางคนเท่านั้น),แล้วหลงคะนองว่า.. การมีสามีเป็นคนต่างชาติ?ที่แตกต่างจากวัฒนธรรมของเราแบบสุดกู่?นั้น,จะเป็นสิ่งที่น่าดีอกดีใจเสมอ(?),และคิดว่าเป็นคำตอบสุดท้ายของการมีชีวิตครอบครัว?,เพราะเมื่อคุณมีบุตรที่เกิดจากสายพันธุ์ตรงข้ามกันมากๆ?,เมื่อเขาโตเป็นหนุ่ม,เป็นสาว,คุณจะพบว่าคุณจะควบคุมค่านิยมในเรื่องทางเพศ?และทัศนะต่อวัฒนธรรมที่เรียบร้อยแบบหญิงสาว(หนุ่ม)ไทย?ได้ยากมาก(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 8 มีนาคม 2567 เวลา:21:58:08 น.
(พิเศษ)กรณีบุกรุกที่ดินสาธารณะ?ทั้งชายหาดและพื้นที่ป่าต่างๆ?,รวมทั้งที่ดินที่งอกเพิ่ม?จากเนื้อที่จริงกว้างออกไปเรื่อยๆ?นั้น.. มีคำถามว่า..
1. ถ้าจนท.ที่เกี่ยวข้อง?ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ,ไม่ยักคิ้วหลิ่วตา(?),หรือหลับตาข้างหนึ่ง(?),หรือมีเรื่องของกล้วยหอม,กล้วยไข่?เข้ามาปะปน(?).. ถามว่าจะมีเรื่องเหล่านี้?เกิดขึ้นเป็นข่าวประจำวัน?(ตามข่าว)ได้หรือไม่?..(สื่อต่างๆจึงควรพยายามตั้งคำถามเหล่านี้?กับผู้เกี่ยวข้องให้มากๆ,ในฐานะสื่อเป็นตัวแทนปชช.,โดยไม่ต้องเกรงอกเกรงใจผู้เกี่ยวข้อง?มากเกินไป?..ใช่หรือไม่?)..
2.ควรออกระเบียบว่า.. ผู้ที่จะเข้ามาดูแลงานส่วนใด?,ก็ต้องให้มีคณะกรรมการที่เชี่ยวชาญ,ทันเกมส์,และซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์มาเป็นผู้สัมภาษณ์(และร่วมพิจารณา,สังเกตท่าที)ด้วยคำถามเชิงตรวจสอบอุดมการณ์?.. เช่น.. ถ้ามีผู้หยิบยื่นผลประโยชน์?.. เช่นกล้วย?.. เช่นถุงขนมขบเคี้ยว?ให้คุณ(ในที่ลับสายตาคน?,หรือใต้โต๊ะ?,บนโต๊ะ?ก็ตาม)เพื่อแลกกับบางสิ่ง?.. คุณจะมีวิธีจัดการ?กับเหตุการณ์เหล่านี้?(ซึ่งเชื่อว่า..อาจต้องได้พบเจอกันแทบทุกคน),ด้วยเทคนิค,วิธีการ,ไหวพริบ?แบบใด?..ประมาณนี้.. เป็นต้น..
(ซึ่งอาจต้องลองหาตั้งคำถามที่เช็คไหวพริบ?และคุณธรรม?,จรรยาบรรณ?ของผู้ที่จะเข้ามาทำงานในส่วนที่ใกล้ชิดกับผปย.?อันเนื่องจากตำแหน่ง?มาใช้สัมภาษณ์สัก10คำถาม,ก่อนที่จะดูว่า..น่าจะสอบผ่านเข้ามาทำงานดังกล่าว?ได้หรือไม่?.. ประมาณนี้ครับ)..
(อย่างกรณีท่านสืบฯหรือท่านชัยวัฒน์,นับถึง ณ วันนี้,ก็ดูว่าเข้าท่าและผ่านเกณฑ์ในสายตาปชช...เป็นต้น..นะครับ?)..
[อีกอนึ่งก็คือ.. คณะกรรมการที่เป็นผู้สัมภาษณ์ควรใช้ทฤษฎีBlindnessคือต้องไม่เปิดเผยชื่อจริง,หน้าตาต่อผู้ถูกสัมภาษณ์(เพื่อป้องกันการวิ่งเต้น,ติดสินบนกรรมการ?ก่อนเวลาการสัมภาษณ์ด้วย),ทั้งก่อนเริ่มกระบวนการตั้งแต่เริ่มมีการแต่งตั้ง,และรวมทั้งในเวลาที่กำลังสัมภาษณ์ด้วย..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 9 มีนาคม 2567 เวลา:14:20:53 น.
(พิเศษ1).. อยากตั้งคำถามสำหรับสังคมบ้านเรา,ซึ่งเป็นสังคมซิกแซ็ก,สังคมศรีธนญชัย,สังคมเจ้าเหลี่ยม,สังคมไม่ตรงไปตรงมา,สังคมที่หลับตาข้างหนึ่งเมื่อกระเป๋าตุงด้วยเงินที่มิชอบ,สังคมที่เต็มไปด้วยผู้ที่ชอบหาช่องว่างทางกฎหมาย?เต็มไปหมด?.. ว่า..เราจะหาทางแก้ไขคนแบบศรีธนญชัย?กันอย่างไร?..
สมมุตินะ..(เพราะสมองที่ไม่ได้กินหญ้าของเรา..มันพาเราคิดแบบสมมุติๆน่ะ).. สมมุติว่า..เผอิญเราเป็นคนมีเงินจากเงินทองที่หามาได้โดยชอบหรือมิชอบก็ตาม(แต่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากกฎหมาย?มาได้),
และอยากต่อยอด?หรือฟอกเงิน?,หรือให้เงินทำงาน?,ก็ไปติดต่อผู้แก่ผู้เฒ่าตามชนบท?ที่เขาเคยครอบครองที่มาเนิ่นนาน,จนมีใบอนุญาตนั่น,นี่,นู่น?.. เช่น..สิทธิครอบครอง(สค.),หรือสิทธิทำกิน(สทก.),หรือใบเสียภาษีบำรุงท้องที่(ภบท.5),หรือใบสิทธิอื่นๆใดๆอีกก็ตาม(?)..
ซึ่งมีวันหนึ่ง(ในอดีตอันนานมาแล้ว,แต่ก็ไม่นานนัก),มีกลุ่มกม.(บางกลุ่ม)ก็อาจต้องการหาเสียงกับชาวบ้าน?ก็พยายามจะทำให้เอกสารสิทธิ์ที่ดินต่างๆ?มีศักดิ์มากขึ้น(?)(เช่น.. อาจสามารถเข้าธนาคาร,เปลี่ยนเป็นเงิน?,หรือซื้อ,ขาย,ถ่าย,โอน?ได้โดยสะดวก),ก็ไปเขียนนโยบายนั่น,นี่,นู่น?ออกมาเสียเลิศหรูสแมนแตน?(แต่ลืมสกัดพวกนกรู้?ที่เป็นคนมีเงินเหลือเฟือ?สมมุติเช่นเรา)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 9 มีนาคม 2567 เวลา:18:03:45 น.
(พิเศษ2).. ดังนั้น..พวกคนที่พอมีเงินบ้าง?(สมมุติเช่นเรา)ก็จึงไปปรึกษาทเนอะ,ทเนะ?ว่า..อยากได้ที่ดินนั้นตามนโยบายหาเสียง?บ้าง(?),แต่เราก็ไม่ใช่เกษตรกรที่ยากจน?แต่อย่างใด?,ก็จึงไปติดต่ออยากซื้อที่ดิน?ต่อผู้เฒ่าบ้านนอก?..
แต่ก็พอรู้ว่าในทางกฎหมาย,เอกสารการครอบครองบางอย่าง?อนุญาตให้เฉพาะลูกหลานสายตรงที่รับถ่ายทอดสิทธิ์นั้นได้เท่านั้น(?).. เราก็เลยหาช่องไปเจรจาต๊าอ่วย?กับผู้เฒ่าบ้านนอก?ว่า..ผมขอจดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรม-พ่อบุญธรรม?กันกับพ่อเฒ่า?(ด้วยความสิเนหา?สิได้บ่?)ได้ไหม?,แล้วอาจเสนอจำนวนเงินค่าตอบแทน?ที่ผู้เฒ่าบ้านนอกพอใจ?จนต้องยอมให้เราเป็นบุตรบุญธรรมโดยกฎหมาย?,เพราะไม่มีแรงที่จะปฏิเสธได้(?)
เมื่อตกลงกันได้,เราก็เริ่มมีสิทธิ์เป็นลูกหลาน?โดยช่องลอดของกฎหมาย?(ที่ไม่รัดกุมนั้น?),จนทำให้เราเป็นผู้ได้สิทธิ์?ในที่ดินผืนใหญ่โต?มาเป็นของตนเองโดยง่าย,โดยฐานะเป็นนอมินีในนามลูกบุญธรรมของพ่อบุญธรรมที่ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนนั้น,โดยวิธีซิกแซ็ก?ตามข้อกฎหมายต่างๆ?นั้นก็ย่อมทำได้?(หรือก็อาจเป็นไปได้?)..ใช่หรือไม่?..
ผู้รู้ทั้งหลาย?,ผู้ทรงคุณธรรมทั้งหลาย?,ทำไมไม่ช่วยดูว่า..เราจะช่วยกันจัดการวาระประเทศไทย?กันอย่างไร?..กันดี?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 9 มีนาคม 2567 เวลา:18:07:50 น.
(พิเศษ).. ดูข่าวที่..ลูกเอาเหล็กแหลมที่ใช้แทงจมูกวัว,ควายมาแทงพ่อตัวเองเสียชีวิต,พอถามไปก็ไม่ได้สาเหตุอะไร,แต่ดูคล้ายหลอนบางอย่าง(?).. ซึ่งเรามีจุดวิเคราะห์ว่า.. สังคมไทยน่าห่วง.. เพราะเป็นสังคมที่อ้างว่านับถือพุทธ?,แต่สื่อมวลชน,สื่อสาร,หนังสือในสมัยก่อนก็ยังมีการพูด,เขียนเรื่องกฎแห่งกรรม?กันอยู่บ้าง..
แต่ยุคสมัยนี้..สื่อมวลชนต่างๆแทบจะไม่มีเอ่ยถึง,หรือให้ความคิดเชิงอุทาหรณ์,เพื่อเตือนสติสังคมในปรัชญาของศาสนาพุทธเรื่องกรรม(สนอง)กันเลย..(หรือสื่อทั้งหลายอาจมองว่าถึงพูดไปก็แก้อะไรไม่ได้,เพราะไปขัดกับวิถีอาชีพของชาวบ้าน,จึงปล่อยให้เป็นวัฏจักรแห่งกรรม?ไปอย่างนั้นแหละ?..เช่นนั้นหรือ?.. แต่เราอยากถามว่า..ทีเวลาเรื่องใบ้เลข,เพื่อให้ไปซื้อหวย,ซื้อเบอร์?,ทำไมสื่อบางส่วนคล้ายร่วมส่งเสริมกันจั๊ง?)..
แต่ความรู้สึกตามsenseส่วนตัวของเรา,เรามองว่าธรรมดาวัวควายเป็นสัตว์มีบุญคุณต่อคน,ช่วยทำไร่,ไถนามาชั่วนาตาปี,แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้เงิน,สังคมไทยก็มักจะนำวัวควายไปขายให้เขานำไปฆ่าอีกที,อันเป็นมุมที่ดูโหดร้าย,คล้ายเท่ากับฆ่าบุตรตัวเอง?ปานฉะนั้น,ทั้งๆที่เลี้ยงดูมากับมือราวกับเป็นลูกแท้ๆ.. แต่ถึงเวลาก็นำเขาไปขายให้เขาไปฆ่า,มันก็เหมือนไร้ความเมตตาและกตัญญู,แต่เมื่อภาครัฐไม่มีหลักการที่เอื้อต่อความเชื่อทางพุทธศาสนา,ก็เลยปล่อยให้สังคมไทยทำตามๆกันมา..
นานเข้า..คนที่เคยมีสำนึกเมตตาต่อสัตว์อยู่บ้าง,ก็เลยพลอยชินชากับวิถีอาชีพของสังคมไทย?,ซึ่งสร้างบาปกรรมต่อสัตว์?,โดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สร้างพลวัตแห่งเวรกรรม?ที่อาจตามสนองกันไปไม่รู้จักจบสิ้น(?)..
ซึ่งเราวิเคราะห์ว่า..อาจเป็นไปได้ไหม?..ที่วิญญาณอาฆาต?ของสัตว์ที่เราเลี้ยงเขาจนโต?แล้ว,ก็นำเขาไปฆ่าอย่างไร้ปรานี(?),เขาก็อาจมีจิตใต้สำนึก?ที่อาฆาตแค้น?จนมาเกิดเป็นลูกหลานหรือคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเรา,แล้ววันหนึ่ง,เมื่อกรรมเวรประจวบเหมาะ?,ก็อาจปะทุขึ้นมาเป็นการทำปิตุฆาต,มาตุฆาต?,ในลักษณะคล้ายวิญญาณอาฆาต,พยาบาท?มาดลจิตใจให้กระทำไปแบบงงๆงวยๆ?โดยไม่รู้ที่มาที่ไป(?)..(ตามข่าว)..หรือไม่?..
ดังที่ยังมักมีการมองกันว่าโรคบางอย่าง?ที่รักษาไม่รู้หาย?,และไม่รู้สาเหตุที่ชัดเจน?.. นั่นก็คือโรคแห่งกรรมบาป?ที่เคยสะสมทำมาแต่ชาติปางก่อน?..นั่นเอง?.. หรือแม้แต่จะแค่สะสมมาในชาติปัจจุบันนี้?แบบทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ?ก็ตาม?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 10 มีนาคม 2567 เวลา:0:25:48 น.
(พิเศษ).. ยาบ้า..ดูเหมือนสังคมไทยจะเห็นเป็นเรื่องคุ้นชิน?จนไม่เห็นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไรไปเสียแล้ว(?)..หรือไม่?..
วันนี้..เราได้ดูการจับผู้ค้ายาบ้ารายหนึ่งในรายการเรื่องเล่าฯ,10-3-67.. แล้วจึงมีคำถามว่า..
1.การศึกษาในระบบโรงเรียนของไทยจะเรียกว่า..ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แล้ว?..ได้หรือไม่?..
เพราะทำไมผู้ที่จบจากระบบโรงเรียน(บางส่วน,จำนวนไม่ใช่น้อย)จึงไม่ตระหนักถึงพิษภัยของยาบ้า?และพิษภัยของยาเสพติดชนิดอื่นๆ?ด้วย?..
ทำไมจึงยังพากันคึกคะนองในการเสพยาบ้า?กันอย่างไม่นึกห่วงต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ?(รวมทั้งเครดิตทางสังคม?)ของตนเอง,ที่จะเสื่อมโทรมลง?ในอนาคตอันไม่นาน?..
จนกระทั่งพบว่า..มีการขายยาบ้าในเขตชุมชนต่างๆ?ในสังคมไทย?ไม่ว่าจะเป็นในเขตชนบท,ภูมิภาค?หรือในเขตชุมชนเมือง?,หรือในส่วนกลางของประเทศ?ก็ตาม(?),กันจนเกร่อเต็มไปหมด(?)..
และยังมีผู้ติดตามคอยซื้อหามาเสพ?,เป็นลูกค้าขาประจำ?,โดยเฉพาะระดับเยาวชน?(ผู้เคยผ่านระบบการศึกษาในระบบโรงเรียน?กันมาแล้วทั้งนั้น)อย่างมากมายกันอยู่เลย(?)..
2.ควรทำการศึกษา,สำรวจ,วิจัยว่า.. ระหว่างDNAหรือยีนส์?ของคนพื้นถิ่นในสังคมไทย?,และDNAหรือยีนส์?ของคนไทยที่มีเชื้อสายจีน?นั้น,มีผลวิจัยออกมาที่แตกต่างกันอย่างไร?..
มิเช่นนั้น.. เราอาจจะหลงทางในการแก้ปัญหา?เรื่องการหลงใหลในยาบ้า?(และยาเสพติดอื่นๆ?),ที่ไม่สามารถสาวไปถึงรากเหง้า?ของปัญหาที่แท้จริง?ว่า.. ทำไมคนพื้นถิ่นของสังคมไทย?จึงพากันติดหลงใหลในการเสพยาบ้า?อะไรกันนักหนา?..
ซึ่งต่างจากคนไทยเชื้อสายจีน?(อาจรวมถึงคนเชื้อสายแขกขายผ้า?ที่อยู่ในเมืองไทยมาเนิ่นนาน)ซึ่งน่าจะมีสถิติของผู้เสพหลงใหลในยาบ้า?มีจำนวนน้อยกว่าคนไทยพื้นถิ่น?กันมากต่อมากนัก?..หรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
(มีคำถามว่าคนไทยพื้นถิ่นบางส่วน?ไม่รักในสุขภาพ?และอนาคตทางการงาน?และสังคม?ของตนเอง?กันหรอกหรือ?)..
...ด้วยความเคารพในทุกภาคส่วนครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 10 มีนาคม 2567 เวลา:16:42:29 น.
(พิเศษA).. ได้ดูข่าวเรื่องการครอบครองปรปักษ์ตั้งแต่ภาค1มาจนถึงภาค2.. มีความเห็นส่วนตัวดังนี้ครับ..
เราเคยได้ยินเรื่องกฎหมายครอบครองปรปักษ์(รวมทั้งที่ดินมือเปล่า)มานานแล้ว.. ตั้งแต่ได้ยินรับรู้มา.. ก็มีความรู้สึกว่าไม่เห็นด้วยเลย.. เพราะเราเคยเรียนรู้ทางพุทธมาบ้าง.. พุทธจะสอนเน้นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต,ไม่โลภ,ไม่แย่งชิงสิ่งอันไม่ใช่ของเรามาเป็นของเรา..
แต่"กฎหมายบางอย่าง?"ตั้งแต่อดีต,ดูเหมือนจะไม่เอื้อต่อหลักศีลธรรมของพุทธสักเท่าไหร่เลย(?).. ทำไมจึงมีผู้ไปออกกฎหมายการครอบครองปรปักษ์?ว่าสามารถทำได้(?)(ถึงแม้ถ้าจะอ้างว่า..เพื่อไม่ต้องการให้มีการทอดทิ้งให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า?,ไร้ประโยชน์ใดๆ?ก็ตาม)..
แต่เมื่อที่ดินนั้นได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีเจ้าของเป็นที่ชัดเจนแล้ว.. โดยหลักการทางศีลธรรมของพุทธก็ไม่ควรถือโอกาสไปแย่งชิงเอามาเป็นของตน?อยู่แล้ว(?).. ใช่หรือไม่?.. อย่างกรณีของวัดสวนแก้ว(กรณีถุงกล้วยแขก?)นั่นก็ครั้งหนึ่งแล้ว,นี่ก็โผล่มาอีก2เหตุการณ์อีกแล้ว..
เราเห็นว่า..สังคมไทยควรจัดการกับนิยายเชิงตำนานเรื่องศรีธนญชัย(?)[รวมถึงวรรณคดีหลายเรื่อง?ที่ชี้นำให้ตัวเอกที่เป็นผู้ประพฤติผิดศีลข้อ3,กลายเป็นฮีโร่ของวรรณคดีหลายๆเรื่อง(?),ซึ่งทำให้คนในสังคมไทยมองภาพผิด,เห็นผิดเป็นชอบ,เห็นกงจักรเป็นดอกบัว?กันไปหมด,และเกิดการเลียนแบบ,ทำตาม(?)..นั่นด้วย]..ด้วยวีธีใดวิธีหนึ่ง(?)..
เช่น.. คือต้องประณามหรือไม่สนับสนุนพฤติกรรมเจ้าเล่ห์เจ้าเหลี่ยม?ด้วยวีธีใดวิธีหนึ่ง(?).. เหมือนกับที่ประเทศจีนเขาเอารูปตุ๊กตา?ที่สื่อถึงคนคดโกง?หรือคนไม่ดี?,แล้วให้คนเข้ามาแสดงออกในการประณามต่างๆ?..ประมาณนั้น(?)..เป็นต้น..(น่าจะดีมั้ย?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 11 มีนาคม 2567 เวลา:20:33:27 น.
(พิเศษB).. เพราะเรามองว่า.. การที่มีกฎหมายบางอย่าง?ที่ไม่เอื้อต่อหลักศีลธรรม?.. ในระยะยาวจะทำให้สะสมอุปนิสัยของความเป็นคนที่คดโกง?,บิดเบี้ยว?,เอาประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง?.. จนมองว่า..การชิงของผู้อื่นมาเป็นของตน?เป็นสิ่งที่ยอมรับได้(?).. โดยอ้างว่ากฎหมายบางอย่าง?เปิดช่องให้ทำได้(?).. ซึ่งนานไปย่อมจะสร้างเผ่าพันธุ์?(หรือDNA)ที่ผิดเพี้ยน,บิดเบี้ยว?ต่อหลักศีลธรรม?ให้กับสังคมคนไทยนะ(?)..เราว่า(?)..
แม้เรื่องที่ดินมือเปล่า?ก็มีนัยยะที่ส่งเสริมความเห็นแก่ตัว?เช่นเดียวกัน(?)..หรือไม่?.. คือใครมีกำลัง,อำนาจ,พรรคพวก,บริวาร?ที่จะไปถือครองมากเท่าไหร่ได้?,ก็ทำได้เต็มที่(?)(อย่างนี้ก็ไม่เป็นธรรม?.. ใช่หรือไม่?)..
ที่จริงที่ดินไม่ว่าเล็กน้อยเท่าไหร่(?)ก็ถือว่าเป็นสมบัติรวมของประเทศไทย,จะให้ใครทำประโยชน์?ก็ต้องออกนโยบายอย่างเสมอภาค,เท่าเทียมด้วยระเบียบวิธีการของภาครัฐ?,ที่มีความชัดเจน,ไม่ให้เกิดข้อครหา?ว่า..เลือกที่รัก?,มักที่ชัง?,ฝนตกไม่ทั่วฟ้า?.. และที่สำคัญคือ..ต้องไม่ให้มีภาพของการไปบุกรุกที่อนุรักษ์,ป่าไม้,ภูเขา,ลำธาร,แม่น้ำ?หรือชิงเอามาจากเจ้าของเดิม?,ซึ่งผิดหลักศีลธรรมโต้งๆ?โดยเด็ดขาด(?).. ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.197 วันที่: 11 มีนาคม 2567 เวลา:20:37:33 น.
(พิเศษสุดพิเศษ,แทรก)(A).. ธรรมดา..วัฒนธรรมไทยมักสอนให้ว่า..ผู้ดีต้องไม่อวดโอ้เรื่องฐานะความร่ำรวยของตัวเอง?กันมาแต่โบราณ?..ใช่หรือไม่?.. แต่มีเรื่องแปลกๆ,ที่สื่อมักไม่ค่อยพูดหรือวิเคราะห์ถึง.. เช่น..
1.มีดาวอังคารสภา?(บางท่าน),เมื่อราว40-50ปีก่อน,เคยอยู่ไม่อยู่,เจอผู้สื่อข่าว,ก็ออกมาพูดประมาณว่าผมนี่รวยนะ?,เราดูตามข่าวนสพ.ก็ให้รู้สึกงง?เป็นอันมาก(?)ว่า..จะบอกผู้สื่อข่าวทำไม?..
2.เร็วๆนี้..ก็มีนักร้อง(เรียน)?(บางท่าน,มากกว่า1ท่าน)(ที่เป็นคนดังติดอันดับหน้าสื่อ?)ก็ออกมาพูดประมาณว่ายอมรับว่าคู่เลิฟ?หรือตนเอง?เป็นคนมีเงิน?นะ(?)..
3.ไม่นานมานี้ก็มีทเนอะ,ทเนะ?(บางท่าน)(ที่ก่อนหน้านี้,เป็นคนดังในหน้าข่าว?มาก(?),แต่ตอนหลังดูเงียบๆไป)ก็ออกมาพูดเปรยๆกับผู้สื่อข่าวประมาณว่า..ยอมรับว่าตนเองอยู่ในฐานะที่มีเงินมากอยู่พอสมควรนะ(?)(ประมาณทำนองนี้)..(คือใช้เครื่องอุปโภคส่วนตัว?ในระดับหรูมาก?..ประมาณนั้น..จนสื่อจับตาและนำไปทำข่าว?..ประมาณนี้..)
4.ล่าสุดก็มีข่าวว่า.. พนง.รัฐบางสี?(บางท่าน)ก็ออกมาพูดทำนองเดียวกันว่า..ผมเป็นคนที่มีฐานะทางการเงินอยู่นะ(?)(ประมาณนี้)..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 16 มีนาคม 2567 เวลา:11:19:38 น.
(B)5.เราเคยมีเพื่อนรู้จักผิวเผินที่เคยมากระซิบบอกเราว่า.. เขาเคยไปบ้านเพื่อนของเขาคนหนึ่งที่มีชื่อคล้ายม่อฮ่อมบางท่าน?(ที่มีชื่อเสียงว่าซื่อสัตย์ที่สุด,ที่เคยเป็นนักต่อสู้ทางการเมืองในอดีต)(แต่เป็นคนละนามสกุล?),แล้วมีการเปิดตู้?(ไม่แน่ใจว่าเป็นตู้เซฟ?หรือตู้เสื้อผ้า?),และปรากฏว่ามีเงินสดวางเป็นพับๆ,อัดแน่นอยู่เต็มตู้?(ประมาณว่า..อยากโชว์ให้เพื่อนได้เห็นความร่ำรวยของตนเอง?..ว่างั้นเถอะ?..หรือไม่?),ซึ่งคนที่มีเงินอัดอยู่เต็มตู้ภายในบ้าน?คืออดีตตัวแทนปชช.ภาคการเมือง?(บางท่าน)..นั่นเอง(?)..
(ข้อสังเกต).. สังคมเรา?ก็เป็นสังคมศรีธนญชัย?ประมาณนี้(?)..นี่เอง?.. ใครใคร่จะนำข้อมูลบางอย่าง?ไปตรวจสอบต่อ?,เราก็ยินดีนะ?..
อยากกระซิบบอกดังๆว่า.. อย่างน้อย..ก็จะมีคนใกล้ชิด?หรือคนที่ให้เงินสีเทาๆแก่บางท่าน?(อย่างน้อยที่สุด1คน)นั่นแหละที่เขาจะรู้ว่า.. คำพูดของท่าน?ที่พูดหรือแสดงออกต่อสื่อ,ต่อสังคม?นั้นว่า.. จริงๆนั้น,ท่านร่ำรวยมาแต่เดิม?,หรือท่านมีเงินมากมายมาจากอะไรเทาๆ?ที่เกี่ยวเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่การงานของท่าน?มากกว่า(?)หรือไม่?..[เพราะวันใดที่คนใกล้ชิด?หรือคนที่ให้เงินสีเทาๆแก่ท่าน?เขาอาจเผลอหลุดพูด?ออกมา(?),จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา?ก็ตาม(?),ท่านจะต้องมีปัญหาแน่ๆ(?).. และนี่คือกฎแห่งกรรม?ที่อาจทำให้ท่าน,เมื่อจะพูดอะไรกับสื่อ?,ก็ดูจะไม่ค่อยหนักแน่น(?),ดูหน้าตาท่านเวลาออกสื่อ?มักจะดูหมองค้ำ,โนออร่า?(ตามความเชื่อ?,ความสังเกต?ของคนโบราณ?),เพราะท่านอาจระแวงว่า..คงมีคนล่วงรู้ความทุจริตส่วนตัวของท่าน(บางคน)?ไปแล้ว(?),จากคนใกล้ชิดบางท่าน?ที่อาจทรยศท่านไปแล้ว?..หรือไม่?.. ประมาณนี้ครับ?]..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 16 มีนาคม 2567 เวลา:11:24:48 น.
(บทวิเคราะห์พิเศษ,แทรก)(1)..ได้ดูคลิปรายการเรื่องเล่าฯ16-3-67เรื่องเหยื่อเพียบ..รวบครูหื่น.. มีข้อคิดเห็นดังนี้..
น่าวิตก.. โดยเฉพาะหญิงไทย,โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงและเยาวชนหญิงไทย.. อย่ามัวแต่มองเห็นเทคโนโลยี่สื่อสารโดยเฉพาะการใช้มือถือหรือสม้าร์ทโฟนเป็นความสะดวก,ดูทันสมัยตามยุค(?)(โดยเฉพาะอย่างไม่ระมัดระวังด้วย?)..เท่านั้น(?)..
เพราะเทคโนโลยี่มือถือ?หรือสม้าร์ทโฟน?นี่แหละ,เป็นแหล่งที่จะนำคุณไปสู่วงจรอุบาทว์?ของอาชญากรรม,อาชญากรสมัยใหม่?ได้อย่างง่ายดาย(?),ด้วยเช่นเดียวกัน(?)
และพ่อ,แม่ต้องอย่าลืมสั่งสอน,อบรมลูกหลานแบบค้อร์ซพิเศษ,ลับเฉพาะด้วย..(ซึ่งถ้าไม่พร้อมทางด้านครอบครัวจริงๆ,ยุคนี้เรายังเห็นว่าไม่ควรมีลูก,เพราะคุณอาจต้องชอกช้ำในอนาคต,เมื่อลูกโตขึ้น,โดยเฉพาะถ้ามีลูกสาว?)..
อีกทั้งเมื่อเกิดเหตุผิด,พลั้งพลาดไปแล้ว.. เช่น.. มีคนแอบถ่ายคลิปมีเพศสัมพันธ์กัน?(ของลูกสาวของคุณ),หรือเขามักมีข้ออ้างสารพัด?ของผู้ชายที่คบกันเป็นแฟน?..ที่จะขอถ่ายคลิปลับต่างๆ?นั้น(?)..(เช่น..บอกว่าไว้ดูส่วนตัว?บ้าง?..เป็นต้น)..
และหญิงบางส่วน?(อยากบอกว่าอาจส่วนมาก?ด้วยนะ?)มักจะยินยอมได้ทุกอย่าง(?)ต่อผู้ชายที่ตนมีเพศสัมพันธ์ด้วย?,คล้ายประหนึ่งติดเซ็กซ์?หรือติดใจในการมีเพศสัมพันธ์?กับคู่ของตน?เหมือนดั่งติดยาเสพติด?จนต้องยินยอมตามแฟน?(ซึ่งคบกันโดยไม่ถูกครรลองประเพณี?,ประมาณตามสำนวนที่ว่าลักกิน,ขโมยกิน,มันอร่อย?..ประมาณนั้น?..นั่นแหละ?)..
จึงมักมีการขอถ่ายคลิปลับ?กันโดยหญิง?(บางส่วน)มักไม่ยอมขัดขืนใดๆ?กันเป็นส่วนมาก(?).. แล้วสังคมเรา?จะแก้ไขกันอย่างไร?..
ซึ่งถ้าลูกหญิง?ที่ไม่มีพ่อแม่เป็นที่ปรึกษา,ให้กำลังใจที่ดีพอ?,ก็อาจถึงขั้นคิดสั้น,ทำอัตตวินิบาตต่อตัวเอง?(เพราะเหตุอับอาย,เมื่อภาพลับถูกเผยแพร่โซเชี่ยลแล้ว?)ตามมาก็เป็นได้ด้วยนะ(?)..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 16 มีนาคม 2567 เวลา:15:59:16 น.
(2)จริงๆ.. การดึงสังคมไทย?ให้กลับสู่ทางเกวียนสายเก่า?ยังจะสามารถทำได้อยู่ไหม?.. คือ.. เช่น..ออกนโยบายให้มีหน่วยงานสั่งสอนกันอย่างมีระบบ(เช่น.. เกณฑ์ให้ทุกคน,ทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่เริ่มรับรู้เรื่องทางเพศ?ทั้งหมด,ให้ต้องมาเข้ารับการอบรมจริยธรรมทางเพศ?กันเลย..เป็นต้น)..
อย่าให้มีเรื่องละเมิดเรื่องทางเพศกัน(ทั้งชายและหญิง)ก่อนวัยอันควร(?)..
และกำหนดให้พ่อ,แม่และครูอาจารย์ควรสั่งสอนลูกหลาน,ลูกศิษย์(และโดยเฉพาะตัวบุพการีและครูอาจารย์บางส่วน?ต้องอย่าเป็นผู้ชี้นำ,ชักชวน,ค้ามนุษย์กับลูกหลาน,ลูกศิษย์?,หรืออย่าเป็นผู้ทำผิดเสียเอง?โดยเด็ดขาด)ว่า..
รสชาติของการมีเพศสัมพันธ์?นั้น,จะมีสารบางอย่าง?(ซึ่งควรเรียนรู้และฝึกใจแข็งไม่ตกเป็นทาส,อาจใช้การนั่งสมาธิทดแทน,หรือที่สุดถ้าจะต้องปลดปล่อยเพราะเครียดมาก,ก็แนะนำให้ใช้การบำบัดตัวเอง?,ซึ่งปลอดภัยและต้องไม่ถือว่าผิดศีลธรรมทางเพศ?แต่อย่างใด?..เป็นหลัก?..หรือไม่?)..
เช่น..สารเอ็นโดรฟิน?(และสารสุขอื่นๆ?)ที่หลั่งออกมาขณะและหลังจากมีเพศสัมพันธ์กันเสร็จสิ้นแล้ว?,และทำให้เกิดมีอารมณ์ติดใจในความปลอดโปร่ง?,โล่งไปทั้งกายและอารมณ์?เหมือนดั่งการเสพยาเสพติดบางชนิด?ไม่ต่างกัน(?)..นั่นหละ(?)..
ว่า.. ควรต้องให้บุตรหลาน,ลูกศิษย์,ต้องรู้เท่าทันกลไกทางเพศ?,โดยต้องระวังจิตใจ,อารมณ์ให้ดีๆ?,โดยเฉพาะไม่ควรตกเข้าไปในวงจรของการสังสรรค์,ดื่มสุรา?,อันเป็นเหตุเบื้องต้น?,บ่วงล่อ?ให้ขาดสติ,สัมปชัญญะ?,จนทำให้ไม่สามารถตัดสิน,ควบคุมอารมณ์?ในการยับยั้งตน?ในทางผิดศีลข้อ3ในเรื่องเพศ?ได้?..(ประมาณนี้หรือไม่?)..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 16 มีนาคม 2567 เวลา:16:28:53 น.
(3)และควรสอนลูกสาว?(รวมทั้งลูกชาย?ด้วย)ให้ชัดเจนด้วยว่า.. ความรักแบบหนุ่มสาว?(แบบเชิงสร้างจินตนาการ?ในละครหลังข่าว2ทุ่ม?)นั้น?..ไม่มีจริงหรอก(?)..
เพราะทุกคน?โดยเฉพาะชาย?มักต้องการการตอบสนองอารมณ์ทางเพศตามวัย?,ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนทางเพศชาย?ที่เร่งเร้าตามธรรมชาติกระตุ้น,บงการ?เท่านั้นแหละ(?)..
และโดยเฉพาะหญิง?(โดยมาก)มักต้องการทั้งเกียรติ?,ศักดิ์ศรี?,ฐานะทางการงาน?,การเงิน?,ความมีหน้ามีตาในสังคม?(หลังจากที่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับชาย?แล้ว),ที่มากกว่า..แค่การต้องการมีเพศสัมพันธ์ด้วย?จากชายที่เป็นแฟน?เพียงอย่างเดียวเท่านั้น?..เสมอ(?)..
และโดยมากชาย?มักจะละเมิดทางเพศกับหญิง?,โดยอารมณ์ชั่ววูบที่รีบกระทำ?(โดยไม่หาสิ่งป้องกัน?..เช่น..ถุงยางอนามัย?..เป็นต้น..เสียก่อน?),เพราะกลัวหญิงจะเปลี่ยนใจเสียก่อน?,เพราะกลัวว่า..อารมณ์หญิงมักเปลี่ยนง่าย?,จึงไม่ทันคิดไตร่ตรอง,รอบคอบว่า,เมื่อถ้าหญิงเกิดต้องการเรียกร้อง?,หลังยอมมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว?,เขา(ตัวผู้ชาย)จะให้ตามคำเรียกร้องต้องการของหญิง?ที่ตนไปมีอะไรด้วย?(หลังจากเสร็จกิจกันแล้ว?)ได้หรือไม่?..
จนมักที่สุด,ทำให้เกิดการแตกร้าว?,ทะเลาะเบาะแว้ง?,และเลิกจากกัน?ตามมา(?)..(ซึ่งเป็นต้นเหตุเบื้องต้น?ของภาวะสถาบันครอบครัวล่มสลายตามมาอีก(?)..นั่นเอง)...
ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์เหล่านี้?เป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ,ทำให้หญิงไทย?(บางส่วน,หรืออาจส่วนมากด้วย?)เกิดค่านิยม?ที่ไม่เห็นความสำคัญในการรักนวลสงวนตัว?,ทำให้กล้าผู้ชาย?,กลับมองเห็นเป็นเรื่องการแสวงหาความสุขส่วนตัว?เท่านั้น?(หรือไม่?)..
ซึ่งบางครั้งกับหญิงบางคน?อาจเกิดทัศนะผิดๆ?ว่า..เสียให้กับผู้ชายคนแรกฟรีๆ?ยังยอมได้?,ถ้าจะยอมเสียตัวอีกครั้ง?,แล้วได้ทรัพย์ตอบแทนด้วย?,ทำไมจะยอมไม่ได้?..
[นี่แหละ.. จึงเป็นความคิดเชิงจิตวิทยา?,ที่นักฉวยโอกาส?,ใช้เป็นจุดเริ่มต้น?ของกระบวนการค้ามนุษย์?,โดยมองเห็นหญิงเป็นสินค้าทางเพศ?ไปในที่สุด(?),โดยไม่เคารพ?,คำนึงถึงศักดิ์ศรี?ของความเป็นหญิง?ซึ่งเป็นเพศแม่ของตนเอง?เอาเสียเลย(?)..ไงล่ะ?]..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 16 มีนาคม 2567 เวลา:17:04:14 น.
(4)จนที่สุด..สังคมไทย?กลายเป็นสังคมที่ส่งสัญญาณผิดๆ?ว่า.. แม้สังคมจะรับรู้ว่า.. เขา(ทั้งหญิงและชาย?)ได้ประพฤติผิดทางเพศ?หรือมากผัวมากเมีย?,คบซ้อน?,มีกิ๊ก?,ไม่ว่าจะเป็นทั้งกับเพศหญิง?หรือเพศชาย?,ไม่ว่าจะมีฐานะทางการเงิน?และการงานที่ดี?ในสังคม?อย่างไรก็ตาม(?),เขาก็ยังสามารถยืนผงาดในสังคม?ได้อย่างไม่ต้องหลบหน้า?,โดยลืมคำว่ายาง....?ไปเสียแล้ว(?)..ประมาณนี้หรือไม่?)..
แต่จริงๆ.. ไม่ว่าทั้งบุพการี?,ครูอาจารย์?และผู้ใหญ่ทรงคุณวุฒิ?,วัยวุฒิ?ทั้งหลาย?ควรช่วยบอกสอนกันว่า.. จะมีเพศสัมพันธ์กันได้?ก็ต่อเมื่อมีความพร้อมทั้งร่างกาย?,การงาน?,และควรให้ถูกต้องตามหลักประเพณีไทย?ก่อนการมีเพศสัมพันธ์กัน?นั้น,จึงจะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุด?..
และควรต้องถามภาครัฐ?ด้วยว่า.. การที่พยายามส่งเสริมให้คนมีบุตร?,เพราะกลัวว่าคนเกิดน้อย?,ประชากรจะลด?นั้น(?).. ท่านนักรู้?,นักนโยบาย,นักวิชาการทั้งหลาย?(บางส่วน)ได้สำรวจดูความปลอดภัยของเด็กวัยรุ่นที่เกิดมา?(โดยเฉพาะเด็กหญิง?และเยาวชนหญิง?)ว่า.. เมื่อเขาเริ่มโตขึ้นมา(?),เขามีความปลอดภัยทางเพศ?อย่างเพียงพอแล้วหรือยัง?..
และได้มีกระบวนการสอนความปลอดภัย?ในการคบหาผู้ชาย?เมื่อไม่พร้อม?,และผิดประเวณี?ว่า..จะเกิดผลร้ายอย่างไร?หรือไม่?..
และเมื่อเกิดผิดพลั้งพลาด?โดยการถูกยั่วยวน?,ครอบงำ?จากสังคม,สิ่งแวดล้อม?ที่มีแต่สถานที่อโคจร?ในความหมาย(บริบท)ของพุทธ?,เพื่อให้หลงใหล?,เมามัว?ในเรื่องทางเพศ?ในหมู่สังคมเพื่อนฝูง?(หรือเพื่อนเลว?)ไปแล้ว(?),ว่าจะหาทางออก?ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้?ให้กับลูกหลานของพวกเขา?อย่างไรกันดี?..แล้วหรือยัง?..หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 16 มีนาคม 2567 เวลา:17:30:26 น.
1.ควรแยกเป็นโรงเรียนหญิงล้วน,และโรงเรียนชายล้วน,เพื่อไม่ให้ชาย,หญิง,วัยเจริญพันธุ์มาใกล้ชิดกันก่อนวัยอันควร,อันเป็นการเพาะเชื้อไฟ?แห่งการผิดศีลข้อ3โดยใช่เหตุ?..
โรงเรียนหญิงให้มีแต่ครูหญิง.. ส่วนโรงเรียนชายก็ให้มีแต่ครูชาย.. และเด็กนักเรียนหญิง,ชายไม่ควรซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์(รถ4ล้อส่วนตัวใดๆ,จักรยานด้วย)ไปด้วยกัน,ไม่ว่าในกรณีใดๆ,หรือแม้แต่กับญาติชายก็ตาม..
2.โรงแรมให้แยกเป็นโรงแรมหญิง,และโรงแรมชาย.. โดย..โรงแรมหญิง,ชายห้ามเข้า,โรงแรมชาย,หญิงห้ามเข้า.. ยกเลิกโรงแรมรูดม่าน,ยกเลิกอาบอบนวด,และนวดทุกแผนซึ่งมักมีการค้าประเวณีร่วมด้วย?,และมักมีช่องเล็ดลอด?ที่ส่งเสริมการค้าประเวณี?และผิดประเวณี?(ศีลข้อ3)ในหญิง,ชายที่ไม่ใช่สามีภรรยากัน.. ส่วนโรงแรมแบบครอบครัวต้องแสดงทะเบียนสมรสตัวจริง,ซึ่งสามารถสกรีนดับเบิ้ลเช็ค(เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร),ตามระบบทะเบียนออนไลน์ของรัฐได้..
3.สำหรับนวดเพื่อสุขภาพยกให้รพ.ของรัฐ(เท่านั้น)เป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น,และให้หญิงนวดได้เฉพาะหญิง,ชายนวดเฉพาะชาย,และให้จัดสถานที่นวดเป็นที่เปิดโปร่ง,คนผ่านไปมาสามารถมองเห็นได้,เพื่อป้องกันการมีภาพที่ดูอนาจารแฝงเร้นอยู่..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 16 มีนาคม 2567 เวลา:18:45:45 น.
(ข้อความที่ตกหล่นในโพ้สต์ข้างบนครับ)..
(5)(เพิ่มเติม).. เราเคยนำเสนอความคิดเห็นในที่ต่างๆประมาณว่า.. น่าจะถึงเวลาแล้วหรือยังว่าควรจะพิจารณาว่า..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 16 มีนาคม 2567 เวลา:18:50:46 น.
(ข้อสังเกต).. กรณีข่าวคุณบ.ที่ให้ผู้ติดยาพาไปดูว่า..ซื้อยาบ้าจากใคร?.. เราอยากให้สื่อมวลชนช่วยกันวิเคราะห์.. เพราะเรามองว่า..น่าจะเป็นการช่วยราชการ?เพื่อจับกุมผู้ขายยาบ้าให้กับผู้ป่วย?มากกว่า?..หรือไม่?.. ซึ่งถ้าไม่มีเรื่องนอก-ใน?ใดๆในพื้นที่?.. เรามองว่า.. ถ้ามีผู้ป่วย100รายในพื้นที่?,ก็น่าจะต้องสืบถามกับผู้ป่วย?,จนได้ชื่อของผู้ขายยารายย่อย?อย่างน้อย100ราย?หรือ100เค้ส?ของผู้ต้องหาขายยาบ้า?มาเพิ่มเติมอีกด้วย?..หรือไม่?..ใช่หรือไม่?.. ดังนั้น..จนท.ส่วนกลาง?ควรต้องไปตรวจสอบว่า.. กรณีของคุณบ.นี้..น่าจะมีซัมธิ่งวรอง?หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 17 มีนาคม 2567 เวลา:2:39:24 น.
(เพิ่มเติม).. กรณีข่าวคุณบ.ที่ช่วยชี้เบาะแสผู้ขายยาบ้ารายย่อยในบางพื้นที่?.. ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ?,ที่สังคมไทย?(บางจุด?)กลับทำให้กลายเป็นเรื่องที่ดูซับซ้อน,ยุ่งยาก?.. นั่นเพราะอะไร?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 17 มีนาคม 2567 เวลา:2:49:56 น.
(พิเศษ)..(A)(ถามว่า..ประเทศไทยเป็นของใคร?).. กีฬาสี?ของคนหลายกลุ่ม?ที่เคยเป็นนักต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม,มาตรฐานเดียว?.. มาวันนี้คล้ายจะมีการพูด(หรือเคยได้ยินจากสื่อบางส่วน)ถึงคำพูดหนึ่งตรงกันในทุกกลุ่ม?ว่า..สู้ไปแล้วได้อะไร?,สุดท้ายก็ต้องติดคุก?,ถูกฟ้องล้มละลาย?,ถูกยึดทรัพย์?,สู้เป็นคนดูการแย่งชิงผลปย.ของคนแต่ละกลุ่ม?ตามคำพังเพยว่านั่งบนภู..ดู...?ดีกว่า?,ไม่เปลืองตัวดี?..เช่นนั้นหรือไม่?..
อีกประการหนึ่ง.. คือสังเกตว่า..คนไทยส่วนมาก?(ยุคนี้)จะเป็นคนมีทัศนะขี้กลัวขึ้นสมอง?(จนอาจเข้าใกล้อาการที่เรียกว่าPhobia?กันไปแล้ว?)หรือไม่?.. เช่น.. กลัวคนที่มีเงินมากๆ?(ที่มาเล่นการเมือง?)..
แม้จะเห็นอยู่ว่า..สังคมไทยมีหลายอย่าง?,หลายเรื่อง?ที่ชี้บ่งถึงความไม่ชอบธรรม?,หลายมาตรฐาน?,ดีลนั่น?,ดีลนี่?,แต่ก็ไม่มีใครกล้าจะออกมาพูด,ออกมากล้าชนกับปัญหาสังคมในขณะนี้?อย่างตรงไปตรงมา(?)..
เพราะอาจคิดว่า..ตนหรือกลุ่มตน?มีเงินไม่ถึง?,หรือมีไม่มากเท่าบางกลุ่มการเมือง?,ถ้าขืนมาพูดโต้งๆ,ตรงๆ,ไม่อ้อมค้อม?ก็กลัวฝ่ายกลุ่มคนที่มีเงินมาก?เขาจะให้นักกม.ฝ่ายเขา?ไปแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท?เอา?.. ประมาณนั้น(?)..หรือไม่?..
แม้แต่สื่อ?(จำนวนไม่น้อย?)ก็ไม่กล้าพูดแบบชี้ประเด็น?และชี้ตัวบุคคล?แบบตรงๆ(?),เพราะน่าจะเกรงอำนาจบารมี?,และเกรงอำนาจทรัพย์?ของคนบางกลุ่ม?,บางคน?ด้วยเช่นกัน?..หรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
[เช่นอย่าง..สื่อน้ำดีบางท่าน?.. เช่น.. สื่อสุนัขเฒ่า?..คนก็มองกันว่า.. เพราะเหตุพูดตรงเกินไป?นั่นเอง?,จึงถูกเขี่ยออกนอกกระดาน?ไปแล้ว(?)..ประมาณนั้น?..นั่นเลยเทียว(?)..หรือไม่?..เป็นต้น]..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 17 มีนาคม 2567 เวลา:23:49:28 น.
(B)และวันนี้(17-3-67).. เราได้ดูรายการหนึ่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว,ของพิธีกรเน็ตไอด้อลท่านหนึ่งที่คุยกับดร.ก.(ชายหนุ่มดีกรีด็อกเต้อร์)ที่มีทัศนะ,มุมมอง,การพิเคราะห์การเมืองที่น่าสนใจและแยบยลมาก.. (เราเชื่อว่า..ยุคถัดไปจะมีคนหนุ่มที่มีแนวคิด,มุมมองเช่นนี้มากยิ่งขึ้น)..
ฟังดูเขาสรุปปิดท้ายแบบตบลูกเข้าโกลได้ยอดเยี่ยมมาก..ที่พูดด้วยประโยคที่ว่า..คือคุณท.แกไม่ใช่ซุปเป้อร์ฮีโร่,แกบินไม่ได้,แกไม่ได้เป็นไอร้อลแมน?.. ซึ่งทำให้เราฉุกคิดถึงคำพูดของลุงหมักในอดีตหลายสิบปีก่อนที่บอกว่า..ความกลัวทำให้เสื่อมนี่เอง(?)..
เราจึงอยากมโนเอาเองนะว่า.. ถ้าวันหนึ่ง..เราตื่นขึ้นมา,แล้วสังคมไทยราว50-60ล้านคนออกมาส่งเสียงตรงกันว่า..การยุบพรรคนั้นไม่เกิดประโยชน์.. เราว่า..สังคมไทยน่าจะมีอะไรที่ดีขึ้นกว่านี้?..หรือไม่?..(คุณว่ามั้ย?)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 18 มีนาคม 2567 เวลา:0:00:19 น.
(ข้อคิดพิเศษ).. (1)เราเผอิญได้เปิดดูคลิปยูทู้ปของสื่อบางสื่อที่ผู้ก่อตั้งเคยเป็นคอลัมนิสต์ของสื่อหัวสี?มาก่อน..
การเมืองช่วงนี้ทำให้เรานึกถึงมิติของคำว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตร?(แม้แต่จะแค่เป็นมิตรเพียงชั่วคราวก็ตาม).. ซึ่งอาจกำลังมีทัศนะเช่นนี้อยู่ในหลายกลุ่มก้อนทางการเมือง?เหลือเกิน?(แม้แต่สื่อบางฉบับ?หรือบางช่องในโซเชี่ยล?ก็มีด้วย?)..
ก่อนหน้านี้จะเห็นนสพ.เลือกข้างบางฉบับ?(ที่มาทำคลิปในช่องโซเชี่ยล?)จะมีจุดยืนที่เอาเรื่องเอาราวอย่างจริงจัง?กับกลุ่มที่มีทัศนะเชิงต่อต้านจุดเปราะบางของสังคมไทย?อย่างชัดเจน(?),แม้แต่กับเด็กเยาวชนบางคน,บางกลุ่ม?ก็ยังมีเนื้อหาที่ต่อว่าพวกเขาอย่างจริงจัง(?)..
แต่มาช่วงหลังๆ(เร็วๆนี้).. นสพ.บางฉบับ?(ที่นำทัพโดยสื่ออาวุโสบางท่าน?)กลับเหมือนตาสว่างชั่วคราว,เฉพาะกิจ?หรือไม่?.. ที่กลับเริ่มนำเอาคำพูดของนักการเมืองดัง?และนักต่อสู้ฟากปชต.?บางคน,บางกลุ่ม(?)(ซึ่งก่อนหน้านี้,สื่อของตนเอง?ก็เคยต่อต้านอย่างเอาเป็นเอาตาย?มาก่อนอย่างหนักหนาสาหัส?..เช่นเดียวกัน?)เข้ามาเป็นข้ออ้างอิง,พูดถึงแบบคัดมาเต็มๆเพื่อมาลงในเนื้อหาของสื่อของตน,เพื่อชี้ให้เห็นจุดอัปยศ?,ไร้เกียรติ?,ไร้สัจจ์?,ไร้จุดยืน?ของศัตรูความคิดทางการเมืองกลุ่มเก่า?..คล้ายว่า.. จะยืมมือ(คำพูด)ของศัตรู(รุ่นใหม่?)เพื่อฆ่าศัตรู(รุ่นดั้งเดิม?)ประมาณนั้น(?)..หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 19 มีนาคม 2567 เวลา:10:36:31 น.
(2)ยังมีอีก.. ที่มีช่องโซเชี่ยล(ใต้ดิน)(บางช่อง),แต่กลับปรากฏหราในโลกโซเชี่ยล?เต็มไปหมด(?),ที่ใช้ยุทธวิธีโจมตีจุดอ่อนไหวของสังคมไทย?(อย่างรุนแรง?)มาเป็นเวลามากกว่า3ปี(?)..
แต่ดูเหมือนผู้เป็นจนท.ที่เกี่ยวข้อง?(บางส่วน)จะวางตัวเงียบกริ๊บ(?),หรืออาจจะรอให้มีกระแส?,ให้สื่อทำเป็นข่าวออกมาเสียก่อน?,จึงจะค่อยเคลื่อนไหวตาม?..หรือไม่?..
(ทำให้รู้สึกว่า..คล้ายรู้เห็นเป็นใจ?,ยอมให้กลุ่มโซเชี่ยลบางกลุ่ม?กระทำเช่นนั้น?,ที่มีการสื่อสาร,ปลุกปั่นมวลชนในโลกโซเชี่ยล?,เพื่อหวังหาพวกที่คิดเหมือนกัน?ไปเรื่อยๆ?..หรือไม่?.. หรืออีกที,ก็อาจกลัวอิทธิพลจากกลุ่มอำนาจดั้งเดิม?ในบางมุม?,บางบริบท?ซึ่งซ่อนเงื่อน?,ซ่อนปม?บางอย่างไว้?,ที่คล้ายรอจังหวะฉกฉวยอำนาจกลับมาคืน?เหมือนตาอยู่?หรือเปล่า?..ก็ไม่ทราบได้?)..
เพราะเหมือนไม่(อยาก)รับรู้,รับเห็นใดๆทั้งสิ้น?,แม้มีคนหวังดีแจ้งเบาะแสไป?,ก็เหมือนจะใส่ลิ้นชักไว้?,ไร้แอ๊คชั่นตอบสนอง?,ซึ่งกลับไม่แอ๊คถีฟ?เหมือนในกรณีของกลุ่มการเมืองกุ๊กไก่?.,และกรณีของน้องตว.?แต่อย่างใดเลย?(เพราะนั่นคือมีข่าวออกเป็นสื่อ?แล้ว?)..
ซึ่งคล้ายยอมปล่อยให้ช่องใต้ดิน?(บางช่องดังกล่าว?),ได้สื่อสาร?,ปลุกระดม?เพื่อล้มล้างระบอบเดิม?กระนั้นแหละ?..หรือไม่?..
โดยช่องใต้ดิน?(บางช่องดังกล่าว?)ก็มักแอบอ้างว่า.. มีอดีตผู้บริหารสังคมบางท่าน?(2-3ท่าน?)ที่สนับสนุนให้เปิดช่องสื่อใต้ดิน?)ของกลุ่มของตน?.. ซึ่งผู้ที่ถูกแอบอ้าง?ก็ไม่เคยออกมาแก้ข่าว?หรือแก้ตัว?แต่ประการใดเลย?..
เราซึ่งติดตามฟัง,ก็เลยทำให้รู้สึกว่า..จะเข้าบริบทของคำว่าศัตรูของศัตรูก็คือมิตร?เช่นเดียวกันอีก?..หรือไม่?..
คล้ายประมาณว่า.. ขอยืมใช้ปาก?ของกลุ่มคนที่มีทัศนะต่างจุดยืนกับของตน?ในบางเรื่อง?(คือในเรื่องโจมตีจุดอ่อนไหวของสังคมไทย?),แต่กลับต้องการใช้ประโยชน์?เพื่อให้เป็นเครื่องมือ?ในอีกบางเรื่อง?,เพื่อให้เป็นกระบอกเสียง?เพื่อโจมตีศัตรูทางการเมือง?,ที่เผอิญดันเป็นศัตรูทางการเมืองคนเดียวกัน?กับทัศนะของตน?ไปก่อน?..ประมาณนั้น?..หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 19 มีนาคม 2567 เวลา:11:09:13 น.
(3)เพราะสิ่งนี้ทำให้สังคมไทย?เกิดความสับสน?,ไม่มั่นคงในการใช้ชีวิตในสังคมไทย?.. และเกิดความรู้สึกว่ากลุ่มใด?เป็นพวกเดียวกันกับกลุ่มใด?กันแน่?..(ที่มีคนที่ต่างกัน?ในจุดยืนที่สำคัญ?กลับคล้ายมาสนับสนุนข้อมูลลึกๆบางอย่าง?ให้แก่กันแบบลับๆ?อย่างดูผิดสังเกต?)..
ซึ่งในระยะยาวจะทำให้หน่วยย่อยๆของสังคมไทย?จะไม่สามารถจริงใจต่อกันได้เลย(?),หรือไม่เชื่อมั่นต่อกลุ่มใดๆ?ได้เลย(?)(เพราะเกิดความระแวงซึ่งกันและกัน?ไปหมด?)..
และยังคล้ายมีผู้แอบแฝงตัวในมุมมืดแบบลับๆ?เพื่อส่งข้อมูล?แบบอินไซ้ต์ในวงราชการ?และการเมือง?ให้กับกลุ่มที่มีจุดยืนพิเศษ?เพื่อโจมตีจุดอ่อนไหวของสังคมไทย?ดังกล่าว(ซึ่งเป็นจุดยืนที่ตรงข้ามกัน?กับจุดยืนของสื่ออาวุโสของอีกบางช่อง?,ซึ่งเป็นช่องที่มีอิทธิพลทางความคิด?ต่อสังคมไทย?อย่างมาก?)..
แต่บุคคลที่แอบแฝง?นั้น,กลับคล้ายคอยสนับสนุน?,เสี้ยมสอน?,ให้กำลังใจ?,ช่วยวิเคราะห์นั่นนี่?ให้กับช่องโซเชี่ยลใต้ดิน?ดังกล่าว?,อยู่ข้างหลัง?.. และคล้ายคอยส่งข้อมูล,เนื้อหาข่าว?จากช่องข่าวที่มีมุมขุดคุ้ยเบื้องลึกของนักการเมืองและวงราชการไทย?ให้กับช่องใต้ดินดังกล่าว?,เพื่อให้เขานำมาพูดวิเคราะห์,ใส่สี,ตีไข่?ผสมเพิ่มขึ้น?(ทั้งๆที่ช่องสื่ออาวุโสดังกล่าว?นั้นก็มีจุดยืนสำคัญบางจุด?ที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง?)..
ซึ่งเลือกคัดเอาแต่เฉพาะที่มีเนื้อหาที่มีประสงค์ตรงกันในบางเรื่อง?มาให้เท่านั้น?(แต่โดยไม่ยอมอ้างถึงแหล่งที่มาของข้อมูลนั้นๆ?ว่ามาจากสื่อมวลชนช่องใด?(เพื่อคล้ายหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์ในเรื่องของจุดยืนจุดสำคัญ?ที่ย้อนแย้งกันอย่างสิ้นเชิง?)..อีกด้วย(?)..
ปล.ถ้ามีบ่อนการพนัน?ใกล้บ้านคุณ,แล้วคุณก็ทำเฉยๆ?,ไม่เดือดร้อน?,มัวคิดว่าไม่กล้าแจ้งเจ้าหน้าที่?.. วันหนึ่ง..ถ้าบ่อนนั้น?เขาเกิดเรื่องขึ้นในบ่อน?,อาจมีเหตุมารุกราน,ลุกลาม?,ทำให้ทรัพย์สินหรือชีวิตของคนในบ้านคุณพลอยเดือดร้อนเสียหายไปด้วย?..ก็เป็นได้?..ใช่หรือไม่?..
...ฝากข้อมูลพิเศษนี้?กับทุกๆท่านด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.126 วันที่: 19 มีนาคม 2567 เวลา:11:40:34 น.
วิบากกรรมใดของสังคมไทย?.. (เราได้ดูคลิปคำหลวงตาของคอลัมนิสต์อาวุโสบางท่าน.. แล้วได้ข้อคิดส่วนตัวดังนี้ครับ..
1.หลวงตาบ.บอกคนร่ำรวยผู้หนึ่ง?คือลูกศิษย์?,แต่กลับทำให้อาจารย์เสียชื่อ?(?)..
2.หลวงตาบ.บอกประมาณว่า..ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย,จะไม่เกิดอีก.. ชาวบ้านฟังตีความว่า..ท่านบรรลุแล้ว..
3.คนร่ำรวยผู้หนึ่ง?(เดียวกันนี้)เคยไปกราบนักบวชสีกรัก?(แถวๆอุบล),ด้วยวิถีจริตเพื่อหาเสียงสนับสนุน?แบบนักการเมือง?..
4.นักบวชสีกรัก?ประกาศว่า..ตนบรรลุธรรมแล้ว..เช่นเดียวกัน..
5.สังคมไทยแปลก?,เพราะมีคนฉลาดแบบเหลี่ยมๆบางคน?(ที่เชี่ยวชาญชั้นเชิงธุรกิจ,กระสันเข้าสู่การเมือง),ที่ดูเผินๆเหมือนคนที่ฝักใฝ่,คลุกคลี,วนเวียน,อยู่กับศาสนา,พระ,นักบวช?,เพื่อสร้างภาพลักษณ์?ว่า..ตนเองเป็นคนดี?(รวยแล้วไม่โกง?),ที่ควรให้การสนับสนุนนะ(?)..ประมาณนั้น(?)..
6.ขนาด2พระ,นักบวช?(ผู้บรรลุธรรมแล้ว)ยังหลงคารม?ของคนร่ำรวยบางคนนี้..ทั้ง2ท่านจนได้(?)..
7.ที่สุด..พระและนักบวช2ท่านนี้?ก็ภายหลังมีการต่อว่ามุมมองทางธรรมะ?ของอีกฝ่าย,โต้กันไปมาผ่านลูกศิษย์ของแต่ละท่าน(?)..
8.แปลกมากที่ทั้ง2ท่านต่างบรรลุธรรม?,แต่ต่างก็ตกหลุมล่อ?ของผู้ร่ำรวยบางคนดังกล่าว?พร้อมๆกันจนได้(?)..
9.เทวทัต?ด้วยแรงริษยา?และใคร่เป็นใหญ่?,จึงแอบแฝงมาเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า?,และภายหลังก็กลับทรยศ?,หวังแย่งความเป็นใหญ่?จากพระพุทธเจ้าอีกที(?)..
10.ผู้ร่ำรวยบางคนนี้ก็อาศัยตีซี้,เข้ามาสนิทกับพระและนักบวช2ท่าน?เพื่อหวังให้ทั้ง2ท่าน?เป็นแบ๊ค,สนับสนุนทางการเมือง,เพื่อให้สมความโลภในทรัพย์?และความยิ่งใหญ่ทางการเมือง?ของตน(?)..
11.เราท่านทั้งหลาย?มองเห็นบางสิ่ง,บางอย่าง?ที่มีอะไร?ที่ดูละม้ายคล้ายกัน?..หรือไม่?..
12.หรือนี่คือวิบากกรรม?ของดินแดน?ที่มีนิยายตำนานเรื่องศรีธนญชัย?..หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.150 วันที่: 20 มีนาคม 2567 เวลา:3:46:36 น.
(พิเศษ)..(A)ทำไมเราจึงมองว่าพุทธอาจเป็นแค่ปรัชญาความคิดที่ไม่ครอบคลุมทุกบริบทในการแก้ปัญหาชีวิต?,โดยเฉพาะนำมาใช้แก้ปัญหาทางการเมืองได้ยากมาก(?)..
พุทธและคริสต์สอนคล้ายกันเรื่องให้อภัยคนที่เคยทำผิด(และขอให้เขาอย่าทำผิดอีก,หรือถ้าเป็นการทำผิดครั้งแรก..ประมาณนั้น)..
แต่ศาสนายิวสอนว่าตาแทนตา,ฟันแทนฟัน.. ซึ่งส่วนตัวเรามองว่า.. บางกรณีของชีวิต(จริง)อาจจำเป็นต้องใช้หลักปรัชญาของศาสนายิวข้อนี้ก็เป็นได้(?)..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.98 วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:12:40:38 น.
(B)กรณีของสังคมไทย.. บางองค์กรมีคำพูดต่อๆกันมาวาอย่าฆ่าน้อง อย่า...,หรือมักอ้างเรื่องความกตัญญู.. เช่น.. เมื่อสมัยไม่นานก็มีคติของบางท่านบอกว่าได้ดีเพราะ......ให้..ประมาณนั้น..(ซึ่งก็น่าจะมีนัยยะเรื่องความกตัญญู,ทำนองว่า..เมื่อได้ดีเพราะใคร?..ก็ต้องตอบแทนคนคนนั้น..ประมาณนั้น)..
ดังนั้น.. พอถูกกล่อมเกลาด้วยคำคติส่วนตัวเหล่านี้บ่อยๆ.. ก็เลยกลายเป็นว่า.. แม้น้อง,แม้นาย,แม้เพื่อนจะทำความผิดต่อสังคมบ้านเมืองอย่างไร?,ก็จะต้องคอยปกป้อง(ปกปิด)ไว้,ทั้งๆที่น่าจะสามารถออกมาคัดค้าน,ตู่ท้วง,ชี้แนะ,แซงชั่น,บอยคอตได้ดีกว่าบุคคลอื่นที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับพี่,กับน้อง,กับเจ้านาย,กับเพื่อนสนิทของตน?ได้มากเท่ากับตน(?)..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.224 วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:13:02:30 น.
(C)เราเคยฟังนักการเมืองดัง(บางท่าน)ที่จบจากม.ดังที่อังกฤษเคยพูดในสภาเมื่อหลายสิบปีก่อน(แล้วมีคนคัดค้านมากมาย)ประมาณทำนองว่า.. บางทีการอกตัญญู(?)หรือทรยศ(?)ต่อบางบุคคล?(ที่กระทำความผิดต่อบ้านเมือง)ที่เคยมีสัมพันธ์เชิงบวก?กับตน,น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่าการเข้าข้างเพื่อทดแทนบุญคุณ?หรือไม่?..
ซึ่งทำให้เรานำมาฉุกคิดมาจนถึงทุกวันนี้ว่า.. ที่สังคมไทยไม่พัฒนาในเชิงการเมือง,คุณธรรม,ยุติธรรมก็เพราะมัวพากันอ้างปรัชญาบางอย่างของพุทธ?หรือปรัชญาของนิยายบู๊ลิ้มที่ว่าบุญคุณต้องทดแทน?,ที่อาจไม่เวิ้ร์ค?ต่อการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น?สำหรับสังคมมะกอก3ตะกร้า?,ปลาไหลใส่สะเก็ตวิ่งบนลานน้ำแข็ง?,รวมทั้งการที่ยังเห็นนิยายตำนานศรีธนญชัย?เป็นเรื่องมุมบวก?(ที่น่าชื่นชม,น่าเอ็นดู),ที่อาจมีบางคนยกย่องว่า..เป็นบุคคลที่ฉลาดมาก(?)จนนำไปเป็นต้นแบบ(ไอด้อล)เพื่อเจริญรอยตาม?ได้อีกด้วย(?)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.112 วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:13:47:26 น.
(ทัศนะของหญิงและชายที่มักไม่ลงตัว).. (1)เราได้ดูข่าวชาย-หญิงบางคู่ที่คบหากันผ่านเฟซบุ๊ค(ชายอายุมากกว่าหญิงราว8-9ปี)..
[ซึ่งโดยทั่วไป..จากการสังเกต,จะหาผู้หญิงอายุน้อย,หน้าตาดีที่จะรักอย่างจริงใจกับผู้ชายที่อายุมากกว่ากันมากๆได้ยากยิ่งนัก.. เพราะหญิงนั้นเปรียบเหมือนนางแมว?,ที่ผู้ชายจะหวังควบคุมให้จิตใจเธออยู่แต่กับเรา?ได้ยากนัก(?).. โดยเฉพาะสมัยนี้,ยิ่งมียาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์,ยิ่งทำให้หญิงบางคน?อาจคิดว่า..อย่างน้อยก็ได้ค่าสินสอดก้อนโต?เพื่อทดแทนพระคุณให้กับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมา(?).. และมักคิดต่ออีกว่า..ถ้าอยู่กันไม่ได้จริงๆ,ก็ค่อยขอเลิกทีหลัง(?).. เพราะสรีระร่างกายก็ไม่ได้บอบช้ำ,สึกหรอ?อะไรมากมาย(?)..ประมาณนั้น?]..
แต่พอแต่งงานกันได้เพียงไม่กี่วัน?(ราว4-5วัน)ก็กลับต้องมีเหตุชวนกันเลิก?,ท้ากันเลิก?,จนถึงขั้นฟ้องร้องกันเป็นคดีความ?ซะอย่างงั้น(?).. [เพราะผู้ชายดี,มีระเบียบมักจะอยู่กับผู้หญิงยุคนี้?ได้ยาก(?).. ดังที่เคยได้ยินเขาพูดกันมาว่า..ผู้หญิงมักชอบผู้ชายเลว,เพราะมันเร้าใจและท้าทาย?,ส่วนผู้ชายที่ดี,มีศีลธรรมนั้นมันจืดชืด?,ทำให้ชีวิตคู่ไม่สนุก?(เพราะผู้หญิงบางส่วน?หรือส่วนมาก?มักติดสนุก?..นั่นเอง?)..อย่างที่มักได้ยินเธอมักหาข้ออ้าง?ว่า..เพราะผู้ชายนั้นดีเกินไป?,เธอจึงต้องเลิก?..นั่นแหละ?]..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.194 วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:18:34:38 น.
(2)เพราะผู้ชายสู้อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบ,เพื่อจะจัดงานแต่งงานให้เป็นเกียรติแก่ฝ่ายหญิง.. ซึ่งเกียรติจากการได้จัดงานแต่งงานที่หญิงทุกคนต้องการมักเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ชายต้องสาละวน,ลำบากยาวนานไปอีกหลายปี(?)..,
แต่เรามองว่า..ถ้ารักกันจริงแค่จดทะเบียนสมรสหรือผูกข้อต่อแขนเล็กๆน้อยๆพอเป็นที่รับรู้ทั้งญาติฝ่ายชายและญาติฝ่ายหญิงก็น่าจะเพียงพอแล้ว..
การจัดงานใหญ่โตเพื่อให้มีหน้ามีตา,แล้วมีหนี้สินตามมาพะรุงพะรัง,ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าจะทำให้อยู่กันยืด?,แต่หลายครั้ง,หลายคู่,การจัดงานแต่งงานใหญ่โต,และมีค่าใช้จ่ายสูง?กับเป็นสาเหตุเบื้องต้นแห่งการชวนทะเลาะเบาะแว้ง?,และที่สุดต้องเลิกร้างกันไป?เสียมากกว่า(?)..นั่นต่างหาก(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.226 วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:19:02:56 น.
(3)หญิงหลายคนมักชอบทดสอบความใจถึงพึ่งได้ของชายคนรักด้วยการแสร้งงอนนั่น,นี่(ซึ่งบางครั้งกลายเป็นงอนเป็นพิษ?,หรือการลองใจเล่นๆกลายเป็นพิษ?ก็มีอยู่บ่อยๆ)..
หลายครั้ง..ผู้ชายที่อยากได้ผู้หญิงมากๆก็อาจจะทำแสร้งโง่,ไม่รู้ทัน,ยอมๆไปเท่านั้น,แต่ไม่ใช่เขาจะไม่รู้ทันความคิดของเธอ,และไม่นึกหวาดระแวงเธอหรอกนะ(?)..
ส่วนผู้หญิงบางคน?ก็มักมีระบบคิดลวกๆ(ตัดสินผู้ชายแบบง่ายๆ)ว่า.. ถ้าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้?เธอ(ผู้ชาย)ก็ยังไม่ผ่านๆไป(เช่นเรื่องเงิน,ทองนั่น,นี่),แล้วเธอจะดูแลฉันไปตลอดชีวิตได้อย่างไร?(และหญิงเหล่านี้?มักประสบชะตากรรม?,ที่อาจต้องไปเจอผู้ชายเลวสมใจ?ในที่สุด?)..
ซึ่งทัศนะอย่างนี้เป็นทัศนะที่ผิด?,เป็นทัศนะที่เอาเปรียบ?,เห็นแก่ตัว?,หวังได้แต่ประโยชน์แก่ตัวถ่ายเดียว?,เพราะให้ราคาตัวเองสูง?อย่างที่เขาพูดกันประมาณว่า.. ผู้หญิงมักชอบผู้ชายที่รวย,ไม่ฉลาด,และใจป้ำ,ชอบเปย์เรี่ยราด?..นั่นแหละ(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.226 วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:21:16:29 น.
(4)นี่แหละ..คือเรื่องทัศนะระหว่างหญิงและชายที่มักคิดกันคนละอย่าง.. ส่วนทัศนะของเรา,เรามองว่า.. ผู้ชายที่เขามีระเบียบสูง,ตรงไปตรงมานั้น.. ถ้าเราเป็นหญิงเราจะเลือกผู้ชายเช่นนั้น,เพราะเขาเป็นคนรอบคอบ,พึ่งพาได้ในยามคับขัน,และในชีวิตภายภาคหน้า(ซึ่งเขามักชอบ"เคลียร์เรื่องการเงิน"ไม่ให้สับสน,แม้จะดูจุกจิก,วุ่นวายบ้าง)..
แต่ตามประสบการณ์ของเรา.. เราพบว่าหญิงโดยมาก?มักไม่ชอบผู้ชายที่มีหลักวิธีการครองชีวิตที่ดี?(แต่กลับมักชอบผู้ชายNgoๆ?ที่ยอมเสียเปรียบให้กับเธอเสมอ,เหมือนคำพังเพยที่ว่าพ่อแม่รังแกฉัน?นั่นแหละ?)..
ซึ่งหญิงบางส่วนมักจะชอบผู้ชายลวกๆ,สะเพร่า,หละหลวม?,เพราะเธอไม่ต้องการถูกตรวจสอบเรื่องเงินๆทองๆ..เพราะหญิงมักมีเรื่องที่เป็นเรื่องหยุมหยิม?,เยอะแยะ?อยู่มาก,ที่มักไม่ต้องการให้ผู้ชายมาร่วมรับรู้..
เพราะหญิงก็รู้นัยๆว่า.. ค่าใช้จ่ายของหญิงบางเรื่องเป็นเรื่องที่ผู้ชายมักไม่ค่อยเข้าใจ,และบางเรื่องผู้ชายอาจรับไม่ได้เลย,เพราะมองว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย.. เช่น..จะแต่งให้เลิศหรูไปทำไมกันนัก?,ก็นี่มีสามีแล้วนี่?,จะต้องสิ้นเปลืองค่าแต่งตัว,ค่าเสริมสวยนั่น,นี่?เพื่อจะไปยั่วยวนชายใด?อีก?..ประมาณนั้น(?)..แต่ควรเก็บเงินไว้เผื่ออนาคตดีกว่ามั้ย(?)..ประมาณนั้น(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.226 วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:21:45:04 น.
(5)เพราะหญิงยุคนี้(บางส่วน)เธอมักนิยมมีแฟนแค่คบกันไปก่อน?,แต่ไม่ต้องการมีสามี?(ผัว)แบบเป็นตัวเป็นตน?ที่ต้องผูกมัด,ควบคุมกัน?อยู่ตลอดเวลา(?)..
เพราะเธอจะรู้สึกว่า.. เธอไม่มีอิสระ(?),จะคุยกับผู้ชายอื่น?ในฐานะเพื่อน?เพื่อให้รู้สึกมีชีวิตชีวา?,และได้บริหารเสน่ห์?(เพื่อความกระหยิ่ม,ครึ้มใจ?)บ้าง?,ก็กลัวผู้ชายที่ผูกมัดกัน?นั้นจะคอยตามหึงหวง?,ดูน่ารำคาญ?..ประมาณนั้น(?)..
แต่ถ้าวันใด..ที่เธออาจเผลอไม่ได้ควบคุม?,และรู้ว่าเมนไม่มา?,และกำลังตั้งครรภ์?,เมื่อนั้นแหละ(?)..ที่เธอจึงจะเริ่มคิดอยากแต่งงาน?จริงๆจังๆ?,และต้องการมีคู่สามีเป็นกิจจะลักษณะ?ขึ้นมาละ?,เพื่อจะได้แสดงออกต่อสังคม?ในยามเธอตั้งครรภ์?..นั่นเอง(?)..
และอีกกรณี.. คือเมื่อเธอเริ่มส่องกระจก?,แล้วเห็นริ้วรอยที่หางตา?,หรือเริ่มมีสีเทาๆแซมอยู่ที่ผมของเธอ?(เหมือนรู้ว่าดอกกุหลาบเริ่มหมดอายุ?),เธอจึงจะเริ่มได้คิดว่า..คงจะต้องหยุดอยู่ที่ใครสักคน?(เพื่อให้มารองรับตัวเธอ?เมื่อถึงวัยยามอาทิตย์อัสดง?)แล้วล่ะ(?)..ประมาณนั้น(?)..
สรุปว่า..หญิง?(บางส่วน)มักฉลาดที่จะไขว่คว้าหาประโยชน์ต่างๆ?มาสู่ตน(?)..(ตามวาระแห่งวัย?ที่เคลื่อนไป?).. ส่วนผู้ชาย?(บางส่วน)ก็มักไม่ค่อยฉลาด?(Ngo?)ที่มักคาดหวังความจริงใจ?จากเพศหญิง?(เหมือนเรื่องจินตนาการเพ้อฝัน?ในนิยายหรือละครหลังข่าว?),ที่ต้องการได้เธอมาครอบครองเป็นภรรยา?แบบรักเดียว,ใจเดียว?,ภักดีต่อสามีเดียวตลอดไป?..
ดังนั้น..อยากบอกผู้ชายไทยทั้งหลาย?ว่า.. ถ้ายังคิดหวังที่จะได้หญิงอายุน้อย,ที่หน้าตาดี?ที่มีใจเที่ยงแท้ที่จะอยู่กับคุณไปตลอด?.. นั่นคือ..คุณกำลังคิดผิด(เสีย)แล้ว?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.226 วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:23:50:37 น.
(พิเศษด่วน).. ไล้ฟ์สด(11.00น.)ขณะนี้.. คุณ....เปิดเผยเส้นเงิน?ของบุคคลสำคัญบางคน,และบอกว่า..ตนเองไม่ใช่คนดีที่ไม่มีจุดเสียเลย..
ในทัศนะของเรา.. เราก็ว่าคุณ....เป็นคนกล้ามากคนหนึ่ง,ที่กล้าพูดว่าตนไม่ใช่คนดีเยี่ยมอะไร(?).. ซึ่งประชาชนคงพอรับได้ในระดับหนึ่ง(แม้รู้ว่าจะไม่ถึงกับเป็นคนที่ขาวบริสุทธิ์ก็ตาม)..
แต่น่าชื่นชมตรงที่กล้าตอบคำถามผู้สื่อข่าว(ตัวตึง)แบบตรงๆ,โดยไม่มีการกั๊กข้อมูล?เพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัวบางอย่าง?ใดๆเลย(?)..
ซึ่งหายากมาก..สำหรับคนที่กล้าพูดอะไรตรงๆ,ทั้งๆที่รู้ว่าอาจมีผลกระทบมาถึงตนเองและครอบครัว..
เราขอสดุดีวีรกรรมของคุณ....(เฉพาะ)ในครั้งนี้(?),และหวังว่าจะมีโอกาสได้ชื่นชมความกล้าหาญของคุณ....ในครั้งต่อๆไปด้วย..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.106 วันที่: 26 มีนาคม 2567 เวลา:12:38:27 น.
(พิเศษจากข่าวพธม.ถูกยกฟ้อง).. เคยได้ยินตัวแทนบางฝ่าย(บางท่าน)ซึ่งดูเป็นผู้กระทำการเมืองแบบรูปทรงเรขาคณิต(มักพูดแบบมีHidden),ชอบพูดประมาณว่า..ถ้าไม่หนุนแดง(คนสำคัญ),แล้วจะให้ใครมาสู้กับกุ๊กไก่(?)[ซึ่งเป็นการปลุกกระแสที่อาจทำให้สับสนว่าท่านยึดหลักการอะไร?.. เพราะโดยธรรมชาติ..ดีกับไม่ดีจะมาสนับสนุนอีกฝ่ายได้อย่างไร?.. เพราะน้ำยอมไม่อาจรวมตัวกับน้ำมัน?ได้อย่างสนิทเนียนเป็นแน่แท้?..ใช่หรือไม่?]..ประมาณนั้น(?).. ซึ่งทำให้ส้มอาจรอดและเฟื่องฟูได้(?)..
และยังเคยมีกระแสในโซเชี่ยล,บางคนพูดประมาณว่า.. อาจต้องใช้แดง+เหลืองเพื่อปิดทางส้ม?.. แต่เรากลับคิดใหม่(แบบเรา)ว่า..ในเมื่อพธม.(ตัวแทนเหลือง,ซึ่งวันนี้ถูกยกฟ้องคดีปิดสนามบิน)และกุ๊กไก่(ตัวแทนส้ม)ก็ถูกคดีต่างๆมากมายไม่ต่างกัน(?)(ซึ่งทั้ง2ฝ่ายต่างเห็นว่าฝ่ายตนต้องคดีที่ไม่เป็นธรรม?,ก็เท่ากับเป็นผู้ถูกกระทำ?จากกระบวนยธ.(บางช่วงน้ำ)ไม่ต่างกัน(?).. ก็อย่ากระนั้นเลย,ทำไมไม่มาร่วมกันปรับปรุงประเทศไทย(เหมือนเช่นที่จตุพรจับมือกับนกเขาเพื่อหลอมรวมประชาชนนั่นไง?)..นั่นเล่า?..
ทำไมไม่พลิกความคิดเสียใหม่(เปิดรับฟังคนรุ่นใหม่แบบส้ม)ประสานไมตรีกัน,เปลี่ยนเป็นเหลือง+ส้มช่วยกันขย่มแดง(ซึ่งบางกลุ่ม?เคยมีเรื่องฟ้องร้องกรณีคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย?,และประโยชน์ทับซ้อน?มาโดยตลอดในอดีต(?).. ซึ่งไม่ว่าทั้งเหลืองและส้มก็ไม่อาจยอมรับได้..ตรงกัน?).. อย่างนี้น่าจะดีกว่ามั้ย?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.106 วันที่: 29 มีนาคม 2567 เวลา:19:18:05 น.
(พิเศษสุด.. ได้ดูรายการโชว์ข่าวเช้านี้PPTV,31-3-67)..
ขอชื่นชมความกล้าหาญของคุณ.....ที่นำคลิปการสั่งการเก็บส่วยออกมาเปิดเผย..(เพราะขยะควรเก็บกวาด,และสิ่งหมักหมมควรนำออกมาผึ่งให้แห้ง,เพื่อให้ปราศจากเชื้อโรค)..
สมัยก่อนจะมีคำว่า..หน้าต่างมีหู,ประตูมีตา(เป็นการเตือนให้ผู้กระทำการในที่ลับ?พึงระวังให้มาก,แม้บางเรื่องที่เป็นเรื่องชอบธรรมระหว่างคู่ผัวเมียในเรื่องทางเพศก็ยังต้องระวังเช่นเดียวกัน..ประมาณนั้น)..
แต่เดี๋ยวนี้คือ..หน้าต่างมีกล้อง,ท้องฟ้ามีโดรน,ในเน็ตมีดิจิตั้ลฟุตปริ๊นซ์(+กูเกิ้ลแม็ป,หรือแผนที่ดาวเทียม)ที่คอยจับความเป็นไปในโลกแทบทุกตารางนิ้วก็ว่าได้..
นึกขอบคุณเทคโนโลยี่สื่อสารที่มีทั้งคุณและโทษในเวลาเดียวกัน..(แต่มองดูแล้วก็น่าจะมีส่วนที่เป็นคุณต่อการกำกับ,ควบคุมสังคมให้อยู่ในครรลองที่ดีงามตามหลักศีลธรรมอยู่มิใช่น้อย)..
ดังนั้น..คนที่คิดเป็นน่าจะต้องกลับสู่ทางเกวียนสายเก่า..คือ..เรื่องใดเป็นเรื่องลับส่วนตัว(ที่ไม่ต้องการให้สาธารณะรับรู้)ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้ระบบมือถือหรือออนไลน์ต่างๆ,แต่ควรต้องไปพบหาคุยกันเป็นส่วนตัวน่าจะดีกว่า(?)..หรือไม่?..
และถ้าจะให้ดี,ก็ต้องมีเครื่องตัดสัญญาณการอัดเสียงผ่านระบบโทรศัพท์มือถือที่บางฝ่ายอาจแอบอัดเอาไว้ด้วย(เช่น..กรณีนักร้อง?อย่างคุณศ.ก็เคยโดนมาแล้ว.. เป็นต้น)..
แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด.. อยากบอกเป็นกลางๆว่า.. ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม.. ก็ขอว่าให้ยุติเถอะ,เลิกเถอะ..ในการทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรมใดๆทั้งปวง(?)(เช่น..การพบปะพูดคุยในเรื่องดีลต่างๆ?,เพราะอย่างน้อยคนที่ตกลงดีลกับคุณ?นั่นแหละ..ที่เขาจะรู้ว่า..คุณที่เขาตกลงด้วย?นั้น..ที่แท้เป็นคนเช่นไร?)..
เพราะคุณจะได้ไม่ต้องกลัวว่า..แม้จะมีใครแอบอัดเสียงคุณไว้?,ก็จะมีแต่คำพูดของคุณที่บริสุทธิ์อยู่ในครรลองที่ถูกต้องตามหลักศีลธรรมที่ดีทั้งนั้น..เท่านั้น,ซึ่งไม่มีใครจะนำเอาไปเป็นแง่เงื่อนเพื่อฟ้องร้อง,จับผิด?ต่อคุณๆทั้งหลายได้.. ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.4 วันที่: 31 มีนาคม 2567 เวลา:10:32:58 น.
(ข้อคิดพิเศษเร่งด่วน)..
เมืองไทยคือเมืองพุทธ.. ควรให้เกียรติและเอื้อต่อหลักศาสนาพุทธที่ถือว่า.. อบายมุขการพนันคือทางแห่งความเสื่อม(โจรปล้น10ครั้งไม่เสียหายเท่ากับไฟไหม้1ครั้ง,ไฟไหม้10ครั้งไม่ฉิบหายเท่ากับการเข้าบ่อนพนันเพียง1ครั้ง)..
ฉะนั้น.. ทุกภาคส่วนของสังคมต้องอย่าส่งสัญญาณผิด?เรื่องการพยายามจะมีการพนันที่ถูกกฎหมาย?,ไม่ว่าจะอ้างเรื่องเศรษฐกิจใดๆ?ก็ตาม(?)..
(นี่เป็นเหตุที่เราอยากให้มีการออกกฎหมายห้ามนักธุรกิจใหญ่ๆมาเล่นการเมือง,เพราะโดยมากนักธุรกิจก็ย่อมอดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงเรื่องธุรกิจที่ตนมีส่วนสัมพันธ์ร่วมด้วย?ไม่ว่าทางตรง?หรือทางอ้อม?อยู่แล้ว,โดยไม่นึกถึงภาพใหญ่ของสังคม?ที่อาจถูกทำลายถึงก้นบึ้งของDNA?,เพียงเพราะข้ออ้างเรื่องเงินๆทองๆ?หรือเรื่องทางเศรษฐกิจ?เท่านั้น)..
หรือถ้าจะใช้ตรรกะว่า.. การพนันห้ามไม่ได้สำหรับสังคมไทย,หรือจริงๆเพราะคุณไม่ตั้งใจรณรงค์ให้ประชากรยึดในหลักการของศาสนา?(มากกว่า?)หรือไม่?,จึงต้องปล่อยไปตามกระแสโลก?ที่มักอ้างว่า..ประเทศใดๆก็มีเรื่องการพนันที่ถูกกฎหมาย?กันทั้งนั้น(?)..ไม่ต่างกัน(?)..
ถ้างั้น..ก็ต้องตั้งคำถามว่า.. ถ้าเช่นนั้น.. ก็ยกเลิกกฎหมายเรื่องการเสพยาเสพติด?และการขายยาเสพติด?(ทุกๆชนิด?)เลยดีหรือไม่?.. เพราะยาเสพติดก็ห้ามไม่ได้สำหรับสังคมไทย?..เช่นเดียวกัน(?).. หรือแม้การโกง,คอร์รัปชั่น?ก็ห้ามไม่ได้สำหรับสังคมไทย?,ถ้างั้นก็ควรปล่อยให้มีการคอร์รัปชั่น?กันโดยอิสระไปเลย(?)..อย่างนั้นหรือไม่?.. ถามว่า..ตรรกะความคิดเช่นนี้?..ถูกต้องหรือไม่?..
เพราะตามหลักการของพุทธ.. การเล่นพนันคืออบายมุขตัวร้าย?ที่ไม่เคยทำให้ใครมีความเจริญทั้งทางด้านวัตถุ,และทางด้านจิตใจ,จิตวิญญาณอย่างแท้จริง(?).. เท่ากับเป็นการส่งเสริมความคิดแบบมักง่าย,ที่ต้องการได้เงินมาแบบง่ายๆ(โดยใช้เงินต่อเงิน,อยู่แบบสบายๆในที่ร่ม,ไม่ต้องออกแดด),ซึ่งถ้าเกิดกับเพศหญิง(บางส่วน)ก็อาจนำไปสู่การค้าประเวณี?,เพราะต้องการทรัพย์มาเพื่อใช้เล่นการพนันในที่สุด(?).. และยังทำให้ผลระยะยาวคือ..สถาบันครอบครัวไทยล่มสลาย?อีกด้วย(?)..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.190 วันที่: 1 เมษายน 2567 เวลา:1:03:42 น.
(หลักการสำคัญของศาสนาพุทธ)..
อบายมุข 6 ได้แก่
1. ติดสุราและของมึนเมา
2. ชอบเที่ยวกลางคืน
3. ชอบเที่ยวดูการละเล่น
4. ติดการพนัน
5. คบคนชั่วเป็นมิตร
6. เกียจคร้านการงาน
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.137 วันที่: 5 เมษายน 2567 เวลา:14:58:14 น.
(ข้อคิด).. สังคมไทยต้องการคนกล้าหาญ.. เช่น แบบชาวบ้านบางระจัน พันท้ายนรสิงห์ พระยาพิชัยดาบหัก คุณหญิงโม ท้าวศรีสุริโยทัย และศรีปราชญ์ ฯลฯ..
ดังนั้น.. สื่อมวลชนบางส่วนไม่ควรถามผู้ที่ให้ข่าวและเป็นข่าวด้วยคำถามทำนองว่า..กลัวมั้ยว่าจะเกิดอันตรายนั่นนี่กับตัวเอง?(ซึ่งเข้าใจว่า..อาจเป็นเพราะสื่อมวลชนบางส่วน,บางคนอาจหาประเด็นถามไม่ได้?..หรืออย่างไร?)..
และถ้าเกิดเขาคิดตามคำถามของคุณและเกิดความกลัวนั่นนี่ขึ้นมาและงดให้ข่าวกับคุณ.. แล้วคุณจะได้ข่าวที่เป็นสาระสำคัญ?ที่ต้องการรู้?มั้ย?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.137 วันที่: 5 เมษายน 2567 เวลา:15:13:34 น.
ชมรายการของคุณจตุพร(5-4-67).. ตอนควันหลง.. สรุปส่วนตัวได้ว่า..
จตุพร..คำพูดอันทรงพลังที่คนที่เคยสนิทไม่กล้าฟ้องร้อง?..
สมัยหนึ่ง.. เคยมีคำพูดที่ว่า..ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ..
มาอีกช่วงหนึ่ง.. มีคำพูดที่ว่า..จะอดน้ำและอาหาร,จนกว่าจะชนะหรือจนตาย?..
แต่เราอยากจะสรุปซ้ำเพิ่มเติมอีกว่า.. ไม่ว่าจะกรณีใด(?).. รวมทั้งในการศึกสงครามต่อศัตรูของประเทศก็ตาม.. ความชัดเจนมีอยู่กรณีเดียว.. คือ.. เสียคำพูด?..คือเสียคน?..เท่านั้น(?).. เท่านั้นจริงๆ(?)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.137 วันที่: 5 เมษายน 2567 เวลา:21:32:38 น.
(A)ดูรายการโหนฯ(5-4-67)เรื่องสาวตัวปลอม.. เราวิเคราะห์ดังนี้..
1.สุรา,ยาเสพติดถ้าไม่พยายามระงับยับยั้งให้ลดน้อย, อาจทำให้สังคมไทยสับสนไปจนถึงระดับการถ่ายทอดสู่ระบบDNAของเผ่าพันธุ์คนไทยได้เลยทีเดียวนะ..เราว่า(?)..
2.จะสังเกตว่า.. ทุกวันนี้มีคนเป็นโรคจิตสับสน?ในสังคมไทยเพิ่มขึ้นมาก.. เช่น.. ตัดศีรษะมารดาหิ้วติดมือ(ตามข่าว).. เป็นต้น..
3.เทคโนโลยี่ความเจริญสมัยใหม่ทำให้คนดิ้นรนเพื่อแสวงหาความถูกต้องเป็นธรรมสำหรับตัวเองมากเป็นพิเศษ,อันเกิดขึ้นเนื่องจากการสวมรอยเป็นคนอื่นทำได้ง่ายเกินไป?.. หรือไม่?..
4.เป็นเรื่องที่มีจริงที่อาจมีคนบางคนที่นิยมตัดความยุ่งยาก,โดยการยอมรับว่าตนผิดเอง?(เพราะไม่อดทนที่จะคุยกับอีกฝ่าย,จนกว่าจะกระจ่าง),เพราะบางเรื่องอาจมีความซับซ้อนแบบซ้อนไปซ้อนมา?,จนอาจถูกมองแบบเหมารวมว่า..เป็นเรื่องแผนการที่ไม่ดีของบางฝ่าย?,ซึ่งบางจุดเรามองว่า..อาจเป็นเรื่องของความไม่เจตนาหรือเจตนาดีที่จะช่วยทำบางเรื่องให้จบๆไปก็เป็นได้?..หรือไม่?..
5.เท่าที่สังเกตการพูด,เสียงที่ต่อเนื่อง,ไม่ตะกุกตะกัก.. เราก็มองไม่เห็นจริตที่ไม่ปกติ?ของบางฝ่ายนะ,แต่ดูจะอธิบายถึงเหตุผลที่ไปทำบางอย่างได้ไม่คล่องนัก..(หรืออีกที.. มนุษย์อาจมีความสับสนบางอย่างในตัวเอง,จนต้องทำเรื่องที่ซับซ้อนไปมาจนน่าเวียนหัวเช่นนั้น,ดังที่วิเคราะห์ในข้อ1ก็เป็นได้?..หรือไม่?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.112.203 วันที่: 6 เมษายน 2567 เวลา:2:21:41 น.
(B)6.ต้องยอมรับนะว่า..อาจมีบางคนที่เคยชินคิดลวกๆเพื่อความสะดวกในการทำนิติกรรมบางอย่าง(เพราะเหตุอยู่กันคนละพื้นที่),โดยการเซ็นชื่อในเอกสารแทนคนในครอบครัว(เช่นลูกหรือพี่ๆน้องๆ),เพราะคิดว่า..เขาคงไม่มาฟ้องร้องกันในภายหลังหรอก(?)..
7.เรื่องเช่นนี้คงต้องใช้เวลาคุยกันให้กระจ่าง.. เวลาเพียงชั่วโมงในรายการ,อาจทำให้เรื่องบางเรื่องยังไม่สามารถทำความกระจ่างได้.. และอาจต้องมีนักจิตวิทยาสาขาการสื่อสารมาร่วมในการพูดจาสื่อสารกันด้วย.. เพราะฟังดูคล้ายมีบางฝ่ายพยายามบอกว่า..ที่ตนต้องไปลงชื่อเพื่อทำนิติกรรมบางอย่างแทน,เพราะมาจากการคิดว่า..อยากจะทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น(เนื่องจากมีการเปลี่ยนชื่อของทุกฝ่าย,หลายรอบและยังมีการแฮ็กเฟ้ซอีกด้วย),หรือต้องการช่วยเคลียร์ให้กับอีกฝ่ายที่เป็นญาติห่างๆกันด้วย(ซึ่งอาจยังต้องซักถามบางจุด?เพิ่มขึ้น,แต่ก็ต้องให้เวลาในการตอบคำถาม?มากขึ้นด้วย)..
8.ควรต้องมีการสืบค้นความจริงอย่างละเอียด,เพราะไม่เช่นนั้น..อาจมีการคิดตัดบท?ของบางฝ่ายแบบยอมรับผิดเสียเอง,เพื่อตัดความยุ่งยากอีกครั้งหรืออีกหลายครั้งก็เป็นได้(?)..
9.แพล็ตฟอร์มในเน็ตมักมีลักษณะที่สามารถแฮ็กเพื่อไปสวมรอยเป็นคนนั้น,คนนี้ได้โดยไม่ยากนัก.. จึงต้องระวังและทางการต้องช่วยเข้ามาจัดการในช่องว่าง,ช่องทาง?ในการทำข้อมูลเท็จ?,หรือโพรไฟล์ที่บิดเบี้ยว?ที่มีลักษณะสวมรอยเป็นบุคคลอื่น?เหล่านี้ด้วย..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.112.203 วันที่: 6 เมษายน 2567 เวลา:2:27:35 น.
ชมรายการมีเรื่องมาเคลียร์,6-4-67,ตอนหมอวาโย+ทนายแจม.. เราเองมีความเห็นดังนี้..
พรรคการเมืองเป็นเรื่องของนามธรรมและอุดมการณ์.. เราจึงเห็นว่า..ไม่ควรมีกฎหมายยุบพรรค(หรืออาจขอให้งดใช้กฎหมายมาตรานี้ไปก่อน)..
ใครทำผิดก็ให้ลงโทษเป็นรายบุคคล.. เพราะพรรคการเมืองทุกพรรค.. เจ้าของคือประชาชน.. ถ้าพรรคการเมืองใด?ที่ทำไม่ดี,นโยบายใช้ไม่ได้.. อยากบอกว่า..ประชาชนทุกวันนี้เขาฉลาดมากแล้ว.. ให้เขาตัดสินชะตากรรมของพรรคของพวกเขา,และ/หรือให้พวกเขาเป็นผู้ตกลงยุบพรรคของพวกเขาด้วยตัวพวกเขากันเอง.. อย่างนี้น่าจะดีกว่ามั้ย?.. สำหรับบริบทประเทศไทย..(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.112.203 วันที่: 6 เมษายน 2567 เวลา:22:09:20 น.
ดูรายการเรื่องเล่าฯ7-4-67ช่วงข่าวต่างประเทศ..มีความเห็นดังนี้ครับ..
(ข้อคิดจากการดูข่าว..เป็นแค่การคาดเดา.. แต่เราไม่ได้ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงนะ?)..
1.นาฬิกายี่ห้อล้อเหล็ก?(ชื่อแฝง).. อาจเป็นข้อสังเกตต้นทางของการทุจริตคอร์รัปชั่น,ติด(ให้)สินบนของนักการเมือง(บางส่วน)ทั่วโลก(?)..
2.พระเครื่องไทย(บางรุ่น).. อาจเป็นข้อสังเกตต้นทางของเทคนิคการคอร์รัปชั่น,ติด(ให้)สินบน(แบบแฝงเร้น)ในสังคมไทย?..(หรือไม่?)..
3.รถหรูบางรุ่น?อาจถูกใช้เพื่อบอกว่าจะให้พูด?หรือไม่ให้พูดบางเรื่อง?ในสังคมไทย?..ก็เป็นได้?..(หรือไม่?)
4.การขายทรัพย์สินบางอย่างที่ได้ราคาแพงเกินจริง?.. อาจเป็นข้อสังเกตต้นทางของการคอร์รัปชั่นที่แยบยลที่สุด?ก็เป็นได้?..(หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 7 เมษายน 2567 เวลา:13:55:15 น.
(A)ความยุติธรรมที่ล่าช้า..คือความอยุติธรรม("Justice delayed is justice denied" )..(ประชาชนไทยทุกภาคส่วน..ควรท่องภาษิตนี้ให้ขึ้นใจในทุกๆวัน)..
สังคมไทยไม่ตระหนักถึงประโยชน์ชาติในภาพรวม(มักคิดแบบตัวใครตัวมัน?).. เราไม่เห็นด้วยกับการให้นักธุรกิจ(บางส่วน)ที่รวยมากๆมาลงเล่นการเมือง?(รวมถึงญาติของนักธุรกิจนั้นๆ?ที่เกี่ยวพันกันด้วย?)..
แต่เราเห็นด้วยว่า..หลักคิดของระบบข้าราชการทั้ง(ข้าราชการประจำและข้าราชการการเมือง)ควรเอาหลักวิธีบริหารบุคคลด้วยความรวดเร็วแบบนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจมาปรับใช้กับระบบทางการเมืองและทางราชการไทยด้วย..
เพราะระบบทางราชการและการเมืองจะทำอะไรก็มีแต่ต้องตั้งคณะกรรมการและมีหน่วยงานต่างๆที่ซับซ้อน,ซ้ำซ้อน(จนอาจต้องคอยหรี่ตามองซึ่งกันและกัน,เพื่อไม่ให้ข้อสรุปออกมาขัดแย้งกันเอง?)อยู่มากมายหลายคณะ?,ทำให้เป็นเรื่องที่เสียเวลารอนั่น,นี่..(เช่น..รอการสรุปตัดสินอย่างเนิ่นนาน)อยู่มากมาย(?)..(ซึ่งบางครั้งอาจใช้เวลาถึง3ปีก็ยังได้)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 10 เมษายน 2567 เวลา:13:33:50 น.
(B)ซึ่งถ้าเอาแนวคิดการบริหารบุคคลแบบบริษัทหรือแบบนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาใช้,ซึ่งเรารับรองว่า..ผู้บริหารใหญ่ของบริษัทเขาจะสามารถตัดสินเค้สที่มีปัญหาขัดแย้งต่างๆในบริษัทที่เขาเป็นCEOได้โดยไม่ยาก,ซึ่งบางกรณีอาจใช้เวลาตัดสินใจสั่งการ,โยกย้าย,หรือให้ออกโดยใช้เวลาคิดและไตร่ตรอง?เพียง15นาทีเท่านั้น..ก็อาจทำได้(?)..
เพราะเขาต้องคิดถึงผลกำไรของบริษัทเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายของทั้งค่าจ้างพนักงานและค่าอื่นๆเพื่อให้บริษัทสามารถเคลื่อนต่อไปได้.. ซึ่งถ้าต้องมาเสียเวลาตั้งคณะกรรมการนั่น,นี่โดยต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆหรือเป็นปี,ซึ่งต้องมี(เสีย)ค่าป่วยการเป็นเงินจำนวนมาก,เราเชื่อว่า..บริษัทนั้นๆย่อมจะไม่สามารถบริหารตัวเอง,หรือดำเนินกิจการต่อไปได้แน่ๆ(?)( =บริษัทต้องขาดทุน,เลิกกิจการแน่ๆ)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 10 เมษายน 2567 เวลา:13:45:37 น.
(C)แต่สังคมไทยมักไม่คิดเรื่องนี้ในแบบนักธุรกิจคนจีน[เพราะฉะนั้น..คนจีนเขาคิดได้ลึกซึ้ง..เขาจึงร่ำรวยไงล่ะ(?).. เพราะคนจีนมักมีคติว่า..เป็นความกัน..ยิ่งนานยิ่งล่มจม?..นั่นไง?.. เขาจึงเลือกยอมเสียเล็กน้อย?เพื่อจบเรื่องให้เร็วที่สุด?.. แต่ค่านิยมสังคมไทยนั้น.. ต้องยอมรับว่า..สังคมไทยติดละครหลังข่าว,จึงมักมาคอยดูละครอย่างต่อเนื่อง?,เพื่อตามลุ้นว่า..ฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ?ในที่สุด(?)..ประมาณนั้น(?).. ซึ่งประเทศจึงไม่เจริญ,เพราะเป็นการเสียเศรษฐกิจ?กับการเสียเวลาในการตามลุ้นดูละครตอนจบ?อย่างมากมาย(?)..นั่นไง?]..
จึงมักไม่ได้คิดห่วงใย,เดือดร้อน?กับการเยิ่นเย้อ,เสียค่าใช้จ่าย,เสียเวลามากมาย?กับการสรุป,ตัดสินปัญหาต่างๆ?.. เพราะอาจคิดแต่ว่า..ค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นของทางรัฐ?,เราเลยไม่ต้องเดือดร้อนอะไร?..(เพราะไม่ใช่เป็นเงินของบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของกิจการอยู่?),ซึ่งจริงๆ..ทางรัฐเขาก็ได้เงินค่าใช้จ่ายมากมาย?มาจากการเก็บภาษีราษฎรโดยรวม?..นั่นเอง..(จึงที่สุด..ประชาชนทุกคนจึงต้องเดือดร้อน,ยากจนกันถ้วนหน้า?ดังที่เห็น?..ไปโดยปริยาย?..นั่นเอง?)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 10 เมษายน 2567 เวลา:14:03:02 น.
ชมรายการเที่ยงวันฯ,ช่อง3,10-4-67ตอนสุดเสื่อมเด็กหญิง11ถูกครูชายล่วงละเมิด.. เรามีความเห็นดังนี้..
ก็เราบอกอยู่เรื่อยๆแล้วไงว่า.. สังคมไทยมันเสื่อมมากแล้ว,ศีลธรรมก็กู้ไม่ไหว,ไม่เห็นพระหรือครูสอนเรื่องศีลข้อ3กันเลย..
เราก็เลยเสนออยู่หลายครั้งแล้วว่า.. ให้โรงเรียนทั่วประเทศแยกเป็นโรงเรียนแยกหญิง,แยกชาย..ซะ(?)..(ขอถามผู้ปกครองทั้งหลายว่า..คุณไม่คิดห่วงลูกหลานของคุณว่าจะเสียอนาคต,ซึมเศร้า,เพราะถูกล่วงละเมิดทางเพศ?ดอกหรือ?)..
โรงเรียนหญิงก็ให้มีครูรวมทั้งภารโรง,รปภ.เป็นผู้หญิงทั้งหมด.. ส่วนโรงเรียนชายก็ให้มีครูรวมทั้งภารโรงและรปภ.เป็นผู้ชายทั้งหมด..นั่นไง?.. จึงจะช่วยลดปัญหาเรื่องทางเพศระหว่างชาย-หญิง?ลงได้บ้างบางส่วน..นั่นไง?..
...ด้วยความเคารพทุกท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 10 เมษายน 2567 เวลา:17:05:33 น.
(ข้อสังเกตเพิ่มเติม)..
นโยบายทางรัฐมักส่งเสริมให้เด็กดื่มนมวัว,ซึ่งทำให้ร่างกายโตเร็ว?และฮอร์โมนทางเพศผลิตเร็วขึ้น?,ซึ่งอาจมีผลที่ไม่พึงประสงค์?.. คือ..อาจกลายเป็นผลมุมลบกับเด็ก?(โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิง)ซึ่งอาจเกิดการไปกระตุ้นสัญชาตญาณทางเพศโดยธรรมชาติ?ที่อยากรู้,อยากลอง?ด้วย(?)ก็เป็นได้?..หรือไม่?..(รวมทั้งเทคโนโลยี่มือถือ?ซึ่งช่วยเร่งเร้าให้เกิดกระบวนการผิดประเวณีทางเพศ?กับคนใกล้ชิดต่างเพศ?ต่างๆง่ายขึ้นด้วย?)..
แต่เรื่องการส่งเสริมให้เด็กได้รู้จักกับระบบสัญชาตญาณทางเพศ?ที่จะเกิดขึ้น,และการรู้จักควบคุม,จัดการ,หรือยับยั้งชั่งใจ?เมื่อยังไม่ถึงเวลาอันควรว่า..ควรจะจัดการกับความรู้สึกทางเพศ?อย่างไร?..นั้น..กลับไม่มีการอบรม,สั่งสอนกันอย่างเข้มข้น,จริงจัง,อย่างพิเศษ?.. จึงทำให้การพัฒนาการทางจิตใจ,อารมณ์(EQ),และทางศีลธรรม(MQ)วิ่งไม่ทันพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมอง(IQ)..นั่นไง?..
แต่ก็มีการถกเถียงกันว่า.. ถ้าลองเปลี่ยนมาใช้การส่งเสริมด้านน้ำนมถั่วเหลืองน่าจะช่วยทำให้การพัฒนาด้านฮอร์โมนเพศ?อยู่ในเกณฑ์ปกติในบริบทของความเป็นมนุษย์ที่มีจิตสำนึกทางศีลธรรมที่ดีกว่าการให้ดื่มน้ำนมวัว?(ซึ่งเป็นน้ำนมสำหรับลูกวัว?เท่านั้น?),ซึ่งน่าจะดีกว่ากันหรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 10 เมษายน 2567 เวลา:17:53:43 น.
ดูรายการช่องอัมรินทร์,11-4-67ตอนเปิดใจสามีถูกเมียคบชู้กับพระ.. มีความเห็นดังนี้ครับ..
สลด.. สังคมพุทธไทย(ไร้หลัก)..
กามทางเพศทำให้เกิดความเสียหายทั้งเกียรติยศ,ชื่อเสียงและทรัพย์สินต่างๆมากมายเหลือคณานับ..
พุทธศาสนามีหลักเรื่องกาลามสูตรคือหลักการอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ.. แต่คนในระดับมีความรู้(บางส่วน),ระดับนักการเมือง(บางส่วน)ก็ยังหลงเชื่อ,งมงายกับคำพูด?,คำสอน?ที่มักอ้างเอาบริบทของคำสอนพุทธที่บิดเบี้ยว?มาเป็นข้ออ้างอิง.. เช่น.. เรื่องชาติปางก่อน?(พระพรหมลิขิต)ซึ่งพิสูจน์อะไรใดๆไม่ได้?..เป็นต้น..
อันเป็นต้นเหตุสำคัญแห่งการหลอกลวงกัน?(หรืออาจสมยอมให้เขาหลอก?,เพราะอาจมีความพึงพอใจ,หรือติดอกติดใจทางเพศ?เป็นปัจจัยร่วมด้วย?..ก็เป็นได้ด้วย?..หรือไม่?)ของอลัชชีในคราบผ้าเหลือง?อย่างมากมายจากอดีตมาจนถึงยุคปัจจุบัน(?)..
จนทำให้เราข้องใจมากๆว่า.. หลักการในทางพุทธศาสนาช่วยเหลือสังคมไทยได้?..จริงหรือ?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 11 เมษายน 2567 เวลา:18:17:14 น.
(เสริมเพิ่มเติม)..
มีคำพูดที่สังคมไทยพูดแซวกันเล่นมาโดยตลอดว่า..หญิงชาย(วัยฉะ-กรรจ์)อยู่ด้วยกันในห้องตามลำพัง.. คงจะไม่ได้ไปสวดมนต์,นั่งสมาธิ?ด้วยกันหรอกกระมัง?..ประมาณนั้น(?)..
คำพูดของบางฝ่ายที่บอกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด.. อยากขอไขให้คิด.. ก็คือ.. ถ้าคุณก็ยังคิดคาดเดาออกว่า..สามีคุณเขาน่าจะคิดอย่างไร?(เมื่อเห็นภาพอุจาดนั้น).. แปลว่า..จิตใต้สำนึกของคุณที่ทำให้คุณรีบพูดแก้ตัวออกมานั้น.. ก็คือ.. คุณก็ย่อมพอจะรู้อยู่ว่าคุณกำลังกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม?อย่างไร?..นั่นเอง(?)..ใช่หรือไม่?..
ประสบการณ์ของเราเองเมื่อราว30ปีก่อน.. เด็กในบ้านของเราเอาของเล่นที่บ้านหลายชิ้นไปเล่นกับเด็กข้างบ้าน(ห้องแถว).. พอเล่นกันเสร็จ,เราตรวจเช็คว่ามีของเล่นหายไป1อัน.. เราก็ไปถามหากับแม่ของเด็กคนนั้นซึ่งลูกเขาอยู่หลังบ้าน.. แม่จึงเรียกลูกออกมาเพื่อจะถาม.. พอเด็ก(อายุราว2-3ขวบ)คนนั้นออกมา.. เรายังไม่ทันได้พูดอะไรเลย.. เด็กก็รีบสะบัดมือไปมาและบอกว่าไม่ได้เอาไป..ไม่ได้เอาไป.. สุดท้าย..แม่เลยพาเด็กไปเอาของเล่นอันนั้นออกมาให้เราคืน..(จบเรื่อง)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 11 เมษายน 2567 เวลา:20:26:02 น.
(เพิ่มเติม)..
สมัยตั้งแต่ปี2500เป็นต้นมา.. มีพระนอกรีต,ทำปาราชิกกันอยู่บ้างประปรายเพียงนานๆครั้ง.. เช่น.. นามสมมุติว่า.. นิกรโณ ยันตโร ภาวโนพุทธา และเณรค. เป็นต้น..
แต่มาช่วงราว30ปีให้หลัง.. ก็มีเพิ่มมากขึ้นตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์เป็นระยะๆ.. แต่มักเป็น"พระทั่วๆไป"เป็นส่วนมาก..
มาช่วง10ปีมานี้นี่แหละ.. ที่ข่าวเรื่องพระและสีกาทำผิดต่อพระศาสนากลับมีเป็นข่าวมากขึ้นแทบไม่เว้นแต่ละวัน(?)..(ไม่กลัวนรกจะลงโทษกันเลย?)..
จึงมีคำถามว่า.. แล้วองค์กรพุทธศาสนาต่างๆจะไม่ออกมาแอ๊คชั่นอะไรบ้างเลยหรือ?.. ถ้าอ้างว่ากฎหมายไม่เอาโทษ?ทั้งพระและสีกา?ที่ร่วมกันทำผิดต่อพุทธศาสนา?.. ก็ทำไมไม่หาทาง(เร่ง)ออกกฎหมายหรือกฎกระทรวง?ให้การกระทำความผิดต่อพุทธศาสนาถือเป็นความผิดต่อความมั่นคงของชาติที่ต้องได้รับโทษปรับหรือจำคุก?ขึ้นมาเสียทีล่ะ(?)..
ส่วนผู้ใหญ่ๆของสังคม?(บางส่วน)ก็พากันเงียบฉี่หรือเพราะน้ำท่วมปากพูดไม่ออก?,เพราะคงกลัวจะถูกขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว?(ในบริบทเรื่องทางเพศที่ไม่เหมาะสม?)เข้าให้บ้าง?..เช่นนั้นหรือไม่?..
หรือบางองค์กรเช่นกลุ่มตัวแทนคนมีอายุ(บางกลุ่ม)ก็พากันทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน?.. แทบไม่มีใครออกมาแสดงความเห็นต่อการทำผิดต่อพุทธศาสนาในสังคมไทยในกรณีที่มีพระบางรูป?มั่วกับสีกาบางคน?(ที่แค่ลาสึกส่วนตัว?ออกไปเท่านั้น?,โดยที่ยังไม่มีความผิดต่อพระศาสนาใดๆเลย?..แล้วอย่างนี้จะมีใครกลัวต่อการทำผิดต่อศาสนา?ด้วยเล่า?)ที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้กันเลย(?).. หรือกลัวจะกระทบกับคนที่มีโลกหลายใบ?ที่อยู่ปะปนในองค์กรเดียวกันกับตัวเอง?หรือไม่?..ก็ไม่ทราบได้(?)..
เพราะถ้าองค์กรที่มีคุณวุฒิ,วัยวุฒิสูง(บางองค์กร)ยังไม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องสถาบันครอบครัวที่ควรต้องมีสามีเดียว-ภรรยาเดียว?(เพื่อป้องกันการแสวงประโยชน์ส่วนตัว?หรือคอร์รัปชั่น?เพื่อไปแบ่งปันให้กับหลายครัวของตน?),แล้วจะไปแนะนำการเมืองที่ดีให้กับประชาชนผู้มีความรู้ที่ด้อยกว่า?ได้อย่างไร?..เช่นนั้น?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 12 เมษายน 2567 เวลา:12:23:40 น.
ได้ดูรายการคนดังฯ10-4-67ตอนแฉต่อ...แล้ว.. มีความคิดเห็นดังนี้ครับ..
อยากบอกว่าได้ดูคลิปนี้แล้วประทับใจมาก,เหมือนได้ดูเซียนหมากรุก2ท่านที่มาเดินหมากคู่กัน.. ท่านหนึ่งเป็นเซียนคำถาม,และอีกท่านเป็นเซียนคำตอบ..
อยากบอกว่า.. เราไม่เคยเจอผู้ถามแขกรับเชิญที่ทำการบ้านมาดีมาก,และมีคำถามที่ถ้วนถี่,รัดกุม,คลอบคลุมทุกมุม(ที่มีผู้ข้องใจ),ทันเกม,และมีความจริงใจลึกๆต่อสังคมเท่ากันกับนักถามคำถามผู้ทรงภูมิท่านนี้มาก่อนเลย(?)..(ถึงแม้ความกล้าลุย?อาจไม่มากเท่ากับแขกรับเชิญที่เป็นผู้ตอบคำถามก็ตาม(?).. เพราะก็คือบริบทของการทำงานในฐานะและสถานะของท่านที่ไม่สามารถจะกล้ามากกว่านี้ได้.. เพราะถ้ากล้าแอ๊คชั่นมากกว่านี้,อาจจะทำงานต่อไปได้ไม่นานก็เป็นได้?)..
ส่วนผู้ตอบคำถาม(ซึ่งเป็นแขกรับเชิญ)ก็ต้องยอมรับว่าเป็นผู้กล้าที่หาผู้เปรียบได้ยาก,ซึ่งตอบคำถามได้อย่างเยี่ยมยุทธ์,ไร้ที่ติ,ไร้เทียมทาน,ไม่มีหลุดในสิ่งที่ไม่ต้องการให้หลุด,และอาจกลายเป็นผลลบตามมา,รวมทั้งยังมีหน้าตาที่ยิ้มแย้ม,ผ่องใสเหมือนตระหนักรู้ว่า..ตนเองกำลังทำสิ่งที่เป็นภาวะบุญ(กุศล)ต่อสังคมที่ตนเองรู้สึกเกิดปีติอยู่ในใจกระนั้นเลยเชียว(?)..
แต่เราไม่ได้สรุปว่า.. อนาคตต่อไปท่านจะสามารถดำรงตนได้อย่างบริบูรณ์ไปตลอดช่วงชีวิตหรือไม่?.. แต่เฉพาะในกรณี,ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้,ในเค้สปัจจุบันนี้.. เราต้องยอมรับว่า.. ทั้งผู้ตั้งคำถามและผู้ตอบคำถามล้วนเป็นผู้ที่ดีเยี่ยม(ในบริบทของแต่ละท่าน)อย่างที่เราๆท่านๆคงไม่เคยเห็นกันมาก่อนจริงๆ(?).. ขอคารวะทั้ง2ท่านนี้ด้วย..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 13 เมษายน 2567 เวลา:16:53:21 น.
(ข้อคิดส่วนตัว)..
มุมมองของมนุษย์เพื่อจะดิ้นรนเพื่อให้ชีวิตอยู่รอดนี่..บางทีก็เหมือนว่าจะทำให้สังคมมนุษย์สับสน?.. เพราะแม้ว่า..มนุษย์ก็คือสัตว์โลกชนิดหนึ่งที่มีกิเลสทางเพศ?ฝังแน่น(ติดเซ็กซ์?)ไม่ต่างจากสัตว์ก็จริง(?).. แต่มนุษย์ก็ได้พัฒนาทางสรีระยืนตัวตรง,และพัฒนาทางวัฒนธรรม,ประเพณีให้เป็นผู้เจริญกว่าสัตว์โลกชนิดอื่นๆมาแล้ว(?).. จนกระทั่ง..มีหลักศาสนาไว้ยึดเหนี่ยว(ต้องมีผัวเดียวเมียเดียว,ต้องไม่นอกกาย,นอกใจกัน)..
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีเรื่องผิดหลักศีลธรรมทางเพศ?ระหว่างพระกับสีกา(บางคู่)ขึ้นมาแล้ว.. บางที..ศาสนาก็ไร้ผล?กับคนบางคน?ที่กำเนิดดูโลกมานานแล้ว,แต่อยากพยายามทำตัวเป็นฮีโร่?(ที่พยายามจะอยู่เคียงข้างคนผิดศีล?),ที่ตนเองพยายามจะออกมาพูดสวนกระแส?หรือขวางโลก?เพื่อเข้าข้างสิ่งที่ผิดศีลธรรม?(โดยอ้างความหวังดีเพื่อจะช่วยให้คนที่ทำผิดศีลธรรม?เอาตัวรอด?,สามารถใช้ชีวิตแบบหน้าไม่บาง?ต่อไปเรื่อยๆได้(?).. เหมือนกับการเข้าข้างโจร?,หรือชี้ช่อง(ทางเอาตัวรอด)ให้โจร?ประมาณนั้น(?)..นั่นแหละ(?)..
และถ้ามีคนที่หน้าไม่บางเช่นนี้?เพิ่มจำนวนเพราะการสนับสนุน,ชี้ช่องของคุณบางคน?มากขึ้นเรื่อยๆ(?).. เราก็ยังนึกไม่ออกว่าสังคมไทยเมืองพุทธในยุคต่อๆไปจะเป็นสังคมเช่นไร(?).. นี่คือภาวะแผลงๆ?ของสังคมที่มีคนผิดศีลธรรมมากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังอยากมีชีวิตอยู่รอดในสังคม?อีกต่อไป(?)..
ถ้าอย่างนั้นพวกนักการเมืองสายเอเชียทางเหนือของเรา(หลายๆประเทศ),ที่ประเทศเขามีการพัฒนาเจริญรุดหน้าอย่างมาก,ในบริบทที่เมื่อนักการเมืองถูกจับได้ว่าทำผิดก็มักจะพากันละอาย,ลาออกบ้าง,หรือหนักหน่อยก็ถึงกับคิดสั้นกระโดดเหวบ้าง,เพราะเกิดความละอายในใจตนเอง(ตามที่เป็นข่าวผ่านๆมา).. ดังนั้น..คนเหล่านี้ก็จะต้องเปลี่ยนเป็นถูกประณามว่า.. หน้าไม่ฉลาด,แค่นี้ก็คิดสั้น,หน้าบางเกินไป,ควรจะหน้าไม่บางให้มากกว่านี้(?).. เช่นนั้น? ..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.63.101 วันที่: 13 เมษายน 2567 เวลา:21:17:27 น.
(A)(ความเห็นส่วนตัว)..
มีคำกล่าวของคนจีนพูดกันในสมัยที่เราเป็นเด็ก,บอกว่า..ซานี้ต๊าแป๋-แป๋ฮัวฮี่,ซาจับนี้ต๊าแป๋-แป๋คี้ซี่.. แปลว่า..3ขวบด่าพ่อ-พ่อดีใจ,30ขวบด่าพ่อพ่อโมโหแทบตาย.. คือหมายความว่า.. ถ้ายังเป็นเด็ก,จะทำอะไรผู้ใหญ่ก็ให้อภัย,เพราะเด็กทำอะไรก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด,ยิ่งเป็นช่วงหัดพูด,ถ้าสามารถด่าพ่อแม่ได้,ก็ถือว่าพัฒนาการในการพูดใช้ได้แล้ว.. แต่ถ้าโตจน30ปีแล้ว,ยังมาด่าพ่อแม่,ก็แปลว่าเป็นคนที่ไร้กตัญญู,เป็นคนใช้ไม่ได้อย่างมาก..ประมาณนั้น(?)..
ช่วงนี้มีข่าวของเด็กที่อ้างว่าเทวดาให้มาเกิด?(บางคน)ก็มีเรื่องที่ไปพูดจาตำหนิผู้ใหญ่คราวพ่อ,คราวลุง(ที่เป็นพิธีกรรายการดัง)ด้วยคำพูดที่ดูหนัก?.. ซึ่งบางคนอาจจะมองว่า..ก็เป็นสีสัน,น่าสนใจ,ชวนตื่นเต้น,น่าติดตาม.. แต่เรามองว่าอาจเป็นผลลบ?(อาจเกิดภาพฝังใจ?ของผู้คนในสังคมในทางลบ)ต่อเด็กในอนาคต,เมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นได้(?)..
พ่อแม่ที่จะคิดแต่ว่า..ลูกตนเองทำอะไรก็ดูว่าน่ารัก,น่าเอ็นดู,น่าอวด,น่าโชว์,น่าชื่นชมไปเสียหมด,ก็จะทำให้เด็กได้ใจ,เหมือนมีพ่อแม่คอยเชียร์,ทำให้ไม่รู้จักมารยาทสังคม?.. เท่ากับตรงกับคำพังเพยว่าพ่อแม่รังแกฉัน?นั่นแหละ(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.102 วันที่: 13 เมษายน 2567 เวลา:23:51:01 น.
(B)สมัยโธมัส อัลวา เอดิสัน(ซึ่งเป็นเด็กอัจฉริยะ).. แต่ถ้าไม่ควบคุมให้ดี.. ครั้งหนึ่งก็ถึงกับทดลองเผาบ้านเผาช่อง?เสียด้วยซ้ำไป(?).. ดังนั้น.. แม้จะดูว่า..ลูกเราเป็นเด็กอัจฉริยะก็ตาม.. พ่อ,แม่ก็ควรจะต้องดูแล,ควบคุม,สร้างกรอบ(ตามสมควร)ให้เขามีหลักยึดไว้บ้าง(?)(ควรระวังเรื่องอัตตาหลงตน?ให้มากๆด้วย),ก็จะทำให้เป็นเด็กอัจฉริยะที่ทุกคนรู้สึกเอ็นดู..ไม่นึกตำหนิในใจ(?)..นะจ๊ะ(?)..
ส่วนตัว..เราไม่ได้มองว่า..เด็กปัญญาพิเศษบางคน?นั้นเป็นเด็กบรรลุธรรม?ที่เบื้องบนให้มาเกิด?อะไรทำนองนั้นหรอก(?)(เพราะเป็นเรื่องกึ่งนามธรรม,ไร้รูปลักษณ์?ที่พิสูจน์อะไรได้ยาก?).. เพราะถ้าบรรลุธรรมสูงสุดจริงก็คงจะไม่กลับมาเกิดในโลกมนุษย์?อีก(?)..
แต่เขาเป็นเพียงเด็กอัจฉริยะที่เผอิญพ่อแม่จับสังเกตทักษะ,ความถนัดเฉพาะตัวของเขา,และให้การส่งเสริม,จนดูมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ,ที่ผู้ใหญ่บางส่วนและสังคมรู้สึกทึ่งในพรสวรรค์บางอย่าง?(เช่น การสัมผัสอ่านรู้ใจคน?)ของเขา..เท่านั้น(?)..
แต่ก็มิใช่ว่า..จะทายแม่นถูกต้อง100%หรอกนะ(?).. เพราะแม้พระพุทธเจ้าเอง..ก็ยังตรัสว่า.. แม้สัญญาหรือความจำหรือสมองก็ล้วนไม่เที่ยง( =สัญญาอนิจจา),คือผิดพลาด,คลาดเคลื่อนได้ด้วยปัจจัยของสรีระ,จิตอารมณ์,และสิ่งแวดล้อมได้(?).. และสภาวะของวิญญาณก็ไม่เที่ยง(วิญญาณังอนิจจัง),คือผิดพลาด,คลาดเคลื่อนได้ด้วยปัจจัยทั้งภายในและภายนอกร่างกายสารพัด(?)..ได้เช่นเดียวกัน(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.102 วันที่: 13 เมษายน 2567 เวลา:23:54:42 น.
(เสริม)..
เพราะต้องยอมรับว่า..สังคมพุทธไทยยังคงมีความเชื่อและความยึดถือเกี่ยวกับเรื่องภูมิพญานาคกันอยู่มาก.. จนดึงมาโยงกับพุทธศาสนา,จนทำให้สับสนยุ่งเหยิงว่า..นาคกับพุทธคือสิ่งเดียวกัน?,หรือสิ่งเชื่อมโยงกันจนแยกไม่ขาด?..หรือไม่?..
และลึกๆคนไทยมักติดใจ,ประทับใจ?กับอะไรที่มีลักษณะของฮีโร่-ผู้ปกป้อง?,ซึ่งนาคก็ได้ชื่อว่าคือผู้(ตั้งสัจจะเพื่อ)ปกป้องพุทธศาสนาเสียอีกด้วย(?).. จึงมักได้รับความเกรงใจหรือยำเกรง,ให้เกียรติ,ไม่กล้าลบหลู่จากชาวพุทธในประเทศไทยทั้งปวง(?).. นั่นแหละ(?)..
อย่างพระพุทธรูปก็ยังมีปางนาคปรก,และโดยรูปลักษณ์ของนาคตามจินตนาการของศิลปินก็จะมีลักษณะที่ดูยิ่งใหญ่,ลำตัวยาว,มีหงอน,มีเกล็ด,มีมงกุฎ,ดูน่าเกรงขามเสียนี่กระไร(?).. ดังนั้น..โดยการอนุมาน..ภูมิจิตที่สัมพันธ์กับเรื่องนาค?ก็เป็นธรรมชาติทางจิตวิญญาณที่มักจะวนเวียนมาถือกำเนิดกับกายสังขารของมนุษย์ในแถบดินแดนอาคเนย์โดยเฉพาะในประเทศไทย..
ดังนั้น.. เพชร-ภัทร-นาคา-นาคราชคำนี้ตามที่พอมีความเข้าใจบาลีอยู่บ้าง.. เพชรนี่ก็คือเก่ง,แกร่ง,แข็ง,ภัทรคือดี,ประเสริฐ,เจริญ,นาคาก็คือนาค,และยังมีนาคซ้อนนาคคือคำว่านาคราช,คือราชาแห่งนาคทั้งปวง.. คำนี้โดยรวมจึงสื่อถึงการยึดถือในอัตตาความเป็นใหญ่(ยิ่งใหญ่)ใกล้เคียงกับระดับพระพรหมนั่นเลยเทียว(?).. คือพูดแบบภาษาชาวบ้านง่ายๆคือ..ไม่กลัวใครอีกแล้วในโลก,ในจักรวาลนี้.. ยกเว้นแต่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์..เท่านั้น(?)..ประมาณนี้ครับ..
ก็ตรงกับนิมิตและบุคลิก,หน้าตาของเด็กที่เป็นข่าวนะครับ.. แต่ยังไม่ถึงขั้นหมดกิเลสสิ้นเกลี้ยง.. แต่เท่าที่ประเมินตามหลักการพุทธ..คือฐานเรื่องกามคุณมีเหลือน้อยมาก.. แต่ความมีอัตตา,ถือตัว,ไม่กลัวใครกลับมีสูงมากยิ่ง.. แต่เรื่องกามคุณ,รูป,รส,กลิ่น,เสียง,สัมผัสและเรื่องทางเพศยังสรุปยาก(?).. ต้องรอดูตอนโตเป็นหนุ่มเต็มตัวก่อน,จึงจะพอบอกได้ว่าเป็นของแท้?หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.102 วันที่: 14 เมษายน 2567 เวลา:1:37:34 น.
(a)สังคมเรามันเป็นยังไงนะนี่?..
เราได้ดูรายการของคุณพิม.....(8-4-67)ตอนเที่ยว.....?..
เรามีความรู้สึกจากการศึกษาข้อมูลต่างๆส่วนตัวประกอบด้วย.. แล้วพบว่าsampleพูดในสิ่งที่ใกล้เคียงความจริงจากประสบการณ์ที่เราก็เคยได้รับรู้มาเช่นเดียวกัน..(มีคำถามว่า..ผู้หญิงไทยบางส่วนมีประสบการณ์กับคนใกล้ตัวและครอบครัว?ที่เลวร้าย,มากมายเช่นนี้เชียวหรือ?)..
บางรายมักจะบอก(อ้าง)ว่าถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนมาก่อน.. บางรายก็บอกเคยถูกข่มขืน?หรือถูกรุมโทรม?มาก่อน.. บางรายคือ..พ่อแม่แตกแยก,ไม่มีหนทางหากิน.. มองว่าเป็นวีธีหากินที่ง่ายๆและตนก็พึงพอใจด้วย(?).. บางรายถึงกับสารภาพ(คล้ายกลายเป็นคนติดเซ็กซ์)ว่า..กลับรู้สึกพอใจในการมีเพศสัมพันธ์ที่เปลี่ยนคนใหม่ๆไปเรื่อยๆ?.. และซ้ำหนักกว่านั้น.. ยังกลายเป็นคนที่มีความพอใจ?กับความรุนแรงทางเพศ?ที่กระทำต่อตัวเธอ(ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์กันในอาชีพที่เธอทำ,เมื่อได้รับทั้งเงิน?และความสุขทางเพศ?ด้วยซ้ำไป(?)..
โชคดีนะ.. ที่พวกเธอยังไม่ประสบภาวะติดลูก?หรือติดโรคร้าย?,ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น,ก็คงไม่มีโอกาสมาเป็นsampleในรายการให้เรารับรู้,ศึกษาได้..
(มีเรื่องน่าคิด,น่าวิจัยว่า.. เรื่องการติดเซ็กซ์?ก็ไม่ต่างจากการติดยาเสพติดบางชนิด?.. ที่เมื่อปล่อยการพึงพอใจให้เตลิด,เพลิดเพลินไปตามการเร่งเร้าจากคู่ของตนนั้น,ถ้ามากไปก็อาจกลายเป็นถลำลึกเป็นการติดเซ้กซ์?.. ประมาณว่าขาดเรื่องเซ็กซ์ไม่ได้?,กระทั่งแม้ต้องทำในสิ่งที่ผิดขนบ,ประเพณีที่รู้ว่าสังคมต้องประณาม,ก็ยังยอมตามอารมณ์ของตนเอง?ที่พาไปจนได้?)..(เช่น ในกรณีของน้องพ.ที่เป็นข่าวเมื่อ2-3เดือนก่อนมานี้,ซึ่งทำให้เสียชื่อเสียง?อย่างมากมาย?.. เป็นต้น)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.102 วันที่: 15 เมษายน 2567 เวลา:12:53:05 น.
(b)มีข้อเปรียบเทียบว่า.. ผงชูรส(ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นประสาทรับรส)(เปรียบคล้ายประสาทสัมผัสในการร่วมเพศ),เมื่อนำไปปรุงอาหารร่วมกับ.. เช่น..แกงขี้เหล็กซึ่งโดยธรรมชาติคือรสขม(ซึ่งอาจเทียบกับความเจ็บในขณะมีเพศสัมพันธ์),ก็กลับไปทำให้แกงขี้เหล็ก(ที่มีรสแกมขมเล็กน้อย)นั้น,กลมกล่อมเป็นที่ติดอกติดใจได้(?).. หรือถ้าคุณลองกินส้มตำที่ไม่ใส่ชูรส(ซึ่งมีแต่รสเปรี้ยว,หวาน,เผ็ด?เท่านั้น),และไม่ใส่ปลาร้า.. คุณก็จะไม่รู้สึกซาบซ่า,ติดอกติดใจซักเท่าไหร่?..
แต่ถ้าลองใส่ทั้งปลาร้าซึ่งโดยธรรมชาติคือมีกลิ่นที่บางคนอาจรู้สึกเหม็น(ซึ่งเปรียบเทียบเท่ากับความรุนแรงที่สร้างอารมณ์ตื่นเต้น,เหมือนว่ากำลังเป็นผู้ถูกกระทำทางเพศ,ในขณะมีเพศสัมพันธ์กัน),แต่เมื่อมีชูรส(เทียบกับความพอใจในสัมผัสทางเพศ)ใส่ร่วมไปด้วย.. ก็กลับทำให้ปลาร้าโดดๆ(ที่เคยรู้สึกเหม็น)นั้น,กลับกลายเป็นกลิ่น?และรส?ที่น่าพึงพอใจไปได้(?)..
นั่นก็เพราะดันมีชูรส,หรือเทียบกับการติดสัมผัสพอใจในเรื่องเพศเป็นตัวกลาง?,หรือเป็นสารตั้งต้น?ที่เหนี่ยวนำให้รสอื่นๆ?ที่เดิมอาจจะเคยปฏิเสธ?กลับกลายเป็นมาผสมโรงกัน?กลายเป็นรสชาติที่สร้างความพึงพอใจ?ร่วมกันไปด้วย(?)..ประมาณนั้น(?)..เช่นเดียวกัน(?).. เป็นต้น..
แต่ถ้ามองให้ดีๆ..นี่เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ?นะ(?).. ไหนบอกว่า..คนในสังคมไทย(ซึ่งรวมทั้งนักการเมืองทั้งหลายด้วย)มีแต่คนที่จิตใจมีเมตตานั่นไง?.. แล้วทำไมแต่ละภาคส่วนของสังคมไทยจึงปล่อยให้สังคมมีแต่ความเลวร้าย(ในเรื่องทางเพศรวมถึงการละเลยให้มีการแอบแฝงขายบริการทางเพศ?)ตั้งแต่อณูเล็กๆ?ในสถาบันครอบครัว?,จนที่สุดต้องมาเลือกใช้ชีวิตในการมีอาชีพ?ที่เกี่ยวกับการให้บริการบำบัดความพึงพอใจทางกามารมณ์?หรือขายสรีระของตนเอง?อย่างมากมาย,ทั่วทุกหัวระแหง?..เช่นนี้ด้วยเล่า?..
หรือคนไทย(บางส่วน)และสังคมไทย(บางส่วน)มีแต่เรื่องของการสร้างภาพ?ว่า..เป็นคนดี,มีเมตตา,เป็นสังคมที่ดีที่ชาวต่างชาติมักอยากมาอยู่?..แค่นั้นหรือไม่?.. แต่ในความเป็นจริง(?).. อาจเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม?,กลโกง??,มีกลไกค้ามนุษย์?แอบแฝง?,มีความไม่จริงใจ?ต่อเพื่อนร่วมสังคมเดียวกัน??,และมีความโหดร้าย?ที่คุณทั้งหลายอาจคาดไม่ถึง(?)แฝงอยู่ด้วย(?)..ก็เป็นได้(?).. หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.102 วันที่: 15 เมษายน 2567 เวลา:13:37:23 น.
(ประสบการณ์เตือนสติ,เตือนใจ)..
พ่อ,แม่มักเป็นต้นเหตุในการสอนให้ลูกมีพฤติกรรมตามอย่างโดยไม่ต้องบอกสอนด้วยคำพูดก็ได้.. เช่น..
1.นักแข่งขันบางชนิด(บางคน)ที่เป็นข่าวเชิงเจ้าชู้(พาสาวเข้ารร.).. อีกระยะ,ลูกก็ออกมาแสดงพฤติกรรมเชิงกล้าเกี้ยวพาราสี?คล้ายๆกัน(?)[ซึ่งอาจวิเคราะห์ได้ว่า.. เขาอาจคิดว่า..พ่อคงไม่กล้าว่าอะไร(?),เพราะพ่อเองก็เป็นเช่นเดียวกัน(?)]
2.นกม(บางคน)ที่สังคมมองว่าเป็นคนที่มีกลเชิงที่ไม่ตรงไปตรงมาในเรื่องการออกนโยบายในการจัดการสังคม,ประเทศ(ในยุคอดีตที่ผ่านมา).. ภายหลังลูกก็ได้ตัวอย่าง,คล้ายซึมซับ,หรือมีลักษณะแนวคิด,แนวปฏิบัติที่คล้ายๆกันออกมา,อย่างที่สังคมมักชอบพูดกันวาลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น[เพราะอาจซึมซับจากพ่อ,แม่,จนอาจหลงผิดคิดว่า..การมีพฤติกรรมคล้ายๆกับพ่อ,แม่ที่กระทำต่อสังคม,บ้านเมือง,อาจทำให้พ่อแม่รู้สึกภาคภูมิใจ?,ว่าตนเองมีเชื้อสายที่แท้ของพ่อ,แม่(?).. และที่สุด..พ่อ,แม่ก็คงไม่กล้าตำหนิ?,หรือก็คงจะต่อว่าอะไรไม่ได้?..ประมาณนั้น?]
3.เด็กราว7,8ขวบที่มีลักษณะพิเศษบางคน(ที่สังคมกำลังแตกตื่น,เพ่งมอง),ก็ดูว่าจะมีลักษณะเชื่อมั่นตนเองสูง?และมีอัตตาสูง?(ซึ่งอาจมีลักษณะแฝงประโยชน์ส่วนตัวบางอย่าง?)ที่ดูบุคลิกลักษณะ,แววตา,โหงวเฮ้ง?ไม่ต่างจากบุคลิกของพ่อแม่ของตนเอง?ที่มีลักษณะอุปนิสัยเดียวกัน?.. ซึ่งอาจถูกมองว่านี่แหละ.. คือการเลี้ยงดูในลักษณะให้ท้าย?,สนับสนุนสิ่งที่ผิดๆ?ที่ตัวพ่อ,แม่(อาจมีเรื่องผลประโยชน์),จึงอาจมองไม่ออกว่า.. นั่นคือ..การกำลังทำร้ายชีวิตในอนาคต?ของลูกของตนเอง?,ที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่าพ่อแม่รังแกฉัน?โดยไม่รู้ตัว(?)..นั่นเอง(?)..
ดังนั้น.. พ่อ,แม่ทุกคนจึงต้องพยายามทำตัวเป็นคนดี,มีศีลธรรม,ไม่โลภจนเกินไปและควรฝึกลดละกิเลสตัวเองให้มากๆ,เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกที่เกิดมาซึมซับพฤติกรรมดังกล่าวตามพ่อ,แม่,โดยอาจหลงเข้าใจว่า..พ่อแม่คงภูมิใจ?,และ/หรือคงจะมาว่าอะไรตนเองไม่ได้?,เพราะอาจมองว่า..เป็นการช่วยสืบทอดเชื้อสายเดียวกัน?.. นั่นเอง(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.200 วันที่: 18 เมษายน 2567 เวลา:17:39:42 น.
(A)ถ้าเราสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ของโลกได้.. เราจะกำหนดให้มีศาสนากลางเพียงศาสนาเดียวเท่านั้น.. เพราะใครๆก็มักพูดกันว่าความจริงย่อมมีสิ่งเดียว(ต้องไม่มีความจริงที่ขัดแย้งกันเอง..ประมาณนั้น)..
เพราะอย่างคริสต์ก็บอกว่า..คนเราจะเกิดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น(ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีก).. แต่พุทธบอกว่า..มีเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดอย่างแน่นอน.. ส่วนทางมุสลิมก็มีหลักประมาณว่า.. การจัดการกับผู้ที่รุกรานศาสนาถือว่าเป็นบุญ..ประมาณนั้น..
ซึ่งทั้งคริสต์และพุทธก็สอนหลักการแห่งการไม่เบียดเบียนและการให้อภัยให้ได้ถึงที่สุด,ซึ่งเป็นหลักการที่ตรงกันทั้งของพุทธและคริสต์.. ซึ่งเมื่อกลัวการขัดแย้งระหว่างศาสนาและไม่มีผู้มีอำนาจจริงที่จะกำหนดหลักการในโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้,ก็เลยต้องปล่อยให้ต่างคนต่างสอน,ต่างคนต่างเชื่อซึ่งมีหลักการของแต่ละศาสนาไม่ตรงกัน,ทำให้เกิดความสับสนว่าอะไรคือความจริงแท้กันแน่?สำหรับคนในโลกเดียวกันได้..
ดังที่มีบางคนพูดว่า.. ถ้าไม่ชอบหรือเห็นไม่ตรงกันก็ต่างคนต่างอยู่..เป็นต้น.. นั่นแหละ.. ดังนั้น..สังคมไทยจึงมีเหตุข้อขัดแย้งมากมาย,ก็เพราะคิดว่า..ถ้าเห็นไม่ตรงกันก็ต่างคนต่างอยู่?..นั่นแหละ..
เช่น.. บางคนมีฝาท่อระบายน้ำทิ้งอยู่หน้าบ้าน,เพื่อนบ้านก็เลยเอาน้ำสกปรกมาราดใส่เปรอะเปื้อนหน้าบ้าน.. เจ้าของบ้านก็เลยไม่พอใจ,ก็มีเหตุทะเลาะกัน.. นี่ก็เพราะมีบางคนมองว่า.. ถ้าเห็นไม่ตรงกันก็ต่างคนต่างอยู่?,ซึ่งความเป็นจริงนั้น,มันต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรอก(?)..
หรืออย่างบางคนเลี้ยงหมาแต่ไม่ดูแลให้ดี,ชอบปล่อยหมาให้ไปขี้หน้าบ้านของเพื่อนบ้านใกล้เคียง.. หมามันก็ฉลาดนะ,ที่ไม่ยอมขี้หน้าบ้านของเจ้าของตัวเองซะด้วย.. ก็ทำให้เป็นเหตุให้คับแค้นเป็นเรื่องเป็นราวกันมากมาย..เป็นต้น..
หรืออย่างกรณีจอดรถหน้าบ้านคนอื่น.. มีบางคนก็อาจมองว่า..ถนนหลวงใครจะจอดหน้าบ้านใครก็มีสิทธิ์(?).. แต่อีกคนก็บอกว่า..หน้าบ้านใครคนนั้นก็ต้องเป็นผู้ดูแล,มีรถเข้าๆออกๆ,การไปจอดรถหน้าบ้านคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตไว้ก่อน,ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ(?).. ก็ทำให้ระหว่างเพื่อนบ้านใกล้เคียงมักมีเรื่องขัดแย้งกันในเรื่องจอดรถขวางหน้าบ้านอย่างมากมายในสังคมไทยเดียวกัน.. เป็นต้น..เช่นนี้แหละ..
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.200 วันที่: 20 เมษายน 2567 เวลา:10:40:33 น.
(แทรก1)..ได้ดูคลิปของช่องเชอร์ล็อกฯ.. อยากบอกแม่ของน้องน.ว่า.. สิ่งที่คุณเห็นน่ะมันน่าจะเป็นเพียงภาพในอุปาทานจิต,ซึ่งถ้ามีอุปาทานที่เข้มข้นหรือมีความเชื่อ,ความศรัทธาสูง,ก็สามารถปรุงแต่งเป็นภาพต่อเนื่องเรื่องราว,แล้วนำมาเล่าต่อได้..
ซึ่งปกติคนทั่วไปก็มีภาพเคลื่อนไหวแบบเป็นเรื่องเป็นราวต่อเนื่องในยามหลับฝันได้อยู่แล้ว.. แต่ของคุณนั้น,น่าจะเรียกว่าเป็นภาพฝันในขณะตื่น(แต่ตาหลับ)มากกว่า(?)..
เพราะหน้าผากนั้นเป็นบริเวณที่โยงหากระบวนการคิดนั่นนี่,หรือสภาวะสมาธิที่กำหนดโดยกลไกสมองภายในได้ง่ายมาก..
ซึ่งคนทั่วไปก็เป็นได้,คนที่หมกมุ่นคิดในสิ่งใดมากๆในเวลาลืมตา,เมื่อเวลาที่หลับตาลงไม่สนิทและมีแสงภายนอกรำไรก็สามารถปรุงแต่งให้เป็นภาพต่างๆในยามหลับตาได้(?)..(ซึ่งบางคนหรืออาจถูกหลอกจากเจ้าลัทธิบางคนมักเคลมว่าเป็นความวิเศษ?.. เช่น..ลัทธิจานบิน?.. เป็นต้นเช่นนั้นได้?)..
เพราะเราเองก็ยังเป็นได้แบบเดียวกัน.. เพราะเราอยู่หน้าจอคอมพ์บ้านบ่อยๆ.. ชอบดูช่องยูทู้ปอยู่เป็นประจำ.. เมื่อเวลาอยากพักผ่อน,เอนกาย.. พอหลับตาลงก็จะเห็นเป็นช่องกรอบสี่เหลี่ยมและมีด้านข้างเป็นกรอบย่อยๆเหมือนในช่องยูทู้ปนั่นเลย..(สำนักสีกรักบางสำนักยังเคยพูดประมาณว่า.. สิ่งที่คุณเห็นในตอนหลับตานั้น,คุณเห็นจริงๆ,แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่เรื่องจริง,เป็นเพียงภาพที่ถูกสร้างขึ้นในจิตที่ฟุ้งซ่านไปเอง,เรียกว่าเป็นภาพมโนมยอัตตาหรือภาพอุปาทานในจิตเท่านั้นเองครับ)..
แต่เราเข้าใจหลักการสมาธิอยู่บ้าง.. บางทีเราก็ใช้วิธีนี้เพื่อทดลองฝึกการบังคับภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏเพื่อให้เป็นไปตามที่ต้องการได้เหมือนกัน(เหมือนอย่างที่สมัยก่อนเรียกว่าการฝึกกสิณ40อย่าง.. เช่น.. เพ่งดิน,น้ำ,ลม,ไฟ,ฯลฯ..นั่นแหละ),แต่เราอยู่ในขั้นกำลังฝึกหัด,ดังนั้น..ภาพต่างๆมักจะตัดภาพเร็วมาก,ยังควบคุมได้ไม่ดี.. คือภาพต่างๆจะเปลี่ยนไปมาอย่างเร็ว,เพราะสมาธิเรายังไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่..นั่นเอง..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:8:38:29 น.
(แทรก2).. พึงตระหนักว่า..ศรัทธาของปชช.นั้นมักมีมุมที่น่าสะพรึง.. โลกแต่โบราณนานมามักมีการกำหนดสังคมจาก2ฝ่ายเสมอ.. ถ้า"ฝ่ายรัฐ"กำลังไม่ดีหรือไม่เชื่อมั่นตนเอง,ก็อาจถูก"ฝ่ายกลุ่มเจ้าลัทธิ"หรือ"ฝ่ายศาสดาใหม่"มาควบคุม,ล้มล้างอำนาจเก่าได้เช่นกัน.. แต่ถ้า"ฝ่ายรัฐหรือผู้กุมอำนาจเดิม"เข้มแข็ง,"ฝ่ายเจ้าลัทธิ"ก็มักถูกกำจัดให้สูญสลายไปในที่สุดได้เช่นเดียวกัน.. เช่นในอดีต .. เช่น..สำนักปู่สวรรค์,หุบผาสวรรค์,ลัทธินิกร,ลัทธิยันตระ,ลัทธิพุทโธ,ลัทธิเณรคำ,ฯลฯ เป็นต้น..
หรือแม้แต่พระเยซูที่สมัยนั้นเคยมีผู้ติดตามท่าน(เปรียบเทียบกับSubscribeในยูทู้ปนั่นแหละ)อยู่มากมาย,จนดูเหมือนไม่มีใครที่จะกล้ามาทำอะไรตัวท่านได้.. แต่เมื่ออำนาจรัฐเรืองอำนาจ,และกอปรกับอุดมการณ์ของพระเยซูคือจะไม่ปลุกให้ผู้ศรัทธาขึ้นมารบราฆ่าฟันกับฝ่ายรัฐ.. ดังนั้น.. ในที่สุด.. เมื่อท่านถูกจับกุม,แม้ทางรัฐประสงค์ที่จะปล่อยตัวท่านไป,จึงให้ประชาชนมาโหวตกันว่าจะปล่อยพระเยซูไปมั้ย?.. ก็ประชาชนเอง,ที่อยู่ในที่นั่น,นั่นแหละ,ที่ถูกการเร่งเร้าจากตัวตึงในที่ชุมนุมนั่นเองว่า..ให้ตรึงเขาเสีย,ให้ตรึงพระเยซูนั่นเสีย.. และก็พากันว่าไป(ตามวิถีจิตวิทยาหมู่ชน)ตามๆกัน,จนในที่สุดพระเยซูก็ถูกนำไปตรึงบนไม้กางเขนจนได้..นั่นเอง(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:9:13:08 น.
(แทรก3)..1.ได้ดูช่องไทยนิวซ์ตอน*เผยโฉมนารี....?*.. อยากบอกว่า.. เรื่องของอุปาทานจิตของมนุษย์ที่มีความเชื่อ,ความศรัทธาต่างๆนั้นมักมีได้แปลกๆแตกต่างกันไปมากมาย..(ยกตัวอย่างเช่น.. เห้งเจียเป็นเพียง"นิยายที่แต่งขึ้น"ของ"นักเขียนนิยาย"เท่านั้น.. แต่พอนำมาเป็นการเข้าทรงเห้งเจีย,ก็ยังอุดส่าห์มีวิญญาณเห้งเจียมาลงทรง,และแสดงท่าทาง,อาการเหมือนลิงหรือวานรกระโดดโลดเต้นต่างๆได้,ดูเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ,ไปตามจินตนาการ,มโน,อุปาทานจิตของผู้เป็นร่างทรงที่ตนเคยได้รับรู้,เรียนรู้มาจากการอ่านนิยายนั้นๆ..นั่นเอง)..
ตอนสมัยที่เรายังเรียนระดับมัธยมต้นประจำจังหวัดที่บร.(ราว50กว่าปีก่อน),ก็มีอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นผู้สนใจในธรรม,และก็มีบอกต่อๆกันไปในหมู่นักเรียนและครูว่า.. ที่บ้านอาจารย์ใหญ่จะมีการจัดพิธีครองธรรมวันนั้น,วันนี้นะ.. ก็เลยพากันไปร่วมพิธี,ก็คล้ายจะให้มีการบริกรรมคำบางคำแบบเร็วๆ,เพื่อเรียกสมาธิให้เกิดขึ้น..
ซึ่งก่อนเริ่ม,ก็จะมีการสวดบทสวดบาลี.. เช่น.. นโมตัสสะ..เป็นต้น.. แล้วก็จะมีให้ทุกคนหลับตา,บริกรรม.. เราเองก็เคยไปเข้าร่วม.. พอหลังจากนั้นโตมา,ก็มาพิจารณา,วิเคราะห์ว่า..ก็น่าจะเป้นคล้ายการเข้าทรงของชาวไทยในส่วนภูมิภาคที่สมัยก่อนมีกันมากนั่นแหละ..
(ซึ่งสมัยก่อนจะมีการจัดพิธีกรรมบางอย่างในหมู่บ้าน.. แล้วจะมีการผูกคล้ายผ้าขาวที่ขื่อของบ้านยาวลงมาถึงพื้นที่จัดพิธี,แล้วคล้ายจะให้มีผู้อาสาที่จะเข้ามาโหนผ้าแล้วแกว่งตัว,เกาะพันผ้าไปมา,คล้ายเชื่อมให้เกิดสมาธิจิต,จนกว่าจะเกิดอาการเหมือนมีวิญญาณเข้ามาทรง,และแสดงสิ่งแปลกๆออกมา..ประมาณนั้น.. ซึ่งเราก็ชอบไปนั่งดูอยู่เป็นประจำ)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:17:23:11 น.
2.แต่สำหรับของอาจารย์ใหญ่ท่านนี้จะแปลงชื่อใหม่(เช่นคล้ายๆ..ลัทธิเทพจาตุมจุติ?ที่กำลังเป็นข่าวฮือฮา?)ว่า..เป็นการครองธรรม.. และมีครูประจำชั้นของเราเองเป็นครูหญิง(หน้าตารูปไข่สวยงาม)ท่านหนึ่ง,ที่ก็มีรูปโฉมและสรีระ,ที่สะโอดสะอง,ดูก็ไม่ต่างจากคุณนารี.....-ผู้ร่ายรำถวาย(ในข่าว)ซักเท่าไหร่?..นี่แหละ(?)..
ก็คือเป็นการบริกรรมหมู่?แบบออกเสียงดัง?,คล้ายเป็นเคล็ดวิธีสะกดจิตหมู่?หรือสร้างอุปาทานหมู่?(หรือเชื่อมจิตหมู่?นั่นแหละ?..ประมาณนั้น?).. และพอบางคนบริกรรมได้ที่.. รวมทั้งครูประจำชั้นหญิงท่านนี้ก็เหมือนมีอาการครองธรรม?เข้ามาสถิต(?),แล้วลุกขึ้นร่ายรำต่างๆ.. ไปจนกว่าจะถึงวาระตัวครองธรรม?นั้นจะออกจากร่างไป(?)..ประมาณนั้น(?)..
คือเท่าที่ทราบคือ.. ผู้เป็นร่างที่ถูกครอง(ทรง)?นั้น,เขาก็จะพอรู้ตัวเอง?อยู่ทุกอย่าง,แต่คล้ายจิตมีศรัทธาสูง?,และยอมรับสิ่งลี้ลับในที่นั้น?ให้เข้ามาครอบครอง?เพื่อแสดงสิ่งอภินิหารต่างๆ?ออกมาได้(?),เพื่อมุ่งสร้างศรัทธา?ให้กับกลุ่มผู้มาร่วมพิธีในที่นั้น?..ประมาณนั้น(?)..
เพียงแต่ในสมัยก่อน..มักไม่มีการเรียกร้องเงินทอง,หรือค่าจัดการให้บริการต่างๆเหมือนในสมัยนี้(?)..เท่านั้น(?)..(คือมีความบริสุทธิ์ใจตามความเชื่อของผู้จัดตั้งพิธีกรรมเกือบจะเรียกได้ว่า100%ก็ว่าได้)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:17:55:03 น.
3.แต่ก็มีจุดพี้คที่ทำให้เราจำภาพครูประจำชั้นหญิงท่านนี้ได้ไม่ลืมเลย.. คือถึงจุดหนึ่ง,ท่าน(หลับตา)ร่ายรำไปมา(คนที่นั่งแวดล้อมก็ดูเหมือนจะนั่งหลบทางให้,เพราะท่านหลับตาอยู่),แล้วท่านก็เอามือทั้งสองจับกัน,แล้วยกชูแขนขึ้น,แล้วไพล่แขนที่มีมือจับกันอยู่นั้น,ให้ข้ามศีรษะไปทางด้านหลังลงไปจนถึงช่วงเอว,แล้วสักครู่ก็สามารถยกแขนที่มีมือจับกันอยู่นั้น,ให้ข้ามหัวกลับมาสู่ในจุดเดิมได้.. ซึ่งดูแล้วก็เป็นสิ่งที่ชวนอัศจรรย์ใจยิ่งนัก?ว่า..มันเป็นไปได้อย่างไร?..
แต่ที่สำคัญคือมาทราบตอนโตมาแล้วว่า.. นี่ไม่ใช่วิถีทางการเผยแพร่หลักธรรมของศาสนาพุทธ?(ที่ถูกต้อง)แต่อย่างใดเลย(?).. ซึ่งก็ดูไม่ต่างจากพิธีการครอบครู?ของอาจารย์ไสยเวชต่างๆ?ที่มักมีพิธีการกึ่งจูงใจ,ครอบงำจิต?,ที่ทำให้มีผู้เข้าพิธีครอบครู?(บางคน)มักเกิดอาการที่แสดงออกแปลกๆ?(ที่เรียกว่าองค์ลง?),นั่นก็มีลักษณะต่างๆคล้ายๆกัน(?)..นั่นเอง(?)..
แต่แทบทุกอาจารย์?มักมีจุดหลัก?ที่มักอ้างเอาบทสวดบาลี?หรือคาถาบาลี?(ซึ่งฟังแล้วไม่รู้ความหมาย,คือให้ดูงงๆ,งมๆเข้าไว้?,ประมาณนั้น?)มาเป็นตัวกลาง?,เพื่อดึงให้เกิดแรงศรัทธา?กันไว้ก่อน(?)..แทบทั้งนั้น(?)..
[ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้เครื่องมือ?,อุปกรณ์?,หรือภาษา?,ศัพท์แสง?ของทางพุทธ?มาเพื่อใช้เป็นสิ่งเชื่อมโยง?หรือเชื่อมจิต?..นั่นเอง?.. แล้วอย่างนี้สำนักพุทธ?(ซึ่งมีหน้าที่เพื่อ"ปกปักพุทธศาสนา?"โดยตรง?)จะมาหลีกเลี่ยงว่า.. เป็นเรื่องของฆราวาส?,ที่สำนักพุทธ?ทำอะไรไม่ได้?..ได้อย่างไร?.. เพราะไม่เช่นนั้น.. เดี๋ยวก็จะเริ่มมีผู้ตั้งคำถามยอดฮิต?ว่าสำนักพุทธมีไว้ทำไม?ซะอีกหรอก?.. ประมาณนั้นครับ?]..
มีข้อน่าสังเกตว่า.. ถ้าลัทธิใด?[ซึ่งต่อไปพญานาค?อาจจะมีท่วมเมือง(แม้แต่กรณีลุง..บ้านกกกอก?)หรืออาจมีมากกว่าพระพุทธรูป?ไปแล้ว?..ก็เป็นได้?],ที่โดยมาก,มักมีเรื่องของเงินบริจาคด้วยศรัทธา?ของผู้เข้าร่วมเป็นสมาชิก?ที่มักหวังผลที่จะได้รับทางนามธรรม?,คุณวิเศษ?ที่พิสูจน์ไม่ได้?(และลัทธินั้นๆ?มีพฤติกรรมงุบงิบ?,ทับซ้อน?,ไม่โปร่งใส?,ไม่ชัดเจน?ในรายการบัญชีบริจาค?และบัญชีใช้จ่ายต่างๆ?).. ย่อมจะพิจารณาได้ว่า..ลัทธินั้นๆ?มักเป็นลัทธิที่ไม่บริสุทธิ์?หรือเป็นแค่สัทธรรมปฏิรูป?,เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ทางการเงิน?,เพื่อไปสู่คณะของเจ้าลัทธิต่างๆ?เป็นส่วนตัว?..นั่นเอง(?)..หรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:18:45:23 น.
(แทรก4).. 1.คุณเชอร์ล็อก(ช่องเชอร์ล็อกฯ)ดูเหมือนจะเป็นคนที่รู้เท่าทันต่อความประสงค์ภายใน?ของคนบางกลุ่ม?ที่กำลังเป็นข่าวไปเสียหมด(?).. เราฟังดู,เราก็คิดคล้ายๆกับคุณเชอร์ล็อกเป็นส่วนมากอยู่นะ.. ซึ่งคุณเชอร์ล็อกดูจะมีแนวคิดที่คล้ายกับอ.เจษฎาที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ของจุฬา..ที่เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆเช่นกัน.. และมักมีบริบทในการพิสูจน์ความจริงในเรื่องที่แปลกๆ,โดยอิงกับหลักวิทยาศาสตร์อยู่เสมอ..
อย่างเช่น..เรื่องของบ้องไฟพญานาคนั้น.. ท่านอ.เจษฎาก็เคยมาวิเคราะห์พิสูจน์ไว้มาก.. แต่ครั้งนี้ท่านกลับไม่ออกมาช่วยวิเคราะห์กรณีที่บางกลุ่ม?ที่อ้างถึงพญานาคกลับชาติมาเกิด?ที่กำลังเป็นข่าว(และยังมีอ้างถึงภูมิอนาคามี,ซึ่งตามตัวอักษรแปลว่าผู้ไม่กลับมาเกิดในโลกอีกแล้ว.. ซึ่งทำให้สังคมเริ่มสับสนว่า..นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่?).. เราว่า..ถ้าท่านออกมาร่วมวิเคราะห์,น่าจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและชวนติดตามมากนะครับ..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:21:02:21 น.
2.กรณีคำว่าเพชร-ภัทร-นาคา-นาคราช?,เรามองว่า..น่าจะมีการมโน,ผสมโรงของคำบางคำ?.. ซึ่งมีบริบทของการนำเอาคำว่านาคามาโยงกับคำว่าอนาคามี..
จริงๆเท่าที่เรารู้มานิดหน่อย.. คือ..คำว่าคามี จริงๆก็คือคาม(ผู้รู้ช่วยออกมาเสริมให้บริบูรณ์ผ่านสื่อต่างๆได้นะครับ)ในคำว่าเขตคามนั่นเอง.. คือต้องการสื่อถึงบ้านช่อง,เรือนชาน(หรือครอบครัวหรือคนคู่หรือกามเมถุน)นั่นเอง..
และอนาคามี(ซึ่ง"คำเดิม"ก็คืออาคามหรืออาคามี,ซึ่งเมื่อต้องมาสนธิกับอะซึ่งแปลว่าไม่,มีหลักภาษาบอกว่า..ต้องเปลี่ยนอะให้เป็นอนะ,แล้วจึงนำมาประกอบคำใหม่ขึ้นมาได้.. เพราะอะมาชนอะ,ก็มีหลักว่าไว้อย่างนั้น.. ดังนั้น.. คำว่าอนาคาหรือคำเต็มที่ว่าอนาคามีจึงน่าจะไม่เกี่ยวกับคำว่านาคหรือ"พญานาคแต่อย่างใดเลย?).. จึงน่าจะแปลว่าไม่มีเรือนชาน,ไม่มีครอบครัว,ไม่มีคู่ครอง,ไม่มีเรื่องคนคู่,หรือไม่มีเรื่องเมถุนทางเพศอีกแล้ว..นั่นต่างหาก..
นี่แหละ..เราจึงว่า..น่าจะเป็นเรื่องผสมผเสในเรื่องของคำกันไปมา(แบบผิดๆ?)เท่านั้นเอง(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:21:35:15 น.
3.ซึ่งคำว่านาคก็มีตำนานว่า..เป็นผู้ติดหลับ?หรือติดในสมาธิ?ในระดับพวกฤาษีตาไฟในยุคพุทธกาล,ที่วันๆเอาแต่นั่งหลับตาสถานเดียว?นั่นแหละ(?)..
ดังนั้น.. พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เมื่อตรัสรู้แล้วจึงมีนัยยะของการต้องลอยถาดทองคำเพื่อให้ลอยทวนน้ำ?แล้วให้ไปจมลงที่วังบาดาลของพวกนาค?,ซึ่งมีพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆก็ได้เคยมาลอยถาดทองคำไว้แล้ว,ให้ไปกระทบกับถาดของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆจนมีเสียงดังกิ๊ก?,แล้วบรรดานาคซึ่งเอาแต่นอนในสมาธิ?แบบพวกฤาษีตาไฟ?ทั้งหลายก็จะพลันลืมตาขึ้นมา,แล้วพึมพำว่า..พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาในโลกอีกองค์แล้วรึ?.. พระพุทธเจ้าทำไมเกิดบ่อย,เกิดถี่เหลือเกิน?,รบกวนเวลานอนของเราชะมัด?..ประมาณนี้ครับ..
ดังนั้น..ผู้รู้ที่แท้จึงมักวิเคราะห์ว่า..บรรดานาคทั้งหลาย(ผู้มักหลับใหลในสมาธิ)จึงย่อมมิใช่โคตรเง่าของความเป็นพุทธ(คือความเป็นผู้ตื่น,รู้,ซึ่งแตกต่างจากความเป็นผู้หลับ)แต่อย่างใดเลย(?)..นั่นเอง(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:22:22:11 น.
4.และยังมีตำนานเล่าขานอีกเรื่องที่ว่า.. พวกฤาษีตาไฟ?(ที่เน้นแต่เรื่องสมาธิหลับตา?)บางองค์,ก็บำเพ็ญฌานฤาษีหลับตา?มานาน,ถึงขั้นมีฤทธิ์เดช,เหาะเหินเดินอากาศได้(ซึ่งจริงๆ..แม้ฌานฤาษี?ก็ไม่เที่ยง?,เสื่อมได้?,โดยเฉพาะเมื่อพบกับบริบทเรื่องทางเพศ?)..
ซึ่งมาสมัยหนึ่ง..ก็ลองเหาะไปดูเขตคามประเทศพาราณาสี?ดูบ้าง.. พอบินผ่านราชวังของพระราชา,ก็พลันไปเห็นนางสนมเปลื้องผ้าอาบน้ำ,ก็เลยทำให้สมาธิแตกซ่าน?(สมองวนอยู่ในกามเมถุน?,พลังจิต?,พลังสมาธิแบบฤาษี?จึงตกฮวบลงในทันที?),จนตกลงมา,และไม่สามารถตั้งสมาธิใหม่?(เพราะจิตครุ่นคิดในกำหนัดทางเพศ?อยู่ตลอดเวลา?),เพื่อจะเหาะกลับไปยังถ้ำที่พำนักได้.. จึงต้องใช้วีธีเดินเท้ากลับไป,ซึ่งชาวบ้านที่พบเห็นจึงพากันครหากันอื้ออึง,เป็นที่น่าอับอายยิ่งนัก(?)..
เท่าที่เราสังเกตดู..จะมีการให้มีคล้ายนางฟ้อนมารำถวาย,และตัวน้องที่เป็นข่าวก็มีอาการจ้องผู้ฟ้อน?อย่างจดจ่อ(?).. เราจึงมองวิเคราะส่วนตัวว่า.. จริงๆสมัยนี้..แม้เด็ก8-9ขวบก็น่าจะเริ่มมีเฮอร์โมนเพศ?ในระดับที่มลำเมลืองในจิต?,ในสมอง?ขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ(?).. อยากให้รอดูไปอีกสักหน่อย,ประมาณ4-5ปี..จึงจะพอรู้ว่า..ถ้าฮอร์โมนทางเพศ?เกิดขึ้นเต็มที่,ยังจะสามารถเอาชนะต่อเรื่องทางเพศ?ได้หรือไม่?.. ถ้าสามารถเอาชนะได้?,ก็อาจจะเป็นของแท้(?),แต่ถ้าพลาดถลำ?ในเรื่องทางเพศ?.. นั่นก็ต้องสรุปว่า..เป็นเพียงของปลอม?ที่ไม่ใช่ระดับอนาคามีกลับชาติมาเกิด?แต่อย่างใด?..อย่างแน่นอน?..นั่นเอง(?).. เพราะมนุษย์อาจหลงผิดในการบรรลุธรรม?หรือในตัวตนที่แท้จริงของตนเอง?โดยหลงผิดไป?ก็เป็นได้(?).. ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 27 เมษายน 2567 เวลา:22:30:44 น.
(แทรก5).. 1.เรื่องของการเรียกฝน,หรือการให้ฝนหยุดตกอะไรเหล่านี้,ที่มีการพูดกันในกรณีข่าวการเชื่อมจิตที่นางฟ้อนนำมาเล่า.. เราอยากแบ่งปันประสบการณ์ที่เคยสังเกต,เรียนรู้มาหลายแง่หลายมุม,เพื่อไม่อยากให้เกิดความเชื่อแบบตามๆกันไป(ที่งมงาย)เกินไป..
ซึ่งจริงๆ..ก็ยังไม่มีใครทำการพิสูจน์หรือวิจัยว่า..สิ่งแปลกๆนั้นเป็นเรื่องจริงแค่ไหน?,และเป็นได้ทุกครั้งเสมอไปหรือไม่?..
ทางคริสต์เราก็เคยเรียนรู้มาอยู่พักหนึ่ง,ก็พอทราบมาว่า.. พระเยซูเองก็เคยยกมือห้ามพายุในทะเลที่รุนแรงให้สงบลงได้,และเคยเรียกลูกศิษย์ให้เดินบนผิวน้ำมาหาพระองค์ที่อยู่บนเรือได้..
(แต่ก็เป็นแค่การยกตัวอย่างแค่บางตอน,บางครั้ง,ในคัมภีร์คริสต์..เท่านั้น..(คือคล้ายใช้ในเวลาคับขัน,จำเป็นเท่านั้น)(เหมือนกับที่ร่างกายจะหลั่งสารอดรีนาลีนในเวลาตกใจ.. เช่น..ไฟไหม้บ้านแล้วสามารถแบกตู้,แบกตุ่มได้เหมือนมีพลังพิเศษตามที่เคยได้ยินเล่าต่อๆกันมา..ประมาณนั้น)..
และยังเคยทราบมาว่า.. มีเด็กวัยรุ่นนักศึกษาในเกาหลีก็คล้ายสร้างความเชื่อให้กับตัวเอง,แล้วก็พยายามจะเดินบนผิวน้ำ,เพื่อจะข้ามแม่น้ำไป..(คล้ายว่าอยากทดลอง).. ในที่สุดก็ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวในแม่น้ำพัดจมหายไป.. เป็นต้น..
โดย: สมจิต IP: 27.145.111.14 วันที่: 29 เมษายน 2567 เวลา:7:56:23 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ผักกาดดองเน่า
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add ผักกาดดองเน่า's blog to your web]
Bloggang.com