space
space
space
<<
สิงหาคม 2566
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
5 สิงหาคม 2566
space
space
space

แฉคนละหมัด ชูวิทย์ VS เศรษฐา งานนี้มีเบื้องหลังหรือไม่?
หลังจากที่ คุณ “ชูวิทย์” แฉ “แสนสิริ” เลี่ยงภาษีที่ดิน 521 ล้านบาท ว่าเข้าข่ายนิติกรรมอำพราง และตนเชื่อว่า ในขณะนั้น นายเศรษฐา ขณะดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ และต้องรู้เห็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน

กระแสตีกลับหลังสื่อพบปมปัญหาบาดหมางในอดีตของทั้งคู่ !!!
หลังจากที่ คุณชูวิทย์ ออกมาแฉได้ไม่นาน ก็มีแหล่งข่าวออกมาตั้งคำถามว่า “แฉเพื่อใคร”
เพราะดันปรากฏข้อมูลว่า ทั้งคู่มีเรื่องกันในสมัยที่คุณชูวิทย์ต้องการขายที่ดินย่านสขุมวิท 24  ซึ่งมีพื้นที่กว่า 500 ตารางวา บริเวณหลังโรงแรมเดวิส บางกอกนั่นเอง ซึ่งในขณะนั้นมีการเจรจาขายให้กับบริษัทแสนสิริ จำกัด มหาชน เมื่อกลางปี 2565ที่ผ่านมานั่นเอง แต่ไม่สามารถปิดดิวได้
เนื่องจากแสนสิริเองไปพบว่าที่ดินผืนดังกล่าวยังมีปัญหาผูกมัดด้านกฎหมาย ที่ดินผืนนี้เคยเสนอขายให้กับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่งและวางมัดจำให้นายชูวิทย์แล้วเป็นจำนวน 400 ล้านบาท และต่อมาบริษัทดังกล่าวไม่สามารถชำระเงินที่เหลือได้ นายชูวิทย์จึงได้ริบเงินมัดจำส่วนนั้นและหันมาเจรจาขายให้กับ แสนสิริต่อนั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้จบไม่ดีนั่นก็เพราะ แสนสิริตรวจพบว่า นายชูวิทย์ต้องไปยกเลิกสัญญาเดิมกับบริษัทที่เจรจาซื้อขายก่อนหน้า เพราะหากไม่ได้ยกเลิกสัญญา ก็จะมีปัญหาภายหลัง เพราะนายชูวิทย์เป็นคนแจ้งยกเลิกสัญญาแต่บริษัทดังกล่าวไม่มีหนังสือตอบรับใดๆซึ่งในทางกฎหมายเท่ากับการยกเลิกสัญญานั้นยังไม่สมบูรณ์ และประเด็นใบอนุญาตก่อสร้างที่ได้มากว่า 20 ปี และจำเป็นต้องต่อทุกปี แต่ไม่มีเอกสารยืนยันแต่อย่างใด เรื่องนี้ทำให้บริษัทอย่างแสนสิรินั้นไม่ตกลงซื้อขายที่ดิน จนทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างสองนักธุรกิจในตอนนั้น จึงเกิดการตั้งคำถามว่า การออกมาแฉในครั้งนี้เกิดจากการที่ตนเองนั้นมีปมบาดหมางกับนายเศรษฐา มาก่อน หรือต้องการแฉเพื่อชาติอย่างแท้จริง 
 

 
ภาพลับถูกโยงอีกครั้ง!!!
ทั้งนี้ยังมีการเปิดเผยภาพถ่ายที่นายชูวิทย์ร่วมวงกับลุงตู่และนักการเมืองชื่อดังอีกหลายท่าน เผยแพร่ออกมาอีก ทำให้กระแสตีกลับอีกครั้งว่า การแฉครั้งนี้มีใบสั่งหรือไม่ 
 
หากมองในมุมที่ไม่มีเบื้องหลังบอกเลยว่านายชูวิทย์มาถูกทางแล้วที่ช่วยประเทศชาติ รักษาผลประโยชน์นั้นถือเป็นเรื่องดีที่หน้ายกย่อง แต่หากมีเบื้องหน้าเบื่องหลังก็อาจจะทำเพื่อการชิงพื้นที่บนหน้าสื่อก็เป็นได้ 
 


Create Date : 05 สิงหาคม 2566
Last Update : 5 สิงหาคม 2566 17:43:13 น. 74 comments
Counter : 525 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณ**mp5**


 
“นักธุรกิจการเมือง”(บางคน)เขาไม่เคยคิดว่า จริงๆประชาชนส่วนมากดูลักษณะความ”เหลี่ยมกล”จากใบหน้า,ท่าทาง,แววตาของเขาออกทั้งหมด แต่อาจมีเพียง”นักธุรกิจการเมืองบางคน”ที่พอฉลาดรู้ได้บ้าง แต่เพราะเขาคิดว่า เขามีกลุ่ม,มีพวก,มีทรัพย์,มีอิทธิพลมากพอ เขาจึงไม่ได้คิดแคร์ต่อความรู้สึกของประชาชนแต่อย่างใดเลย “คนการเมืองบางคนนี้”.. เขาอาจคิดประมาณว่า.. ถึงประชาชน”อ่านใจ”ฉันออกว่า"ฉันมุ่งหมายอะไร?” แต่ฉันก็ไม่แคร์ไง? ก็ประชาชนต่อให้รู้เท่าทันฉัน แล้วจะมาทำอะไรฉันได้ ก็เป็นแค่ประชาชนทั่วไป ประมาณนั้น.. เรา(และอีกหลายๆคน)ก็”รู้เท่าทันนักธุรกิจการเมือง”ได้เท่าๆกับ”ชูวิทย์” แต่เพราะ”ชูวิทย์”มีทั้งประสบการณ์จริง,มีเทคนิค,มีไหวพริบ,มีทรัพย์เพียงพอที่จะต่อสู้,และยังมีความกล้าสูงมาก เขาจึง”แฉเพื่อชาติ”ได้อย่างน่ายกย่อง.. ต้องขอขอบคุณ”คุณชูวิทย์”ที่คุณช่วยทำหน้าที่แทนเราหลายๆคน ที่ไม่มี”กำลัง,ความพร้อมต่างๆ”พอที่จะทำแบบคุณได้..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 17 กันยายน 2566 เวลา:6:24:39 น.  

 
หลังจากดูข่าว”กำนัน”(บางท่าน)และ”ลูกน้องกำนัน”(บางคน)แล้ว. ก็ได้ข้อคิด,ข้อวิตก,ข้อวิเคราะห์,วิจัย,วิจารณ์ดังนี้..
(1)“สังคมไทยเสื่อม”เพราะ”ผู้ใหญ่ทรงคุณวุฒิในสังคม”(บางส่วน)ต่าง”เอาหูไปนา,เอาตาไปไร่?”กันซะมาก?.. ไม่มีใครอยากยุ่ง,สนใจกับเรื่อง”อาชญากรรม”และ”ความฉ้อฉล”ในสังคมเรา.. ว่าเกิดมาจากอะไร?(เช่น.. จากสุรา,ยาเสพติด,การพนัน,คอร์รัปชั่น,อื่นๆ,แล้วมีการ”ฟอกเงิน”กันอย่างกว้างขวาง?..ใช่หรือไม่?).. พอมี”ข่าวอาชญากรรมบางข่าว”.. เช่น.. พ่อไปทำอาชญากรรม,โซเชี่ยลวิจารณ์พ่ออย่างหนัก,ลูกก็เลยพาลไม่กล้าไปโรงเรียนไปเลย.. นี่คือผลกระทบในสังคม,จริงๆลูกอาจไม่ได้มีส่วนกับสิ่งที่พ่อได้ทำไป,ที่สังคมประณาม.. แต่ถ้าคิดเรื่อง”กรรมของพุทธ”,ก็คืออาจมี”กรรมร่วมกับพ่อ”จึงมาเกิดกับ”ครอบครัวนี้”,จึงต้องร่วมรับผลด้วย..ประมาณนั้น.. โดยเฉพาะถ้าเป็น”เพศหญิง”.. สังคมไทยโดยมาก,”เพศหญิง”มัก”ถูกครอบงำ”ทั้งทาง”ความคิด”และ”เชิงอำนาจ”จาก”เพศชาย”ที่เป็นคนใกล้ชิดกันทั้งนั้น.. ในเชิงวัฒนธรรมสังคมในยุคที่ผ่านมา,จึงไม่นิยมที่จะให้”หญิงเป็นหัวหน้าหน่วยงาน”ที่ต้อง”ควบคุมอำนาจ”ใน”ระดับสูงต่างๆ”(เพราะมองว่า..”จิตหญิงไม่เที่ยง,ไม่หนักแน่น,มักโอนเอียงตามคำพูดของเพศชายที่ใกล้ชิดได้ง่าย)..นั่นไง(?).. โดยมาก..สังคมไทยมัก”ให้เกียรติ,ยกย่อง,กระทั่งเกรงกลัว”ต่อ”คนมีเงินมาก”หรือ”มีฐานะร่ำรวย”.. คนจึงพากัน”แสวงหาทรัพย์”ไว้มากๆ,เพื่อให้คน”เคารพยำเกรง”หรือ”เกรงใจ”.. เฉพาะ”ผู้ชาย”หาทรัพย์มาเพื่อ”เอาใจหญิง”(ที่เป็น”คู่ครอง”),ซี่งบางส่วนก็เป็น”ทรัพย์สีเทาๆ?”.. บางทีก็มี”ภรรยาหลายคน”,บางคนก็มีไว้เพื่อ”ฟอกทรัพย์นั้น?”(และ”สื่อบางส่วน”อ้างว่าเป็น”เรื่องส่วนตัว”,ไม่ขอยุ่งเกี่ยวหรือวิเคราะห์วิจารณ์ใดๆ,แต่จริงๆไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย,เพราะ”เด็ดดอกไม้ย่อมสะเทือนถึงดวงดาว”..นั่นไง?)..(ต่อที่2)


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 17 กันยายน 2566 เวลา:6:50:55 น.  

 
(2)ส่วน”หญิง”(บางส่วน,จำนวนไม่น้อย)มักไม่ได้ดู”ผู้ชายที่จะมาแต่งงานด้วย”อย่างละเอียด,ขอแต่”ผู้ชายมีทรัพย์,มีสถานะทางสังคม”,ก็มักจะ”ยินดี,ปรีดา”,แม้รู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว,และจะไม่”จดทะเบียนสมรสกับตัวเอง”ก็ยังยอม(?).. คือเชิงการมองของสังคม,มักมองว่า”เพศหญิงไม่ได้มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมเพศชาย”(เหมือนดังที่”หลักสิทธิมนุษยชน”เขากำหนดไว้).. คือขอให้”ผู้ชาย”มีปัญญาหาเงินมา”เลี้ยงดูเธอและลูก”ให้”มีความสุข,มีหน้ามีตา,ต่อสังคมแวดล้อม”(ไม่ว่าเงินนั้นจะได้มาอย่างไรก็ตาม?..),เธอก็มักยินดี,ไม่ปริปากพูดอะไร?(ตามคติ..ประมาณว่า..”ภรรยารังแกฉัน?”..ประมาณนั้น?).. เราจึงพบว่า..”อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในสังคม,โดยมาก..”ผู้ก่ออาชญากรรม”มักมี”ภรรยา”เป็นตัวเป็นตนกันทั้งนั้น.. ซึ่งก็จะมีคำถามว่า..แล้วทำไม”หญิง”จึงยอมให้กับ”สามี”?,หรือยอม”อยู่ร่วมชีวิตกับสามี”ที่เป็นคนยุ่งเกี่ยวกับ”อาชญากรรมต่างๆ”เช่นนั้น?..(แม้กระทั่ง..”เซเล่บบางท่าน”,และ”ดาวระยิบฟ้าบางดวง?”ด้วยก็ตาม..ก็ยังมีปรากฏตาม”หน้าข่าว”อยู่บ่อยๆ?) นั่นเพราะ”ชายมีอำนาจครอบงำหญิง”ให้”ยอมรับตนเองได้”..นั่นเอง(?).. และ”หญิง”(บางส่วนหรือส่วนมาก)เมื่อ”คลุกคลี,หรือทำงานร่วมอยู่ใกล้ชาย”,ก็มักตกอยู่ภายใต้”อำนาจการชี้นำของชาย?”ไปโดยอัตโนมัติ,ตามธรรมชาติ(ของ”หญิง-ชาย?”)..นั่นเอง????..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 17 กันยายน 2566 เวลา:6:55:17 น.  

 
ช่วงนี้ดู"ข่าว2ข่าว"คล้ายกันคือ"จับคอร์รัปชั่น"..1.เจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายท่านหนึ่ง 2.ผู้นำทองถิ่นท่านหนึ่ง.. รู้สึกประทับใจ"ตำรวจในยุคนี้"จังเลย.. อยากยกย่อง"ตำรวจไทยยุคนี้".. ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่พูดคำว่า.."ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้".. เรายอมรับว่า.."คำพูดนี้..น่าจะจริงที่สุด".. ขอสดุดี.."พึงรักษาความดีนี้..ประดุจดั่งเกลือที่รักษาความเค็ม"(นะจ๊ะ)..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 22 กันยายน 2566 เวลา:20:52:08 น.  

 
อยากขอเสนอกับ”สส.ในสภา”ว่า.. ให้ช่วยแก้ไข”ข้อกฎหมาย”.. เฉพาะสำหรับ”ผู้(เคย)ให้สินบน”แก่”เจ้าหน้าที่ต่างๆบางส่วน”และ”นักการเมืองบางส่วน”.. โดยขอให้แก้กฎหมายว่า.. ให้"ยกเว้นโทษ"เฉพาะกับ"บุคคลใด”ที่มีสำนึก"อยากช่วยชาติ”ให้ปราศจาก”การคอร์รัปชั่น”.. ถ้าท่านเคย”ให้สินบน”มาก่อน..แต่ถ้าเข้ามา”แจ้งเบาะแส”,ก็จะถูกกันไว้เป็นพยาน..โดยจะ”งดการลงโทษใดๆ”กับ”ผู้ที่เคยให้สินบน”กับ”เจ้าหน้าที่บางส่วน”หรือ”นักการเมืองบางส่วน”นั้นๆ.. อย่างนี้ดีมั้ยครับ?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 22 กันยายน 2566 เวลา:21:09:49 น.  

 
และอยากขอให้”นักจิตวิทยา”เข้ามาช่วย”เสนอกฎหมาย”แก่”สภา”ว่า.. ให้”เจ้าหน้าที่และนักการเมืองทุกภาคส่วน”(ควร)ต้องมี”หลักจริยธรรมสำคัญ”คือต้องมี”ภรรยาเพียงคนเดียว”(ไม่ว่าจะ”ปกปิด”หรือ”เป็นที่เปิดเผย”ก็ตาม).. เพราะจะเห็นว่า..ตามข่าวที่พบเห็นในสังคม.. อาจสามารถสรุป(โดยพิจารณาตาม”หลักจิตวิทยามนุษย์”ในเรื่อง”ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูภรรยา”ที่ต้อง”เพิ่มมากขึ้น”,เมื่อมี”ภรรยาหลายคน”ด้วย)ได้หรือไม่?.. ว่า”การมีภรรยาหลายคน”มี”ความสัมพันธ์”กับเรื่อง”การทุจริต,คอร์รัปชั่น(?)”ใน”วงราชการ(?)”และ”ทางการเมือง(?)”อย่างมี”นัยสำคัญ”..ด้วยหรือไม่?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 22 กันยายน 2566 เวลา:21:33:48 น.  

 
จะสังเกตว่า..“สังคมไทย”มี”ข่าวและข้อครหา”ในการใช้การ”ตัดสินใจ”ของ”เจ้าหน้าที่บางตำแหน่ง”เสมอมาว่า.. การใช้”ดุลพินิจ?”ของ”บุคคลเพียงคนเดียว”ซึ่งเป็น”ระบบเจ้าหน้าที่กลางน้ำ”นั้นเป็น”ต้นเหตุ”หรือ”ถูกใช้เป็นข้ออ้าง”กับ”ผู้ทำผิดกฎหมาย”ในการ”เรียกรับเงิน”เพื่อ”ตัดตอน,ล้มเรื่องต่างๆ”หรือไม่?.. แล้วจะเช็ค”ความถูกต้อง”ของ”ระบบเจ้าหน้าที่กลางน้ำ”ได้อย่างไร?.. เมื่อวันก่อนที่มีการจับ”เรียกรับเงินผู้ทำผิดกฎหมาย”จาก”เจ้าหน้าที่บางท่าน”ก็ได้ใช้”ข้ออ้าง”ว่าจะเอาไปเคลียร์กับ”เจ้าหน้าที่กลางน้ำ”เช่นเดียวกัน(?).. แล้วอย่างนี้”สังคมเรา”จะทำอย่างไรกันดี?.. เราอยากเสนอให้ใช้”ระบบคอมพิวเตอร์”ซึ่ง”ยุคนี้”มีความพัฒนาให้”ทำงานแทนมนุษย์”ได้สูงมาก(ซึ่งปลอดจากอคติ?,และคอร์รัปชั่น?),โดย”ป้อนข้อมูลเรื่องคดีความ”ให้”ละเอียด”เพื่อใช้แทน”ดุลพินิจ”ของ”ตัวบุคคลแค่บุคคลเดียว”..จะทำได้หรือไม่?.. และจะดีกว่าใช้”ตัวบุคคล”หรือไม่?.. ขอฝากให้”สังคม”ช่วยกันคิดด้วยครับ?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 22 กันยายน 2566 เวลา:22:44:22 น.  

 
(“ความไม่เท่าเทียม”ใน”สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่”ของ”สังคมไทย”).. เราได้ดูรายการ”สามัญชนฯ,17-9-66”ตอน”ชานชราสุดท้าย”ของ”ช่องสาธารณะ”.. มีภาพของ”ยายอายุ56ปี”,ผมสีดอกเลาแล้ว,ไปรอ”รับแจกเงิน”ใต้”ทางด่วน”เพียง”เงิน50บาท”เท่านั้น.. ดูแล้วชวนให้คิด.. ถ้า”สังคมมีระบบดี?”.. ประชากรต้องไม่เป็นอย่างนี้(เพราะ”ประเทศไทย”มี”ทรัพยากรร่วมกัน”อยู่มากมาย?).. มีคนพูดถึง”ชาวสแกนดิเนเวีย”,มองว่า..”ระบบเขาดี”,คนของเขาค่อนข้าง”เท่าเทียมกัน”,มี”สวัสดิการรัฐ”ที่ดี,มีเงินให้ไปท่องเที่ยวในแต่ละปี.. แต่”สังคมไทย”ทำไมจึงมี”คนรวยที่รวยล้นฟ้า”เพียงแค่”ไม่กี่คน?”( =”ยอดปีรามิด”),แต่”คนที่รอรับเงินแจก”แค่”50บาท”มีอยู่ทั่วประเทศ?( =”ฐานปีรามิด”).. เคยมี”นักบวชพุทธบางสำนัก”พูดถึงประมาณว่า.. “ไม่มีคนที่มีฐานะร่ำรวยคนใด(?),ที่จะไม่มีกิจการหรือบรรพบุรุษที่ได้เปรียบจากสังคมมาก่อนเลย(?)”..ประมาณนี้.. และหลายครั้ง,หลายกรณี.. มีข้อน่าคิดว่า..”คนที่มีปัญหาชีวิตหลายคน”(บางคนถึงกับตัดสินใจ”คิดไม่ยาว,ตัดช่องน้อย”ไปแล้วก็มี?),ที่ทำไมต้องรอให้”สื่อบางสื่อ”เอา”ชีวิตที่ลำเค็ญ?หรือพิการ?”มา”นำเสนอต่อสาธารณะ”,แล้ว”เปิดบัญชีขอรับบริจาค?”.. แล้ว“คนไทย”ก็ล้วนใจดี,พากัน”บริจาคผ่านบัญชี”ไปให้,จน”บางราย”ได้รับ”เงินบริจาค”อย่างมากมาย,ยังกับ”ถูก”รางวัลที่หนึ่ง”จนอาจ”เปลี่ยนแปลงฐานะ”รวยกว่า”ผู้ที่บริจาคให้”เสียอีกไปเลย(?).. แต่กลับไม่มีใครคิดว่า..ยังมี”คนลำบาก?”หรือ”คนพิการ?”(รวมทั้ง”ผู้ป่วยติดเตียง”,และ”คนไร้บ้าน”ที่อยู่ใต้สะพาน,ทางลอดต่างๆ”ที่ยัง”ไม่เป็นข่าว”ยังคงไม่ได้รับ”ส่วนเฉลี่ย”จาก”เงินบริจาค”ที่ให้กับเฉพาะ”บางรายที่เป็นข่าว”มาให้กับพวกเขาบ้างได้หรือไม่?.. เราอยากให้”ออกกฎหมาย”ว่า..ให้”คนที่ประสงค์อยากบริจาค”ให้กับ”ผู้ทุกข์ยาก”,ให้”บริจาคได้เฉพาะใน”บัญชีของรัฐ”แบบ”รวมศูนย์”ได้เท่านั้น(?)(ห้าม”เปิดบัญชีเฉพาะรายใดรายหนึ่ง”โดยเด็ดขาด?).. และให้นำไปเฉลี่ยให้”ผู้ทุกข์ยากลำบาก,พิการ,จรจัด”อย่าง”ทั่วถึง,เป็นธรรม”..ดีหรือไม่?..(เพราะเราไม่อยากเห็นว่า..”สังคมนี้”ตรงกับ”คำพังเพย”ที่ว่า”ฝนตกไม่ทั่วฟ้า”..นั่นเลย?)..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 23 กันยายน 2566 เวลา:4:39:46 น.  

 
(ความคิดเห็นส่วนตัว).. ช่วงนี้”สังคมไทย”มักมีการฟ้องร้องกันมาก.. เรามองว่า.. “สังคมใด”ก็ตาม.. ที่มี”การฟ้องร้อง?”กันมากเกินไป?..(โดยเฉพาะเรื่อง”หยุมหยิม,สัพเพเหระ,มโนสาเร่?”ซึ่งควรมองแบบ”ใจนักเลง”ว่า”ขอกันกินมากกว่านั้น?”น่าจะดีกว่า?)(ส่วนหนึ่งอาจมาจาก”ความนิยม”ในการติดตามดู”ซีรี่ส์ละครต่างๆ”ใน”สื่อบางส่วน”ที่ต้องคอย”ติดตามดู,ติดตามลุ้น”ว่าเมื่อไหร่”ฝ่ายพระเอก,นางเอก”จะได้รับ”ชัยชนะในตอนจบ”จากการ”ถูกกลั่นแกล้ง”เสียที?..ก็เป็นได้?).. ซึ่งจะทำให้”สังคมนั้น”ไม่เจริญรุดหน้าเท่าที่ควร? ,เสียเศรษฐกิจ?(อาจได้ประโยชน์เฉพาะ”ผู้รับงานด้านกฎหมาย?”ทั้งหลายเท่านั้น(?),ที่จะมี”ฐานะดีขึ้น?”และ”มีงานมากขึ้น?”..หรือไม่?).. แต่”เศรษฐกิจโดยรวม”น่าจะแย่ลง(?).. เพราะ”การฟ้องร้องแต่ละคดี”เสียเวลามากๆ,เสียค่าใช้จ่าย,เหน็ดเหนื่อยกับการต้อง”เดินทางไปศาล”แล้วๆเล่าๆ,เป็นปีๆ,และเสีย”สุขภาพจิต”ในการ”รอผลของคดี”ซึ่งมีถึง”3ชั้น”ซึ่งอาจใช้เวลาใน"บางคดี"ถึง”10-20ปี”ก็ยังมี(?)[“สังคมเรา”จึงไม่ควร”ส่งเสริม,เร่งเร้า",หรือมีการ”ถามนำ”โดย”สื่อบางส่วน”เพื่อให้มี”การฟ้องร้อง”ใน”เรื่องเล็กๆน้อยๆ”(เช่น..การ”พูดหมิ่นกันไป-มา?”)มากจนเกินไป(?)].. จะสังเกตว่า.. “คนเชื้อสายจีนแต่ดั้งเดิม”,ทำไมเขาจึงมีความ”เจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ”มากกว่า”คนไทย”.. เพราะ”DNAทางสมองของเขา”ได้รับ”การปลูกฝังจากบรรพบุรุษ”มาดังนี้คือ.. “ถ้าจะให้เป็นความกัน..สู้กินอุจจาระดีกว่า”..ประมาณนี้ครับ.. “คดีที่อาจจำเป็นต้องมีการฟ้องร้อง”คือ”คดี”ที่เกี่ยวกับ”การคอร์รัปชั่น”ซึ่งเป็น”ผลประโยชน์ของส่วนรวม”,และ”คดี”ที่เป็น”อาชญากรรม”และ”อาชญากรรมต่อเนื่อง”ที่มี”ความรุนแรง”และ”ร้ายแรง”,สร้าง”ความเสียหายต่อสังคม”เท่านั้น.. แม้แต่”คดี”ที่เกี่ยวกับการ”ละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรต่างๆ”,เราก็ไม่อยากให้มี”การฟ้องร้อง”กันเลย(?).. เพราะมีส่วน”บั่นทอนความคิดริเริ่ม?”ของ”เด็กรุ่นใหม่”ในการ”เริ่มทำมาหากิน”ของ”คนไทย”(ซึ่งเป็นการ”บั่นทอนเศรษฐกิจโดยรวม”เป็นอย่างมาก?).. แต่ถ้ามีการ”ละเมิดจริง?”.. น่าจะใช้หรือให้มี”หน่วยงาน”ที่เข้าไป”ชี้แนะก่อน”(โดยยังไม่ต้องเอาโทษ?)..โดยขอให้”ยุติ”หรือ”เปลี่ยนแปลงรูปแบบ”ให้ต่างจาก”ต้นแบบของผู้ริเริ่ม”,ดูน่าจะสร้างสรรค์กว่า,ซึ่งไม่ควรให้มี”กฎหมาย”ที่เอื้อให้”เกิดประโยชน์?”กับ”เจ้าของลิขสิทธิ์?”ที่มากล้นจนเกินไป?,จนอาจกลายเป็น”การคิดหารายได้?”เพื่อ”สร้างความร่ำรวย?”อีก”วิธีการหนึ่ง(?)”..ไปนั่นเลย?..หรือไม่?..ใช่หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 171.97.73.196 วันที่: 24 กันยายน 2566 เวลา:13:29:32 น.  

 
“สังคม”ที่”ผู้ใหญ่ๆในสังคม”ไม่ค่อยกล้า”แสดงความเห็นใดๆ”,เพราะ”กลัวเปลืองตัว?”หรือ”กลัวทัวร์ลง?”.. แล้วคุณจะคิดอย่างไร?.. ถ้า”ยุคการเมืองกีฬาสี”,อาจมี”บางคน,บางกลุ่ม”ไป”เป่านกหวีด”เพื่อขับไล่”คนบางคน”ที่อยู่”คนละข้างทางการเมือง",และกรณีที่มี”คนบางคน”ไล่”คนบางคน”ออกจาก”ร้านอาหาร”เพราะ”เหตุผลทางการเมือง”.. ว่ามันก็ดูเป็น”บริบทคล้ายๆกัน”?..หรือไม่?(มี”สื่อบางท่าน”ของ”บางช่อง”พูดเหมือนมองเรื่อง”จริยธรรม”ประหนึ่งว่า.. “ตนเองพูดอย่างเป็นกลาง?”,แต่ไม่สำรวจ”ตนเอง”ว่า..ที่”ตนเอง”มักวิเคราะห์เพื่อ”ประโยชน์”ให้กับ”การเมืองบางฝ่าย”นั่น..เพราะ..ตนเองยังต้องพึ่งพา”ค่าจ้าง”จาก”เจ้าของสื่อบางสื่อ”ที่อิง,เกี่ยวพันอยู่กับ”กลุ่มการเมืองบางฝ่าย?”..หรือไม่?.. ธรรมดา”การรับค่าจ้าง”จาก”ใคร?”,ก็ต้องพูดอวย”นายจ้างคนนั้น?”..จะพูดอย่างไร?,ก็ดูจะไม่มีน้ำหนักซักเท่าไรหรอก?.. ใช่หรือไม่?).. เช่นเดียวกัน.. การที่”บางคน”มักอ้างว่า..จำเป็นต้อง”ประกอบอาชีพ?”ใน”บางอาชีพ?”ที่”สังคมไทยไม่ยอมรับ?”นั่นเพราะเหตุผลว่า..ต้อง”ดิ้นรน,หาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว?”สารพัดเหตุผล?นั้น.. เป็นสิ่งที่”ผู้ใหญ่ในสังคม”ควรออกมา”แสดงเหตุผล”ว่า”ควรยอมรับได้หรือไม่?”?.. แต่ทำไมไม่คิดว่า.. น่าจะออกมาเรียกร้องให้”รัฐบาล”(ไม่ว่า”คณะรัฐบาลไหนๆ?”ก็ตาม)ว่า..ควรจัดสรร”ระบบรัฐสวัสดิการ”แบบ”กลุ่มสแกนดิเนเวีย”ที่แม้”ตกงาน,ไม่มีรายได้?”ก็สามารถทำเรื่องขอ”เบิกเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ”จาก”รัฐ”เนื่องจาก”การตกงาน”จาก”ทางรัฐบาล”ได้[[โดยไม่จำเป็นต้องอ้างว่า.. ต้องยอมทำ”อาชีพที่ไม่ถูก(ผิด)หลักศีลธรรม?”(บางอาชีพ)นั้นๆ.. ที่ทำให้”ค่านิยมทางศีลธรรม”เสื่อมถอยลงไป?,และยังอาจเป็น”ตัวอย่าง”ให้แก่”ลูกหลาน”,หรือ”เยาวชนรุ่นหลัง”ที่จะทำตาม,เพราะมี”ต้นแบบ”ที่ทำให้ดูไว้ก่อนอยู่แล้ว?]].. อย่างนี้ดีหรือไม่?..(ยังคงอยากย้ำเรื่อง”ความเหลื่อมล้ำ”ของ”สังคมไทย”.. ขณะที่”คนบางคน,บางกลุ่ม”ต้อง”ประกอบอาชีพที่ไม่เหมาะกับหลักศีลธรรม”เพราะเหตุอ้าง”ความยากจน,ไม่มีทางออก?”.. แต่อีก”หลายคน,หลายกลุ่ม,หลายตระกูล?”ซึ่งอยู่”ยอดปีระมิด?”,กลับมี”สถานะรวยล้นฟ้า?”,ใช้อีก10ชาติก็ไม่หมด?.. “สังคม”จึงควรช่วยกัน,หาทางลด”ความเหลี่อมล้ำเหล่านี้?”ลงบ้าง?บางส่วน?..ดีหรือไม่?)..


โดย: สมจิต IP: 124.122.15.47 วันที่: 1 ตุลาคม 2566 เวลา:16:43:32 น.  

 
วันนี้ได้ชมรายการ”เรื่องเล่าฯ”(13-10-66)เรื่อง”ยันฝึกตามหลักสูตร”.. เราอยากบอกว่า..เรารู้สึกส่วนตัวว่า.. “ระบบของสังคมเรา”มีความไม่เท่าเทียมจริงๆ.. เพราะเราไม่เคยเห็นว่า.. “ลูกของเซเล่บ?”หรือ”ดาราหนุ่มๆ?”(บางส่วนหรือส่วนมาก)ทั้งหลาย,จะเคยมีปัญหาจากการ”เข้ารับการฝึกต่างๆ”ใน”ระบบของรัฐ?”แต่อย่างใดเลย(?) .. “ส่วนมาก”,ผู้ที่มี”ปัญหาในการฝึกหนัก”ถึงเจ็บ,ถึงเสียชีวิตนั้น,มักเป็นกับ”ลูกชาวบ้านระดับล่างถึงปานกลาง?”กันทั้งนั้น(?).. เราจึงอยากขอเสนอแนะว่า.. เคยเห็นมั้ย?.. “นักมวย”เวลาชกแล้วล้ม,พอลุกขึ้น,”กรรมการห้ามมวย”จะมีการถามโดยการ”นับ1-10”เชิงถามว่า”ไหวมั้ยๆ?”,ถ้า”นักมวยยังไหว”ก็จะ”ผงกหัวหลายๆครั้ง”ทำนองตอบว่า”ยังไหวหรือไหวครับ”..ประมาณนั้น.. แล้ว”กรรมการ”ก็จึงจะตัดสินใจให้”ชกต่อ”ได้.. แต่ถ้าไม่มีการ”ตอบสนองใดๆ”,ปล่อยให้”กรรมการนับจนครบ10”,”กรรมการ”ก็จะ”ยุติการชก”ไปเลย..ประมาณนี้ครับ.. เราเองก็เคยฝึก”วิชาทหาร”มาเช่นเดียวกัน,จะมีช่วงหนึ่งที่ให้”ข้ามห้วย”ด้วย”สลิงเหล็ก2เส้น”,เราตัวสูงไม่มาก,คนที่สูงกว่าอยู่ขนาบ,เหมือนจะคอย”ยกสลิง”ให้”เหมาะแก่ตัวเอง”,จนทำให้เราเกือบไม่สามารถ”เหยียบสลิงเส้นล่าง”ได้,ตอนนั้นก็เกือบจะตกห้วยไปเลย(ซึ่งก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วยอีก?),แต่ก็โชคดีที่ผ่านมาได้,แต่ระดับ”วิชาทหาร”ก็ดูเหมือน”บทฝึกยากๆ”.. เช่น.. “ว่ายน้ำ”ก็จะมีประกาศว่า.. ถ้าใครว่ายไม่เป็นก็ไม่ต้อง..ประมาณนี้..ก็ถือว่ายังดีอยู่บ้าง.. เราก็จึงเห็นว่า.. “ครูฝึก”(บางส่วน)ควรให้การ”ดูแล,ห่วงใยทหารใหม่”เหมือนกับเป็น”พี่น้องหรือลูกหลาน”,คอยถามไถ่ว่า”ไหวมั้ย?..ถ้าใครรู้ตัวว่าไม่ไหวจริงๆ,ก็ให้ขออนุญาตพักการฝึกได้”..ประมาณนี้ครับ..(เพราะโดยทั่วไป,มนุษย์มีศักดิ์ศรีทุกคน,ที่อยาก”ผ่านการฝึกให้ได้”เหมือนกับเพื่อนๆ,ถ้าไม่หนักจริงๆ,ก็คงไม่มีใครอยาก”ขอหยุดพักกลางครัน?”..หรอกครับ?.. ...ด้วยความเคารพทุกท่านครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:10:40:33 น.  

 
(A)วันนี้ได้ดู”รายการข่าว”หัวข้อ”สุดช้ำ! ยายอายุ75ปี ถูกหลอกให้รัก”(11-10-66).. มี”ความเห็นและข้อแนะนำ”ดังนี้.. เราส่วนตัวเคยฝึกเกี่ยวกับเรื่องการ”นั่งสมาธิต่างๆ”.. ตอนหลังพยายามฝึก”อ่านจริต,สายตา,ท่าทีของคน”และ”น้ำเสียงในการพูดจาต่างๆ”ก็รู้สึกว่า..ตนเองพอจะอ่านออกว่า..”บุคคลท่าทีอย่างไร?,พูดจาอย่างไร?”,แล้ว”มักจะเป็นคนอย่างไร?”ได้ไม่ยากนัก..


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:15:29:48 น.  

 
(B)และเมื่อได้ชมข่าวสาร”การล่อลวงต่างๆ”,จึงมานั่งคิดวิเคราะห์”ว่า..ทำไม”คนหลายๆคน”(แม้แต่คนที่อยู่ใน”วงการสื่อสาร,เล่าข่าวต่างๆ”..ก็ยังมีด้วย),ก็ยังสามารถ”ถูกล่อลวง”จาก”มิจฉาชีพ”หรือ”แก๊งคอลฯ”ได้ด้วย(?).. ซึ่งหลายๆกรณี..ก็มักเกิดจาก”ความโลภ(?)”ที่”อยากได้เงินแบบง่ายๆ?”จาก”ผู้ชักชวนลงทุนต่างๆ?”นั่นหนึ่งประการ.. ทำให้คล้ายมึนงง,ตามัวไปชั่วขณะนั่นก็1อย่าง.. และมีบางกรณีถึงกับเป็นเหตุให้เกิดเหตุถึงกับต้อง”ทำร้ายคนในครอบครัวไปถึง3-4คน?”ก็ยังมี..


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:15:38:32 น.  

 
(C)ซึ่งใน”เค้สบางเค้ส”นี้,จะมีวีธี”การหลอก”ทำนองว่า..ขั้นแรกพอ”เหยื่อ”ลอง”ลงทุนน้อยๆ”แล้ว”ได้เงินคืน”หรือ”ได้กำไรปันผล”(ตามที่บอกไว้)ใน”ระยะเวลาที่รวดเร็ว”ก็เป็น”หลักจิตวิทยา”ที่”จูงใจให้เชื่อถือ”ไว้ส่วนหนึ่งก่อน.. ต่อมาเมื่อเริ่มขยับ”เงินลงทุนสูงขึ้น”,ก็เริ่มจะมี”ผู้ล่อลวง”ที่อ้าง”เหตุนู่นนี่?”เพื่อ”ชะลอการจ่ายเงินตามที่บอกไว้?”,ในเวลาที่”เหยื่อ”ต้องการที่จะ”ถอนเงินออก”ว่า..มีเรื่อง”ทำรายการผิดพลาด?”,จะต้องมี”เงื่อนไขต่างๆ?”ตามมา,ฝ่าย”เหยื่อ”นั้น,เมื่อได้”เสียเงินไปจำนวนเล็กน้อยบางส่วน”แล้ว(แม้”บางราย”จะเริ่มไหวตัว,รู้ว่าน่าจะถูกหลอกแล้วมั้ง?),แต่ก็โดยมากมักจะ”อยากได้เงินลงทุนคืน?”(และมักไม่ยอมแจ้งความ,หรืออาจถูกพูดเชิงขู่ว่า..ถ้าไปแจ้งความ,อาจจะไม่ได้เงินคืนเลย?).. ซึ่ง”ผู้หลอกลวง”มักจะ”รู้จักจิตวิทยามนุษย์”(ของ”ผู้ตกเป็นเหยื่อ”)ข้อนี้ดี..


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:15:55:59 น.  

 
(D)สุดท้ายจึงคล้ายเป็น”วงจรอุบาทว์?”ที่”เหยื่อหลายราย”(บางส่วน)จึงมักถูกหลอกให้”โอนเงินให้เพิ่ม?”,เพื่อจะ”ปลดล็อค?”เพื่อจะ”เอาเงินเก่ากลับคืนมา?”,และเมื่อยิ่ง”เสียเงินมากขึ้น?”และ”ยังคงไม่ได้เงินกลับคืนมาอีก?”,ก็จะยิ่ง”เสียดายมากยิ่งขึ้น?”(ก็ยิ่ง”หลงกลหลอกต่างๆ?”มากยิ่งขึ้น?).. จึงที่สุดจากถูกหลอก”เงินแค่หลักหมื่น?”ก็ลามไปจนเป็น”เงินหลักล้าน?”.. หรือจาก”หลักแค่แสน?”ก็กลายเป็นหลัก”หลายสิบล้าน?”ไปเลยก็มี?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:16:14:01 น.  

 
(F)จึงอยากแนะนำว่า.. ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มรู้ว่า”เราคงถูกหลอก?”แล้วล่ะ!?.. ก็ต้องหัด”ทำใจแข็ง,ตัดใจทันที”ว่า..”ต้องตัดการติดต่อ”(ไม่ต้องกลัว”คนในครอบครัว”จะต่อว่า),ไม่ต้อง”อยากได้เงินส่วนน้อยนั้นคืน”ไปเลย,แล้วรีบแจ้ง”อายัดบัญชี”,หรือ”แจ้งความไว้ก่อน”โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้.. โดยไม่ต้องคำนึงว่า”ผู้ที่มาหลอกลวงนั้น”จะเป็นผู้ใด?(แม้จะเป็น”คนสนิทที่ใกล้ชิดเอง?”)ก็ตาม(?).. อย่างนี้ก็จะทำให้”ลดความเสียหาย”จาก”หนักเป็นเบา”ได้ครับ.. ...ด้วยความปรารถนาดีครับและด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:16:19:06 น.  

 
วันนี้ดูรายการ”เรื่องเล่าฯ”(15-10-66).. “คารมดี,ใช้จิตวิทยาจูงใจได้ดี”อาจไม่ได้แปลว่า”สิ่งที่ทำนั้นต้องถูกต้องเสมอไป?”.. ใช่หรือไม่?.. “คนไทย”(บางส่วน)มัก”ใจอ่อน,เชื่อง่าย,หลงคำหวาน?”(อย่างกรณี”หญิง74ปี”ที่ถูกหลอกจาก”หนุ่มเสียงนุ่ม?”หมดไปราว”18ล้านบาท”..เป็นต้น..นั่นปะไร?..


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 15 ตุลาคม 2566 เวลา:12:26:32 น.  

 
“คนไทยส่วนมาก”ยังไม่ใช่”คนร่ำรวย”.. การที่”คนไทย”(บางส่วน)จะได้เงินมาด้วย”นโยบายจัดสรรใดๆ”(ที่..ที่สุดก็ต้องมาไล่เบี้ยจาก”เงินภาษีของเขาเอง”,ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม,วิธีใดวิธีหนึ่ง)นั้น.. ไม่ว่าใคร?..ก็ย่อมต้องการทั้งนั้นแหละ?(โดยไม่จำเป็นต้องไปถามก็ได้..ว่า”มีใครต้องการเงินมั้ย?”)..


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 15 ตุลาคม 2566 เวลา:12:34:28 น.  

 
แต่สิ่งที่”สังคมไทย”(บางส่วน)ไม่มั่นใจ(?).. นั่นก็คือ..”ความโปร่งใส,ตรวจสอบได้?”(แม้แต่”สถานดูแลสุขภาพ?”ของ”บางชั้น?”ก็ยังตรวจสอบได้ยากเลย?.. ใช่มั้ย?)..นั่นต่างหาก(?).. การ”ดูแลสังคมใดๆ?”นั้น.. “ผู้มีอำนาจดูแล?”ต้องไม่คิดแบบ”เชิงธุรกิจ?”ที่คิดว่า.. จะต้องการ”ซื้อใจประชาชน?”ให้ได้?,โดยใช้”นโยบายประชานิยม?”ต่างๆ..โดยไม่ดู”ภาพรวมต่างๆ?”..(แต่สมมุติว่า.. เป็น”เงินส่วนตัวที่เหลือใช้?”ที่เก็บรวบรวมจาก”ผู้ที่เป็นเศรษฐีทั้งหลาย?”,แล้วนำมาแจก..ก็คงไม่มีใครว่าอะไรหรอก?.. ใช่หรือไม่?)..


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 15 ตุลาคม 2566 เวลา:12:45:36 น.  

 
เหมือนอย่างเรื่อง”นโยบายรับจำนำผลิตผลบางอย่าง?”ของ”บางรบ.?”.. ซึ่ง“ประชาชนหลายภาคส่วน”ก็พึงพอใจกันทั้งนั้นแหละ?.. รวมทั้งผู้ที่”หาช่อง,ลักลอบ?”นำ”ผลผลิต”จาก”เพื่อนบ้านชายแดน”เข้ามา”สวมสิทธิ์ในประเทศเรา?”ตามที่”เคยได้ยินกันมา?”นั่นเขาก็ล้วนพึงพอใจใน”นโยบายนั้นๆ?”ด้วย?.. แต่มีคำถามว่า.. ทำไม”ผู้ที่บริหารนโยบายนั้นๆ?”(บางท่าน)ต้อง”ถูกกักขัง?”อยู่ใน”เรือนจำ?”จนถึงบัดนี้ด้วยล่ะ?.. ตอบได้มั้ย?..


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 15 ตุลาคม 2566 เวลา:13:00:59 น.  

 
สังคมเรา..บางครั้งก็ต้องโทษประชาชนเรากันเองนั่นแหละ.. ที่ไม่นำเอา”หลักศาสนา”.. เช่น.. “มงคลชีวิตข้อที่1”ที่ว่า.. “อเสวนา จ พาลานัง”.. นั้นเป็น”มงคลชีวิต”อย่างยิ่ง.. ประมาณนั้น.. เพราะสังคมเรา.. บางครั้ง,บางคนก็นับถือศาสนาแค่”สิ่งฉาบพอก”( =”เปลือก,พิธีกรรม”)ของ”ศาสนา”..เท่านั้น.. เช่น.. “หวย,เบอร์,การพนัน”ก็เป็น”อบายมุข”ก็เป็น”ทางเสื่อม”.. แต่”สังคมเรา”ก็มี”ผู้นิยมเรื่องหวย,เบอร์,การพนันขันต่อ?”กันอย่างมาก,ถึงมากที่สุด(?).. ,แม้กระทั่ง”สื่อบางสื่อ?”ก็อยากได้”เรตติ้งผู้ชม?”,ก็ยังพยายาม”นำเลขนั่น,เลขนี่?”มานำเสนอแก่”ผู้ชมรายการต่างๆ”อีกด้วย(?).. เมื่อใช้เงินทางผิด..แล้วจะหวัง”ความเจริญรุ่งเรือง?”แก่”ชีวิตครอบครัว?”และ”ชีวิตของสังคม?”..ได้อย่างไร?..ใช่หรือไม่?..


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 17 ตุลาคม 2566 เวลา:13:06:51 น.  

 
อยากให้”สื่อดังๆช่องต่างๆ”น่าจะลองไปตามขอสัมภาษณ์บรรดา”เศรษฐี50อันดับ”ของไทย.. จาก”คนในครอบครัวของเขา”หรือ”ตัวเขาเอง”ว่า..”นิยมเรื่องหวย,เบอร์หรือการพนันต่างๆ?”..หรือไม่?.. จะได้พอรู้ว่า.. ที่เขามี”ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ”ขึ้นมาจากเดิม,ที่มีแค่”เสื่อผืน,หมอนใบ?”นั้น.. เพราะเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 17 ตุลาคม 2566 เวลา:13:14:33 น.  

 
ส่วนตัวเราจริงๆ..(ขอสมมุตินะ).. เราว่า..หรืออยากเสนอแก่”ตัวแทนปชช.ทั้งหลาย”ว่า.. “ผู้ที่เคยทำธุรกิจใหญ่ๆ?”มาตลอดชีวิต(?),หรือมี”เครือญาติใกล้ชิด?”ที่”ทำธุรกิจใหญ่ๆ?”,ควร”ออกกฎหมาย”ให้ไม่มีสิทธิ์”รับตำแหน่ง?”เป็น”ผู้บริหารสังคม?”ใน”ตำแหน่งที่สูงๆ?”..อย่างนี้..จะดีหรือไม่?.. เพราะเราไม่คอยเชื่อหรอกว่า.. “ผู้บริหารสังคม?”(ไม่ว่า”ตำแหน่งไหน?”)ที่”พื้นเพครอบครัว”เคย”ทำธุรกิจใหญ่ๆ?”,แล้ว”แนวคิดต่างๆ?”,เมื่อเริ่มคิดในเรื่องการออก”แนวทางบริหารสังคม?”ใน”เรื่องใดๆ?”ก็ตาม(โดยเฉพาะ”ผู้ที่มีความคล่องแคล่ว,คล่องตัว?”ในการ”บริหารธุรกิจ?”ที่สูงมาก?).. แล้วจะ”ตัดใจได้เด็ดขาด?”,ไม่”วกเวียนความคิด?”ไปถึงเรื่อง”ผลประโยชน์ซับซ้อน?,หรือเงินทอน?,หรือคอมมิชชั่นต่างๆ?”,ที่จะหาทาง”บูมเมอแรง?”ให้เกิดเป็นประโยชน์แก่”ธุรกิจของครอบครัว?”,หรือ”ธุรกิจของเครือญาติ?”ของ”ตัวเอง?”.. ใช่หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 17 ตุลาคม 2566 เวลา:13:36:59 น.  

 
มี”เกร็ดตลกในวงกาแฟ”นะ.. มี”คนพูดอยู่หลายคน”ทำนองว่า.. เอ๊..ทำไม”คณะที่มาร่วมทำงานให้กับสังคม”ก็มี”หลายคณะ”.. แต่ทำไมเขาไม่ทักท้วง”คณะที่จะทำเรื่องแจก.....?”นั้นนะ?,ว่าอาจมีนัยยะที่”ไม่ค่อยถูกต้องตามกฎระเบียบต่างๆ?”ที่กำหนดกันไว้?.. ก็ได้พูดสมมุติกันขึ้นมาทำนองว่า.. ก็เช่น.. มี”คนหนึ่ง”เห็น”น้องของเพื่อน”กำลังจะเดินเข้าไปใน”บ่อนพนัน”,ก็ไปกระซิบบอก”เพื่อน”ที่เป็น”พี่ชาย”ว่า.. “เฮ้ย..น้องของลื้อมันเข้าไปเล่นในบ่อนนะ!”..ลื้อทำไมไม่ห้ามปรามวะ?,ยังเรียนหนังสืออยู่,ยังเรียนไม่จบ,เดี๋ยวก็เสียคน,หมดเนื้อหมดตัวหรอก?”.. ฝ่าย”พี่ชายของเด็กคนนั้น”ก็เลยบอกกับเพื่อนว่า.. “เฮ้ย..ช่างมันเถอะ..ชีวิตใครชีวิตมัน.. เพราะข้าเองก็กำลังจะเข้าไปเล่นในบ่อนนี้เหมือนกันว่ะ!”.. !?!?!.. เฉลยคำตอบ..ประมาณว่า.. ก็”คณะ”ที่เห็น”อีกคณะ”ที่เขาทำไม่ค่อยถูกต้อง,แล้วเขาก็พากันเงียบเฉย(?).. นั่นเพราะที่เขาไม่ยอมพากันมาทักท้วง.. เพราะ”คณะของเขา”ที่”อาสาเข้ามาดูแลสังคม?”(และพอดีได้รับเลือก)คณะนี้นั้น,เขาก็มี”แนวทาง,ทัศนะ”ที่มุ่งหวังทำเพื่อ”เงินทอน?,หรือคอมมิชชั่นต่างๆ?”,แก่”คณะของเขา”ที่ได้รับมอบหมาย,ให้เข้ามา”ดูแลงานบางอย่าง?”..เช่นเดียวกัน?..นั่นไง?.. เพราะถ้าขืนไปทักท้วง”อีกคณะ”เข้า,เกิด”อีกคณะ”ไม่พอใจขึ้นมา,ก็มีสิทธิ์ที่จะ”ถูกทักท้วงหรือวีโต้?”ใน”งานที่ได้รับมอบหมาย?”ของ”คณะตนเอง”กลับคืนมาได้เช่นเดียวกัน?..ไงล่ะ?.. เดี๋ยวนี้ใครก็อย่าไปคิดว่า..ปชช.นั้นไม่ฉลาด?”(=”โง่?”).. เพราะยุคสมัยนี้”ปชช.”ต่าง”รู้ทันนกม.?”กันหมดแล้ว?.. เพียงแต่ยังไม่รู้ว่า..จะแก้ปัญหาอย่างไร?กับ”คณะทำงาน?”(บางคณะ)ที่มี”กลฉ้อฉล?”กันอย่างไรดี?..เท่านั้นครับ.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 17 ตุลาคม 2566 เวลา:15:02:23 น.  

 
ดู”ไล้ฟ์สด”ของ”ช่องอมรินทร์,18-10-66”.. มีความเห็นดังนี้.. เดี๋ยวนี้เรามีเรื่องของ”ดิจิตอลฟุตพริ้นท์”.. ดังนั้น..”ข้อมูลต่างๆ”มีการบันทึกไว้หมด(?).. อยากขอเสนอให้”สื่อช่องต่างๆ”ควรนำ"คลิปบางคลิป"มานำเสนอ.. เช่น..กรณีที่มี”นกม.”(บางท่าน)ที่เคยพูด”รับปากกับปชช.”ประมาณว่า.. “จะยืนอยู่เคียงข้างกับปชต.?”,แต่ภายหลังเมื่อมี”ความผิดพลาดจากการบริหารนโยบาย?”(ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจให้เกิดขึ้น?..ก็ตาม),แต่สุดท้ายก็มีการ”หลบออกไป?”(ของ”บางท่าน”),มีแต่”ลูกน้อง”ที่ยัง”ถูกจำขังอยู่?”เท่านั้น(?)..


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:07:23 น.  

 
จึงอยากให้”สื่อบางส่วน”ลองถาม”ผู้บริหารนโยบาย”สำหรับนโยบาย”แจก.....?”ครั้งใหม่?.. ว่าถ้ามีการ”ผิดพลาด?”ขึ้นมาอีก(?.).. “ผู้บริหารนโยบายทุกระดับ?”จะกล้า”รับปากกับปชช.?”ได้หรือไม่?ว่า.. จะไม่ทำเหมือนกับ”บางท่าน?”ที่อยู่ใน”อดีตคณะบริหารนโยบาย?”(ที่ผ่านๆมา).. คือ.. ขอให้รับปากว่า..”ผู้บริหาร(คณะใหม่)ทุกท่าน”จะไม่มีการ”หลบไป”อยู่ที่อื่น?”ที่เกินกว่า”ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย?”ของ”กระบวนการยุติธรรมทุกระดับ?”..ได้หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:10:53 น.  

 
และอยากฝากให้ข้อคิดว่า.. “ปชช.”อย่าเพลินใน”ความที่พูดชี้แจงได้อย่างคล่องแคล่ว?”ของ”ใครก็ตาม?”(?).. เพราะไม่ได้เป็น"เครื่องการันตี?"ว่า.."คำพูดนั้นๆ?"จะต้องถูกต้องเสมอไปจ้ะ?..


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:25:05 น.  

 
เพราะยิ่ง”บุคคลใด?”ที่พูดจาได้คล่องแคล่วมากเท่าใด(?),ยิ่งชี้ว่า”บุคคลนั้น?”ย่อมสามารถ”ปกปิดความในใจ?”,และ”มุมซ่อนเร้นในส่วนตัว?”ได้มาก,ได้เก่ง?..เท่านั้นจ้ะ!? ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:28:19 น.  

 
(เช่น.. ข่าวของ”คนพูดคล่อง?"(บางคน)ที่ใช้"สารบางอย่าง?"เพื่อทำร้ายคนที่เขาเข้าไปสนิทสนมด้วย?..ตามที่เป็นข่าวเมื่อเร็วๆนี้?..นั่นไง?).. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:31:31 น.  

 
ได้ดู”บางรายการ,ของวันที่2-11-66”,เรื่อง”หลอกให้หย่า?”( =”แค่ไว้เผื่อประโยชน์บางอย่าง?”,เพราะอาจมองว่า”อีกฝ่าย”เป็น”คนใจอ่อน,ไร้พิษสง?”).. และมี”ความเห็นส่วนตัว”ดังนี้.. ”คู่ใด?”ที่ได้”คู่ชีวิตที่จริงใจต่อกัน”(ไม่มีเรื่อง”คบซ้อน?,เล่นกิ๊ก?,เล่นชู้?”),ไม่มีเรื่อง”นอกใจซึ่งกันและกัน?”,ถือว่าเป็น”คู่ที่โชคดี”ตลอดชีวิต(?).. แต่อยากบอก,อยากพูดตามประสบการณ์ส่วนตัวว่า.. “หญิงชายที่ครองคู่”(ส่วนมาก,หรือจำนวนไม่น้อย?)มักมาจากเรื่อง”ผลประโยชน์ที่แต่ละฝ่ายคาดหวัง?”(อาจเป็นเรื่อง”รักอยากลอง?”เหมือน”ลองซื้อหวย?”ประมาณนั้น),เมื่อ”หมดประโยชน์?”(หรือ”เริ่มเบื่อ,เพราะจำเจ?”),หรือเพราะ”สาเหตุสารพัด,จิปาถะ?”ก็มักจะหาเรื่องที่จะมี”คนใหม่?”และ”หาทาง(ขอ)เลิกจากคนเก่า?”.. ถ้า”ฝ่ายใดจิตอ่อน?”,ยัง”ผูกพัน,ให้อภัย?”ก็มักจะ”เป็นฝ่ายเสียเปรียบต่ออีกฝ่าย?”,หรือมักทำให้”อีกฝ่าย”เห็นเป็น”ฐานรองบ่อน?”หรือ”ตัวสำรอง?”เพื่อ”ประโยชน์แก่ตัวเอง?”,ยามต้องการ”ประโยชน์ต่างๆ?”(เฉพาะหน้า?),หรือมี”ความต้องการบางอย่าง?”(ประมาณ”แก้ขัด?”)ได้เสมอ(?).. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2566 เวลา:20:02:06 น.  

 
“ข้อสรุปส่วนตัว”กรณี”หลอกให้หย่า?”(จาก”ความเห็น,ประสบการณ์ส่วนตัว”)..
1.”ความรักมั่น,รักเดียวใจเดียว?”นั้น,ควรต้องแสดงออกด้วย”การกระทำ?”,มิใช่แค่”คำพูด”เมื่อครั้ง”เริ่มแรก?”ที่แสดงออกว่า”รักกัน?”..เท่านั้น(?).. เพราะมักจะมีผลไปถึง”ระดับDNA?”(ทาง”จิตวิญญาณ?”หรืออาจมีผลไปถึงการเบี่ยงเบน”ดีเอ็นเอทางกายภาพ?”ด้วย?),ที่”ลูกที่เกิดขึ้นมา”มักจะรับการ”ถ่ายทอดพฤติกรรม?”จาก”บุพการี?”.. เช่น.. ถ้าเป็น”ลูกหญิง”,ถ้าเห็น”แม่เจ้าชู้?,คบซ้อน?,หลายใจ?”,เมื่อ”ประสบการณ์เรื่องหญิง-ชาย”มากขึ้น,มักจะ”เลียนแบบตามแม่?”,โดย”มิจำเป็นต้องสอน?”(หรือ”สอนไม่ได้?”),โดยมักอ้างว่า”ในใจตนเอง?”ว่า”ทำตามแม่?”,หรือ”แม่ก็ยังทำ?”.. หรือถ้าเป็น”ลูกชาย”,เป็นธรรมชาติที่”ลูกชาย”มักจะ”อยากเก่งเรื่องทางเพศ?”ตาม”พ่อ”( =มักคิดว่า”บริหารเสน่ห์?,มีหญิงพัวพันหลายคน?,มองว่าเท่?,และภูมิใจในความเป็นชาย?”),โดยที่ถ้า”พ่อมีหญิงเป็นภรรยา?”หลายคน?,ที่สุดเมื่อ”ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น?”,มักจะอยาก”ทำสถิติให้ได้ทัดเทียมกับพ่อ?”(เพราะเห็น”พฤติกรรมเหล่านี้?”อยู่เรื่อยๆ,จนชินตา,จนซึมซับว่าเป็นเรื่องธรรมดาของ”เพศชาย”(?),หรือถ้าเป็นไปได้,ก็อยากทำให้ได้”จำนวนเหนือกว่าพ่อ?”ด้วยซ้ำไป(?)..
2.”ความดี,ความตั้งใจครองคู่,ความมั่นคงในการต้องการเป็นครอบครัว”มักจะเป็นกับ”คู่คนแรก”(โดยเฉพาะกับหญิง), หรือมักจะพูดได้ว่า”ภรรยาคนแรกมักดีกว่าภรรยาที่ถัดๆมาเสมอ”(?)(ประมาณนั้น),โดยเฉพาะเมื่อ”หญิงใด?”ที่รู้ทั้งรู้ว่า”สามี”มี”ภรรยา”อยู่ก่อนแล้ว(หรือเคยมีภรรยามาแล้ว),และยังยอมเป็น”ภรรยารอง?”หรือ”ภรรยาน้อย?”,มักประเมินได้ว่า..จะหา”ความจริงใจที่ยั่งยืน?”จาก”ภรรยาคนถัดมา?”ได้ยาก(?),เพราะมักมุ่งหวัง”ผลประโยชน์อื่นๆ?”(เช่น..เรื่อง”ทรัพย์?,สถานะ?”)จนยอมที่จะ”เป็นน้อย?”หรือ”เป็นรอง?”,หรือ”แย่งคู่คนอื่น?”(โดยมองข้าม”หลักศีลธรรมของศาสนา?”,อาจมองเพียงว่า”ใครดี,ใครได้?”)ก็ยังยอม(?).. เพราะ”หลักคิด”คือ..เมื่อ”เธอกล้าที่จะทำผิดหลักศีลธรรม?”( =”แย่งของรักจากผู้อื่น?”มาได้?),ก็คงยากที่”ผู้ชาย”จะมุ่งหวัง”ความจริงใจ?”ที่จะ”ครองคู่จนตลอดชีวิต?”จาก”หญิงผู้นั้น?”ได้..(เพราะจะให้รัก”ของมือสอง?”มากกว่า”ของมือหนึ่ง?”ได้อย่างไร?).. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:4:53:59 น.  

 
“สังคมไทย”เป็น”สังคมพุทธ”..ใช่หรือไม่?.. ไม่สมควรที่จะเป็นลักษณะของการ”หลิ่วตาข้างหนึ่ง?”หรือ”หลับตาข้างหนึ่ง?”.. แต่ทุกๆฝ่ายควรเอื้อต่อ”ระบบศีลธรรมของทุกๆศาสนา”..(โดย”ไม่สนับสนุนหรือเข้าข้าง?”,หรือ”ให้ท้าย?”ต่อ”คู่ครองบางคน?”ที่มีลักษณะ”ไม่กตัญญู?”ต่อ”ผู้ผลักดัน,สนับสนุน”ใน”หน้าที่,การงาน?”,จนมีผลทำให้”ครอบครัวพังทลาย?”..ใช่หรือไม่?.. เพราะ”หลักกฎหมาย”ก็ยังเคยได้ยินมาว่า..จะมีคดีที่”บุพการีสามารถเรียกคืนทรัพย์ที่มอบให้กับบุตรได้”.. ซึ่งเราเห็นส่วนตัวว่า..น่าจะสังเคราะห์เข้ากับการที่”ภรรยาที่ได้อุดหนุนช่วยเหลือต่างๆ?”(อย่างกรณีที่”ภรรยาเป็นแม่ค้า,ช่วยให้สามีได้เป็นผอ.”..เป็นต้น),จน”สามี”ได้”หน้าที่การงานที่สำคัญ?”,แล้วภายหลัง..เมื่อตน(สามี)ได้”หน้าที่,การงาน?”ที่”สำคัญ,มีเกียรติ,มีหน้ามีตา?”,แล้วกลับมา”ขอเลิกร้างจากภรรยา?”โดย”ไม่มีสาเหตุสำคัญ?”(นอกจากกรณี”ภรรยามีชู้?”).. เราเห็นว่า..”หัวหน้างาน?”หรือ”ผู้ใหญ่ๆของสังคม?”ไม่ควร”เพิกเฉย?,เอาหูไปไร่,ไปสวน?”,หรือปล่อยให้ผู้”กระทำสิ่งเหล่านี้?”(ไม่ว่าจะเป็น”ผู้ใด?”ก็ตาม?)ได้อยู่ใน”หน้าที่,การงาน?”(ที่มีเกียรติ?),ที่เคยได้รับการ”อุดหนุนจากคู่ครองคนเดิม?”อีกต่อไป(?)(คล้ายคำที่ว่า”พอได้ดี..แล้วก็ดันหัวเรือส่ง?”) ประมาณนั้น?..หรือไม่?.. หรือไม่ควรใช้”อำนาจหน้าที่?”เพื่อ”ช่วยเหลือกันเอง?”ให้เป็น”ตัวอย่างที่ไม่ดี?”ต่อ”สังคม”ต่อไปหรือไม่?.. ซึ่งอาจเป็นเหตุที่จะทำให้”สังคมไทย”ขาดไร้ซึ่ง”ความอบอุ่นในครอบครัว?”,ขาด”สัญลักษณ์แห่งความเป็นคนดี?”(อันคือ”ความกตัญญู,รู้คุณผู้มีคุณต่อตน?”)หรือไม่?.. ซึ่งทำให้”สังคมไทย”เต็มไปด้วย”ผลกระทบ?”ซึ่งทำให้เกิด”ปัญหาในครอบครัว?”ตามมาอย่างมากมาย?..หรือไม่?.. ซึ่ง”ลูกบางคน”อาจรู้สึก”น้อยใจ?”,จนอาจ”คิดผิด?”,พาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับ”วงจรยาเสพติด?”หรือ”สังคมเพื่อนฝูง?”ที่อาจ”ชักจูง,นำพา?”ไปสู่”สิ่งที่เลวร้าย?”ตามมา?..ได้หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:7:38:21 น.  

 
(กรณีข่าว”หญิงบางคนอ้างถูกหลอกทำคุณไสย,มนต์ดำ?”).. อยากถามสังคมว่า.. สังคมเราจะเอายังไงกันดี?.. สมมุติว่า.. มี”หมอมนต์,หมอเสน่ห์บางคน”อาจอ้างว่าไป”เรียนมนต์?”จากไหนก็ไม่ทราบได้(?)(มี”บางคน”เคยอ้างว่าไปเรียนมาจาก”ประเทศข้างบ้านเรา?”ที่กิตติศัพท์เรื่องการทำ”คุณไสย์,มนต์ดำ?”นั้นลือเลื่อง?),เพราะมักมี”ภาษา”ที่คนไทยฟังไม่เข้าใจ,หรือฟังไม่ออก,ซึ่งอาจมีการเขียนเป็น”ตัวอักษรยันต์?”บ้าง?,มีเรื่อง”การสักยันต์?”บ้าง?.. ประมาณว่า.. ต้องยอมรับว่า..”สังคมเรา”มักชอบอะไรที่เป็นทั้ง”ภาษาพูด?”และ”ภาษาเขียน?”ที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง?..ว่างั้นเถอะ(?)..ประมาณนั้น..นั่นแหละ,แล้วก็จะมองว่า”ขลัง?”และ”เชื่อ?”.. ที่จริงเราคิดว่าน่าจะเป็น”อุปาทานในจิต?”ที่”เชื่อ,ศรัทธา,ฝังใจ?”ของ”ผู้แสวงหา?”ไปเองมากกว่าหรือไม่?(เพราะ“อุปาทานของคนบางคน?"บางทีมันก็เป็นเรื่อง”เหลือเชื่อ?”และ”พิสดาร?”และยากจะอธิบายให้กระจ่างได้?,ซึ่งถ้า”เชื่อมากๆ?”หรือ”อุปาทานจัดๆ?”,บางทีก็เกิด”อะไรแปลกๆ?”ขึ้นได้(?)(แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ”เป็นไปได้กับทุกคน?”).. สิ่งนี้อาจเป็นเรื่องของ”เทคนิค?,หรือจิตวิทยา?”ที่”อาจารย์มนต์บางคน?”อาจใช้เพื่อเป็นประโยชน์,เพื่อให้ลูกศิษย์เชื่อถือ(?).. แต่มีข้อท้วงติงสำหรับ”สังคมไทย”,ซึ่งชื่อว่า”สังคมพุทธ”(ซึ่งมี”ชาวพุทธราว95%”)นั้นว่า.. “สื่อบางส่วน?”สมควรส่งเสริม,หรือนำมาพูดถึงแบบ”ให้เกียรติ?”หรือ”ให้คุณค่า?”เกินไปหรือไม่?,และ”สื่อบางท่าน”ก็ยังมีพูดทำนองว่า..ตนเองก็เชื่ออยู่นะ(?),ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมคล้อยตามสื่อได้?..อะไรประมาณนี้..หรือไม่?.. เพราะอยากบอกว่า.. มันไม่ใช่”หลักคำสอนของพุท?”เลย(?).. ยิ่งถ้าเป็น”นักบวชพุทธ”(ที่สวมจีวร)แล้วมาทำ”คุณไสยเหล่านี้?”,ที่เรารู้คือ”ผิดมหาศีล”ของ“พุทธ”แน่นอน(?),แต่การ”ลงโทษนักบวชนี้”,เราไม่รู้ว่าจะต้องใช้”ระเบียบใด?”..อย่างไร?..หรือไม่?.. จึงอยากถาม”สำนักพุทธศาสนา”ว่า.. ทำไมจึงยอมให้”เมืองพุทธ”มีทั้ง”อาจารย์คุณไสย?,อาจารย์มนต์ดำ?,อาจารย์สักยันต์ให้ขลัง?”ที่ทำผิด”หลักมหาศีลของพุทธ?”กันเต็มไปหมด?.. แม้โดยอาจอ้างว่า”เขาไม่ได้เป็นนักบวช?”(ก็ตาม?),แต่การแสดงออกเช่นการใช้”ภาษาบาลี?”ที่ท่องเป็น”มนต์คาถาต่าง?”ที่ฟัง”ไม่รู้ความหมาย?”เพื่อให้”ดูขลัง?”ต่างๆ(?).. ที่เป็นเหตุให้คนเกิดความ”ศรัทธา,เชื่อถือ?”(โดยเฉพาะเป็นมากกับหญิง?)ที่มักมาให้”ลงมนต์นั่น,นี่?”สารพัด(?),ซึ่งมี”หญิงจำนวนมาก”ที่ตกไปในกลของ”บางอาจารย์”ที่มักลามไปสู่เรื่อง”การละเมิดทางเพศ?”(ตามที่เป็นข่าวอยู่เป็นระยะๆ?)มาโดยตลอด(?).. จึงเห็นว่า”สำนักพุทธ”ควร”ออกระเบียบ”,แล้วนำเสนอไปยัง”สภา”,ให้กำหนดให้”ลัทธิบางอย่างเหล่านี้”ที่ไม่ตรงกับ”หลักพุทธ”,ให้ถือว่า..มีส่วนแอบอ้าง”คาถา(ภาษา)พุทธ?”และนำ”พุทธรูป?”มาเป็นลักษณะ”พุทธพาณิชย์?”(หรือ”เครื่องจูงใจ?”),และทำให้”คนหลงใหล,งมงาย?”ในสิ่งอันไม่ใช่”หลักการของศาสนาพุทธ?”..โดยรณรงค์,หาทางแก้ไขกันให้”จริงจัง,และต่อเนื่อง”.. จะดีหรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:15:18:35 น.  

 
ดูรายการ”เจาะลึกทั่วไป,13-11-66”ได้ข้อคิดดังนี้..
(หลักคิดของเราเอง).. 1.ถ้า”ประชากรเล่นหวยเยอะ”,หรือ”ติดหวย”แสดงว่า..การศึกษา”วิชาคณิตศาสตร์”เรื่อง”หลักความน่าจะเป็น”(Probability)น่าจะล้มเหลว(?).. 2.”การพนัน”(หรือ”ติดพนัน”)จะทำให้”เงินทุกกระเป๋าในกลุ่มพนันลดลง”โดยรวม(ถ้าคิดแบบ”ระบบปิด”),เพราะจะ”เล่นอย่างเดียว,โดยไม่กินอาหารเลย?”คงไม่ได้(?).. ดังนั้น.. “เงินในระบบ”ต้องหมดไปกับอย่างน้อย”ค่าอาหาร”,หรืออาจมี”ค่าไฟ,ค่าแอร์,ค่าเช่าห้อง,ค่าจิปาถะ”เพื่อการดำรงอยู่,สุดท้ายทุกคนจะ”จนลง”(=”เศรษฐกิจโดยรวม”แย่ลง)(แน่นอน)(=เป็น”การลงทุน”ที่ไม่ก่อให้เกิด”ผลิตผลใดๆ”).. 3.”คนจนเล่นหวย,คนรวยเล่นหุ้น”คืออย่างไร?.. เพราะ”คนจนมีเงินน้อย”จึงใช้หวยเป็น”เครื่องเสี่ยงโชค”( =”การพนันชนิดหนึ่ง”),หวัง”รวยทางลัด”,เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะ”ซื้อหุ้น”.. ส่วน”คนรวยที่พอมีเงิน”เท่านั้นจึงจะนิยม”เล่นหุ้น”(เรียกสวยๆว่า”การลงทุนที่มีความเสี่ยง?”)(“ความเสี่ยง?”=”การพนันชนิดหนึ่ง?”ก็ว่าได้?)(เช่น.. "บางบริษัท"อาจมีการ”ตกแต่งรายละเอียดทางการเงิน?”ให้ดู”สวยดี,น่าลงทุนด้วย?”,ประมาณนั้น?..เป็นต้น).. แต่จริงๆเป็นเรื่อง”ความเสี่ยง”ที่มี”หลักวิชาการ”ตามสมควร,คือจะมีการ”คาดคะเนอนาคต?”ตาม”หลักการต่างๆ?”,แต่ก็”คาดคะเนผิดได้”,และถ้า”คะเนผิด?”เมื่อไหร่?,ก็มีสิทธิ์”ขาดทุน”(หรือ=เสียพนัน?”)นั่นเอง?,ไม่ต่างกัน(?).. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.112.185 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2566 เวลา:11:51:49 น.  

 
กรณีรายการ”โหนฯ,15-11-66”(ตอน”พลังจิต”)..
(ความคิดเห็นส่วนตัว).. 1.ถ้าเป็นแถบ”ชาวตะวันตก”คนมักเชื่อ”วิทยาศาสตร์การแพทย์”มากกว่าเรื่องของ”การรักษาด้วย”พลังจิตต่างๆ”.. เพราะ”ระบบต่างประเทศ”เขามีเรื่องของ"สวัสดิการแห่งรัฐ”คอยโอบอุ้มเกื้อหนุน,เขาจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเรื่องของ”ความเชื่อต่างๆ”.. แต่เรื่องของ”ความเชื่อหรือพลังจิต”มักจะมีมากใน”หมู่ชนทางซีกโลกตะวันออก”,เพราะจัดอยู่ใน”สถานะทางเศรษฐกิจที่ยากจน”,ซึ่ง พอจะคิดถึงว่าต้องการไปรักษาในทาง”วิทยาศาสตร์การแพทย์”,ก็ต้องคิดถึงเรื่อง”ค่าใช้จ่าย”ซึ่งอาจทำให้”เงินที่สะสมมาตลอดชีวิต”ต้อง”หมดไปในชั่วพริบตา”ก็เป็นได้..ประมาณนั้น.. จึงมักอาศัย”การลองผิดลองถูก”ในเรื่อง”วิชาลี้ลับ”ของ”อาจารย์ที่ได้ฝึกฝน”เรื่องของ”วิชาอาคม”และ”พลังจิตต่างๆ”กันเป็นจำนวนมาก.. เพราะอาจคิดว่า..ไปลองดูก็ไม่เสียหาย,คงไม่ได้แย่ไปกว่าเก่า,แต่ถ้าเผื่อ”โรคหายมา”ก็ถือว่า”โชคดี,หรือโชคช่วย”..ประมาณนั้น.. จริงๆมีแง่มุมวิเคราะห์ต่างๆมากมาย.. เช่น.. อาจคล้ายเหมือนกับ”การแก้บน”กับ”รูปบูชาต่างๆ”ก็เหมือนกัน.. จะมองว่า..เป็น”ที่พึ่งของคนบางส่วน”ก็ได้.. แต่บางทีก็ถูกมองว่า..อาจเป็น”ความงมงาย?”หรือเป็นเรื่องของ”จิตวิทยามนุษย์?”( =”สถิติ”)หรือไม่?.. เช่น.. บางทีมีการพูดกันว่า.. อาจมีคนไปขอโชคลาภหรือบนบานอะไรไว้จำนวนมาก,ใน100คน,อาจมีคนที่จับพลัดจับผลูได้ตามคำขอสัก1คน,”คนที่คิดว่าตนได้รับโชค”(ซี่งอาจจะเกิดขึ้นเพราะ”เหตุอื่นๆสารพัด?”ก็เป็นได้,ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับ”องค์รูปปั้น?”ที่ไป”บนบาน,ขอโชคลาภ”แต่อย่างใดเลย?,ก็ได้เช่นกัน?),ก็จะไปแสดงการ”รำแก้บน?”หรือ”นำของมาถวาย?”ซะ”เอิกเกริกใหญ่โต?”,จนคนที่ไปพบเห็น”การแก้บน?”นั้นก็พากันไป”พูดกันปากต่อปาก?”ว่า”องค์รูปปั้น”นี้คงศักดิ์สิทธิ์นะ(?),”คนผู้นี้”คงได้โชค,จึงมาแก้บน”เอิกเกริกขนาดนี้?”..ประมาณนี้.. แต่ลืมคิดไปว่า..”ผู้ที่ไม่ได้รับโชค”ที่มีอยู่อีกถึง”99คน”นั้นเล่า?,ทำไมเขาจึงไม่ออกมาพูดประกาศว่า..”ฉันไม่ได้รับโชคดอกนะ”,เพราะทาง”จิตวิทยา”ก็คือ,เมื่อ”ตนไม่ได้รับโชคตามที่ขอไว้”,ก็ย่อมจะพากันหลบหน้าหนีหายไป,เพราะถ้ามาพูดอะไรมาก,ก็ยิ่งจะอับอาย,เพราะอาจกลัวถูก”ต่อว่า”หรือ”สมน้าหน้า”ว่า..เป็น”คนอับโชค?”เอง?,หรือเป็น”คนไม่มีบุญ?”..อะไรประมาณนั้น..หรือไม่?..นั่นเอง..


โดย: สมจิต IP: 124.122.16.69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา:18:51:04 น.  

 
2.เราเคยเรียนรู้ทาง”คริสต์”มาบ้าง.. “พระเยซู”เองก็เคยมีการ”รักษาคนป่วยหรือคนพิการ”โดยแค่”ผู้ที่มีความเชื่อ”เข้ามา”สัมผัสถูกตัว”ของ”พระเยซู”,”โรคนั้นๆ”ก็จะหาย,หรือ”อาการพิการ”..เช่น..”คนตาบอดก็หายบอด,คนขากะเผลกก็เดินได้”.. เช่นนี้เป็นต้น.. ส่วนตัวเราเองก็ปกติอยู่คนเดียว,หลายครั้งก็ต้อง”ช่วยเหลือ,เอาตัวให้รอดด้วยตัวเอง”ให้ได้มากที่สุด,โดยอาศัย”ความเชื่อส่วนตัว”กับ”ความเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ”.. เช่น.. “ปวดท้อง,ปวดหัว,ฯลฯ”..ด้วยเช่นกัน.. โดยการใช้”สะพานพลังจิต”โดยใช้”มือของเรา”นี่แหละไป”ลูบซ้ำๆ”ที่บริเวณที่”กำลังเจ็บปวดต่างๆ”นั้น,และก็จะมี”สวดคาถา”ที่เรา”เชื่อถือหรือยึดถือ”..เช่น..”คาถาเจ้าแม่กวนอิม”ในเวลาที่”กำลังเอามือลูบ”ไปด้วย.. เป็นต้น.. และ99%ก็มักจะได้ผล,คือ”อาการเจ็บปวดต่างๆ”(ที่ไม่รุนแรงมากนักนะ)ก็จะทุเลาเบาบางไปในชั่วระยะเวลาอันไม่นาน.. คือเรามองว่า..”ทุกคนมีพลังจิต”และสามารถ”ใช้พลังจิต”กับ”เรื่องของตัวเอง”ที่ไม่ใช่”เรื่องรุนแรง”ได้แทบทุกคน.. นั่นแหละ..


โดย: สมจิต IP: 124.122.16.69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา:19:34:26 น.  

 
3.หลายๆปีมาแล้ว.. เราเคยได้ดู”รายการดังรายการหนึ่ง”ทาง”ทีวีโซเชี่ยล”,มี”หญิงคนหนึ่ง”(เป็น”คนไทย”นี่แหละ)ที่มาออกรายการแล้วพิสูจน์เรื่อง”พลังจิต”ให้ดู,โดยการคล้ายๆทำให้”วัตถุเบามากๆชนิดหนึ่ง”ตั้งอยู่บน”สิ่งที่แหลมๆและหมุนได้โดยง่าย”,แล้วเขาก็แสดงการ”ใช้พลังจิต”ให้”วัตถุที่ประดิษฐ์ขึ้นมานั้น”หมุนไปทางซ้ายก็ได้,หรือทางขวาก็ได้,แล้วแต่”มือของผู้ใช้พลังจิต”นั้นจะ”โบกพัดไปทางไหน”,”วัตถุนั้น”ก็จะหมุนตามไปทันที.. อันนี้เราก็เคยลองฝึก,พยายามจะทำตามเช่นเดียวกัน,แต่ทำไม่ได้.. เพราะเคยได้ยินว่า.. “คนเล่นกับพลังจิต”นั้นมักจะมีอายุที่ไม่ยืน,เพราะเกี่ยวกับการต้องใช้”พลังงาน”ของ”ระบบกล้ามเนื้อหัวใจ”ที่มากเกินไป,อาจทำให้”กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนล้า,และชำรุดเร็ว(?)”(เราจึงไม่ได้ฝึกฝนอีกต่อไป,เพราะส่วนตัวเคย”หลอดเลือดหัวใจ”ตีบ,และ”ทำบอลลูนไปแล้ว1เส้น”แล้วด้วย).. เราเพียงอยากบอกว่า..”ธรรมชาติของมนุษย์”โดยเฉพาะ”ชาวตะวันออก”มีแนวโน้มจะ”เชื่อ”หรือ”ถูกสะกดให้จิตใจ”หรือ”อุปาทานจิตส่วนลึกของตัวเอง”(จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม)เป็นไปตาม”การกำหนดหรือคำพูด”ของ”ผู้ที่ทำการสะกดจิต”ต่างๆ”ได้ง่าย.. โดย”ผู้สะกดจิต”อาจใช้ทั้ง”เทคนิคเสียงพิเศษ?”,และ/หรือ”แอ็คชั่นการแสดงออกต่างๆ?”(เพื่อ”จูงอุปาทานจิต?”ของ”ผู้ป่วย”ให้คล้อยตามได้โดยง่าย?)ประกอบด้วย,แต่โดยมากมักไม่ยั่งยืน,อาจเป็นๆหายๆต้องกลับมาหา”ผู้สะกดจิต”อีกเรื่อยๆ,แต่”โรคที่รุนแรง”.. เช่น..”โรคมะเร็ง”,หรือ”โรคเก๊าส์,โรคไต,โรคตับ,โรคความดัน,โรคหอบหืด”.. เป็นต้น.. นั้น..เรามองว่าน่าจะรักษาให้หายขาด,โดยอาศัยแค่”ความเชื่อเรื่องพลังจิต”เพียงอย่างเดียวนั้น ..น่าจะเป็นไปได้ยากครับ..


โดย: สมจิต IP: 124.122.16.69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา:20:38:27 น.  

 
4.เราเคยรู้ว่า.. “การวิจัยเรื่องยาต่างๆ”มักจะมีการใช้”ยาหลอก”(Placebo).. คือเป็นเรื่องของการประเมินผลว่า..”ยามีฤทธิ์ตามประสงค์”มากน้อยแค่ไหน?.. โดยจะไม่มีการบอกกับ”ผู้อาสาทดลอง”ว่า..ตนได้รับยาหลอกหรือไม่?.. เมื่อผลออกมาแล้ว,ก็จะนำมาประเมินว่า.. “ยาตัวนั้น”จะใช้ได้หรือไม่?..ประมาณนั้น.. เช่น.. ถ้า”ผู้ที่ได้รับยาหลอก”จำนวนหลายคน,ก็สามารถ”รู้สึกอาการดีขึ้น”เมื่อได้รับ”ยาหลอก”นั้น,เช่นเดียวกับ”ผู้ที่ได้รับยาจริง”,ก็แสดงว่า..”ประสิทธิภาพของยา”ยังคงต้อง”ทบทวน”หรือมีการ”ค้นคว้าทดลอง”อีกต่อไป.. เช่นนี้เป็นต้น.. คือแสดงว่า..แม้แต่ทาง”วิทยาศาสตร์การแพทย์”ก็ยังยอมรับว่า..”อำนาจของจิตอุปาทานของมนุษย์”นั้นก็มี”ความหมาย”ที่จะทำให้เกิดการ”เข้าใจผิด”ต่อ”บริบทต่างๆ”ของการใช้”เทคนิค,กลวิธีแปลกๆต่างๆ”,เพื่อจะ”หลอกจิตของผู้ป่วย”ให้เกิด”อุปาทานมากพอในระดับหนึ่ง”ที่จะทำให้”ตัวผู้ป่วย”นั้น,รู้สึกว่า”อาการของตนนั้นดีขึ้น”..ก็ได้ด้วย.. แต่ในความเป็นจริงนั้น,อาจจะหายจากโรคได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ,และก็จะกลับมาเป็นอีก(เพราะ”ต้นเหตุแห่งโรค”ไม่ได้ถูก”กำจัดออกจากร่างกาย”อย่างแท้จริง),หรือถ้า”การรักษาโดยอาศัย”เทคนิคคำพูดและแอ๊คชั่นต่างๆ”ของ”อาจารย์สะกดจิตต่างๆ”ที่ไปมีผลต่อ”ระบบภายในร่างกายที่ละเอียดอ่อน?”ที่ไม่อาจรู้ได้ใน”ระยะแรก”,แต่ก็อาจก่อ”ผลเสียที่ร้ายแรง”เพิ่มขึ้นใน”ระยะต่อๆมา”ได้,เพราะด้วยการ”รักษาคนป่วยแบบไม่ถูกหลักการทางการแพทย์?”ได้ด้วยเช่นเดียวกัน(?)..


โดย: สมจิต IP: 124.122.16.69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา:22:28:24 น.  

 
5.สังคมไทยเป็นสังคมประมาณ”ตำนานศรีธนญชัย”ประมาณนั้น(?).. จึงควรต้องระวังเรื่อง”หลักกฎหมาย”ที่มักมี”นักธุรกิจต่างๆ”(โดยเฉพาะทางโซเชี่ยล)มักใช้เป็นช่องทางเพื่อ”หลบเลี่ยงข้อกฎหมาย”อยู่เสมอ.. เพราะเราเห็นว่าช่วงก่อนๆที่ผ่านมา,มักจะมีการ”โฆษณาสินค้า”ที่”เว่อร์วังอลังการ?,ดูวิเศษเกินจริง?”หรือไม่?.. สุดท้าย..”ตอนท้ายโฆษณา”มักจะบอกว่าถ้าใช้แล้วไม่ได้ผล,หรือไม่ถูกใจ,ยินดีคืนเงินให้ภายในกี่วัน,ก็ว่าไป,โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ..ประมาณนั้น.. จริงๆถ้า”ไม่ได้ผลตามโฆษณา”,ก็ย่อมแสดงว่า”โฆษณาเกินจริง?”อยู่แล้ว?หรือไม่?,ซึ่งแสดงว่า..”ความผิดนั้นสำเร็จแล้ว?”,ซึ่งไม่ว่าคุณจะ”คืนเงินหรือไม่?”,ก็ย่อมถือว่า..”ทำผิดกฎหมายฐานโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง?”หรืออาจเข้าข่าย”หลอกลวงประชาชน?”อยู่แล้ว?,ถ้ายิ่ง”ไม่คืนเงิน”,ยิ่งจะต้อง”ผิดอีกหลายกระทง?”มากขึ้นไปอีก?.. เดี๋ยวนี้มีโฆษณาเช่นนี้อยู่มาก,โดยไม่มีสำนึก”รับผิดชอบต่อประชาชน?”.. เช่น..การนำเอา”ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือยารักษาโรคบางอย่าง”มาพูดแบบที่ใช้”มุกเชิงบอกต่อๆกัน?”(ซึ่งเป็นการพยายาม”หลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย”เช่นเดียวกัน),ประมาณว่า.. “ตัวลูกค้าเอง”ได้ใช้”ผลิตภัณฑ์หรือยานี้”แล้วรู้สึก”ได้ผลดีอย่างนั้นอย่างนี้?”..เป็นต้น.. ประมาณทำนองจะหลบเลี่ยงว่า..”เจ้าของผู้ผลิต”นั้นไม่ได้”โฆษณาสินค้าหรือยารักษาโรคเอง?”นะ?,แต่เขาใช้แล้วเขามา”พูดโฆษณาให้เอง?”,แต่จริงๆก็เป็นการที่”ผู้ผลิต?”นั่นแหละ?”ที่”เซ็ตทีม?”เพื่อ”ถ่ายคลิป?”นำไปสู่การ”โฆษณาที่เกินจริง?”ด้วย”ความจงใจ?”นั่นต่างหาก?.. หรือไม่?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.61 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา:0:29:32 น.  

 
6.เราเคยได้ศึกษา”ความยิ่งใหญ่ของศาสดา”,ก็มี”โมเสส”ที่ยก”ไม้เท้า”ขึ้น,พลัน”ทะเลแดง”ก็แยกตัวออกให้มี”ดินแห้ง”ให้”ชาวอิสราเอล”ข้ามผ่าน,หนี”ทหารฟาโรห์”ที่ขับรถม้าไล่ตามมา,จนพ้นไปได้.. อีกครั้งก็”พระเยซู”ยกมือขึ้น”ห้ามพายุและน้ำทะเลที่กำลังโหมกระหน่ำ”จนทำให้”พายุคลื่นลมสงบลง”ในทันใดได้,และการ”รักษาโรคของพระเยซู”ที่แค่มีคนไป”ถูกตัวท่าน”,โรคที่เป็นอยู่ก็หายได้.. แต่การศึกษาทาง”ฟากพุทธ”,เคยมี”คำพูด”ว่า..”อาจารย์ย่อมไม่แสวงหาศิษย์,แต่ศิษย์ต้องเป็นผู้แสวงหาอาจารย์เอง”.. แต่เราพบว่า..ทุกวันนี้..”อาจารย์คาถาอาคมบางท่าน”กลับดูเหมือนเป็น”ผู้แสวงหาศิษย์”ไว้ให้มากๆ,เพราะเหตุแห่งเรื่อง”เงินๆทองๆ?”,หรือ”อาจารย์บางท่าน”ก็มีการ”เรียกเก็บเงินค่าครู,ค่าวิชาต่างๆ?”,เราจึงมองว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องของการใช้”พลังจิตที่แท้จริง?”(จาก”จิตของตัวเอง”)เหมือน”พระเยซู”หรือ”โมเสส”แต่อย่างใด?,แต่น่าจะเป็นเรื่องของ”จิตวิทยามนุษย์?”มากกว่า?..หรือไม่?.. เราเคยได้ยิน”อาจารย์รุ่นเก่าๆ”หรือ”พระเก่าๆสมัยก่อน”มักพูดว่า.. “พระพุทธรูป”นั้นไม่ต้องไปปลุกเสกอะไรมากมายหรอก,ถ้ามีคนไปกราบไหว้เรื่อยๆ,”พระพุทธรูป”ก็จะ”เริ่มลืมตา?”หรือ”เริ่มขลัง?”ขึ้นมาเอง(?).. คล้ายประมาณว่า.. “ผู้ที่ไปเห็น,ไปไหว้กราบ”ก็จะฝากกระแส”กลุ่มก้อนพลังงาน?”แห่ง”ความเชื่อ,ความศรัทธา?”ไว้ที่”องค์พระพุทธรูป”นั้นเองโดยอัตโนมัติ,และเมื่อถึงจุดหนึ่ง,”พระพุทธรูป”ก็จะ”เบิกเนตร?”และ”ปล่อยพลัง?”เพื่อช่วย”ผู้ที่ตกทุกข์”ที่มา”กราบไหว้”นั่นเอง..ประมาณนั้น.. ดังนั้นเรามองว่า.. “อาจารย์รุ่นหลังๆบางท่าน”อาจใช้”พลังงานความเชื่อ?”จาก”ลูกศิษย์?”เพื่อเพิ่ม”พลังงานทางจิต?”ให้กับตัวเอง?(แต่น่าจะไม่ใช่”พลังจิตของตัวเอง?”),และเมื่อมี”พลังงานจากลูกศิษย์ผู้เชื่อ”มากขึ้น,ก็คล้ายมี”พลังงาน(จิต)สะสม?”มากขึ้น,จนทำให้”ก่อผล”เป็น”พลังฤทธิ์เดช”ที่มากขึ้นเรื่อยๆ(?),ขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน?..หรือไม่?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.61 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา:2:07:26 น.  

 
7.(สมัยนี้ต้องระวัง”ระบบแฟรนไชส์?”,ซึ่งกำลังระบาด,แม้แต่ใน”วงการธุรกิจ?”กับเรื่องของ”ความเชื่อ,ความศรัทธา?”).. เราเองก็เคย”บวชเป็นพระ”(ระยะสั้นๆ)ที่”สำนักหนึ่ง”(แถวทางอีสาน),เราบวชแค่ไม่กี่วัน,”เจ้าสำนัก”ก็บอกให้เราไปช่วย”รดน้ำมนต์”ซึ่งทำเป็น”โอ่งใหญ่”ทั้งตักราด,และใช้สายยางฉีดให้กับ”ญาติโยม”ที่มาสำนักนี้[[ซึ่งเราอ่านตาม”ภูมิส่วนตัว”นะ.. ประมาณว่า..”ผู้ที่บวชนาน”มักจะรู้”หลักจิตวิทยามนุษย์?”หรือ”รู้ธาตุ,รู้ไต๋มนุษย์?”ตรงกันว่า..”สังคมชาวพุทธไทย”มักเป็นคนที่”เชื่อศรัทธา”ใน”ผู้ห่มจีวร?”(หรือ”นุ่งห่มขาว?”,หรือ”ฤาษี?,นักบวช?,ผู้บำเพ็ญพรต?”)ได้ง่ายมาก(?).. เมื่อ”เชื่อ,ศรัทธา”ซะแล้ว,ก็มักจะเกิด”พลังอุปาทาน?”.. ดังนั้น..”บางอย่างที่ดูประหลาดๆ?”ก็อาจเกิดขึ้นได้ไม่ยาก?(เช่น.. เมื่อถูกสัมผัสทางกาย,ก็อาจมีอาการขนลุก?,ซาบซ่าน?,ก่อให้เกิด”จิตปีติ?”,อาการ”ปีติทางใจ?”ก็จะไปหนุนให้เกิดคล้าย”สารเอ็นโดรฟิน?”หรือ”สารสุข?”,ซึ่งเราเชื่อว่า”สารสุข?”นี่แหละ,ที่จะไปช่วยลด”อาการต่างๆที่เจ็บปวดต่างๆ”ได้พอสมควรได้เลยล่ะ?),จึงแม้แต่”พระพึ่งบวชได้2-3วันอย่างเรา”ก็ยังใช้ให้ไป”รดน้ำมนต์”ให้กับ”ญาติโยม”แทน”เจ้าสำนัก”,ซึ่งท่านมองว่า..ก็ย่อมเกิดผล”เป็นฤทธิ์เป็นเดช?”ได้ไม่ต่างกัน?..ประมาณนั้น]],ซึ่งก็มีผู้ที่มาเชื่อ,มาศรัทธา”พระเจ้าสำนักนี้”อยู่จำนวนไม่น้อย,เช่นเดียวกัน.. แต่จริงๆแล้ว,เรากลับเคยเห็นมี”ชายสูงอายุ”ที่น่าจะมีอาการ”ไตวายเรื้อรัง,กดบุ๋ม?”คนหนึ่ง(ซึ่งเราเห็นคาตา)เข้าไปอบ”ไอสมุนไพร”ที่”สำนักที่เราไปบวชนี้”,แต่อบได้ไม่นาน,ก็หมดสติที่ห้องอบนั้น,จึงถูกญาติโยมลากออกมา,”พระเจ้าสำนักนี้”ก็ออกมาดู,มากดที่เท้าแล้วบุ๋มลึก,ปรากฏวว่าสิ้นลมแล้ว.. เราก็เห็นท่านเข้าห้องส่วนตัวไปสวด?,ฟังว่า”ทำพิธีเรียกวิญญาณให้กลับคืนมาเข้าร่าง?”,แต่ทำอย่างไรๆ,”ชายผู้นี้”ก็ไม่ฟื้น,จึงต้องเรียก”เจ้าหน้าที่”ให้มาเก็บร่างไป,คือสรุปว่า”เจ้าสำนักที่มีผู้ศรัทธามาก"นั้น?,จริงๆแล้ว,ก็ไม่ได้ขลังจริง?(ซึ่งก่อนหน้านี้,ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ว่า..มี”ญาติโยม”เอา”ปลาทอด”มาถวาย,พอเปิดฝาปิ่นโตออกมา,กลับกลายเป็น”ปลาเป็น”ที่ยังมีชีวิต,ที่ดิ้นได้ซะอย่างงั้น,แล้วก็นำไปปล่อย,ฟังว่าเช่นนั้น,อย่างนี้ก็มี,คือมี”คนเล่าปากต่อปาก?”..ประมาณนี้).. ดังนั้น..”อาจารย์จอมขลังบางองค์”ทุกวันนี้,จึงน่าจะไม่ได้มี”พลังจิตของตัวเองเป็นส่วนตัวที่ฝึกฝนมา?”ที่เก่งกาจอะไรมากมายนักหรอก?,ส่วนมากมักจะอาศัยผสมผเสไปกับ”พลังงานแห่งความเชื่อ,ศรัทธา?”ของ”ลูกศิษย์”มาช่วย”ผสมโรง”(โดยใช้”เทคโนโลยี่และเทคนิคสื่อสมัยใหม่”มา”ร่วมด้วย,ช่วยโปรโมต?”)ให้ดูว่าท่านมี”พลังจิต?”ที่”กล้าแกร่ง?”มากยิ่งขึ้น?..นั่นแหละ?..มากกว่านะ?..เรามองว่าอย่างนี้นะ?..



โดย: สมจิต IP: 27.145.112.77 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา:3:59:33 น.  

 
(A)กรณีข่าว”ขอทานข้ามชาติ”(เนชั่นทันข่าวค่ำ,20-11-66).. เราให้ข้อเสนอแนะแบบเรานะ(เราชอบคิดให้แตกต่างออกไปนะ)..
1.การพิการด้วยจุดบริเวณที่คล้ายๆกัน,ด้วยรูปแบบเดียวกันทั้งกลุ่ม,ย่อมแสดงว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ(?)..หรือไม่?,น่าจะต้องมี”ผู้คลุมเกมส์อยู่เบื้องหลัง?”อย่างแน่นอน..หรือไม่?..
2.รวมทั้งรูปแบบที่”มีเก้าอี้มานั่ง,แต่งชุดนักเรียน?”ให้ดูน่าสงสาร,น่าช่วยเหลือ(?)..นั่นก็พึงตั้งข้อสังเกตกันด้วยครับ?..
3.การที่มี”หญิงคนไทย?”ที่”ขับรถหรู?”มาคอยติดตามช่วยเคลียร์?,แสดงว่า..”หญิงคนที่มาช่วยเคลียร์ต่างๆ?”นั่นแหละ,ที่อาจมีส่วน?..หรือไม่?(เบื้องต้นไม่จำเป็นต้องรอ”หลักฐานอื่นใด?”เสียก่อนเลยก็ได้?),แต่น่าจะติดตาม,สืบสวนว่าจะต้อง”มีส่วนรับรู้?”ใน”ขบวนการค้ามนุษย์?”เหล่านี้?..ด้วยหรือไม่?,รวมทั้ง”หอพักที่ให้เข้าพัก?”(ถ้ามี)โดยไม่ตรวจสอบที่มาที่ไป?,ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ”บุคคลน่าสงสัย?”ก็ควรถือว่า”ให้การสนับสนุน?”กับ”ขบวนการขอทาน?”ซึ่ง”ผิดกฎหมาย?”นี้ด้วย?..หรือไม่?(ซึ่งถ้าประชาชนทั่วไปฟังข่าวนี้,ก็ต้องอนุมานว่า..”น่าจะต้องมีส่วนด้วยกัน?”อยู่แล้ว?,และ”ผู้มีหน้าที่ทางกฎหมาย”ควรต้อง”ติดตามตัวมาสอบสวน?”,และ”ออกหมายค้นบ้าน,ที่พัก?”ของ”ผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด?”ด้วย?,อย่างน้อย,ก็ควรให้ประชาชนได้ร่วมรับรู้ว่า..ที่คุณให้เงินเขานั่นน่ะ,เขามีเงินเก็บในบ้านของเขาอยู่เป็นจำนวนเท่าไหร่?(ซึ่งอาจมี”เงินสะสม?”มากกว่า”เงินเก็บของผู้ให้ทาน?”นั้นเสียด้วยซ้ำไป?..ก็เป็นได้?),และรวมทั้งมีการ”โอนเงินในบัญชี?”ไปแล้วเท่าไหร่?..เป็นต้น..


โดย: สมจิต IP: 27.145.114.244 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:7:59:46 น.  

 
(B)4.ควรมี”รถออกประกาศ,ประชาสัมพันธ์”ในที่มีคนพลุกพล่าน,ที่”ขอทานกลุ่มนี้?”มักไป”นั่งขอเงิน?”.. ว่า..ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ,อย่าให้”ความเมตตาของท่าน”กลายเป็นไปสนับสนุน”การกระทำที่ผิดกฎหมายการขอทาน?”ของ”ขอทานเหล่านี้?”,ที่อาจอยู่ใน”ขบวนการค้ามนุษย์?”(สันนิษฐานนะ?)ก็เป็นได้?..
5.ไม่ว่า”ศาสนาใดๆ?”ก็ไม่เคยส่งเสริมให้”คนเกียจคร้าน,ไม่ทำการงานใดๆ,งอมืองอเท้า”,เอาแต่รอคอย”ความเมตตาจากผู้อื่น”แต่อย่างใดเลย?..(ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า..”คนกลุ่มนี้?”ได้มี”หลักศาสนาใด?”ไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจหรือไม่?)..
6.”การขอทานใดๆ?”ที่ทำเป็น”ขบวนการ?”,มีการ”ชักชวนกันมาเป็นกลุ่ม?”,มี”หัวหน้าทีม?”หรือ”คนคุมเกมส์?”อยู่”เบื้องหลัง?”ถือเป็นการ”ทำลายการท่องเที่ยว?”อย่าง
หนึ่ง?.. ทำให้”ผู้ท่องเที่ยว”ที่เห็น”คนขอทาน”เยอะๆ,ก็อาจอารมณ์บ่จอย?,งานกร่อย?,อาจไม่อยากมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกเลย?..ก็เป็นได้ครับ..


โดย: สมจิต IP: 27.145.114.22 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:52:25 น.  

 
(C)7.ถ้าเตือนด้วย”รถประกาศ”แล้วยังไม่ได้ผล.. ยังมีคนที่ยังชอบให้เงินกับ”คนขอทานกลุ่มนี้?”อีก,ก็อาจใช้”แผนเผด็จศึก?”เสียเลย?.. ความเห็นส่วนตัวนะ(ตี๊ต่างว่าเราเป็นผู้ดูแลสังคมนะ).. เราก็จะผลักดัน”กฎหมาย”ที่ให้เอาผิดเป็น”เงินค่าปรับ”(อาจ500บาทขึ้นไป?)กับ”ผู้ที่ให้เงินกับขอทาน”(ถือว่าเป็น”ผู้ให้การสนับสนุนคนทำผิด?”ด้วย).. ถ้าทำได้เช่นนี้(ซึ่งเป็นการคิดแบบ”ซ้อนกล?,สวนกระแส?”,ซี่งเรามี”ทัศนะการดูแลสังคม”แบบนี้นะ).. เราก็จะได้ไม่ต้องไป”เสียเวลา,เสียงบประมาณ?”กับการ”ไล่กวดจับ?”กับ”ขบวนการขอทานข้ามชาติ?”ให้เหนื่อยยากมากเกินไป?,ซึ่งถ้ายังมีการ”นิยมให้เงินกับขอทาน?”ที่อาจมีการ”จงใจ?”(หรือยินยอมให้ผู้อื่น)ทำ”ตัวเองให้พิการ?”,หรืออาจมีการ”ตกแต่งผิวหนังแบบนักแสดงหนัง,ละครบางส่วน?”(หรือไม่?)ด้วยก็ได้?.. คือมี”ทัศนะหนึ่ง”ทาง”รัฐ(ยุทธ)ศาสตร์ปกครอง?”คือ”จับผู้ให้ด้วย?”..(โดยอาจใช้”นอกเครื่องแบบ”ไปยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ,พอมีผู้ควักเงินให้ก็เข้าไปจับเลย,และทีสำคัญคือต้อง”สื่อสารคลิปการจับกุมผู้ให้เงินขอทาน?”ไปให้ทั่ว”โลกโซเชี่ยล?”,แบบนี้ก็คงไม่มีใครกล้าให้เงินกับ”ขบวนการขอทานเหล่านี้?”อีกต่อไป?..เราคิดแบบนี้นะ).. เช่นเดียวกับที่มี”บางประเทศในสแกนดิเนเวีย”(เท่าที่เคยได้ยินได้ฟังมานะ).. ที่เขาจะมี”กล้องวงจรปิด”ติดอยู่แทบทุกที่,ถ้ามีภาพว่าใครไป”ซื้อประเวณีกับหญิง?”ที่แสดงตัว”ให้บริการทางเพศ?”กับ”ชายกลัดมัน?”ใน”สถานที่ต่างๆ?”,เขาก็จะมุ่งจับ”ชายผู้ซื้อประเวณี?”ก่อนเป็นเบื้องต้น?.. ซึ่งนานไป,นานไป,เมื่อหญิงไม่มีชายกล้ามาซื้อบริการ,เขาก็จะต้องหลบหายไปเอง?..ประมาณนี้.. หรือ”ขบวนการขอทานต่างๆ?”ก็น่าจะใช้วีธีการในทำนองเดียวกัน?.. ถ้า”จับ,ปรับคนให้?”(เป็นหลักก่อน)ด้วย?..(แล้วเผยแพร่ภาพผ่าน”สื่อมวลชน”ให้ทั่วๆ),เมื่อไม่มีคนให้เงินขอทาน,ขอทานก็ไม่มีรายได้,ก็ย่อมหายสูญไปหมด,ไม่กล้า(หรือไม่อยาก)”พาพวกพ้องข้ามประเทศ?”วนเวียนเข้ามาหากิน”ขอทานในไทย?”อีกต่อไป?.. ท่านเห็นด้วยมั้ยล่ะ?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.113.8 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:58:29 น.  

 
(a)ได้ชมรายการ”ประจักษ์จับประเด็น,21-11-66”แล้ว.. มี”ข้อเสนอแนะ”ดังนี้ครับ..
1.ถ้าเราทั้งหลายอยากให้”สังคมดี,มีธรรมาภิบาล,โปร่งใสในทุกมิติ”.. ผู้มีส่วนทั้ง”ภาคราชการ,รัฐวิสาหกิจต่างๆและประชาชน”ต้องช่วยกันนำเสนอว่า.. “ข้อมูลข่าวสาร”,รวมทั้ง”วิธีการทำงาน,รายงาน”(คลิปหรือเทป)ของ”การประชุมต่างๆ”ของทั้ง”ภาคราชการ,และรัฐวิสาหกิจ”(อาจรวมทั้ง”บริษัทที่ทำสื่อต่างๆ”ด้วย),ควรต้องมี”ระเบียบ,กฎหมาย”ที่ชัดเจน,เคร่งครัด,ที่จะต้องให้มีการ”เปิดเผยได้”,ทั้งต้องให้มี”แผนกประชาสัมพันธ์”ใน”ทุกๆหน่วยงานในสังกัด”ที่ต้องทำตาม”ระเบียบ”ที่ต้องนำเสนอ,หรือประกาศให้”ประชาชนได้รับรู้”ผ่าน”ระบบสื่อมวลชนต่างๆ”ได้ในทุกเรื่อง..


โดย: สมจิต IP: 27.145.114.160 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:13:32:41 น.  

 
(b)2.และบางส่วนที่ไม่สำคัญนัก,ถ้ามีประชาชนอยากรู้และมาติดต่อขอทราบ,ก็ให้สามารถเปิดเผยได้ทุกเรื่องเช่นเดียวกัน,(เพราะมี”หลักคิด”ว่า..ใน”ที่แจ้ง,ที่เปิดเผย”,หรือ”ของที่เป็นสารอินทรีย์ที่เปื่อยได้”,เมื่ออยู่ใน”ที่โล่งแจ้ง,มีแดดส่อง,มีลมพัด”ก็ย่อมจะเน่าน้อยลง,กลิ่นเน่าน้อยลงและแห้งไปโดยไร้”เชื้อจุลินทรีย์และเชื้อรา”ได้ในที่สุด).. เพราะ”ที่ที่มีการปกปิดเป็นความลับ”ถ้ายิ่งมีอยู่มากเท่าไหร่?,ก็จะยิ่งเอื้อให้เกิดการ”ทุจริต,คอร์รัปชั่น”ด้วย”วิธีซิกแซ็ก,ไม่ตรงไปตรงมา,มีนอกมีใน”,และมีการ”เอื้อประโยชน์”ให้กับ”บางกลุ่ม,บางฝ่าย”ที่อยู่ใน”ทางการเมืองหรือทางธุรกิจ”,ที่”ผู้ที่มีตำแหน่งทางราชการบางส่วน”(ซึ่งมี”อำนาจในการอนุมัติ”ใน”โครงการต่างๆ”)มี”ประโยชน์เชื่อมกับเขา”แบบลับๆ(แค่เพียงติดต่อ”ฮั้วประโยชน์กัน”ทาง”มือถือ”,ก็สามารถทำได้โดยไม่ยากแล้ว)ได้มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย..เท่านั้น..


โดย: สมจิต IP: 27.145.114.160 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:13:36:01 น.  

 
(c)3.แม้จะอ้างว่าเป็น”ข้อมูลลับ”ที่เกี่ยวกับ”ความมั่นคงทางอธิปไตยต่างๆ”ก็ต้องให้มี”ข้อยกเว้นที่ไม่ต้องเปิดเผย”ให้น้อยที่สุด..และต้องกำหนดว่า..แม้”ข้อมูล”ที่เป็น”ความลับพิเศษ”ก็ต้องอนุญาตให้มี”คณะผู้ทรงคุณวุฒิ”ที่มีคุณสมบัติที่”เชื่อถือ,วางใจได้”โดยเฉพาะ,และเป็นที่”ยอมรับ,เชื่อถือจากประชาชน”เป็นที่ประจักษ์ว่า..เป็น”บุคคลที่ตรงไปตรงมา”อย่างยิ่งยวดมาโดยตลอด,สามารถ”รวมกลุ่ม”(หรือมี”การจัดตั้งทางกฎหมาย”)เพื่อรับมอบ”ภาระจากประชาชนโดยรวม”,เพื่อให้ไป”สอบถามข้อมูลเหล่านั้น”แทน”ภาคประชาชน”,เพื่อ”ความโปร่งใส(และไม่ต้องนำมาเปิดเผยกับสาธารณะ)ได้ด้วยเช่นเดียวกัน..
4.สรุปว่า..ทุกมิติที่อาจ”สุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต,ประพฤติมิชอบต่างๆ”ของ”สังคมไทย”,ต้องให้ประชาชนสามารถเข้าไป”ขอข้อมูล”เพื่อ”ตรวจสอบความถูกต้อง”ได้ทั้งหมด,โดยแทบไม่มีข้อยกเว้นเลย..ประมาณนั้นครับ.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.114.160 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:13:40:45 น.  

 
(A)ได้ชมรายการ”เข้มข่าวค่ำPPTV,22-11-66”ช่วง”จับแก๊งนักเรียนรุนแรง”แล้ว.. มี”ข้อเสนอแนะ”ดังนี้ครับ..
เราเคยไปที่”โรงพยาบาล”หรือ”คลินิกแพทย์ต่างๆ”,มักจะพบว่า..มีการปิดประกาศ”สิทธิของผู้ป่วย”อยู่เสมอ.. เราจึงมี”แนวคิดส่วนตัว”เพื่อประสงค์ช่วยคิด”แก้ไขปัญหาของสังคม”ว่า..
1.ควรออก”กฎระเบียบหรือกฎกระทรวง”ขอให้”แต่ละโรงเรียน”ติด”ป้ายประกาศสิทธิ”ของ”ผู้ที่จะสมัครเข้าเรียนหรือสมัครสอบ”ที่มีเนื้อหาบอก”ประวัติของโรงเรียน”ว่า..เคยมี”ความขัดแย้งรุนแรง?”กับ”สถาบันโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียง?”มาแล้วกี่ครั้ง?,มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง?.. เพื่อให้”ผู้ที่ต้องการสมัครสอบหรือสมัครเรียน”ได้รับรู้เป็นเบื้องต้นว่า..เมื่อได้รับรู้”ประวัติต่างๆของความรุนแรงระหว่างสถาบัน”ของ”โรงเรียนที่ตนต้องการสมัครสอบหรือสมัครเข้าเรียน”แล้ว,จะยังยินดี”สมัครสอบหรือสมัครเข้าเรียน”เช่นเดิมอีกหรือไม่?(คือให้แล้วแต่”ความสมัครใจ”..ว่างั้นเถอะ)..


โดย: สมจิต IP: 27.145.114.90 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2566 เวลา:21:03:56 น.  

 
(B)2.”วิธีที่2”ก็คือถ้ามี”เด็กนักเรียนโรงเรียนใด?”ยังมีปัญหาเรื่อง”ความรุนแรงต่อสถาบันอื่น?”(รวมถึงเรื่อง”การรับน้องใหม่?”ที่มีกรณีที่”ละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคล?”ของ”น้องใหม่?”ด้วย”วีธีพิลึกพิลั่นต่างๆ?”,ที่มีผลจนทำให้”บาดเจ็บ,พิการหรือเสียชีวิต?”..นั้นก็ด้วย).. ก็ให้”ครูหรืออาจารย์ฝ่ายปกครอง”เป็น”ผู้รับผิดชอบ”(โดยตรง),โดยจะ”สั่งย้าย?”หรืออาจ”ปลดออก?,ไล่ออก?”ก็แล้วแต่กรณีว่า..”ครูท่านใด?”ได้ให้การดูแล”นักเรียนในปกครองของตัวเอง”ในระดับไหน?(ได้ดีแค่ไหน?).. ประมาณนี้ครับ..
3.หรือ”อีกวิธี”โดยใช้”การแก้ปัญหา”แบบ”ขุดราก,ถอนโคน?”ไปเลย.. ก็คือ.. เช่น..”ประกาศยุบโรงเรียนหรือสถาบัน”ที่มี”ปัญหาของความรุนแรงอยู่เป็นประจำ”นั้นไปเลย..(โดยอาจเริ่มดำเนินการเพื่อ”ออกกฎหมาย”มาใช้บังคับโดยเร่งด่วน.. คือนับตั้งแต่บัดนี้ไปเลย)..แล้วปัญหาเรื่อง”คู่กรรมต่างสถาบัน?”ก็จะได้หมดลงไปอย่างเด็ดขาดในทันที(ที่กฎหมายผ่านสภา).. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.114.90 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2566 เวลา:21:07:00 น.  

 
(A)ได้ชมรายการ”เรื่องเล่าฯ,24-11-66”ช่วง”คนห่มเหลืองให้ฆราวาสสักยันต์ให้”แล้ว.. มี”ข้อเสนอแนะ”ดังนี้ครับ..
1.อย่างถ้ามีการ”สักอะไร?”ที่เป็นเช่น..”ตำนานหนุมาน?”หรือ”รูปลักษณ์คล้ายนิยายรามเกียรติ์?”(ซึ่งจริงๆคือเป็นเรื่องที่มีการ”จินตนาการ,หรือแต่งเรื่อง”ขึ้นมาเท่านั้น,ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด?).. ถามว่าเวลาผู้ต้องการให้”อาจารย์สัก”สักให้,”ตัวผู้ที่ถูกสักยันต์”เขาย่อมจะต้องพอรู้ว่า..”ตำนานเหล่านี้”คืออย่างไร?..ใช่หรือไม่?.. คือคงไม่ใช่แบบไม่รู้”ประวัติของรูปที่จะให้สัก?”ใดๆมาก่อน?( =”ไม่รู้อิโหน่อิเหน่?”ใดๆ)เลย(?)..ใช่หรือไม่?..
2.ยกตัวอย่างนะ.. ถ้าลองสมมุติๆว่า..ลองทำให้"ผู้อาสาทดลอง"ไม่มีสติเต็ม100(คิดแบบใช้”เทคนิคการทดลองทางวิทยาศาสตร์”นะ),แล้ว”สักรูปบางอย่าง”ให้จนเสร็จ,แล้วปลุกให้มีสติขึ้นมา,แต่ยังไม่ให้รู้เห็น”รูปที่ถูกสักให้”ว่าเป็นรูปอะไร?ใดๆเลย.. คือสรุปว่า..พยายามไม่ให้”เกิดอุปาทานในจิตลึกๆ”มาครอบงำตัวเขาใดๆเลย.. ถามว่าแล้วเขาจะมี”อาการออกฤทธิ์ออกเดช?”ตาม”รูปที่ถูกสัก?”นั้นหรือไม่?..


โดย: สมจิต IP: 27.145.113.102 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:26:40 น.  

 
(B)3.อย่างการ”ออกท่าออกทาง”เหมือนลักษณะ”ลิงลม?”หรือ”หนุมาน?”ตาม”ภาพวาดจินตนาการ?”สารพัดนั้น?.. ถามว่า..”คนไทยเอง”(หรือแม้แต่”ชาวต่างชาติบางคน”ที่นิยมในเรื่อง”การสักยันต์?”ด้วยก็ตาม)เพื่อให้รู้สึกตนเอง”มีฤทธิ์เดชต่างๆ?”นั้น?,จะมีใครบ้าง?ที่ไม่มีภาพนึกเรื่อง”ท่าทางออกฤทธิ์ออกเดช?”ของเรื่อง”ลิงลม?”หรือ”หนุมาน,พญาวานร?”มาก่อนบ้าง?.. ส่วนตัวเราเชื่อว่า..”แต่ละคน”ล้วนแต่มี”ความทรงจำฝังลึก?”เรื่อง”อาการ,บุคลิกของลิงลม?,หรือหนุมาน?”มาก่อนกันแทบทั้งนั้น?.. ใช่หรือไม่?..(เรื่อง”การสักยันต์?”แล้วมี”อาการออกฤทธิ์ออกเดช?”นั้น,อยากเชิญให้”อ.เจษ,จิตแพทย์,พระที่อยู่ในศีล”ควรได้ออกมาวิเคราะห์,และแสดงทัศนะบ้าง,เพื่อให้สังคมไทยควร”ตาสว่าง?”กันได้แล้ว)..


โดย: สมจิต IP: 27.145.113.52 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:47:15 น.  

 
(C)4.และอยากขอให้”สำนักพุทธ,กระทรวงพม.,กระทรวงศึกษา”ได้ออกมาทบทวนเรื่อง”กฎหมาย”ว่า.. ควรให้มีหรือควรยกเลิก(ห้าม)”สำนักสักยันต์”(บางส่วน)ที่เน้นไปในเรื่อง”ฤทธิ์เดช?”,ที่มีลักษณะของการ”ขุดหรือกระตุ้น?”เอา”อุปาทานของมนุษย์?”(หรือรวมทั้งเทคนิค”อุปาทานหมู่?”หรือ”จิตวิทยาสะกดจิตหมู่?”,โดยใช้”บริบทความศรัทธา?”ในตัว”ครูอาจารย์ผู้สักยันต์?”)มาใช้เป็น”ประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง?”(ที่มักมีการแอบแฝงใช้”ภาษาคาถาต่างชาติ?”รวมทั้ง”บาลี,สันสกฤษ?”ที่ปกติคนทั่วไปฟังไม่รู้เรื่อง,ทำให้ง่ายต่อการ”สร้างอุปาทานในจิต?”ของ”ผู้รับการสักยันต์นั้นๆ?”มากยิ่งขึ้น?),รวมทั้งอาจมีเรื่องของการใช้”พระพุทธรูปของพุทธ?”,และการ”สวดเริ่มต้น?”,ที่มักใช้”บทสวดของพุทธศาสนา?”(ซึ่งผิดเรื่อง”มหาศีล”ด้วย),เอามาใช้เป็น”บริบทสร้างภาพ?”ให้ดู”ขลังยิ่งขึ้น?”มาร่วมด้วย?(เพื่อเพิ่ม”ความศรัทธา?”ให้มากยิ่งขึ้น?)ต่อไปอีกหรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 27.145.113.52 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:51:44 น.  

 
(a)ได้ชมรายการ”ทุบโต๊ะข่าว,24-11-66”ช่วง”ทลายแก๊งอาชญากรรมขนาดเล็ก”แล้ว.. มี”ข้ออุทาหรณ์”ดังนี้ครับ..
สังเกตว่า..สังคมไทยทั้งๆที่เป็น”สังคมเมืองพุทธ”,แต่นับวันคนยิ่งห่างไกล”หลักศาสนาพุทธ”(ซึ่งสอนเรื่อง”บาปบุญคุณโทษ”),คือยิ่งกลับไม่เชื่อ”เรื่องกรรมหรือวิบากกรรม”,เพราะมองว่า..เป็นเรื่อง”นามธรรมที่พิสูจน์ยาก”.. แต่ส่วนตัวเรา,เราเคยเรียนเรื่อง”กรรม,วิบากกรรม”กับ”บางสำนักพุทธ”(สายสีกรัก)มาก่อน,เราจึงมี”หลักคิดส่วนตัว”ในเรื่อง”กรรม,วิบากกรรม”ที่เกิดจากการสังเกตใน”ประสบการณ์ของตัวเอง”(เป็นการสังเกต,วิเคราะห์ส่วนตัวเท่านั้นครับ)ดังนี้.. 1.อดีตตั้งแต่เด็กมาเลย,เราเคยชอบกิน”ปิ้งปีกไก่”(เทียบได้กับ”แขนไก่”,ซึ่งแม่ค้าจะตัดแยกตั้งแต่ประมาณช่วง”หัวไหล่ไก่”นั่นแหละ),ที่เขา”ปิ้งแห้งๆ,ไม่แฉะ”,มีกลิ่นหอมชวนกิน,จึงติดรสชาติมาก,ซื้อมากินเกือบทุกวัน(หรือบ่อยๆ)ในระยะเวลาเป็นสิบๆปีมา(แต่”ปิ้งขาไก่”,เราไม่ค่อยชอบนะ,ซึ่งก็ไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับ”แข้งขาตัวเอง”สักเท่าไหร่..นั่นเอง),วันหนึ่งเมื่อราว7-8ปีก่อน,อยู่ไม่อยู่,ไม่มีเหตุใดๆ,ก็เกิด”หนองผุด”ขึ้นมาที่”หัวไหล่ด้านซ้าย”ที่อยู่ด้านหลังเอาดื้อๆ(ซึ่งเรามองว่าน่าจะเป็น”วิญญาณแขนหรือปีกไก่?”มาดลให้เป็น”โรคจากกรรมวิบาก”เป็นแน่?),เพราะ”หนองเป็นหลุมลึก”,จึงต้องไปหาหมอ,หมอก็ดูแล,และให้ไปล้างแผลที่รพ.ทุกวัน,และเปลี่ยนสำลีที่ยัดเข้าไปในรู,และปิดผ้าพลาสเตอร์ให้,หลายวันกว่าแผลจะเริ่มแห้ง,แต่พอแผลสมานตัวกลับกลายเป็น”ไตแข็ง?”นูนขึ้นมาที่”จุดที่เคยเป็นหนอง”นั้น,พอมือลูบไปถูก”ไตแข็ง”นั้น,ก็จะรู้สึกรำคาญ,อยากไปผ่าออก,แต่ก็ดันเคยเป็น”เส้นเลือดหัวใจตีบ,ทำบอลลูนอยู่1เส้น”,จึงกังวลว่า..ถ้าผ่า,อาจมี”เกล็ดเลือดและเม็ดเลือดขาว”มาออ,มาคั่งที่บริเวณ”หัวไหล่”,ซึ่งใกล้จุดที่”เส้นเลือดเคยตีบ”มาก่อนนั้น,และอาจมีผลทำให้”เส้นเลือดเกิดตีบ"ขึ้นมาเพิ่ม”อีกจุดหรือจุดเดิม”ก็เป็นได้ ,ก็จึงยอม”ทนรำคาญเช่นนี้”อยู่ต่อไปจนถึงปัจจุบัน..


โดย: สมจิต IP: 27.145.114.204 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา:22:59:54 น.  

 
(ก.)ขอแทรก"ข้อคิด"ต่อ”เรื่องสำคัญที่กำลังเป็นข่าว”กันอย่างเอิกเกริกอยู่2-3ข่าวในช่วงนี้ก่อนนะ)..
“ข้อเสียของระบบอุปถัมภ์(?)”(หรือความเป็นคนที่รู้จักมักคุ้น,เคยสนิทสนม,หรือเคยมีนั่นมีนี่กันกับ”คนเป็นจำนวนมาก”มาก่อน)ซึ่ง”สังคมไทย”มักมีเรื่องทำนองนี้อยู่มากถึงมากที่สุด..ก็ว่าได้(?).. เราเคยศึกษาเรื่อง”การมีกิเลส”และ”การตัดกิเลส”ของ”พุทธศาสนา”มาก่อน.. เราแทบจะไม่อยากมี”คนรู้จักคุ้นเคยมากๆ”เลยนะ.. เพราะ”จริต,นิสัย,อารมณ์,การแสดงออก”ของ”จิตวิญญาณต่างๆ”นั้นมีหลากหลายรูปแบบ,และควบคุมได้ยากมาก(?).. ซึ่งเราแทบจะสรุปส่วนตัวเลยว่า..ไม่ว่ายุคไหนๆโดยเฉพาะยิ่งยุคนี้แล้ว,การรู้จักสนิทกับ”คนจำนวนมากๆ”ยิ่งเป็น”สิ่งที่ไม่ดี?”หรือ”อาจมีผลร้าย?”ต่อตัวของ”ผู้ที่มีตำแหน่งแห่งที่?”หรือ”มีอำนาจในหน้าที่การทำงาน?”เพื่อ”บริหารสั่งงาน,อนุญาต,อนุมัติในเรื่องต่างๆได้?”ไปกันใหญ่?..(เพราะอาจปฏิเสธ”การขอให้ช่วยเหลือนั่นนี่?”กับ”คนที่เคยคบคุ้นกันมาก่อน?”ที่”อาจโทรมาหา?,หรือ”มาหาเองเลย?”นั้นไม่ค่อยจะได้?..ประมาณนั้น).. เช่น..


โดย: สมจิต IP: 27.145.113.140 วันที่: 1 ธันวาคม 2566 เวลา:6:03:03 น.  

 
(ข.)ถ้า”เขา?”(ผู้ใดผู้หนึ่ง?)ถ้าไม่รู้จักคุณ(ที่มี”ตำแหน่งหน้าที่”ใน”การงานสำคัญ”)เลย.. แล้วเขาจะกล้ามาขอใน”เรื่องเทาๆ?”กับคุณโดย”ไม่มีปี่มีขลุ่ย?”(โดยใช้”สำนวนการพูด?”แบบคล้ายเคย”รู้จัก,คบหา,คุ้นเคย?”กันมาก่อน?)..ได้หรือไม่?..(ซึ่งมักมีคำถามแบบ”ป้องกันตัวเอง?”ประมาณว่า”ตอนนี้..คุณอยู่คนเดียวหรือเปล่า?”..ประมาณนั้น..เพื่อนำร่องไว้ก่อนเสมอ?)..
2.ยุคสมัยนี้..”โทรศัพท์”มีการ”บันทึกเสียง”ไว้ได้,ไม่ว่าจะเป็นจาก”ผู้โทรมา”หรือ”ผู้รับสายเอง”ก็ตาม.. ซึ่งอาจ(แอบ)”บันทึกไว้?”,เพื่อไว้ทวงถามเมื่อ”อีกฝ่ายไม่ทำตามคำพูดที่ตกลงกันไว้?”ก็ตาม,หรืออาจใช้เพื่อ”เล่นกลับ?”เมื่อถูก”อีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อ?”มาก่อน?..ก็ตาม(?)..
3.”การโทรศัพท์”ที่”ติดต่อกันส่วนตัว?”,โดยอาจพูดเรื่อง”จะช่วยค่าใช้จ่ายนั่นนี่,กันเป็นน้ำหนักกิโลๆ?”,โดยไม่ยักพูดถึงว่า..”จะให้โอนไปยังชื่ออะไร?”,หรือจะให้ส่งเป็น”น้ำหนักสดๆ?”เลย?,ณ สถานที่แห่งใด?.. นั่นยิ่งเป็น”เครื่องชี้?”ว่า.. อาจเคยมี”การตกลงยื่นเป็ดพะโล้,ยื่นไก่อบฟาง?”กันมาแล้วหลายครั้ง?,หรืออย่างน้อยก็ต้อง(เคย)มีซัก1ครั้ง(มาก่อน)แน่ๆ?..หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.104 วันที่: 1 ธันวาคม 2566 เวลา:6:31:17 น.  

 
(ค.)4.”ผู้มีหน้าที่”ที่มี”อำนาจสำคัญต่างๆ”ที่มักต้อง”ชี้แจงเรื่องราวต่างๆ”ต่อหน้า”สื่อมวลชนและประชาชน”,พึงต้องตระหนักว่า..”ประชาชนหรือสื่อมวลชน”นั้นเขาก็”กินปลา”(ที่มี”โอเมก้า3”)กันเยอะ,เขาอ่านคุณออกได้เสมอ(?),แต่ที่ไม่พูดอะไรต่อหน้าคุณ(?),ก็เพราะอาจกลัวคุณฟ้องเขา(?)..เท่านั้นเอง(?)..(ซึ่งถ้าคุณคิดจะอยากเข้ามา”ทำงานรับใช้ประชาชน?”หรือ”ทำงานภาครัฐ?”,คุณจะต้องพูดแบบ”ตรงไปตรงมา?”อย่างเดียวได้เท่านั้น(?),และควรต้อง”ชำระตน?”หรือ”ตรวจสอบตนเอง?”เมื่อ”ครั้งอดีต?”ให้”บริสุทธิ์?”เสียก่อนด้วย?.. หรืออย่างน้อย”คน(ปชช.)จำนวนมาก?”ก็อยู่กับ”คนด้วยกัน?”,คุ้นเคยกับ”อากัปกิริยา?”ของ”ผู้คนต่างๆ?”มาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว(?).. บางครั้ง..คุณอาจแถลง”ชี้แจงต่อสื่ออย่างหนึ่ง?”,แต่จับฟังดู”สำนวนการพูด,แววตา,สีหน้า,ท่าทาง?”แล้ว,เขา(หรือ”ประชาชนผู้ชมการชี้แจง?”)ก็อาจไปพูดกันเองว่า..”ดูท่าทางเชื่อไม่ค่อยได้?”,เขาอาจพูดกันทำนองว่า..อาจ”มีนั่น,มีนี่อะไรบางอย่าง?”ต่อ”บางบุคคล?”,เพราะ”เคยรู้จัก?”หรือเพราะอาจเพื่อไม่ให้”พาดพิง?”,จนทำให้”เรื่องลาม?,ขุดคุ้ย?”มาสู่”อะไรที่สีเทาๆ?”ของ”ตัวเอง?”(จึงต้องพูดเชิง”เบี่ยงเบน?,ยับยั้ง?”เรื่องราว?..ไว้ก่อน?)ด้วยก็เป็นได้?,จึงรีบชิงพูดเพื่อปกป้อง”คนที่อยู่ในหน้าที่ใกล้ๆกัน?”ไว้ก่อน?..ประมาณนั้น(?)..(ใช่หรือไม่?)..


โดย: สมจิต IP: 124.122.15.144 วันที่: 1 ธันวาคม 2566 เวลา:7:31:22 น.  

 
(ง.)เพราะในเชิง”จิตวิทยามนุษย์”นั้น.. การสังเกตว่า..”คนไหนเป็นคนซื่อตรง?,คนไหนเป็นคนบุคลิกมีนอก,ใน?”นั้น.. ก็โดยทั่วไป,คนทั่วๆไป,ก็พอที่จะมี”เซ้นซ์รับรู้ได้”ทาง”แววตา,สีหน้า,ท่าทาง,สำนวนคำพูด”พอสมควรอยู่แล้ว(?).. หรือเหมือนถ้าเราเดินผ่าน”คนที่มีอาการเมาหนักๆ?”,ก็น่าจะพอสัมผัสรู้ได้?..ใช่หรือไม่?..ก็ประมาณนั้น?..นั่นแหละ?.. ถึงแม้”ประชาชนทั่วไป”จะ”ไม่มีอำนาจ”หรือ”ไม่มีหลักฐาน”พอที่จะกล่าวหา”ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่”ก็ตาม,แต่ในเรื่องการสังหรณ์”เรื่องเซ้นซ์สัมผัส?”ว่า”ใครบริสุทธิ์?”หรือ”ใครไม่ตรงไปตรงมา,เหลี่ยมเยอะ?”,เขา(ปชช.+นักข่าว)ก็น่าจะพอจับสังเกตรู้ได้นะว่า”ใครเป็นอย่างไร?”เราว่า?.. ดังนั้น..ต้องคิดว่า..”ประชาชนหรือสื่อมวลชน”เขาก็กิน”ข้าวปลาอาหาร,มีสารอาหารเลี้ยงสมอง”เช่นเดียวกับเราเหมือนกัน(?).. ดังนั้น..”ประชาชนหรือสื่อมวลชน”เขาก็น่าจะ”รู้เท่าทัน?”ต่อ”ผู้ที่มีตำแหน่ง,หน้าที่การงานสำคัญ?”กันทั้งนั้นแหละ(?).. อยู่ที่ว่าเขาจะกล้าแสดงออกแค่ไหน?..เท่านั้น?.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.15.238 วันที่: 1 ธันวาคม 2566 เวลา:8:02:57 น.  

 
(A)ได้ชมรายการ”Suthichailive,5-12-66”แล้ว.. มี”ข้อคิดเห็น”ดังนี้ครับ..
(อุทาหรณ์การ”ฝากปลาย่างกับแมวเหมียว?”ของ”สังคมไทย”)สังคมเราต้องคิดกันให้เป็นนะ(?).. ถ้าคุณคิดจะเอา”เจ้าแมวเหมียว?”(ที่อาจ”จับหนูเก่ง?”)ที่ว่างๆก็ชอบเข้ามาทำทีตีสนิท”ไซ้แข้งไซ้ขา?”ของคุณ(”วุ้ย..น่าเอ็นดู๊?”),แล้วคุณลองสั่งว่า”นี่..เหมียว..เฝ้าปลาย่างให้ดีๆนะ”.. ถ้าสมมุติ”คุณเหมียว”พูดได้,และพูดว่า”เหมียวจะเฝ้าปลาย่างไม่ให้มีรอยขูดขีดเลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ”.. ถามว่า”คุณจะเชื่อคำพูดของเหมียวนี้ได้หรือไม่?”.. เพราะ”สัญชาตญาณ?”ของ”นักธุรกิจใดๆ?”ที่ทั้งชีวิตมุ่ง”แสวงหาคำตอบ?”ของคำว่า”กำไร-ขาดทุน?”(ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม?)จะสามารถสละ”สมองและหลักคิด?”ของ”ความเป็นนักธุรกิจ?”แล้วมา”ทำงานแบบเสียสละเปล่าๆ?”(เพื่อ”ช่วยเหลือสังคม?”)ได้ล่ะหรือ?.. เพราะ”สัญชาตญาณของแมว?”ซึ่งมี”คำพังเพย”ว่า”อย่าฝากแมวไว้กับปลาย่าง?”(โดยเด็ดขาด)นั้น.. คงเป็นจริงเสมอ”ตราบโลกแตก?”นั่นแหละ.. เพราะถ้าคุณขืนคิดจะฝืน”บริบทของธรรมชาติ?”.. เช่น.. คิดจะ”จับ(ดึง)แมวทางหาง?”,หรือ”เอาเชือกผูกหางแมวไว้?”, คุณจะเห็นมัน”ต่อสู้ดิ้นรนแบบไม่คิดชีวิต?”เลยล่ะ.. หรืออีกที..ถ้าคุณ”จับหางแมวไม่แน่น?”หรือ”ไม่มีวิธีป้องกันที่ดี?”, มันอาจ”สลัดหลุด?”และพุ่งกระโจนขึ้นมาบน”ตัวคุณ?”จนถึง”ใบหน้าและศีรษะของคุณ?”ด้วย”เล็บคมๆของมัน?”จนคุณอาจถึงกับมี”รอยขีดข่วนจากเล็บแมว?”ไปทั้งตัวได้เลยเชียวแหละ(?).. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.15.250 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:15:12:26 น.  

 
“ประเด็น”ที่”นักแฉ”(บางส่วน)ต้องตื่นตัวกันให้มากนะ..คือ.. สิ่งที่”นักการเมือง”(บางส่วน)และ”นักแฉ”(บางส่วน)ต้องตระหนักว่า.. เมื่อจะทำ,จะพูดอะไรก็ตาม?..ก็คือ”ดิจิตอลฟุตปริ้นซ์”ซึ่งอาจทำให้ท่าน”ดิ้นไม่หลุด?”.. ดังนั้น..ต้องเปลี่ยนทัศนะให้เป็น”คนพูดตรงไปตรงมา”เสมอ(?),เพราะถ้า”พูดความจริงเสมอ?”,จะได้ไม่ต้องคอยกังวล?,จะพูดกี่ครั้งก็จะเหมือนกันทุกครั้ง?,เวลาจะพูดจะได้ไม่ต้องคิดนาน?,เพราะธรรมชาติ..เรามักไม่จำสิ่งที่เราได้โกหกใครไปแล้ว?,แต่ถ้าเราเคยพูดโกหกอะไรกับใครไป?,เวลาเราจะพูดเรื่องนั้นอีกครั้ง?,เราจะตะกุกตะกัก?,และตอบคำถามได้ช้าลง?,เพราะมามัวนึกว่า..ครั้งก่อนเคยโกหกว่าอย่างไรไปแล้วนะ?,ก็จะต้องพยายามพูดให้เหมือนเดิม?,เดี๋ยวถ้าพูดครั้งนี้ไม่ตรงกับครั้งที่แล้ว?,ก็จะถูกจับโกหกได้?,และรวมทั้ง”การตอบคำถาม?”แบบ”ไม่กล้าสบตากับผู้สื่อข่าว?”,หรือไม่กล้า”มองกล้องตรงๆ?”อีกด้วย?..
ดังนั้น..ประเด็นไม่ได้สำคัญอยู่ตรงคำว่า”....เถื่อน?”หรือ”....ไม่เถื่อน?”.. แต่”ประเด็นที่สังคมและนักข่าวสนใจ?”คือ..
1.มีพูดว่า..”อยู่คนเดียวหรือเปล่า?”..
2.ค่าบริหารจัดการที่เป็นกิโล?..
3.มีย้ำ..”ให้ปล่อยตู้ใช่มั้ย?..ปล่อยตู้....ตู้,ให้....โลนะ?”..
4.มีพูดว่า..”เรื่องนี้เรารู้กัน...คนนะ?,ไม่ต้องไปเล่าให้ใครฟังก่อนนะ?”..
5.ถ้าเป็นเรื่องที่”ถูกกฎหมาย?”.. น่าจะไป”พูดติดต่อกัน?”อย่าง”เปิดเผย?”,แบบ”มีคนกลาง?”(เช่น.. “เจ้าหน้าที่รัฐ?”)ร่วมเป็น”พยานบุคคล?”ร่วม”รับรู้,รับเห็น?”(โดยไม่ต้องกลัวว่า..จะมีการ”แอบบันทึกเสียง?”ทาง”โทรศัพท์”?หรือไม่?),เพราะไม่มี”ความลับที่ต้องปกปิด?”อยู่แล้ว?..ใช่หรือไม่?..
6.ถ้าเป็นเรื่องตรงไปตรงมา.. แล้ว"อัดคลิป,ปล่อยคลิป?"..เพื่อ...?..
...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.15.250 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:16:34:53 น.  

 
(A)วันนี้ได้ดูข่าวเกี่ยวกับ”เซเล่บ”(บางท่าน)ถูกสามีนอกใจ.. จึงมี”ความคิดเห็น”ให้กับสังคมดังนี้..
“สังคมไทย”ควรพิจารณาเรื่อง”การตั้งชื่อ”(โดยเฉพาะ”ชื่อเล่น”),และการ”มีศีลธรรมในบ้านเมือง”ให้ดีๆ.. “สังคมเรา”(รวมทั้ง”ผู้ใหญ่ๆทั้งหลาย”),เรามักไม่คำนึงถึง”เรื่องชื่อ”กันสักเท่าไหร่?.. เช่น..อย่างถ้าเป็นเราเป็น”ผู้ดูแลสังคม”นะ.. อย่างเช่น..
1.ถ้าเคยมี”ข่าวดังอื้อฉาว”และมี”หนังบางเรื่อง”ที่นำเสนอ”คดีรุมข่มขืนโทรมหญิง”(ที่เป็น”เรื่องราวที่ควรถูกประณาม”)โดยใช้”ชื่อหนัง”เป็นชื่อของ”ท้องถิ่นหนึ่ง”ในประเทศไทย,ที่เป็นที่ที่เกิด”เหตุการณ์ดังกล่าว”,เราก็จะ”ระงับการฉายหนังเรื่องนั้น”ทันที,เพราะมองว่าอาจ”ชี้นำสังคม?”ไปในทางที่”ผิดศีลธรรมทางเพศ?”เพื่อมุ่งหวัง”ผลกำไร?”ใน”ทางธุรกิจ?”เท่านั้น?..หรือไม่?.. และจะจัดการเปลี่ยน”ชื่อท้องถิ่นนั้น”ทันที.. แต่เราเห็นว่า”ผู้ใหญ่ๆ?”ใน”สังคมไทย”แทบไม่มีใครแสดง”ความเดือดร้อน”หรือเสนอ”การแก้ไขชื่อเหล่านี้?”แต่อย่างใดเลย?..


โดย: สมจิต IP: 27.145.113.234 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:20:22:17 น.  

 
(B)2.หรือแม้แต่การมีชื่อของ”สถานท่องเที่ยวบางแห่ง”ที่มีชื่อ”....ตา,.....ยาย”,ที่ฟังดูแล้วกลายเป็นไปนำเสนอเรื่องที่ชวนให้ไปนึกถึงเรื่อง”อวัยวะเพศของชายและหญิง?”,เราก็จะหาทางเปลี่ยนแปลงแก้ไข”ชื่อสถานที่นั้น?”ทันที,และหาทางไม่ทำให้”เรื่องราวทางเพศ?”กลายมาเป็น”จุดขายของสังคมไทย?”,เพราะเรามองว่า..อาจมีผลไปถึง”DNA”ของ”สายพันธุ์ของคนไทย?”ที่อาจ”กลายพันธุ์?”เป็น”เชื้อสาย?”ที่”กร้านต่อการทำเรื่องผิดศีลธรรม?”ในอนาคตอันยาวไกล?ได้ด้วย?.. เช่นนี้เป็นต้น..
3.เราเองยังเคยแนะนำ”เด็กหญิงคนหนึ่ง”(ที่”สำนักสีกรักแห่งหนึ่ง”)ที่มี”ชื่อเล่น”ที่มีความหมายของคำว่า”คู่ซ้อน,คบซ้อน”(ประมาณ=คำว่า”ชู้”)ว่าควรเปลี่ยน”ชื่อเล่นคำนี้”เป็น”คำอื่น”นะ.. เพราะเป็นคำที่คล้ายทำให้นึกถึงเรื่องที่”ผิดศีลธรรมทางเพศ?”(ดูไม่เป็น”มงคลกับชีวิต”,ซึ่งอาจก่อเกิด”ภัยทางเพศ?”ให้กับ”ตัวเอง”ได้ด้วยนะ?),แต่ไม่รู้ว่าเขาได้ไปแก้ไขหรือเปล่า?..


โดย: สมจิต IP: 171.97.112.102 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:20:48:25 น.  

 
(C)4.ส่วนตัวเราเชื่อ”เรื่องกรรม”(ของ”หลักศาสนาพุทธ”)ว่า..น่าจะ”มีผลต่อชีวิตของเรา”อยู่บ้างนะ(?).. เช่น.. เราเคยให้”ความเห็น”ทาง”FB.”(เพจหนึ่ง)ทำนองว่า.. ถ้ามีคนที่เป็น”คนที่ไม่ค่อยดี?”ก็ตาม,แต่ถ้าเขาไปเจอกับ”คนกินเจหรือนักมังสวิรัติ”,หรือ”ร้านอาหารเจ”,เขาจะอยากไป”ทำร้าย?”หรือ”จี้ปล้น?”หรือไม่?..(เพราะเราว่า”คนเรา”มักมี”จิตสำนึกที่ดี”ซ่อนอยู่ใน”จิตใจส่วนลึก”ของเขาอยู่เสมอ),แต่เรามักเห็นว่าหรือมักมีแนวโน้มตามข่าวว่า.. “คนที่ถูกทำร้าย”(ในหลายๆเหตุการณ์ตามข่าวต่างๆ)มักเป็นคนที่มี”วิถีชีวิต”ที่”ไม่ถูกหลักศีลธรรมของศาสนา?”ด้วย?..แทบทั้งนั้น(?).. เช่น.. “คนร้ายบางคน”มักไป”ปล้นหรือทำร้ายคนที่เลี้ยงวัว?”บ้าง?,หรือ”เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง?”เป็นอาชีพบ้าง?,เพราะเขาอาจคิดว่า.. เอ็งก็ไม่ใช่”คนดี?”ซักเท่าไหร่?,เพราะก็ยังเอาเปรียบสัตว์อยู่เลย?.. ประมาณนี้เป็นต้น..หรือไม่?..
5.หรือคนที่มัก”ผิดศีลข้อ5”ที่ชอบ”สังสรรค์ดื่มสุราอยู่เป็นนิจ?”,หลายครั้งก็มักจะ”เจอเหตุร้ายกับตัวเอง?”,เพราะอาจเกิดจากความรู้สึกว่า..เขาก็ไม่ใช่”คนที่เป็นคนดิบดี?”อะไรนัก?..ประมาณนี้?..หรือไม่?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.52 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:21:01:10 น.  

 
(D)5.ดังนั้น.. เรามักสังเกตว่า.. “ผู้ที่มีอาชีพร้อง,เต้น?”ที่มี”ร้อง?และเต้น?”ไปในเนื้อหาที่ไม่ส่งเสริม”จริยธรรมทางเพศ?”สักเท่าไหร่?,และ/หรือรวมทั้ง”ผู้ที่มี”ชื่อเล่น”ที่ทำให้”ผู้ได้ยิน”เขาแว็บไปนึกถึงเรื่องการมี”คู่ซ้อนหรือการคบซ้อน?”ดังกล่าวไปแล้วข้างต้น.. “หลายคู่,หลายคน?”มักจบลงด้วยการที่มีการ”แยกทางกับคู่ของตน?”ให้เห็นอยู่เสมอ(?).. ดังนี้เป็นต้น.. เพราะโดยมาก..”ผู้ชาย?”นั้น(ซึ่งเราก็เป็น”ผู้ชาย”เช่นกัน.. ซึ่งเราคิดว่า..”เราเข้าใจผู้ชาย?”ได้พอสมควร),ถ้าให้ได้”สัมพันธ์กับผู้หญิงชั่วครั้งชั่วคราว?”หรือ”วันไน้ท์สแตนด์?”(=”สัมพันธ์คืนเดียว?”),หรือ”ชั่วระยะเวลาหนึ่ง?”เพื่อ”เสพสุขทางเพศ?”นั้น,เขาย่อมยินดี,ถ้าเกิดจาก”ความยินยอม?”,และ”ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ?”นะ?.. แต่พอเขาคิดว่า.. ถ้าจะให้เลือกที่จะเป็น”คู่ชีวิต?”ตลอดชีวิต?นั้น,เขามักจะต้องคิดมากขึ้น?.. เพราะ”คู่ต่างๆช่วงโปรโมท?”นั้น,”ชีวิตชีวา”ยัง”สด,ใหม่,ใสปิ๊ง?”,ก็มัก”อยู่กันดี,หวานชื่น?”กันทั้งนั้นแหละ(?),แต่พออยู่กันนานๆซักหน่อย,อาจเห็น”ข้อบกพร่องบางอย่าง?”เมื่ออยู่ร่วมกันขึ้นมา,เขา(ผู้ชายบางคน)ก็มัก”มีเหตุผลมาสมทบ?”ใน”ความคิดของตัวเอง?”ประมาณว่า.. นี่แหละ..ก็ดันเอาคนที่มีลักษณะคล้าย”กล้า,ก๋ากั่นทางเพศ?”มาเป็นแฟน?,แล้วจะหวังให้เป็น”หญิงที่มีคุณภาพทางความคิด?”และ”ทางศีลธรรมจรรยาที่สมบูรณ์?”ได้อย่างไร?.. และนี่แหละ..ย่อมเป็นเหตุสนับสนุนให้เขา(ผู้ชายบางคน)อาจอยากหาเรื่อง”นอกใจ?”ไปหาคบ”ผู้หญิงคนใหม่”..นั่นเอง(?)..
...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 171.97.112.88 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:21:33:14 น.  

 
(a)(ความเห็นส่วนตัว)..
“ข้อคิด,ข้อเตือนสติ,เตือนใจ”ใน”ยุคเทคโนโลยี่สื่อสารเฟื่องฟูและทันสมัย”..
1.ทั้ง”ประชาชน,นักร้องเรียน,นักการเมืองทุกๆท่าน”,ควรตระหนักให้ดีว่า.. ไม่ควรติดต่อกับ”เจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจหน้าที่”(ที่เป็นผู้”บังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ”)หรือ”กระบวนการยธ.”เป็น”ส่วนตัว”(หรือ”ลับเฉพาะ”),โดยถือ”ความสะดวก”โดยใช้”โทรศัพท์”,เพราะ”โทรศัพท์แทบทุกระบบ,ทุกชนิด,ทุกเครือข่าย”(ในปัจจุบัน)ล้วนมี”เทคโนโลยี่อัดเสียงไว้ได้”,จนอาจเป็นเหตุให้นำมาใช้”แบล็คเมล์?,หักหลัง?,เรียกร้องค่าปิดปาก?”,ซึ่งอาจทำให้”เสียชื่อเสียง?”ได้ในภายหลัง(?),เมื่อเกิดการ”พลิกล็อค?,เปลี่ยนใจ?,ไม่สมประโยชน์?”,หรือ”ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน?”,ซึ่งทำให้”แต่ละฝ่าย?”หรือ”บางฝ่าย?”เสียทั้ง”เครคิตหรือความน่าเชื่อถือ?”ได้ในภายหลังอีกด้วย(?)..


โดย: สมจิต IP: 171.97.112.10 วันที่: 7 ธันวาคม 2566 เวลา:12:23:39 น.  

 
(b)2.ถ้า”สิ่งที่ต้องการตกลงกัน?”นั้นเป็นเรื่องที่ปกติ,ไม่มีนอก,ใน?,ไม่มีเรื่อง”การติดสินบน?”.. ก็ควรติดต่อกันอย่างเปิดเผย,มี”พยานของแต่ละฝ่าย”ร่วมรับฟัง,หรือติดต่อขอให้”เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยธ.”ร่วม”รับรู้,รับเห็น”ด้วยก็จะยิ่งดีมากครับ..
3.ถึงอย่างไร?.. ประชาชนต้องคิดว่า..ทำไมต้องพูดถึง”สิ่งที่จะจัดให้?”ด้วยคำว่า”กิโล?”,ถ้าเป็นเรื่องที่บริสุทธิ์,ควรพูดด้วยภาษาตรงๆ.. เช่น.. ขอค่า”วิชาชีพทนายความ?”กี่พัน?,กี่หมื่น?,กี่แสน?,กี่ล้าน?,ก็พูด”ตัวเลข?”กันไปตรงๆเป็น”เงินบาท?”ไปเลยน่าจะดีกว่าหรือไม่?,และยังไม่เป็น”ข้อพิรุธ?”ให้ประชาชนนึกระแวง,สงสัยอีกด้วย?.. ใช่หรือไม่?..
4.และประชาชนมักต้องนึกว่า.. ถ้า”แต่ละฝ่าย?”สามารถตกลงลับๆกันแล้ว?,เผอิญลงตัว?,เรียบร้อย?,ไม่มีเรื่อง?,เพราะ”สมประโยชน์กันทุกฝ่าย?”ไปแล้ว?,เรื่องต่างๆก็คงเงียบหายไปแบบ”คลื่นกระทบฝั่ง?”?,โดยอาจไม่มีใครสามารถล่วงรู้ถึง”ความไม่ชอบมาพากล?”หรือ”ความไม่ตรงไปตรงมา?”ของ”สังคมไทย”ได้เลย?..หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 171.97.112.10 วันที่: 7 ธันวาคม 2566 เวลา:12:35:39 น.  

 
ได้ชมรายการ”เนชั่นทันข่าวค่ำ,1-12-66”แล้ว.. มี”ข้อคิดเห็น”ดังนี้ครับ..
เราได้ดู”ข่าวนักเรียนขอทุนกยศ.”ที่เป็น”มุสลิมและปิดแม้ซ”,ทำให้เกิด”จินตนาการ,แนวคิดส่วนตัว”ดังนี้..
“โลกทั้งผองล้วนพี่น้องกัน”,มาจาก”อีวาและอาดัม”เป็น”จุดเริ่มต้น”เมื่อครั้ง”พระเจ้าเริ่มต้นสร้างโลก”.. เราเคยศึกษาทั้ง”พุทธและคริสต์”มาก่อน.. เราเห็นว่า..จะเป็นไปได้มั้ย?..ถ้าจะมีการตั้ง”ศาสนารวม”ของ”คนทั้งโลก”,โดยดึงเอา”จุดดี,จุดเด่น”ของ”แต่ละศาสนาใหญ่ๆ”มาหลอมรวมกันเป็น”ศาสนาโลก”?.. เพราะ”ทุกศาสนา”ล้วนมี”จุดดีของตน”ที่แตกต่างจาก”ศาสนาอื่น”ทั้งนั้น.. เช่น..
1.เอาเรื่อง”เชื่อหลักกรรมและวิบากกรรม”และ”การบำเพ็ญลดละกิเลส”ของ”พุทธ”..
2.เอาเรื่องการมี”จิตสำนึก”ที่”รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”ของ”คริสต์”ที่มี”จุดเด่น”ในเรื่องการ”สงเคราะห์สังคม”,ช่วยเหลือ”ผู้ตกทุกข์ได้ยาก”เป็นหลัก(อย่างตัวอย่าง”แม่ชีเทเรซ่า”..เป็นต้น)..
3.เอาเรื่องของการ”คลุมฮิย้าบ”ของ”หญิงมุสลิม”(โดยเฉพาะเมื่อ”ปิดแม้ซ”ใน”ยุคโควิด”ด้วยแล้ว),ดูแล้วจะไม่มีลักษณะการ”ยั่วยวนทางเพศ”ใดๆเลย.. ซึ่งจะช่วยให้โลกเราลดการก่อ”อาชญากรรมทางเพศ”ลงไปได้มากด้วย..
ถามว่า..ถ้าเอา”หลัก3ข้อ”ของ”3ศาสนา”มาผูกรวมกัน.. น่าจะช่วยให้โลกนี้ร่มเย็นลงมากกว่านี้หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.154 วันที่: 10 ธันวาคม 2566 เวลา:19:28:12 น.  

 
(A)วันนี้ได้ชมรายการ”ข่าวช่อง8,11-12-66”ช่วง”นักมวยดังกับสาว17”แล้ว.. มี”ข้อคิดเห็น”ดังนี้ครับ..
สังคมไทยน่าเป็นห่วง.. บอกว่าเป็น”พุทธ95%”(แต่ไม่เคร่งศาสนาเท่า”ชาวมุสลิม”).. “กระดุมเม็ดแรกที่ติดผิด”ก็คือ.. การปล่อยให้มีการจำหน่าย”แอลกอฮอล์”แบบค่อนข้างอิสระ(ซึ่งเป็น”เครื่องดื่ม”ที่ทำให้”สติคุ้มครองตนเอง”ลดลง,การ”ตัดสินผิดถูก”จะถูก”ทำให้เบลอ”,มีความ”กล้าและคะนอง”มากกว่าปกติ)..
ถ้าจะบอกว่า..เอ้า..”ประเทศฝรั่ง”เขาก็มี”ดื่มสุรา”กันเหมือนกัน.. แต่เราต้องอย่าลืมว่า..”พื้นฐานของคนฝรั่ง”นั้น,”ระเบียบบ้านเมือง”เขาสอนให้ประชากรของเขา”มีวินัย”ไงล่ะ.. เช่น.. ถ้าเมาแล้วจะไม่ขับรถเอง..เป็นต้น..
ดังนั้น.. สำหรับ”สังคมไทย”,เมื่อ”สติไม่เต็มที่”ก็ง่ายที่จะ”กล้าทำความผิดต่างๆ”ตามมา.. อยากบอกว่า..ถ้าเอาจริงๆนะ.. ช่วยรณรงค์ให้”สังคมไทยไร้แอลกอฮอล์”[ไม่ใช่มีแต่คำขวัญว่า”งดเหล้าเข้าพรรษา”หรือ”ให้เหล้าเท่ากับแช่ง”เท่านั้น,ซึ่งไม่สู้จะเป็นประโยชน์เท่าใดนัก(?)..ใช่หรือไม่?]..
เพราะ”อาชญากรรมต่างๆ”มักมี”จุดเริ่มต้น”ที่การ”สังสรรค์ดื่มสุรา(?)”กันก่อนเสมอ,อะไรทำให้”คนไทย”ชอบทำลาย”สติสัมปชัญญะของตัวเอง”,จะสังเกตว่า..”คนเชื้อสายจีนในไทย”,เราไม่ค่อยเห็นเขา”ติดการดื่มสุรา?”กันซักเท่าไหร่นะ?,เราว่า?..
ส่วน”คนขาย”เขาก็โทษ”คนกิน”,เขาบอกว่า..ถ้า”คนไทยไม่กินสุรา”,เมื่อ”โรงงานผลิตสุราออกมา”แล้ว”จำหน่ายไม่ได้”ก็ต้องเลิกผลิตไปเอง..ประมาณนั้น..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.182 วันที่: 12 ธันวาคม 2566 เวลา:0:17:14 น.  

 
(B)แล้วก็อยากถามว่า.. การ”เที่ยวเตร่,ไน้ท์คลับ,ผับ,บาร์,คาราโอเกะ,ฯลฯ”นั้น?.. “ผู้ใหญ่ๆทั้งหลายในสังคม”ท่านไม่รู้หรือว่ามันผิด”หลักอบายมุข6”ของ”พุทธศาสนา”อยู่โต้งๆ(?).. แล้ว”ท่านผู้ดูแลสังคม”(ทุกยุค)ท่านปล่อยให้”เปิดกันเต็มบ้านเต็มเมือง”ได้อย่างไร?.. ซึ่งที่สุดก็มักไปสู่การ”ล่วงละเมิดทางเพศ?”,ทั้งยินยอมบ้าง,ถูกล่อลวงบ้าง,ลามไปถึง”ความอบอุ่นในครอบครัว”ก็หมดสิ้นไป..
”ลูกที่เติบโตขึ้นมา”ก็”ไม่ภูมิใจ?”ในตัว”พ่อและแม่?”.. โดย”พ่อ”มักเป็น”ผู้เที่ยวกลางคืน?”,ส่วน”แม่บางคน”ก็มีอาชีพของ”คนกลางคืน?”,ที่มักไม่พ้นไปจากการ”ละเมิดศีลข้อ3”กันเป็นจำนวนไม่น้อย,ซึ่งยากที่จะหลุดพ้นจากปลักตมเหล่านี้ได้(?).. ทำให้สังคมไทย,”ครอบครัวไทยล่มสลาย”ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้,เพราะ”ลูกหลานคนไทยจำนวนหนึ่ง”ไม่มี”ตัวอย่างที่ดีของบุพการี”ให้”ดูเป็นแบบอย่าง”,และ”เดินรอยตาม”..นั่นเอง.. ...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.182 วันที่: 12 ธันวาคม 2566 เวลา:0:23:11 น.  

 
(a)วันนี้ได้ชมรายการ”ลุยชนข่าว,ช่อง8,12-12-66”ช่วง”เปิดภาพวงจรปิดในโรงแรม”แล้ว.. มี”ข้อคิดเห็น”ดังนี้ครับ..
การ”แก้ปัญหา”เรื่อง”การประพฤติผิดทางเพศ”,ควรแก้ที่”ต้นเหตุ”,ซึ่ง”สื่อส่วนมาก”มักพูดถกเถียงกันแค่ว่า.. “ถ้าอายุต่ำกว่า18,จะยอม,ไม่ยอม,ก็ผิดอยู่ดี”..เท่านั้น,เหมือนว่าจะ”ส่งสัญญาณกลายๆ”ว่า.. “ถ้าอายุเกิน18,ก็สามารถทำอะไรได้ตามสบายนะ(?)”..ประมาณนั้น..หรือไม่?,เพราะจริงๆแม้อายุเกิน18ไปแล้ว,ถ้ายึดตาม”หลักศาสนา”ก็คือยังถือว่าผิดเรื่อง”ล่วงประเวณี”(ศีลข้อ3)อยู่ดีนั่นแหละ(?)..
ซึ่งถ้า”สังคมเรา”เอื้อต่อ”หลักศาสนา”(อันเป็นเครื่อง”จรรโลงโลก”)โดยเฉพาะ”ศีลข้อ3”(ซึ่ง”ชาวพุทธทุกคน”รู้จักกันดี),ซึ่งเราเคยนำเสนอใน”เพจบางเพจ”มาก่อนหน้านี้แล้ว..ว่า..
1.”โรงค้างแรม?”(ควรยกเลิก”โรงค้างแรมแบบปิดม่าน?”,ซึ่งเท่ากับส่งเสริมการทำผิด”ศีลข้อ3“หรือไม่?)ต้องแบ่งส่วนเป็น”เขตหญิง-เขตชาย”(แยกกัน),”หญิง”ไม่สามารถเข้า”เขตชาย”,และ”ชาย”ไม่สามารถเข้า”เขตหญิง”,โดยให้มียามเฝ้าอยู่..
2.ถ้าจะ”พักแบบครอบครัว”ต้องมี”ทะเบียนสมรส”(ตัวจริง)มายืนยันด้วย..


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.182 วันที่: 13 ธันวาคม 2566 เวลา:0:36:30 น.  

 
(b)3.”หญิง-ชาย”จะมี”เพศสัมพันธ์”กันได้,จะต้อง”จดทะเบียนสมรส”อย่าง”ถูกกฎหมาย”กันก่อนแล้วเท่านั้น..(เพื่อเริ่มต้นปรับปรุง”DNA”ให้เป็น”DNAที่มีศีลธรรม”ในอนาคต)..
4.”หญิง,ชาย”ที่ไม่ใช่”คู่สมรส”หรือ”สามี,ภรรยา”จะไปไหนด้วยกัน”ตามลำพัง2ต่อ2”ไม่ได้โดยเด็ดขาด..
5.ควรนำเรื่อง”หลักอบายมุข6”ของ”พุทธ”มาใช้เป็น”หลักกฎหมาย”อย่างเคร่งครัด..
6.โดยเฉพาะ”หญิง”ต้องไม่”สัญจร,เที่ยวเตร่”ใน”สถานบันเทิงยามค่ำคืน(?)”,เพราะก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า..”หญิง,ชายนักเที่ยวบางส่วน”ไป”พบปะ,สังสรรค์”กันด้วยจุดประสงค์อะไร?,เพราะ”หญิง”ควรรู้ว่า..”ชาย”ย่อมไม่ประสงค์จะหวังแสวงหา”หญิงนักเที่ยว(?)”มาเป็น”ภรรยา?”อยู่แล้ว?,เว้นแต่เพื่อ”ความสุขทางเพศ?”เพียง”วันไน้ท์สแตนด์?”เท่านั้น..
7.สรุปว่าควรศึกษา,นำเอา”หลักศาสนาของมุสลิม”ในเรื่องการ”ประพฤติตัวต่อกัน”ของ”หญิงและชายชาวมุสลิม”มาใช้เป็น”กฎระเบียบ”หรือ”กฎหมาย”ของ”สังคม”ด้วย..
...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.14.182 วันที่: 13 ธันวาคม 2566 เวลา:0:40:33 น.  

 
(c)(ข้อคิดเห็น,ข้อเสนอแนะ)..
“สื่อสารมวลชนทั้งหลาย”ควร”เสนอข่าว”พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางในเชิง”หลักศาสนา”กันบ้าง(?),คือไม่พูดแต่เฉพาะเพียง”หลักการทางกฎหมาย”เท่านั้น(ซึ่งหลายครั้งเหมือนเป็นการช่วย”ชี้โพรงฯ”ช่วยเหลือ”บางฝ่าย?”ไปนั่นเลย?)ทำนองว่า..ใครจะ”ผิดน้อย,ผิดมาก?”อย่างไร?(เช่น.. ควรนำเสนอว่า..ผู้ที่ถือว่าเป็น”ผู้ใหญ่”หรือ”ผู้มีชื่อเสียงในสังคม”ควรวางตัวกันอย่างไร?,เพื่อให้เป็น”แบบอย่างที่ดี”ให้กับ”เด็กรุ่นหลัง”มากกว่าหรือไม่?..
“หลักการสำคัญ”คือ..สังคมที่มี”พุทธศาสนา”เป็น”ศาสนาหลัก”ของ”คน95%”,แล้วปล่อยให้มี”สถานที่บันเทิงเริงรมย์?”(อโคจร?)อันเปิดโอกาสให้”หญิง-ชาย”ซึ่ง”ไม่ใช่คู่สมรส?”ได้มีโอกาสมา”พบ,ปะ?”(เสี่ยงทาย”หาคู่ชั่วคราว?”)กัน?,โดยมี”สุรา?”(“เครื่องบั่นทอนสติ?,ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี?”และ”การยับยั้งชั่งใจ?”)เป็น”ตัวกลาง?”ในการ”สังสรรค์กัน?”ได้อย่างไร?.. ซึ่งถ้าไม่แก้ไขที่”ต้นเหตุ”,ก็คงยากที่”สังคมไทย”จะพ้นไปจากเรื่องราวทำนองนี้ได้(?)..ใช่หรือไม่?..


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.156 วันที่: 15 ธันวาคม 2566 เวลา:19:20:29 น.  

 
(d)”ข้อสำคัญ”.. คือ..
1.“พุทธ”สอนเรื่อง”ศีลข้อ3”(ไม่ประพฤติผิดในกาม)และ”ศีลข้อ5”(ไม่ดื่มสุราเมรัย),ให้มี”หิริ,โอตตัปปะ”(ซึ่งเป็น”ธรรมคุ้มครองโลก”)..
2.”คริสต์”สอนเรื่อง”ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”(“แปลความ”ก็คือ.. ต้องมองเห็น”หญิงอื่น”เหมือนดั่ง”ญาติพี่น้อง”หรือ”ลูกสาว,หลานสาวของตนเอง?”..ใช่หรือไม่?.. เราทุกคนต้องคิดไว้เสมอว่า.. ถ้าสมมุติว่า..เห็น”พี่สาว?,น้องสาว?,ลูกสาว?”เข้ามาอยู่ใน”สถานที่บันเทิงอโคจร?”เช่นนั้น.. เราจะต้องแสดงออกอย่างไร?.. อาจต้องรีบไปบอกให้ออกจาก”สถานที่แห่งนั้น?”..หรือไม่?..[เคยมี”โฆษณาชิ้นหนึ่ง”,ซึ่งน่าประทับใจ,คือมี”เด็กนักเรียนหญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง”ขึ้นรถเมล์,นั่งท้ายรถ,แล้วถูก”วัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่ง”ลวนลาม,ทำท่าจะกระชากลงรถ,และมี”หญิงสว.ท่านหนึ่ง”เห็นแล้วทนไม่ได้,รีบลุกขึ้นพูดว่า”ทำอย่างนี้ได้อย่างไร?,รังแกผู้หญิงได้อย่างไร?”(ประมาณนี้).. แล้ว”คนอื่นๆ”ก็เริ่มลุกขึ้น,ช่วยกันพูดประณาม,ตำหนิ”ชายกลุ่มนั้น”,และ”กระเป๋ารถเมล์”ก็มาช่วยไล่”วัยรุ่นชายกลุ่มนั้น”ให้ลงจากรถไป,”เด็กนักเรียนหญิงวัยรุ่นคนนั้น”ก็ปลอดภัยจาก”ภัยทางเพศ?”อย่างหวุดหวิด?.. ใช่หรือไม่?]..
3.ส่วน”มุสลิม”เขาก็ให้”เพศหญิงของศาสนาเขา”ต้อง”คลุมฮิย้าบ”เพื่อไม่ให้”ยั่วยวนทางเพศ?”,และ”ไม่ให้หญิงเข้าไปในสถานที่บันเทิงอโคจรเช่นนั้นอยู่แล้ว?”..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.156 วันที่: 15 ธันวาคม 2566 เวลา:19:45:01 น.  

 
(e)(“ข้อมูลเพิ่มเติม”ใน”หลักการของพุทธ”)..
“สังคมไทย”เป็น”สังคมชาวพุทธ”(95%).. ถ้าจะเอา”หลักศาสนา”มาพิจารณาร่วมด้วย.. ก็เคยฟัง,เคยอ่านว่า..”พระไตรปิฎก”มีพูดถึงว่าแค่”องคชาติชาย”ล่วงล้ำใน”อวัยวะเพศสตรี”ประมาณแค่”1เมล็ดงา”ก็ถือว่า”ผิดปาราชิกข้อ1”สำหรับ”ภิกษุ”แล้ว.. ซึ่ง”อวัยวะเพศสตรี”ไม่ใช่พื้นเรียบเหมือน”พื้นกระเบื้อง”.. ดังนั้น..แค่”อวัยวะเพศสัมผัสกัน”ก็น่าจะ”เกิน1เมล็ดงา?”แล้วหรือไม่?..ใช่หรือไม่?.. ดังนั้น.. ใน"บางเค้ส"จะมองอย่างไร?.. ก็ลองพิจารณากันดูครับ..
...ด้วยความเคารพครับ...


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.156 วันที่: 18 ธันวาคม 2566 เวลา:2:07:33 น.  

 
(A)วันนี้ได้ชมรายการ”ข่าวเด่นประเด็นฮอต,ช่องมติชน,19-12-66”ช่วง”ดราม่าเดือด!เชื่อมจิต”แล้ว.. มี”ข้อคิดเห็น”ดังนี้ครับ..(“ขอคิดด้วยคน”นะ).. “หลักศาสนายุ่ง
เหยิง?”เพราะ”จิตมนุษย์ช่างปรุงแต่งไปเอง?”เป็นหลักนั่นแหละ..
อย่างแม้แต่”หลักศาสนาใหญ่ๆ”(บางศาสนา)ก็มี”วิธีคิด”ที่”ขัดแย้งกันเอง”(อย่าง”พุทธ”เอา”หลักการหมดตัวตน?”,ซึ่งเรามองว่าไม่ใช่”เรื่องของศาสนา?”,แต่อาจเป็นเพียง”ปรัชญาส่วนบุคคล?”เท่านั้น,และก็พิสูจน์ไม่ได้ด้วย(?),อย่างที่กำลังเป็นข่าวดังนี่ไงล่ะ?,และอย่าง”บางศาสนา”ก็สอนประมาณว่า.. “ถ้าจัดการคนนอกศาสนา,ไม่ถือเป็นบาป,แต่พระเจ้าจะยอมรับ(?)”..ประมาณนั้น.. เป็นต้น..)..
เราจึงมี”แนวคิดส่วนตัว”,คิดว่า”องค์กรโลก”น่าจะเข้ามาจัดการให้มี”หลักศาสนารวม”โดยเอา”ศาสนาใหญ่ๆ”.. เช่น”พุทธ,คริสต์,อิสลาม”ที่มี”จุดเด่นที่ดี”มาผูกรวมกันนั่นไง?..
เช่น.. “พุทธเด่นเรื่อง”ศีลข้อ3,ข้อ5,หิริโอตตัปปะ(ธรรมคุ้มครองโลก)”..
ส่วน”คริสต์”เด่นเรื่อง”ให้รักคนทั้งโลก”,และ”ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง(ถ้ารักคนทั้งโลก,แล้วจะมีสงครามได้อย่างไร?)..
ส่วน”มุสลิม”ก็มีเรื่องการ”คลุมฮิย้าบ”คือ”ไม่ให้ผู้หญิงแต่งตัวยั่วยวนทางเพศ?”,อันทำให้”สังคมเร่าร้อน?”,และทำให้ลามไปสู่การ”ทำผิดหลักศีลธรรมข้ออื่นๆ?”ตามมา?.. ใช่หรือไม่?(เช่น กรณี”ข่าวนักมวยดังบางท่าน”..เป็นต้น)..


โดย: สมจิต IP: 124.122.17.156 วันที่: 20 ธันวาคม 2566 เวลา:14:39:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

ผักกาดดองเน่า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add ผักกาดดองเน่า's blog to your web]
space
space
space
space
space