ตัวอย่าง
<<
สิงหาคม 2566
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
5 สิงหาคม 2566
แฉคนละหมัด ชูวิทย์ VS เศรษฐา งานนี้มีเบื้องหลังหรือไม่?
จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ซิตี้ LCFC ชนะคดีพรีเมียร์หลีก หลังถูกฟ้องอย่างไม่เป็นธรรม
สมใจนึก- ชัชวาลย์ 2 อัศวินขี่ม้าขาว หรือจะยอมยกธงขาวกับวิกฤต EA
กรณีหุ้น EA ที่ไฟลุกอยู่ในวันนี้ เหมือน STARK จริงหรือ?
ใครไม่ไหว นายกเศรษฐาไหว ประชุมต่างประเทศฉ่ำ ล่าสุดนครปารีสหวังดึงนักลงทุนเข้าไทย
รีวิว BMWi5 รถยนต์ไฟฟ้า100% คันนี้ที่ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของ
ไทย-ศรีลังกา ลงนาม FTA และ MOU คนไทยได้รับผลประโยชน์อย่างไร
รวมTOP 10 ผู้นำและนักธุรกิจที่นายกเศรษฐาไปเจอ
รวมเรื่องนายกเศรษฐา ประชุมที่ดาวอส สวิตเซอแลนด์มีอะไรบ้าง
รีวิวTest Drive BMW ทั้ง i5 และ IX3 แบบสับๆ เลิศๆ ระดับตัวแม่กับ BMW Amorn Prestige x Ananda
ไขความลับสองรุ่นสุดฮิตตลอดกาลจากค่าย BMW 430i Coupe และ Z4 เจอที่ไหนต้องรีบจับจอง
Prestige Golf Club งานกอล์ฟกระชับมิตรสุดพิเศษที่ผมตั้งตารอมานาน
นายกหารือบริษัทเอกชนทางออกกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
นายกส้มหล่น เศรษฐา พร้อมลุยการท่องเที่ยวประเทศไทยแล้วจ้า
ชูวิทย์ กล่าวลาสังคม หมดเวลาของผมแล้วหลังแฉ เศรษฐา จนสุดทาง
LONGGOY แบรนด์คนไทย ที่ดังไปทั่วโลก ผ่านโครงการ King Power Thai Power พลังคนไทย
ประกาศแล้วผลสนาม 5 นครปฐม THE POWER BAND 2023 SEASON 3
แฉคนละหมัด ชูวิทย์ VS เศรษฐา งานนี้มีเบื้องหลังหรือไม่?
ชาวสงขลาอย่าลืมไปดู THE POWER OF POSSIBILITIES แสดงสดสนามที่ 4 สงขลา
บทเรียน การยกเลิก ฟุตบอลอุ่นเครื่อง เลสเตอร์ ซิตี้ VS ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส
ร่วมเวทีประกวดดีๆมากองกันไว้ตรงนี้
เวทีสร้างสรรค์จาก THE POWER BAND 2023 SEASON 3
มาดูรถบ้านมือสองออกศูนย์ BMWกันเถอะ
จะมีเฮได้ใมั้ยสำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวไทย
ถ้ามีกองทุนสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว จะช่วยเยียวยาผู้ประกอบการได้แค่ไหน?
พาชมรถBMWมือสองไมล์น้อยออกศูนย์จากอมรเพรสทีจรังสิตกับโซนบริการใหม่สุดว้าว
ข่าวท่องเที่ยวไทย กับตัวเลขนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ดีลลับการเมืองในสนามบอล การเมืองกับเรื่องกีฬาเป็นเรื่องเดียวกันจริงหรือ?
มองธุรกิจท่องเที่ยวไทย หลังปัญหา 'ทัวร์ศูนย์เหรียญ' ยังไม่จบดี กลับมามีศึกใหญ่ 'ทัวร์อั้งยี่' ที่ว่ากันว่า รุนแรงกว่าเดิม
จำนวน นทท.9ล้านคน เทียบกับก่อนโควิดได้หรือไม่???
แค่ขายฝัน หรือทำได้จริง ตอบชัดจาก3พรรคใหญ่บนเวทีดีเบต
10 พรรคการเมือง โชว์กึ๋น นโยบายไหนทำได้เลยทำได้ไว กับรายการพิเศษ ดีเบตใหญ่ เลือกตั้ง 66 ผ่านไทยพีบีเอส
ลุงป้อมว่าไง...หลังถูกถามคำถามผ่านรายการ ชั้นเชิงดีมั้ยมาลองดู
พาดู BMW X1 โฉมใหม่ Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 44
King Power ปรับทัพใหม่ในรอบ 3 ทศวรรษ เดินหน้าสร้างดิวตี้ ฟรี อีก 2 แห่ง
เปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ขายดี แต่เงินเข้ากระเป๋าใคร?
รถยนต์ไฟฟ้า(EV) เทรนของโลกยุคใหม่จะเลือกค่ายไหนดีระหว่าง BMW กับ Tesla?
อย่าหวังกับชาวจีนมากไป SME ท่องเที่ยวไทยยังน่าห่วง
มารีวิว Test Drive BMW iX3 รถไฟฟ้า 100% ในงาน Amorn Prestige Rally 2022 ตามนัด ^^
งานแรลลี่ของ Amorn Prestige Rally 2022 ประทับใจแบบสุดๆไปเลย
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวไทย เป็นอย่างไรบ้างมาดูกัน
สรุปปัญหาท่องเที่ยวไทยปีหน้า
อัพเดตรัวๆ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยล่าสุด ประจำเดือนตุลาคม 2022
จีนไม่มา ฝรั่งไม่มี ยอดจองโรงแรมไฮซีซั่นนี้ มีแค่ 40%
ไม่ใช่อินเดีย แต่เป็นมาเลเชีย ครองอันดับเข้าไทย
นโยบาย" Zero-COVID " ของจีนกระทบไทยแค่ไหน
ปัญหาและ เหตุผลที่ทำไมการท่องเที่ยวไทยไม่ฟื้นเสียที
ไขข้อสงสัยเปิดประเทศแล้ว ทำไม? ธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเสียที
เปิดตัวเลขท่องเที่ยวเดือน กันยายน 65 ตามคาดหรือไม่มาดูกัน
ท่องเที่ยวไทยน่าห่วง...ทางรอดธุรกิจท่องเที่ยว
ยอดซื้อในสนามบินฯยังคงเงียบเหงา หลังไทยเปิดประเทศ
พลังคนไทย การให้ที่ยั่งยืนด้วยกิจกรรม CSR ท่ามกลาง COVID-19
อีกหนึ่งครั้งที่คิงเพาเวอร์ นำ เอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก
เปิดประเทศกันแล้วเป็นยังไงบ้าง วันนี้มาดูสนามบินกัน
นักท่องเที่ยวใช้จ่ายไม่ดีเหมือนก่อน เกิดจากอะไรกัน
ความหวังจากรัฐ ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว คาดปี 2566
น่ายินดี สโมสรเลสเตอร์ มอบรางวัลให้กับ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา
นโยบายดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ความหวังจากรัฐสู่ธุรกิจท่องเที่ยว
เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ใครได้อานิสงค์?
แฉคนละหมัด ชูวิทย์ VS เศรษฐา งานนี้มีเบื้องหลังหรือไม่?
หลังจากที่ คุณ “ชูวิทย์” แฉ “แสนสิริ” เลี่ยงภาษีที่ดิน 521 ล้านบาท ว่าเข้าข่ายนิติกรรมอำพราง และตนเชื่อว่า ในขณะนั้น นายเศรษฐา ขณะดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ และต้องรู้เห็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน
กระแสตีกลับหลังสื่อพบปมปัญหาบาดหมางในอดีตของทั้งคู่
!!!
หลังจากที่ คุณชูวิทย์ ออกมาแฉได้ไม่นาน ก็มีแหล่งข่าวออกมาตั้งคำถามว่า “แฉเพื่อใคร”
เพราะดันปรากฏข้อมูลว่า ทั้งคู่มีเรื่องกันในสมัยที่คุณชูวิทย์ต้องการขายที่ดินย่านสขุมวิท 24 ซึ่งมีพื้นที่กว่า 500 ตารางวา บริเวณหลังโรงแรมเดวิส บางกอกนั่นเอง ซึ่งในขณะนั้นมีการเจรจาขายให้กับบริษัทแสนสิริ จำกัด มหาชน เมื่อกลางปี 2565ที่ผ่านมานั่นเอง แต่ไม่สามารถปิดดิวได้
เนื่องจากแสนสิริเองไปพบว่าที่ดินผืนดังกล่าวยังมีปัญหาผูกมัดด้านกฎหมาย ที่ดินผืนนี้เคยเสนอขายให้กับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่งและวางมัดจำให้นายชูวิทย์แล้วเป็นจำนวน 400 ล้านบาท และต่อมาบริษัทดังกล่าวไม่สามารถชำระเงินที่เหลือได้ นายชูวิทย์จึงได้ริบเงินมัดจำส่วนนั้นและหันมาเจรจาขายให้กับ แสนสิริต่อนั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้จบไม่ดีนั่นก็เพราะ แสนสิริตรวจพบว่า นายชูวิทย์ต้องไปยกเลิกสัญญาเดิมกับบริษัทที่เจรจาซื้อขายก่อนหน้า เพราะหากไม่ได้ยกเลิกสัญญา ก็จะมีปัญหาภายหลัง เพราะนายชูวิทย์เป็นคนแจ้งยกเลิกสัญญาแต่บริษัทดังกล่าวไม่มีหนังสือตอบรับใดๆซึ่งในทางกฎหมายเท่ากับการยกเลิกสัญญานั้นยังไม่สมบูรณ์ และประเด็นใบอนุญาตก่อสร้างที่ได้มากว่า 20 ปี และจำเป็นต้องต่อทุกปี แต่ไม่มีเอกสารยืนยันแต่อย่างใด เรื่องนี้ทำให้บริษัทอย่างแสนสิรินั้นไม่ตกลงซื้อขายที่ดิน จนทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างสองนักธุรกิจในตอนนั้น จึงเกิดการตั้งคำถามว่า การออกมาแฉในครั้งนี้เกิดจากการที่ตนเองนั้นมีปมบาดหมางกับนายเศรษฐา มาก่อน หรือต้องการแฉเพื่อชาติอย่างแท้จริง
ภาพลับถูกโยงอีกครั้ง
!!!
ทั้งนี้ยังมีการเปิดเผยภาพถ่ายที่นายชูวิทย์ร่วมวงกับลุงตู่และนักการเมืองชื่อดังอีกหลายท่าน เผยแพร่ออกมาอีก ทำให้กระแสตีกลับอีกครั้งว่า การแฉครั้งนี้มีใบสั่งหรือไม่
หากมองในมุมที่ไม่มีเบื้องหลังบอกเลยว่านายชูวิทย์มาถูกทางแล้วที่ช่วยประเทศชาติ รักษาผลประโยชน์นั้นถือเป็นเรื่องดีที่หน้ายกย่อง แต่หากมีเบื้องหน้าเบื่องหลังก็อาจจะทำเพื่อการชิงพื้นที่บนหน้าสื่อก็เป็นได้
Create Date : 05 สิงหาคม 2566
Last Update : 5 สิงหาคม 2566 17:43:13 น.
166 comments
Counter : 686 Pageviews.
Share
Tweet
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว
,
คุณ**mp5**
นักธุรกิจการเมือง(บางคน)เขาไม่เคยคิดว่า จริงๆประชาชนส่วนมากดูลักษณะความเหลี่ยมกลจากใบหน้า,ท่าทาง,แววตาของเขาออกทั้งหมด แต่อาจมีเพียงนักธุรกิจการเมืองบางคนที่พอฉลาดรู้ได้บ้าง แต่เพราะเขาคิดว่า เขามีกลุ่ม,มีพวก,มีทรัพย์,มีอิทธิพลมากพอ เขาจึงไม่ได้คิดแคร์ต่อความรู้สึกของประชาชนแต่อย่างใดเลย คนการเมืองบางคนนี้.. เขาอาจคิดประมาณว่า.. ถึงประชาชนอ่านใจฉันออกว่า"ฉันมุ่งหมายอะไร? แต่ฉันก็ไม่แคร์ไง? ก็ประชาชนต่อให้รู้เท่าทันฉัน แล้วจะมาทำอะไรฉันได้ ก็เป็นแค่ประชาชนทั่วไป ประมาณนั้น.. เรา(และอีกหลายๆคน)ก็รู้เท่าทันนักธุรกิจการเมืองได้เท่าๆกับชูวิทย์ แต่เพราะชูวิทย์มีทั้งประสบการณ์จริง,มีเทคนิค,มีไหวพริบ,มีทรัพย์เพียงพอที่จะต่อสู้,และยังมีความกล้าสูงมาก เขาจึงแฉเพื่อชาติได้อย่างน่ายกย่อง.. ต้องขอขอบคุณคุณชูวิทย์ที่คุณช่วยทำหน้าที่แทนเราหลายๆคน ที่ไม่มีกำลัง,ความพร้อมต่างๆพอที่จะทำแบบคุณได้..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 17 กันยายน 2566 เวลา:6:24:39 น.
หลังจากดูข่าวกำนัน(บางท่าน)และลูกน้องกำนัน(บางคน)แล้ว. ก็ได้ข้อคิด,ข้อวิตก,ข้อวิเคราะห์,วิจัย,วิจารณ์ดังนี้..
(1)สังคมไทยเสื่อมเพราะผู้ใหญ่ทรงคุณวุฒิในสังคม(บางส่วน)ต่างเอาหูไปนา,เอาตาไปไร่?กันซะมาก?.. ไม่มีใครอยากยุ่ง,สนใจกับเรื่องอาชญากรรมและความฉ้อฉลในสังคมเรา.. ว่าเกิดมาจากอะไร?(เช่น.. จากสุรา,ยาเสพติด,การพนัน,คอร์รัปชั่น,อื่นๆ,แล้วมีการฟอกเงินกันอย่างกว้างขวาง?..ใช่หรือไม่?).. พอมีข่าวอาชญากรรมบางข่าว.. เช่น.. พ่อไปทำอาชญากรรม,โซเชี่ยลวิจารณ์พ่ออย่างหนัก,ลูกก็เลยพาลไม่กล้าไปโรงเรียนไปเลย.. นี่คือผลกระทบในสังคม,จริงๆลูกอาจไม่ได้มีส่วนกับสิ่งที่พ่อได้ทำไป,ที่สังคมประณาม.. แต่ถ้าคิดเรื่องกรรมของพุทธ,ก็คืออาจมีกรรมร่วมกับพ่อจึงมาเกิดกับครอบครัวนี้,จึงต้องร่วมรับผลด้วย..ประมาณนั้น.. โดยเฉพาะถ้าเป็นเพศหญิง.. สังคมไทยโดยมาก,เพศหญิงมักถูกครอบงำทั้งทางความคิดและเชิงอำนาจจากเพศชายที่เป็นคนใกล้ชิดกันทั้งนั้น.. ในเชิงวัฒนธรรมสังคมในยุคที่ผ่านมา,จึงไม่นิยมที่จะให้หญิงเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่ต้องควบคุมอำนาจในระดับสูงต่างๆ(เพราะมองว่า..จิตหญิงไม่เที่ยง,ไม่หนักแน่น,มักโอนเอียงตามคำพูดของเพศชายที่ใกล้ชิดได้ง่าย)..นั่นไง(?).. โดยมาก..สังคมไทยมักให้เกียรติ,ยกย่อง,กระทั่งเกรงกลัวต่อคนมีเงินมากหรือมีฐานะร่ำรวย.. คนจึงพากันแสวงหาทรัพย์ไว้มากๆ,เพื่อให้คนเคารพยำเกรงหรือเกรงใจ.. เฉพาะผู้ชายหาทรัพย์มาเพื่อเอาใจหญิง(ที่เป็นคู่ครอง),ซี่งบางส่วนก็เป็นทรัพย์สีเทาๆ?.. บางทีก็มีภรรยาหลายคน,บางคนก็มีไว้เพื่อฟอกทรัพย์นั้น?(และสื่อบางส่วนอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว,ไม่ขอยุ่งเกี่ยวหรือวิเคราะห์วิจารณ์ใดๆ,แต่จริงๆไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย,เพราะเด็ดดอกไม้ย่อมสะเทือนถึงดวงดาว..นั่นไง?)..(ต่อที่2)
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 17 กันยายน 2566 เวลา:6:50:55 น.
(2)ส่วนหญิง(บางส่วน,จำนวนไม่น้อย)มักไม่ได้ดูผู้ชายที่จะมาแต่งงานด้วยอย่างละเอียด,ขอแต่ผู้ชายมีทรัพย์,มีสถานะทางสังคม,ก็มักจะยินดี,ปรีดา,แม้รู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว,และจะไม่จดทะเบียนสมรสกับตัวเองก็ยังยอม(?).. คือเชิงการมองของสังคม,มักมองว่าเพศหญิงไม่ได้มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมเพศชาย(เหมือนดังที่หลักสิทธิมนุษยชนเขากำหนดไว้).. คือขอให้ผู้ชายมีปัญญาหาเงินมาเลี้ยงดูเธอและลูกให้มีความสุข,มีหน้ามีตา,ต่อสังคมแวดล้อม(ไม่ว่าเงินนั้นจะได้มาอย่างไรก็ตาม?..),เธอก็มักยินดี,ไม่ปริปากพูดอะไร?(ตามคติ..ประมาณว่า..ภรรยารังแกฉัน?..ประมาณนั้น?).. เราจึงพบว่า..อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในสังคม,โดยมาก..ผู้ก่ออาชญากรรมมักมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนกันทั้งนั้น.. ซึ่งก็จะมีคำถามว่า..แล้วทำไมหญิงจึงยอมให้กับสามี?,หรือยอมอยู่ร่วมชีวิตกับสามีที่เป็นคนยุ่งเกี่ยวกับอาชญากรรมต่างๆเช่นนั้น?..(แม้กระทั่ง..เซเล่บบางท่าน,และดาวระยิบฟ้าบางดวง?ด้วยก็ตาม..ก็ยังมีปรากฏตามหน้าข่าวอยู่บ่อยๆ?) นั่นเพราะชายมีอำนาจครอบงำหญิงให้ยอมรับตนเองได้..นั่นเอง(?).. และหญิง(บางส่วนหรือส่วนมาก)เมื่อคลุกคลี,หรือทำงานร่วมอยู่ใกล้ชาย,ก็มักตกอยู่ภายใต้อำนาจการชี้นำของชาย?ไปโดยอัตโนมัติ,ตามธรรมชาติ(ของหญิง-ชาย?)..นั่นเอง????..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 17 กันยายน 2566 เวลา:6:55:17 น.
ช่วงนี้ดู"ข่าว2ข่าว"คล้ายกันคือ"จับคอร์รัปชั่น"..1.เจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายท่านหนึ่ง 2.ผู้นำทองถิ่นท่านหนึ่ง.. รู้สึกประทับใจ"ตำรวจในยุคนี้"จังเลย.. อยากยกย่อง"ตำรวจไทยยุคนี้".. ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่พูดคำว่า.."ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้".. เรายอมรับว่า.."คำพูดนี้..น่าจะจริงที่สุด".. ขอสดุดี.."พึงรักษาความดีนี้..ประดุจดั่งเกลือที่รักษาความเค็ม"(นะจ๊ะ)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 22 กันยายน 2566 เวลา:20:52:08 น.
อยากขอเสนอกับสส.ในสภาว่า.. ให้ช่วยแก้ไขข้อกฎหมาย.. เฉพาะสำหรับผู้(เคย)ให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ต่างๆบางส่วนและนักการเมืองบางส่วน.. โดยขอให้แก้กฎหมายว่า.. ให้"ยกเว้นโทษ"เฉพาะกับ"บุคคลใดที่มีสำนึก"อยากช่วยชาติให้ปราศจากการคอร์รัปชั่น.. ถ้าท่านเคยให้สินบนมาก่อน..แต่ถ้าเข้ามาแจ้งเบาะแส,ก็จะถูกกันไว้เป็นพยาน..โดยจะงดการลงโทษใดๆกับผู้ที่เคยให้สินบนกับเจ้าหน้าที่บางส่วนหรือนักการเมืองบางส่วนนั้นๆ.. อย่างนี้ดีมั้ยครับ?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 22 กันยายน 2566 เวลา:21:09:49 น.
และอยากขอให้นักจิตวิทยาเข้ามาช่วยเสนอกฎหมายแก่สภาว่า.. ให้เจ้าหน้าที่และนักการเมืองทุกภาคส่วน(ควร)ต้องมีหลักจริยธรรมสำคัญคือต้องมีภรรยาเพียงคนเดียว(ไม่ว่าจะปกปิดหรือเป็นที่เปิดเผยก็ตาม).. เพราะจะเห็นว่า..ตามข่าวที่พบเห็นในสังคม.. อาจสามารถสรุป(โดยพิจารณาตามหลักจิตวิทยามนุษย์ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูภรรยาที่ต้องเพิ่มมากขึ้น,เมื่อมีภรรยาหลายคนด้วย)ได้หรือไม่?.. ว่าการมีภรรยาหลายคนมีความสัมพันธ์กับเรื่องการทุจริต,คอร์รัปชั่น(?)ในวงราชการ(?)และทางการเมือง(?)อย่างมีนัยสำคัญ..ด้วยหรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 22 กันยายน 2566 เวลา:21:33:48 น.
จะสังเกตว่า..สังคมไทยมีข่าวและข้อครหาในการใช้การตัดสินใจของเจ้าหน้าที่บางตำแหน่งเสมอมาว่า.. การใช้ดุลพินิจ?ของบุคคลเพียงคนเดียวซึ่งเป็นระบบเจ้าหน้าที่กลางน้ำนั้นเป็นต้นเหตุหรือถูกใช้เป็นข้ออ้างกับผู้ทำผิดกฎหมายในการเรียกรับเงินเพื่อตัดตอน,ล้มเรื่องต่างๆหรือไม่?.. แล้วจะเช็คความถูกต้องของระบบเจ้าหน้าที่กลางน้ำได้อย่างไร?.. เมื่อวันก่อนที่มีการจับเรียกรับเงินผู้ทำผิดกฎหมายจากเจ้าหน้าที่บางท่านก็ได้ใช้ข้ออ้างว่าจะเอาไปเคลียร์กับเจ้าหน้าที่กลางน้ำเช่นเดียวกัน(?).. แล้วอย่างนี้สังคมเราจะทำอย่างไรกันดี?.. เราอยากเสนอให้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งยุคนี้มีความพัฒนาให้ทำงานแทนมนุษย์ได้สูงมาก(ซึ่งปลอดจากอคติ?,และคอร์รัปชั่น?),โดยป้อนข้อมูลเรื่องคดีความให้ละเอียดเพื่อใช้แทนดุลพินิจของตัวบุคคลแค่บุคคลเดียว..จะทำได้หรือไม่?.. และจะดีกว่าใช้ตัวบุคคลหรือไม่?.. ขอฝากให้สังคมช่วยกันคิดด้วยครับ?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 22 กันยายน 2566 เวลา:22:44:22 น.
(ความไม่เท่าเทียมในสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ของสังคมไทย).. เราได้ดูรายการสามัญชนฯ,17-9-66ตอนชานชราสุดท้ายของช่องสาธารณะ.. มีภาพของยายอายุ56ปี,ผมสีดอกเลาแล้ว,ไปรอรับแจกเงินใต้ทางด่วนเพียงเงิน50บาทเท่านั้น.. ดูแล้วชวนให้คิด.. ถ้าสังคมมีระบบดี?.. ประชากรต้องไม่เป็นอย่างนี้(เพราะประเทศไทยมีทรัพยากรร่วมกันอยู่มากมาย?).. มีคนพูดถึงชาวสแกนดิเนเวีย,มองว่า..ระบบเขาดี,คนของเขาค่อนข้างเท่าเทียมกัน,มีสวัสดิการรัฐที่ดี,มีเงินให้ไปท่องเที่ยวในแต่ละปี.. แต่สังคมไทยทำไมจึงมีคนรวยที่รวยล้นฟ้าเพียงแค่ไม่กี่คน?( =ยอดปีรามิด),แต่คนที่รอรับเงินแจกแค่50บาทมีอยู่ทั่วประเทศ?( =ฐานปีรามิด).. เคยมีนักบวชพุทธบางสำนักพูดถึงประมาณว่า.. ไม่มีคนที่มีฐานะร่ำรวยคนใด(?),ที่จะไม่มีกิจการหรือบรรพบุรุษที่ได้เปรียบจากสังคมมาก่อนเลย(?)..ประมาณนี้.. และหลายครั้ง,หลายกรณี.. มีข้อน่าคิดว่า..คนที่มีปัญหาชีวิตหลายคน(บางคนถึงกับตัดสินใจคิดไม่ยาว,ตัดช่องน้อยไปแล้วก็มี?),ที่ทำไมต้องรอให้สื่อบางสื่อเอาชีวิตที่ลำเค็ญ?หรือพิการ?มานำเสนอต่อสาธารณะ,แล้วเปิดบัญชีขอรับบริจาค?.. แล้วคนไทยก็ล้วนใจดี,พากันบริจาคผ่านบัญชีไปให้,จนบางรายได้รับเงินบริจาคอย่างมากมาย,ยังกับถูกรางวัลที่หนึ่งจนอาจเปลี่ยนแปลงฐานะรวยกว่าผู้ที่บริจาคให้เสียอีกไปเลย(?).. แต่กลับไม่มีใครคิดว่า..ยังมีคนลำบาก?หรือคนพิการ?(รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง,และคนไร้บ้านที่อยู่ใต้สะพาน,ทางลอดต่างๆที่ยังไม่เป็นข่าวยังคงไม่ได้รับส่วนเฉลี่ยจากเงินบริจาคที่ให้กับเฉพาะบางรายที่เป็นข่าวมาให้กับพวกเขาบ้างได้หรือไม่?.. เราอยากให้ออกกฎหมายว่า..ให้คนที่ประสงค์อยากบริจาคให้กับผู้ทุกข์ยาก,ให้บริจาคได้เฉพาะในบัญชีของรัฐแบบรวมศูนย์ได้เท่านั้น(?)(ห้ามเปิดบัญชีเฉพาะรายใดรายหนึ่งโดยเด็ดขาด?).. และให้นำไปเฉลี่ยให้ผู้ทุกข์ยากลำบาก,พิการ,จรจัดอย่างทั่วถึง,เป็นธรรม..ดีหรือไม่?..(เพราะเราไม่อยากเห็นว่า..สังคมนี้ตรงกับคำพังเพยที่ว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า..นั่นเลย?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.134 วันที่: 23 กันยายน 2566 เวลา:4:39:46 น.
(ความคิดเห็นส่วนตัว).. ช่วงนี้สังคมไทยมักมีการฟ้องร้องกันมาก.. เรามองว่า.. สังคมใดก็ตาม.. ที่มีการฟ้องร้อง?กันมากเกินไป?..(โดยเฉพาะเรื่องหยุมหยิม,สัพเพเหระ,มโนสาเร่?ซึ่งควรมองแบบใจนักเลงว่าขอกันกินมากกว่านั้น?น่าจะดีกว่า?)(ส่วนหนึ่งอาจมาจากความนิยมในการติดตามดูซีรี่ส์ละครต่างๆในสื่อบางส่วนที่ต้องคอยติดตามดู,ติดตามลุ้นว่าเมื่อไหร่ฝ่ายพระเอก,นางเอกจะได้รับชัยชนะในตอนจบจากการถูกกลั่นแกล้งเสียที?..ก็เป็นได้?).. ซึ่งจะทำให้สังคมนั้นไม่เจริญรุดหน้าเท่าที่ควร? ,เสียเศรษฐกิจ?(อาจได้ประโยชน์เฉพาะผู้รับงานด้านกฎหมาย?ทั้งหลายเท่านั้น(?),ที่จะมีฐานะดีขึ้น?และมีงานมากขึ้น?..หรือไม่?).. แต่เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะแย่ลง(?).. เพราะการฟ้องร้องแต่ละคดีเสียเวลามากๆ,เสียค่าใช้จ่าย,เหน็ดเหนื่อยกับการต้องเดินทางไปศาลแล้วๆเล่าๆ,เป็นปีๆ,และเสียสุขภาพจิตในการรอผลของคดีซึ่งมีถึง3ชั้นซึ่งอาจใช้เวลาใน"บางคดี"ถึง10-20ปีก็ยังมี(?)[สังคมเราจึงไม่ควรส่งเสริม,เร่งเร้า",หรือมีการถามนำโดยสื่อบางส่วนเพื่อให้มีการฟ้องร้องในเรื่องเล็กๆน้อยๆ(เช่น..การพูดหมิ่นกันไป-มา?)มากจนเกินไป(?)].. จะสังเกตว่า.. คนเชื้อสายจีนแต่ดั้งเดิม,ทำไมเขาจึงมีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมากกว่าคนไทย.. เพราะDNAทางสมองของเขาได้รับการปลูกฝังจากบรรพบุรุษมาดังนี้คือ.. ถ้าจะให้เป็นความกัน..สู้กินอุจจาระดีกว่า..ประมาณนี้ครับ.. คดีที่อาจจำเป็นต้องมีการฟ้องร้องคือคดีที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นซึ่งเป็นผลประโยชน์ของส่วนรวม,และคดีที่เป็นอาชญากรรมและอาชญากรรมต่อเนื่องที่มีความรุนแรงและร้ายแรง,สร้างความเสียหายต่อสังคมเท่านั้น.. แม้แต่คดีที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรต่างๆ,เราก็ไม่อยากให้มีการฟ้องร้องกันเลย(?).. เพราะมีส่วนบั่นทอนความคิดริเริ่ม?ของเด็กรุ่นใหม่ในการเริ่มทำมาหากินของคนไทย(ซึ่งเป็นการบั่นทอนเศรษฐกิจโดยรวมเป็นอย่างมาก?).. แต่ถ้ามีการละเมิดจริง?.. น่าจะใช้หรือให้มีหน่วยงานที่เข้าไปชี้แนะก่อน(โดยยังไม่ต้องเอาโทษ?)..โดยขอให้ยุติหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้ต่างจากต้นแบบของผู้ริเริ่ม,ดูน่าจะสร้างสรรค์กว่า,ซึ่งไม่ควรให้มีกฎหมายที่เอื้อให้เกิดประโยชน์?กับเจ้าของลิขสิทธิ์?ที่มากล้นจนเกินไป?,จนอาจกลายเป็นการคิดหารายได้?เพื่อสร้างความร่ำรวย?อีกวิธีการหนึ่ง(?)..ไปนั่นเลย?..หรือไม่?..ใช่หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.196 วันที่: 24 กันยายน 2566 เวลา:13:29:32 น.
สังคมที่ผู้ใหญ่ๆในสังคมไม่ค่อยกล้าแสดงความเห็นใดๆ,เพราะกลัวเปลืองตัว?หรือกลัวทัวร์ลง?.. แล้วคุณจะคิดอย่างไร?.. ถ้ายุคการเมืองกีฬาสี,อาจมีบางคน,บางกลุ่มไปเป่านกหวีดเพื่อขับไล่คนบางคนที่อยู่คนละข้างทางการเมือง",และกรณีที่มีคนบางคนไล่คนบางคนออกจากร้านอาหารเพราะเหตุผลทางการเมือง.. ว่ามันก็ดูเป็นบริบทคล้ายๆกัน?..หรือไม่?(มีสื่อบางท่านของบางช่องพูดเหมือนมองเรื่องจริยธรรมประหนึ่งว่า.. ตนเองพูดอย่างเป็นกลาง?,แต่ไม่สำรวจตนเองว่า..ที่ตนเองมักวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ให้กับการเมืองบางฝ่ายนั่น..เพราะ..ตนเองยังต้องพึ่งพาค่าจ้างจากเจ้าของสื่อบางสื่อที่อิง,เกี่ยวพันอยู่กับกลุ่มการเมืองบางฝ่าย?..หรือไม่?.. ธรรมดาการรับค่าจ้างจากใคร?,ก็ต้องพูดอวยนายจ้างคนนั้น?..จะพูดอย่างไร?,ก็ดูจะไม่มีน้ำหนักซักเท่าไรหรอก?.. ใช่หรือไม่?).. เช่นเดียวกัน.. การที่บางคนมักอ้างว่า..จำเป็นต้องประกอบอาชีพ?ในบางอาชีพ?ที่สังคมไทยไม่ยอมรับ?นั่นเพราะเหตุผลว่า..ต้องดิ้นรน,หาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว?สารพัดเหตุผล?นั้น.. เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ในสังคมควรออกมาแสดงเหตุผลว่าควรยอมรับได้หรือไม่??.. แต่ทำไมไม่คิดว่า.. น่าจะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล(ไม่ว่าคณะรัฐบาลไหนๆ?ก็ตาม)ว่า..ควรจัดสรรระบบรัฐสวัสดิการแบบกลุ่มสแกนดิเนเวียที่แม้ตกงาน,ไม่มีรายได้?ก็สามารถทำเรื่องขอเบิกเงินค่าใช้จ่ายต่างๆจากรัฐเนื่องจากการตกงานจากทางรัฐบาลได้[[โดยไม่จำเป็นต้องอ้างว่า.. ต้องยอมทำอาชีพที่ไม่ถูก(ผิด)หลักศีลธรรม?(บางอาชีพ)นั้นๆ.. ที่ทำให้ค่านิยมทางศีลธรรมเสื่อมถอยลงไป?,และยังอาจเป็นตัวอย่างให้แก่ลูกหลาน,หรือเยาวชนรุ่นหลังที่จะทำตาม,เพราะมีต้นแบบที่ทำให้ดูไว้ก่อนอยู่แล้ว?]].. อย่างนี้ดีหรือไม่?..(ยังคงอยากย้ำเรื่องความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย.. ขณะที่คนบางคน,บางกลุ่มต้องประกอบอาชีพที่ไม่เหมาะกับหลักศีลธรรมเพราะเหตุอ้างความยากจน,ไม่มีทางออก?.. แต่อีกหลายคน,หลายกลุ่ม,หลายตระกูล?ซึ่งอยู่ยอดปีระมิด?,กลับมีสถานะรวยล้นฟ้า?,ใช้อีก10ชาติก็ไม่หมด?.. สังคมจึงควรช่วยกัน,หาทางลดความเหลี่อมล้ำเหล่านี้?ลงบ้าง?บางส่วน?..ดีหรือไม่?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.15.47 วันที่: 1 ตุลาคม 2566 เวลา:16:43:32 น.
วันนี้ได้ชมรายการเรื่องเล่าฯ(13-10-66)เรื่องยันฝึกตามหลักสูตร.. เราอยากบอกว่า..เรารู้สึกส่วนตัวว่า.. ระบบของสังคมเรามีความไม่เท่าเทียมจริงๆ.. เพราะเราไม่เคยเห็นว่า.. ลูกของเซเล่บ?หรือดาราหนุ่มๆ?(บางส่วนหรือส่วนมาก)ทั้งหลาย,จะเคยมีปัญหาจากการเข้ารับการฝึกต่างๆในระบบของรัฐ?แต่อย่างใดเลย(?) .. ส่วนมาก,ผู้ที่มีปัญหาในการฝึกหนักถึงเจ็บ,ถึงเสียชีวิตนั้น,มักเป็นกับลูกชาวบ้านระดับล่างถึงปานกลาง?กันทั้งนั้น(?).. เราจึงอยากขอเสนอแนะว่า.. เคยเห็นมั้ย?.. นักมวยเวลาชกแล้วล้ม,พอลุกขึ้น,กรรมการห้ามมวยจะมีการถามโดยการนับ1-10เชิงถามว่าไหวมั้ยๆ?,ถ้านักมวยยังไหวก็จะผงกหัวหลายๆครั้งทำนองตอบว่ายังไหวหรือไหวครับ..ประมาณนั้น.. แล้วกรรมการก็จึงจะตัดสินใจให้ชกต่อได้.. แต่ถ้าไม่มีการตอบสนองใดๆ,ปล่อยให้กรรมการนับจนครบ10,กรรมการก็จะยุติการชกไปเลย..ประมาณนี้ครับ.. เราเองก็เคยฝึกวิชาทหารมาเช่นเดียวกัน,จะมีช่วงหนึ่งที่ให้ข้ามห้วยด้วยสลิงเหล็ก2เส้น,เราตัวสูงไม่มาก,คนที่สูงกว่าอยู่ขนาบ,เหมือนจะคอยยกสลิงให้เหมาะแก่ตัวเอง,จนทำให้เราเกือบไม่สามารถเหยียบสลิงเส้นล่างได้,ตอนนั้นก็เกือบจะตกห้วยไปเลย(ซึ่งก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วยอีก?),แต่ก็โชคดีที่ผ่านมาได้,แต่ระดับวิชาทหารก็ดูเหมือนบทฝึกยากๆ.. เช่น.. ว่ายน้ำก็จะมีประกาศว่า.. ถ้าใครว่ายไม่เป็นก็ไม่ต้อง..ประมาณนี้..ก็ถือว่ายังดีอยู่บ้าง.. เราก็จึงเห็นว่า.. ครูฝึก(บางส่วน)ควรให้การดูแล,ห่วงใยทหารใหม่เหมือนกับเป็นพี่น้องหรือลูกหลาน,คอยถามไถ่ว่าไหวมั้ย?..ถ้าใครรู้ตัวว่าไม่ไหวจริงๆ,ก็ให้ขออนุญาตพักการฝึกได้..ประมาณนี้ครับ..(เพราะโดยทั่วไป,มนุษย์มีศักดิ์ศรีทุกคน,ที่อยากผ่านการฝึกให้ได้เหมือนกับเพื่อนๆ,ถ้าไม่หนักจริงๆ,ก็คงไม่มีใครอยากขอหยุดพักกลางครัน?..หรอกครับ?.. ...ด้วยความเคารพทุกท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:10:40:33 น.
(A)วันนี้ได้ดูรายการข่าวหัวข้อสุดช้ำ! ยายอายุ75ปี ถูกหลอกให้รัก(11-10-66).. มีความเห็นและข้อแนะนำดังนี้.. เราส่วนตัวเคยฝึกเกี่ยวกับเรื่องการนั่งสมาธิต่างๆ.. ตอนหลังพยายามฝึกอ่านจริต,สายตา,ท่าทีของคนและน้ำเสียงในการพูดจาต่างๆก็รู้สึกว่า..ตนเองพอจะอ่านออกว่า..บุคคลท่าทีอย่างไร?,พูดจาอย่างไร?,แล้วมักจะเป็นคนอย่างไร?ได้ไม่ยากนัก..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:15:29:48 น.
(B)และเมื่อได้ชมข่าวสารการล่อลวงต่างๆ,จึงมานั่งคิดวิเคราะห์ว่า..ทำไมคนหลายๆคน(แม้แต่คนที่อยู่ในวงการสื่อสาร,เล่าข่าวต่างๆ..ก็ยังมีด้วย),ก็ยังสามารถถูกล่อลวงจากมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลฯได้ด้วย(?).. ซึ่งหลายๆกรณี..ก็มักเกิดจากความโลภ(?)ที่อยากได้เงินแบบง่ายๆ?จากผู้ชักชวนลงทุนต่างๆ?นั่นหนึ่งประการ.. ทำให้คล้ายมึนงง,ตามัวไปชั่วขณะนั่นก็1อย่าง.. และมีบางกรณีถึงกับเป็นเหตุให้เกิดเหตุถึงกับต้องทำร้ายคนในครอบครัวไปถึง3-4คน?ก็ยังมี..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:15:38:32 น.
(C)ซึ่งในเค้สบางเค้สนี้,จะมีวีธีการหลอกทำนองว่า..ขั้นแรกพอเหยื่อลองลงทุนน้อยๆแล้วได้เงินคืนหรือได้กำไรปันผล(ตามที่บอกไว้)ในระยะเวลาที่รวดเร็วก็เป็นหลักจิตวิทยาที่จูงใจให้เชื่อถือไว้ส่วนหนึ่งก่อน.. ต่อมาเมื่อเริ่มขยับเงินลงทุนสูงขึ้น,ก็เริ่มจะมีผู้ล่อลวงที่อ้างเหตุนู่นนี่?เพื่อชะลอการจ่ายเงินตามที่บอกไว้?,ในเวลาที่เหยื่อต้องการที่จะถอนเงินออกว่า..มีเรื่องทำรายการผิดพลาด?,จะต้องมีเงื่อนไขต่างๆ?ตามมา,ฝ่ายเหยื่อนั้น,เมื่อได้เสียเงินไปจำนวนเล็กน้อยบางส่วนแล้ว(แม้บางรายจะเริ่มไหวตัว,รู้ว่าน่าจะถูกหลอกแล้วมั้ง?),แต่ก็โดยมากมักจะอยากได้เงินลงทุนคืน?(และมักไม่ยอมแจ้งความ,หรืออาจถูกพูดเชิงขู่ว่า..ถ้าไปแจ้งความ,อาจจะไม่ได้เงินคืนเลย?).. ซึ่งผู้หลอกลวงมักจะรู้จักจิตวิทยามนุษย์(ของผู้ตกเป็นเหยื่อ)ข้อนี้ดี..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:15:55:59 น.
(D)สุดท้ายจึงคล้ายเป็นวงจรอุบาทว์?ที่เหยื่อหลายราย(บางส่วน)จึงมักถูกหลอกให้โอนเงินให้เพิ่ม?,เพื่อจะปลดล็อค?เพื่อจะเอาเงินเก่ากลับคืนมา?,และเมื่อยิ่งเสียเงินมากขึ้น?และยังคงไม่ได้เงินกลับคืนมาอีก?,ก็จะยิ่งเสียดายมากยิ่งขึ้น?(ก็ยิ่งหลงกลหลอกต่างๆ?มากยิ่งขึ้น?).. จึงที่สุดจากถูกหลอกเงินแค่หลักหมื่น?ก็ลามไปจนเป็นเงินหลักล้าน?.. หรือจากหลักแค่แสน?ก็กลายเป็นหลักหลายสิบล้าน?ไปเลยก็มี?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:16:14:01 น.
(F)จึงอยากแนะนำว่า.. ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มรู้ว่าเราคงถูกหลอก?แล้วล่ะ!?.. ก็ต้องหัดทำใจแข็ง,ตัดใจทันทีว่า..ต้องตัดการติดต่อ(ไม่ต้องกลัวคนในครอบครัวจะต่อว่า),ไม่ต้องอยากได้เงินส่วนน้อยนั้นคืนไปเลย,แล้วรีบแจ้งอายัดบัญชี,หรือแจ้งความไว้ก่อนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้.. โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ที่มาหลอกลวงนั้นจะเป็นผู้ใด?(แม้จะเป็นคนสนิทที่ใกล้ชิดเอง?)ก็ตาม(?).. อย่างนี้ก็จะทำให้ลดความเสียหายจากหนักเป็นเบาได้ครับ.. ...ด้วยความปรารถนาดีครับและด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2566 เวลา:16:19:06 น.
วันนี้ดูรายการเรื่องเล่าฯ(15-10-66).. คารมดี,ใช้จิตวิทยาจูงใจได้ดีอาจไม่ได้แปลว่าสิ่งที่ทำนั้นต้องถูกต้องเสมอไป?.. ใช่หรือไม่?.. คนไทย(บางส่วน)มักใจอ่อน,เชื่อง่าย,หลงคำหวาน?(อย่างกรณีหญิง74ปีที่ถูกหลอกจากหนุ่มเสียงนุ่ม?หมดไปราว18ล้านบาท..เป็นต้น..นั่นปะไร?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 15 ตุลาคม 2566 เวลา:12:26:32 น.
คนไทยส่วนมากยังไม่ใช่คนร่ำรวย.. การที่คนไทย(บางส่วน)จะได้เงินมาด้วยนโยบายจัดสรรใดๆ(ที่..ที่สุดก็ต้องมาไล่เบี้ยจากเงินภาษีของเขาเอง,ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม,วิธีใดวิธีหนึ่ง)นั้น.. ไม่ว่าใคร?..ก็ย่อมต้องการทั้งนั้นแหละ?(โดยไม่จำเป็นต้องไปถามก็ได้..ว่ามีใครต้องการเงินมั้ย?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 15 ตุลาคม 2566 เวลา:12:34:28 น.
แต่สิ่งที่สังคมไทย(บางส่วน)ไม่มั่นใจ(?).. นั่นก็คือ..ความโปร่งใส,ตรวจสอบได้?(แม้แต่สถานดูแลสุขภาพ?ของบางชั้น?ก็ยังตรวจสอบได้ยากเลย?.. ใช่มั้ย?)..นั่นต่างหาก(?).. การดูแลสังคมใดๆ?นั้น.. ผู้มีอำนาจดูแล?ต้องไม่คิดแบบเชิงธุรกิจ?ที่คิดว่า.. จะต้องการซื้อใจประชาชน?ให้ได้?,โดยใช้นโยบายประชานิยม?ต่างๆ..โดยไม่ดูภาพรวมต่างๆ?..(แต่สมมุติว่า.. เป็นเงินส่วนตัวที่เหลือใช้?ที่เก็บรวบรวมจากผู้ที่เป็นเศรษฐีทั้งหลาย?,แล้วนำมาแจก..ก็คงไม่มีใครว่าอะไรหรอก?.. ใช่หรือไม่?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 15 ตุลาคม 2566 เวลา:12:45:36 น.
เหมือนอย่างเรื่องนโยบายรับจำนำผลิตผลบางอย่าง?ของบางรบ.?.. ซึ่งประชาชนหลายภาคส่วนก็พึงพอใจกันทั้งนั้นแหละ?.. รวมทั้งผู้ที่หาช่อง,ลักลอบ?นำผลผลิตจากเพื่อนบ้านชายแดนเข้ามาสวมสิทธิ์ในประเทศเรา?ตามที่เคยได้ยินกันมา?นั่นเขาก็ล้วนพึงพอใจในนโยบายนั้นๆ?ด้วย?.. แต่มีคำถามว่า.. ทำไมผู้ที่บริหารนโยบายนั้นๆ?(บางท่าน)ต้องถูกกักขัง?อยู่ในเรือนจำ?จนถึงบัดนี้ด้วยล่ะ?.. ตอบได้มั้ย?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 15 ตุลาคม 2566 เวลา:13:00:59 น.
สังคมเรา..บางครั้งก็ต้องโทษประชาชนเรากันเองนั่นแหละ.. ที่ไม่นำเอาหลักศาสนา.. เช่น.. มงคลชีวิตข้อที่1ที่ว่า.. อเสวนา จ พาลานัง.. นั้นเป็นมงคลชีวิตอย่างยิ่ง.. ประมาณนั้น.. เพราะสังคมเรา.. บางครั้ง,บางคนก็นับถือศาสนาแค่สิ่งฉาบพอก( =เปลือก,พิธีกรรม)ของศาสนา..เท่านั้น.. เช่น.. หวย,เบอร์,การพนันก็เป็นอบายมุขก็เป็นทางเสื่อม.. แต่สังคมเราก็มีผู้นิยมเรื่องหวย,เบอร์,การพนันขันต่อ?กันอย่างมาก,ถึงมากที่สุด(?).. ,แม้กระทั่งสื่อบางสื่อ?ก็อยากได้เรตติ้งผู้ชม?,ก็ยังพยายามนำเลขนั่น,เลขนี่?มานำเสนอแก่ผู้ชมรายการต่างๆอีกด้วย(?).. เมื่อใช้เงินทางผิด..แล้วจะหวังความเจริญรุ่งเรือง?แก่ชีวิตครอบครัว?และชีวิตของสังคม?..ได้อย่างไร?..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 17 ตุลาคม 2566 เวลา:13:06:51 น.
อยากให้สื่อดังๆช่องต่างๆน่าจะลองไปตามขอสัมภาษณ์บรรดาเศรษฐี50อันดับของไทย.. จากคนในครอบครัวของเขาหรือตัวเขาเองว่า..นิยมเรื่องหวย,เบอร์หรือการพนันต่างๆ?..หรือไม่?.. จะได้พอรู้ว่า.. ที่เขามีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจขึ้นมาจากเดิม,ที่มีแค่เสื่อผืน,หมอนใบ?นั้น.. เพราะเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 17 ตุลาคม 2566 เวลา:13:14:33 น.
ส่วนตัวเราจริงๆ..(ขอสมมุตินะ).. เราว่า..หรืออยากเสนอแก่ตัวแทนปชช.ทั้งหลายว่า.. ผู้ที่เคยทำธุรกิจใหญ่ๆ?มาตลอดชีวิต(?),หรือมีเครือญาติใกล้ชิด?ที่ทำธุรกิจใหญ่ๆ?,ควรออกกฎหมายให้ไม่มีสิทธิ์รับตำแหน่ง?เป็นผู้บริหารสังคม?ในตำแหน่งที่สูงๆ?..อย่างนี้..จะดีหรือไม่?.. เพราะเราไม่คอยเชื่อหรอกว่า.. ผู้บริหารสังคม?(ไม่ว่าตำแหน่งไหน?)ที่พื้นเพครอบครัวเคยทำธุรกิจใหญ่ๆ?,แล้วแนวคิดต่างๆ?,เมื่อเริ่มคิดในเรื่องการออกแนวทางบริหารสังคม?ในเรื่องใดๆ?ก็ตาม(โดยเฉพาะผู้ที่มีความคล่องแคล่ว,คล่องตัว?ในการบริหารธุรกิจ?ที่สูงมาก?).. แล้วจะตัดใจได้เด็ดขาด?,ไม่วกเวียนความคิด?ไปถึงเรื่องผลประโยชน์ซับซ้อน?,หรือเงินทอน?,หรือคอมมิชชั่นต่างๆ?,ที่จะหาทางบูมเมอแรง?ให้เกิดเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจของครอบครัว?,หรือธุรกิจของเครือญาติ?ของตัวเอง?.. ใช่หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 17 ตุลาคม 2566 เวลา:13:36:59 น.
มีเกร็ดตลกในวงกาแฟนะ.. มีคนพูดอยู่หลายคนทำนองว่า.. เอ๊..ทำไมคณะที่มาร่วมทำงานให้กับสังคมก็มีหลายคณะ.. แต่ทำไมเขาไม่ทักท้วงคณะที่จะทำเรื่องแจก.....?นั้นนะ?,ว่าอาจมีนัยยะที่ไม่ค่อยถูกต้องตามกฎระเบียบต่างๆ?ที่กำหนดกันไว้?.. ก็ได้พูดสมมุติกันขึ้นมาทำนองว่า.. ก็เช่น.. มีคนหนึ่งเห็นน้องของเพื่อนกำลังจะเดินเข้าไปในบ่อนพนัน,ก็ไปกระซิบบอกเพื่อนที่เป็นพี่ชายว่า.. เฮ้ย..น้องของลื้อมันเข้าไปเล่นในบ่อนนะ!..ลื้อทำไมไม่ห้ามปรามวะ?,ยังเรียนหนังสืออยู่,ยังเรียนไม่จบ,เดี๋ยวก็เสียคน,หมดเนื้อหมดตัวหรอก?.. ฝ่ายพี่ชายของเด็กคนนั้นก็เลยบอกกับเพื่อนว่า.. เฮ้ย..ช่างมันเถอะ..ชีวิตใครชีวิตมัน.. เพราะข้าเองก็กำลังจะเข้าไปเล่นในบ่อนนี้เหมือนกันว่ะ!.. !?!?!.. เฉลยคำตอบ..ประมาณว่า.. ก็คณะที่เห็นอีกคณะที่เขาทำไม่ค่อยถูกต้อง,แล้วเขาก็พากันเงียบเฉย(?).. นั่นเพราะที่เขาไม่ยอมพากันมาทักท้วง.. เพราะคณะของเขาที่อาสาเข้ามาดูแลสังคม?(และพอดีได้รับเลือก)คณะนี้นั้น,เขาก็มีแนวทาง,ทัศนะที่มุ่งหวังทำเพื่อเงินทอน?,หรือคอมมิชชั่นต่างๆ?,แก่คณะของเขาที่ได้รับมอบหมาย,ให้เข้ามาดูแลงานบางอย่าง?..เช่นเดียวกัน?..นั่นไง?.. เพราะถ้าขืนไปทักท้วงอีกคณะเข้า,เกิดอีกคณะไม่พอใจขึ้นมา,ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกทักท้วงหรือวีโต้?ในงานที่ได้รับมอบหมาย?ของคณะตนเองกลับคืนมาได้เช่นเดียวกัน?..ไงล่ะ?.. เดี๋ยวนี้ใครก็อย่าไปคิดว่า..ปชช.นั้นไม่ฉลาด?(=โง่?).. เพราะยุคสมัยนี้ปชช.ต่างรู้ทันนกม.?กันหมดแล้ว?.. เพียงแต่ยังไม่รู้ว่า..จะแก้ปัญหาอย่างไร?กับคณะทำงาน?(บางคณะ)ที่มีกลฉ้อฉล?กันอย่างไรดี?..เท่านั้นครับ.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 17 ตุลาคม 2566 เวลา:15:02:23 น.
ดูไล้ฟ์สดของช่องอมรินทร์,18-10-66.. มีความเห็นดังนี้.. เดี๋ยวนี้เรามีเรื่องของดิจิตอลฟุตพริ้นท์.. ดังนั้น..ข้อมูลต่างๆมีการบันทึกไว้หมด(?).. อยากขอเสนอให้สื่อช่องต่างๆควรนำ"คลิปบางคลิป"มานำเสนอ.. เช่น..กรณีที่มีนกม.(บางท่าน)ที่เคยพูดรับปากกับปชช.ประมาณว่า.. จะยืนอยู่เคียงข้างกับปชต.?,แต่ภายหลังเมื่อมีความผิดพลาดจากการบริหารนโยบาย?(ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจให้เกิดขึ้น?..ก็ตาม),แต่สุดท้ายก็มีการหลบออกไป?(ของบางท่าน),มีแต่ลูกน้องที่ยังถูกจำขังอยู่?เท่านั้น(?)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:07:23 น.
จึงอยากให้สื่อบางส่วนลองถามผู้บริหารนโยบายสำหรับนโยบายแจก.....?ครั้งใหม่?.. ว่าถ้ามีการผิดพลาด?ขึ้นมาอีก(?.).. ผู้บริหารนโยบายทุกระดับ?จะกล้ารับปากกับปชช.?ได้หรือไม่?ว่า.. จะไม่ทำเหมือนกับบางท่าน?ที่อยู่ในอดีตคณะบริหารนโยบาย?(ที่ผ่านๆมา).. คือ.. ขอให้รับปากว่า..ผู้บริหาร(คณะใหม่)ทุกท่านจะไม่มีการหลบไปอยู่ที่อื่น?ที่เกินกว่าขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย?ของกระบวนการยุติธรรมทุกระดับ?..ได้หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:10:53 น.
และอยากฝากให้ข้อคิดว่า.. ปชช.อย่าเพลินในความที่พูดชี้แจงได้อย่างคล่องแคล่ว?ของใครก็ตาม?(?).. เพราะไม่ได้เป็น"เครื่องการันตี?"ว่า.."คำพูดนั้นๆ?"จะต้องถูกต้องเสมอไปจ้ะ?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:25:05 น.
เพราะยิ่งบุคคลใด?ที่พูดจาได้คล่องแคล่วมากเท่าใด(?),ยิ่งชี้ว่าบุคคลนั้น?ย่อมสามารถปกปิดความในใจ?,และมุมซ่อนเร้นในส่วนตัว?ได้มาก,ได้เก่ง?..เท่านั้นจ้ะ!? ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:28:19 น.
(เช่น.. ข่าวของคนพูดคล่อง?"(บางคน)ที่ใช้"สารบางอย่าง?"เพื่อทำร้ายคนที่เขาเข้าไปสนิทสนมด้วย?..ตามที่เป็นข่าวเมื่อเร็วๆนี้?..นั่นไง?).. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.110.55 วันที่: 18 ตุลาคม 2566 เวลา:12:31:31 น.
ได้ดูบางรายการ,ของวันที่2-11-66,เรื่องหลอกให้หย่า?( =แค่ไว้เผื่อประโยชน์บางอย่าง?,เพราะอาจมองว่าอีกฝ่ายเป็นคนใจอ่อน,ไร้พิษสง?).. และมีความเห็นส่วนตัวดังนี้.. คู่ใด?ที่ได้คู่ชีวิตที่จริงใจต่อกัน(ไม่มีเรื่องคบซ้อน?,เล่นกิ๊ก?,เล่นชู้?),ไม่มีเรื่องนอกใจซึ่งกันและกัน?,ถือว่าเป็นคู่ที่โชคดีตลอดชีวิต(?).. แต่อยากบอก,อยากพูดตามประสบการณ์ส่วนตัวว่า.. หญิงชายที่ครองคู่(ส่วนมาก,หรือจำนวนไม่น้อย?)มักมาจากเรื่องผลประโยชน์ที่แต่ละฝ่ายคาดหวัง?(อาจเป็นเรื่องรักอยากลอง?เหมือนลองซื้อหวย?ประมาณนั้น),เมื่อหมดประโยชน์?(หรือเริ่มเบื่อ,เพราะจำเจ?),หรือเพราะสาเหตุสารพัด,จิปาถะ?ก็มักจะหาเรื่องที่จะมีคนใหม่?และหาทาง(ขอ)เลิกจากคนเก่า?.. ถ้าฝ่ายใดจิตอ่อน?,ยังผูกพัน,ให้อภัย?ก็มักจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบต่ออีกฝ่าย?,หรือมักทำให้อีกฝ่ายเห็นเป็นฐานรองบ่อน?หรือตัวสำรอง?เพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง?,ยามต้องการประโยชน์ต่างๆ?(เฉพาะหน้า?),หรือมีความต้องการบางอย่าง?(ประมาณแก้ขัด?)ได้เสมอ(?).. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2566 เวลา:20:02:06 น.
ข้อสรุปส่วนตัวกรณีหลอกให้หย่า?(จากความเห็น,ประสบการณ์ส่วนตัว)..
1.ความรักมั่น,รักเดียวใจเดียว?นั้น,ควรต้องแสดงออกด้วยการกระทำ?,มิใช่แค่คำพูดเมื่อครั้งเริ่มแรก?ที่แสดงออกว่ารักกัน?..เท่านั้น(?).. เพราะมักจะมีผลไปถึงระดับDNA?(ทางจิตวิญญาณ?หรืออาจมีผลไปถึงการเบี่ยงเบนดีเอ็นเอทางกายภาพ?ด้วย?),ที่ลูกที่เกิดขึ้นมามักจะรับการถ่ายทอดพฤติกรรม?จากบุพการี?.. เช่น.. ถ้าเป็นลูกหญิง,ถ้าเห็นแม่เจ้าชู้?,คบซ้อน?,หลายใจ?,เมื่อประสบการณ์เรื่องหญิง-ชายมากขึ้น,มักจะเลียนแบบตามแม่?,โดยมิจำเป็นต้องสอน?(หรือสอนไม่ได้?),โดยมักอ้างว่าในใจตนเอง?ว่าทำตามแม่?,หรือแม่ก็ยังทำ?.. หรือถ้าเป็นลูกชาย,เป็นธรรมชาติที่ลูกชายมักจะอยากเก่งเรื่องทางเพศ?ตามพ่อ( =มักคิดว่าบริหารเสน่ห์?,มีหญิงพัวพันหลายคน?,มองว่าเท่?,และภูมิใจในความเป็นชาย?),โดยที่ถ้าพ่อมีหญิงเป็นภรรยา?หลายคน?,ที่สุดเมื่อประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น?,มักจะอยากทำสถิติให้ได้ทัดเทียมกับพ่อ?(เพราะเห็นพฤติกรรมเหล่านี้?อยู่เรื่อยๆ,จนชินตา,จนซึมซับว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเพศชาย(?),หรือถ้าเป็นไปได้,ก็อยากทำให้ได้จำนวนเหนือกว่าพ่อ?ด้วยซ้ำไป(?)..
2.ความดี,ความตั้งใจครองคู่,ความมั่นคงในการต้องการเป็นครอบครัวมักจะเป็นกับคู่คนแรก(โดยเฉพาะกับหญิง), หรือมักจะพูดได้ว่าภรรยาคนแรกมักดีกว่าภรรยาที่ถัดๆมาเสมอ(?)(ประมาณนั้น),โดยเฉพาะเมื่อหญิงใด?ที่รู้ทั้งรู้ว่าสามีมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว(หรือเคยมีภรรยามาแล้ว),และยังยอมเป็นภรรยารอง?หรือภรรยาน้อย?,มักประเมินได้ว่า..จะหาความจริงใจที่ยั่งยืน?จากภรรยาคนถัดมา?ได้ยาก(?),เพราะมักมุ่งหวังผลประโยชน์อื่นๆ?(เช่น..เรื่องทรัพย์?,สถานะ?)จนยอมที่จะเป็นน้อย?หรือเป็นรอง?,หรือแย่งคู่คนอื่น?(โดยมองข้ามหลักศีลธรรมของศาสนา?,อาจมองเพียงว่าใครดี,ใครได้?)ก็ยังยอม(?).. เพราะหลักคิดคือ..เมื่อเธอกล้าที่จะทำผิดหลักศีลธรรม?( =แย่งของรักจากผู้อื่น?มาได้?),ก็คงยากที่ผู้ชายจะมุ่งหวังความจริงใจ?ที่จะครองคู่จนตลอดชีวิต?จากหญิงผู้นั้น?ได้..(เพราะจะให้รักของมือสอง?มากกว่าของมือหนึ่ง?ได้อย่างไร?).. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:4:53:59 น.
สังคมไทยเป็นสังคมพุทธ..ใช่หรือไม่?.. ไม่สมควรที่จะเป็นลักษณะของการหลิ่วตาข้างหนึ่ง?หรือหลับตาข้างหนึ่ง?.. แต่ทุกๆฝ่ายควรเอื้อต่อระบบศีลธรรมของทุกๆศาสนา..(โดยไม่สนับสนุนหรือเข้าข้าง?,หรือให้ท้าย?ต่อคู่ครองบางคน?ที่มีลักษณะไม่กตัญญู?ต่อผู้ผลักดัน,สนับสนุนในหน้าที่,การงาน?,จนมีผลทำให้ครอบครัวพังทลาย?..ใช่หรือไม่?.. เพราะหลักกฎหมายก็ยังเคยได้ยินมาว่า..จะมีคดีที่บุพการีสามารถเรียกคืนทรัพย์ที่มอบให้กับบุตรได้.. ซึ่งเราเห็นส่วนตัวว่า..น่าจะสังเคราะห์เข้ากับการที่ภรรยาที่ได้อุดหนุนช่วยเหลือต่างๆ?(อย่างกรณีที่ภรรยาเป็นแม่ค้า,ช่วยให้สามีได้เป็นผอ...เป็นต้น),จนสามีได้หน้าที่การงานที่สำคัญ?,แล้วภายหลัง..เมื่อตน(สามี)ได้หน้าที่,การงาน?ที่สำคัญ,มีเกียรติ,มีหน้ามีตา?,แล้วกลับมาขอเลิกร้างจากภรรยา?โดยไม่มีสาเหตุสำคัญ?(นอกจากกรณีภรรยามีชู้?).. เราเห็นว่า..หัวหน้างาน?หรือผู้ใหญ่ๆของสังคม?ไม่ควรเพิกเฉย?,เอาหูไปไร่,ไปสวน?,หรือปล่อยให้ผู้กระทำสิ่งเหล่านี้?(ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด?ก็ตาม?)ได้อยู่ในหน้าที่,การงาน?(ที่มีเกียรติ?),ที่เคยได้รับการอุดหนุนจากคู่ครองคนเดิม?อีกต่อไป(?)(คล้ายคำที่ว่าพอได้ดี..แล้วก็ดันหัวเรือส่ง?) ประมาณนั้น?..หรือไม่?.. หรือไม่ควรใช้อำนาจหน้าที่?เพื่อช่วยเหลือกันเอง?ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี?ต่อสังคมต่อไปหรือไม่?.. ซึ่งอาจเป็นเหตุที่จะทำให้สังคมไทยขาดไร้ซึ่งความอบอุ่นในครอบครัว?,ขาดสัญลักษณ์แห่งความเป็นคนดี?(อันคือความกตัญญู,รู้คุณผู้มีคุณต่อตน?)หรือไม่?.. ซึ่งทำให้สังคมไทยเต็มไปด้วยผลกระทบ?ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในครอบครัว?ตามมาอย่างมากมาย?..หรือไม่?.. ซึ่งลูกบางคนอาจรู้สึกน้อยใจ?,จนอาจคิดผิด?,พาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับวงจรยาเสพติด?หรือสังคมเพื่อนฝูง?ที่อาจชักจูง,นำพา?ไปสู่สิ่งที่เลวร้าย?ตามมา?..ได้หรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:7:38:21 น.
(กรณีข่าวหญิงบางคนอ้างถูกหลอกทำคุณไสย,มนต์ดำ?).. อยากถามสังคมว่า.. สังคมเราจะเอายังไงกันดี?.. สมมุติว่า.. มีหมอมนต์,หมอเสน่ห์บางคนอาจอ้างว่าไปเรียนมนต์?จากไหนก็ไม่ทราบได้(?)(มีบางคนเคยอ้างว่าไปเรียนมาจากประเทศข้างบ้านเรา?ที่กิตติศัพท์เรื่องการทำคุณไสย์,มนต์ดำ?นั้นลือเลื่อง?),เพราะมักมีภาษาที่คนไทยฟังไม่เข้าใจ,หรือฟังไม่ออก,ซึ่งอาจมีการเขียนเป็นตัวอักษรยันต์?บ้าง?,มีเรื่องการสักยันต์?บ้าง?.. ประมาณว่า.. ต้องยอมรับว่า..สังคมเรามักชอบอะไรที่เป็นทั้งภาษาพูด?และภาษาเขียน?ที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง?..ว่างั้นเถอะ(?)..ประมาณนั้น..นั่นแหละ,แล้วก็จะมองว่าขลัง?และเชื่อ?.. ที่จริงเราคิดว่าน่าจะเป็นอุปาทานในจิต?ที่เชื่อ,ศรัทธา,ฝังใจ?ของผู้แสวงหา?ไปเองมากกว่าหรือไม่?(เพราะอุปาทานของคนบางคน?"บางทีมันก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อ?และพิสดาร?และยากจะอธิบายให้กระจ่างได้?,ซึ่งถ้าเชื่อมากๆ?หรืออุปาทานจัดๆ?,บางทีก็เกิดอะไรแปลกๆ?ขึ้นได้(?)(แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปได้กับทุกคน?).. สิ่งนี้อาจเป็นเรื่องของเทคนิค?,หรือจิตวิทยา?ที่อาจารย์มนต์บางคน?อาจใช้เพื่อเป็นประโยชน์,เพื่อให้ลูกศิษย์เชื่อถือ(?).. แต่มีข้อท้วงติงสำหรับสังคมไทย,ซึ่งชื่อว่าสังคมพุทธ(ซึ่งมีชาวพุทธราว95%)นั้นว่า.. สื่อบางส่วน?สมควรส่งเสริม,หรือนำมาพูดถึงแบบให้เกียรติ?หรือให้คุณค่า?เกินไปหรือไม่?,และสื่อบางท่านก็ยังมีพูดทำนองว่า..ตนเองก็เชื่ออยู่นะ(?),ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมคล้อยตามสื่อได้?..อะไรประมาณนี้..หรือไม่?.. เพราะอยากบอกว่า.. มันไม่ใช่หลักคำสอนของพุท?เลย(?).. ยิ่งถ้าเป็นนักบวชพุทธ(ที่สวมจีวร)แล้วมาทำคุณไสยเหล่านี้?,ที่เรารู้คือผิดมหาศีลของพุทธแน่นอน(?),แต่การลงโทษนักบวชนี้,เราไม่รู้ว่าจะต้องใช้ระเบียบใด?..อย่างไร?..หรือไม่?.. จึงอยากถามสำนักพุทธศาสนาว่า.. ทำไมจึงยอมให้เมืองพุทธมีทั้งอาจารย์คุณไสย?,อาจารย์มนต์ดำ?,อาจารย์สักยันต์ให้ขลัง?ที่ทำผิดหลักมหาศีลของพุทธ?กันเต็มไปหมด?.. แม้โดยอาจอ้างว่าเขาไม่ได้เป็นนักบวช?(ก็ตาม?),แต่การแสดงออกเช่นการใช้ภาษาบาลี?ที่ท่องเป็นมนต์คาถาต่าง?ที่ฟังไม่รู้ความหมาย?เพื่อให้ดูขลัง?ต่างๆ(?).. ที่เป็นเหตุให้คนเกิดความศรัทธา,เชื่อถือ?(โดยเฉพาะเป็นมากกับหญิง?)ที่มักมาให้ลงมนต์นั่น,นี่?สารพัด(?),ซึ่งมีหญิงจำนวนมากที่ตกไปในกลของบางอาจารย์ที่มักลามไปสู่เรื่องการละเมิดทางเพศ?(ตามที่เป็นข่าวอยู่เป็นระยะๆ?)มาโดยตลอด(?).. จึงเห็นว่าสำนักพุทธควรออกระเบียบ,แล้วนำเสนอไปยังสภา,ให้กำหนดให้ลัทธิบางอย่างเหล่านี้ที่ไม่ตรงกับหลักพุทธ,ให้ถือว่า..มีส่วนแอบอ้างคาถา(ภาษา)พุทธ?และนำพุทธรูป?มาเป็นลักษณะพุทธพาณิชย์?(หรือเครื่องจูงใจ?),และทำให้คนหลงใหล,งมงาย?ในสิ่งอันไม่ใช่หลักการของศาสนาพุทธ?..โดยรณรงค์,หาทางแก้ไขกันให้จริงจัง,และต่อเนื่อง.. จะดีหรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.120.125 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา:15:18:35 น.
ดูรายการเจาะลึกทั่วไป,13-11-66ได้ข้อคิดดังนี้..
(หลักคิดของเราเอง).. 1.ถ้าประชากรเล่นหวยเยอะ,หรือติดหวยแสดงว่า..การศึกษาวิชาคณิตศาสตร์เรื่องหลักความน่าจะเป็น(Probability)น่าจะล้มเหลว(?).. 2.การพนัน(หรือติดพนัน)จะทำให้เงินทุกกระเป๋าในกลุ่มพนันลดลงโดยรวม(ถ้าคิดแบบระบบปิด),เพราะจะเล่นอย่างเดียว,โดยไม่กินอาหารเลย?คงไม่ได้(?).. ดังนั้น.. เงินในระบบต้องหมดไปกับอย่างน้อยค่าอาหาร,หรืออาจมีค่าไฟ,ค่าแอร์,ค่าเช่าห้อง,ค่าจิปาถะเพื่อการดำรงอยู่,สุดท้ายทุกคนจะจนลง(=เศรษฐกิจโดยรวมแย่ลง)(แน่นอน)(=เป็นการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดผลิตผลใดๆ).. 3.คนจนเล่นหวย,คนรวยเล่นหุ้นคืออย่างไร?.. เพราะคนจนมีเงินน้อยจึงใช้หวยเป็นเครื่องเสี่ยงโชค( =การพนันชนิดหนึ่ง),หวังรวยทางลัด,เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อหุ้น.. ส่วนคนรวยที่พอมีเงินเท่านั้นจึงจะนิยมเล่นหุ้น(เรียกสวยๆว่าการลงทุนที่มีความเสี่ยง?)(ความเสี่ยง?=การพนันชนิดหนึ่ง?ก็ว่าได้?)(เช่น.. "บางบริษัท"อาจมีการตกแต่งรายละเอียดทางการเงิน?ให้ดูสวยดี,น่าลงทุนด้วย?,ประมาณนั้น?..เป็นต้น).. แต่จริงๆเป็นเรื่องความเสี่ยงที่มีหลักวิชาการตามสมควร,คือจะมีการคาดคะเนอนาคต?ตามหลักการต่างๆ?,แต่ก็คาดคะเนผิดได้,และถ้าคะเนผิด?เมื่อไหร่?,ก็มีสิทธิ์ขาดทุน(หรือ=เสียพนัน?)นั่นเอง?,ไม่ต่างกัน(?).. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.112.185 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2566 เวลา:11:51:49 น.
กรณีรายการโหนฯ,15-11-66(ตอนพลังจิต)..
(ความคิดเห็นส่วนตัว).. 1.ถ้าเป็นแถบชาวตะวันตกคนมักเชื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์มากกว่าเรื่องของการรักษาด้วยพลังจิตต่างๆ.. เพราะระบบต่างประเทศเขามีเรื่องของ"สวัสดิการแห่งรัฐคอยโอบอุ้มเกื้อหนุน,เขาจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเรื่องของความเชื่อต่างๆ.. แต่เรื่องของความเชื่อหรือพลังจิตมักจะมีมากในหมู่ชนทางซีกโลกตะวันออก,เพราะจัดอยู่ในสถานะทางเศรษฐกิจที่ยากจน,ซึ่ง พอจะคิดถึงว่าต้องการไปรักษาในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์,ก็ต้องคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายซึ่งอาจทำให้เงินที่สะสมมาตลอดชีวิตต้องหมดไปในชั่วพริบตาก็เป็นได้..ประมาณนั้น.. จึงมักอาศัยการลองผิดลองถูกในเรื่องวิชาลี้ลับของอาจารย์ที่ได้ฝึกฝนเรื่องของวิชาอาคมและพลังจิตต่างๆกันเป็นจำนวนมาก.. เพราะอาจคิดว่า..ไปลองดูก็ไม่เสียหาย,คงไม่ได้แย่ไปกว่าเก่า,แต่ถ้าเผื่อโรคหายมาก็ถือว่าโชคดี,หรือโชคช่วย..ประมาณนั้น.. จริงๆมีแง่มุมวิเคราะห์ต่างๆมากมาย.. เช่น.. อาจคล้ายเหมือนกับการแก้บนกับรูปบูชาต่างๆก็เหมือนกัน.. จะมองว่า..เป็นที่พึ่งของคนบางส่วนก็ได้.. แต่บางทีก็ถูกมองว่า..อาจเป็นความงมงาย?หรือเป็นเรื่องของจิตวิทยามนุษย์?( =สถิติ)หรือไม่?.. เช่น.. บางทีมีการพูดกันว่า.. อาจมีคนไปขอโชคลาภหรือบนบานอะไรไว้จำนวนมาก,ใน100คน,อาจมีคนที่จับพลัดจับผลูได้ตามคำขอสัก1คน,คนที่คิดว่าตนได้รับโชค(ซี่งอาจจะเกิดขึ้นเพราะเหตุอื่นๆสารพัด?ก็เป็นได้,ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับองค์รูปปั้น?ที่ไปบนบาน,ขอโชคลาภแต่อย่างใดเลย?,ก็ได้เช่นกัน?),ก็จะไปแสดงการรำแก้บน?หรือนำของมาถวาย?ซะเอิกเกริกใหญ่โต?,จนคนที่ไปพบเห็นการแก้บน?นั้นก็พากันไปพูดกันปากต่อปาก?ว่าองค์รูปปั้นนี้คงศักดิ์สิทธิ์นะ(?),คนผู้นี้คงได้โชค,จึงมาแก้บนเอิกเกริกขนาดนี้?..ประมาณนี้.. แต่ลืมคิดไปว่า..ผู้ที่ไม่ได้รับโชคที่มีอยู่อีกถึง99คนนั้นเล่า?,ทำไมเขาจึงไม่ออกมาพูดประกาศว่า..ฉันไม่ได้รับโชคดอกนะ,เพราะทางจิตวิทยาก็คือ,เมื่อตนไม่ได้รับโชคตามที่ขอไว้,ก็ย่อมจะพากันหลบหน้าหนีหายไป,เพราะถ้ามาพูดอะไรมาก,ก็ยิ่งจะอับอาย,เพราะอาจกลัวถูกต่อว่าหรือสมน้าหน้าว่า..เป็นคนอับโชค?เอง?,หรือเป็นคนไม่มีบุญ?..อะไรประมาณนั้น..หรือไม่?..นั่นเอง..
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา:18:51:04 น.
2.เราเคยเรียนรู้ทางคริสต์มาบ้าง.. พระเยซูเองก็เคยมีการรักษาคนป่วยหรือคนพิการโดยแค่ผู้ที่มีความเชื่อเข้ามาสัมผัสถูกตัวของพระเยซู,โรคนั้นๆก็จะหาย,หรืออาการพิการ..เช่น..คนตาบอดก็หายบอด,คนขากะเผลกก็เดินได้.. เช่นนี้เป็นต้น.. ส่วนตัวเราเองก็ปกติอยู่คนเดียว,หลายครั้งก็ต้องช่วยเหลือ,เอาตัวให้รอดด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด,โดยอาศัยความเชื่อส่วนตัวกับความเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ.. เช่น.. ปวดท้อง,ปวดหัว,ฯลฯ..ด้วยเช่นกัน.. โดยการใช้สะพานพลังจิตโดยใช้มือของเรานี่แหละไปลูบซ้ำๆที่บริเวณที่กำลังเจ็บปวดต่างๆนั้น,และก็จะมีสวดคาถาที่เราเชื่อถือหรือยึดถือ..เช่น..คาถาเจ้าแม่กวนอิมในเวลาที่กำลังเอามือลูบไปด้วย.. เป็นต้น.. และ99%ก็มักจะได้ผล,คืออาการเจ็บปวดต่างๆ(ที่ไม่รุนแรงมากนักนะ)ก็จะทุเลาเบาบางไปในชั่วระยะเวลาอันไม่นาน.. คือเรามองว่า..ทุกคนมีพลังจิตและสามารถใช้พลังจิตกับเรื่องของตัวเองที่ไม่ใช่เรื่องรุนแรงได้แทบทุกคน.. นั่นแหละ..
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา:19:34:26 น.
3.หลายๆปีมาแล้ว.. เราเคยได้ดูรายการดังรายการหนึ่งทางทีวีโซเชี่ยล,มีหญิงคนหนึ่ง(เป็นคนไทยนี่แหละ)ที่มาออกรายการแล้วพิสูจน์เรื่องพลังจิตให้ดู,โดยการคล้ายๆทำให้วัตถุเบามากๆชนิดหนึ่งตั้งอยู่บนสิ่งที่แหลมๆและหมุนได้โดยง่าย,แล้วเขาก็แสดงการใช้พลังจิตให้วัตถุที่ประดิษฐ์ขึ้นมานั้นหมุนไปทางซ้ายก็ได้,หรือทางขวาก็ได้,แล้วแต่มือของผู้ใช้พลังจิตนั้นจะโบกพัดไปทางไหน,วัตถุนั้นก็จะหมุนตามไปทันที.. อันนี้เราก็เคยลองฝึก,พยายามจะทำตามเช่นเดียวกัน,แต่ทำไม่ได้.. เพราะเคยได้ยินว่า.. คนเล่นกับพลังจิตนั้นมักจะมีอายุที่ไม่ยืน,เพราะเกี่ยวกับการต้องใช้พลังงานของระบบกล้ามเนื้อหัวใจที่มากเกินไป,อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนล้า,และชำรุดเร็ว(?)(เราจึงไม่ได้ฝึกฝนอีกต่อไป,เพราะส่วนตัวเคยหลอดเลือดหัวใจตีบ,และทำบอลลูนไปแล้ว1เส้นแล้วด้วย).. เราเพียงอยากบอกว่า..ธรรมชาติของมนุษย์โดยเฉพาะชาวตะวันออกมีแนวโน้มจะเชื่อหรือถูกสะกดให้จิตใจหรืออุปาทานจิตส่วนลึกของตัวเอง(จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม)เป็นไปตามการกำหนดหรือคำพูดของผู้ที่ทำการสะกดจิตต่างๆได้ง่าย.. โดยผู้สะกดจิตอาจใช้ทั้งเทคนิคเสียงพิเศษ?,และ/หรือแอ็คชั่นการแสดงออกต่างๆ?(เพื่อจูงอุปาทานจิต?ของผู้ป่วยให้คล้อยตามได้โดยง่าย?)ประกอบด้วย,แต่โดยมากมักไม่ยั่งยืน,อาจเป็นๆหายๆต้องกลับมาหาผู้สะกดจิตอีกเรื่อยๆ,แต่โรคที่รุนแรง.. เช่น..โรคมะเร็ง,หรือโรคเก๊าส์,โรคไต,โรคตับ,โรคความดัน,โรคหอบหืด.. เป็นต้น.. นั้น..เรามองว่าน่าจะรักษาให้หายขาด,โดยอาศัยแค่ความเชื่อเรื่องพลังจิตเพียงอย่างเดียวนั้น ..น่าจะเป็นไปได้ยากครับ..
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา:20:38:27 น.
4.เราเคยรู้ว่า.. การวิจัยเรื่องยาต่างๆมักจะมีการใช้ยาหลอก(Placebo).. คือเป็นเรื่องของการประเมินผลว่า..ยามีฤทธิ์ตามประสงค์มากน้อยแค่ไหน?.. โดยจะไม่มีการบอกกับผู้อาสาทดลองว่า..ตนได้รับยาหลอกหรือไม่?.. เมื่อผลออกมาแล้ว,ก็จะนำมาประเมินว่า.. ยาตัวนั้นจะใช้ได้หรือไม่?..ประมาณนั้น.. เช่น.. ถ้าผู้ที่ได้รับยาหลอกจำนวนหลายคน,ก็สามารถรู้สึกอาการดีขึ้นเมื่อได้รับยาหลอกนั้น,เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับยาจริง,ก็แสดงว่า..ประสิทธิภาพของยายังคงต้องทบทวนหรือมีการค้นคว้าทดลองอีกต่อไป.. เช่นนี้เป็นต้น.. คือแสดงว่า..แม้แต่ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ยังยอมรับว่า..อำนาจของจิตอุปาทานของมนุษย์นั้นก็มีความหมายที่จะทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อบริบทต่างๆของการใช้เทคนิค,กลวิธีแปลกๆต่างๆ,เพื่อจะหลอกจิตของผู้ป่วยให้เกิดอุปาทานมากพอในระดับหนึ่งที่จะทำให้ตัวผู้ป่วยนั้น,รู้สึกว่าอาการของตนนั้นดีขึ้น..ก็ได้ด้วย.. แต่ในความเป็นจริงนั้น,อาจจะหายจากโรคได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ,และก็จะกลับมาเป็นอีก(เพราะต้นเหตุแห่งโรคไม่ได้ถูกกำจัดออกจากร่างกายอย่างแท้จริง),หรือถ้าการรักษาโดยอาศัยเทคนิคคำพูดและแอ๊คชั่นต่างๆของอาจารย์สะกดจิตต่างๆที่ไปมีผลต่อระบบภายในร่างกายที่ละเอียดอ่อน?ที่ไม่อาจรู้ได้ในระยะแรก,แต่ก็อาจก่อผลเสียที่ร้ายแรงเพิ่มขึ้นในระยะต่อๆมาได้,เพราะด้วยการรักษาคนป่วยแบบไม่ถูกหลักการทางการแพทย์?ได้ด้วยเช่นเดียวกัน(?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา:22:28:24 น.
5.สังคมไทยเป็นสังคมประมาณตำนานศรีธนญชัยประมาณนั้น(?).. จึงควรต้องระวังเรื่องหลักกฎหมายที่มักมีนักธุรกิจต่างๆ(โดยเฉพาะทางโซเชี่ยล)มักใช้เป็นช่องทางเพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายอยู่เสมอ.. เพราะเราเห็นว่าช่วงก่อนๆที่ผ่านมา,มักจะมีการโฆษณาสินค้าที่เว่อร์วังอลังการ?,ดูวิเศษเกินจริง?หรือไม่?.. สุดท้าย..ตอนท้ายโฆษณามักจะบอกว่าถ้าใช้แล้วไม่ได้ผล,หรือไม่ถูกใจ,ยินดีคืนเงินให้ภายในกี่วัน,ก็ว่าไป,โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ..ประมาณนั้น.. จริงๆถ้าไม่ได้ผลตามโฆษณา,ก็ย่อมแสดงว่าโฆษณาเกินจริง?อยู่แล้ว?หรือไม่?,ซึ่งแสดงว่า..ความผิดนั้นสำเร็จแล้ว?,ซึ่งไม่ว่าคุณจะคืนเงินหรือไม่?,ก็ย่อมถือว่า..ทำผิดกฎหมายฐานโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง?หรืออาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน?อยู่แล้ว?,ถ้ายิ่งไม่คืนเงิน,ยิ่งจะต้องผิดอีกหลายกระทง?มากขึ้นไปอีก?.. เดี๋ยวนี้มีโฆษณาเช่นนี้อยู่มาก,โดยไม่มีสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชน?.. เช่น..การนำเอาผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือยารักษาโรคบางอย่างมาพูดแบบที่ใช้มุกเชิงบอกต่อๆกัน?(ซึ่งเป็นการพยายามหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายเช่นเดียวกัน),ประมาณว่า.. ตัวลูกค้าเองได้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือยานี้แล้วรู้สึกได้ผลดีอย่างนั้นอย่างนี้?..เป็นต้น.. ประมาณทำนองจะหลบเลี่ยงว่า..เจ้าของผู้ผลิตนั้นไม่ได้โฆษณาสินค้าหรือยารักษาโรคเอง?นะ?,แต่เขาใช้แล้วเขามาพูดโฆษณาให้เอง?,แต่จริงๆก็เป็นการที่ผู้ผลิต?นั่นแหละ?ที่เซ็ตทีม?เพื่อถ่ายคลิป?นำไปสู่การโฆษณาที่เกินจริง?ด้วยความจงใจ?นั่นต่างหาก?.. หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.61 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา:0:29:32 น.
6.เราเคยได้ศึกษาความยิ่งใหญ่ของศาสดา,ก็มีโมเสสที่ยกไม้เท้าขึ้น,พลันทะเลแดงก็แยกตัวออกให้มีดินแห้งให้ชาวอิสราเอลข้ามผ่าน,หนีทหารฟาโรห์ที่ขับรถม้าไล่ตามมา,จนพ้นไปได้.. อีกครั้งก็พระเยซูยกมือขึ้นห้ามพายุและน้ำทะเลที่กำลังโหมกระหน่ำจนทำให้พายุคลื่นลมสงบลงในทันใดได้,และการรักษาโรคของพระเยซูที่แค่มีคนไปถูกตัวท่าน,โรคที่เป็นอยู่ก็หายได้.. แต่การศึกษาทางฟากพุทธ,เคยมีคำพูดว่า..อาจารย์ย่อมไม่แสวงหาศิษย์,แต่ศิษย์ต้องเป็นผู้แสวงหาอาจารย์เอง.. แต่เราพบว่า..ทุกวันนี้..อาจารย์คาถาอาคมบางท่านกลับดูเหมือนเป็นผู้แสวงหาศิษย์ไว้ให้มากๆ,เพราะเหตุแห่งเรื่องเงินๆทองๆ?,หรืออาจารย์บางท่านก็มีการเรียกเก็บเงินค่าครู,ค่าวิชาต่างๆ?,เราจึงมองว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องของการใช้พลังจิตที่แท้จริง?(จากจิตของตัวเอง)เหมือนพระเยซูหรือโมเสสแต่อย่างใด?,แต่น่าจะเป็นเรื่องของจิตวิทยามนุษย์?มากกว่า?..หรือไม่?.. เราเคยได้ยินอาจารย์รุ่นเก่าๆหรือพระเก่าๆสมัยก่อนมักพูดว่า.. พระพุทธรูปนั้นไม่ต้องไปปลุกเสกอะไรมากมายหรอก,ถ้ามีคนไปกราบไหว้เรื่อยๆ,พระพุทธรูปก็จะเริ่มลืมตา?หรือเริ่มขลัง?ขึ้นมาเอง(?).. คล้ายประมาณว่า.. ผู้ที่ไปเห็น,ไปไหว้กราบก็จะฝากกระแสกลุ่มก้อนพลังงาน?แห่งความเชื่อ,ความศรัทธา?ไว้ที่องค์พระพุทธรูปนั้นเองโดยอัตโนมัติ,และเมื่อถึงจุดหนึ่ง,พระพุทธรูปก็จะเบิกเนตร?และปล่อยพลัง?เพื่อช่วยผู้ที่ตกทุกข์ที่มากราบไหว้นั่นเอง..ประมาณนั้น.. ดังนั้นเรามองว่า.. อาจารย์รุ่นหลังๆบางท่านอาจใช้พลังงานความเชื่อ?จากลูกศิษย์?เพื่อเพิ่มพลังงานทางจิต?ให้กับตัวเอง?(แต่น่าจะไม่ใช่พลังจิตของตัวเอง?),และเมื่อมีพลังงานจากลูกศิษย์ผู้เชื่อมากขึ้น,ก็คล้ายมีพลังงาน(จิต)สะสม?มากขึ้น,จนทำให้ก่อผลเป็นพลังฤทธิ์เดชที่มากขึ้นเรื่อยๆ(?),ขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน?..หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.61 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา:2:07:26 น.
7.(สมัยนี้ต้องระวังระบบแฟรนไชส์?,ซึ่งกำลังระบาด,แม้แต่ในวงการธุรกิจ?กับเรื่องของความเชื่อ,ความศรัทธา?).. เราเองก็เคยบวชเป็นพระ(ระยะสั้นๆ)ที่สำนักหนึ่ง(แถวทางอีสาน),เราบวชแค่ไม่กี่วัน,เจ้าสำนักก็บอกให้เราไปช่วยรดน้ำมนต์ซึ่งทำเป็นโอ่งใหญ่ทั้งตักราด,และใช้สายยางฉีดให้กับญาติโยมที่มาสำนักนี้[[ซึ่งเราอ่านตามภูมิส่วนตัวนะ.. ประมาณว่า..ผู้ที่บวชนานมักจะรู้หลักจิตวิทยามนุษย์?หรือรู้ธาตุ,รู้ไต๋มนุษย์?ตรงกันว่า..สังคมชาวพุทธไทยมักเป็นคนที่เชื่อศรัทธาในผู้ห่มจีวร?(หรือนุ่งห่มขาว?,หรือฤาษี?,นักบวช?,ผู้บำเพ็ญพรต?)ได้ง่ายมาก(?).. เมื่อเชื่อ,ศรัทธาซะแล้ว,ก็มักจะเกิดพลังอุปาทาน?.. ดังนั้น..บางอย่างที่ดูประหลาดๆ?ก็อาจเกิดขึ้นได้ไม่ยาก?(เช่น.. เมื่อถูกสัมผัสทางกาย,ก็อาจมีอาการขนลุก?,ซาบซ่าน?,ก่อให้เกิดจิตปีติ?,อาการปีติทางใจ?ก็จะไปหนุนให้เกิดคล้ายสารเอ็นโดรฟิน?หรือสารสุข?,ซึ่งเราเชื่อว่าสารสุข?นี่แหละ,ที่จะไปช่วยลดอาการต่างๆที่เจ็บปวดต่างๆได้พอสมควรได้เลยล่ะ?),จึงแม้แต่พระพึ่งบวชได้2-3วันอย่างเราก็ยังใช้ให้ไปรดน้ำมนต์ให้กับญาติโยมแทนเจ้าสำนัก,ซึ่งท่านมองว่า..ก็ย่อมเกิดผลเป็นฤทธิ์เป็นเดช?ได้ไม่ต่างกัน?..ประมาณนั้น]],ซึ่งก็มีผู้ที่มาเชื่อ,มาศรัทธาพระเจ้าสำนักนี้อยู่จำนวนไม่น้อย,เช่นเดียวกัน.. แต่จริงๆแล้ว,เรากลับเคยเห็นมีชายสูงอายุที่น่าจะมีอาการไตวายเรื้อรัง,กดบุ๋ม?คนหนึ่ง(ซึ่งเราเห็นคาตา)เข้าไปอบไอสมุนไพรที่สำนักที่เราไปบวชนี้,แต่อบได้ไม่นาน,ก็หมดสติที่ห้องอบนั้น,จึงถูกญาติโยมลากออกมา,พระเจ้าสำนักนี้ก็ออกมาดู,มากดที่เท้าแล้วบุ๋มลึก,ปรากฏวว่าสิ้นลมแล้ว.. เราก็เห็นท่านเข้าห้องส่วนตัวไปสวด?,ฟังว่าทำพิธีเรียกวิญญาณให้กลับคืนมาเข้าร่าง?,แต่ทำอย่างไรๆ,ชายผู้นี้ก็ไม่ฟื้น,จึงต้องเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาเก็บร่างไป,คือสรุปว่าเจ้าสำนักที่มีผู้ศรัทธามาก"นั้น?,จริงๆแล้ว,ก็ไม่ได้ขลังจริง?(ซึ่งก่อนหน้านี้,ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ว่า..มีญาติโยมเอาปลาทอดมาถวาย,พอเปิดฝาปิ่นโตออกมา,กลับกลายเป็นปลาเป็นที่ยังมีชีวิต,ที่ดิ้นได้ซะอย่างงั้น,แล้วก็นำไปปล่อย,ฟังว่าเช่นนั้น,อย่างนี้ก็มี,คือมีคนเล่าปากต่อปาก?..ประมาณนี้).. ดังนั้น..อาจารย์จอมขลังบางองค์ทุกวันนี้,จึงน่าจะไม่ได้มีพลังจิตของตัวเองเป็นส่วนตัวที่ฝึกฝนมา?ที่เก่งกาจอะไรมากมายนักหรอก?,ส่วนมากมักจะอาศัยผสมผเสไปกับพลังงานแห่งความเชื่อ,ศรัทธา?ของลูกศิษย์มาช่วยผสมโรง(โดยใช้เทคโนโลยี่และเทคนิคสื่อสมัยใหม่มาร่วมด้วย,ช่วยโปรโมต?)ให้ดูว่าท่านมีพลังจิต?ที่กล้าแกร่ง?มากยิ่งขึ้น?..นั่นแหละ?..มากกว่านะ?..เรามองว่าอย่างนี้นะ?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.112.77 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา:3:59:33 น.
(A)กรณีข่าวขอทานข้ามชาติ(เนชั่นทันข่าวค่ำ,20-11-66).. เราให้ข้อเสนอแนะแบบเรานะ(เราชอบคิดให้แตกต่างออกไปนะ)..
1.การพิการด้วยจุดบริเวณที่คล้ายๆกัน,ด้วยรูปแบบเดียวกันทั้งกลุ่ม,ย่อมแสดงว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ(?)..หรือไม่?,น่าจะต้องมีผู้คลุมเกมส์อยู่เบื้องหลัง?อย่างแน่นอน..หรือไม่?..
2.รวมทั้งรูปแบบที่มีเก้าอี้มานั่ง,แต่งชุดนักเรียน?ให้ดูน่าสงสาร,น่าช่วยเหลือ(?)..นั่นก็พึงตั้งข้อสังเกตกันด้วยครับ?..
3.การที่มีหญิงคนไทย?ที่ขับรถหรู?มาคอยติดตามช่วยเคลียร์?,แสดงว่า..หญิงคนที่มาช่วยเคลียร์ต่างๆ?นั่นแหละ,ที่อาจมีส่วน?..หรือไม่?(เบื้องต้นไม่จำเป็นต้องรอหลักฐานอื่นใด?เสียก่อนเลยก็ได้?),แต่น่าจะติดตาม,สืบสวนว่าจะต้องมีส่วนรับรู้?ในขบวนการค้ามนุษย์?เหล่านี้?..ด้วยหรือไม่?,รวมทั้งหอพักที่ให้เข้าพัก?(ถ้ามี)โดยไม่ตรวจสอบที่มาที่ไป?,ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบบุคคลน่าสงสัย?ก็ควรถือว่าให้การสนับสนุน?กับขบวนการขอทาน?ซึ่งผิดกฎหมาย?นี้ด้วย?..หรือไม่?(ซึ่งถ้าประชาชนทั่วไปฟังข่าวนี้,ก็ต้องอนุมานว่า..น่าจะต้องมีส่วนด้วยกัน?อยู่แล้ว?,และผู้มีหน้าที่ทางกฎหมายควรต้องติดตามตัวมาสอบสวน?,และออกหมายค้นบ้าน,ที่พัก?ของผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด?ด้วย?,อย่างน้อย,ก็ควรให้ประชาชนได้ร่วมรับรู้ว่า..ที่คุณให้เงินเขานั่นน่ะ,เขามีเงินเก็บในบ้านของเขาอยู่เป็นจำนวนเท่าไหร่?(ซึ่งอาจมีเงินสะสม?มากกว่าเงินเก็บของผู้ให้ทาน?นั้นเสียด้วยซ้ำไป?..ก็เป็นได้?),และรวมทั้งมีการโอนเงินในบัญชี?ไปแล้วเท่าไหร่?..เป็นต้น..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.244 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:7:59:46 น.
(B)4.ควรมีรถออกประกาศ,ประชาสัมพันธ์ในที่มีคนพลุกพล่าน,ที่ขอทานกลุ่มนี้?มักไปนั่งขอเงิน?.. ว่า..ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ,อย่าให้ความเมตตาของท่านกลายเป็นไปสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมายการขอทาน?ของขอทานเหล่านี้?,ที่อาจอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์?(สันนิษฐานนะ?)ก็เป็นได้?..
5.ไม่ว่าศาสนาใดๆ?ก็ไม่เคยส่งเสริมให้คนเกียจคร้าน,ไม่ทำการงานใดๆ,งอมืองอเท้า,เอาแต่รอคอยความเมตตาจากผู้อื่นแต่อย่างใดเลย?..(ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า..คนกลุ่มนี้?ได้มีหลักศาสนาใด?ไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจหรือไม่?)..
6.การขอทานใดๆ?ที่ทำเป็นขบวนการ?,มีการชักชวนกันมาเป็นกลุ่ม?,มีหัวหน้าทีม?หรือคนคุมเกมส์?อยู่เบื้องหลัง?ถือเป็นการทำลายการท่องเที่ยว?อย่าง
หนึ่ง?.. ทำให้ผู้ท่องเที่ยวที่เห็นคนขอทานเยอะๆ,ก็อาจอารมณ์บ่จอย?,งานกร่อย?,อาจไม่อยากมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกเลย?..ก็เป็นได้ครับ..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.22 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:52:25 น.
(C)7.ถ้าเตือนด้วยรถประกาศแล้วยังไม่ได้ผล.. ยังมีคนที่ยังชอบให้เงินกับคนขอทานกลุ่มนี้?อีก,ก็อาจใช้แผนเผด็จศึก?เสียเลย?.. ความเห็นส่วนตัวนะ(ตี๊ต่างว่าเราเป็นผู้ดูแลสังคมนะ).. เราก็จะผลักดันกฎหมายที่ให้เอาผิดเป็นเงินค่าปรับ(อาจ500บาทขึ้นไป?)กับผู้ที่ให้เงินกับขอทาน(ถือว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนคนทำผิด?ด้วย).. ถ้าทำได้เช่นนี้(ซึ่งเป็นการคิดแบบซ้อนกล?,สวนกระแส?,ซี่งเรามีทัศนะการดูแลสังคมแบบนี้นะ).. เราก็จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลา,เสียงบประมาณ?กับการไล่กวดจับ?กับขบวนการขอทานข้ามชาติ?ให้เหนื่อยยากมากเกินไป?,ซึ่งถ้ายังมีการนิยมให้เงินกับขอทาน?ที่อาจมีการจงใจ?(หรือยินยอมให้ผู้อื่น)ทำตัวเองให้พิการ?,หรืออาจมีการตกแต่งผิวหนังแบบนักแสดงหนัง,ละครบางส่วน?(หรือไม่?)ด้วยก็ได้?.. คือมีทัศนะหนึ่งทางรัฐ(ยุทธ)ศาสตร์ปกครอง?คือจับผู้ให้ด้วย?..(โดยอาจใช้นอกเครื่องแบบไปยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ,พอมีผู้ควักเงินให้ก็เข้าไปจับเลย,และทีสำคัญคือต้องสื่อสารคลิปการจับกุมผู้ให้เงินขอทาน?ไปให้ทั่วโลกโซเชี่ยล?,แบบนี้ก็คงไม่มีใครกล้าให้เงินกับขบวนการขอทานเหล่านี้?อีกต่อไป?..เราคิดแบบนี้นะ).. เช่นเดียวกับที่มีบางประเทศในสแกนดิเนเวีย(เท่าที่เคยได้ยินได้ฟังมานะ).. ที่เขาจะมีกล้องวงจรปิดติดอยู่แทบทุกที่,ถ้ามีภาพว่าใครไปซื้อประเวณีกับหญิง?ที่แสดงตัวให้บริการทางเพศ?กับชายกลัดมัน?ในสถานที่ต่างๆ?,เขาก็จะมุ่งจับชายผู้ซื้อประเวณี?ก่อนเป็นเบื้องต้น?.. ซึ่งนานไป,นานไป,เมื่อหญิงไม่มีชายกล้ามาซื้อบริการ,เขาก็จะต้องหลบหายไปเอง?..ประมาณนี้.. หรือขบวนการขอทานต่างๆ?ก็น่าจะใช้วีธีการในทำนองเดียวกัน?.. ถ้าจับ,ปรับคนให้?(เป็นหลักก่อน)ด้วย?..(แล้วเผยแพร่ภาพผ่านสื่อมวลชนให้ทั่วๆ),เมื่อไม่มีคนให้เงินขอทาน,ขอทานก็ไม่มีรายได้,ก็ย่อมหายสูญไปหมด,ไม่กล้า(หรือไม่อยาก)พาพวกพ้องข้ามประเทศ?วนเวียนเข้ามาหากินขอทานในไทย?อีกต่อไป?.. ท่านเห็นด้วยมั้ยล่ะ?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.8 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:58:29 น.
(a)ได้ชมรายการประจักษ์จับประเด็น,21-11-66แล้ว.. มีข้อเสนอแนะดังนี้ครับ..
1.ถ้าเราทั้งหลายอยากให้สังคมดี,มีธรรมาภิบาล,โปร่งใสในทุกมิติ.. ผู้มีส่วนทั้งภาคราชการ,รัฐวิสาหกิจต่างๆและประชาชนต้องช่วยกันนำเสนอว่า.. ข้อมูลข่าวสาร,รวมทั้งวิธีการทำงาน,รายงาน(คลิปหรือเทป)ของการประชุมต่างๆของทั้งภาคราชการ,และรัฐวิสาหกิจ(อาจรวมทั้งบริษัทที่ทำสื่อต่างๆด้วย),ควรต้องมีระเบียบ,กฎหมายที่ชัดเจน,เคร่งครัด,ที่จะต้องให้มีการเปิดเผยได้,ทั้งต้องให้มีแผนกประชาสัมพันธ์ในทุกๆหน่วยงานในสังกัดที่ต้องทำตามระเบียบที่ต้องนำเสนอ,หรือประกาศให้ประชาชนได้รับรู้ผ่านระบบสื่อมวลชนต่างๆได้ในทุกเรื่อง..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.160 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:13:32:41 น.
(b)2.และบางส่วนที่ไม่สำคัญนัก,ถ้ามีประชาชนอยากรู้และมาติดต่อขอทราบ,ก็ให้สามารถเปิดเผยได้ทุกเรื่องเช่นเดียวกัน,(เพราะมีหลักคิดว่า..ในที่แจ้ง,ที่เปิดเผย,หรือของที่เป็นสารอินทรีย์ที่เปื่อยได้,เมื่ออยู่ในที่โล่งแจ้ง,มีแดดส่อง,มีลมพัดก็ย่อมจะเน่าน้อยลง,กลิ่นเน่าน้อยลงและแห้งไปโดยไร้เชื้อจุลินทรีย์และเชื้อราได้ในที่สุด).. เพราะที่ที่มีการปกปิดเป็นความลับถ้ายิ่งมีอยู่มากเท่าไหร่?,ก็จะยิ่งเอื้อให้เกิดการทุจริต,คอร์รัปชั่นด้วยวิธีซิกแซ็ก,ไม่ตรงไปตรงมา,มีนอกมีใน,และมีการเอื้อประโยชน์ให้กับบางกลุ่ม,บางฝ่ายที่อยู่ในทางการเมืองหรือทางธุรกิจ,ที่ผู้ที่มีตำแหน่งทางราชการบางส่วน(ซึ่งมีอำนาจในการอนุมัติในโครงการต่างๆ)มีประโยชน์เชื่อมกับเขาแบบลับๆ(แค่เพียงติดต่อฮั้วประโยชน์กันทางมือถือ,ก็สามารถทำได้โดยไม่ยากแล้ว)ได้มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย..เท่านั้น..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.160 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:13:36:01 น.
(c)3.แม้จะอ้างว่าเป็นข้อมูลลับที่เกี่ยวกับความมั่นคงทางอธิปไตยต่างๆก็ต้องให้มีข้อยกเว้นที่ไม่ต้องเปิดเผยให้น้อยที่สุด..และต้องกำหนดว่า..แม้ข้อมูลที่เป็นความลับพิเศษก็ต้องอนุญาตให้มีคณะผู้ทรงคุณวุฒิที่มีคุณสมบัติที่เชื่อถือ,วางใจได้โดยเฉพาะ,และเป็นที่ยอมรับ,เชื่อถือจากประชาชนเป็นที่ประจักษ์ว่า..เป็นบุคคลที่ตรงไปตรงมาอย่างยิ่งยวดมาโดยตลอด,สามารถรวมกลุ่ม(หรือมีการจัดตั้งทางกฎหมาย)เพื่อรับมอบภาระจากประชาชนโดยรวม,เพื่อให้ไปสอบถามข้อมูลเหล่านั้นแทนภาคประชาชน,เพื่อความโปร่งใส(และไม่ต้องนำมาเปิดเผยกับสาธารณะ)ได้ด้วยเช่นเดียวกัน..
4.สรุปว่า..ทุกมิติที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริต,ประพฤติมิชอบต่างๆของสังคมไทย,ต้องให้ประชาชนสามารถเข้าไปขอข้อมูลเพื่อตรวจสอบความถูกต้องได้ทั้งหมด,โดยแทบไม่มีข้อยกเว้นเลย..ประมาณนั้นครับ.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.160 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2566 เวลา:13:40:45 น.
(A)ได้ชมรายการเข้มข่าวค่ำPPTV,22-11-66ช่วงจับแก๊งนักเรียนรุนแรงแล้ว.. มีข้อเสนอแนะดังนี้ครับ..
เราเคยไปที่โรงพยาบาลหรือคลินิกแพทย์ต่างๆ,มักจะพบว่า..มีการปิดประกาศสิทธิของผู้ป่วยอยู่เสมอ.. เราจึงมีแนวคิดส่วนตัวเพื่อประสงค์ช่วยคิดแก้ไขปัญหาของสังคมว่า..
1.ควรออกกฎระเบียบหรือกฎกระทรวงขอให้แต่ละโรงเรียนติดป้ายประกาศสิทธิของผู้ที่จะสมัครเข้าเรียนหรือสมัครสอบที่มีเนื้อหาบอกประวัติของโรงเรียนว่า..เคยมีความขัดแย้งรุนแรง?กับสถาบันโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียง?มาแล้วกี่ครั้ง?,มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง?.. เพื่อให้ผู้ที่ต้องการสมัครสอบหรือสมัครเรียนได้รับรู้เป็นเบื้องต้นว่า..เมื่อได้รับรู้ประวัติต่างๆของความรุนแรงระหว่างสถาบันของโรงเรียนที่ตนต้องการสมัครสอบหรือสมัครเข้าเรียนแล้ว,จะยังยินดีสมัครสอบหรือสมัครเข้าเรียนเช่นเดิมอีกหรือไม่?(คือให้แล้วแต่ความสมัครใจ..ว่างั้นเถอะ)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.90 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2566 เวลา:21:03:56 น.
(B)2.วิธีที่2ก็คือถ้ามีเด็กนักเรียนโรงเรียนใด?ยังมีปัญหาเรื่องความรุนแรงต่อสถาบันอื่น?(รวมถึงเรื่องการรับน้องใหม่?ที่มีกรณีที่ละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคล?ของน้องใหม่?ด้วยวีธีพิลึกพิลั่นต่างๆ?,ที่มีผลจนทำให้บาดเจ็บ,พิการหรือเสียชีวิต?..นั้นก็ด้วย).. ก็ให้ครูหรืออาจารย์ฝ่ายปกครองเป็นผู้รับผิดชอบ(โดยตรง),โดยจะสั่งย้าย?หรืออาจปลดออก?,ไล่ออก?ก็แล้วแต่กรณีว่า..ครูท่านใด?ได้ให้การดูแลนักเรียนในปกครองของตัวเองในระดับไหน?(ได้ดีแค่ไหน?).. ประมาณนี้ครับ..
3.หรืออีกวิธีโดยใช้การแก้ปัญหาแบบขุดราก,ถอนโคน?ไปเลย.. ก็คือ.. เช่น..ประกาศยุบโรงเรียนหรือสถาบันที่มีปัญหาของความรุนแรงอยู่เป็นประจำนั้นไปเลย..(โดยอาจเริ่มดำเนินการเพื่อออกกฎหมายมาใช้บังคับโดยเร่งด่วน.. คือนับตั้งแต่บัดนี้ไปเลย)..แล้วปัญหาเรื่องคู่กรรมต่างสถาบัน?ก็จะได้หมดลงไปอย่างเด็ดขาดในทันที(ที่กฎหมายผ่านสภา).. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.90 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2566 เวลา:21:07:00 น.
(A)ได้ชมรายการเรื่องเล่าฯ,24-11-66ช่วงคนห่มเหลืองให้ฆราวาสสักยันต์ให้แล้ว.. มีข้อเสนอแนะดังนี้ครับ..
1.อย่างถ้ามีการสักอะไร?ที่เป็นเช่น..ตำนานหนุมาน?หรือรูปลักษณ์คล้ายนิยายรามเกียรติ์?(ซึ่งจริงๆคือเป็นเรื่องที่มีการจินตนาการ,หรือแต่งเรื่องขึ้นมาเท่านั้น,ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด?).. ถามว่าเวลาผู้ต้องการให้อาจารย์สักสักให้,ตัวผู้ที่ถูกสักยันต์เขาย่อมจะต้องพอรู้ว่า..ตำนานเหล่านี้คืออย่างไร?..ใช่หรือไม่?.. คือคงไม่ใช่แบบไม่รู้ประวัติของรูปที่จะให้สัก?ใดๆมาก่อน?( =ไม่รู้อิโหน่อิเหน่?ใดๆ)เลย(?)..ใช่หรือไม่?..
2.ยกตัวอย่างนะ.. ถ้าลองสมมุติๆว่า..ลองทำให้"ผู้อาสาทดลอง"ไม่มีสติเต็ม100(คิดแบบใช้เทคนิคการทดลองทางวิทยาศาสตร์นะ),แล้วสักรูปบางอย่างให้จนเสร็จ,แล้วปลุกให้มีสติขึ้นมา,แต่ยังไม่ให้รู้เห็นรูปที่ถูกสักให้ว่าเป็นรูปอะไร?ใดๆเลย.. คือสรุปว่า..พยายามไม่ให้เกิดอุปาทานในจิตลึกๆมาครอบงำตัวเขาใดๆเลย.. ถามว่าแล้วเขาจะมีอาการออกฤทธิ์ออกเดช?ตามรูปที่ถูกสัก?นั้นหรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.102 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:26:40 น.
(B)3.อย่างการออกท่าออกทางเหมือนลักษณะลิงลม?หรือหนุมาน?ตามภาพวาดจินตนาการ?สารพัดนั้น?.. ถามว่า..คนไทยเอง(หรือแม้แต่ชาวต่างชาติบางคนที่นิยมในเรื่องการสักยันต์?ด้วยก็ตาม)เพื่อให้รู้สึกตนเองมีฤทธิ์เดชต่างๆ?นั้น?,จะมีใครบ้าง?ที่ไม่มีภาพนึกเรื่องท่าทางออกฤทธิ์ออกเดช?ของเรื่องลิงลม?หรือหนุมาน,พญาวานร?มาก่อนบ้าง?.. ส่วนตัวเราเชื่อว่า..แต่ละคนล้วนแต่มีความทรงจำฝังลึก?เรื่องอาการ,บุคลิกของลิงลม?,หรือหนุมาน?มาก่อนกันแทบทั้งนั้น?.. ใช่หรือไม่?..(เรื่องการสักยันต์?แล้วมีอาการออกฤทธิ์ออกเดช?นั้น,อยากเชิญให้อ.เจษ,จิตแพทย์,พระที่อยู่ในศีลควรได้ออกมาวิเคราะห์,และแสดงทัศนะบ้าง,เพื่อให้สังคมไทยควรตาสว่าง?กันได้แล้ว)..
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.52 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:47:15 น.
(C)4.และอยากขอให้สำนักพุทธ,กระทรวงพม.,กระทรวงศึกษาได้ออกมาทบทวนเรื่องกฎหมายว่า.. ควรให้มีหรือควรยกเลิก(ห้าม)สำนักสักยันต์(บางส่วน)ที่เน้นไปในเรื่องฤทธิ์เดช?,ที่มีลักษณะของการขุดหรือกระตุ้น?เอาอุปาทานของมนุษย์?(หรือรวมทั้งเทคนิคอุปาทานหมู่?หรือจิตวิทยาสะกดจิตหมู่?,โดยใช้บริบทความศรัทธา?ในตัวครูอาจารย์ผู้สักยันต์?)มาใช้เป็นประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง?(ที่มักมีการแอบแฝงใช้ภาษาคาถาต่างชาติ?รวมทั้งบาลี,สันสกฤษ?ที่ปกติคนทั่วไปฟังไม่รู้เรื่อง,ทำให้ง่ายต่อการสร้างอุปาทานในจิต?ของผู้รับการสักยันต์นั้นๆ?มากยิ่งขึ้น?),รวมทั้งอาจมีเรื่องของการใช้พระพุทธรูปของพุทธ?,และการสวดเริ่มต้น?,ที่มักใช้บทสวดของพุทธศาสนา?(ซึ่งผิดเรื่องมหาศีลด้วย),เอามาใช้เป็นบริบทสร้างภาพ?ให้ดูขลังยิ่งขึ้น?มาร่วมด้วย?(เพื่อเพิ่มความศรัทธา?ให้มากยิ่งขึ้น?)ต่อไปอีกหรือไม่?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.52 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา:8:51:44 น.
(a)ได้ชมรายการทุบโต๊ะข่าว,24-11-66ช่วงทลายแก๊งอาชญากรรมขนาดเล็กแล้ว.. มีข้ออุทาหรณ์ดังนี้ครับ..
สังเกตว่า..สังคมไทยทั้งๆที่เป็นสังคมเมืองพุทธ,แต่นับวันคนยิ่งห่างไกลหลักศาสนาพุทธ(ซึ่งสอนเรื่องบาปบุญคุณโทษ),คือยิ่งกลับไม่เชื่อเรื่องกรรมหรือวิบากกรรม,เพราะมองว่า..เป็นเรื่องนามธรรมที่พิสูจน์ยาก.. แต่ส่วนตัวเรา,เราเคยเรียนเรื่องกรรม,วิบากกรรมกับบางสำนักพุทธ(สายสีกรัก)มาก่อน,เราจึงมีหลักคิดส่วนตัวในเรื่องกรรม,วิบากกรรมที่เกิดจากการสังเกตในประสบการณ์ของตัวเอง(เป็นการสังเกต,วิเคราะห์ส่วนตัวเท่านั้นครับ)ดังนี้.. 1.อดีตตั้งแต่เด็กมาเลย,เราเคยชอบกินปิ้งปีกไก่(เทียบได้กับแขนไก่,ซึ่งแม่ค้าจะตัดแยกตั้งแต่ประมาณช่วงหัวไหล่ไก่นั่นแหละ),ที่เขาปิ้งแห้งๆ,ไม่แฉะ,มีกลิ่นหอมชวนกิน,จึงติดรสชาติมาก,ซื้อมากินเกือบทุกวัน(หรือบ่อยๆ)ในระยะเวลาเป็นสิบๆปีมา(แต่ปิ้งขาไก่,เราไม่ค่อยชอบนะ,ซึ่งก็ไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับแข้งขาตัวเองสักเท่าไหร่..นั่นเอง),วันหนึ่งเมื่อราว7-8ปีก่อน,อยู่ไม่อยู่,ไม่มีเหตุใดๆ,ก็เกิดหนองผุดขึ้นมาที่หัวไหล่ด้านซ้ายที่อยู่ด้านหลังเอาดื้อๆ(ซึ่งเรามองว่าน่าจะเป็นวิญญาณแขนหรือปีกไก่?มาดลให้เป็นโรคจากกรรมวิบากเป็นแน่?),เพราะหนองเป็นหลุมลึก,จึงต้องไปหาหมอ,หมอก็ดูแล,และให้ไปล้างแผลที่รพ.ทุกวัน,และเปลี่ยนสำลีที่ยัดเข้าไปในรู,และปิดผ้าพลาสเตอร์ให้,หลายวันกว่าแผลจะเริ่มแห้ง,แต่พอแผลสมานตัวกลับกลายเป็นไตแข็ง?นูนขึ้นมาที่จุดที่เคยเป็นหนองนั้น,พอมือลูบไปถูกไตแข็งนั้น,ก็จะรู้สึกรำคาญ,อยากไปผ่าออก,แต่ก็ดันเคยเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ,ทำบอลลูนอยู่1เส้น,จึงกังวลว่า..ถ้าผ่า,อาจมีเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดขาวมาออ,มาคั่งที่บริเวณหัวไหล่,ซึ่งใกล้จุดที่เส้นเลือดเคยตีบมาก่อนนั้น,และอาจมีผลทำให้เส้นเลือดเกิดตีบ"ขึ้นมาเพิ่มอีกจุดหรือจุดเดิมก็เป็นได้ ,ก็จึงยอมทนรำคาญเช่นนี้อยู่ต่อไปจนถึงปัจจุบัน..
โดย: สมจิต IP: 27.145.114.204 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา:22:59:54 น.
(ก.)ขอแทรก"ข้อคิด"ต่อเรื่องสำคัญที่กำลังเป็นข่าวกันอย่างเอิกเกริกอยู่2-3ข่าวในช่วงนี้ก่อนนะ)..
ข้อเสียของระบบอุปถัมภ์(?)(หรือความเป็นคนที่รู้จักมักคุ้น,เคยสนิทสนม,หรือเคยมีนั่นมีนี่กันกับคนเป็นจำนวนมากมาก่อน)ซึ่งสังคมไทยมักมีเรื่องทำนองนี้อยู่มากถึงมากที่สุด..ก็ว่าได้(?).. เราเคยศึกษาเรื่องการมีกิเลสและการตัดกิเลสของพุทธศาสนามาก่อน.. เราแทบจะไม่อยากมีคนรู้จักคุ้นเคยมากๆเลยนะ.. เพราะจริต,นิสัย,อารมณ์,การแสดงออกของจิตวิญญาณต่างๆนั้นมีหลากหลายรูปแบบ,และควบคุมได้ยากมาก(?).. ซึ่งเราแทบจะสรุปส่วนตัวเลยว่า..ไม่ว่ายุคไหนๆโดยเฉพาะยิ่งยุคนี้แล้ว,การรู้จักสนิทกับคนจำนวนมากๆยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี?หรืออาจมีผลร้าย?ต่อตัวของผู้ที่มีตำแหน่งแห่งที่?หรือมีอำนาจในหน้าที่การทำงาน?เพื่อบริหารสั่งงาน,อนุญาต,อนุมัติในเรื่องต่างๆได้?ไปกันใหญ่?..(เพราะอาจปฏิเสธการขอให้ช่วยเหลือนั่นนี่?กับคนที่เคยคบคุ้นกันมาก่อน?ที่อาจโทรมาหา?,หรือมาหาเองเลย?นั้นไม่ค่อยจะได้?..ประมาณนั้น).. เช่น..
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.140 วันที่: 1 ธันวาคม 2566 เวลา:6:03:03 น.
(ข.)ถ้าเขา?(ผู้ใดผู้หนึ่ง?)ถ้าไม่รู้จักคุณ(ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในการงานสำคัญ)เลย.. แล้วเขาจะกล้ามาขอในเรื่องเทาๆ?กับคุณโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย?(โดยใช้สำนวนการพูด?แบบคล้ายเคยรู้จัก,คบหา,คุ้นเคย?กันมาก่อน?)..ได้หรือไม่?..(ซึ่งมักมีคำถามแบบป้องกันตัวเอง?ประมาณว่าตอนนี้..คุณอยู่คนเดียวหรือเปล่า?..ประมาณนั้น..เพื่อนำร่องไว้ก่อนเสมอ?)..
2.ยุคสมัยนี้..โทรศัพท์มีการบันทึกเสียงไว้ได้,ไม่ว่าจะเป็นจากผู้โทรมาหรือผู้รับสายเองก็ตาม.. ซึ่งอาจ(แอบ)บันทึกไว้?,เพื่อไว้ทวงถามเมื่ออีกฝ่ายไม่ทำตามคำพูดที่ตกลงกันไว้?ก็ตาม,หรืออาจใช้เพื่อเล่นกลับ?เมื่อถูกอีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อ?มาก่อน?..ก็ตาม(?)..
3.การโทรศัพท์ที่ติดต่อกันส่วนตัว?,โดยอาจพูดเรื่องจะช่วยค่าใช้จ่ายนั่นนี่,กันเป็นน้ำหนักกิโลๆ?,โดยไม่ยักพูดถึงว่า..จะให้โอนไปยังชื่ออะไร?,หรือจะให้ส่งเป็นน้ำหนักสดๆ?เลย?,ณ สถานที่แห่งใด?.. นั่นยิ่งเป็นเครื่องชี้?ว่า.. อาจเคยมีการตกลงยื่นเป็ดพะโล้,ยื่นไก่อบฟาง?กันมาแล้วหลายครั้ง?,หรืออย่างน้อยก็ต้อง(เคย)มีซัก1ครั้ง(มาก่อน)แน่ๆ?..หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.104 วันที่: 1 ธันวาคม 2566 เวลา:6:31:17 น.
(ค.)4.ผู้มีหน้าที่ที่มีอำนาจสำคัญต่างๆที่มักต้องชี้แจงเรื่องราวต่างๆต่อหน้าสื่อมวลชนและประชาชน,พึงต้องตระหนักว่า..ประชาชนหรือสื่อมวลชนนั้นเขาก็กินปลา(ที่มีโอเมก้า3)กันเยอะ,เขาอ่านคุณออกได้เสมอ(?),แต่ที่ไม่พูดอะไรต่อหน้าคุณ(?),ก็เพราะอาจกลัวคุณฟ้องเขา(?)..เท่านั้นเอง(?)..(ซึ่งถ้าคุณคิดจะอยากเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชน?หรือทำงานภาครัฐ?,คุณจะต้องพูดแบบตรงไปตรงมา?อย่างเดียวได้เท่านั้น(?),และควรต้องชำระตน?หรือตรวจสอบตนเอง?เมื่อครั้งอดีต?ให้บริสุทธิ์?เสียก่อนด้วย?.. หรืออย่างน้อยคน(ปชช.)จำนวนมาก?ก็อยู่กับคนด้วยกัน?,คุ้นเคยกับอากัปกิริยา?ของผู้คนต่างๆ?มาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว(?).. บางครั้ง..คุณอาจแถลงชี้แจงต่อสื่ออย่างหนึ่ง?,แต่จับฟังดูสำนวนการพูด,แววตา,สีหน้า,ท่าทาง?แล้ว,เขา(หรือประชาชนผู้ชมการชี้แจง?)ก็อาจไปพูดกันเองว่า..ดูท่าทางเชื่อไม่ค่อยได้?,เขาอาจพูดกันทำนองว่า..อาจมีนั่น,มีนี่อะไรบางอย่าง?ต่อบางบุคคล?,เพราะเคยรู้จัก?หรือเพราะอาจเพื่อไม่ให้พาดพิง?,จนทำให้เรื่องลาม?,ขุดคุ้ย?มาสู่อะไรที่สีเทาๆ?ของตัวเอง?(จึงต้องพูดเชิงเบี่ยงเบน?,ยับยั้ง?เรื่องราว?..ไว้ก่อน?)ด้วยก็เป็นได้?,จึงรีบชิงพูดเพื่อปกป้องคนที่อยู่ในหน้าที่ใกล้ๆกัน?ไว้ก่อน?..ประมาณนั้น(?)..(ใช่หรือไม่?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.15.144 วันที่: 1 ธันวาคม 2566 เวลา:7:31:22 น.
(ง.)เพราะในเชิงจิตวิทยามนุษย์นั้น.. การสังเกตว่า..คนไหนเป็นคนซื่อตรง?,คนไหนเป็นคนบุคลิกมีนอก,ใน?นั้น.. ก็โดยทั่วไป,คนทั่วๆไป,ก็พอที่จะมีเซ้นซ์รับรู้ได้ทางแววตา,สีหน้า,ท่าทาง,สำนวนคำพูดพอสมควรอยู่แล้ว(?).. หรือเหมือนถ้าเราเดินผ่านคนที่มีอาการเมาหนักๆ?,ก็น่าจะพอสัมผัสรู้ได้?..ใช่หรือไม่?..ก็ประมาณนั้น?..นั่นแหละ?.. ถึงแม้ประชาชนทั่วไปจะไม่มีอำนาจหรือไม่มีหลักฐานพอที่จะกล่าวหาผู้ที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ก็ตาม,แต่ในเรื่องการสังหรณ์เรื่องเซ้นซ์สัมผัส?ว่าใครบริสุทธิ์?หรือใครไม่ตรงไปตรงมา,เหลี่ยมเยอะ?,เขา(ปชช.+นักข่าว)ก็น่าจะพอจับสังเกตรู้ได้นะว่าใครเป็นอย่างไร?เราว่า?.. ดังนั้น..ต้องคิดว่า..ประชาชนหรือสื่อมวลชนเขาก็กินข้าวปลาอาหาร,มีสารอาหารเลี้ยงสมองเช่นเดียวกับเราเหมือนกัน(?).. ดังนั้น..ประชาชนหรือสื่อมวลชนเขาก็น่าจะรู้เท่าทัน?ต่อผู้ที่มีตำแหน่ง,หน้าที่การงานสำคัญ?กันทั้งนั้นแหละ(?).. อยู่ที่ว่าเขาจะกล้าแสดงออกแค่ไหน?..เท่านั้น?.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.15.238 วันที่: 1 ธันวาคม 2566 เวลา:8:02:57 น.
(A)ได้ชมรายการSuthichailive,5-12-66แล้ว.. มีข้อคิดเห็นดังนี้ครับ..
(อุทาหรณ์การฝากปลาย่างกับแมวเหมียว?ของสังคมไทย)สังคมเราต้องคิดกันให้เป็นนะ(?).. ถ้าคุณคิดจะเอาเจ้าแมวเหมียว?(ที่อาจจับหนูเก่ง?)ที่ว่างๆก็ชอบเข้ามาทำทีตีสนิทไซ้แข้งไซ้ขา?ของคุณ(วุ้ย..น่าเอ็นดู๊?),แล้วคุณลองสั่งว่านี่..เหมียว..เฝ้าปลาย่างให้ดีๆนะ.. ถ้าสมมุติคุณเหมียวพูดได้,และพูดว่าเหมียวจะเฝ้าปลาย่างไม่ให้มีรอยขูดขีดเลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ.. ถามว่าคุณจะเชื่อคำพูดของเหมียวนี้ได้หรือไม่?.. เพราะสัญชาตญาณ?ของนักธุรกิจใดๆ?ที่ทั้งชีวิตมุ่งแสวงหาคำตอบ?ของคำว่ากำไร-ขาดทุน?(ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม?)จะสามารถสละสมองและหลักคิด?ของความเป็นนักธุรกิจ?แล้วมาทำงานแบบเสียสละเปล่าๆ?(เพื่อช่วยเหลือสังคม?)ได้ล่ะหรือ?.. เพราะสัญชาตญาณของแมว?ซึ่งมีคำพังเพยว่าอย่าฝากแมวไว้กับปลาย่าง?(โดยเด็ดขาด)นั้น.. คงเป็นจริงเสมอตราบโลกแตก?นั่นแหละ.. เพราะถ้าคุณขืนคิดจะฝืนบริบทของธรรมชาติ?.. เช่น.. คิดจะจับ(ดึง)แมวทางหาง?,หรือเอาเชือกผูกหางแมวไว้?, คุณจะเห็นมันต่อสู้ดิ้นรนแบบไม่คิดชีวิต?เลยล่ะ.. หรืออีกที..ถ้าคุณจับหางแมวไม่แน่น?หรือไม่มีวิธีป้องกันที่ดี?, มันอาจสลัดหลุด?และพุ่งกระโจนขึ้นมาบนตัวคุณ?จนถึงใบหน้าและศีรษะของคุณ?ด้วยเล็บคมๆของมัน?จนคุณอาจถึงกับมีรอยขีดข่วนจากเล็บแมว?ไปทั้งตัวได้เลยเชียวแหละ(?).. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.15.250 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:15:12:26 น.
ประเด็นที่นักแฉ(บางส่วน)ต้องตื่นตัวกันให้มากนะ..คือ.. สิ่งที่นักการเมือง(บางส่วน)และนักแฉ(บางส่วน)ต้องตระหนักว่า.. เมื่อจะทำ,จะพูดอะไรก็ตาม?..ก็คือดิจิตอลฟุตปริ้นซ์ซึ่งอาจทำให้ท่านดิ้นไม่หลุด?.. ดังนั้น..ต้องเปลี่ยนทัศนะให้เป็นคนพูดตรงไปตรงมาเสมอ(?),เพราะถ้าพูดความจริงเสมอ?,จะได้ไม่ต้องคอยกังวล?,จะพูดกี่ครั้งก็จะเหมือนกันทุกครั้ง?,เวลาจะพูดจะได้ไม่ต้องคิดนาน?,เพราะธรรมชาติ..เรามักไม่จำสิ่งที่เราได้โกหกใครไปแล้ว?,แต่ถ้าเราเคยพูดโกหกอะไรกับใครไป?,เวลาเราจะพูดเรื่องนั้นอีกครั้ง?,เราจะตะกุกตะกัก?,และตอบคำถามได้ช้าลง?,เพราะมามัวนึกว่า..ครั้งก่อนเคยโกหกว่าอย่างไรไปแล้วนะ?,ก็จะต้องพยายามพูดให้เหมือนเดิม?,เดี๋ยวถ้าพูดครั้งนี้ไม่ตรงกับครั้งที่แล้ว?,ก็จะถูกจับโกหกได้?,และรวมทั้งการตอบคำถาม?แบบไม่กล้าสบตากับผู้สื่อข่าว?,หรือไม่กล้ามองกล้องตรงๆ?อีกด้วย?..
ดังนั้น..ประเด็นไม่ได้สำคัญอยู่ตรงคำว่า....เถื่อน?หรือ....ไม่เถื่อน?.. แต่ประเด็นที่สังคมและนักข่าวสนใจ?คือ..
1.มีพูดว่า..อยู่คนเดียวหรือเปล่า?..
2.ค่าบริหารจัดการที่เป็นกิโล?..
3.มีย้ำ..ให้ปล่อยตู้ใช่มั้ย?..ปล่อยตู้....ตู้,ให้....โลนะ?..
4.มีพูดว่า..เรื่องนี้เรารู้กัน...คนนะ?,ไม่ต้องไปเล่าให้ใครฟังก่อนนะ?..
5.ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย?.. น่าจะไปพูดติดต่อกัน?อย่างเปิดเผย?,แบบมีคนกลาง?(เช่น.. เจ้าหน้าที่รัฐ?)ร่วมเป็นพยานบุคคล?ร่วมรับรู้,รับเห็น?(โดยไม่ต้องกลัวว่า..จะมีการแอบบันทึกเสียง?ทางโทรศัพท์?หรือไม่?),เพราะไม่มีความลับที่ต้องปกปิด?อยู่แล้ว?..ใช่หรือไม่?..
6.ถ้าเป็นเรื่องตรงไปตรงมา.. แล้ว"อัดคลิป,ปล่อยคลิป?"..เพื่อ...?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.15.250 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:16:34:53 น.
(A)วันนี้ได้ดูข่าวเกี่ยวกับเซเล่บ(บางท่าน)ถูกสามีนอกใจ.. จึงมีความคิดเห็นให้กับสังคมดังนี้..
สังคมไทยควรพิจารณาเรื่องการตั้งชื่อ(โดยเฉพาะชื่อเล่น),และการมีศีลธรรมในบ้านเมืองให้ดีๆ.. สังคมเรา(รวมทั้งผู้ใหญ่ๆทั้งหลาย),เรามักไม่คำนึงถึงเรื่องชื่อกันสักเท่าไหร่?.. เช่น..อย่างถ้าเป็นเราเป็นผู้ดูแลสังคมนะ.. อย่างเช่น..
1.ถ้าเคยมีข่าวดังอื้อฉาวและมีหนังบางเรื่องที่นำเสนอคดีรุมข่มขืนโทรมหญิง(ที่เป็นเรื่องราวที่ควรถูกประณาม)โดยใช้ชื่อหนังเป็นชื่อของท้องถิ่นหนึ่งในประเทศไทย,ที่เป็นที่ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว,เราก็จะระงับการฉายหนังเรื่องนั้นทันที,เพราะมองว่าอาจชี้นำสังคม?ไปในทางที่ผิดศีลธรรมทางเพศ?เพื่อมุ่งหวังผลกำไร?ในทางธุรกิจ?เท่านั้น?..หรือไม่?.. และจะจัดการเปลี่ยนชื่อท้องถิ่นนั้นทันที.. แต่เราเห็นว่าผู้ใหญ่ๆ?ในสังคมไทยแทบไม่มีใครแสดงความเดือดร้อนหรือเสนอการแก้ไขชื่อเหล่านี้?แต่อย่างใดเลย?..
โดย: สมจิต IP: 27.145.113.234 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:20:22:17 น.
(B)2.หรือแม้แต่การมีชื่อของสถานท่องเที่ยวบางแห่งที่มีชื่อ....ตา,.....ยาย,ที่ฟังดูแล้วกลายเป็นไปนำเสนอเรื่องที่ชวนให้ไปนึกถึงเรื่องอวัยวะเพศของชายและหญิง?,เราก็จะหาทางเปลี่ยนแปลงแก้ไขชื่อสถานที่นั้น?ทันที,และหาทางไม่ทำให้เรื่องราวทางเพศ?กลายมาเป็นจุดขายของสังคมไทย?,เพราะเรามองว่า..อาจมีผลไปถึงDNAของสายพันธุ์ของคนไทย?ที่อาจกลายพันธุ์?เป็นเชื้อสาย?ที่กร้านต่อการทำเรื่องผิดศีลธรรม?ในอนาคตอันยาวไกล?ได้ด้วย?.. เช่นนี้เป็นต้น..
3.เราเองยังเคยแนะนำเด็กหญิงคนหนึ่ง(ที่สำนักสีกรักแห่งหนึ่ง)ที่มีชื่อเล่นที่มีความหมายของคำว่าคู่ซ้อน,คบซ้อน(ประมาณ=คำว่าชู้)ว่าควรเปลี่ยนชื่อเล่นคำนี้เป็นคำอื่นนะ.. เพราะเป็นคำที่คล้ายทำให้นึกถึงเรื่องที่ผิดศีลธรรมทางเพศ?(ดูไม่เป็นมงคลกับชีวิต,ซึ่งอาจก่อเกิดภัยทางเพศ?ให้กับตัวเองได้ด้วยนะ?),แต่ไม่รู้ว่าเขาได้ไปแก้ไขหรือเปล่า?..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.102 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:20:48:25 น.
(C)4.ส่วนตัวเราเชื่อเรื่องกรรม(ของหลักศาสนาพุทธ)ว่า..น่าจะมีผลต่อชีวิตของเราอยู่บ้างนะ(?).. เช่น.. เราเคยให้ความเห็นทางFB.(เพจหนึ่ง)ทำนองว่า.. ถ้ามีคนที่เป็นคนที่ไม่ค่อยดี?ก็ตาม,แต่ถ้าเขาไปเจอกับคนกินเจหรือนักมังสวิรัติ,หรือร้านอาหารเจ,เขาจะอยากไปทำร้าย?หรือจี้ปล้น?หรือไม่?..(เพราะเราว่าคนเรามักมีจิตสำนึกที่ดีซ่อนอยู่ในจิตใจส่วนลึกของเขาอยู่เสมอ),แต่เรามักเห็นว่าหรือมักมีแนวโน้มตามข่าวว่า.. คนที่ถูกทำร้าย(ในหลายๆเหตุการณ์ตามข่าวต่างๆ)มักเป็นคนที่มีวิถีชีวิตที่ไม่ถูกหลักศีลธรรมของศาสนา?ด้วย?..แทบทั้งนั้น(?).. เช่น.. คนร้ายบางคนมักไปปล้นหรือทำร้ายคนที่เลี้ยงวัว?บ้าง?,หรือเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง?เป็นอาชีพบ้าง?,เพราะเขาอาจคิดว่า.. เอ็งก็ไม่ใช่คนดี?ซักเท่าไหร่?,เพราะก็ยังเอาเปรียบสัตว์อยู่เลย?.. ประมาณนี้เป็นต้น..หรือไม่?..
5.หรือคนที่มักผิดศีลข้อ5ที่ชอบสังสรรค์ดื่มสุราอยู่เป็นนิจ?,หลายครั้งก็มักจะเจอเหตุร้ายกับตัวเอง?,เพราะอาจเกิดจากความรู้สึกว่า..เขาก็ไม่ใช่คนที่เป็นคนดิบดี?อะไรนัก?..ประมาณนี้?..หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.52 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:21:01:10 น.
(D)5.ดังนั้น.. เรามักสังเกตว่า.. ผู้ที่มีอาชีพร้อง,เต้น?ที่มีร้อง?และเต้น?ไปในเนื้อหาที่ไม่ส่งเสริมจริยธรรมทางเพศ?สักเท่าไหร่?,และ/หรือรวมทั้งผู้ที่มีชื่อเล่นที่ทำให้ผู้ได้ยินเขาแว็บไปนึกถึงเรื่องการมีคู่ซ้อนหรือการคบซ้อน?ดังกล่าวไปแล้วข้างต้น.. หลายคู่,หลายคน?มักจบลงด้วยการที่มีการแยกทางกับคู่ของตน?ให้เห็นอยู่เสมอ(?).. ดังนี้เป็นต้น.. เพราะโดยมาก..ผู้ชาย?นั้น(ซึ่งเราก็เป็นผู้ชายเช่นกัน.. ซึ่งเราคิดว่า..เราเข้าใจผู้ชาย?ได้พอสมควร),ถ้าให้ได้สัมพันธ์กับผู้หญิงชั่วครั้งชั่วคราว?หรือวันไน้ท์สแตนด์?(=สัมพันธ์คืนเดียว?),หรือชั่วระยะเวลาหนึ่ง?เพื่อเสพสุขทางเพศ?นั้น,เขาย่อมยินดี,ถ้าเกิดจากความยินยอม?,และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ?นะ?.. แต่พอเขาคิดว่า.. ถ้าจะให้เลือกที่จะเป็นคู่ชีวิต?ตลอดชีวิต?นั้น,เขามักจะต้องคิดมากขึ้น?.. เพราะคู่ต่างๆช่วงโปรโมท?นั้น,ชีวิตชีวายังสด,ใหม่,ใสปิ๊ง?,ก็มักอยู่กันดี,หวานชื่น?กันทั้งนั้นแหละ(?),แต่พออยู่กันนานๆซักหน่อย,อาจเห็นข้อบกพร่องบางอย่าง?เมื่ออยู่ร่วมกันขึ้นมา,เขา(ผู้ชายบางคน)ก็มักมีเหตุผลมาสมทบ?ในความคิดของตัวเอง?ประมาณว่า.. นี่แหละ..ก็ดันเอาคนที่มีลักษณะคล้ายกล้า,ก๋ากั่นทางเพศ?มาเป็นแฟน?,แล้วจะหวังให้เป็นหญิงที่มีคุณภาพทางความคิด?และทางศีลธรรมจรรยาที่สมบูรณ์?ได้อย่างไร?.. และนี่แหละ..ย่อมเป็นเหตุสนับสนุนให้เขา(ผู้ชายบางคน)อาจอยากหาเรื่องนอกใจ?ไปหาคบผู้หญิงคนใหม่..นั่นเอง(?)..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.88 วันที่: 5 ธันวาคม 2566 เวลา:21:33:14 น.
(a)(ความเห็นส่วนตัว)..
ข้อคิด,ข้อเตือนสติ,เตือนใจในยุคเทคโนโลยี่สื่อสารเฟื่องฟูและทันสมัย..
1.ทั้งประชาชน,นักร้องเรียน,นักการเมืองทุกๆท่าน,ควรตระหนักให้ดีว่า.. ไม่ควรติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจหน้าที่(ที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ)หรือกระบวนการยธ.เป็นส่วนตัว(หรือลับเฉพาะ),โดยถือความสะดวกโดยใช้โทรศัพท์,เพราะโทรศัพท์แทบทุกระบบ,ทุกชนิด,ทุกเครือข่าย(ในปัจจุบัน)ล้วนมีเทคโนโลยี่อัดเสียงไว้ได้,จนอาจเป็นเหตุให้นำมาใช้แบล็คเมล์?,หักหลัง?,เรียกร้องค่าปิดปาก?,ซึ่งอาจทำให้เสียชื่อเสียง?ได้ในภายหลัง(?),เมื่อเกิดการพลิกล็อค?,เปลี่ยนใจ?,ไม่สมประโยชน์?,หรือไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน?,ซึ่งทำให้แต่ละฝ่าย?หรือบางฝ่าย?เสียทั้งเครคิตหรือความน่าเชื่อถือ?ได้ในภายหลังอีกด้วย(?)..
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.10 วันที่: 7 ธันวาคม 2566 เวลา:12:23:39 น.
(b)2.ถ้าสิ่งที่ต้องการตกลงกัน?นั้นเป็นเรื่องที่ปกติ,ไม่มีนอก,ใน?,ไม่มีเรื่องการติดสินบน?.. ก็ควรติดต่อกันอย่างเปิดเผย,มีพยานของแต่ละฝ่ายร่วมรับฟัง,หรือติดต่อขอให้เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยธ.ร่วมรับรู้,รับเห็นด้วยก็จะยิ่งดีมากครับ..
3.ถึงอย่างไร?.. ประชาชนต้องคิดว่า..ทำไมต้องพูดถึงสิ่งที่จะจัดให้?ด้วยคำว่ากิโล?,ถ้าเป็นเรื่องที่บริสุทธิ์,ควรพูดด้วยภาษาตรงๆ.. เช่น.. ขอค่าวิชาชีพทนายความ?กี่พัน?,กี่หมื่น?,กี่แสน?,กี่ล้าน?,ก็พูดตัวเลข?กันไปตรงๆเป็นเงินบาท?ไปเลยน่าจะดีกว่าหรือไม่?,และยังไม่เป็นข้อพิรุธ?ให้ประชาชนนึกระแวง,สงสัยอีกด้วย?.. ใช่หรือไม่?..
4.และประชาชนมักต้องนึกว่า.. ถ้าแต่ละฝ่าย?สามารถตกลงลับๆกันแล้ว?,เผอิญลงตัว?,เรียบร้อย?,ไม่มีเรื่อง?,เพราะสมประโยชน์กันทุกฝ่าย?ไปแล้ว?,เรื่องต่างๆก็คงเงียบหายไปแบบคลื่นกระทบฝั่ง??,โดยอาจไม่มีใครสามารถล่วงรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล?หรือความไม่ตรงไปตรงมา?ของสังคมไทยได้เลย?..หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.112.10 วันที่: 7 ธันวาคม 2566 เวลา:12:35:39 น.
ได้ชมรายการเนชั่นทันข่าวค่ำ,1-12-66แล้ว.. มีข้อคิดเห็นดังนี้ครับ..
เราได้ดูข่าวนักเรียนขอทุนกยศ.ที่เป็นมุสลิมและปิดแม้ซ,ทำให้เกิดจินตนาการ,แนวคิดส่วนตัวดังนี้..
โลกทั้งผองล้วนพี่น้องกัน,มาจากอีวาและอาดัมเป็นจุดเริ่มต้นเมื่อครั้งพระเจ้าเริ่มต้นสร้างโลก.. เราเคยศึกษาทั้งพุทธและคริสต์มาก่อน.. เราเห็นว่า..จะเป็นไปได้มั้ย?..ถ้าจะมีการตั้งศาสนารวมของคนทั้งโลก,โดยดึงเอาจุดดี,จุดเด่นของแต่ละศาสนาใหญ่ๆมาหลอมรวมกันเป็นศาสนาโลก?.. เพราะทุกศาสนาล้วนมีจุดดีของตนที่แตกต่างจากศาสนาอื่นทั้งนั้น.. เช่น..
1.เอาเรื่องเชื่อหลักกรรมและวิบากกรรมและการบำเพ็ญลดละกิเลสของพุทธ..
2.เอาเรื่องการมีจิตสำนึกที่รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองของคริสต์ที่มีจุดเด่นในเรื่องการสงเคราะห์สังคม,ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเป็นหลัก(อย่างตัวอย่างแม่ชีเทเรซ่า..เป็นต้น)..
3.เอาเรื่องของการคลุมฮิย้าบของหญิงมุสลิม(โดยเฉพาะเมื่อปิดแม้ซในยุคโควิดด้วยแล้ว),ดูแล้วจะไม่มีลักษณะการยั่วยวนทางเพศใดๆเลย.. ซึ่งจะช่วยให้โลกเราลดการก่ออาชญากรรมทางเพศลงไปได้มากด้วย..
ถามว่า..ถ้าเอาหลัก3ข้อของ3ศาสนามาผูกรวมกัน.. น่าจะช่วยให้โลกนี้ร่มเย็นลงมากกว่านี้หรือไม่?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.154 วันที่: 10 ธันวาคม 2566 เวลา:19:28:12 น.
(A)วันนี้ได้ชมรายการข่าวช่อง8,11-12-66ช่วงนักมวยดังกับสาว17แล้ว.. มีข้อคิดเห็นดังนี้ครับ..
สังคมไทยน่าเป็นห่วง.. บอกว่าเป็นพุทธ95%(แต่ไม่เคร่งศาสนาเท่าชาวมุสลิม).. กระดุมเม็ดแรกที่ติดผิดก็คือ.. การปล่อยให้มีการจำหน่ายแอลกอฮอล์แบบค่อนข้างอิสระ(ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้สติคุ้มครองตนเองลดลง,การตัดสินผิดถูกจะถูกทำให้เบลอ,มีความกล้าและคะนองมากกว่าปกติ)..
ถ้าจะบอกว่า..เอ้า..ประเทศฝรั่งเขาก็มีดื่มสุรากันเหมือนกัน.. แต่เราต้องอย่าลืมว่า..พื้นฐานของคนฝรั่งนั้น,ระเบียบบ้านเมืองเขาสอนให้ประชากรของเขามีวินัยไงล่ะ.. เช่น.. ถ้าเมาแล้วจะไม่ขับรถเอง..เป็นต้น..
ดังนั้น.. สำหรับสังคมไทย,เมื่อสติไม่เต็มที่ก็ง่ายที่จะกล้าทำความผิดต่างๆตามมา.. อยากบอกว่า..ถ้าเอาจริงๆนะ.. ช่วยรณรงค์ให้สังคมไทยไร้แอลกอฮอล์[ไม่ใช่มีแต่คำขวัญว่างดเหล้าเข้าพรรษาหรือให้เหล้าเท่ากับแช่งเท่านั้น,ซึ่งไม่สู้จะเป็นประโยชน์เท่าใดนัก(?)..ใช่หรือไม่?]..
เพราะอาชญากรรมต่างๆมักมีจุดเริ่มต้นที่การสังสรรค์ดื่มสุรา(?)กันก่อนเสมอ,อะไรทำให้คนไทยชอบทำลายสติสัมปชัญญะของตัวเอง,จะสังเกตว่า..คนเชื้อสายจีนในไทย,เราไม่ค่อยเห็นเขาติดการดื่มสุรา?กันซักเท่าไหร่นะ?,เราว่า?..
ส่วนคนขายเขาก็โทษคนกิน,เขาบอกว่า..ถ้าคนไทยไม่กินสุรา,เมื่อโรงงานผลิตสุราออกมาแล้วจำหน่ายไม่ได้ก็ต้องเลิกผลิตไปเอง..ประมาณนั้น..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.182 วันที่: 12 ธันวาคม 2566 เวลา:0:17:14 น.
(B)แล้วก็อยากถามว่า.. การเที่ยวเตร่,ไน้ท์คลับ,ผับ,บาร์,คาราโอเกะ,ฯลฯนั้น?.. ผู้ใหญ่ๆทั้งหลายในสังคมท่านไม่รู้หรือว่ามันผิดหลักอบายมุข6ของพุทธศาสนาอยู่โต้งๆ(?).. แล้วท่านผู้ดูแลสังคม(ทุกยุค)ท่านปล่อยให้เปิดกันเต็มบ้านเต็มเมืองได้อย่างไร?.. ซึ่งที่สุดก็มักไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศ?,ทั้งยินยอมบ้าง,ถูกล่อลวงบ้าง,ลามไปถึงความอบอุ่นในครอบครัวก็หมดสิ้นไป..
ลูกที่เติบโตขึ้นมาก็ไม่ภูมิใจ?ในตัวพ่อและแม่?.. โดยพ่อมักเป็นผู้เที่ยวกลางคืน?,ส่วนแม่บางคนก็มีอาชีพของคนกลางคืน?,ที่มักไม่พ้นไปจากการละเมิดศีลข้อ3กันเป็นจำนวนไม่น้อย,ซึ่งยากที่จะหลุดพ้นจากปลักตมเหล่านี้ได้(?).. ทำให้สังคมไทย,ครอบครัวไทยล่มสลายตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้,เพราะลูกหลานคนไทยจำนวนหนึ่งไม่มีตัวอย่างที่ดีของบุพการีให้ดูเป็นแบบอย่าง,และเดินรอยตาม..นั่นเอง.. ...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.182 วันที่: 12 ธันวาคม 2566 เวลา:0:23:11 น.
(a)วันนี้ได้ชมรายการลุยชนข่าว,ช่อง8,12-12-66ช่วงเปิดภาพวงจรปิดในโรงแรมแล้ว.. มีข้อคิดเห็นดังนี้ครับ..
การแก้ปัญหาเรื่องการประพฤติผิดทางเพศ,ควรแก้ที่ต้นเหตุ,ซึ่งสื่อส่วนมากมักพูดถกเถียงกันแค่ว่า.. ถ้าอายุต่ำกว่า18,จะยอม,ไม่ยอม,ก็ผิดอยู่ดี..เท่านั้น,เหมือนว่าจะส่งสัญญาณกลายๆว่า.. ถ้าอายุเกิน18,ก็สามารถทำอะไรได้ตามสบายนะ(?)..ประมาณนั้น..หรือไม่?,เพราะจริงๆแม้อายุเกิน18ไปแล้ว,ถ้ายึดตามหลักศาสนาก็คือยังถือว่าผิดเรื่องล่วงประเวณี(ศีลข้อ3)อยู่ดีนั่นแหละ(?)..
ซึ่งถ้าสังคมเราเอื้อต่อหลักศาสนา(อันเป็นเครื่องจรรโลงโลก)โดยเฉพาะศีลข้อ3(ซึ่งชาวพุทธทุกคนรู้จักกันดี),ซึ่งเราเคยนำเสนอในเพจบางเพจมาก่อนหน้านี้แล้ว..ว่า..
1.โรงค้างแรม?(ควรยกเลิกโรงค้างแรมแบบปิดม่าน?,ซึ่งเท่ากับส่งเสริมการทำผิดศีลข้อ3หรือไม่?)ต้องแบ่งส่วนเป็นเขตหญิง-เขตชาย(แยกกัน),หญิงไม่สามารถเข้าเขตชาย,และชายไม่สามารถเข้าเขตหญิง,โดยให้มียามเฝ้าอยู่..
2.ถ้าจะพักแบบครอบครัวต้องมีทะเบียนสมรส(ตัวจริง)มายืนยันด้วย..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.182 วันที่: 13 ธันวาคม 2566 เวลา:0:36:30 น.
(b)3.หญิง-ชายจะมีเพศสัมพันธ์กันได้,จะต้องจดทะเบียนสมรสอย่างถูกกฎหมายกันก่อนแล้วเท่านั้น..(เพื่อเริ่มต้นปรับปรุงDNAให้เป็นDNAที่มีศีลธรรมในอนาคต)..
4.หญิง,ชายที่ไม่ใช่คู่สมรสหรือสามี,ภรรยาจะไปไหนด้วยกันตามลำพัง2ต่อ2ไม่ได้โดยเด็ดขาด..
5.ควรนำเรื่องหลักอบายมุข6ของพุทธมาใช้เป็นหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด..
6.โดยเฉพาะหญิงต้องไม่สัญจร,เที่ยวเตร่ในสถานบันเทิงยามค่ำคืน(?),เพราะก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า..หญิง,ชายนักเที่ยวบางส่วนไปพบปะ,สังสรรค์กันด้วยจุดประสงค์อะไร?,เพราะหญิงควรรู้ว่า..ชายย่อมไม่ประสงค์จะหวังแสวงหาหญิงนักเที่ยว(?)มาเป็นภรรยา?อยู่แล้ว?,เว้นแต่เพื่อความสุขทางเพศ?เพียงวันไน้ท์สแตนด์?เท่านั้น..
7.สรุปว่าควรศึกษา,นำเอาหลักศาสนาของมุสลิมในเรื่องการประพฤติตัวต่อกันของหญิงและชายชาวมุสลิมมาใช้เป็นกฎระเบียบหรือกฎหมายของสังคมด้วย..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.182 วันที่: 13 ธันวาคม 2566 เวลา:0:40:33 น.
(c)(ข้อคิดเห็น,ข้อเสนอแนะ)..
สื่อสารมวลชนทั้งหลายควรเสนอข่าวพร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางในเชิงหลักศาสนากันบ้าง(?),คือไม่พูดแต่เฉพาะเพียงหลักการทางกฎหมายเท่านั้น(ซึ่งหลายครั้งเหมือนเป็นการช่วยชี้โพรงฯช่วยเหลือบางฝ่าย?ไปนั่นเลย?)ทำนองว่า..ใครจะผิดน้อย,ผิดมาก?อย่างไร?(เช่น.. ควรนำเสนอว่า..ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่หรือผู้มีชื่อเสียงในสังคมควรวางตัวกันอย่างไร?,เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กรุ่นหลังมากกว่าหรือไม่?..
หลักการสำคัญคือ..สังคมที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลักของคน95%,แล้วปล่อยให้มีสถานที่บันเทิงเริงรมย์?(อโคจร?)อันเปิดโอกาสให้หญิง-ชายซึ่งไม่ใช่คู่สมรส?ได้มีโอกาสมาพบ,ปะ?(เสี่ยงทายหาคู่ชั่วคราว?)กัน?,โดยมีสุรา?(เครื่องบั่นทอนสติ?,ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี?และการยับยั้งชั่งใจ?)เป็นตัวกลาง?ในการสังสรรค์กัน?ได้อย่างไร?.. ซึ่งถ้าไม่แก้ไขที่ต้นเหตุ,ก็คงยากที่สังคมไทยจะพ้นไปจากเรื่องราวทำนองนี้ได้(?)..ใช่หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.156 วันที่: 15 ธันวาคม 2566 เวลา:19:20:29 น.
(d)ข้อสำคัญ.. คือ..
1.พุทธสอนเรื่องศีลข้อ3(ไม่ประพฤติผิดในกาม)และศีลข้อ5(ไม่ดื่มสุราเมรัย),ให้มีหิริ,โอตตัปปะ(ซึ่งเป็นธรรมคุ้มครองโลก)..
2.คริสต์สอนเรื่องให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง(แปลความก็คือ.. ต้องมองเห็นหญิงอื่นเหมือนดั่งญาติพี่น้องหรือลูกสาว,หลานสาวของตนเอง?..ใช่หรือไม่?.. เราทุกคนต้องคิดไว้เสมอว่า.. ถ้าสมมุติว่า..เห็นพี่สาว?,น้องสาว?,ลูกสาว?เข้ามาอยู่ในสถานที่บันเทิงอโคจร?เช่นนั้น.. เราจะต้องแสดงออกอย่างไร?.. อาจต้องรีบไปบอกให้ออกจากสถานที่แห่งนั้น?..หรือไม่?..[เคยมีโฆษณาชิ้นหนึ่ง,ซึ่งน่าประทับใจ,คือมีเด็กนักเรียนหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งขึ้นรถเมล์,นั่งท้ายรถ,แล้วถูกวัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่งลวนลาม,ทำท่าจะกระชากลงรถ,และมีหญิงสว.ท่านหนึ่งเห็นแล้วทนไม่ได้,รีบลุกขึ้นพูดว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร?,รังแกผู้หญิงได้อย่างไร?(ประมาณนี้).. แล้วคนอื่นๆก็เริ่มลุกขึ้น,ช่วยกันพูดประณาม,ตำหนิชายกลุ่มนั้น,และกระเป๋ารถเมล์ก็มาช่วยไล่วัยรุ่นชายกลุ่มนั้นให้ลงจากรถไป,เด็กนักเรียนหญิงวัยรุ่นคนนั้นก็ปลอดภัยจากภัยทางเพศ?อย่างหวุดหวิด?.. ใช่หรือไม่?]..
3.ส่วนมุสลิมเขาก็ให้เพศหญิงของศาสนาเขาต้องคลุมฮิย้าบเพื่อไม่ให้ยั่วยวนทางเพศ?,และไม่ให้หญิงเข้าไปในสถานที่บันเทิงอโคจรเช่นนั้นอยู่แล้ว?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.156 วันที่: 15 ธันวาคม 2566 เวลา:19:45:01 น.
(e)(ข้อมูลเพิ่มเติมในหลักการของพุทธ)..
สังคมไทยเป็นสังคมชาวพุทธ(95%).. ถ้าจะเอาหลักศาสนามาพิจารณาร่วมด้วย.. ก็เคยฟัง,เคยอ่านว่า..พระไตรปิฎกมีพูดถึงว่าแค่องคชาติชายล่วงล้ำในอวัยวะเพศสตรีประมาณแค่1เมล็ดงาก็ถือว่าผิดปาราชิกข้อ1สำหรับภิกษุแล้ว.. ซึ่งอวัยวะเพศสตรีไม่ใช่พื้นเรียบเหมือนพื้นกระเบื้อง.. ดังนั้น..แค่อวัยวะเพศสัมผัสกันก็น่าจะเกิน1เมล็ดงา?แล้วหรือไม่?..ใช่หรือไม่?.. ดังนั้น.. ใน"บางเค้ส"จะมองอย่างไร?.. ก็ลองพิจารณากันดูครับ..
...ด้วยความเคารพครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.156 วันที่: 18 ธันวาคม 2566 เวลา:2:07:33 น.
(A)วันนี้ได้ชมรายการข่าวเด่นประเด็นฮอต,ช่องมติชน,19-12-66ช่วงดราม่าเดือด!เชื่อมจิตแล้ว.. มีข้อคิดเห็นดังนี้ครับ..(ขอคิดด้วยคนนะ).. หลักศาสนายุ่ง
เหยิง?เพราะจิตมนุษย์ช่างปรุงแต่งไปเอง?เป็นหลักนั่นแหละ..
อย่างแม้แต่หลักศาสนาใหญ่ๆ(บางศาสนา)ก็มีวิธีคิดที่ขัดแย้งกันเอง(อย่างพุทธเอาหลักการหมดตัวตน?,ซึ่งเรามองว่าไม่ใช่เรื่องของศาสนา?,แต่อาจเป็นเพียงปรัชญาส่วนบุคคล?เท่านั้น,และก็พิสูจน์ไม่ได้ด้วย(?),อย่างที่กำลังเป็นข่าวดังนี่ไงล่ะ?,และอย่างบางศาสนาก็สอนประมาณว่า.. ถ้าจัดการคนนอกศาสนา,ไม่ถือเป็นบาป,แต่พระเจ้าจะยอมรับ(?)..ประมาณนั้น.. เป็นต้น..)..
เราจึงมีแนวคิดส่วนตัว,คิดว่าองค์กรโลกน่าจะเข้ามาจัดการให้มีหลักศาสนารวมโดยเอาศาสนาใหญ่ๆ.. เช่นพุทธ,คริสต์,อิสลามที่มีจุดเด่นที่ดีมาผูกรวมกันนั่นไง?..
เช่น.. พุทธเด่นเรื่องศีลข้อ3,ข้อ5,หิริโอตตัปปะ(ธรรมคุ้มครองโลก)..
ส่วนคริสต์เด่นเรื่องให้รักคนทั้งโลก,และให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง(ถ้ารักคนทั้งโลก,แล้วจะมีสงครามได้อย่างไร?)..
ส่วนมุสลิมก็มีเรื่องการคลุมฮิย้าบคือไม่ให้ผู้หญิงแต่งตัวยั่วยวนทางเพศ?,อันทำให้สังคมเร่าร้อน?,และทำให้ลามไปสู่การทำผิดหลักศีลธรรมข้ออื่นๆ?ตามมา?.. ใช่หรือไม่?(เช่น กรณีข่าวนักมวยดังบางท่าน..เป็นต้น)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.17.156 วันที่: 20 ธันวาคม 2566 เวลา:14:39:07 น.
(ฟังรายการโหนฯ10-10-67,และมาฟังเล่าข่าวข้น,ช่องท็อปฯ,10-10-67วิเคราะห์เพิ่มอีก)..
จึงมีคำถามเพื่อให้ข้อคิดกับสังคมไทย,ที่ทุกตารางนิ้วของสังคมเต็มไปด้วยเรื่องซิกแซ็ก,ไม่ตรงไปตรงมา,ใหญ่เอาเปรียบเล็ก,เงินทุนมากล่อลวงเงินทุนน้อย,อำนาจมากสั่งการครอบงำอำนาจที่น้อยกว่า,กินเลือดเนื้อพี่น้องร่วมชาติกันเอง(เพราะหลงใหลในการมีทรัพย์เป็นเรื่องใหญ่),อย่างที่ฉายาเมืองแห่งศาสนาไม่น่าจะเป็นเช่นนี้เลย..
1.หลายๆคดีที่ปชช.เป็นผู้เสียหายที่ผ่านๆมา.. ทำไมเมื่อมีสัญญาณทางสังคม,หรือจากชนชั้นล่างทางสังคมว่า..กำลังมีเรื่องถูกเอาเปรียบ,ถูกล่อลวง,ทำไมผู้มีหน้าที่(บางส่วน)จึงไม่รีบดำเนินการทางลับโดยอายัดทรัพย์ไว้ก่อน,ก่อนที่โต้โผใหญ่,หรือโต้โผรองจะไหวตัว,และเคลื่อนย้ายทรัพย์หนีไปเสียก่อน?..
2.ทำไมผู้เกี่ยวข้อง(บางส่วน)จึงดำเนินการช้า,หรือต้องมีการให้ข่าวส่งสัญญาณออกสื่อเสียก่อน,จนทำให้ประชาชนบางส่วนมองว่า..อาจเท่ากับเป็นการทำให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ล่วงรู้ก่อน,แล้วรีบขนย้ายทรัพย์หลบซ่อนก่อนที่จะมีการเข้าตรวจค้น..หรือไม่?..
3.ทุกๆคดีที่มีการหลอกลวงปชช.,ควรรีบอายัดทรัพย์ไว้ก่อนโดยด่วน,ไม่ชักช้า,แล้วจึงค่อยให้ข่าวกับสื่อในภายหลัง,หลังจากอายัดได้เป็นส่วนมาก,หรือเกือบทั้งหมด,จะดีกว่าและได้ใจประชาชนกว่าหรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 11 ตุลาคม 2567 เวลา:4:32:48 น.
4.ต้องยอมรับว่า..สังคมเมืองพุทธ,ชาวพุทธเรายังมีความไม่สมดุลอยู่มาก(บางทีก็อาจจะตรงกับคำว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้าประมาณนั้น,หรืออาจใช้คำว่าลักลั่นก็ได้)..
สมัยนี้เราไม่ค่อยได้ติดตามบางรายการ,แต่ในสมัยก่อน..ถ้าสื่อบางรายการไปพบเจอบางเค้สที่ดูแล้วน่าเวทนา,จะมีการระดมความช่วยเหลือผ่านบัญชี,หรือช่วยโดยตรงบ้าง,รวมๆแล้วบางเค้สอาจเท่ากับถูกรางวัลที่11-2ใบก็ยังมี,จนต้องขอปิดรับบริจาคเองก็มี..
จนเรามองว่า..ผู้บริจาคหลายรายอาจมีฐานะที่จนกว่าผู้ได้รับบริจาคที่ได้รับการโปรโมตจากรายการดังๆด้วยซ้ำไป.. คือสรุปว่า..คนไทยมักจะไประดมบริจาคให้แต่กับเฉพาะผู้ที่มีการนำเสนอในรายการดังๆทางทีวีหรือโลกโซเชี่ยลเท่านั้น..
แต่อีกจำนวนมากที่มีเค้สทำนองเดียวกัน,ที่ถูกมองข้าม,เพราะไม่ถูกนำเสนอผ่านทีวี,หรือโซเชี่ยลก็ยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก.. เรายังเคยมองว่า..ควรจะเฉลี่ยจากคนที่ได้รับบริจาคจากการออกรายการแผ่ไปยังคนที่น่าเวทนาคนอื่นๆบ้าง,ไม่ควรจะไปกองอยู่กับเฉพาะบางคน,บางเค้สที่ถูกนำเสนอเท่านั้น..
(และควรตามตรวจสอบด้วยว่าได้ใช้เงินอย่างสมควรหรือไม่?,เพราะก็เคยมีข่าวว่า..บางคนก็ใช้เงินไปในทางที่ไม่ถูกต้อง..ก็มีอยู่เช่นกัน).. แต่เค้สที่ออกรายการโหนฯนี้,ที่มีหญิงแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เคยโดดน้ำฆ่าตัวตายทั้งๆที่กำลังตั้งท้องอยู่,แต่มีคนช่วยไว้ทัน.. เราเห็นว่า.. เฉพาะหน้าในปัจจุบัน,เธอควรได้รับการเยียวยาจากสังคมเป็นพิเศษ,เพื่อให้เธอมีกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไปนะ(เราว่า).. ฝากทุกๆคนที่มีกำลังทรัพย์ช่วยพิจารณาเค้สนี้ด้วยนะ..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 11 ตุลาคม 2567 เวลา:5:57:32 น.
5.แง่คิดของชีวิตยุคIT,หรือยุคสำรวจดาวอังคาร,โดรน,รถยนต์ไร้คนขับ,หุ่นยนต์คล้ายคน,และเราเชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมียาน(บิน)ขนาดเล็กขับเคลื่อนแทนรถยนต์,บินไปมาได้ในอากาศเหมือนในหนังฝรั่งบางเรื่องนั่นแหละ..
แต่เฉพาะเหตุการณ์ในปัจจุบัน.. ที่กำลังมีเรื่องทลายแก๊งดวงดาว?ที่รวมทีมกันเพื่อเป้าหมายดูดเอาทรัพย์?ของชนชั้นล่างให้มาเป็นของกลุ่มตนเพราะมีทัศนะแบบมิจฉาทิฐิที่ไร้คุณธรรมความเมตตาที่ต้องการสร้างความร่ำรวยให้กับตนเองมากเกินคำว่า"พอเพียง?"..เกินไป..
เราจึงรู้สึกดีใจมากที่เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเชื่อ,ที่ทนายหลายคู่ที่เคยเป็นคู่ขัดแย้งหรืออยู่คนละฝ่ายกลับเริ่มมีแนวโน้มที่จะมาร่วมมือกัน,ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนผู้ทุกข์ยากอย่างผิดสังเกต,ซึ่งเรารู้สึกร่วมยินดีด้วยมากๆ..
เพราะแทนที่จะไปขัดแย้ง,รบรา,ปะหมัดกันเองก็สู้เอาภูมิความรู้ด้านกฎหมายมาช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยากน่าจะเป็นบุญแก่ประชาชนอย่างมาก..
เช่น.. คู่ของทนายต.และท่านอ. //ทนายป.และทนายด.//ทนายเมียหลวงและทนายเมียน้อย//ทนายร.และทนายด.//คุณตอ.และอดีตเพื่อนรัก//คุณตอ.และทนายต... ซึ่งเรามองว่า..รากฐานของบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกที่เป็นแก่นลึกในใจ.. คือ..ล้วนแต่เป็นผู้ที่รักความถูกต้อง,เป็นธรรมและอยากช่วยเหลือปชช.ที่เป็นชนชั้นล่างที่มักถูกเอาเปรียบจากคนบางกลุ่ม?กันทั้งนั้น..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 11 ตุลาคม 2567 เวลา:14:35:09 น.
6.(ข้อคิด)..ดิจิตอลฟุตปริ๊นซ์ที่น่าสะพรึง?,และเป็นประโยชน์เพื่อการตรวจสอบความจริงสำหรับคนยุคนี้.. คือ..
การพูดของพรีเซ็นเตอร์บางท่านที่บอกว่าตนเป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์,และอีกคลิปที่บอกว่าตนไม่ใช่เป็นเพียงแค่พรีเซ็นเตอร์,ซึ่งใน2คลิปนั้นสาระเนื้อหาไม่ตรงกัน?.. เพียงแค่ดิจิตอลฟุตปรินซ์ที่ปรากฏออกมาดังนี้ .. ก็เท่ากับ.. คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อไปอีกแล้ว(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 13 ตุลาคม 2567 เวลา:1:24:21 น.
7.สังคมเรานี้..ต้องยอมรับว่าในภาครัฐเองในทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา,ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อภาคศาสนา.. คือพูดสรุปเลยว่า..ยังมีการส่งเสริมเรื่องหวยต่างๆที่ถูกกฎหมาย(รวมถึงการพยายามจะมีนโยบายเรื่องสถานพนันที่ถูกกฎหมาย?ด้วยซ้ำ?..หรือไม่?).. ซึ่งก็ต้องถือว่า..เป็นเรื่องของการผิดในเรื่องอบายมุขข้อการพนัน,ซึ่งเป็นหลักของศาสนาขั้นพื้นฐานอย่างมาก,ซึ่งจริงๆรัฐไม่ควรส่งเสริมเลย,แต่ก็กลับมีการส่งเสริมในมิติหรือรูปแบบต่างๆกัน?ตลอดมาทุกสมัย(?)..
ดังนั้น.. จึงทำให้คล้ายสังคมโดยรวมและรัฐเองก็ช่วยกันเพาะบ่มDNAของประชากร?ตั้งแต่ในอดีตให้หมกมุ่นในการได้ทรัพย์มามากๆ?(แบบไม่เลือกวิธีการ?ที่จะได้ทรัพย์มา?),โดยไม่คำนึงถึงหลักคุณธรรมว่าจะถูกหลักการทางศีลธรรมของศาสนา?หรือไม่?..
ดังนั้น.. เมื่อDNAเริ่มผิดเพี้ยน?จากหลักศีลธรรมมาเรื่อยๆ.. ก็ต้องยอมรับว่า..บรรดาดวงดาว?ทั้งหลายนั้นก็(อาจ)ได้รับการถ่ายทอดDNAที่ผิดเพี้ยนต่างๆ?นั้นมาด้วย(?)..จึงมักมีความฉลาด?มากกว่าเหล่าชั้นกลาง,ชั้นล่าง?(ที่มักไม่ฉลาดเท่า?)เป็นธรรมดา.. เพราะไม่เช่นนั้นบรรดาดวงดาว?คงไม่สามารถเล่นตามบท?จนเป็นบทละครดราม่า?ที่ทำให้คนจำนวนมาก?พากันหลงใหล,ติดตาม,ชื่นชมในบทบาท,ตัวตนต่างๆของบรรดาดวงดาว?ได้..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 13 ตุลาคม 2567 เวลา:3:03:01 น.
8.ดังนั้น..เมื่อประชาชนเห็นบรรดาดวงดาว?เป็นไอด้อล?ของเขา,ดวงดาวบางดวง?จึงมักหยิบฉวยเอาบุคลิกความเป็นดาวระยิบฟ้า?มาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ?ในการไปรับรองผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ?กับเหล่าชั้นกลาง,ชั้นล่าง?(บางส่วน)ประมาณว่า.. ถ้ามาร่วมทีมกับดวงดาว?(บางส่วน)นี้,ก็ย่อมจะสามารถเลื่อนระดับสถานะทางเศรษฐกิจ?และความมีหน้ามีตาทางสังคม?ให้ใกล้เคียงกับบรรดาดวงดาว?(บางส่วน)ได้เช่นเดียวกัน(?)..นั่นไง?..
นี่แหละ.. จึงเป็นกลเกมส์?,กลเหลี่ยม?ทางระบบการค้าที่แยบยล?(ที่ไร้คุณธรรม?)(ที่ไปดัดแปลงให้คล้ายๆระบบไดเร็ค?)จนที่สุด..ก็ดูจะกลายเป็นขายค่าสมาชิกร่วมทีม?แทนการขายสินค้า?,และจะได้กำไรส่วนต่างจากค่าแพ็คเกจ?หรือค่าซื้อตำแหน่ง?มาก,น้อยแบบลดหลั่นลงมาเป็นทอดๆ?จากบนลงล่าง(ซึ่งเรามองว่า.. เป็นการกินเปอร์เซ็นต์?แบบหัวคิว?เป็นทอดๆ,ที่ได้เปรียบกับสมาชิกชั้นล่างๆ?แบบไร้คุณธรรม?,ความเมตตา?อย่างมาก?).. ที่ทำให้เหล่าชั้นกลาง,ชั้นล่าง?ซึ่งอาจสติปัญญา?,ความรอบคอบ?มีน้อยกว่า(?),ก็จึงมักจะเป็นคล้ายแมงเม่า(ที่ถูกล่อด้วยแสงสี,ศิวิไลซ์,ที่ถูกบิ๊ลท์ขึ้นมา?จน)บินเข้าในกองไฟ?กันเป็นส่วนมาก?..ในที่สุด?..นั่นเอง?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 13 ตุลาคม 2567 เวลา:3:07:53 น.
9.โลกยุคIT ที่มีทั้งอันตราย?ถ้ารู้ไม่เท่าทัน(?),และทั้งมีคุณต่อผู้ที่กำลังถูกเอาเปรียบ?อย่างมหาศาลเช่นกัน(?).. อยากฝากว่า.. ยุคนี้แล้ว.. อย่ายอมเป็นคนไม่ฉลาด(โง่)?(ที่ถูกเอาเปรียบ?หรือเป็นเบี้ยล่างอยู่เสมอ?).. และ อย่ายอมให้ใครมาเติบโต,ล่ำซำ,ร่ำรวยอย่างมหาศาลในชั่วพริบตา?อยู่บนศีรษะของเรา?ด้วยเทคนิควีธีการขายสินค้าแบบต่างๆ?ที่โฆษณาคุณภาพเว่อร์เกินจริง?และราคาแพงลิ่ว?จากฐานต้นทุนแรกเริ่มที่ต่ำสุด?เป็นอันขาด(?)..
และรวมทั้งยังมีการโมดิฟาย?,แอ๊พพลาย?จนกลายร่างเป็นคล้ายๆDNAไดเร็ค?ที่มีการขายระบบ?มากกว่าการเน้นขายสินค้า?,ที่ล่อคนอยากรวยเร็ว?(จนกระทั่งมีพระดังบางรูป?ยังไปช่วยชี้ช่อง,ซึ่งพระพุทธเจ้าส่งเสริมให้คนตัดกิเลส,แต่ไม่ได้มุ่งส่งเสริมให้คนมารวย,แล้วอำพรางว่าจะได้เอาเงินที่ร่ำรวยจากการเอาเปรียบ?นั้นมาใช้ทำบุญ?แต่อย่างใดเลย?),ให้ติดกับดักความโลภ?แบบเป็นทอดๆ?,แล้วพากันเข้ามาสมัครมากๆ(โดยผู้สมัคร?ต้องอย่าหยุดมาสมัครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ?นะ,ถ้ามีการสะดุด?หรือหยุดลง? ณ จุดใด,จุดนั้นก็จะคือจุดเริ่มต้นแห่งจุดจบ?ในทันทีเสมอ..เสมอ..และเสมอ..)..
จนดูแล้วมีลักษณะไม่ต่างจากระบบแชร์ลูกโซ่?ที่แทบไม่ให้ความสำคัญ?กับตัวสินค้าจริง?,แต่มุ่งกินหัวคิว?(แบบสำนวนไทยที่ว่าเสือนอนกิน?)จากผู้ที่หลงเข้ามาเป็นลูกทีมระดับล่าง?ลงไปเรื่อยๆเสียมากกว่า(?).. โดยแค่นำบริบทเรื่องการขายสินค้า?มาใช้พรางตา?จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง?(ที่ไม่ชอบการทำงานแบบเชิงรุก?)กับการตรวจสอบระบบธุรกิจ?ที่ดูไม่ค่อยชอบกลต่างๆ?เหล่านั้น(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 14 ตุลาคม 2567 เวลา:21:35:32 น.
10.แก้ไขในข้อ9ช่วงประโยคท้ายจากชอบกลเปลี่ยนเป็นชอบมาพากลด้วยนะครับ..
และขอเสริมอีกว่า.. จริงๆคำว่าหัวใจเศรษฐี(หรืออุ.อา.กะ.สะ)นั้น,จริงๆมีความหมายแค่ว่า..เน้นให้ในฆราวาสนั้นต้องถือว่า..ถ้าอยากให้ชีวิตเจริญ(ในทางที่ถูกธรรม),ต้องยึดหลักขยันหา,รักษาไว้,ได้มิตรดี,ใช้ชีวีเหมาะสม(หรืออุ-อา-กะ-สะ)นั่นต่างหาก..
แต่ดันมามีคำภาษาไทยว่าหัวใจเศรษฐี,จึงมีแต่คนมุ่งจะเป็นเศรษฐีกันจนไม่ลืมหูลืมตา,ไม่รู้ผิดหรือถูก,ไม่เลือกกระทั่งวิธีการที่ได้มาซึ่งทรัพย์ว่า.. จะถูกตามครรลองของศีลธรรมหรือไม่?กันไปเลย(?)..
จริงๆ..หลักการของพุทธ(รวมทั้งคริสต์และอนุตตรธรรมสายจี้กง,กวนอิมก็ด้วย)หรือหัวใจสำคัญของพุทธศาสนาคือจะพูดถึงการมักน้อยและสันโดษ.. คือ..ให้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย(หรือพอเพียง)ไม่ฟุ่มเฟือย(ให้นึกถึงคนที่จนกว่า),ไม่เอาเปรียบหรือได้เปรียบจากสังคมมากจนเกินไป,ที่สมัยนี้มักใช้คำว่ามีภาวะร่ำรวยผิดปกตินั่นแหละ(?)..
(เพราะโดยหลักแล้ว,ถ้าไม่เพราะการรับมรดกจากรุ่นพ่อ,แม่มาก่อนแล้วเท่านั้น.. โดยมาก..ผู้ที่ร่ำรวยมากๆก็มักเกิดจากการได้เปรียบสังคม?หรือได้เปรียบคนส่วนมาก?ในชั้นกลาง,ชั้นล่าง?กันมาก่อนด้วยระบบ,วิธีการ,ช่องโหว่,ช่องว่าง,ช่องทางต่างๆ?แทบทั้นนั้น?..นั่นแหละ?)..
ที่จึงมักมีบริบทที่ดูแปลกๆ.. คือ..นิยมอวดร่ำ,อวดรวย,โชว์สถานะตนเอง,จากข้าวของ,เครื่องใช้,เครื่องประดับ.ยานพาหนะ,บ้านช่อง,ซึ่งก็บังเอิ๊ญมาถูกจริตกับสังคมไทย( =สังคมที่นิยมดราม่า?แบบละครหลังข่าว2ทุ่ม?),ที่คนไทย(บางส่วนหรือส่วนมาก)ก็มักชอบ(หลงใหล)การเป็นผู้มีหน้ามีตา?,มีคนเชิดชู?,มีผู้อิจฉา?( =ติดการได้รับการสรรเสริญเยินยอ?)ในสายตาของสังคม?กันมาก(?)..
ประมาณว่า..ถูกจริตนิสัย?หรือถูกกับกิเลสของคนไทย?กันเสียด้วย(?)..(ซึ่งเรามองว่าฝรั่งเขาไม่ค่อยเป็น..แบบว่าติดการมีหน้าตา?แบบคนไทยเรานะ?).. ประมาณว่าสมกิเลสคนไทย?,จึงเป็นเหตุให้ชั้นกลาง,ชั้นล่าง?มักถูกหลอกล่อให้ถ่ายเทเงินที่มีสะสมไว้บ้าง?,ไปสู่กระเป๋า?ของชั้นที่สูงกว่า?อยู่เป็นประจำ?,ทุกยุคทุกสมัย?..นั่นแหละ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 14 ตุลาคม 2567 เวลา:22:50:50 น.
11.เท่าที่เราดูจากบางรายการทางทีวีจะมีคำว่า..มีบ้านขายบ้าน,มีที่ขายที่,มีรถขายรถ?(เพื่อนำมาลงทุน?).. ยอมรับว่า..เคยได้ยินจากวิธีการชักจูงใจ?จากกรณีของหลายๆเค้ส,หรือจากหลายๆธุรกิจ?ที่คล้ายๆจะก๊อปปี้วิธีการจูงใจสมาชิก?จากหลักการที่คล้ายๆระบบไดเร็ค?ที่เราเคยรู้จักจากในอดีตที่ผ่านมา(?)..
ที่ส่วนตัวเราเอง,เราอยากขอฟันธงได้เลยว่า.. คำพูดแบบนี้?,ประมาณนี้?(ถ้าใครไปเผอิญได้ยินมา),มักจะเป็นคำพูดที่มาจากธุรกิจบางระบบ?แบบที่ไม่ชอบมาพากล?,และมีกลเหลี่ยม?,กลล่อ?ให้ตกหลุม?แทบทั้งสิ้น(?).. ซึ่งเราเห็นว่าเป็นคำพูดจูงใจที่อันตราย?หรือน่ากลัว?(อาจถึงขั้นล่อลวง?).. แต่ก็ยังมีสมาชิกบางคนที่ภูมิฉลาดและไหวตัวทัน?ที่เมื่อฟังคำพิรุธๆ?เหล่านี้,ก็ยังพอรู้ว่า..มันคงไม่ใช่ที่ตนจะไปร่วมหัวจมท้าย?ด้วย?.. จึงรีบถอนตัวออกมาทันที(?)..
เหมือนที่สำนักจาน....?ที่เคยเป็นข่าวในสมัยหนึ่ง,ที่เคยโปรโมต?,โฆษณา?ให้คนมาทำบุญกับสำนัก?ด้วยการใช้คำพูดประมาณว่า..ปิดบัญชีโลก,เปิดบัญชีธรรม,โป้งรวย,โป้งเละ?..ประมาณนั้น(?),ในความหมายประมาณว่า.. มีเงินฝากในบัญชีเท่าไหร่?,ก็ให้ถอนออกมาให้หมด?,แล้วนำมาทำบุญ?,เพื่อจะได้ตำแหน่ง,ชั้น,ยศในสวรรค์?..ประมาณนั้น?..นั่นแหละ(?)..
[ซึ่งแม้แต่ในคริสต์ของบางแนวนิกายความเชื่อ?ที่ผิดแปลก(ดัดแปลง)เพี้ยนจากหลักความเชื่อเดิมๆที่มีมาแต่ในอดีต,ที่ตอนนั้นที่เราจำได้,ก็มีบุคคลมีชื่อเสียงทางสังคม?รวมทั้งดารา,นักร้อง?(บางคน,ซึ่งมีหลายคน?)ก็หลั่งไหลไปเข้าร่วม,จนมีคนทั่วไปเข้ามาศรัทธาร่วมด้วยอย่างมากมาย,ล้นหลาม,ในยุคหนึ่งที่ผ่านมา(?)..
ซึ่งก็พยายามใช้วิธีการแบบทรงไดเร็ค?(แบบมีลูกทีม,แม่ทีม?,ซึ่งสมัยนี้อาจเรียกว่าไลน์กลุ่ม?,ซึ่งอาจผูกสัมพันธ์,นำผลงานแต่ละคน?มาอวดโชว์กัน?),มีการให้มีเงินถวายต่อองค์กร?,และการพยายามให้เกิดมีเกียรติเรื่องหน้าตา?,ตำแหน่ง?,หน้าที่รับผิดชอบ?,แล้วมีการแข่งขันกันกลายๆ?แบบเชิงใช้จิตวิทยาหมู่,เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบากบั่น,มานะ?,เพื่อถีบตัวเองขึ้นมาเป็นระดับผู้นำแนวหน้าขององค์กร?,และภายหลังก็มีผลทางลบ?(เพราะแรงกดดัน?และความเครียด?)ในชีวิตส่วนตัว?กับบางบุคคล?ที่ตกหลุมไปเข้าร่วม(?)..เช่นเดียวกัน(?)..
ซึ่งครั้งหนึ่ง..เราเคยไปเข้าร่วมมาก่อน,และมีคำถาม(ในเอกสารแบบสอบถามให้กาตอบ)ที่แปลกๆ(?),กระทั่งต้องการล่วงรู้ประวัติส่วนตัวประมาณว่า..คุณเคยคิดฆ่าตัวตายมาก่อนหรือไม่?ก็ยังมี(?).. คล้ายว่า.. บางองค์กรพยายามที่จะรู้ข้อมูล,ประวัติส่วนตัวเชิงลึก?และจุดอ่อน,จุดด้อยของชีวิต?ของผู้ที่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิก?เพื่อประโยชน์บางอย่าง?ให้กับองค์กรในระดับกลุ่มผู้บริหารระดับสูง?กระนั้นแหละ?..นั่นด้วย(?)..เช่นนี้ก็ยังมี(?),ที่พยายามจูงใจให้คนทุ่มเทถวาย?ให้กับองค์กรความเชื่อแบบของตน?ให้มากๆถึงมากที่สุด?..ก็เคยมีมาก่อน(?),และมีอยู่แม้ที่กรุงเทพ,ประเทศไทยและในต่างจังหวัดด้วยก็ตาม(?).. แต่ภายหลังองค์กรคริสต์นิกายนี้ก็ดูเหมือนจะเงียบๆซาๆไป.. แล้วเราจึงไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวต่อไปอีก]..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:2:01:25 น.
12.เราส่วนตัวมองว่า.. สังคมไทยหาคนที่ดีแท้ได้น้อยมาก,และถ้ายิ่งหาคนดีที่มีความกล้า,และกล้ากระทั่งยอมเป็นสิ่งบูชายัญ,เพื่อบูชาความถูกต้อง,ยิ่งหาได้ยากยิ่งกว่า(?)..
บางคนพูดว่า.. คนอย่างพันท้ายนรสิงห์ที่ยอมสละตัวเองเพื่อบูชาหลักกฎหมายเพื่อถวายเกียรติแก่กษัตัริย์,เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา?หรือทำให้สถาบันกษัตริย์เสียหายนั้น,ไม่มีอีกต่อไปแล้ว..(ส่วนมากหรือแทบทั้งหมด,มีแต่คนที่ไม่กล้าเปลืองตัว,หลบหลีกภัยที่จะมาถึงตัวกันเป็นส่วนมาก..กันทั้งนั้น?..หรือไม่?)..
หรือคนอย่างคุณสืบ,ทนายสมชาย,หรือแม้กระทั่งคุณนวมทองคงไม่มีอีกแล้วเช่นกัน(?).. ส่วนตัว.. เรามองว่า..คนที่มีจุดยืนเรื่องความดี,ศีลธรรมและความเป็นธรรม,การซื่อสัตย์และการไม่คดโกง,มักจะทนไม่ได้เมื่อมีเค้สสำคัญเรื่องการทุจริตไม่ว่าทางการเมืองหรือในทางธุรกิจภาคสังคม.. เช่น..กรณีบางบริษัทที่กำลังเป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ก็ตาม..
ที่ตามหลักควรจะต้องออกมาแสดงความคิดเห็น,ตักเตือน,ติเตือน,ท้วงติง,กล่าวโทษ,ชี้ถูกผิดให้กับสังคม,ในเรื่องความถูกต้อง,ชอบธรรมกันบ้าง.. เช่น อย่างที่คุณมหาจ.เคยแสดงออกอยู่เสมอในอดีตที่ผ่านมาในหลายๆเหตุการณ์..เป็นต้น..
แต่นี่เราเห็นว่า..คนสำคัญๆในบ้านเมืองแทบไม่มีใครออกมาพูดถึงอะไรเลย(?).. นั่นแหละ..ที่เรามองว่า..สรุปว่า..คนดีแท้ในสังคมเรามีอยู่น้อยมาก..นั่นเอง.. คือเรามองว่า..คนที่ไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นคนดีแท้ก็มักจะไม่ค่อยกล้าพูดเรื่องความดีหรือเรื่องหลักศีลธรรมกันซักเท่าไหร่?,เพราะคล้ายว่ามันอาจรู้สึกย้อนแย้งต่อความรู้สึกในใจตนเองจนพูดไม่ออก..ประมาณนั้น..
หรือเพราะมันอาจเป็นภาวะของน้ำท่วมปาก,อาจเพราะกลัวถูกขุดเรื่องที่ไม่ดีต่างๆของตนเอง?ขึ้นมาฉีกหน้าต่อสื่อมวลชนต่างๆ?บ้าง?..ก็เป็นได้?,และโดยจิตวิทยามนุษย์ก็มักเป็นเช่นนั้น.. เราเองคอยตามสังเกตว่า.. คำขวัญวันเด็กของหัวหน้าของผู้ดูแลสังคมในแต่ละสมัย,แต่ละปีเป็นอย่างไรบ้าง?.. เราพบว่า..คนที่ค่อนข้างขาวมักจะออกคำขวัญที่เกี่ยวกับความดี,ความซื่อสัตย์,ความรักชาติเพื่อมาอบรมเด็กกันเป็นส่วนมาก..
แต่คนที่ภาพลักษณ์ขุ่นๆ,ไม่ชัดเจน?ก็มักจะออกคำขวัญวันเด็กที่ไปในทางความสามารถนั่น,นี่?อ้อมๆแอ้มๆไปเป็นปีๆ,โดยไม่ค่อยกล้าพูดอย่างแข็งขัน,หนักแน่นในเรื่องของความดีหรือศีลธรรม..ในมุมตรงข้ามเช่นเดียวกัน(?)..(ซึ่งถ้าไม่เชื่อ,คุณก็ลองสังเกตดูคำขวัญวันเด็กของแต่ละปี,นำมาเทียบกันดูสิ?)..
เพราะความจริงคือ.. มนุษย์มักมีจิตสำนึกส่วนลึกที่รู้ว่าผิด-ถูก-ชั่ว-ดีคืออย่างไร?.. เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ดีพอจึงมักไม่กล้าพูดเรื่องเหล่านั้น(เพราะคนดีมักจะนิยมพูดถึงเรื่องความดี,ความซื่อสัตย์,หลักศีลธรรมกันอยู่เนืองๆ,เมื่อมีโอกาส..อยู่เสมอ)เพราะอาจเกิดความกระอักกระอ่วน,รู้สึกว่าจะเกิดอาการฟ้องผิดในใจตนเอง?นั่นกระมัง?..
ดังนั้น.. สรุปว่า..สังคมไทยมีผู้หลัก,ผู้ใหญ่ที่เราดูว่าน่านับถืออยู่มากมาย,ที่อาจยังไม่เคยมีประวัติของท่านในทางลบก็ตาม,แต่การที่ท่านปิดตัวเอง,ไม่ค่อยออกมาแสดงบรรทัดฐานของความรู้สึกผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี.. เราจึงคิดว่า..ท่านเหล่านั้น(ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก)คงรู้ว่าตัวเองน่าจะมีความพัวพันทางลับ?หรือล่วงรู้เรื่องไม่ชอบมาพากล?ในหมู่คนสนิท?หรือเครือญาติใกล้ชิด?ในมิติต่างๆ?อยู่ด้วย(?)..
และจึงกลัวว่า..ถ้าพูดเรื่องผิด-ถูก-ศีลธรรมออกไป,ก็เกรงว่าจะมีคนตามสืบค้น,ย้อนศร,เปิดเผย,แฉความทุจริต?ในหมู่คนสนิท?และเครือญาติใกล้ชิด?ของตนเอง?,และที่สุดอาจโยงมาถึงตนว่า..อาจมีส่วนในความทุจริตนั้นๆ?ด้วยเช่นเดียวกัน?..หรือไม่?..นั่นเอง?.. เราแค่คิดส่วนตัวเท่านั้นนะครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:4:28:04 น.
13.สังคมไทยปัจจุบันเป็นสังคมที่ทำผิด?แล้วไม่มีการสอนเรื่องการสำนึกผิด?,แต่สอนเรื่องการเอาตัวรอดเฉพาะตัว?,หรือเอาตัวรอดเฉพาะหน้า?,หรือรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี?..(แล้วดันบอกว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ?,หรือคนไทยเป็นคนจิตใจดี?)..
ซึ่งผิดกับญี่ปุ่นซึ่งเมื่อมีเหตุกระทบกระทั่งแม้ว่าไม่ตั้งใจ,เขาจะแย่งกันโค้งคำนับซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆหลายรอบ,โดยต่างฝ่าย,ต่างแย่งกันละล่ำละลักเพื่อบอกว่าผมเป็นผู้ผิดเองครับ..ประมาณนั้น(ที่เราเคยได้ยินมา),จึงไม่แปลกว่า..ทำไมสังคมบ้านเมืองญี่ปุ่นจึงเจริญรุดหน้ามากมายกว่าเราเกิน50เท่าขึ้นไป(?)..นั่นเอง(?)..
จึงอาจมีคำพูดประมาณนี้.. คือ..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:6:20:02 น.
14.ผมเป็นหัวหน้า,คุณเป็นลูกทีม ถ้าคุณไม่พอใจ,หรือคุณคิดว่าคุณไม่รู้เท่าทันในระบบวิธีการของเรา.. เอางี้..ถ้าคุณต้องการเงินคืน,คุณก็ใช้วิธีการแบบเดียวกันนี้ไปหาลูกทีม,เพื่อขายสินค้าให้กับลูกทีมต่อไปเรื่อยๆเป็นทอดๆก็แล้วกัน..โอเคนะครับ..?!?..
นี่เท่ากับแปลไทยเป็นไทยว่า.. ถ้าคุณคิดว่าคุณถูกหลอก,คุณก็ต้องแก้ปัญหาของคุณด้วยตัวคุณเอง,โดยการไปหลอกลูกทีมของคุณอีกต่อหนึ่ง,และก็ต้องหลอกต่อกันไปเป็นทอดๆ,ก็แล้วกัน?..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:6:21:42 น.
15.ทำให้เรานึกถึงหนังโรงใหญ่นานมากแล้ว,แต่เราจำชื่อหนังไม่ได้,แต่เราจำแม่นเลย,เป็นแบบว่าตลกร้าย?(ถ้าคิดว่าเหตุการณ์นั้นมาเกิดกับเรานะ),ที่มีคนชาวแขกๆร่วมแสดง.. คือ..ฝรั่งคนหนึ่ง(พระเอก)ไปเป็นคล้ายสายลับในเมืองแขกๆนี้..
และก็คล้ายๆไปถูกวัยรุ่นแก๊งค์วิ่งราวทรัพย์?,เขาสร้างบท(ซึ่งอาจอิงกับเรื่องจริงอยู่บ้าง?)ประมาณว่า.. วัยรุ่นโจรคนหนึ่งฉวยเอานาฬิกาที่มีค่าของเขาไปต่อหน้า,เขาก็เห็นตัวอยู่,และก็วิ่งไล่ตามไปติดๆ,เมื่อวัยรุ่นโจรจวนจะหนีไม่ทัน,ก็ส่งต่อทรัพย์นั้นให้กับวัยรุ่นคนถัดไปซึ่งรอรับช่วง,วางแผนกันไว้แล้ว,เป็นทอดๆเกือบ10ทอด,เหมือนว่าหลอกล่อไปมา,จนคนวิ่งตาม(พระเอก)หอบแฮ่กๆ,เหนื่อยจนแทบจะตามต่อไม่ไหว..
ที่สุดจึงต้องยอมรับสภาพ,ให้เด็กวัยรุ่น(ที่ฉลาดแกมโกง?)มีพฤติกรรมหลอกล่อ?และเชิดเอาทรัพย์ไปต่อหน้าต่อตา?,โดยที่ตัวพระเอกไม่สามารถทำอะไรได้เลย,ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างมาก..ประมาณนั้น..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:6:23:42 น.
16.ประมาณว่า.. สังคมของเขา(กลุ่มนี้,เมืองนี้)มีธรรมเนียมปฏิบัติที่เมื่อเห็นชาวต่างชาติมาเที่ยวก็จะทำพฤติกรรมเช่นนี้,จนถือเป็นการประกอบอาชีพเช่นนี้เป็นปกติ.. ส่วนถ้าพระเอกคิดว่าจะไปแจ้งตำรวจให้ตามจับก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก,เพราะตำรวจก็เป็นคนชนชาติเดียวกันกับพวกโจรวัยรุ่นเหล่านั้น..นั่นเอง(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:6:25:26 น.
17.ดังนั้น..ภาครัฐและภาคศาสนาจึงต้องร่วมกันอบรมภาคปชช.กันอย่างจริงจัง,ต่อเนื่อง,และเข้มงวดว่า.. ต้องอย่าให้ประชากรทุกภาคส่วนเกิดการหลงผิด(มิจฉาทิฐิ)ว่า.. การต้องการอยากรวยเร็วๆด้วยวิธีง่ายๆแบบเสือนอนกิน?,ด้วยการได้เปรียบทางฐานะเศรษฐกิจและทางเทคนิควิธีการต่อชนชั้นล่าง,ชั้นกลางทางสังคม(ซึ่งอาจฉลาดน้อยกว่า?)ซึ่งเป็นบริบทของปลาใหญ่กินปลาน้อย..สัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อย..เป็นกฎเกณฑ์...ไม่ใช่คน.. แต่กลับมองว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม,น่าเคารพ,เทิดทูน,ยกย่อง,ป้อยอ,หรือคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง..ไปเช่นนั้นเลย(?)..
เพราะบริบท,ประวัติที่ผ่านมาของคนที่ร่ำรวยเร็ว(หรือร่ำรวยผิดปกติ)ล้วนมาจากการได้เปรียบต่อคนชั้นกลางและชั้นล่างมาก่อนเป็นส่วนมาก..แทบทั้งนั้น(?)..
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ,คริสต์,อิสลามล้วนสอนตรงกันว่า..ไม่ให้มนุษย์เอาเปรียบต่อกันและกัน.. แต่สอนให้ประชาชาติทั้งหลายเอื้อเฟื้อ,เกื้อกูลกัน,แจกแบ่งปันกัน..นั่นต่างหาก..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:7:03:35 น.
18.เนื้อเพลง ปลาใหญ่ ปลาน้อย
ในห้วงมหาสาครใหญ่
กว้างไกลสุดหูสุดตา
ชีวิตนานับที่เกิดมา
เวียนว่ายตายเกิดเป็นธรรมดา
ล้มหายตายจากเป็นธรรมดา
เป็นกฎเกณฑ์ เป็นกฎเกณฑ์
สัตว์หนึ่งร่างกายใหญ่กล้า
เรี่ยวแรงแกร่งมหาทั้งดุร้าย
กัดกินสัตว์เล็กให้ตายไป
เป็นกฎธรรมชาติให้เป็นไป
ปลาใหญ่กินปลาน้อย
สัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อย
เป็นกฎเกณฑ์.....ไม่ใช่คน
เหลียวมองดูสังคมของคน
มีมือที่มากล้นด้วยคุณธรรม
ผู้คนมีสัจจะส่องนํา
แสงธรรมนําพาดังแสงทอง
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เถิดพี่น้อง
เมตตาคํ้าจุนโลกนะพี่น้อง
ไม่เป็นคนรกโลกต่างเป็นเพื่อนเป็นพ้อง
หัวใจจะอิ่มเอิบเป็นสีทอง
ศรัทธาก็จะมาเป็นก่ายเป็นกอง
ปลาใหญ่เป็นเพื่อนปลาน้อย
สัตว์ใหญ่เป็นเพื่อนสัตว์น้อย
เป็นกฎเกณฑ์.....สร้างกฎเกณฑ์กันเถิดคน
อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/444
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:7:12:06 น.
19.จากการที่เราดูข่าวจากหน้าจอต่างๆ.. เราขอสรุปว่า.. ในข่าวดังที่เป็นข่าวช่วงนี้นั้น.. จะมีคนระดับชั้นบริหารธุรกิจอยู่ท่านหนึ่ง,ที่เรามองส่วนตัวจากโหงวเฮ้ง,การแสดงออกที่ปรากฏ.. คือ..เป็นคนที่ฉลาด,มีเหลี่ยม?[หน้าตาจะดูมีหมอกแห่งความลับ?เพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริง?มาปกคลุมอยู่มาก,เหมือนว่าเรามองเห็นความกระหยิ่มของเขาอยู่ในใจ?,คล้ายเขารู้สึกว่า..ตนเองสามารถกระดิก,ดีดนิ้ว,คลุมเกมส์อยู่ในใจ,เพื่อดำเนินตามแผนที่ตั้งไว้ในใจได้เลย,โดยที่ไม่ได้รู้สึกวิตกใดๆ,และไม่ได้เห็นแก่ความถูกต้องชอบธรรมของสังคมใดๆด้วย?,โดยที่กล้าพูดเต็มปากทำนองขอไม่เปิดเผยในส่วนที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ?อีกด้วย?(ซึ่งเห็นได้ค่อนข้างชัดเลยครับ?),ซึ่งเราอยากบอกส่วนตัวว่า..ความไม่ชอบมาพากลของมนุษย์ทุกคน(โดยเฉพาะที่ต้องเผชิญหน้ากับสื่ออยู่เป็นประจำ)สามารถแสดงออกมาได้ทางกล้ามเนื้อใบหน้า?..เช่น..ความหนาขึ้นมาของโหนกแก้ม?ของผู้ที่เคยชินอยู่กับการต้องปกปิดการได้เปรียบของตน?ต่อประชาชนส่วนมาก?อยู่เป็นเวลานาน?,ซึ่งต้องรับหน้า,พูดจากับประชาชน?ที่ตนเองเป็นผู้ได้เปรียบเขาเหล่านั้น?อยู่เป็นประจำ(ซึ่งอย่าคิดว่าจะสามารถปกปิด?ผ่านใบหน้าและแววตา?ของตนเอง?ได้),ซึ่งธรรมชาติจะเริ่มสร้างหนังตรงโหนกแก้ม?ให้ต้องหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ?,ซึ่งเป็นหลักของพุทธ,ซึ่งเชื่อเรื่องจิตบงการกายภายนอก,เพราะเชื่อเรื่องจิตเป็นใหญ่กว่ากายภายนอก,หรือจิตเป็นนาย,กายเป็นบ่าว(ซึ่งกายต้องทำตามจิตบงการเสมอ)นั่นเอง(?),โดยจะปรากฏภาพได้อย่างชัดเจน,สำหรับผู้ที่ดูออก,เมื่อบางคนนั้น?กำลังอยู่ต่อหน้าสื่อ?,ที่ถ้าสังเกตดีๆ,จะสามารถรับรู้ได้ไม่ยากครับ].. และบางคนนี้ยังสามารถสร้างเกมส์?,สร้างภาพ?(เหมือนกับหญิงผู้ดูแลสังคมท่านหนึ่ง?ที่ได้หนีออกไปอยู่ต่างประเทศแล้ว),ที่มีลีลา,ชั้นเชิง?ได้อย่างแนบเนียน,และรวมทั้งมีการวางแผนเชิงรุก,รบ,รับ?ได้อย่างแยบยลมากอีกด้วยครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 15 ตุลาคม 2567 เวลา:13:54:42 น.
20.สมมุติว่ามีใครบางคน?ที่ปรากฏชัดว่า..ได้รู้,ได้เห็น,ได้ยินว่า..ใครคือผู้เรียกตบทรัพย์??,เพื่อช่วยเหลือในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบทางกฎหมาย?,กับธุรกิจของตน?,โดยการต้องจ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่ง,และต้องจ่ายประจำอีกทุกเดือน,แล้วก็อ้างว่า..ไม่ขอพาดพิงหรือเปิดเผยตัวผู้ที่มาเรียกตบทรัพย์นั้น,ทั้งๆที่คุณรู้จักกันกับเขาเป็นอย่างดี(ซึ่งเท่ากับไม่ประสงค์จะให้ความร่วมมือกับทางราชการ?),อย่างนี้จะทำได้ใช่มั้ย?..
เพราะถ้าคุณเปิดเผยตัวบุคคลที่มาเรียกตบทรัพย์คุณ,คุณก็อาจถูกกันเป็นพยาน?เฉพาะในคดีนั้น(?),แต่ถ้าคุณมีเจตนาร่วมปิดบังผู้ทำผิด?,จะมองได้มั้ยว่า..คุณกำลังเอื้อประโยชน์?ต่อคนโกง?ที่มีเรื่องทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงฯด้วยหรือไม่?..
คือเท่ากับไม่ให้ความร่วมมือ?เพื่อขจัดคนโกง?ที่ร่วมสร้างความเสียหาย?ให้กับระบบรัฐโดยรวม?,และที่สุดคุณอาจจะต้องรับโทษหนัก?ในเรื่องกฎหมายความมั่นคง?หรือไม่?,ซึ่งถ้าเป็นคนมีเชื้อสายต่างชาติ?อาจถึงขั้นถูกเนรเทศออกจากประเทศไทย?ไปเลยก็เป็นได้ด้วยหรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:0:07:22 น.
21.ฝากไปยังนักธุรกิจแบบพิสดารซับซ้อน?(บางส่วน)ว่า.. ทุกครั้งที่คุณหยิบนาฬิกาหรูมาสวมในข้อมือ?,และทุกครั้งที่คุณก้าวขึ้นรถหรู?.. คุณไม่รู้สึกเลยหรือว่า..นาฬิกาหรู?และรถหรู?ที่คุณใช้เพื่ออวดโชว์สังคม?อยู่นั้น?,คุณได้มาจากหยาดเหงื่อ?,เงินสะสมก้อนสุดท้าย?ของชนชั้นกลาง,ชั้นล่าง?ที่ไม่รู่เท่าทันเกมส์ของคุณ?,และฉลาดน้อยกว่าคุณ?กันทั้งนั้น(?)..
คุณไม่ได้วางตัวแบบใกล้ชิด,เป็นเพื่อนแท้?กับคนรากหญ้า?,รวมทั้งคนชั้นกลาง?แต่อย่างใดเลย(?).. คุณพยายามสร้างภาพตัวเอง?ให้ดูแล้วชวนหลงใหล?ที่ทำให้ทั้งคนระดับรากหญ้า?และคนชั้นกลาง?เกิดความฟุ้งฝัน?ที่จะเป็นให้ได้อย่างพวกคุณ?ได้บ้างเช่นกัน?..เท่านั้นเอง(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:0:45:42 น.
22.คุณณวัฒน์พูด(ในบางคลิป,ช่องLady Society,13-10-67)เรื่องซีโร่ซัมเกมส์ได้เข้าใจง่ายมาก.. ประมาณว่า.. มันต้องมีคนเสียเงิน(ชั้นล่างสุด),มันถึงมีคนได้เงิน(ชั้นบนสุด).. คือ..เงินจากสมาชิกข้างล่างจะมาดันผลประโยชน์ให้กับทุกคนที่อยู่ข้างบนจนถึงตัวเจ้าของกิจการสูงสุด?..ประมาณนี้ครับ(?)..
ซึ่งเราขอตีความแบบของเราเพิ่มเติม.. คือ.. ถ้าไม่มีคนฐานรากปีรามิด?จำนวน(กว้าง)มาก,ที่เป็นผู้สูญเสีย?หรือถูกเอาเปรียบ?หรือไม่ได้รายได้อะไรเลย?,ก็จะไม่มีคนระดับยอดปีรามิด?เพียงนิดเดียว?ที่ใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่,หรูเริ่ด?ซึ่งcontrastกับคนระดับฐานปีรามิด?ราวฟ้ากับดิน?ได้?..เช่นเดียวกัน(?).. ประมาณนี้ครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:1:49:13 น.
23.ขอสรุปเป็นส่วนตัว(เฉพาะ ณ วันนี้).. คือ..
(1)คนที่ฉลาดแบบprogress,advanceที่สุดในยุคนี้..คือ.. ณวัฒน์,กรรชัย,ทนายตั้ม..ครับ..
(2)ส่วนคนที่กล้าพูดแบบตรงไปตรงมามากที่สุดของยุคนี้.. คือ..ทนายเดชาและทนายตั้มครับ..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:2:24:35 น.
24.(วิเคราะห์กรณีที่ท่านว.พูดส่งเสริมให้ฆราวาสมุ่งอยากรวย?จนถูกวิพากษ์วิจารณ์,และท่านยังพูดเรื่องคำว่าหัวใจเศรษฐีด้วย)..
เราเห็นว่า..สังคมชาวพุทธไทยมันน่าปวดหัว,ตรงที่ไม่ว่าประชาชนทั่วไปหรือนักธุรกิจ,นักการเมืองก็ล้วนแต่มุ่งแสวงหาความมีทรัพย์มากๆมาเพื่อบำรุงบำเรอกิเลสให้ตน,จึงไม่ค่อยสนใจหลักการสำคัญของพุทธศาสนากันสักเท่าไหร่?..
จะคบหาพระ,ก็มุ่งแต่จะให้พระมาอวยชัย,ให้พรให้ตนเองเป็นเศรษฐีไวๆเท่านั้น.. ตามจริงเรามองว่า..คำว่าเศรษฐีน่าจะแปลเอาความหมายคือผู้ที่มีความพร้อมทางเศรษฐกิจที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ยากไร้ได้มากกว่าผู้อื่น..นั่นมากกว่า(?)..
แต่พระ,เจ้าก็ไปมุ่งใช้คำว่าหัวใจเศรษฐี(เพื่อจูงใจให้คนมาฟัง,เพราะรู้จิตวิทยาว่า..มนุษย์มุ่งหวังแต่ความร่ำรวยด้วยทรัพย์,เพื่อจะใช้ทรัพย์นั้นมาสนองกิเลสของตน,จึงคล้ายว่าพระมุ่งเอากิเลสมาล่อคน?นั่นแหละ),ซึ่งทำให้นัยยะผิดเพี้ยนไป..
เพราะหัวใจของพุทธศาสนาไม่ได้มุ่งเน้น,เสริมส่งให้คนมามุ่งแสวงหาความรวย(ซึ่งเป็นนัยยะของกิเลสโดยแท้)แต่อย่างใด?..
มีคำสอนพุทธบอกชัดเจนว่า..ผู้ที่ร่ำรวยด้วยทรัพย์แล้ว,ที่จะไม่ทำผิดต่อผู้อื่น,สัตว์อื่นด้วยทรัพย์ของตนนั้นหาได้ยาก,และพระพุทธเจ้ายังชี้บอกสาวกด้วยว่า"เงินคืออสรพิษ?"ด้วย..นั่นไง?.. แต่หลักพุทธนั้นมุ่งให้คนมาอยู่อย่างมักน้อย,สันโดษ,พอเพียง,พอประมาณนั่นต่างหาก(?)..
ดังนั้น.. พระจึงไม่ควรพูดคำว่าหัวใจเศรษฐีเพื่อล่อให้กิเลสคนเฟื่องฟู?กันให้มากนัก(?).. เพราะความหมาย(หรืออัลกอริทึ่ม)มันเปลี่ยนไปแล้วครับท่าน..
จริงๆ..คำว่าเศรษฐีที่ชาวพุทธไทยทุกวันนี้เข้าใจ,มันไปตรงกับคำว่ากระฎุมพี(ซึ่งแปลว่าผู้มีเงินมากแต่ไร้ธรรมะ,ใจดำ,ดังเนื้อเพลงที่บอกว่ากระฎุมพีกินแรงแบ่งชนชั้นนั่นไง?)นั่นต่างหากครับ..
แต่ที่จริงควรเปลี่ยนใช้คำว่าหลักที่สร้างความเจริญที่ถูกหลักศีลธรรมสำหรับเพศฆราวาสนั่นจึงน่าจะตรงกับความหมายที่พุทธศาสนาเจตนาส่งเสริม..มากกว่าครับ..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:5:00:43 น.
25.เรามองว่าสังคมพุทธไทย?ผิดพลาดมาแต่ไหนๆ(?).. เพราะไม่พยายามถามไถ่,ซักซ้อม,ตรวจสอบกันให้ถูกต้อง(?).. เช่น..ติดนิสัยแบบศรีธนญชัยที่ชอบซิกแซ็ก?(?).. เช่น.. เอาเงินบาปมาทำบุญถวายพระ?.. ส่วนพระบางรูปก็หลับตาข้างหนึ่ง?,หรือไม่มีปัญญาที่จะปฏิเสธเงินที่เขานำมาทำบุญนั้น(?),ทั้งๆที่ก็อาจจะพอรู้ว่าเงินนั้นไม่บริสุทธิ์?(?),แต่ก็อาจเกรงบารมีผู้ใหญ่ที่มียศบางคน?,ก็เลยไม่กล้าท้วงติง(?)..
จริงๆ.. พระที่รับเงินที่ไม่บริสุทธิ์?,ก็เท่ากับช่วยฟอกเงิน?นั้นๆด้วย(?),แทนที่จะเป็นเรื่องบุญ?กลับกลายเป็นเรื่องบาป?ไปซะอย่างงั้น?,เกิดเป็นคดีความฐานร่วมฟอกเงิน?หรือรับของโจร?ไปเสียอีก(?)..ประมาณนั้น(?)..
อย่างกรณีบางวัดที่มีประวัติว่า..สร้างโดยหญิงคณิกาหรือหญิงงามเมืองในอดีต,ซึ่งถ้าศึกษาธรรมให้ดีๆ,ตามหลักก็ไม่ถูกต้อง(?).. คือการทำบุญ,ทำทาน,ทางพุทธถือว่าทรัพย์ที่ได้มาต้องบริสุทธิ์เป็นอันดับแรก,ถ้าทรัพย์ไม่บริสุทธิ์?ก็จะมีสภาพที่ไม่เต็มบุญ?,พาให้เกิดความมัวหมอง?ได้ในหลายบริบท(?)..
เช่น.. อาจถูกครหาในภายหลัง,ทั้งผู้ให้และผู้รับก็อาจเศร้าหมอง,ไม่สบายใจได้ในภายหลังเสียอีกด้วย(?).. จึงเท่ากับทำความดีแล้วก็ยังไม่สบายใจ?,ตะขิดตะขวงใจ?เหมือนเท่ากับตกไปในหลุมของความบาป?ที่ตนเอง?ได้ทรัพย์ที่นำมาทำบุญ?โดยไม่ถูกต้อง(?)..นั่นเอง(?)..
ดังนั้น.. ถ้าหมุนเวลากลับได้,ทานจากเงินโสเภณี?ก็ไม่ควรจะนำมาสร้างวัดนะ?..เราว่า(?),ส่วนจะหลบเลี่ยงไปให้ทานทั่วไป?.. เช่น.. ซื้อสัตว์มาปล่อย,หรือซื้ออาหารมาเลี้ยงปลาอย่างนี้ก็พอได้(?),เพราะสัตว์ไม่รับรู้ว่าเงินที่นำมาปล่อยสัตว์?นั้นได้มาจากไหน?.. เช่นนี้เป็นต้น(?).. ตีว่า..แค่นำเงินไม่บริสุทธิ์?นั้นมาไถ่บาปไปได้บ้างบางส่วน?..เท่านั้น(?)..
ดังนั้น.. พระจึงต้องตรวจสอบเงินที่ฆราวาสนำมาทำบุญกับวัด?ให้ดีๆ(?).. ถ้ารู้ว่าบางบริษัท?นั้นได้เงินมาอย่างไม่บริสุทธิ์,มีลักษณะล่อลวง,จูงใจ?,แล้วจะมานิมนต์หรือบริจาค,เพื่อสร้างภาพ?ให้แก่กิจการบาปของตนเอง?ใดๆก็ตาม(?),แม้เป็นพระ,จะปฏิเสธทานนั้นก็ยังได้(?)..
และยังสามารถสั่งสอน,อบรม,สำทับให้หยุดการกระทำนั้น?(?),และให้รีบหยุดกิจการบริษัท?ที่มีลักษณะเอาเปรียบประชาชนผู้เป็นรากหญ้า?ที่หวังรวยเร็ว?นั้นเสียก็ยังได้(?)..
แต่ไม่ใช่ว่า..แล้วยังจะมาโหนพระ?(สังคมไทย?,ทำไมจึงมีแต่คนชอบโหน?,แปลกนะ?),เพื่อให้บริษัทของตน?ดูดี?,และจูงใจให้คนที่ไม่รู้เท่าทันเกมส์โปรโมตบริษัทของตน?อยากมาเข้าร่วมงานกับบริษัทของตน?เพิ่มมากขึ้นอีกซะเนี่ย?.. เช่นนี้..พระที่รู้เท่าทันเกมส์?ก็ไม่ควรแสดงตนเป็นผู้สนับสนุน?ให้บางบริษัทนั้นๆ?ใช้เป็นเครื่องมือโฆษณา?โดยเด็ดขาด(?).. ประมาณนี้ครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:7:49:38 น.
26.เราดูเอกสายไหม,ทนายตั้มร่วมแถลงข่าวในคลิปข่าวของช่องอมรินทร์,16-10-67แล้ว,รู้สึกตลกมากๆครับ.. แต่เป็นตลกร้ายของประเทศไทย..(เราว่าแก้คอร์รัปชั่น,แก้ไม่ได้หรอกครับ?,ตราบใดที่ฝ่ายการเมืองมีอำนาจแต่งตั้ง,โยกย้ายข้าราชการครับ?)..
เพราะไม่ว่าจะแตะไปที่จุดไหน?.. โมเดล?(ที่เป็นเหมือนตึกราม)ของจุดนั้น?,จะอ่อนยวบ,พังพาบลงไปเป็นทอดๆ,เหมือนกับโดมิโน?ทันที,โดยที่ไม่รู้ว่าโดมิโน?ที่ล้มตามๆกันนั้น?,จะไปสุด,หยุดลงที่ตรงไหน?..
เราเคยเสนอว่า.. ควรแก้ไขระบบการเมืองไม่ให้ฝ่ายการเมืองมามีอำนาจในการแต่งตั้ง,โยกย้ายข้าราชการประจำ,รวมถึงอาจยกเลิกระบบพรรค?(พวก?),โดยให้มีแต่สส.อิสระเป็นผู้ตรวจสอบรัฐบาลในภาพรวมและอนุมัติงบประมาณ..เท่านั้น(?)..(ซึ่งก็มีสว.และองค์กรอิสระและศาลต่างๆเป็นผู้คอยตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งอยู่แล้ว)..
เพราะถ้ายังเป็นระบบเดิม,จะทำให้ฝ่ายการเมืองมาครอบงำเรื่องผลประโยชน์ในทางมิชอบ?( =ผลประโยชน์ทับซ้อนและคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย)ผ่านระบบการแต่งตั้ง,โยกย้ายได้แทบทุกจุด,ในระบบราชการ(?)..
คือเราอยากให้แก้กฎหมายให้ฝ่ายการเมืองเป็นแค่ผู้เสนอแนะนโยบาย,แต่ไม่มีอำนาจแต่งตั้ง,โยกย้ายใดๆ,แต่ให้ระบบราชการเขารันเรื่องตำแหน่งต่างๆกันเอง,เพราะเขาก็สามารถทำงานของเขาได้เรื่อยๆอยู่แล้ว,แม้ช่วงที่ไม่มีรัฐบาล,หรือมีแค่รัฐบาลรักษาการณ์เท่านั้นก็ตาม..
แล้วเราก็เคยเสนอว่า.. ให้คณะกรรมการภาคประชาชนเป็นผู้คอยตรวจสอบ,สังเกต(เพราะสายตาของประชาชนจำนวนมาก,มักไม่ผิดพลาดอยู่แล้ว),อาจมีเป็นหลัก100-500คนโดยการสุ่มหรือต่อคิวเวียนกันเข้ามา(รอบละ3-6เดือน)แบบไม่ซ้ำคนเดิม?(และไม่มีเงินเดือน,มีแค่อาหารเลี้ยงเท่านั้น)..
เพื่อเป็นเหมือนคนดูข้างสนาม?ที่คอยดูว่ากรรมการ(หรือ=คนทำงานในระบบราชการและคณะรัฐบาล)ในสนาม,ตัดสินผิดพลาดใดๆหรือไม่?,และมีอำนาจยับยั้ง(วีโต้)ในสิ่งที่เห็นว่าไม่ถูกต้องได้ทันที(?),และให้หน่วยงานนั้นๆหาคนใหม่มาทดแทน(?).. คือสรุปว่า..ภาคการเมืองมีหน้าที่แค่เสนอแนะนโยบายเท่านั้นครับ(?)..ประมาณนี้ครับ(?).. จึงจะป้องกันการทุจริตในประเทศไทยได้ครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:15:12:57 น.
27.(ฟังรายการช่องของหมาแก่-แมวสาว,16-10-67)..
ประเทศไทยนี่น่าเวียนหัว,ชวนสับสนมาก.. ทุกวันนี้มีทั้งเทวดาชั้น18บ้าง?,เทวดาคุ้มครองบ.ขายตรงบ้าง?,เทวดารอรับเครื่องเซ่นจากบางหน่วยราชการ?บ้าง(?)..
อยากขอให้เปิดช่องทางกฎหมายให้สื่อมวลชนต่างๆสามารถพูดชื่อตรงๆได้เลย,โดยมีกฎหมายคุ้มครอง,ไม่ต้องถูกฟ้องร้อง?ได้ไหม?.. แต่ให้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถมาแก้ข้อกล่าวหาผ่านสื่อนั้นๆก็ได้ด้วย(?).. เท่านั้น(?).. เพราะประชาชนรู้สึกปวดหัว?,ในขณะที่ดูข่าวที่มีพูดถึงชื่อย่อ,นามแฝง..เช่น..เทวดาบ้าง?,ลูกกรอกบ้าง?,อะไรสารพัดเหล่านี้นี่น่ะ?.. ได้โปรดเถอะ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 16 ตุลาคม 2567 เวลา:17:14:06 น.
28.(พระบางองค์..ถูกมารหลอก..สอนพลาดแล้ว?)..
(1)พระบางองค์เคยพูดว่าฆ่าเวลาบาป(ยิ่ง)กว่าฆ่าคน(?)..ฮือฮาไปทั่วประเทศในชั่วพริบตา,เสียงวิจารณ์อื้ออึงไปทั่ว.. ว่า..มันใช่หรือครับท่าน?..(เพราะต้องระวังว่า..ก่อนพูดเราเป็นนายของคำพูด.. แต่พอพูดออกจากปากแล้ว,คำพูดนั้นจะมาเป็นนายของเรา???)..
(2)พระกิตติวุฑโฒเคยพูดว่าฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป(?).. ก็ชื่อดับ?นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้.. จนท่านก็เสียชีวิตไปแล้ว..
(3)คนดังบางคน?ในอดีต.. มีคนหนึ่ง(นามสกุลรักษากวาง)ที่เป็นนักพูดชวนฮา(คล้ายๆกับคุณโน้ตเดี่ยวในสมัยนี้..นั่นหละ?),ที่สังคมไทยให้การยอมรับ,ต่อมาก็ได้รับเลือกเป็นสส.,ภายหลังพลาดแค่แสดงมุกตลก?ที่ใช้สำบัดสำนวน?มากล้นเกิน?..ทั้งๆที่กำลังอภิปรายเรื่องสำคัญของบ้านเมืองอยู่ในสภาผู้แทน,ซึ่งเท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง??..
หลังจากนั้น..ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับในพฤติลีลาการพูด?แค่ครั้งเดียวนั้น(?).. จึงต่อมา..จึงพาตัวเองหายเข้ากลีบเมฆไปเลย(?)..จนถึงทุกวันนี้(?)..
เราขอยืนยันตามประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยศึกษาทางพุทธ(รวมทั้งศาสนาอื่นๆ)มาบ้าง.. ว่า..
มุ่งรวยนั้นไม่ใช่พุทธ.. แต่..
มีเงินมาก,มีเงินเหลือ,ได้เงินมามากด้วยบารมีส่วนตัว..แล้วแจก,แจก,แจก..นั่นคือพุทธ(แท้)..(นั่นต่างหาก)..
ดังนั้น.. พระที่ส่งเสริมให้ฆราวาสมุ่งไขว่คว้า,แย่งชิงความร่ำรวย?..จึงไม่ใช่ความถูกต้อง,ชอบธรรมของการเป็นพระของพุทธ?,ซึ่งมีหน้าที่สอนให้คนตัดกิเลส,ลดความเห็นแก่ตัว,ลดการเอาเปรียบต่อสังคม,และต่อผู้ที่ฉลาดน้อยกว่าตนเอง?..แต่อย่างใดเลย(?)
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 17 ตุลาคม 2567 เวลา:20:14:30 น.
29.(เราได้ชมช่องสถาบันทิศทางไทย,18-10-67).. มีความคิดเห็นส่วนตัวว่า..
ถอดรหัส..อาร์ต พศุตม์พูดได้ดี.. ถ้ามันรวยง่ายๆขนาดนั้น(โดยไม่มีเรื่องซ่อนแฝง),เขาจะบอกเราง่ายๆมั้ย?,เขาก็ต้องบอกญาติของเขาสิ.. และเพราะผลประโยชน์ตอบแทนมันผิดปกติ(?)(ซึ่งถ้าไม่โลภอยากได้เงินมาง่ายๆ..ก็จะไม่ตกหลุมกับดักของคนที่ฉลาดกว่าหรอกนะ?)..
เราขออธิบายเพิ่มประมาณว่า.. เขาก็ต้องบอกแต่ญาติๆที่ใกล้ชิดของเขา,เขาจะมาบอกคนอื่นให้มาร่วมตักตวงด้วย?ทำไม?.. แค่นี้ก็ชัดแล้วสำหรับธุรกิจแนวคล้ายไดเร็ค?และแชร์ลูกโซ่?,ว่าจะหวังดีกับคนรากหญ้า?และชนชั้นกลาง?..จริงหรือไม่?..
คือ..การพยายามหาคนมาเป็นสมาชิกของบางธุรกิจ.. ก็คือ.. เขาย่อมหวังประโยชน์แห่งการได้กินหัวคิวเป็นทอดๆ?,ซึ่งคนที่อยู่หัวปีรามิด?ย่อมจะอิ่มที่สุด,และได้รับเกียรติสูงที่สุด(แบบคล้ายส่งเสริมระบบเสือนอนกินหรือระบบเอาเปรียบคนชั้นล่างและคนชั้นกลาง?)นั่นเอง..
แต่คนต้นทางหรือเจ้าของบริษัทมักจะได้เปอร์เซ็นต์?,ส่วนต่าง?,หรือหัวคิว?ที่มากกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว?..แน่นอน?).. นั่นเอง(?)..ใช่มั้ยล่ะ?..
ซึ่งเป็นทฤษฎีแห่งความโลภ?สอนคนให้โลภ?(ประมาณว่า.."สอนลูกให้รวย?,สอนรวยให้ลูก?",หรือ"พ่อรวยสอนลูก?",หรือ"มอมสมองคนให้คิดแต่เรืองรวยๆๆ?").. หรือเอาความโลภของมนุษย์?มาเป็นตัวล่อ?,ซึ่งทางศาสนาพุทธ,จะไม่มีหลักคำสอน?ที่เสี้ยมสอนทำนองนี้เลย(?)..
แม้แต่เรื่องหัวใจเศรษฐี.. ก็มีพระดังบางรูป?ก็อุตส่าห์นำมาอธิบายอย่างผิดๆ(?)(เพราะท่านดูจะปราดเปรื่องมากเกินไป?)..
จริงๆ..ไม่ควรพูดหรือใช้คำว่าหัวใจเศรษฐี?มาสอนลูกศิษย์เลย(?).. จริงๆ..ควรใช้คำว่า..หลักวิธีที่ทำให้ชีวิตสู่ความเจริญในบริบทของฆราวาส..น่าจะเหมาะสมกว่าครับ(?).. ซึ่งที่จริง..การสอนให้คนมุ่งอยากรวย?ก็เป็นเรื่องของการกลัดกระดุมเม็ดแรก?ที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้น?แล้ว(?)..ไม่ว่าจะเป็นหลักศาสนไหนๆ?..ก็ตาม(?)..เราว่าอย่างนี้นะ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 19 ตุลาคม 2567 เวลา:2:58:28 น.
30.จริงๆ..หลายเรื่องในสังคมไม่มีคำว่าส่วนตัวเลยเสียทีเดียว(?).. มักมีเรื่องกระทบกับบริบทของสังคมไม่มากก็น้อยเสมอ(?).. เหมือนที่เคยได้ยินว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว?..นั้นไงล่ะ?..
ตอนนี้..กำลังมีเรื่องที่2ทนายไปพูดถึง1ทนายในเรื่องส่วนตัวของเขา?,และมีพิธีกรบางช่อง?ออกมาช่วยแก้ต่าง?ให้ฝ่ายทนายหญิง?ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องส่วนตัว?นั้น(?).. ซึ่งเรามองว่า.. ไม่มีเรื่องใดที่เป็นเรื่องส่วนตัว?จริงๆหรอก?..(แม้แต่คุณไม่ดูแลเรื่องอาหาร,แล้วไปปล่อยลมกลิ่นเหม็นเกินไป,ก็ทำให้อากาศเสีย,รบกวนสุขภาพของคนที่อยู่ใกล้เคียงได้เช่นเดียวกัน?..นั่นแหละ?)..
แม้แต่พระพุทธเจ้าเอง..ก็ยังเคยบอกว่า.. คนที่กล้าโกหก(โดยเฉพาะโกหกต่อสังคมส่วนรวม?หรือต่อคนจำนวนมาก?นั้น)ที่จะไม่ทำชั่วอื่น(หรือที่จะไม่กล้าทำชั่วอื่นๆอีก?นั้น)ไม่มี.. ประมาณนี้..นั่นไง?..
เช่น.. สมมุติว่า..ถ้าคุณพบตัวแทนปชช.(บางคน)ที่เอาเมียเพื่อนมาเป็นเมียตน?(โดยที่ไม่รู้สึกละอายต่อสังคม?).. แล้วภายหลังก็ออกมาเป็นผู้นำคนมากมาย(?)(แม้อ้างว่าเพื่อช่วยสังคม?ก็ตาม?).. ซึ่งภายหลังก็มีเรื่องความไม่บริสุทธิ์ในเรื่องเงินๆทองๆ?(ที่รับบริจาคในระหว่างการประท้วงชุมนุม)ที่ดูไม่ค่อยโปร่งใส?,และคล้ายมีข่าวว่า..เคยมีการไปพูดนัดแนะนั่นนี่?,กับผู้ที่ทำการเปลี่ยนแปลงสังคม?มาก่อนเกิดเหตุ?,ซึ่งทำให้อื้อฉาวและเสียชื่อเสียงมาก(?).. ออกมาเป็นข่าวมากมาย?..เป็นต้น?.. แล้วอย่างนี้.. จะว่าเรื่องส่วนตัว?(เช่น.. เรื่องการมีภรรยาน้อย?,หรือการแย่งสามีชาวบ้าน?)จะไม่มาเกี่ยวข้องถึงเรื่องส่วนรวม?เลย?..ก็ไม่ได้(?)..ใช่หรือไม่?..
หรือคนที่มีโลกหลายใบ?(ซึ่งผิดศีลธรรมข้อ3,กาเมสุมิจฉาฯ),ก็มีเหตุตรรกะชวนคิด?ว่า..เขาก็ต้องที่จะต้องการเงินจำนวนมากกว่าปกติ?,เพื่อมาเลี้ยงดู,ปรนเปรอ,เอาอกเอาใจ?ต่อโลกหลายใบของเขา?อยู่แล้ว?..ใช่หรือไม่?.. ถ้าเขามีช่องที่จะทุจริต?,คอร์รัปชั่น?ในทางการเมือง?,เขาก็อาจจะต้องคว้าไว้ก่อน?,โดยไม่คำนึงถึงการผิดศีลธรรมในข้อ2?ด้วย?..ใช่หรือไม่?..นั่นไง?..
ดังนั้น.. การที่สื่อบางช่อง?จะมาแก้ต่าง?ให้ว่า..ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัว?มาทำลายกัน?นั่นก็ดูจะไม่ถูกต้อง?เสียทีเดียว(?).. เราเองยังมองว่า..การนินทาของสังคมไทย?นั้น?..จริงๆ..ก็เป็นประโยชน์อยู่มิใช่น้อย?,ที่ช่วยผดุงสังคม?,เพื่อไม่ให้คนเลว?นึกกระหยิ่ม,ยิ้มย่อง,ในการทำสิ่งที่เลวร้าย,ผิดศีลธรรม?ไปมากกว่านี้?(?)..
เหมือนอย่างตัวแทนสภาบน?(บางคน)ก็เคยมีเรื่องที่ไปเกี่ยวข้อง,สนับสนุน,ไปเอื้อตำแหน่งทางการเมือง?ให้กับหญิงบางคน?ที่มีพฤติกรรมโหดร้ายต่อลูกจ้าง?,แล้วจะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา?..ได้มั้ย?.. เช่นนี้เราก็ไม่ไว้ใจต่อผู้ชายที่เป็นตัวแทนสภาบนท่านนี้?แล้วใช่ไหม?..
หรืออีกบางท่าน?ก็ไปมีเรื่องพัวพันกับยาเสพติดตามชายแดน?,แล้วเขาพยายามจะตัดออกให้เป็นเรื่องของญาติใกล้ชิด?,โดยที่ตัวเองอ้างว่าตนไม่มีส่วนใดๆเลย?นั้น?.. ขอถามว่า.. แล้วประชาชนหรือสังคม,เขาจะเชื่อถือคำพูดท่าน?ได้มั้ย?..เช่นนี้เป็นต้น(?)..
แม้แต่.. หญิงค้าบริการในรูปแบบต่างๆ?.. เรายังเคยได้ยินว่า..คนพวกนี้ก็ยังมีคติส่วนตัวว่าเพื่อนผัวไม่เอา,และผัวเพื่อนไม่เอาอย่างเด็ดขาด(?)..ด้วยนะ(?),ไม่ยุ่งด้วย(ในเรื่องเพศสัมพันธ์?)..เลยนะ(?)..
สรุปว่า..การผิดศีลธรรมในทุกมิติ?ล้วนมีผลกระทบ?ในทางลบ?ต่อสังคมส่วนรวม?,รวมทั้งภาคการเมือง?ด้วย?..แทบทั้งนั้น(?).. จะอ้างว่า..เป็นแค่เรื่องส่วนตัว?,แล้วจะห้ามนำมาพูดถึง?หรือวิพากษ์วิจารณ์ถึง?เสียเลย?..ก็ไม่ได้นะ?..เราว่า(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 19 ตุลาคม 2567 เวลา:20:15:44 น.
31.ไปกันใหญ่กับเรื่องพระผิดหรือไม่ผิด?.. เราเห็นว่า.. ถ้าคุณพอรู้,อันควรรู้,หรือเจตนาเล็งเห็นผล,คุณก็ต้องร่วมรับผิดด้วยอยู่แล้ว(?)..ใช่หรือไม่?.. เหมือนกับทีเวลาประชาชนธรรมดาทำผิด,และไม่รู้กฎหมายจริงๆ,แต่คุณก็ยังบอกว่า..ผู้ใดจะปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้?..นั่นไงล่ะ?..
แต่พอกับผู้ที่ดูมีบารมีหน่อย?,ก็มีบางกระแสไปพยายามช่วยปกป้อง?หรือแก้ต่าง?ว่า.. ถ้าไม่มีเจตนาก็ไม่ผิด?,แต่กลับลืมคำว่ากรรม(หรือบริบทแวดล้อม)เป็นเครื่องส่อเจตนา?ไปซะอย่างงั้น?.. ซ้ำยังอ้างหลักธรรมเรื่องที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม?(ถ้าไม่มีเจตนาก็ไม่ผิด?)อีกด้วย(?)..
ซึ่งเราไม่เห็นด้วยเลย?.. เพราะกฎหมายจะต้องปฏิบัติกับพลเมืองทุกคนอย่างเสมอหน้ากัน(?)..ใช่หรือไม่?.. ยังมีหลักของพุทธที่บอกว่า..ไม่ให้ภิกษุไปประจบคฤหัสถ์?,เพื่อหวังประโยชน์บางอย่าง?อีกด้วย(?)..ใช่หรือไม่?..
ยุคนี้เป็นยุคที่มีคนเล่ห์เหลี่ยม?หวังแต่เรื่องรวยๆๆ?,ซึ่งสวนทางกับคำสอนพุทธ,ซึ่งสอนให้มักน้อย,สันโดษ,ให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงอยู่เยอะมาก(?),ซึ่งมักนิยมการโหน?กับกระแสศรัทธา?,ไม่ว่าจะเป็นโหนไปกับดาราบางคน?,หรือแม้แต่โหนไปกับพระที่มีผู้นับถือมากๆ?(บางองค์)ให้มารองรับ?หรือรับรองสินค้า?หรือกิจการของตน?,เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ?อีกด้วย(?)..
ระดับนักบวช?,ถ้าไม่มีทัศนะคติที่ผิดพลาด?(หรือมิจฉาทิฐิ?)ก็ควรที่จะต้องไม่ไปส่งเสริมธุรกิจบางอย่าง?ที่เน้นเงินต่อเงิน?( =มิจฉาอาชีวะ5คือกุหนา,ลปนา,เนมิตตกตา,นิปเปสิกตา,ลาเภนะลาภังนิชิคิงสนตา),ซึ่งบริษัทที่เป็นข่าว?น่าจะผิดรวมทั้ง5ข้อ?,โดยเฉพาะข้อที่5คือใช้เงินต่อเงิน?,หรือใช้ลาภแลกลาภ?..นั่นไง?.. ซึ่งนักบวชพุทธก็ยังไม่ควรไปพูดส่งเสริม,โน้มน้าว,จูงใจ?ใดๆเลยด้วยซ้ำไป(?)..ใช่หรือไม่?.. โดยเฉพาะระบบคล้ายไดเร็ค?หรือละม้ายคล้ายระบบแชร์ลูกโซ่?(ซึ่งมุ่งหาลูกทีม?ถัดจากตัวเองไปเรื่อยๆ,เป็นทอดๆ,โดยที่ไม่ได้มุ่งขายสินค้าเป็นหลัก?อยู่แล้ว?)..
ซึ่งเรามองว่าพระบางองค์ที่ท่านจะไม่รู้"กลเกมส์?"ของ"ระบบ?"คล้ายไดเร็ค?นี้?,ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย?.. เพราะแม้แต่สายสันติอโศกยังพูดอย่างชัดเจนว่า..ห้ามลูกศิษย์ทุกคนไม่ให้ไปข้องเกี่ยวกับระบบไดเร็ค?"หรือ"แชร์ลูกโซ่?(ที่เป็นระบบธุรกิจที่เห็นแก่ตัวที่สุด?อย่างเด็ดขาด(?)..ด้วยซ้ำไป(?)..นั่นไง?..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 20 ตุลาคม 2567 เวลา:2:19:12 น.
32.เราอยากบอกว่า..อาชีพที่ค่อนข้างบริสุทธิ์?(มีบาปน้อย)ในสายตาหรือในหลักการทางพุทธศาสนาก็คืออาชีพกสิกรรม?,ที่ต้องใช้แรงงาน,ออกแดด,ออกเหงื่อ,เพื่อสร้างผลผลิต,เพื่อนำมาเป็นอาหาร,เครื่องนุ่งห่ม,ยารักษาโรคและที่อยู่อาศัย..เท่านั้น(?)..
ส่วนอาชีพธุรกิจ?แบบกินกำไร?,กินส่วนต่าง?ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นมิจฉาอาชีวะ5?ได้ทั้ง5ข้อ?เป็นอย่างมาก(?),ซึ่งนักบวชพุทธต้องรู้,หรือควรรู้,หรือเล็งเห็นผล(?)..ว่าจะไปช่วยสร้างภาพ?,แสดงตัวใกล้ชิด?,หรือแม้แค่การไปเจิมป้าย?เพื่อให้พร?,ก็ยังต้องระวังให้มาก(จะปฏิเสธไม่รับนิมนต์ไปเลย?..ก็ยังได้?)..
เพราะถ้าบางบริษัทนั้นๆ?ทำธุรกิจ?แบบที่ค้ากำไรเกินควร?,ขายของด้อยคุณภาพ?,หรือโฆษณาเกินจริง?,หรือเอาเปรียบผู้บริโภคในบริบทต่างๆ?(ที่ประชาชนอาจไม่รู้เท่าทัน?),ก็แน่นอนว่า..ท่านต้องติดกรรมบาป?(หรือติดบ่วงกรรม?),ที่ไปร่วมสนับสนุนให้พรเขา?,ในการทำอาชีพที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน?อีกด้วย(?)..ใช่หรือไม่?..
ดูแต่ท่านพ.แห่งวัดสวนแก้ว,แค่ท่านเปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองบางสี?ไปไช้สถานที่ของท่านเพื่อชุมนุมทางการเมือง?,ท่านก็ยังถูกแอนตี้?มาอย่างยาวนานว่า..ท่านเอียงไปทางกลุ่มการเมืองบางฝ่าย?..ไม่ใช่หรือ?..ใช่หรือไม่?..
ดังนั้น.. การเป็นพระจึงต้องสงวนท่าทีในการที่จะไปใกล้ชิดกับฆราวาสในบริบทต่างๆ?ที่เกินขอบเขตของความเป็นพระ?,และต้องระวังอย่าให้ฆราวาส(บางคน,บางกลุ่ม?)มาใช้ท่านมาเป็นเครื่องมือ?ในการหากินของเขา?..ให้มากๆ(?).. ดูแต่ลัทธิเชื่อมกล้วย,ยามมีปัญหา,ยังหวังเกาะโหนท่าน?เพื่อสร้างภาพบวก?ให้กับตัวเอง?เลย?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 20 ตุลาคม 2567 เวลา:2:43:24 น.
33.เราเห็นว่า..ตราบใดที่ท่านยังสวมจีวร?ซึ่งเป็นดุจธงชัยของพระอรหันต์.. ตราบนั้น..ท่านคือสัญลักษณ์แทนพระพุทธศาสนา.. ทุกอิริยาบถของท่านที่ปรากฏต่อสาธารณะ(หรือแม้อยู่ในที่ส่วนตัว?ก็ตาม?),ย่อมจะไม่มีคำว่าส่วนตัว??.. แต่ท่านต้องมีสมณะสัญญา?อยู่ตราบเท่าที่ท่านมีสติ,ตื่นรู้ตัวอยู่??.. การปฏิบัติใดๆของท่าน,ท่านต้องตระหนักเสมอว่า.. จะมีผลชี้นำ,ชี้ถูก,ชี้ผิด?,พาศาสนิก?ให้ขึ้นสวรรค์?หรือลงนรก?ไปด้วยกับท่าน?..ได้เสมอ(?)..
สังคมไทย(ไม่มีปราชญ์ที่แท้จริง?)จึงมักพูดกันอยู่มาก?(โดยเฉพาะภาคการเมือง?)ว่า.. การทำผิดศีลธรรมบางอย่าง?ของบุคลากรทางการเมือง?(บางคน)ถือเป็นเรื่องส่วนตัว?,ที่ไม่ควรไปว่าหรือตำหนิเขา?.. จริงๆแล้วนักการเมือง?และนักบวช?หรือนักการศาสนา?มีบริบทบางอย่าง?ที่คล้ายๆกัน?.. คือต่างแสดงตัวว่าจะทำเพื่อประชาชนส่วนรวม?เหมือนกัน(?)..
ดังนั้น.. เท่ากับบุคคล2ประเภทนี้เปรียบเป็นบุคคลสาธารณะ?เช่นเดียวกัน(?).. คือท่านเท่ากับเป็นคนของประชาชน,จะทำอะไรต้องรู้ว่า..ท่านอยู่ในสายตาของประชาชน?.. ดังนั้น..จึงต้องระวังการจะใช้คำว่า..เป็นเรื่องส่วนตัว?กันอย่างพร่ำเพรื่อ?,ให้จงหนัก?..
เพราะไม่ใช่เพราะพากันคิดเช่นนี้หรือ?.. จึงทำให้ภาคการเมือง?กลายเป็นแหล่งสะสมแห่งบุคคลคอร์รัปชั่น?,โกงกินบ้านเมือง?,และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว?กันอย่างมากมาย(?).. และแม้แต่ภาคศาสนา?ก็เต็มไปด้วยอลัชชี,สมี,ผู้ฉวยประโยชน์จากพุทธศาสนา?,ที่แม้ภาครัฐ?ก็จับไม่ได้,ไล่ไม่ทัน?,มีอยู่แทบทุกพื้นที่?,ทุกจังหวัด?เต็มไปหมด(?)..เช่นเดียวกัน?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 20 ตุลาคม 2567 เวลา:3:53:07 น.
34.(ชมรายการสัมภาษณ์ทนายด.,ช่องPPTV,20-10-67)..
(ณ วันนี้).. เรายอมรับว่าทนายด.พูดให้สัมภาษณ์ให้สติแก่ปชช.,ที่จะไม่หลงใหล,คลั่งไคล้ต่อเหล่าดวงดาว?(บางส่วน)ได้ดี..สุขุม,สุดยอดจริงๆ..
เพราะแม้แต่พระดังบางรูป?ก็ยังอุตส่าห์ไปช่วยพูดทำนองว่า.. อย่าถึงกับจะเอาพระบ๊อซ?สึกเลยนะ(?),โดยมองว่า..เขาเป็นกำลังของพุทธศาสนา?..ซะอย่างงั้น?.. เพราะปชช.บางส่วน?,เขาก็อาจมองว่า..ก็ท่านเป็นพระในระดับที่มียศชั้น?เหมือนกัน?,ก็อาจจะเข้าข้างกัน?.. ท่านจึงอาจมองไม่ออกว่า..พระที่สร้างภาพ?หรือพระหิวลาภ,ยศ,สรรเสริญ?(ที่ชอบอวยฆราวาสที่มีเงิน?,และประจบคฤหัสถ์ที่มีฐานะ?นั้นมีบุคลิก,ท่าที,การแสดงออก,การวางตัว?อย่างไร?..
จริงๆ.. จากอดีตที่ผ่านๆมา,แม้พระบางรูปจะไม่ผิดถึงขั้นปาราชิก?ก็ตาม,แต่แค่โลกะวัชชะ?,โลกติเตียน?,ปชช.ติฉิน?,แม้พระผู้ใหญ่ที่เป็นพระสังฆาธิการ?หรือตำรวจพระ?ก็สามารถใช้ดุลพินิจ?,เพื่อจัดการให้สึกออกไป?,ก็เคยมีให้เห็นอยู่?..ไม่ใช่หรือครับ?..(ใช่หรือไม่?)..
(แม้จะมีข่าวลือว่า..สื่อบางส่วน?,ทนายบางส่วน?,สว.บางคน?ชอบแทงสวน?ในบางเรื่อง?,ที่ดูค้านสายตาปชช.?,ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา,สายตาปชช.ส่วนมากถ้ามองเรื่องใด?,มักไม่ผิดพลาดอยู่แล้ว?.. คล้ายว่า..พยายามจะช่วยหาช่องทางรอด?ให้แก่บางฝ่าย?,ซึ่งอาจถูกปชช.บางส่วน?มองว่า..รับงานบางฝ่าย?มาก็เป็นได้?..หรือไม่?.. ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 21 ตุลาคม 2567 เวลา:2:41:48 น.
35.มีพระดัง2รูป?,พยายามมาพูดเข้าข้างกัน(?)(และมีโผล่สส.บางท่าน?,ที่เราเองก็เคยนับถือจุดยืนบางเรื่องของท่าน,แต่มาวันนี้กลับมาถือข้างพระดังบางรูป?เสียนี่(?)..น่าผิดหวังมากๆ?)..
จากประสบการณ์การศึกษาพุทธจากหลายสำนัก?มาก่อน.. อยากบอกว่า..เราเห็นว่า..หลักการพุทธไม่ได้มุ่งให้คนสะสมกิเลส,มุ่งหาเงินให้รวยมากๆ,หรือมุ่งมาเป็นเศรษฐี?,เพื่อเอาใจ,ตามใจต่อกิเลสมนุษย์??แต่อย่างใดเลย?.. เพราะหลักศาสนาพุทธคือ..การฝึกฝน,ขัดเกลาตนเองเพื่อให้รู้จักกับการมักน้อย,สันโดษ,อยู่อย่างพอเพียง..นั่นต่างหาก(?)..
ไม่เคยมีคำสอนในพตปฎ.ว่า..จงมารวยๆๆ?เหมือนกับสำนักชิตังเมโป้งรวยในอดีต?ที่เดี้ยงไปแล้ว?..นั่นไง?..แต่อย่างใดเลย?.. เพราะถ้าพระพุทธเจ้าหลงใหล,หรือยินดี,หรือส่งเสริมความร่ำรวย?,แล้วท่านจะทิ้งสมบัติมหาศาล?ในฐานะลูกกษัตริย์?,แล้วออกบวช,เพียงแค่ขออาหารบิณฑบาต?จากฆราวาส?มาเลี้ยงชีพ?..มาทำไม?..ได้อย่างไร?..(แต่ท่านสอนให้คนเห็นทุกข์จากการหลงโลก,หลงวัตถุ,หลงการมีเงินมากๆ?..นั่นต่างหาก(?)..(ใช่หรือไม่?)..
เราต้องมองโดยตรรกะที่ถูกต้อง?ว่า.. โลกนี้?,ไม่ว่าสังคมใด?ย่อมไม่สามารถจะทำให้ทุกคนเป็นเศรษฐี?ได้(?).. เพราะการมีเงินมากๆกว่าผู้อื่น?,ก็ย่อมเกิดจากการได้เปรียบโดยชั้นเชิงต่างๆ?,ไม่ว่าจะสีเทาๆ?หรือถึงสีดำ?เลยก็ยังมี(?).. ดังนั้น.. คนจำนวนมาก?ซึ่งเป็นเบี้ยล่าง?,หรือถูกเอาเปรียบเป็นประจำ?,ก็ย่อมจะไม่มีทางจะไปรวยเท่ากับคนที่อยู่ยอดปีรามิด?ได้อยู่แล้ว(?)..
ดังนั้น.. คนบางส่วน?ที่มีทัศนะมิจฉา?(ที่ไม่ใช่หลักการพุทธ?),ที่มุ่งหวังรวยมากๆ?ถ้ามีเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่?,ก็จะต้องมีคนจนกว่ามากๆ?ที่อยู่ส่วนล่างของปีรามิดของเขา?(ที่เป็นเบี้ยให้เขาเอาเปรียบ?หรือกินส่วนต่าง?)เพิ่มมากขึ้นอีกเป็นหลายร้อย,หลายพันเท่า?,หรืออาจเป็นล้านๆเท่า?ก็เป็นได้(?)(ถ้าเขาสามารถหลอกล่อคนได้มาก?,โดยที่ยังไม่มีใครจับผิด?,หรือเอาผิด?เขาได้?).. นี่เป็นแค่ตรรกะ(หรือสมการ?)ทางคณิตศาสตร์?แบบพื้นฐาน?,หรือแค่ตื้นๆเท่านั้นครับ(?)..
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 21 ตุลาคม 2567 เวลา:4:49:50 น.
(36.)ดังนั้น..พระพุทธเจ้าย่อมจะเอื้อเฟื้อ,เมตตาต่อคนหมู่มากอยู่แล้ว(?),จึงอนุมานได้ว่า..พระพุทธองค์ย่อมไม่มีทางสนับสนุนให้เฉพาะคนบางส่วน?(กลุ่มเล็กๆ)มุ่งมารวยจากการได้เปรียบคนส่วนมาก?(ที่รู้ไม่เท่าทันกลเกมส์ที่ฉลาด?ในเรื่องเงินต่อเงิน?อย่างแน่นอน?)..แน่ๆ?..
และเราเชื่อว่า..คำว่าหัวใจเศรษฐี?น่าจะเป็นการแปลที่ไม่ตรงความหมายของพระพุทธเจ้าจากอาจารย์รุ่นหลังจากพุทธกาล?,ซึ่งน่าจะไม่ใช่ความหมายที่ถูกต้อง?,เพราะพระพุทธเจ้าสอนอย่างชัดเจนว่า..เงินคืออสรพิษ?(ที่อาจฉกกัดเราได้?)..นั่นไง?..
ซึ่งเรามองว่า..คำว่า..อุ-อา-กะ-สะ?เป็นหลักการเพื่อสู่ความเจริญในฐานะฆราวาส(ทั้งทางกายภาพและทางจิตวิญญาณ)..นั่นต่างหาก(?).. ไม่ใช่ที่จะมาแปลลวกๆ?ว่าทางสู่ความรวย?(หรือหัวใจเศรษฐี?)แต่อย่างใด?..นั่นดอก?(?)..
แต่เรามองว่า.. อาจเกิดจากอาจารย์รุ่นเก่า?(หลังจากพุทธกาล?)ที่มองแบบบริสุทธิ์ใจที่รู้ว่ามนุษย์มีกิเลส?,จึงดึงเอาเรื่องกิเลสอยากรวย?มาล่อไว้เล็กน้อย?ไว้ก่อน(?)..คล้ายว่าเป็นกุศโลบาย?,เอาขนมอมยิ้มมาล่อเด็กเล็กๆ?..นั่นแหละ?..
หรือเหมือนที่พระพุทธเจ้าก็ยังใช้วิธีดึงเช็ง?(ถ่วงเวลา)ต่อเจ้าชายนันทะ,ซึ่งกำลังจะเข้าเรือนหอ?.. ประมาณว่า..ให้เจ้าชายนันทะเห็นว่า..มีนางสวรรค์?ที่สวยกว่านางชนบทกัลยาณี(ที่เป็นคู่สมรส)นี้อีกเยอะ(?),และที่สุดก็ดึงให้เจ้าชายนันทะรับปากบวช,และฝึกฝน,เคี่ยวกรรมท่าน,จนที่สุดท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์?..นั่นไง?..
นั่นก็เพื่อ..ประสงค์ดึงคนมาฟังธรรม?เพื่อเข้าถึงเนื้อแท้?..คือ..การหลุดพ้นจากความมีอัตตา,ตัวตน?และความวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารอันยาวไกล?,อันเต็มไปด้วยความทุกข์มหาศาล?..นั่นต่างหาก(?).. จึงอย่าพากันไปแปลอุ-อา-กะ-สะ?(หรือหัวใจเศรษฐี?")ให้เกิดความหมายที่ไปส่งเสริมกิเลส?,อันไม่ใช่แนวทางของพุทธ?แต่อย่างใดเลย?(?)..กันเลย?(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 21 ตุลาคม 2567 เวลา:4:56:58 น.
37.ขอฝากข้อมูลนี้.. ไปยังท่านพ.แห่งวัดสวนแก้วและท่านว...ด้วยครับ..
หลักการตัดสินพระธรรมวินัย ๘ ประการ.. มีดังนี้คือ..
ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ..
๑.วิราคะ ความคลายกำหนัด,ไม่ติดพัน,มิใช่เพื่อความกำหนัดย้อมใจ,การเสริมให้ติด
๒.วิสังโยค ความหมดเครื่องผูกรัด,ความไม่ประกอบทุกข์,มิใช่เพื่อผูกรัดหรือประกอบทุกข์
๓.อปจยะ ความไม่พอกพูนกิเลส,มิใช่เพื่อพอกพูนกิเลส
๔.อัปปิจฉตา ความมักน้อย,มิใช่เพื่อความมักมาก
๕.สันตุฏฐี ความสันโดษ,มิใช่เพื่อความไม่สันโดษ
๖.ปวิเวก ความสงัด,มิใช่เพื่อความคลุกคลีอยู่ในหมู่
๗.วิริยารัมภะ การประกอบความเพียร,มิใช่เพื่อความเกียจคร้าน
๘.สุภาตา ความเป็นคนเลี้ยงง่าย,มิใช่เพื่อความเลี้ยงยาก
ธรรมเหล่านี้พึงรู้ว่า..เป็นธรรม, เป็นวินัย, เป็นสัตถุสาสน์(คำสอนของพระศาสดา)..
ตรงข้ามจากนี้พึงรู้ว่า..ไม่ใช่ธรรม,ไม่ใช่วินัย,ไม่ใช่สัตถุสาสน์(ไม่คำสอนของพระศาสดา)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 21 ตุลาคม 2567 เวลา:5:39:33 น.
38.(ข้อมูลคำสอนเรื่องเงินคืออสรพิษ)..(ดังนั้น.. พุทธบุตรจึงไม่สมควรไปพูดเทศนา,ส่งเสริมให้ฆราวาสมุ่งหาเงินมากๆ,หรืออ้างเรื่องอุ-อา-กะ-สะ,หัวใจเศรษฐี?แบบผิดๆ..นะครับ?)..
เราอาจเคยทราบมาบ้างว่า ในศาสนาพุทธนั้น นักบวชหรือพระภิกษุสงฆ์ มีข้อห้ามที่ต้องถือปฏิบัติในเรื่องเงินทองอยู่ข้อหนึ่งนั้นคือ ห้ามรับเงิน หรือมีทรัพย์สินในครอบครอง เวลาใส่บาตร ญาติโยมก็ไม่สมควรที่จะถวาย เงิน หรือที่เรียกว่า "ปัจจัย" ให้แก่ท่าน เพราะหากท่านรับไป จะทำให้ท่านต้องอาบัติได้..
แต่เราอาจไม่รู้ว่า.. เพราะเหตุใด?.. พระพุทธเจ้าจึงตรัสมิให้ภิกษุรับปัจจัย(?).. เรื่องนี้มีปรากฏในพระไตรปิฎกอยู่ว่า...
พระพุทธเจ้าเปรียบเงินทอง เหมือนดั่งอสรพิษสำหรับภิกษุ ซึ่งปรากฏในคำภีร์ อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่5 ความว่า...
เช้าวันหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ไปพร้อมด้วยพระอานนท์ พระองค์เสด็จผ่านชาวนาทีกำลังไถนาอยู่ ชาวนาพักการไถนาแล้วถวายบังคม
พระพุทธองค์ทอดพระเนตรเห็นถุงเงิน ตกอยู่ไม่ไกลจากชาวนาจึงตรัสกับพระอานนท์ว่า อานนท์ นั่นอสรพิษ เธอเห็นไหม
พระอานนท์ ตอบ "เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย"
ชาวนาได้ยินพระพุทธดำรัส ที่ตรัสกับพระอานนท์ คิดว่ามีงูอยู่แถวนี้ ต้องฆ่าให้ได้ ทิ้งไว้จะทำอันตรายตน ว่าแล้วเราก็ถือปฏักไป สอดส่ายตามองหางู แต่ไม่เห็นมีงู ดูไป เห็นแต่ถุงเงินมากมาย เขาดีใจ รีบโกยดินกลบไว้ แล้วไถนาต่อไป
ถุงเงินนั้น ที่แท้โจรปล้นมาแล้วทำตกไว้ เจ้าของเงินเสียดาย เกณฑ์บ่าวไพร่ออกติดตาม สะกดรอยตามรอยเท้าชาวนา พาไปจนพบถุงเงิน จึดคิดว่าชาวนานี่แหละคือเจ้าโจรตัวดี จึงรีบจับไปส่งเจ้าหน้าที่ ทำตามกฎหมายเคร่งครัด ชี้โทษชัดให้ประหารชีวิต
ก่อนจะนำไปประหาร ชาวนาพร่ำพรรณาอยู่หลายหนว่า
อานนท์ เธอเห็นอสรพิษไหม เห็นพระเจ้าข้า
อานนท์ เธอเห็นอสรพิษไหม เห็นพระเจ้าข้า
เจ้าหน้าที่มีความประหลาดใจไต่ถาม ทำไมเจ้าออกนามพุทธอนุชา อสรพิษนั่นล่ะ อยู่ไหน
ชาวนาเล่าแจ้งแถลงไข อ้างพระพุทธเจ้าให้เป็นพยาน เจ้าหน้าที่จึงงดการประหารไว้ พาชาวนาไปเฝ้าพระราชา
พระราชาจึงไปกราบทูลพระพุทธองค์ว่าชาวนาอ้างพระพุทธองค์เป็นพยาน พระพุทธองค์จึงทรงเล่าเรื่องราวให้ฟัง ชาวนาจึงพ้นจากความตายโดยอาศัยพระกรุณา
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 21 ตุลาคม 2567 เวลา:6:16:45 น.
39.คำพูดเป็นนาย?.. ไม่ว่าฆราวาสหรือพระสงฆ์,นักบวชก็ต้องระวังให้ดี(?).. โดยเฉพาะเพศนักบวช?ยิ่งต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ.. สมมุติว่า..ข่าวบางข่าว?เป็นจริง(?)..ที่พระอาจารย์ท่านหนึ่งไปบอกพระลูกศิษย์ให้บอกกับชาวบ้านหรือสื่อว่า..เดินลงมาจากเขานะ?(ทั้งๆที่นั่งรถมา,แล้วมาลงก่อนถึงหมู่บ้าน?),อย่างนี้ก็เท่ากับโกหก?(?)..
ซึ่งไม่ว่าอาจารย์ท่านนั้น?จะมีเจตนาอย่างไรก็ตาม?.. อย่างน้อยอาจารย์ท่านนั้น?ควรต้องรีบออกมาขอโทษต่อสาธารณชน?ว่าทำผิดไปแล้ว? ,และต้องรีบชี้แจงเหตุผลด้วยว่ามีเจตนาอะไร?ที่ต้องโกหกเช่นนั้น?,หรือเป็นการสร้างภาพ?ให้คนเกิดศรัทธา?หรืออย่างไร?..
เราเห็นว่า.. คำพูดนี่นับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก,ถ้าพูดเป็น?,หรือพูดหลบเลี่ยงเป็น?ก็อาจทำให้พ้นผิดได้เช่นกัน(?).. แต่เป็นนักบวชควรต้องรักษาคำพูดให้ตรงไปตรงมาให้มากที่สุด(?).. บางคนก็อ้างว่าเป็นศิลปะในการพูด?,บางทีก็บอกว่าเป็นศิลปะจูงใจคน?.. ส่วนเรามองว่า..คำว่าศิลปะ?กับเล่ห์เหลี่ยม,เล่ห์กล?,บางทีก็แยกยาก(เหมือนเส้นบางๆ)(?)..
เคยมีครั้งพุทธกาล.. พระพุทธเจ้ามีเจตนาไปโปรดองคุลีมาลให้เลิกทำบาป?,จึงใช้อิทธาภินิหาร(เฉพาะกิจ),ไปเดินออกหน้าองคุลีมาล,แล้วทำให้องคุลีมาลวิ่งตามอย่างไรก็ไม่ทัน(?).. องคุลีมาลจึงตะโกนบอกว่า..พระหยุดก่อนๆๆ,ส่วนพระพุทธเจ้าก็ตอบกลับมาว่า..เราหยุดแล้ว..แต่เธอยังไม่หยุด..
องคุลีมาลจึงพูดต่อว่าพระพุทธเจ้าประมาณว่า.. เป็นสมณะ?มาพูดโกหกพกลม?ได้อย่างไร?,ก็เห็นท่านเดินอยู่,แล้วมาบอกว่าเราหยุดแล้ว?ได้อย่างไร?.. พระพุทธเจ้าจึงจะต้องรีบแก้ความสงสัยในทันที?ว่า.. ที่บอกว่าเราหยุดแล้วคือหยุดทำบาป,แต่ที่บอกว่าเธอยังไม่หยุดนั้นก็คือเธอยังไม่หยุดทำบาป,ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต?..นั่นไง?..ประมาณนี้ครับ?..
คือถ้าเจตนาใช้คำพูดเป็นศิลปะ?(ให้คนฟังฉุกคิด?),เพื่อช่วยคน,ก็จะต้องรีบไขความจริงของคำพูดนั้น?โดยไม่ชักช้า(?),จะให้เข้าใจผิดไปนานไม่ได้(?),เพราะจะเสียหายมาก(?)..ประมาณนี้(?)..ซึ่งพุทธสุภาษิตกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า..
นตฺถิ อการิยํ ปาปํ มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน.. ซึ่งแปลว่า..
คนที่ชอบพูดโกหก จะไม่พึงทำชั่วนั้นไม่มี..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 21 ตุลาคม 2567 เวลา:15:52:36 น.
40.เราได้ชมรายการคุยข้ามช็อต(21-10-67)เฉพาะคลิปทนายกุ้งและคุณอี้.. มีความเห็นส่วนตัวดังนี้ครับ..
(เฉพาะคุณกุ้ง,เราดูว่าเป็นหญิงแกร่ง,มีหลักการชัดเจน,จึงสามารถร่วมทีมกับทนายเดได้นะ..เราว่า.. ณ วันนี้)..
คลิปดังกล่าวนี้ถือว่าเจ๋งมาก,เป็นการคุยกันแบบผู้มีปัญญา(หรือเป็นผู้เป็นปัญญาชน),แบบสุภาพและมีมารยาทต่อกัน,นั่งอยู่ใกล้ๆกัน,แต่ไม่ใช้อารมณ์,วางท่าทีต่อกันได้ดีมาก,ทั้งๆที่ยืนอยู่คนละข้างของความเห็นเกี่ยวกับกรณีนักบวชบางท่าน?(ส่วนคุณเสถียร,วันนี้ก็เป็นพิธีกรที่ถามได้ดีมากๆ..เช่นกัน)..
มีกรณีให้คิดว่า.. บางท่านอาจมองบวก,แต่อาจมองใกล้,ไม่มองไกล(?)..(ขงเบ้งมีเหลี่ยม,กวนอิมมีเมตตามาก,แต่กวนอูยึดหลักเกณฑ์,หลักการ,ถูก-ผิด,ไม่โยกคลอน,คล้ายเปาบุ้นจิ้น.. ถามว่า..กรณีมองประโยชน์ยาวไกล?ควรยึดกับบุคคลใด??).. เพราะแม้แต่ประวัติศาสตร์ไทยยังมีคนอย่างพันท้ายนรสิงห์ผู้ยอมเสียสละชีวิตตน,เพราะคิดการณ์ไกล?,เพื่อประโยชน์ในภายหน้าของบ้านเมือง?เลย?..ใช่หรือไม่?..
ซึ่งทางพุทธมีเรื่องของอคติ4,ที่อาจเกิดขึ้นได้(?).. เช่น..อาจพูดมุมบวกอย่างเดียว?กับผู้ที่ตนเคารพ?,หรือพยายามปกป้องนักบวชบางท่าน?,เพราะเคยสัมพันธ์เชิงให้ความศรัทธากับท่าน?มาก่อน?..ก็เป็นได้?,จึงอาจเห็นแต่คุณของท่าน?,จนลืมมองไกล?ถึงความเสียหาย?,ที่อีกบางฝ่าย?.. เช่นที่ทนายเดอาจมองมุมต่างว่า.. นักบวชบางท่านอาจเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสม?,ที่อาจสร้างความเสียหาย?ต่อสังคมพุทธในอนาคต?ได้?..เช่นเดียวกัน(?)..หรือไม่?..
เพราะอาจต้องคิดว่า.. ที่บางกรณีว่า..ผู้เสียหายบางคนที่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย,ซึมเศร้า,ท้อแท้ท้อถอยในชีวิต,ครอบครัวแตกแยก?,แต่กลับมีนักบวชบางท่าน?ยังมีภาพไปสนับสนุน,รับรอง,ซึ่งท่านเป็นนักบวชที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นระดับปัญญาเยี่ยมยอด,รู้เรื่องโลกจินตา(โลกทัศน์)เยี่ยมยอด..
แล้วท่านจะไม่รู้เชียวหรือว่า.. องค์กรธุรกิจ?(บางองค์กร?),ที่ท่านไปรับนิมนต์,กล่าวชมเชยนั่นนี่นู่น?,พูดเป็นนัยว่า..อยากตื่นมารวย..ก็ต้อง....?(รวมทั้งรับเงินบริจาคจำนวนมาก?,และยังมีการถ่ายรูปรับรอง?ด้วยนั้น?),อาจจะ(หรือน่าจะ)เป็นธุรกิจทรงไดเร็ค?,หรือทรงลูกโซ่?,ที่เป็นธุรกิจเทาๆแบบเงินต่อเงิน?แน่นอน(?)..หรือไม่?..
และย่อมรู้?,หรืออันควรรู้?,หรือเป็นเจตนาเล็งเห็นผล?ว่า..เขาน่าจะต้องนำคลิปบางส่วน?เพื่อเป็นการไปแสดงภาพสนับสนุนธุรกิจของเขา?ต่อประชาชน?อย่างแน่แท้?..หรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
และอีกอนึ่ง..เนื้อหาที่นักบวชบางท่านเทศน์?,ก็น่าจะไม่ถูกหลักการ?,ที่ไปส่งเสริมให้คนมุ่งมาแสวงหาการมีทรัพย์มากๆ?(รวยๆๆ),ทั้งๆที่ท่านก็ต้องพอรู้ว่า..พระพุทธเจ้าเคยชี้บอกพระอานนท์ว่า..เงินคืออสรพิษ?อยู่แน่ๆ?..อยู่แล้ว?.. แต่ท่านก็ยังพูดส่งเสริม?ให้ฆราวาสไปหมกมุ่น?ในเรื่องการต้อง(ขวนขวาย)อยากรวย?,หรือกระตุ้นให้ต้องอยากมีเงินมากๆ?,ซึ่งผิดหลักการของพุทธแท้ๆ?อย่างสิ้นเชิง(?)..ด้วยทำไม?..
แต่เราเห็นว่า.. ท่านควรพูดส่งเสริมให้คนมาใช้ชีวิตแบบพอเพียง,พอประมาณ,มักน้อย,สันโดษ,อยู่อย่างขัดเกลา,ไม่เอาเปรียบผู้อื่นที่มากเกิน,จึงจะเป็นหลักการหรือวิถีทางของพุทธนั้นมากกว่า?..หรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
ซึ่งเราเห็นว่า..ทนายเด(เฉพาะ ณ วันนี้)เป็นผู้ที่มักพูดแบบค่อนข้างตรงไปตรงมา,และคุณอี้ก็เคยอยู่ฝ่ายเดียวกัน,กรณีต่อต้านลัทธิเชื่อมกล้วย?มาก่อน?..นั่นไง?.. แต่มาวันนี้.. เราไม่เข้าใจว่า..ทำไมจึงเหมือนยืนอยู่คนละฝ่าย?ที่เห็นไม่ตรงกันสุดกู่?(ในบางเรื่อง?)ไปเสียได้?..(เราก็เคยสนใจติดตามคุณอี้,ตั้งแต่เมื่อครั้งสัมภาษณ์ท่านพุทธอิสระมาก่อนด้วยนะครับ)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 22 ตุลาคม 2567 เวลา:4:17:58 น.
41.เราขอสรุปว่า.. สังคมที่คลั่งไคล้?(บ้า?)ในเรื่องวัตถุนิยม?.. ที่..ชีวิตนี้..มุ่งแต่ที่จะต้องมีรถหรู,ต้องมีบ้านหลังใหญ่,ต้องใช้ของแบรนด์เนม,ต้องมีเงินมากมาย,ต้องมีคนชื่นชมในความสำเร็จ?.. ก็คือ..
การต้องพยายามไปหลอกล่อ?ให้คนอื่นๆ?(แม้แต่คนที่ใกล้ชิดกับเรา?),ให้มาเป็นสมาชิกหรือลูกทีม?ที่ต่อจากเราไปเรื่อยๆเป็นทอดๆ,เพื่อให้เราได้ส่วนต่าง?,เปอร์เซ็นต์,หรือหัวคิว?จากเขาเหล่านั้น?,ด้วยเทคนิคการจูงใจ?,ด้วยการสร้างโปรไฟล์?ที่หวือหวา?,พิสดาร?,เพื่อที่สุดให้เขาเชื่อ?,ศรัทธา?,และยอมมาร่วมเป็นลูกทีมของเรา?,แบบเงินต่อเงิน?,ในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ?..
โดยไม่คำนึงถึงว่า..ลูกทีมเหล่านั้น?จะมีความสามารถไปหาลูกทีมต่อจากตัวเขา?,ด้วยวีธีตามแบบของเรา?ได้หรือไม่?..(คือ..ถ้าคุณทำเหมือนฉันไม่ได้..นั่นเป็นเรื่องของคุณ..ที่คุณต้องดิ้นรนแก้ปัญหาด้วยตัวคุณเอง.. หรือคุณก็ต้องรับกรรม,รับสภาพของคุณเอง..ซึ่งเราก็ไม่อาจจะรับผิดชอบใดๆกับชีวิตของคุณได้?..ประมาณนี้?..นั่นเอง?)..
ซึ่งสังคมแบบหลงวัตถุนิยม(Materialism)มักเป็นเช่นนี้เหมือนกันหมดทั้งโลก(?).. และเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง?,ที่ทำให้เกิดแนวโน้มของการฆ่าตัวตาย?,ที่มีสถิติสูงขึ้นเรื่อยๆ?,ในแต่ละประเทศในโลกด้วย(?)..
ปล.การจูงใจแบบลวกๆ,ไม่รับผิดชอบ.. มักอาจได้ยินคำโฆษณาชวนเชื่อ?ประมาณว่า..ฉันก็คน,คุณก็คน.. ถ้าฉันทำได้..คุณก็ต้องทำได้เช่นกัน?(ซึ่งตรรกะเช่นนี้..ไม่จริงเลย?).. ซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่ควรหลงเคลิ้มกับคำเหล่านี้?โดยเด็ดขาด(?).. อยากบอกว่า..กลับสู่ทางเกวียนสายเก่ากันเถิด..พี่น้องเอ๊ยยยย..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 171.97.73.202 วันที่: 22 ตุลาคม 2567 เวลา:6:44:03 น.
42.ปกติเราจะไม่ค่อยประเมินใครล้ำไปถึงอนาคต,เพราะมนุษย์อาจทำผิดพลาดในวันใดวันหนึ่งได้(โดยมากเราจะประเมินตั้งแต่อดีตจนถึงณ วันนี้..เท่านั้น).. ซึ่งเราเคยโพ้สต์(เมื่อ16-10-67)ว่า.. ณ วันนี้.. คนที่เราเห็นว่าฉลาดที่สุด(ในเรื่องสติปัญญา,ไหวพริบ,การพิจารณาเรื่องราว,การรอบคอบ)ในยุคนี้..ก็คือคุณณวัฒน์.. และจนถึงวันนี้(ที่เขาให้สัมภาษณ์ช่อง1,23-10-67).. คุณณวัฒน์ก็ยังคงครองตำแหน่งนี้สำหรับเรา..เช่นเดิม.. คือ..
กรณีที่สื่อหลายช่องชอบหาประเด็นถามผู้ที่เชิญมา.. เช่นว่า.. เขาบอกว่า..คนล้มอย่าข้าม?(ซึ่งจริงๆ.. การถามเช่นนี้..ประชาชนบางส่วนอาจเกิดคำถามว่า.. คุณรับงาน?หรือรับ....?มาจากใครหรือไม่?.. จึงชอบถามแบบเอื้อประโยชน์?หรือเข้าข้างคนผิด?..เช่นนี้?).. แต่คุณณวัฒน์ตอบประเด็นนี้ได้ดี,ใช้การเปรียบเทียบแบบย้อนศรเข้าตัวผู้ถามได้ดี,ชัดคม,ตรงใจเรามาก..(ซึ่งบางครั้ง.. การจัดการกับโรคร้าย?,ก็อาจต้องใช้ยาแรง?,จึงจะหายโรคได้ไงล่ะครับ?)..
ซึ่งเราอยากขอเสริมมุมคิดเพิ่มเติมบางอย่างว่า.. เช่น.. โทษบางอย่างของผู้ที่ทำผิดที่เป็นเรื่องเสียหายร้ายแรง.. แม้แต่คนในยุคประวัติศาสตร์ชาติไทยที่เป็นบรรพบุรุษของเราทุกคน,เขายังมีภูมิปัญญาที่ฉลาดมาก(ที่รู้เท่าทันจิตนิสัยของมนุษย์?)..
ซึ่งแม้วิทยาศาสตร์จะยังไปไม่ถึงเรื่องของDNAมนุษย์,แต่คนสมัยก่อนก็สามารถหยั่งรู้ธรรมชาติของDNAมนุษย์(โดยภูมิปัญญาที่ลึกซึ้งทางจิต),จนมีบทลงโทษต่อโทษที่ร้ายแรง,ถึงขั้น 7ชั่วคน?..นั่นไง?..(แต่เพราะสากลสมัยใหม่,โลกไม่ยอมรับ,จึงต้องถูกยกเลิกไป)..
นี่แหละ..จึงเป็นคำตอบว่า.. บางครั้ง..คำว่า..คนล้มอย่าข้าม?..บางทีก็ใช้ไม่ได้กับทุกๆกรณี?เสมอไป(?).. เพราะมนุษย์บางคนมีความกินลึก?,เห็นแก่ตัวจัด?ไปจนถึงระดับDNA?,จนไม่อาจแก้ไขอะไรได้ในชาติปัจจุบันนี้?อีกแล้ว?..ก็เป็นได้(?)..
เพราะสังคมไทยเป็นคนจิตใจอ่อน,ขี้สงสาร,ลืมง่าย,ชอบให้อภัยคนทำผิด,ซึ่งคนฉลาดแกมโกง?มักจะฉลาดอ่านรู้จิตใจคนไทยดี,จึงถือเป็นช่องทางให้กล้าทำผิดต่อคนส่วนรวม,ไม่ว่าจะอยู่ในภาคการเมือง,ภาคสังคม,และภาคศาสนาอยู่เรื่อยๆ..อย่างไม่สิ้นสุด,จึงทำให้มีคนที่กล้าทำผิด?แบบไร้จิตสำนึก?ต่อผู้ถูกเอาเปรียบ?มากขึ้นเรื่อยๆในสังคมไทย(?)..นั่นไง?..
แม้ในพุทธศาสนาเอง.. ก็ยังมีโทษปาราชิก(สำหรับภิกษุที่ทำผิดร้ายแรง).. คือ..ห้ามผู้ที่ทำผิดมหันต์กลับมาบวชใหม่ในชาตินี้อีกต่อไป..นั่นไงครับ?..(คือต้องรอไปเกิดใหม่ชาติหน้า,จึงจะบวชใหม่ได้..นั่นไง?)..
เพราะการทำผิดต่อคนจำนวนมาก,ซึ่งเป็นคนที่ฐานะด้อยกว่า,จนเป็นเหตุให้ครอบครัวของเขาเสียหายหรือล่มสลาย,ถือว่าเป็นคนที่มีจิตวิญญาณที่อำมหิตมาก?(ใจดำ?).. น่าจะแก้ไขให้ดีขึ้นอีกไม่ได้แล้วในชาตินี้(?)..ประมาณนั้นครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.112.174 วันที่: 24 ตุลาคม 2567 เวลา:6:18:46 น.
43.สรุปได้เลยว่า.. เงิน(หรือการเห็นแก่เงินมากๆ?)ทำให้คนทุกอาชีพ,ทุกสถานะ(ไม่ว่าฆราวาสหรือนักบวช),ที่ไม่ยึดหลักสัมมาทิฐิแบบพุทธ,ที่สุดจะกลายเป็นเสียคน,เสียเครดิต,เสียชื่อเสียงได้แทบทั้งหมด(?).. เราเห็นมีแต่อาชีพกสิกร(ระดับชาวบ้าน)เพียงอาชีพเดียวที่เป็นอาชีพที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ในทางศีลธรรม..เท่านั้น..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 30 ตุลาคม 2567 เวลา:22:32:07 น.
44.ปัญหาสังคมไทย..คือ.. การที่มีตำนานกึ่งนิยายเรื่องศรีธนญชัยและสามก๊ก(ซึ่งตรงกับจริตนิสัยของคนไทยตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา),ที่จึงมักเรียนรู้นิยาย2เล่มนี้,เพื่อที่จะนำมาเลียนแบบ(?)ในมุมความคิดชื่นชม?,มากกว่าการเรียนรู้เพื่อประณาม(?),ต่อต้าน(?)และที่จะต้องไม่ทำตาม(?)อย่างเด็ดขาด(?)..
ในมุมวิเคราะห์.. เราต้องยอมรับความจริงว่า.. คนไทยมีรากฐานความคิดของกระบวนการซิกแซ็ก?,เล่ห์เหลี่ยม?,ไม่ตรงไปตรงมา?(โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีนบางกลุ่ม?,บางคน?,ยิ่งมีคติซิกแซ็ก?,เล่ห์กล?ที่มีเชิงซับซ้อน?,ซ่อนเงื่อนมาก?,แบบที่คนไทยโบราณตามไม่ค่อยทันหรอก?)..
ซึ่งสื่อบางสื่อ?ที่เคยเป็นผู้นำประท้วงขับไล่นักการเมืองดังบางคน?(บางคน)และทนายมีปีก?(บางคน),ที่เวลาออกรายการผ่านสื่อก็มักโจมตีฝรั่ง(โดยเฉพาะฟากเมกา?)โดยพูดแทรกร่วมในรายการไปด้วย(?)..อยู่เป็นประจำ(?),ทำนองว่า..เมกาเป็นประเทศที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะ?,ไม่มีความจริงใจต่อประเทศใดๆ?..เลย(?)..(ประมาณนั้น?)..
[ประมาณว่า..หมาเล็ก?,ที่กล้าผยองเห่าหมาใหญ่?,ก็ให้ค่าว่าหมาเล็กตัวนั้น?มีเกียรติ,มีความกล้า(?)..ประมาณนั้น(?).. แต่จริงๆก็ไม่รู้ว่ามีวาระซ่อนเร้นส่วนตัว?อะไรหรือเปล่า?.. เพราะอย่างผู้นำนักประท้วงบางคน?ก็มีเชื้อสายจีน?(แบบเข้มข้น)ก็อาจลำเอียงเชียร์จีน?ซึ่งเป็นประเทศเชื้อสายเดียวกับตน?,จนออกสไตล์อคติต่อเมกา?อย่างเห็นได้ชัด(?),แต่กลับมุ่งเชียร์จีน?ซึ่งมักผลิตสินค้า20บาท?มาถล่มตลาดเมืองไทย,โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค?ใดๆเลย(?).. เพียงแค่หวังทำธุรกิจเพื่อค้ากำไร?,เพื่อส่งเงินกลับไปยังประเทศตนเอง?..เท่านั้น(?)..นั่นต่างหาก(?).. และนี่คือสไตล์จีน?..ที่สมองคิดแต่เรื่องธุรกิจค้ากำไร?เพื่อหวังความร่ำรวย?ให้กับเฉพาะกลุ่มเชื้อสายของตนเอง?..เท่านั้น(?)..หรือไม่?(?)]..
ทั้งๆที่..เท่าที่ผ่านมาในอดีต,เมกาก็ทำประโยชน์ที่เป็นคุณหรือมุมบวก(แม้เช่น..กรณีช่วยต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์?เพื่อรักษา,ประคองสถาบันเบื้องสูงของไทยให้ไปต่อได้?..นั้นก็ด้วย?)ต่อไทยอยู่เป็นจำนวนมาก..(หรืออย่างกรณีทับหลังนารายณ์ฯ..ที่สุดก็ส่งให้ไทยคืน..นั่นไง?)..
ซึ่งเราสังเกตว่า.. เมกาเขาจะไม่ค่อยอยากถือสาต่อประเทศไทย,ซึ่งเป็นประเทศเล็กที่เขาจะมาตั้งป้อม,เอาเรื่องเอาราวแบบจริงจังกับไทยอะไรมากมาย(?).. เรามองว่า..เมกานั้นมีจิตใจต่อไทยเปรียบเหมือนสุนัขพันธ์เซ้นเบอร์นาร์ดตัวใหญ่?ที่มีต่อสุนัขพันธุ์ไทยที่ตัวเล็กกว่า?,ในมุมของความเมตตา,เอ็นดู?,และไม่ค่อยอยากถือสาอะไร?..นั้นมากกว่านะ(?)..เราว่า(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:07:28 น.
45.คนใด?ที่รู้ว่าตนเองก็ไม่ใช่สะอาดแท้?,ก็ไม่ควรไปโจษท้วงผู้อื่น?ว่าเลว?.. แต่ถ้าต้องการช่วยสังคม?จริงๆ?.. ก็ควรไปกระซิบให้ผู้ที่ดูบริสุทธิ์กว่าตนให้เป็นผู้ดำเนินการโจษท้วง?ให้แทนจะดีกว่า(?)..หรือไม่?..
ซึ่งถ้าจะมีความประสงค์ของสื่อบางสื่อ?,ที่มุ่งไปร้องเรียนให้สภาทนายความ,เพื่อให้เร่งรีบจัดการกับทนายความบางคน?ว่าทำผิดมรรยาททนายความ?หรือไม่?.. ก็อยากบอกว่า.. ก็ควรไปร้องเรียนกับสภาหรือสมาคมสื่อสารมวลชน?ด้วยว่า.. ให้ช่วยดูแลสื่อบางสื่อ?ว่าใช่สื่อแท้?ที่มีจรรยาบรรณสื่อ?สมกับการเป็นสื่อ-ฐานันดรที่4อย่างแท้จริง(?)..ด้วยหรือไม่?..ด้วยนะครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา:23:45:06 น.
46.(จุดบอดสังคมไทย..อย่ากลัดกระดุมเม็ดแรกผิด?)..
ประชาชนทุกคน.. เราอยากขอให้ภาครัฐควรให้ได้รู้กฎหมายที่สำคัญ(ผ่านการเรียนรู้เริ่มจากการอบรมกฎหมายในระดับหมู่บ้าน),เพื่อจะได้ไม่ถูกใครมากลั่นแกล้งได้..
แต่ไม่ว่าใครก็ตาม?,ไม่ควรใช้ความรู้(มาก)ทางกฎหมาย?(หรือเทคนิค,ช่องว่างทางกฎหมาย)(เช่น..จากนักร้องเรียนบางคน?,หรือทนายความบางคน?,หรือเนติบริกรบางคน?,หรือนักทำบัญชีการเงินให้กับบางกิจการ,บางธุรกิจ,บางคน?,หรือสื่อมวลชนบางค่าย?,บางคน?),เพื่อไปหาช่องหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย?ในการทำทุจริต?,หรือเพื่อกลั่นแกล้ง?,ฉ้อโกงผู้อื่น?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2567 เวลา:0:39:39 น.
47.วิถีแมลงวัน?หรือการทำสื่อ?(บางส่วน?).. ประชาชนก็ต้องระวังว่า.. อย่าไปหลงใหลบุคลิกการนำเสนอข่าว?แบบขยี้ข่าว?ว่า.. เป็นพิธีกรสื่อที่เยี่ยมยอด?อะไรมากนัก(?).. คือ..
1.สื่อ?(บางส่วน?)ก็ถูกเปรียบเทียบว่า..คือแมลงวัน?,ที่ชอบตอมของเหม็น?นั้นก็ไม่ผิด(?),เพราะอาชีพเขา?มีมุมมอง?ที่ต้องเป็นเช่นนั้น(?)..หรือไม่?.. แต่อีกคำพูดหนึ่งที่มีการพูดกันถึง..ก็คือ..แมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวันด้วยกันเอง?,หรือสื่อมักจะไม่โจมตีผู้ที่ทำสื่อด้วยกันเอง?..ประมาณนั้น(?)..นั่นแหละ(?)..
2.สื่อบางส่วน?มักจะชอบอวยพิธีกรสื่ออื่น?ที่มีบุคลิกขยี้ข่าว?เช่นเดียวกับตน(?)(แต่เขาอาจเป็นนักวิชาการที่ดูสุภาพในการขยี้ข่าว?มากกว่าตน,ที่มักออกสไตล์เฟี้ยวฟ้าว,น่าตื่นเต้น?มากกว่า?..เท่านั้น?),หรือก็มักอวยบุคคลอื่น?(เช่น..อวยทแนะที่ชื่ออ.ว่าข้อมูลแน่น?เพื่อต้องการอ้างอิงข้อมูลจากเขา?,เพื่อนำมาเป็นประโยชน์เสริม?,ในการทำคอนเท้นต์ข่าวของตน?..เป็นต้น?..นั่นเอง?..เช่นกัน?)..ด้วยนั้น(?)..
แต่เชื่อเถอะว่า.. ถ้าเมื่อไหร่ที่มีข้อมูลว่าท่านนั้นๆ?(ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม?)ที่ตนเองเคยนำมาเป็นคอนเทนต์?มาก่อน?.. แต่ดันไปหลุดข้อมูล?ว่า..ก็เคยทำสิ่งที่ไม่เข้าท่า?หรือไม่ชอบมาพากล?มาก่อน(?)เช่นกัน(?)..เมื่อไหร่(?).. เราเชื่อว่า.. สื่อบางท่านนี้?,ก็จะลืมไปว่า..ตนเคยอวยเขามาก่อน?,แต่ตอนนี้..กลับจะนำมาตี?,ขยี้ข่าว?ต่อบุคคลที่ตนเองเคยอวย?,แบบไม่เลี้ยง?,เพื่อต้องการเรตติ้งคนดู?ของรายการของตนเอง?อยู่เช่นเดิม?..นั่นแหละ?..(เราว่านะ?)..
3.เหมือนกับที่"พิธีกรสื่อบางคน?"ก็เคยให้เกียรติต่อกรณีทนายต.,โดยอ้างว่าเคยรู้จักมักคุ้น(สนิทสนม)ในการทำข่าวมาก่อน,แต่มาวันนี้เมื่อ"เขามีข่าวฉาว?",ก็ทำเป็นพูดว่า..อย่าหาว่าไปพูดปกป้องเขา(ทนายต.)เลยนะ?..
แต่เท่าที่เราฟังดูกระแสเสียง?แล้ว?..ก็จริงๆไม่ได้ไปปกป้องอะไรหรอก(?),แต่แค่ต้องการแซะหาประเด็นข่าวในมุมต่างๆ?ของทนายต.แบบไม่ต้องเกรงใจ?มากกว่า?..(เช่น.. บอกว่าแต่เขายังไม่ผิดนะ,แต่สำนวน,สำเนียง?นั้น,ดูรุกขยี้มุมลบของเขา?อย่างจริงจังมากเลยนะ?..เราว่า?)..
เพียงแต่(อาจ)ต้องการทำให้ประชาชนหลงทาง?ว่า.. ตนเองก็พยายามออกตัวให้ทนายต.?ทำนองว่าเกรงใจทนายต.?อยู่นะ(?).. แต่เนื้อหาข่าว?นั้น,กลับเลือกขยี้แต่มุมลบ?,แบบคล้ายๆจะไม่ให้ได้ผุดได้เกิด?กันเลย?..ว่างั้นเถอะ?..(หรือไม่?)..
แต่อีกฝ่าย?ทีมีนัยยะที่คล้ายว่า..ต้องการหาช่องที่จะเสียภาษีให้น้อยที่สุด?..หรือไม่?(ซึ่งภาษาชาวบ้านจะบอกว่าหลบเลี่ยง......?)..นั้น(?),ก็ไม่เห็นจะพูดขยี้ในประเด็นนี้?(?)..แต่อย่างใดเลย?..(ใช่หรือไม่?)..
เพราะถ้ามองแต่มุมว่า..ทนายต.เป็นทนายสีเทา?.. ก็ควรจะตั้งประเด็นถาม?หรือขยี้อย่างเป็นธรรม?ให้เสมอกันทั้ง2ฝ่าย?ด้วยว่า.. ดังนั้น.. คนที่ร่ำรวยมากๆบางคน?(เช่น.. จากประเด็นที่บางคนถูกหวยล็อตโต้ต่างประเทศ?,ที่ยังไม่มีใครไปตามสืบสวนการได้มาซึ่งรางวัลนั้นๆ?นั้น?..เป็นต้น?)นั้น?.. ทำไม?..ถ้าตนเอง?เป็นคนมีจิตใจที่บริสุทธิ์,งดงามจริง?.. แต่ทำไมจึงเลือกที่จะไปใช้บริการกับทนายที่ตนเองมองว่าสีเทาๆหรือเอาทุกช็อต?,โดยคบหากันและบอกว่ารักมากๆ?(ซึ่งไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน?)มาเป็นเวลาตั้งหลายปีด้วยเล่า?.. ใช่หรือไม่?..
ดังนั้น.. เราจึงมองว่า..สื่อบางท่านนี้?ก็ไม่ได้sin .?กับผู้เป็นข่าวคนใด?อย่างถาวร(?)..หรอก(?),เพียงแค่ต้องการทำเพื่อเรตติ้ง?ให้กับรายการของตน?,เพื่อให้คนสนใจเข้าชมมากๆ?เท่านั้นมากกว่า(?)..หรือไม่(?)..
4.สมัยหนึ่ง..บางพิธีกรสื่อนี้?ก็พยายามไปโจมตีคุณตอ.ซึ่งเป็นผู้หญิงต่อสู้ชีวิตตัวเล็กๆ,หนัก40กว่าโล?(แบบไม่เผาผี?)อย่างหนักนาสาหัส(?)..เช่นเดียวกัน(?).. ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้..ก็เคยคบหาทำคอนเท้นต์ข่าวเรื่องของเธอ?อย่างมากมายมาก่อน(?)..เช่นเดียวกัน(?)..(ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา:8:42:40 น.
48.(สังคมไทย?เป็นสังคมที่โสโครก?ที่มีอยู่ในแทบทุกวงการ?,แทบไม่มีละเว้นเลย?,แตะตรงจุดไหน?,มักจะเจอตรงจุดนั้นเสมอ?.. ซึ่งพระพุทธเจ้าบอกอย่างชัดเจน.. ว่า.. คบคนเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น.. และเราอยากบอกว่า..คบสัมพันธ์กับกิจการเช่นไร?.. ก็จะเป็นคนที่มีอุปนิสัยที่ใกล้เคียง?กับกลุ่มกิจการเช่นนั้น?ด้วยเช่นกัน?..นั่นแหละ?)
ข้อสังเกต.. คือ.. ถ้าสื่อ2สื่อ?จริงใจต่อสังคมและประชาชน?อย่างแท้จริง?.. คือ.. 1.สื่อที่มีพิธีกรที่เล่าข่าว?แบบเฟี้ยวฟ้าว,ตื่นเต้น?.. 2.สื่อที่มีพิธีกรที่เป็นนักวิชาการเด่น?,ที่รู้กฎหมาย,มีการระวังตัว,และพูดจาแบบสุภาพ..
ซึ่งจะมีการนำเสนอเรื่องรปภ.?ที่ให้ข่าวว่า.. รถเบ๊นซ์13ล้าน?ที่พวกจีนเทา?เคยขับมาใช้บริการ(?).. ซึ่งตอนแรก..พิธีกรบางคน?จะให้ข่าวแบบเต็มปาก?ว่าเป็นจีนเทา?(?),แต่เพราะเขารู้กฎหมายดี?,จึงพูดตามหลังประมาณว่า.. รปภ.เป็นคนพูด?,แต่ตัวพิธีกร?ยังไม่ได้สรุปว่า..เป็นจีนเทา?อย่างแน่นอนนะ?.. เพราะเกรงว่า..จะเป็นการพูดข่าวแบบกล่าวหาบางฝ่าย?,โดยยังไม่มีหลักฐานชัดเจน?(เพราะอาจเกรงว่าตนเองอาจถูกฟ้องร้องได้?)นั้น(?).. เพราะเป็นแค่รปภ.?แล้วจะไปรู้รายละเอียด?,ล้วงลึก?ถึงขั้นเป็นจีนเทา?ประมาณว่า.. ถ้าพูดจีน?,แล้วจะต้องเป็นจีนเทา?เสมอไป?..ด้วยหรือ?.. ประมาณนั้น?..
เพราะถ้าทั้ง2ค่ายสื่อ?นั้น?.. ถ้าคุณจะต้องการเป็นสื่อที่ดี,มีคุณธรรม,ที่มุ่งทำเพื่อประโยชน์,เพื่อสังคม,และเพื่อประชาชนอย่างจริงใจ(?).. คุณก็ต้องไปตามต่อเนื่องด้วยว่า.. ที่รปภ.?อ้างว่าเป็นจีนเทา?นั้น?..จริงหรือไม่?..แค่ไหน?.. และถ้าเป็นจริง,และทางผู้ให้บริการ?ยอมให้มาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง?,และเขารับรู้ว่าเป็นจีนเทา?,และยังคงให้บริการต่อไปเรื่อยๆ?.. ทางผู้ให้บริการ?นั้นอาจเท่ากับเป็นผู้ให้การสนับสนุน?ต่อจีนเทาที่ไม่บริสุทธิ์นั้นๆ?..ด้วยหรือไม่?..
และต้องตามขุดคุ้ย?,ขุดค้น?ไปถึงระดับโรงแรมที่มีม่าน?(เพื่อมีเจตนาช่วยปกปิดคู่หญิง,ชาย?ที่มาใช้บริการ?ที่มีลักษณะสนับสนุน,เอื้อให้มีการทำผิดต่อหลักศีลธรรม?คือศีลข้อที่3กาเมฯ,ซึ่งมักจะลามไปถึงการมีส่วนทำให้สถาบันครอบครัวไทยล่มสลาย?.. ที่ทุกสื่อ?อาจต้องร่วมกันรณรงค์ให้ต้องให้ยกเลิกโรงแรมเช่นนั้น??..ด้วยหรือไม่?..
รวมถึงการต้องให้ยกเลิกรถติดฟิล์มสีดำสนิท?,รวมถึงกิจการอาบอบนวดทั้งหมด?,และการนวดทุกรูปแบบ?ที่แอบแฝงไปด้วยการค้าประเวณี?,และการมีเพศสัมพันธ์?ที่ไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม?(ศีลข้อ3กาเมฯ)นั้นด้วย?..หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา:10:12:18 น.
48.เรางงกับข่าวทนายต.ที่บางสำนักข่าว?(มากกว่า1สำนักข่าว)พยายามตีข่าวประมาณว่า.. รถเบ๊นซ์13ล้าน?โยงจีนเทา.. ประมาณว่า.. ทนายต.เอารถของเศรษฐีหญิงคนหนึ่ง?ไปปล่อยให้จีนเทา?เช่า?..หรือไม่?..
เสร็จแล้วอีกสำนักข่าวหนึ่งก็มาขุดว่า..ไปเห็นเบ๊นซ์ตัวเป็นๆคันนี้,ทะเบียนเดียวกัน?อยู่กับบ้านส.,ซึ่งเป็นภรรยา?ของนายน.อยู่เลย(?)..เมื่อไม่กี่วันนี้(?),ซึ่งพยายามโยงว่า..นายน.เป็นเพื่อนกับทนายต.(?).. แต่ข่าวก่อนหน้านี้(ไทม์ไลนสไตล์โคนัน)ก่อนที่บางช่อง?จะไปพบว่ารถอยู่ที่บ้านส.(ซึ่งเป็นเมียนายน.)นั้นน่ะ?.. แต่อีกช่อง?ก็ไปนำเสนอว่า..เศรษฐีหญิงดังกล่าว?บอกว่าได้รถมาคืนแล้ว?..นั่นไง?.. และยังขับไปมาในช่วงนี้อยู่เลย(?)..
ดังนั้น.. ถ้าจะพยายามเกี่ยวความสัมพันธ์?เชิงไทม์ไลน์ของข่าว?.. ดังนั้น..เศรษฐีหญิง?น่าจะสัมพันธ์เชิงรถเบ๊นซ์คันดังกล่าว?(ที่ใช้งานกันอยู่?)กับนายน.?หรือนางส.?มากกว่าทนายต.?,ซึ่งตอนนี้รถ?ก็ไม่ได้อยู่กับทนายต.?(จากไทม์ไลน์ข่าว?)แล้ว?..หรือไม่?..
แล้วทำไมจึงพยายามสืบเสาะให้รถคันนี้?ไปพัวพันกับทนายต.?ซะเป็นตุเป็นตะ?.. ซึ่งมันไม่เม้คเซ้นซ์?ตามหลักของไทม์ไลน์ ณ ปัจจุบัน?..เลยนะ(?)...เราว่านะ(?)..(คือ..เราแค่อยากช่วยเรียงไทม์ไลน์?ให้มันถูกต้องตามจริง?..เท่านั้นนะครับ?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา:11:46:14 น.
49.สังคมไทย..
1.จำนวนคนฉลาดทั้งหมดมีเป็นจำนวนมาก..
2.แต่คนที่ฉลาดแกมโกง(Fake)มีอยู่จำนวนหนึ่ง..
3.และคนฉลาดแกมโกงที่รอบคอบมีน้อยลงมาอีก..
4.แต่คนฉลาดแกมโกงที่รอบคอบ,ที่ทำเนียน,สร้างภาพว่า..ตนเองเป็นคนดี,นับถือคนดี,เป็นคนตรงไปตรงมา,ไม่เอาเปรียบใคร?นั้น..มีน้อยที่สุด(?)..
5.ส่วนคนฉลาดที่ดีสุด,เสียสละอย่างเดียว,ไม่เอาเปรียบใครเลย,มีชีวิตดุจดั่งพระอรหันต์นั้น..แทบหาไม่ได้เลย(?)..ในสังคมยุคนี้(?)..
6.แม้แต่อรหันต์ที่ยังไม่ละสังขารก็ถือว่า..ยังมีกิเลสที่ต้องดูแล,ปกป้อง,ห่วงใยสังขารตนเองอยู่เล็กน้อย,ที่เรียกว่าสอุปาทิเสสนิพพาน( =นิพพานที่ยังมีเศษเหลือ)นั่นไง(?)..
7.ส่วนอรหันต์ที่หมดสิ้นกิเลสอย่างสินเชิง,ก็คืออนุปาทิเสสนิพพาน( =ไม่เหลือเชื้อกิเลสใดๆเลย),ก็คือ..อรหันต์ที่ละสังขารแล้ว?เท่านั้น(?)..นั่นเอง(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2567 เวลา:14:37:00 น.
50.สังคมนี้ช่างวุ่นวายเสียจริง.. อดีตแกนพธม.ก็ทำท่าจะไปเปิดศึกกับทนายด... เรามองว่า..อดีตแกนพธม.ฉลาดแบบคนจีน,เพราะสมองคนเชื้อสายจีน?มักคิดได้ซับซ้อน?,ซิกแซ็ก?มากกว่าสมองคนเชื้อสายไทย?นะ?..เราว่า?.. เราเองก็เชื้อสายจีน,แต่เราชอบพูดตามตรง,ไม่ชอบเข้าข้างเชื้อสายตัวเอง,เราจึงค่อนข้างที่จะอ่านสมอง,ความคิด?ของบางคน?ออก(?),แต่พูดมากไม่ได้เดี๋ยวจะถูกฟ้องเอา(?).. เอาเป็นว่า..พูดกว้างๆก็แล้วกัน(?)(แกนพธม.ท่านนี้เคยปฏิบัติธรรมสายมหาบ.,เราเองก็เคยปฏิบัติธรรมสายสีกรักคลองกุ่ม..เช่นกัน)..
ส่วนทนายด.นั้น..เรามองว่า..แกค่อนข้างตรงไปตรงมา(แกติดกินไวน์),บางทีคนก็มองว่า..คนเมาไม่ค่อยโกหก?(เพราะสมองคน,เวลาเมาไม่สามารถคิดหรือสั่งการแบบซับซ้อนได้,คิดอะไรก็มักจะพูดออกมาเลย).. แต่สังเกตว่า..ทัศนะของทนายด.จะมีลักษณะอยู่กับความเป็นจริง.. ซึ่งความเป็นจริงก็คือสังคมมีทั้งเรื่องที่เข้าท่า?และไม่เข้าท่า?,แต่ก็ต้องยอมรับตามสภาพ?(เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดให้ได้).. คือ..ทนายด.แกไม่ชอบดราม่า?ว่างั้นเถอะ(?)..ซึ่งแกไม่ได้มีอุดมคติอะไรมากมาย?,แกพูดตามประสบการณ์ของแก,ซึ่งฟังไว้ก็ไม่เสียหลาย,นำมาใช้เป็นข้อมูลเพื่อให้รู้เท่าทันเรื่องราวในสังคมได้..เช่นกัน)..
ส่วนสายคลองกุ่มอย่างท่านจ.ก็ไปซัดกับอ.เบียร์และแพร์รี่.. เรามองว่า..สายคลองกุ่มมีทัศนะที่สุดๆไปอีกแบบหนึ่ง(?).. ซึ่งอ.เบียร์มองว่า..กิน-ซื้อ-ขายเนื้อสัตว์,ที่เราไม่ได้เห็น,ไม่ได้ยิน,ไม่ได้สงสัยว่าเขาฆ่าสัตว์นั้นๆมาเพื่อเรานั้นกินได้,ไม่ผิดตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า..
แต่สายคลองกุ่มมองว่า..แปลคำสอนพุทธผิด?,ที่จริงต้องแปลว่า..ไม่เห็น,ไม่ได้ยิน,ไม่สงสัยว่าสัตว์นั้นถูกฆ่ามา?(ไม่มีคำว่าเพื่อเรา).. ดังนั้น..สัตว์ที่ขายในท้องตลาด?นั้น,สายคลองกุ่มมองว่ากินไม่ได้เลย?ประมาณนั้น(?).. และยังบอกว่า..ศาสนาพุทธนั้นสอนเมตตา,ถ้ามีเมตตามากพอ,จะกินเนื้อเพื่อนได้อย่างไร?.. นี่เป็นทัศนะที่ต่างกัน?.. แล้วใครจะเป็นผู้ตัดสิน(?)..
และพระพุทธเจ้าก็ดันเปิดช่องว่า.. สัตว์ตายเองกินได้?(ทำไมไม่บอกไปเลยว่า..ชาวพุทธห้ามกินเนื้อสัตว์เด็ดขาด?,ไปเปิดช่องไว้ทำไม?,ให้ชาวพุทธรุ่นหลัง?มาทะเลาะกันเอง?,ซึ่งเราก็งงเหมือนกัน?).. และสมัยนี้มีเรื่องโรคระบาดสัตว์?ด้วย?.. ถ้าสัตว์ตายเอง?ใครจะกล้ากิน?(?)..(ใช่หรือไม่?)..
อีกกรณี.. เราเห็นด้วยว่า..ชื่อเบียร์?นั้นไม่เป็นมงคล?,เพราะฟังคำว่าเบียร์?เมื่อไหร่?,ก็จะนึกถึงการทำผิดศีลข้อ5ทันที?..(หรือชื่อกิ๊ก?ก็ไม่เป็นมงคล?,เพราะจะทำให้นึกถึงการเล่นชู้,ผิดศีลข้อ3กาเมฯทันที?..เช่นกัน?).. ซึ่งก็ไม่มีใครตั้งชื่อให้ตัวเองหรือลูกหลานว่านายเข่นฆ่า,หรือนายขี้โกง,หรือนายโกหก,หรือนายขี้เมาอยู่แล้ว?..ใช่หรือไม่?.. ประเด็นนี้..เราว่าท่านจ.พูดถูก,แต่ถ้าเน้นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล?,ก็ถือว่าอ.เบียร์ก็ถูกเช่นกัน(?).. อย่างกฎจราจรถ้าฝ่าไฟแดงก็ต้องผิดกฎหมาย,แต่ทางศีลธรรมก็ไม่ถือว่าผิด(?)..นั่นไง?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา:2:20:34 น.
51.อย่างท่านจ.เห็นด้วยว่า..ควรให้พระถีบจักรยานได้,แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับท่านจ.(ซึ่งแพร์รี่ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน),เพราะมองว่า.. มันจะงอกไปเป็นพระขับมอไซค์?,และพระขับรถเก๋ง?,รถปิ๊คอั๊พ,รถบรรทุก,รถแบ๊คโฮร์?วุ่นวายเต็มไปหมด.. คือสายคลองกุ่มเขาคิดละเอียด(?)(ซึ่งบางทีก็ลักลั่น,ถี่ลอดตาช้าง..ห่างลอดตาเล็น?,อย่างท่านพ.คลองกุ่มบางทีก็ยังร้องเพลงอยู่เลย,ยังขับรถแบบสวนสนุก,ยังรับเงินทั้งๆที่แอนตี้พระที่รับเงินอยู่เลย),ซึ่งบางที..สังคมก็มองว่าสายคลองกุ่มถือเคร่งไป(?)..
อย่างเรื่องเพศหลากหลาย?นั้น,คุณแพร์รี่ก็มองว่าไม่ควรเหยียดเพศ?ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล.. แต่ท่านจ.ก็มองตามหลักคลองกุ่มว่า..คนผิดเพศ,ทางพุทธห้ามบวช?.. แต่เราก็มองว่า.โลกนี้มันแปลก?.. สังเกตมั้ยว่า..คนผิดเพศ?ที่เป็นพิธีกรเด่นๆ,ฉลาดเกินคนทั่วไป,และประสบความสำเร็จในชีวิต(แบบเด่นดัง)มีอย่างมากมายในสังคมไทย.. ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น(?)..
แต่คลองกุ่มปฏิเสธเด็ดขาด,ไม่ให้บวชเลย,แทบจะไม่อยากคลุกคลีคบหาด้วย(?).. ไม่ว่าคนเหล่านี้?จะพูดดี,มีเหตุผล,และเป็นที่ยอมรับจากสังคม?..อย่างไรก็ตาม?.. สายคลองกุ่มจึงมีมิตรน้อยลง,เพราะปฏิเสธที่จะร่วมเสวนากับกลุ่มคนเหล่านี้?..นั่นไง?..
อย่างกรณีท่านจ.เคยขึ้นเวทีพธม.,และมีครั้งหนึ่ง..ก็เคยถูกมหาจ.ขอให้ลงจากเวที,เพราะพูดเนื้อหาที่ไปขวางลำ?กับแนวทางของกลุ่มพธม.,ซึ่งอาจทำให้วงแตกได้(?).. แต่ท่านจ.ก็พยายามแสดงออกว่า..ไม่ได้ถือสา,ถือโกรธอะไร?.. และอย่างแกนพธม.คนสำคัญที่มหาจ.เคยไปร่วมด้วย,ภายหลังแกนพธม.คนดังกล่าวก็มีคดีความเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัว?,แล้วก็ถูกจำขัง,ซึ่งบัดนี้ก็พ้นโทษไปแล้ว..
บางทีคนก็แปลกใจว่า..ท่านพ.แห่งคลองกุ่ม,ซึ่งลูกศิษย์ยกให้ว่าบรรลุสูงสุดแล้ว?,แต่ทำไมจึงไปถูกคนแดนไกล?พูดให้เชื่อ,จนไปให้การสนับสนุน,จนได้เป็นผู้นำ?,จนเป็นเรื่องมาถึงทุกวันนี้,ก็ยังไม่จบเลย(?).. รวมทั้งมหาบ.ที่ลูกศิษย์รวมทั้งแกนพธม.คนสำคัญยอมรับว่าเป็นอรหันต์,ก็ยังพลอยถูกคนแดนไกล?หลอกให้ไปสนับสนุนด้วย?..เช่นกัน(?)..
แล้วภายหลัง..ทั้งมหาบ.และท่านพ.คลองกุ่มก็มาชี้ซึ่งกันและกันว่า..อีกฝ่ายยังไม่ได้บรรลุอรหันต์?,แต่ที่สุดก็กลับถูกคนแดนไกล?"หลอกให้เชื่อว่าเขารวยแล้วไม่โกง?ทั้ง2องค์(?).. ส่วนแกนพธม.คนสำคัญ,เวลาทำรายการ,ก็จะมีรูปของทั้ง2องค์?,มาเป็นแบ๊คกราวน์(ทั้งๆที่ทั้ง2องค์ทะเลาะกันเอง)ด้วย.. เราจึงงงมากกับบริบทสังคมไทย?ว่า..มันช่างยุ่งเหยิงจนจับหลักไม่ได้?ว่า..ใครถูก?หรือใครผิด?กันแน่?.. อ้อ..ยังมีครั้งหนึ่งที่แกนพธม.คนสำคัญก็เคยส่งเสียงทะเลาะกันกับท่านพ.คลองกุ่มแบบส่งเสียงไปทางอากาศ?..ด้วยนะครับ(?)..
ส่วนทางโลก.. ทแนะอ.วันก่อนเห็นไปจับมือ,ตกลงคืนดีกับทนายต.,แต่เพียงไม่กี่วัน,ก็กลับมาทำซี่รี่ส์เปิดโปงทนายต.เหมือนเดิมอีกแล้ว(?)(ซึ่งสื่อก็พากันงงมากๆว่า..ตกลงจะคืนดีกัน?,หรือจะทะเลาะกันรอบใหม่?..กันแน่?)..
ส่วนหญิงร่ำรวยคนหนึ่ง?,วันก่อนๆบอกรักกันมากๆ?กับทนายต.,แต่วันนี้มองว่า..เอาทุกช็อต?.. ซึ่งไม่รู้ว่าถูกพิธีกรบางสื่อ?ที่ยอดฉลาดแบบนักวิชาการ?บางคน?,ถามนำแบบเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน?หรือเปล่า?.. จึงบอกว่า..สายไปที่จะให้อภัย?..
แต่ถ้ามองว่า..คนเคยรักมากๆนั้นจริงๆเป็นสีเทาๆ?,เอาทุกช็อต?,แล้วเรายังยอมคบกับคนเทาๆ?มาตั้งหลายปีนั้น.. แล้วเราน่าจะเป็นสีอะไรเหมือนเขา?ด้วยหรือไม่?..(จึงมาคบกันได้แบบกลมกลืนมาก?).. และถ้าเศรษฐีบางคน?เป็นคนที่เลิศประเสริฐจริงๆ?,ทำไมจึงมีชีวิตที่วุ่นเวียน,สาละวน?อยู่กับเรื่องหวยๆ?หรือสลากออนไลน์?(ทั้งๆที่เป็นเรื่องอบายมุข?ที่ต้องห้าม?ตามหลักของศาสนาพุทธ).. นี่เป็นแค่คำถาม,สำหรับสื่อบางสื่อ?ที่ชอบเลือกอวยเฉพาะบางฝ่าย?แบบยอมปิดตาข้างหนึ่งไว้?..เท่านั้นนะครับ?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 27.145.208.175 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา:3:18:08 น.
51.ฐานันดร4บางค่าย?ชอบใช้พลังของการส่งสาร?,เพื่อเลือกโจมตีเฉพาะต่อผู้เป็นข่าวบางท่าน?,โดยมักจะโจมตีแบบเลือกข้าง?(แต่ไม่ยอมพูดถึงมุมลบของอีกฝ่าย?เลย?,แต่จะหา"มุมชม"เพียงอย่างเดียว?)อย่างน้อย2ค่ายขึ้นไป(?)..
แต่ในบรรดาฐานันดร4ทั้งหลาย.. เราขอชื่นชมคุณภาคภูมิ(ณ วันนี้)ที่ให้ข้อมูล,ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เป็นข่าวแบบข้อมูลค่อนข้างครบและไม่มีอคติและไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัว(ซึ่งต่างจากบางค่าย)ครับ.. (ซึ่งเราติดตามและชื่นชมคุณภาคภูมิมานานมาก,เพราะคุณเป็นคนที่พยายามยืนตัวตรงอย่างน่านับถือมาโดยตลอด)..
ซึ่งบางเม้นท์ที่คุณเล่าเองว่า..แซะคุณภาคภูมิว่า..กำลังฟอกขาวให้กับบางคนที่เป็นข่าว.. ซึ่งเรามองคะเนว่า..อาจมาจากบริวารของบางค่าย?(ที่ชอบเลือกข้าง?โจมตีผู้เป็นข่าวที่เป็นฝ่ายตรงข้าม?อยู่เป็นประจำ),และสังเกตว่าจะชอบใช้คำว่าฟอกขาว?,เพื่อกล่าวหาผู้อื่นอยู่เรื่อยๆ(?)..ก็เป็นได้ครับ..(เพราะคนไทยไม่ได้กินหญ้า.. แต่คนไทยกินข้าว.. ดังนั้น..คนไทยจึงอ่านเกมส์ของบางค่าย,และจิตริษยา?ของพิธีกรที่เล่าข่าวบางคน?ออกได้ไม่ยากครับ)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา:4:40:18 น.
53.(วิเคราะห์ลักษณะ,ท่าทีของทนาย1คนและทแนะ1คน)..
1.ทนายที่เป็นข่าว(คนหนึ่ง):- มีลักษณะเป็นคนที่เชื่อมั่นตัวเองสูง,บุคลิกดี,พูดจาดี,สมองดี,จดจำดี,พูดเร็ว,พูดชัด,พูดคล่อง,พูดต่อเนื่อง,พูดแบบสบายๆ,หน้าตาไม่เคร่งเครียด,ไม่ติดขัด,รู้จักการพูดให้กระชับ,ให้คนทั่วไปฟังเข้าใจง่าย,ชัดเจนในข้อกฎหมาย..
แต่ก็เป็นคนที่มีจุดยืนบางอย่างเฉพาะตัว[คือไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นคนดีบริสุทธิ์แบบสายธรรมะเลยเสียทีเดียวนะ,คือเขามีแนวคิดบางเรื่องเป็นเฉพาะตัวของเขา(เช่น..วิธีการได้เงิน,ได้งาน,ซึ่งคิดว่าทำได้,ไม่ผิด,เป็นเทคนิคชั้นเชิงทางวิชาชีพ..เป็นต้น),ซึ่งอาจแตกต่างจากคนอื่นมาก]..
และกล้าเผชิญหน้ากับสื่อ,และตอบคำถามสื่อได้ดี,ได้ตลอด,แบบไม่ค่อยหลบสื่อ,ไม่กลัวสื่อ,(มีลักษณะชอบพูดตามจริง,พูดกี่ครั้งก็จะได้เหมือนเดิม,เพราะเรียนรู้ว่าถ้าพูดโกหก,พูดหลายครั้งมักจะไม่ตรงกัน,จะพูดตะกุกตะกัก,และที่สุดสื่อจะจับโกหกได้..ประมาณนั้น),เวลาพูดกับสังคมไม่มีทีท่าตกประหม่า,หรือเก้อยาก,ไม่อวดตัว,สายตาจริงใจ,มีเจตนาที่จะพยายามสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้มากที่สุด,และเรามองเห็นความพยายามของเขาที่จะพูดให้ตรงตามจริงให้มากที่สุด..
แต่เป็นคนจริงจังในการทำงาน,ไม่มีลักษณะดราม่า,หรือมโนสาเร่,ไม่มีลักษณะแอ๊คติ้งหรือFake,แต่สู้ด้วยหลักฐาน,เก็บหลักฐานเก่ง,รู้จิตวิทยาว่าควรจะจัดการกับเรื่องใด?,บุคคลใด?,เวลาใด?,อย่างไร?,จึงจะดีที่สุด,เพื่อให้กระทบ,หรือสร้างความบอบช้ำ,ขุ่นเคืองใจต่อบุคคลอื่นให้น้อยที่สุด..
มีความคมชัด,แม่นประเด็น,สมองไว,คิดลำดับวีธีการดำเนินเรื่องราวต่างๆได้แบบคล่องตัว,แบบมีความอัจฉริยะเฉพาะตัวอย่างหาตัวเปรียบได้ยาก..
คือเหมือนคนไม่มีแผนการซับซ้อนอะไรเลย,แต่เหมือนเห็นแนวทางจัดการในเรื่องต่างๆได้อย่างปลอดโปร่งชัดแจ้งแทงตลอด,จังหวะที่ไม่ควรปะทะก็จะไม่ปะทะ,และดูจะไม่ผูกพันพยาบาทกับใครเป็นพิเศษ,หรือพยาบาทต่อเนื่องยาวนาน,ถ้าจบเรื่องได้โดยง่าย,ก็จะรีบจบเช่นกัน.. เป็นคนที่เรียกว่าBorn to be(หรือมีพรสวรรค์เฉพาะตัว)..ประมาณนั้น
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา:7:31:46 น.
2.ทแนะ?(บางคน):- มีบุคลิกเชื่อมั่นตัวเอง,สมองดี,ท่าทางเซอๆ,พูดจาเนิบๆไปเรื่อยๆ,แต่บางครั้งก็พูดเสียงรัวๆ,คล้ายลิ้นพันกัน,ฟังไม่ค่อยชัด,บางช่วงก็พูดเสียงเบา,สายตาเหมือนมีม่านปกปิดความคิดภายใน(?),คล้ายกำลังกลบเกลื่อนบางสิ่ง(?),คล้ายมีลักษณะเก็บซ่อนข้อมูล,ความลับของผู้อื่น(?),เพื่อรอเวลาชำระบัญชี?(?)..
(ซึ่งแต่ก่อนเราเคยชื่นชอบว่าบุคคลบางคนนี้?ทำเพื่อประโยชน์ต่อสังคม,แต่หลังจากที่เคยมีข่าวว่าไปทำบางเรื่องที่ไม่เข้าท่า,ที่เคยเป็นข่าวดัง,ที่ไปบุก....?,เมื่อหลายปีก่อน,เราก็เลยคลายความศรัทธาไปเลย),และเป็นคนคล้ายมีแผนการบางอย่างซ่อนเร้น(?),แต่พยายามโฆษณาตัวเองว่าโปร่งใส(?)..
ซึ่งแต่ก่อน..เคยเป็นผู้ถูกเบียดเบียน?จากความเลวร้ายของระบบ,ระเบียบของสังคมไทย?,ก็เลยพัฒนาตัวเองมาจนกลายเป็นทแนะผู้รู้กฎหมาย?,จนเป็นนักร้องเรียนระดับแนวหน้าคนหนึ่ง?.. แต่มาวันนี้..กลับมีสิ่งที่ชวนให้ประชาชนสงสัยหลายเรื่อง(?),ซึ่งตนเองเคยเป็นผู้ถูกเบียดเบียนอย่างอยุติธรรม?มาก่อน(?).. แต่พอเรียนรู้ประสบการณ์ในมุมเหลี่ยมทางกฎหมาย?มากเข้า,กลับเห็นช่องว่าง?,จังหวะ?,เทคนิคทางกฎหมาย?บางอย่าง?.. เลยอาจพลิกตัวมาเป็นผู้เบียดเบียนผู้อื่น?แทน?..เสียเอง?..(หรือไม่?)..
ซึ่งบางบุคคลนี้?มีบุคลิกแปลกๆแบบคนจีน20ปีแก้แค้นไม่สาย?,ซึ่งมีอาการ(ลมเพ)เดี๋ยวเป็นมิตร?,(ลมพัด)เดี๋ยวเป็นศัตรู?(กับบางคน?),เดี๋ยวจับมือ(?),เดี๋ยวปล่อยมือ(?),เดี๋ยวคืนดี(?),เดี๋ยวเป็นศัตรูรอบใหม่(?),ทำให้ประชาชนสับสนในจุดยืนของคุณ?มากๆ,ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ?(?),ในจุดยืนที่ไม่มั่นคง?(?)ของคุณ(?)..
(ซึ่งที่ผ่านๆมา.. ก็มีระดับทนายบางคน?หรือนักร้องเรียนบางคน?,ที่แต่เดิมก็ดูจะเป็นคนที่มีอุดมการณ์เพื่อประชาชน?,หรือเพื่อความถูกต้องเป็นธรรม?มาก่อน,แต่ภายหลัง..เมื่อเข้าสู่วงจรอุบาทว์ของสังคมไทย?,ก็เริ่มเห็นช่องทาง?,ที่จะมีโอกาสได้เงินมาสู่ตัวเอง?.. เช่น..กรณีเงินติดรั้ว?,กรณีเงินเรียกเก็บเป็นกิโล?,กรณีเรียกเปอร์เซ็นต์,หัวคิวจากการช่วยเหลือ?,ฯลฯ..เพื่อให้ยุติเรื่องร้องเรียนต่างๆ?..มาก่อน?..อยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน?..ใช่หรือไม่?)..
แม้แต่ทแนะบางคนนี้?ก็เคยมีข่าวลือทำนองว่า..ชอบเคาะกะลาว่า..วันนั้น,วันนี้..จะแถลงเรื่องนั้น,เรื่องนี้..ไว้ล่วงหน้าหลายๆวัน(?).. คล้ายมีนัยยะเพื่อรอให้บุคคลเป้าหมาย?โทรมาเคลียร์เพื่อให้เรื่องจบ(?).. เพราะประชาชนก็ไม่ได้โง่นะ(?).. เขาฟังดูท่าที,สำนวนการสื่อสาร?ออกว่า..มีนัยยะ,วัตถุประสงค์อะไรซ่อนอยู่(?).. แต่บางทีพอถึงวันก็เงียบ,ไม่แถลงไปดื้อๆ(?),และไม่ยอมบอกเหตุผลอะไรด้วย(?).. จึงชวนให้คนสงสัยว่า..อาจมีน้ำหนักวัตถุเป็นกิโลๆไปตกอยู่ณ ที่บางแห่ง?..หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา:8:34:28 น.
54.อินฟลูเอ็นเซ่อร์หลายคนกำลังเต้นกันใหญ่?..เ พราะใครที่เลือกอยู่ฝ่ายผิด?จะต้องกลัวว่าจะขายหน้า?.. ต่างฝ่ายต่างเชียร์คนที่ตนเชื่อมั่นว่าเป็นฝ่ายถูก?.. แต่หนทางยังอีกยาวไกล?,(หวย30ล้าน,แม้จนบัดนี้ก็ยังไม่เสร็จสิ้น,สะเด็ดน้ำ?,คดีดิไอคอนเงียบเป็นเป่าสากไปเลย,หลังจากข่าวอ้อย-ตั้มระเบิดขึ้น?)..
ดังนั้น..ยุติธรรมที่ดีคือยุติธรรมที่รวดเร็ว?,เพราะชีวิตคนสั้นนัก?,แค่ราว60-70ปีเท่านั้น,ยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม,กระบวนยุติธรรมต้องอย่าให้ช้านักเลย?..
สังคมไทยกำลังถูกเขย่าแบ่งพวกว่า..ใครจะอยู่กับฝ่ายไหน?..ฝ่ายอ้อยหรือฝ่ายตั้ม?.. งานนี้..คนบางคนอาจต้องเสียคน?,ทนายบางคนอาจต้องเสียทนาย?,สื่อบางสื่ออาจต้องเสียสื่อ?.. และเราจะได้รู้ว่า..ใครจะเป็นเพชรแท้?,หรือใครจะเป็นก้อนถ่าน??.. หรือจะกลายเป็นดุจขี้เถ้า?ทั้ง2คน?..
ทางคริสต์จะใช้คำว่า..พระเจ้ากำลังฝัดร่อนมนุษย์?, สังคมต้องถูกเขย่า?,เกลือต้องถูกคนให้ปั่นป่วน,ละลายตัวอย่างเต็มที่,หลังจากนั้น..ก็จะเริ่มตกผลึก?เป็นก้อนผลึกทรงสี่เหลี่ยม?ที่สวยงาม?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา:11:27:21 น.
55.งานนี้ใครเข้าข้างฝ่ายผิด?เพราะอิงตามกระแส?.. คนนั้นต้องหน้าแตก??.. คัมภีร์ของคริสต์,บทปฐมกาลเตือนสติมนุษย์ว่า.. พระเจ้าสร้างโลก,สร้างมนุษย์,สร้างอีวาและอาดัม.. และอีวาเป็นหญิง(และหญิงคือธาตุมาร?)( =มารดา,มารยา,มายา),หญิงจึงมักเชื่อง่าย,หญิงอีวาจึงไปเชื่องูในสวนเอเดน,จึง,โดนงูหลอกเรื่องให้เด็ดผลไม้พิเศษ(ซึ่งพระเจ้าสั่งห้ามไว้)มากิน..
อีวาจึงไปบอกอาดัมต่อ,อาดัมเพราะเห็นแก่ภรรยาคืออีวา,จึงทำตามที่อีวาบอก.. ภายหลังพระเจ้ารู้เข้า,จึงสาปทั้งอีวาและอาดัมให้ต้องมีชีวิตที่ทนทุกข์อยู่ในโลก?จนกว่าจะตาย.. และสาปให้งูว่า..เมื่อไหร่ที่เจอกับคน,คนก็จะบี้หัวงูเสีย..นั่นไง?.. ดังนั้น..จึงอย่ามองว่า.. จะต้องคล้อยตามคำพูดของหญิงว่าต้องถูกต้องหรือเพศหญิงต้องเป็นคนดีเสมอไป(?)..เพราะหญิงทั้งหลายสื่อถึงอีวาที่ถูกงู(คือสัญลักษณ์ของมาร)หลอกเอาแบบง่ายๆ?..นั่นเอง?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา:12:12:31 น.
56.นักกฎหมายบางคน?ออกมาให้สัมภาษณ์ในบางรายการ?โดยมีเนื้อหาโจมตีนักกฎหมาย?ด้วยกันเอง(?).. เรามองว่า..นักกฎหมายบางท่านนี้?อาจไม่เคยได้ปฏิบัติธรรม?,หรืออาจปฏิบัติธรรมแบบไม่ลึกซึ้ง?,รวมทั้งพิธีกรบางรายการ?นั้นๆด้วย(?)..
เขาเรียกว่า..มองคน-มองธรรมะ?แบบไม่ลึกซึ้งถึงแก่น?,เพราะรีบด่วนไปสรุปว่า..ใครที่มีเงินจำนวนมาก?และเจียดแค่เงินบางส่วน?เพื่อบริจาคแก่ส่วนรวม?,แล้วจะต้องเป็นคนที่ดีเลิศเสมอไป(?)..(ซึ่งคริสต์ศาสนานำเสนอว่า..เงิน2สตางค์แดง?ของหญิงม่ายที่ยากจน?(ในข้อพระธรรมมาระโก12:41-44),ที่เต็มใจบริจาคให้กับศาสนา?,ย่อมมีค่ายิ่งกว่าเงินจำนวนมากของเศรษฐี?ซึ่งเจียดมาบริจาคให้กับศาสนาหรือส่วนรวม?แค่เพียงบางส่วน?เท่านั้นเสียอีก?..นั่นไง?)..(https://www.bible.com/th/bible/174/MRK.12.41-44.THSV11)
ซึ่งทั้งคริสต์และพุทธ?สรุปตรงกันว่า..ต้องไม่ประกาศชื่อผู้บริจาค?(อาจบอกแค่ว่าผู้ไม่ประสงค์ออกนาม?,จึงจะนับว่าค่อนข้างบริสุทธิ์?).. หรือต่อให้ไม่บอกชื่อเลย?ก็ตาม?.. แต่ถ้าผู้ที่ได้ปฏิบัติธรรมลึกซึ้งพอ?,ก็ต้องมองว่า..อาจเป็นเพราะการได้มาซึ่งเงินของบางคน?นั้น?,อาจมีเรื่องเทาๆ?ที่ไม่ต้องการให้ใครไปสืบค้นต่อ(?),ก็เป็นได้ด้วย(?)..
แต่เขาอาจแค่ต้องการทำบุญให้กับตัวเอง?,เพื่อประสงค์จะได้วิบากบุญในชาติหน้า?,ซึ่งแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังบอกว่าไม่ใช่ทานที่บริสุทธิ์?( =ทานที่ยังมีความมุ่งหวังประโยชน์มาสู่ตน?หรือสาเปกโข..นั่นเอง?)..
โดยเฉพาะ..พระพุทธเจ้าจะพูดถึงทรัพย์ที่ทำทานต้องเป็นทรัพย์ที่บริสุทธิ์?,ถ้าทรัพย์ที่ได้มาจากอบายมุข?.. เช่น..การถูกรางวัลล็อตเตอรรี่?(ซึ่งเป็นเงินที่ร่วมสมทบมาจากคนหมู่มาก?),ซึ่งเป็นเรื่องของอบายมุข,การพนัน?(เสี่ยงโชค?),ซึ่งศาสนาพุทธไม่เคยสนับสนุนอบายมุข?เลยด้วยนั้น(?),ยิ่งย่อมถือว่าจะไม่ได้บุญทานอะไรมากมาย?,หรืออาจไม่ได้เลยสักนิดเดียว?ก็เป็นได้(?)..
เปรียบดั่งไปปล้นเอาเงินของประชาชนจำนวนมาก?( =เงินบาป?),มาไว้แก่ตน?,แล้วจึงเจียดบางส่วน?ซึ่งเป็นเงินส่วนน้อย?,เพื่อมาสร้างภาพ?,โปรโมต?ว่า..ตนเป็นคนที่มีจิตใจที่เป็นบุญ?,น่ายกย่อง?เท่านั้น(?)..ก็เป็นได้(?)..(เปรียบเหมือนวัดโสเภณาราม?( =วัดสมมุติ?)ที่หญิงโสเภณี?หรือแม่เล้า?ร่วมกันเอาเงินบาปมาทำบุญสร้างวัด?,ก็อาจถือว่า..เป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยไม่บริสุทธิ์?,ที่ไม่ควรไปยกย่อง?,ให้เกียรติ?อะไรมากมาย(?)..ประมาณนั้น(?)..นั่นแหละ(?)..(ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2567 เวลา:14:29:36 น.
57.การให้ทานที่มีผลและอานิสงส์มากเป็นอย่างไร (ทานสูตร): หลักการทำทานที่ชาวพุทธส่วนมากไม่เคยได้ยิน..
ขอขอบคุณ...
https://www.youtube.com/watch?v=pTIdRvJR6B8
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2567 เวลา:14:40:07 น.
58.สัจธรรมของทนาย-ทแนะ(บางส่วน)ในยุคนี้(?).. คือ.. ไม่มีใครที่จะรักคนอื่นยิ่งกว่ารักตนเอง(พากันกระโดดหนีโม้ด?,ลืมความเป็นเพื่อนแทบทั้งหมด?).. ตรงกับพุทธวจนะว่า..ความรักอื่นเสมอดัวยความรักตนเองนั้นไม่มี( =นัตถิ อัตตะ สมัง เปมัง)..นั่นแล(?)..
น่าสมเพทมนุษย์ในโลกนี้?(โดยเฉพาะมนุษย์ในประเทศไทยบางส่วน?จังเลย?.. ดูหนังฝรั่งยังพอหามิตรแท้ได้.. เช่น..คนเหล็ก..นั่นไง?).. จึงมีคำกลอนสอนใจ(ไม่รู้ใครแต่งไว้)ว่า..
...เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง...
...เมื่อมัวหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา...
...เมื่อไม่มีหมดมิตรมุ่งมองมา...
...เมื่อมอดม้วย(หรือหมดท่า)..แม้หมูหมา(ยัง)ไม่(อยาก)มามอง...
หรือเขาว่า..เพื่อนกิน(สังสรรค์,เฮฮา)นั้นหาง่าย..แต่เพื่อน(ร่วม)ตายนั้นหา(ได้)ยากจริงๆ(?)..
หรือจะรู้น้ำใจเพื่อนแท้?,ก็ต้องดูตอนที่เราอับเฉา,ตกยาก?นี่แหละครับ(?).. และโคลงบทหนึ่งก็บอกว่า..
...เพื่อนกินสิ้นทรัพย์แล้ว...แหนงหนี...
...หาง่ายหลายหมื่นมี...มากได้...
...เพื่อนตายถ่ายแทนชี-...วาอาตม์...
...หายากฝากผีไข้...ยากแท้จักหา...
ปล..สาบานได้.. ทุกวันนี้.. เราจึงไม่อยากคบมิตรเลยแม้แต่สักคนเดียว.. เพราะทุกคนล้วนเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักก่อนสิ่งอื่นใด?(แทบ)ทั้งสิ้น(?)..เชื่อเราเถอะนะ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:0:34:37 น.
59.สังคมไทยต้องยอมรับว่า..เป็นสังคมที่ถูกมอมเมาด้วยฤทธิ์สุรา?มาแต่โบร่ำโบราณ,เป็นหลายร้อยหลายพันปี(?).. จึงทำให้DNAของคนไทย?อาจผิดเพี้ยน,จนทำให้จิตใจคนไทยอ่อนไหว?,นิยมเฮละโลตามกระแส?,ไม่มั่นคง,แต่โงนเงน,โอนเอน,ไปมาได้ง่าย(?)..เหลือเกิน(?)..หรือไม่?..
ดูแต่มักมีเรื่องแปลกๆอยู่เสมอ(?).. เช่น.. วันหนึ่งที่ทนายบางคน,ตอนทำเรื่องหวย30ล้านครูปรีชา,สังคมไทยก็ช่วยกันเชียร์ทนายบางคน,จนลุงจรูญเป็นฝ่ายชนะในที่สุด(?).. แล้วก็พากันหลงใหลได้ปลื้มกับทนายดังกล่าวกันอยู่พักใหญ่(?)..
และต่อมาก็มีเรื่องผู้กำกับถุงดำ?,ก็ทนายคนเดิมนี้ก็ได้รับความชื่นชมอีก(?).. แต่พอทิ้งระยะอีกไม่นาน,พอเกิดคดีกับทนายดังกล่าวในมุมลบ?(ซึ่งศาลยังไม่ได้ตัดสินถึงที่สุด).. ความที่เคยหลงใหลได้ปลื้มกับทนายคนนี้ก็กลับตกวูบหายไปหมด(?)( =อารมณ์ลมเพลมพัด,ไม่ชัดเจน?ในจิตใจของคนไทย?เอาเสียเลย?,คล้ายรักง่าย?,พอผิดใจก็เลิกรักง่ายๆ?)..
เราดูแล้ว..อารมณ์คนไทย?ช่างเป็นคนที่อ่อนไหว?,เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา?,ไม่คงที่?,ไม่มั่นคง?,ได้ง่ายเหลือเกิน(?).. ทำไมจึงไม่คิดว่า.. คนที่เคยทำสิ่งที่ทำให้คนไทยชื่นชม?มาในหลายๆคดี,หลายๆเรื่อง?,แล้ววันนี้..พอเขามีเรื่องมุมลบบางเรื่อง?เกิดขึ้นนั้น(และสื่อบางสื่อ?ก็พากันรุมขยี้?อย่างเมามัน?,ไม่ยั้งมือ?..อีกด้วยนั้น?)....
ก็เลยมีคำถามว่า.. แล้ววันก่อนๆ?และวันนี้?,คุณทนายคนนี้เขาใช่คนคนเดียวกันกับวันก่อนๆ?,ที่มีคดีที่ทำให้คนไทยชื่นชม?ในเรื่องก่อนๆ?..ด้วยหรือไม่?.. แต่ถ้ามองสรุปไปเลยว่า..วันนี้ทนายคนนี้เลวโดยสันดานมาตั้งนานแล้ว?.. ก็แสดงว่า..วันก่อนๆ..คนไทยก็ไม่ได้ตรวจสอบทนายคนดังกล่าวว่า..ในกรณีที่เขาได้เคยทำสิ่งที่น่าชื่นชม,เหมือนที่คนไทยพากันรีบรู้สึกชื่นชมเร็วเกินไป(?)(แบบมงคลตื่นข่าว?,อารมณ์หวือหวา?),โดยที่คนไทยน่าจะไม่ได้ตรวจดูคนให้นานๆ?อย่างหนักแน่น?(ก่อนรีบพากันแสดงความชื่นชม,เชียร์?)เสียก่อน?.. แล้วกีรีบไปชูเชิด,เชียร์?ไปก่อน?..หรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
แต่มาวันหนึ่ง.. เมื่อเกิดคดีความในมุมลบ?[โดยเฉพาะยิ่งถูกกระตุ้น,โจมตีจากสื่อบางสื่อ?(ที่มีวาระเคืองแค้นส่วนตัว?),และจากอินฟลูเอ็นเซ่อร์บางคน?(ที่มีลักษณะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง?)],ก็มาพลิกกระแส,ให้กลับกลายเป็นหน้ามือ-หลังมือ?,คล้ายว่า..อารมณ์คนไทย?ช่างถูกปลุกปั่น,ให้แปรปรวนได้ง่ายเหลือเกิน(?)..
จึงเป็นข้อน่าคิด?.. ที่แสดงว่า.. อารมณ์คนไทย?ก็ผิดพลาดมาตั้งแต่เดิม(?),ที่รีบด่วนไปชื่มชมทนายดังกล่าว(ตอนคดีหวย30ล้าน?และตอนคดีผู้กำกับถุงดำ?),โดยไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน?ในเทคนิค,ชั้นเชิง?ในการทำคดีดังกล่าว?(ของทนายคนนี้),ว่าบริสุทธิ์,โปร่งใส?อย่างแท้จริงหรือไม่?..เสียก่อน?..ด้วย?..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา:6:01:31 น.
60.เรามองว่า..กฎหมายไทยยังมีช่องว่าง?(ซึ่งอาจต้องมีการแก้ไขในภายภาคหน้า)อีกเยอะ?).. เช่นคำว่า..ผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหาย?นั้นบ้าง.. หรือยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย?..เป็นต้น(?).. นั่นคือ.. ไม่ได้แปลว่าจำเลยบริสุทธิ์?หรือไม่ได้ผิดเลย?..ใช่หรือไม่?.. แต่อาจแปลว่า..หลักฐานยังไปไม่ถึง?,จึงยกประโยชน์ให้ไปก่อนเฉพาะหน้า?..ก็เป็นได้?..หรือไม่?..
ซึ่งถ้าเป็นนิยายเปาบุ้นจิ้น,เท่าที่เราเคยดูมา.. เปาบุ้นจิ้นมักจะหาหลักฐานเอง?จนสะเด็ดน้ำ(?),จนจำเลยยอมจำนน?,และต้องยอมสารภาพออกมาเอง?ว่า..ตนเองได้กระทำผิดจริง?เสียก่อน(?).. เปาบุ้นจิ้นจึงจะตัดสินลงโทษ..แทบทั้งนั้น(?)..ใช่หรือไม่?..
ซึ่งก็มีข้อสงสัย..อย่างกรณีหวย30ล้านซึ่งได้ตัดสินไปแล้วว่าหวย30ล้านไม่ใช่ของครูปรีชา,แต่ถ้าวันนี้.. ถ้าครูปรีชาสามารถหาหลักฐานใหม่.. เช่นสมมุติว่า..มีการทำลายหลักฐาน(?).. เช่น..เรื่องซองพลาสติกที่ใส่ล็อตเตอรี่?,หรือเรื่องเบสโทรศัพท์?,หรือบริบทเรื่องกล้องวงจรปิด?ว่า..ตนเองได้ไปที่ตลาดจริง?ขึ้นมา(?).. แล้วจะขอรื้อฟื้นคดีหวย30ล้าน?ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง(?)..จะได้หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2567 เวลา:2:33:57 น.
61.สรุปถึงวันนี้..
1.ในสมัยที่ผ่านๆมา.. เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมาย?(บางส่วน,บางคน)มักถูกกล่าวหาว่า..ทำตัวเป็นคล้ายมาเฟีย?เรียกทรัพย์จากพวกที่มีพฤติกรรมสีเทาๆถึงสีดำ?.. ซึ่งมักตกเป็นข่าวมาโดยตลอด(?)..
2.มาถึงวันนี้.. ทนาย?-ทแนะ?-นักร้องเรียน?(บางส่วน,บางคน)ก็เริ่มถูกแฉ?หรือถูกเปิดโปง?ว่า.. เริ่มมีลักษณะคล้ายมาเฟีย?ที่มักจ้องเรียกทรัพย์จากทั้งผู้เสียหาย?(เหยื่อ?),และทั้งจากผู้ถูกข้อกล่าวหา?ที่มีลักษณะสีเทาๆ ถึงสีดำ?..เช่นเดียวกัน(?)..
3.อนาคต,อาจไม่นาน.. ฐานันดร4?(บางส่วน?,บางค่าย?),ก็อาจถูกกล่าวหาว่า.. เป็นแหล่งซ่องสุม?ของบรรดานักวิชาการผู้ตีเนียน?,และรอบคอบเพื่อปกป้องตัวเอง?,และเลือกข้าง?(บางคน),และนักรู้กฎหมาย?(บางคน)ที่มารวมตัวกัน?,เพื่อแสดงความเป็นฐานันดร4?ผู้ทรงอิทธิพล?(ที่ทุกองคาพยพ?ในสังคม,ต้องเกรงกลัวจนหัวหด?ไปหมด?,ไม่กล้าไปตอบโต้,ต่อสู้,หรือไปมีเรื่องใดๆด้วย),โดยมีพฤติกรรมชี้นำ?,ครอบงำสังคม?ในเรืองราวต่างๆ?,เพื่อประโยชน์บางอย่าง?ทั้งทางธุรกิจของกลุ่มตน?,และทางการเมืองในภาพรวมต่างๆ?,ให้เกิดขึ้นกับเฉพาะกลุ่มเครือข่ายของตน?.. ก็เป็นได้(?).. เราเชื่อเช่นนั้นนะ(?).. เพราะวันนี้..ก็เริ่มเห็นแสงสะท้อนลางๆ?จากฐานันดร4บางค่าย?(มากกว่า1ค่าย?),ที่เริ่มแสดงเพาเว่อร์?หรือศักยภาพการนำเสนอ?ในการชี้นำ?,ครอบงำสังคม?ออกมาบ้างแล้ว(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.16.152 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2567 เวลา:5:25:32 น.
62.โปรดคอยชม... ศึกชนช้าง.. ระหว่าง..มุมน้ำเงินลุงสมองคนจีนค่ายเจ๊กกบฏ......VS......มุมแดงน้าเดชเดโชสมองพันท้ายค่ายไทยลูกทุ่ง... งานนี้..การันตีความมัน(?)..แน่นอนพะยะค่ะ(???)..
ปล..งานนี้..ไม่มีใครดี100%..หรือเลว100%.. แค่จะมาพิสูจน์ว่า..ใครเลวน้อยกว่ากัน?..เท่านั้นครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2567 เวลา:23:41:11 น.
63.สังคมไทยนี้?(ติดตลกมากไปหรือไม่?).. เห็นบ้านเมืองเป็นเรื่องของการเล่นขายของ?.. มีการพูดว่า..ไปแค่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบางยี่ห้อ?,และยังช่วยโฆษณาว่า..โออิชิ,อูมาอิ,อูมามิ?..อีกด้วย(?)..
ขอถามประชาชนทั้งประเทศ? ..ว่ามันเม้คเซ้นซ์?หรือไม่?.. ตกลงวาระประเทศไทย?จะเอากันอย่างนี้?..แค่นี้?..ใช่ไหม?..
ทุกคนก็ต่างรอชมซี่รี่ส์ละครหลัง2ทุ่ม?จนเป็นนิสัย(?).. คล้ายว่า..รอดูฝ่ายการเมือง?(บางส่วน?)ว่า..เขาจะทำอะไรกับประเทศไทย?,กันแบบประชาชนแค่เป็นคนนั่งดูเฉยๆ?.. จะหาพันท้ายนรสิงห์2?สักคนเดียว(?)..ก็ยังมองไม่เห็น(?)..
เราดูแล้ว.. สังคมที่หลงใหลวัตถุนิยม?,และเทคโนโลยี่ผ่านมือถือ?,ทำให้ทุกคน?(ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม?),ล้วนมีวาระประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่?,หรือต้องมาก่อน?(ไม่สนสี่สนแปด?)กันแทบทั้งนั้น?..(นี่มั้ง?..ฝ่ายการเมืองบางส่วน?,เขาจึงได้นึกกระหยิ่ม,ยิ้มย่องว่า..จะทำอะไรกับบ้านนี้เมืองนี้ก็ได้?..นั่นไง?).. ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:16:23 น.
64.สื่อบางสื่อ.. เช่น..สื่อรายการโหนฯนั้น,เรามองว่า.. เป็นสื่อที่ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา(ไม่เลือกข้างใดๆเลย).. เพราะมักจะเชิญคู่ขัดแย้งมาชี้แจงกันทั้ง2ฝ่ายอยู่เสมอ.. แต่สมมุติว่า.. เกิดถ้ามีบางสื่อ?ที่ดูคล้ายจะออกหน้า?เป็นตัวตั้ง,ตัวตี?เพื่อผลประโยชน์?ของคู่ขัดแย้งบางฝ่าย?(หรือเหมือนรีบตัดสินแทนศาล?ไปก่อน?)โดยเฉพาะ(?)..เท่านั้น(?).. เราเห็นว่า..ถ้าเกิดเหตุการณ์สมมุติดังกล่าว(?).. เราคิดว่า..สื่อที่ดีไม่น่าจะวางตัวเช่นนั้น(?)..ใช่หรือไม่?..
ยิ่งถ้าภายหลัง..เกิดมีหลักฐานว่า..เจ้าของสื่อบางสื่อ?หรือคนใกล้ชิดแวดล้อม?(อาจ)ได้รับค่าตอบแทน?จากบางฝ่าย?(ไม่ว่าจะก่อน?,ในระหว่าง?,หรือหลังคดีเสร็จสิ้น?..ก็ตาม?),ซึ่งเป็นเหตุแห่งการนำเสนอข่าวด้านเดียว?,แบบเข้าข้างบางฝ่าย?(เพื่อชี้นำทางคดี?")นั้น(?)..
ซึ่งประชาชนบางคนย่อมอาจคิดได้ว่า.. หลังจากคดีความเสร็จสิ้น?,ถ้าเป็นผลบวกต่อข้างที่สื่อนั้นสนับสนุน?,และออกตัวแทนบางฝ่ายอย่างมากมาย?,เต็มสตรีม?.. ก็อาจได้รับการโปรยรางวัล?(หรือได้รับของกำนัล?),เพราะฐานะของฝ่ายที่สื่อนั้นไปเข้าข้าง?นั้น?,เป็นผู้มีเงินมาก?และดูจะใจดี,ใจกว้าง?ด้วย(?)..ก็เป็นได้(?)..หรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
แสดงว่า.. สมมุติว่า..ถ้ามีการทำสื่อ?ของบางสื่อ?ที่อาจมีลักษณะทำสื่อโดยเลือกเข้าข้าง?เฉพาะบางฝ่าย?นั้น(?).. ก็อาจเป็นการทำสื่อที่ไม่บริสุทธิ์?(?)..ก็เป็นได้(?)..หรือไม่?.. ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น?.. น่าจะเข้าข่าย(?)ที่เป็นการทำผิดจรรยาบรรณ?ของการเป็นสื่อ?..ด้วยหรือไม่?.. และกสทช.ก็ควรต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องจรรยาบรรณของสื่อบางค่าย?..ด้วยหรือไม่?.. ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:38:25 น.
65.มีคำถามเพิ่มเติมอีกว่า.. การที่มีสื่อบางสื่อ?(มากกว่า1สื่อ?)ที่แสดงตัวแบบที่ประชาชนผู้รับสารรู้สึกได้ว่า.. เหมือนท่านกำลังแสดงตัวเป็นศัตรู?กับคู่ขัดแย้งทางคดี?กับเฉพาะบางฝ่าย?(ซึ่งอาจเคยมีเรื่องไม่กินเส้นกันมาก่อน?),และคล้ายพยายามหาข้อมูลอย่างขะมักเขม้น?,เต็มที่?,จริงจัง?ผิดสังเกต?,เพื่อสนับสนุนเฉพาะกับบางฝ่าย?นั้น(?).. ถือเป็นสื่อที่ดี?,ที่มีจรรยาบรรณที่ถูกต้อง?..ได้หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา:23:01:20 น.
66.สรุปส่วนตัว ณ วันนี้.. แมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน(หรือเสือย่อมไม่กินเนื้อเสือ)ด้วยกันเอง(?).. หรือสื่อย่อมไม่กล้าขุดความไม่ชอบมาพากลของสื่อบางค่าย?ด้วยกันเอง(?).. เพราะอาจกลัวว่า.. เมื่อไปขุดเค้า..ก็อาจถูกเค้าขุดคืนได้(?)..
และทนายหรือทแนะบางคน?ก็มักจะไม่อยากไปตอแยกับทนายหรือทแนะ?ด้วยกันเอง(?).. ทั้งๆที่ต่างก็อาจพอรู้?,หรือกุมความลับ?,หรือวิธีการ,เทคนิค,ชั้นเชิงในการหาทรัพย์?ของทนายหรือทแนะคนอื่นๆ?(ที่อยู่ในวงการเดียวกัน?)อยู่อย่างมากมาย,หลายแง่,หลายมุม,หลายเรื่อง,ก็ตาม(?).. แต่ก็ไม่ยอมพูดถึง(?)..
ดูแล้วทนายหรือทแนะบางส่วน,บางคน?ก็ดูจะไม่ค่อยจริงใจต่อประชาชน?,หรือจริงใจต่อสังคมประเทศชาติ?กันซักเท่าไหร่นัก(?).. เพราะถ้าไม่กล้าเปิดเผยพฤติกรรม?ของทนายหรือทแนะบางคน?ที่ไม่ค่อยดี(?).. ทนาย,ทแนะเหล่านั้น?เขาก็ย่อมจะหากินด้วยวิธีเทาๆ?(ตบทรัพย์?)กันได้ต่อไปอีกเรื่อยๆ(?)..
ดังนั้น.. เราจึงมองว่า.. ทนาย,ทแนะบางส่วน?ที่ไม่กล้าเปิดเผย,เปิดโปงทนาย,ทแนะ?(บางส่วน)ด้วยกันเอง(?),ทั้งๆที่รู้ความลับ?ของทนาย,ทแนะบางส่วน?ที่เลวๆ?เหล่านั้น?.. ก็แปลว่าคุณก็น่าจะเป็นทนาย,ทแนะ?ที่มีบาดแผลที่สันหลัง?เช่นเดียวกัน(?)..
แต่ทนาย,ทแนะบางส่วน?ที่กล้าเปิดเผยทุกเรื่องราว?ในสังคม,ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมือง?,หรือวงการพระสงฆ์?,หรือวงการทนาย?,หรือแม้แต่วงการสื่อ?,ฯลฯ,โดยที่ไม่มีลักษณะเกรงกลัวใดๆเลย(?).. เช่นอย่างทนายด.เป็นตัวอย่าง(?)..เป็นต้น(?)..
ซึ่งเรามองว่า.. ถึงจะรู้ว่าไม่มีทนายคนใดที่บริสุทธิ์100%?ทั้งหมดก็ตาม(?).. หรืออย่างน้อยในอดีต..ทนายบางคน?อาจจะเคยมีผิดพลาด(?).. แต่ ณ วันนี้..อย่างน้อย.. สิ่งที่ทนายบางคน?เค้ากล้าพูด?,กล้าเปิดเผย?,กล้าเปิดโปงแทบทุกเรื่อง?(แบบที่ไม่ทำลับๆล่อๆ?)อย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพลอะไร?ใดๆเลยนั้น(?).. ย่อมนับว่า..เป็นอเนกคุณหรือคุณูปการต่อประชาชนและสังคมประเทศชาติอยู่ไม่น้อยเลยนะ(?)..เราว่านะ(?)..(ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2567 เวลา:1:31:35 น.
67.(ความคิดเห็นจากผู้ชมข่าวในเรื่องที่มีการปล่อยคลิปคนดังบางคน?,เหมือนว่ามีการเรียกตบทรัพย์?)..
มีคำถามว่า..ใคร(แอบ)อัดคลิป?..ใครปล่อยคลิป?..มีประสงค์อะไร?,มีความแค้นอะไรจึงปล่อยคลิป?.. เราคิดอนุมานหรือคะเนเอาเองว่า.. คนดังบางคน?ที่รับงานจ้างโปรโมต?อาจเคยออกรายการ?หรือพูดแสดงความเห็น?ถึงเรื่องบางบริษัทที่มีแผนธุรกิจที่แปลกๆ?..ใช่หรือไม่?..
และก็คล้ายว่าคนดังคนนี้?ก็ยังเคยรับงานโปรโมตพรรคการเมืองบางพรรค?ให้กับหญิงที่เคยร้องเรียนต่อธุรกิจแปลกๆ?,รวมทั้งธุรกิจแปลกๆรายล่าสุด?อีกด้วย(?)..
ภายหลัง..เจ้าของธุรกิจแปลกๆบางคน?จึงอาจอยากแก้เผ็ด(?),จึงอาจวางแผนส่งนกต่อบางคน?,เพื่อมาทำทีว่า..จะขอให้ช่วยโปรโมตบริษัทของตน?,เพื่อแก้ภาพลักษณ์ของธุรกิจ?,และมีการพูดนำทางก่อน?,ประมาณว่า..มีเรื่องงบโปรโมต?ของบริษัทธุรกิจแปลกๆดังกล่าว?ที่อนุมัติแล้ว(?),ประมาณเท่านั้น,เท่านี้กิโล(?)..
แล้วต่อมาอีก.. ก็มีการถามนำ?แบบถามทวน?,คล้ายต้องการให้ผู้รับงานโปรโมต?นั้นตกหลุม?,เพื่อให้เอ่ยตัวเลขดังกล่าว?นั้นอีกรอบ(?),และรวมทั้งเผยแผนการโปรโมต?,เพื่อตั้งใจจะอัดเสียงไว้?,เพื่อมาตลบหลังในภายหลัง?,เพื่อการแก้แค้น?,กับทั้งผู้รับงานโปรโมต?ที่เคยพูดให้สังคมระแวง?,ในธุรกิจแปลกๆของตน?,และนักร้องเรียนหญิงบางคน?,ที่เคยรวบรวมผู้เสียหายมาร้องเรียนบริษัทของตน?,รวมทั้งแก้เผ็ดต่อพิธีกรดัง?,ที่ชอบเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายบางคน?,มาร้องเรียนบริษัทของตน?ในรายการ(?),ซึ่งมีผลกระทบกับธุรกิจแปลกๆของเขาด้วย?..
จึงเป็นแผนที่คล้ายเรียกว่า..ใช้กระสุนนัดเดียวได้นก3ตัวพร้อมๆกัน?(ในคราวเดียว?)..ประมาณนั้นหรือไม่?.. เพราะดูลักษณะโหงวเฮ้ง?ของเจ้าของบริษัทดังกล่าว?.. ก็มีหลายคนมองวิเคราะห์ว่า..เป็นคนที่มักมีบางอย่างในใจที่ซับซ้อน?,ลี้ลับ?มากกว่าบุคคลทั่วไป?อยู่แล้ว(?).. นี่เราแค่วิเคราะห์ส่วนตัวเท่าที่ฟังจากข่าวเท่านั้น.. ซึ่งเราอาจจะวิเคราะห์ผิดก็ได้นะครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2567 เวลา:20:48:23 น.
68.อุทาหรณ์ของปลา?.. มีมั้ย?..ปลาตัวไหน?ที่ไม่ยอมติดเบ็ด??( =จะกินแต่เหยื่อแต่ไม่กินเบ็ด?..ว่างั้นเถอะ).. สมัยก่อนมีเรื่องการตกทองก็จะมีเหตุการณ์ถูกหลอกตกทอง?ซ้ำๆอยู่เรื่อยๆอย่างยาวนาน(?)..เช่นกัน(?)..
ดังนั้น.. ถ้าเอาเหยื่อที่ปลาชอบมาเกี่ยวกับเบ็ด?เมื่อไหร่?.. ปลาก็ต้องงับอยู่ตลอด?นั่นแหละ?(ไม่เคยพลาด?).. ไม่มีปลาฉลาดๆ?ตัวไหน?,ที่จะอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์นี้?ไปได้เลย(?).. ดังนั้น.. เมื่อมีเหยื่อ20กก.มาล่อต่อหน้า(?).. มีหรือที่ปลาที่ฉลาดๆบางตัว?จะไม่ยอมงับ(?)..
ปล..คนต้นทาง?ที่คิดแผนนี้?ที่เป็นคนอัดเทป?แล้วถึงเวลาอันเหมาะก็ปล่อยเทปออกมา?นี่แหละ(?)..ที่ฉลาด,แผนสูง?ที่สุด(?).. ตรงกับคำพูดที่พูดกันเกร่อ?ว่า..จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง?..นั่นเอง(?)..ละมังครับ(?)..(แค่เดาเล่นๆเท่านั้นครับ?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา:4:30:44 น.
69.มีบางคน?ที่ทำตัวให้เรารู้สึกเซ็งมาก.. แต่ก่อน..หลายสิบปีก่อน,เคยอ้างว่าเป็นผู้ถูกข่มเหง?จากระบบที่ไม่เป็นธรรม?,ภายหลังเรียนรู้กฎหมายมากขึ้น,ก็กลายมาเป็นนักร้องเรียนเบอร์ต้นๆ?(ช่วงแรกๆเราก็นิยมเค้ามากๆเลยนะ.. ดูว่ามีเค้ามีความกล้าเปิดโปง,นั่น,นี่,นู่น,ค่อนข้างดีมาก)..
แต่ภายหลังเมื่อไม่กี่ปีมานี้.. ก็มีบางภาพข่าวว่าไปยืนส่งเสียงอยู่ที่หน้ารั้วของบางโรงงาน?,หลังจากนั้นพอเป็นข่าวขึ้นมา,ก็หลบเลียแผลเงียบๆอยู่พักหนึ่ง(?).. ต่อมาอีกหลายปีก็มีเรื่องไปเปิดโปงเรื่องหมูเถื่อน??,แล้วพอมีข่าวอื่นๆมากลบ?,ก็เงียบหายไปอีก?..(คนที่ติดตามข่าว.. เขาย่อมคิดว่า..ไม่รู้ว่ามีอะไร?หล่นทับหัวแม่โป้เท้าหรือเปล่า?.. ทำไมไม่ตามเรื่องต่อให้จบ?)..
ดูเหมือนคนบางคน?มีนิสัยที่ชอบเคาะกะลา?หาอะไรก็ไม่ทราบได้(?)..เป็นช่วงๆ(?)..แล้วก็เงียบไปเป็นพักๆ(?).. เคยมีบางคน?นัดแถลงข่าวสื่อที่บางโรงแรม?,แล้วถึงเวลาก็ไม่เห็นมีการแถลงอะไร?..
ช่วงนี้บางคน?ก็โผล่มาอีก(?),แสดงภาพจับมือบางคน?,แล้วก็ออกมาแฉรอบ2อีกแระ(?)(โหงวเฮ้งค่อนข้างอ่านออกนะ?).. ช่วงหลังมีลักษณะชอบหาพวก?(เพื่อสร้างบารมีให้กับตัวเอง),โดยการชอบออกหน้า?ไปโจมตีเพื่อนที่ถูกจับ?.. คือใครที่มาพูดเข้าข้างเพื่อนที่ถูกจับ?,ก็จะรีบออกมาช่วยพูดคัดค้าน,โต้กับทุกคน?,คล้ายทำงานแทนเจ้าทุกข์?..ว่างั้นเถอะ(?)..
แต่กลับเรียกสื่อค่ายดัง,เลือกข้างบางค่าย?แบบทรงชเลียร์?,โดยเรียกเจ้าของสื่อนั้น?ขึ้นต้นว่าอา....?(คนบางคน?เวลาต้องการประโยชน์,ก็มักจะปากหวาน,ปะเหลาะคนได้เก่งนะ?),และมีสื่อเลือกข้างอีกค่าย?ก็มีลักษณะปะเหลาะหาพวก?โดยเรียกทแนะบางท่านนี้?,โดยใช้สรรพนามขึ้นต้นว่าลุง....?(ช่างฟังดูหวานเจี๊ยบเหลือเกินนะ?)..
ปล.. เราดูแล้ว..ทั้งวงการสื่อ?(บางส่วน),และวงการทนาย,ทแนะ?(บางส่วน),น่าจะแสวงหาความจริงใจซึ่งกันและกันได้ยากมากนะ(?)..(คล้ายว่า..ล้มเมื่อไหร่?..กรูเหยียบซ้ำเลย?..ประมาณนั้น?..เราว่านะ?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา:7:44:50 น.
70.เราเซ็งมากกับคนที่ดูชล้าดฉลาดบางคน?(?).. คือ.. มีบางคน?มาดดีมาก(ซึ่งทนายด.พูดถูกใจเราว่า..อย่าไปกล่าวหาใครว่าเลว.. ถ้าตนเองก็ยังไม่สะอาดพอ?)..
ซึ่งคนบางคนนี้?(รู้กฎหมายดี,แต่ไม่ได้เป็นทนายนะ),ซึ่งเป็นคนละเอียด,สุขุม,รอบคอบมากๆ(จับรายละเอียดทุกเม็ด),หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน,แต่กลับยอมตนไปเป็นสาวก,รับใช้,รับจ้าง?อยู่กับผู้เคยต้องคดีทำผิดกฎหมายบางคน?(ซึ่งตนเองศรัทธา?..
แล้วพยายามยกอ้างสารพัดกับบางคดี,บางเหตุการณ์,ดูเผินๆน่าฟัง,ดูมีหลักการดี,เพื่อตอบโต้กับทนายของอีกฝั่งหนึ่ง,ทำนองว่า..ผู้เป็นทนายนอกจากคำนึงถึงหลักกฎหมายแล้ว,ยังต้องมีจิตสำนึกเรื่องศีลธรรมด้วย..
ประมาณว่า..ถ้ารู้แก่ใจ(แต่จริงๆหลักกฎหมายเขาเอาแต่หลักฐาน,ไม่ได้เอาแค่ใจคะเนว่าใครดี?,ใครเลว?มาวัดเอาเองนะจ๊ะ?)ว่า..ถ้าเป็นคนเลว?ที่มาให้ทำคดีให้,ก็จะต้องไม่รับทำคดี?ว่างั้นเถอะ(?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:45:49 น.
71.ซึ่งทนายอีกฝั่งเขามองต่างมุมว่า..ทนายเป็นวิชาชีพ,ไม่ว่าคนจะดี,หรือเลวอย่างไร?,ก็จะต้องมีทนาย,ซึ่งเป็นสิทธิสามัญของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว(?).. เพราะฝ่ายกล่าวหาก็มีทั้งตำรวจและอัยการและทนายด้วยเป็นส่วนสนับสนุนอยู่แล้ว.. แล้วจะให้ผู้ถูกกล่าวหา(ซึ่งศาลยังไม่ทันตัดสินว่าผิดหรือถูก?)ไม่ให้มีทนายเป็นที่ปรึกษา(ว่าความให้?)บ้างเลยหรือ?..
ซึ่งเรามองว่าเป็นความคิดที่คับแคบมาก?..(อย่างนี้โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็ต้องยกเลิก,ไม่ต้องรักษานักโทษที่เจ็บป่วย..แล้วกระมัง?..ใช่หรือไม่?).. เราว่า..เราเห็นด้วยกับทัศนะแบบทนายด.และทนายส.มากกว่านะ(?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:52:12 น.
72.และคนบางคนนี้?ที่ชอบมองคนอื่นผิดแง่นั้น,แง่นี้,จุดเล็ก,จุดน้อยนั้น(?),มันมองง่าย,แล้วทำไมไม่เพ่งมองฝ่ายตัวเอง?บ้าง?..ว่าได้คำนึงถึงหลักศีลธรรม.. เช่น..เรื่องอบายมุขหวย,ล็อตเตอรี่?(ซึ่งแม้ไม่ผิดกฎหมาย,เพราะกฎหมายดันไปอนุญาต,โดยชอบอ้างเหตุผลทางเศรษฐกิจ?,เพื่อหารายได้เข้าภาครัฐ?),ซึ่งจริงๆอยู่ในข่ายผิดศีลข้อที่5( =ฐานแห่งการขาดสติ?..คือ..อบายมุข6..นั่นเอง?),ในหลักการของพุทธศาสนา..ด้วยหรือไม่?..
แล้วที่ชอบว่าแต่คนอื่น?โดยอ้างหลักศีลธรรม?),แต่ฝั่งตัวเอง?ก็ไปสนับสนุน,ช่วยดูแลให้เศรษฐีแจ๊คพ็อตบางคน?,ผู้ยังมีมิจฉาทิฐิ,มิจฉาอาชีวะ?ที่ยังชอบคลุกคลีอยู่แต่กับการส่งเสริมเรื่องของอบายมุข,หวยล็อตเตอรี่?อยู่เสมอ?.. ซึ่งก็เท่ากับกำลังชี้ว่า..ตนเองก็ไม่ต่างกัน?ในกรณีที่ไปว่าทนายคนอื่นเขา?ด้วย?.. หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:56:40 น.
73.ณ วันนี้.. เราเชื่อส่วนตัวว่า.. สารตั้งต้น?ก็คือเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างนอก?นั่นเอง(?).. และเราเชื่อ(โดยสังเกตอาการจากทุกฝ่าย,ตามเซ้นซ์ส่วนตัวของเรา)ว่า.. นักร้องเรียนหญิง?(ใจเด็ด?,ใจนิ่ง?)บางท่าน,น่าจะมีหมัดเด็ด?(แต่คงไม่ใช่คลิปแอบอัดใดๆ)..
แต่น่าจะมีข้อมูลหลักฐานบางอย่าง?,ที่จะซัดผู้ชายบางคน?(คนสำคัญ?)ให้ไปไม่เป็นเหมือนกัน(?).. และผู้ชายบางคนนี้?อาจต้องถึงกับมองไม่เห็นอนาคต?เลยก็เป็นได้(?).. เราแค่เดาเล่นๆ?,จากการส่องดูอาการ?ของหลายๆฝ่าย?..เท่านั้นนะ(?)..[เพราะดูแล้วหญิงบางคนนี้ถ้าใครเล่นเธอหนัก?.. ดูเธอเป็นนักสู้.. เธอก็คงจะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างของใครง่ายๆ(?)..เหมือนกันนะ(?).. เราว่าอย่างนั้นนะ(?)]..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา:1:33:20 น.
74.ในฐานะคนดูข่าว.. เราอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า.. ตอนที่คลิปอื้อฉาว?ไม่ทันถูกเปิดเผย(?).. ทำไมตัวแทนบริษัท?(ที่เป็นเจ้าของคลิป?),ถ้าคิดหรือมั่นใจว่าตนถูกกรรโชกทรัพย์?,แล้วทำไมจึงไม่รีบนำคลิปดังกล่าว?ไปแจ้งความนักร้องดังบางท่าน?และนักร้องเรียนหญิงบางท่าน?เสียแต่เนิ่นๆ(?),ก่อนจะมีการเปิดคลิปดังกล่าว?ให้สาธารณชนรับรู้?..ด้วยเล่า?..(ใช่หรือไม่?)..(หรือมีนัยยะอะไร?..ซ่อนอยู่หรือไม่?)..
และถ้าไม่มีการเปิดคลิปดังกล่าวออกมาทางสื่อสาธารณะเลยตลอดไป?(จะโดยใครเป็นผู้ส่งให้สื่อมวลชน?ก็ตาม?).. แล้วบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของคลิป?จะยังคงไปแจ้งความกับ1นักร้อง+1นักร้องเรียน?หรือไม่?..(และเมื่อไหร่?).. และถ้าตอบว่าคงไม่?,ก็จะมีคำถามต่ออีกว่า.. ดังนั้น..เรื่องราวที่เกิดขึ้น?นี้(?),น่าจะเป็นบุคคลใด?(หรือฝ่ายใด?)เป็นผู้เป็นจุดเริ่มต้น?หรือต้นเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวนี้?(เป็นคนแรก?)..กันแน่?..(หรือไม่?)..ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:28:22 น.
75.[มีคำถามว่า..ใคร(เคย)ตบ(?)ใครก่อน?]..
วัฒนธรรมการตบ?ของสังคมไทยนั้นมีมาอย่างเนิ่นนาน(?).. ต้องยอมรับว่า..มีข่าวเรื่องการตบ?ด้วยวิธีต่างๆ?มาโดยตลอด,จนแทบจะเป็นปกติวิสัย(?)(ที่คนไทยพากันเฉยๆ?,รู้แต่ไม่พูด?)ในสังคมไทยเลย(?)..ก็ว่าได้(?)..
อย่างเช่นเมื่อไม่ถึงปีมานี้.. ก็มีกรณีเงินติดรั้ว?บ้าง(?),เบ๊นซ์เป็นรางวัล?บ้าง(?),หรือเงินที่เรียก(พูดถึง)กันเป็นกิโลๆบ้าง(?),และข่าวบางข่าว?ที่กระเส็นกระสายออกมา(?),แต่ยังจับไม่ได้(?).. เช่น..กรณีนักรู้กฎหมาย?,นักรู้วิชา?ที่ทำตัวเป็นนักร้องเรียน?(บางคน)(น่าจะมากกว่า1คน?),ทำนองชอบเปิดหัวเรื่อง?ว่า..วันนั้น,วันนี้(นัดทิ้งระยะไปสักช่วงหนึ่ง?,เพื่ออาจรอบางสิ่ง?.. เช่น..อาจรอให้มีการโทรมาเคลียร์?),ทำนองว่า..จะมีการแถลงข่าวเรื่องนั้น,เรื่องนี้?(?)..เป็นต้น(?)..
บางเรื่องถึงเวลาก็ไม่มีการแถลงจริง(?),บางเรื่องมีการพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจที่นั่น,ที่นี่(?),แต่สุดท้ายก็ไม่มีการติดตามเรื่องเหล่านั้นต่อ?,หรือบางเรื่อง?พอถูกทวงถามจากผู้สื่อข่าวบ้าง(?),ก็อ้างว่าไปพบว่าไม่มีมูล(?),ก็เลยมากล่าวแก้อย่างนั้นอย่างนี้ให้(?),แล้วที่สุดเรื่องนั้นๆก็เงียบหายไปเลย(?).. เช่นนี้เป็นต้น(?)..นั่นไง?..(ใช่หรือไม่?)..
ปล..อยากบอกว่า.. มีคนบางคน(อาจมีหลายๆคน),ที่เขามีภูมิสังเกตสายตา?,แววตา?,สีหน้า?,ผิวหนังใบหน้า?,โหนกแก้มหนา-บาง-เนียน-หยาบ?,การกระพริบตา,ท่าทาง?ของนักร้องเรียนบางคน?,หรืออินฟลูฯบางคน?,หรือนักรู้วิชาบางคน?,หรือรวมทั้งนักรู้กฎหมายบางคน?,หรือกระทั่งพิธีกรสื่อบางคน?,ในเวลาที่บุคคลเหล่านั้น?ออกมาพูด(?),หรือให้สัมภาษณ์(?),ต่อหน้าสื่อมวลชน(?),หรือสาธารณะ(?).. ว่า.. จะมีความบริสุทธิ์ในตัวตน?,ในการให้ความเห็นในแต่ละข่าว(?),แต่ละเหตุการณ์(?),ที่เป็นข่าวนั้นๆ(?)..แค่ไหน(?)..ด้วยนะ(?)..
เพียงแต่เขาอาจไม่อยากยุ่ง,เพราะ1.ไม่อยากเปลืองตัว(?),หรือ2.เพราะไม่มีทุนทรัพยเพียงพอที่จะไปตามสืบค้นหาหลักฐาน?,หรือพยานบุคคล?มาให้สังคมประจักษ์ได้(?)..เท่านั้นครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2567 เวลา:23:37:38 น.
76.สังคมไทยมีคำพังเพยว่า..ตบมือข้างเดียว(มัก)ไม่ดัง?.. คือหลายๆเรื่อง?(หรือการทุจริต?,ตบทรัพย์?,กินสินบาทคาดสินบนต่างๆ?)มักเป็นเรื่องสมยอม?,หรือสมคบคิด?,หรือสมรู้ร่วมคิด?,หรือหลับตาข้างหนึ่ง?..นั่นเอง(?).. แต่สังคมฝรั่ง?,แม้คุณพยายามที่จะไปตบมือกับเขา(?),ถ้าเขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง?(?),หรือไม่ถูกหลักเกณฑ์?(?),เขาก็จะSay No,ไม่ยอมตบมือกับคุณ(?)..(แน่ๆ?)..(ใช่หรือไม่?)..
คือคนไทยคือพุทธ?.. ซึ่งพุทธ?เน้นประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นหลัก?.. เช่น..เราเคยได้ยินคำสอนพุทธ?ที่ว่า..ผู้ที่ไม่กังวลต่ออนาคต,คือผู้ที่มีความสุขในปัจจุบัน?(ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องดีหรือชั่ว?นะ?)..นั่นไง?.. ซึ่งพระพุทธเจ้าสอนกระทั่งธรรมะสำหรับโจร?ด้วยนะ(?)..(ไปลองถามท่านจันทร์,สำนักคลองกุ่มดูก็ได้)..
ซึ่งบางเรื่องเราก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับปรัชญาคำสอนแบบพุทธ?ในบางกรณีนะ(?),ที่เน้นให้พระพุทธเจ้าดูโดดเด่นเกินไป(?).. เช่น.. เกิดมาแล้วเดินได้7ก้าว?,ซึ่งผิดหลักการทางการแพทย์?..เป็นต้น(?)..(เราเชื่อว่า..พระพุทธเจ้าคงไม่สามารถมาเกิดในยุคนี้ได้(?),เพราะอาจถูกบอยคอต?,หรือประท้วง?,หรือถูกแบนทางโซเชี่ยล?ได้(?)..(เหมือนเช่นอ.เบียร์ที่ถูกพวกทายทักโชคชะตา?,ร่างทรง?,สายมู?พากันประท้วง?..นั่นไง?)..
หรือเช่นที่พระพุทธองค์ห้ามสาวกใช้อิทธิปาฏิหาริย์?,แต่พระองค์เอง?กลับมีข้อยกเว้นหลายครั้ง(?).. เช่น.. ที่ใช้ฤทธิ์?ไปเดินอยู่หน้าองคุลีมาล?,แต่องคุลีมาล?กลับวิ่งตามไม่ทัน?..นั่นไง?.. ว่าที่จริง.. เราอยากเห็นฉากที่องคุลีมาลวิ่งไล่ไม่ทันพระพุทธเจ้าที่กำลังเดินอยู่?นั้น(?)..เหลือเกินนะ(?)..
ส่วนคริสต์?(หรือฝรั่ง?),เขาเน้นเคารพยำเกรงต่อพระเจ้า?เป็นหลัก(?),และวัฒนธรรมแบบฝรั่ง?คือ..เขารู้ว่า..พระเจ้าเกลียดชังต่อผู้ที่คดโกง?,หรือไม่มีความสัตย์ซื่อ?เป็นอย่างมาก(?).. ดังนั้น..คริสต์?จึงเป็นศาสนาซึ่งเน้นความสัตย์ซื่อของมนุษย์?เป็นหลักสำคัญ(?)..
แต่พุทธ?เน้นเรื่องการแก้ปัญหา?(เฉพาะหน้า)ในปัจจุบัน(?)เป็นหลัก(?).. โดยมักมีสาวกรุ่นหลัง?,ที่มักกล่าวแก้แทนพระพุทธเจ้าว่า..เป็นเรื่องของกุศโลบาย?..ประมาณนั้น(?).. ซึ่งเราก็ยังไม่เห็นด้วยในบางกรณี(?).. เช่น..ตอนที่พระพุทธเจ้าช่วยนกบาดเจ็บ?ที่ถูกเทวทัตยิงตก(?)..
ซึ่งธรรมดา..พระพุทธเจ้าก็ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง?(ใช่หรือไม่?).. ดังนั้น..ผู้ใดยิงนกได้?ก็ต้องถือว่าเป็นเจ้าของนกตัวนั้น?(แต่บาปก็ต้องเป็นของเขา?ด้วยเช่นกัน?).. แต่พระพุทธเจ้ากลับอ้างความเมตตา?เหนือกว่าข้อกฎหมาย?เพื่อมาแย่งเป็นเจ้าของนก?จากเทวทัต(เพื่อต้องการช่วยชีวิตนกเอาไว้?),จึงเป็นเหตุเบื้องต้น?ให้เทวทัตรู้สึกคับแค้นใจ?,จองล้างจองเวร?ต่อพระพุทธเจ้าอย่างมากมาตั้งแต่บัดนั้น(?).. ใช่หรือไม่?..
เพราะกุศโลบาย?( =เทคนิค?)กับเล่ห์กล?( =แท็คติก?)มีเส้นบางๆคั่นอยู่(?).. เพราะกุศล?( =ขาว?)+อุบาย?( =ดำ?),จึงทำให้คำว่ากุศโลบาย?กลายเป็นอะไร(?)ที่สีเทาๆ?(?).. ดังนั้น..นิยายเรื่องศรีธนญชัย?จึงฟูเฟื่องในเมืองสารขัณฑ์?นี้.. นั่นไง?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา:1:55:47 น.
77.(มีข้อน่าสังเกต?จากโลกเบี้ยวๆใบนี้?).. นั่นก็คือ.. การคล้ายสมยอม?,หรือยอมให้เขาเรียกทรัพย์?โดยไม่แจ้งความใดๆ(?).. มีมุมชวนคิด,ชวนวิเคราะห์ประการใดบ้าง(?).. คือประมาณว่า.. เรามีส่วนในอะไรที่เทาๆ?..ด้วยหรือไม่?.. กล่าวคือ..
1.ถ้าเจ้าหน้าที่บางองค์กร?,ไม่เคยมีข่าวเรื่องเรียกรับเพื่อปกปิด?,หรือเพื่อช่วยเหลือในเรื่องเทาๆ?มาก่อนเลย(?).. แล้วจะมีบางคน?นำไปเป็นเหตุเพื่ออ้างอิงถึง?(ใน"ทางลบ?")..ได้หรือไม่?..
2.ถ้าเราไม่หลงกับความภูมิใจ?ว่า.. มีแฟนคลับ?,หรือมีคนที่ทำทีมาขอเซลฟี่?มากมาย(?)(และเราอาจพูดว่า..ขออนุญาตที่จะไม่ให้เซลฟี่กับใครๆนะครับ?).. แล้วจะเป็นเหตุให้ถูกนำเอาภาพเซลฟี่ต่างๆ?ไปแอบอ้าง(?),เพื่อหาผลประโยชน์?ให้กับผู้มาขอเซลฟี่?(บางคนที่แอบแฝงมา?)ในทางมิชอบ(?)..ได้หรือไม่?..
3.ถ้าเราเลือกทำอาชีพ?ที่ค่อนข้างบริสุทธิ์?(อาจเป็นอาชีพที่ต้องออกเหงื่อ,แรงงานเพื่อแลกเงิน),และไม่ทำธุรกิจที่รู้ว่าเทาๆ?.. เช่น..กึ่งตลาดตรง?,กึ่งขายตรง?,กึ่งแชร์ลูกโซ่?,ที่แฝงซ่อน,ปนเปกันอยู่(?).. แล้วจะมีนักร้องเรียนบางคน?ที่ฉลาด?,รู้ทันเกมซับซ้อนของเรา?,แล้วมาหาช่องเพื่อต้องการได้ผลประโยชน์จากเรา?,ด้วยข้ออ้างเพื่อจะช่วยเหลือเราในบริบทต่างๆ?..ได้หรือไม่?..
4.ถ้าเราไม่มีรสนิยมที่ชอบชีวิตแบบอู้ฟู่,โก้หรู?(ใช้แต่ของแบรนด์เนม?)เกินไป(?),จนคนรู้สึกริษยา?(?),และตั้งข้อสงสัยว่า..มรึงรวยมาได้อย่างไร?(วะ?).. แล้วเราจะเจอคนที่อยู่ไม่อยู่?,ก็ตั้งใจจะมาใส่ร้ายเรา?(โดยไม่มีสาเหตุ?)ว่า.. เราน่าจะร่ำรวยผิดปกติ?,หรือร่ำรวยมาจากวิธีการสีเทาๆ?,หรือเชื่อมโยงกับสิ่งผิดกฎหมาย?,หรือสิ่งเสพติด?,และโยงฟอกเงิน?ได้ง่ายๆ(?)..หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา:3:58:58 น.
5.ถ้าเราไม่ไปลุ่มหลงกับวงการฟ่องฟ้า?,หรือวงการอินฟลูฯที่โดดเด่น?,จนถึงขั้นขาดสติ?,คือ..เขาพูดอะไรก็เชื่อหมด?,เพราะรัก?,เพราะศรัทธา?,อยากเป็นอย่างเขาบ้าง(?).. แล้วเราจะถูกหลอก?,จากคนบางคน?,บางกลุ่ม?ที่อยู่ในวงการเหล่านั้น?(บางส่วน?).. แล้วที่สุดจูงเราให้ไปติดกับดัก?ของการชักจูง?ให้ไปร่วมลงทุน?กับอะไรที่คล้ายๆแชร์ลูกโซ่?..ได้หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา:4:10:32 น.
6.ถ้าเราไม่ไปแสดงตัวสนิทสนม?หรือคบหาใกล้ชิด?,กับวงการลูกโป่งสวรรค์?,หรือโคมลอย?(ที่ฉาบฉวย?,ไม่ยั่งยืน?),หรือบางครั้ง.. เราอาจประมาทไปคบหาถึงขั้นเคยร่วมหุ้น?,ร่วมลงทุน?กับธุรกิจบางอย่างกับเขา?,จนเขาถือโอกาสนำภาพ?,เสียง?,ไลน์?ที่แสดงความใกล้ชิดกับเรา?,ไปแสดงออกเพื่อเป็นข้ออ้าง?ให้ได้ประโยชน์บางอย่างจากชื่อเสียงของเรา?,จนอาจทำให้เราถึงกับเสียชื่อเสียง?ที่สะสมมาอย่างยาวนาน(?).. แล้วเขาจะกล้ากล่าวอ้างถึงเรา,จนเราต้องตกเป็นผู้เสียหาย?[เพราะสังคมเริ่มระแวงเรา?,ซึ่งเป็นคนดังคนหนึ่ง?ไปด้วย(?),เพราะเกิดจากเราไม่ระมัดระวัง?,ในการเลือกคบคน?,และไม่ระวังที่จะไปสังสรรค์?และถ่ายรูป?ร่วมกับใครง่ายๆ?]จากการกล่าวอ้างว่า..เขาสนิทสนม?,เชื่อมโยงกับเรา?แบบนั้น?,แบบนี้?,เพื่อประโยชน์ของเขา?..ได้หรือไม่?..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา:4:22:16 น.
7.การที่ชนชั้นกลาง?(บางส่วน?)ที่มีเงินสะสมจำนวนหนึ่ง?,และอาจหาทางลงทุน?,แบบไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมาก?(โดยหวังแค่ใช้ระบบเงินต่อเงิน?หรือเสือนอนกิน?),โดยไม่ฉุกคิดว่า..ถ้าจะมีบริษัทใด?ที่สามารถเอื้ออำนวยผลประโยชน์?ให้กับเรา,ได้อย่างล้นเกิน?,ผิดสังเกต?มากขนาดนั้น(?).. เขาก็น่าจะไปชักชวนแต่เฉพาะญาติพี่น้อง?,คนสนิทของเขา?มากกว่าที่จะมาชักชวนเรา?หรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
ซึ่งเราก็น่าจะฉุกคิดได้ว่า.. จะมีใครใจดีขนาดนั้น(?),ที่จะอยากให้ผู้อื่น?ที่ไม่ใช่ญาติตัวเอง?,มาร่วมร่ำรวย?,เพื่อไต่เต้า?,ทัดเทียม?,เป็นคู่แข่งความร่ำรวย?ประชันกับคนในตระกูลของเขา?ด้วย(?),มันจะเป็นไปได้หรือ(?)?..
นั่นแหละ.. จึงเป็นเหตุสำคัญ?,ที่จะทำให้เราตกเข้าไปในหลุมล่อ?,เพื่อให้เราไปส่งเสริมความร่ำรวยให้กับเขา?ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น(?)..ยิ่งขึ้น(?)..เท่านั้น(?)..นั่นเอง?..(เราอยากบอกว่า..ไม่มีหรอกที่ใครจะอยากให้เรามารวย?เท่าเทียมกับเขา(?)..อย่างแน่นอน(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา:4:36:27 น.
78.มีข้อสงสัยว่า.. อะไร?ที่ทำให้นักร้องชายบางท่าน?,มีความมั่นใจ?,ถึงขนาดที่กล้าไปรับปาก?,รับรอง?แผนโปรโมตบริษัท?,ให้กับตัวแทนบริษัท?ที่มาติดต่อ(?)..ว่า.. ถ้ามีเลข20มาถึงนักร้องชาย?และนักร้องหญิง?แล้วเรียบร้อยตามเงื่อนไข(?),ก็จะสามารถผ่านตลอดให้เจ้าของบริษัท?ไปออกรายการดังรายการหนึ่ง?ได้แน่ๆ,ตามที่ได้รับรอง?,รับปาก?ไว้นั้น(?)..
ซึ่งทำให้ผู้ชมคลิปดังกล่าว?(บางส่วน)อาจสันนิษฐานไปตามคำพูดของนักร้องชาย?ว่า.. แสดงว่า..นักร้องชายบางท่านนี้?น่าจะต้องสนิทกัน?กับเจ้าของรายการดัง?นี้มากๆ(?)(เหมือนว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน?),จนมั่นใจว่า..จะสามารถดีลกับเจ้าของรายการดังนี้?[ซึ่งอาจดีลหลังจากได้รับเงินแล้ว(?),หรืออาจถึงขนาดมีการดีลกันไว้ก่อน(?),อย่างเป็นกิจจะลักษณะแล้ว(?)..ก็เป็นได้(?)(หรือไม่?).. ใช่หรือไม่?]..
ซึ่งเราเชื่อว่า.. จะมีผู้ชมคลิปบางส่วน?อาจคิดสงสัย,ระแวงประมาณนี้(?),จากการแสดงคำพูดที่แสดงความมั่นใจอย่างมาก?ของนักร้องชายบางท่านนี้?..ก็เป็นได้(?).. ใช่หรือไม่?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
77
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา:12:12:22 น.
79.มีคำถามอีกว่า.. ถ้านักร้องชายบางท่าน?เป็นผู้ติดต่อมาก่อน(?),และถ้าสมมุติว่า..เจ้าของรายการดัง?ได้รับปากกับนักร้องชายดังกล่าว?,โดยที่ได้นัดวัน-เวลา?ไปเรียบร้อยแล้ว(?),แล้วภายหลังมามีคนใหม่?มาติดต่อ(?),ซึ่งภาพที่ออกมา?,คล้ายว่ามาตัดหน้าคิว?ของนักร้องชาย?ออกไป(?).. อย่างนี้จะอธิบายอย่างไรครับ?.. ได้มีการโทรยกเลิกหรืcancelคิว?ของนักร้องชาย?,ก่อนจะตกลงกับผู้ติดต่อรายใหม่?หรือไม่?..
แล้วถ้านักร้องชาย?เกิดรับเงินค่าโปรโมตบริษัท?มาแล้ว(?),แต่งานถูกcancel?,แล้วนักร้องชาย?จะกลายเป็นเสียคน?,เสียข้อตกลง?,เสียคำสัญญา?,เสียเครดิต?กับตัวแทนบริษัทดังกล่าว?ด้วยหรือไม่ครับ?..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา:12:56:22 น.
80.เรื่องตาทิพย์-หูทิพย์ที่ออกทางรายการโหนฯ19-11-67นั้นพิสูจน์ได้ไม่ยาก.. ซึ่งสำนักพุทธต้องรีบลงไปจัดการพิสูจน์โดยเร็ว(เพื่อป้องกันความเสียหาย?ต่อศาสนาพุทธ?,ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริง?หรือไม่จริง?ก็ตาม?).. ซึ่งเรามองว่า.. สำหรับเด็กที่มาฝึกหูทิพย์?,ตาทิพย์?นั้น,อาจมีการใช้กลเม็ดบางอย่าง?(เช่น..อุปาทาน?,หรือการสะกดจิต?..เป็นต้น),ที่อาจยังไม่ถึงขั้นฌาน?(อาจเป็นเรื่องของเทคนิคบางประการ?..เท่านั้น?)..
แต่ที่แน่ๆคือ.. ในหลักคำสอนของพุทธศาสนานั้นไม่มี(?),มีแต่สายฤาษี?,ที่เห็นมีปรากฏแต่ในยุคพุทธกาลเท่านั้น(?).. แต่ถ้าพิสูจน์แล้วเป็นได้จริง?,ก็ควรจะต้องให้ตั้งเป็นสำนักวิชาทางจิต?โดยเฉพาะ(?),แต่ต้องไม่อ้างว่าเป็นของพุทธ?.. อย่างนี้ก็ทำได้(?).. แต่ถ้าเป็นเรื่องการหลอกลวง?,ก็ต้องให้กฎหมายเข้าไปจัดการ(?)..
แต่ถ้าเป็นพระ,เป็นสำนักสงฆ์?,แล้วไปสอนสิ่งที่ไม่ใช่พุทธศาสนา?,โดยเฉพาะถ้ายิ่งเป็นระดับฌาน?,หรือคุณวิเศษ?,เช่น..ถ้าเป็นพระ?แล้วอ้างเรื่องมีอภิญญา?,ที่เรียกว่านั่งทางใน,รู้เห็นภาพนั่น,นี่?,หรือทำนายอนาคตได้?.. อย่างนี้ก็พิสูจน์ไม่ยาก(?)..
เช่น..ให้ท่านนั่งดูภาพโดยทางใน?,ซึ่งเราสามารถส่งผู้สื่อข่าวไปถ่ายคลิปภาพสดๆ?,ซึ่งอาจเป็นบุคคลที่เป็นsample? ณ จุดตัวอย่าง?ที่อยู่ไกลออกไป(?)(โดยทำเป็นหลายๆเค้ส,จากเค้สใกล้,จนถึงเค้สไกลมากๆ),ว่า..บุคคลsample?นั้นกำลังทำกิริยาอะไรอยู่(?)..
แล้วก็ให้พระที่บอกว่าตนเองมีอภิญญา?นั้น,นั่งทางในดู,และบรรยายบอกมาว่า.. ณ นาทีเดียวกันนั้น,บุคคลsample?นั้นกำลังทำกิริยาอะไรอยู่(?)(รวมถึงเรื่องหูทิพย์?ด้วยก็ได้ ว่า..บุคคลนั้น?กำลังพูดว่าอย่างไร?..ก็ได้ด้วย)..
ซึ่งถ้าตรงกัน(?),หรือไม่ตรงกัน(?),ก็จะสามารถพิสูจน์ได้ทันที(ถ้าเชิญอ.เจษฎาฯมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วยก็จะยิ่งดี),และถ้าไม่ตรงกัน?,ก็ต้องปรับอาบัติปาราชิก?,ให้พระองค์นั้น?ต้องสึกจากความเป็นพระ?ในทันทีด้วย(?)..
แต่ถ้าปรากฏว่าตรงกัน?.. ดังนั้น..พระองค์นั้น?ก็จะผิดแค่อาบัติปาจิตตีย์?,โดยยังไม่ต้องสึก,แต่ต้องให้เลิกอวดอิทธิญาณ?เรื่องหูทิพย์?,ตาทิพย์?,โดยต้องไม่กระทำอีก(?)..
แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง?,และท่านประสงค์จะทำต่อไป(?),ท่านก็ต้องแยกตนเป็นสำนักสอนฤทธิ์ทางจิต?(และต้องสละความเป็นพระของพุทธ?ด้วย),โดยต้องไม่กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นพุทธ?โดยเด็ดขาด(?).. อย่างนี้ก็สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย(?),หรือให้ทางกฎหมายบ้านเมืองเป็นผู้ควบคุมหลักสูตรของท่าน?,โดยใช้กระบวนการทางภาครัฐ?เองครับ(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา:9:52:46 น.
81.สังคมไทยนั้นดู(เดา)ไม่ยาก(?)..[เราจึงไม่เคยนิยมยธ.ที่เนิ่นช้า?เลย(?).. คือถ้าเร็วเท่าไหร่ได้จะยิ่งมั่นใจในความยธ.?ได้มากเท่านั้น(?).. แต่ถ้ายิ่งนานยิ่งให้โอกาสดีลกันไปมา?,สำหรับคนบางคน?ที่มีอำนาจเงินอยู่ในมือ?มากขึ้นเท่านั้น?]..
สำหรับคนบางคน?.. จะสังเกตได้ว่า.. คนบางคน?นั้น(?),ถ้าเขาไม่มั่นใจว่าเขาสามารถดีลได้กับบางองค์กร?.. เขาจะไม่รออยู่(?),แต่จะรีบชิงหนีไปต่างประเทศ?(?),และไปกร่างต่อที่ต่างประเทศแทน(?)..
แต่ถ้าวาระไหน?,ที่เห็นเขากล้ากร่างอยู่ในประเทศ?,นั่นแสดงว่า(โดยใช้หลักจิตวิทยา?ในการสังเกตและวิเคราะห์?).. คือ.. เขาต้องมั่นใจว่า..เค้สนั้น?เขาต้องผ่านการดีล?มาแล้ว(?),และได้รับคำตอบว่า..ผ่านแน่ๆ?แล้ว(?)..นั่นเอง(?)..
แต่เราสงสัยว่า.. เมื่อมีเหตุการณ์ในกระบวนยธ.?ที่ค้านสายตาปชช.?,ในแทบทุกคดี?(เช่น..คดีเครื่องดื่มกระตุ้นพลังงานบางยี่ห้อ?..เป็นต้น).. ทำไม?..จึงมักมีข้อครหา?เกี่ยวกับยธ.กลางน้ำ?ที่มักจะมีข่าวลือที่แปลกๆ?ออกมาก่อน(?),เพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง?ให้ปชช.เดาเหตุการณ์ออก?ไว้ก่อนเสมอ(?)..
จนคนบางคน?อาจตั้งคำถามว่า.. ยธ.กลางน้ำ?นั้น(?)..มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร?..[ถ้าจะยกเลิก?,ไม่ต้องมีบางองค์กร?มาขั้นตรงกลาง?ให้ซับซ้อน?,เสียเวลา?เลย?,และเปิดโอกาสให้เกิดความบิดเบี้ยว?,และเปิดช่องให้เกิดการเรียกรับผปย.?,หรือการติดสินบนต่างๆ?(?)..จะได้มั้ย?)..(เมื่อไหร่พันท้ายนรสิงห์#2?จะปรากฏตัวซักทีหนอ?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา:18:27:32 น.
82.เรามองว่า.. ถ้ากฎหมาย?ยิ่งมีรายละเอียดมาก,ยิ่งซับซ้อนมาก,ต้องตีความมาก,ประชาชนเข้าใจได้ยากมากขึ้น(?).. และองค์กรอิสระ?ยิ่งมีมากเท่าไหร่(?).. แสดงว่า.. ศีลธรรม?หรือคุณธรรม?,รวมถึงการศีกษา?และการสอนศาสนาให้กับปชช.?,ผ่านองค์กรของรัฐ?ยิ่งเสื่อมลงมากเท่านั้นนะ(?)..เราว่า(?)..
เพราะองค์กรอิสระ?ก็คือมนุษย์?เหมือนเราๆท่านๆ(?)(ดังนั้น..ท่านเหล่านี้?จึงยังไม่ใช่พระอรหันต์ที่หมดกิเลสแล้ว?.. ดังนั้น.. ท่านย่อมมีทัศนะส่วนตัว?ที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเป๊ะๆ100%?เสมอไป?)..
เท่าที่สังเกต.. ผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย?ในสังคมไทย,มักนิยมการบริหารอำนาจของตนเอง?(อย่างเต็มที่?,ซึ่งอาจเป็นเรื่องของอัตตา?หรือความภาคภูมิใจ?ที่ได้แสดงอำนาจของตน?..ก็เป็นได้?)..
โดยทั่วไป..เท่าที่สังเกต.. บางท่าน?มักจะมีทิฐิมานะ?,ไม่ชอบให้ผู้ที่อยู่ในสถานะที่ด้อยกว่า?,มาชี้นำ?ในการใช้อำนาจที่อยู่ในขอบเขตของตน?[เว้นแต่การร้องเรียนนั้นๆ?เผอิญตรงใจ?กับความประสงค์ในใจ?ของผู้มีอำนาจบางส่วน?ในองค์กรอิสระบางองค์กร?นั้นๆ(?)..อยู่แล้ว(?)]..
แต่โดยทั่วไป.. ผู้มีอำนาจในองค์กรอิสระ?(บางส่วน),มักไม่ต้องการให้ใครมาชี้นำ?ไว้ก่อน?.. ว่าเค้สนี้,เค้สนั้น?จะต้องมีผลเหมือนเค้สที่แล้ว?(เพราะดำเนินการแบบเดียวกันนี่?),ดังที่พวกสื่อมวลชน?(บางส่วน)ชอบไปสัมภาษณ์ผู้รู้สารพัดสาขา?(เพื่อทำคอนเท้นต์?),ที่ชอบออกข่าว,นำทางไว้ก่อน?อยู่เสมอ(?)..
หรือผู้มีอำนาจในองค์กรอิสระ?(บางส่วน),ก็คงไม่ชอบทำตามการคาดการณ์ล่วงหน้า?ของสื่อบางส่วน?,ที่ชอบชิงวิเคราะห์ออกหน้า?ว่า..จะต้องออกผลมาเป็นอย่างนั้น?,อย่างนี้?ไว้ก่อน?..ก็เป็นได้(?)..ละกระมัง(?)..
แต่ที่สุด.. เราเชื่อว่า..มีนักการเมืองคนพิเศษอย่างน้อยคนหนึ่งในประเทศไทย?,ที่เขาน่าจะเชื่อ(หรือน่าจะต้องคิดปรามาสคนในสังคมไทย?)อย่างแน่วแน่(?).. ว่า..เงิน?+คอนเน็คชั่นของเขา?,จะสามารถซื้อความเป็นไป?ในระบบทุกระบบ?ในแทบทุกองค์กร?ในประเทศไทย?ได้(?)..ประมาณว่า..คนไทยแพ้อำนาจเงินแทบทุกคน?..ประมาณนั้น(?)..เลยเชียวแหละ(?).. เราแค่เชื่อในความคิดส่วนตัวเราเอง?..เท่านั้นนะ(?)..
ดังนั้น.. ถ้าองค์กรอิสระบางองค์กร?ที่มักมีข่าวมุมลบ?ออกมาเป็นระยะๆว่า..ไม่ค่อยจะอิสระเท่าไหร่?นั้น(?).. และประชาชนก็สัมผัสได้?.. แล้ววันหนึ่ง.. ถ้าปชช.?ผู้เป็นผู้เสียภาษี?เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับองค์กรอิสระ?นั้นๆ(?),แต่กลับรู้สึกว่า..องค์กรอิสระบางองค์กร?นั้น(?),น่าจะพึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้(?)[รวมทั้งความเนิ่นช้า?,การประวิงเวลาต่างๆ?,ที่ทำให้เสียเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศชาติ?,และเสียสุขภาพจิต?ของผู้ได้รับผลกระทบ?,ในการรั้งรอการตัดสินใจ?จากองค์กรอิสระบางส่วน?นั้นๆด้วย(?)]..
ก็อาจทำให้ปชช.บางส่วน?อาจตัดสินใจดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาต่างๆด้วยตนเอง?(แบบคล้ายยุคคาวบอยเท็กซัส?ของเมกา?,หรือแบบตาแทนตา?,ฟันแทนฟัน?ของคนอิสราเอล?,โดยไม่หวังพึ่งพาองค์กรอิสระบางส่วน?อีกต่อไป(?)..ก็เป็นได้นะ(?)..เราว่า(?)..(ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา:20:45:53 น.
83.(การวิเคราะห์สังคมไทย)..
สังคมไทยมีลักษณะขี้เล่น?มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล(?)( =กลัดกระดุมเม็ดแรกผิดมาแต่ต้น?),ซึ่งประเทศจีนจะคิดต่าง(?),เขาจะไม่ทำให้การเมืองเป็นเรื่องเล่นๆ?,เหลาะแหละอะไรเลย?,และจะไม่ให้สื่อบางส่วน?นำมาทำเป็นคอนเท้นต์?ถามไปถามมา?,จนดูเหมือนกลายเป็นเรื่องการช่วยชี้ช่องทาง?"(หรือช่วยหาเทคนิคทางกฎหมาย?),หรือช่วยวิเคราะห์?,เพื่อหาทางหนีทีไล่?ให้กับนักการเมืองบางส่วน?ที่กำลังกระทำทุจริต?ไปซะอย่างงั้น(?)..
ส่วนนักวิชาการ?,นักวิเคราะห์?,อินฟลูฯทั้งหลาย?(บางส่วน),โดยมากก็มักจะไม่ปฏิเสธคำรับเชิญให้มาเป็นแขกของรายการ?,เพราะหลังจบรายการ?,ก็มักจะได้รับค่าน้ำมันรถ?เป็นหลักหลายพันบาท?(ซึ่งมักจะมากกว่าค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายจริง?),เท่ากับเป็นรายได้พิเศษ?ในการเดินสายออกรายการ?ไปนั่นเลยเทียว(?)..
และเมื่อพากันเดินสายวิเคราะห์?,ทำนายนั่น,นี่?ไปก่อนกาล(?),คนที่สีเทาๆ?ก็เลยพลอยเห็นช่อง?ที่จะหลบหลีก?,วิ่งเต้นทางลับ?,หรือหาทางดีลทางลับ?กับผู้มีอำนาจหน้าที่ที่สำคัญ?(บางส่วน),ก็จึงอาจทำให้คำวิเคราะห์?,ทำนาย?ที่ออกมาก่อนกาล(?),จึงมักจะผิดพลาด?,หรือหักปากกาเซียน?กันอยู่เป็นจำนวนมาก,อยู่เนืองๆ,เสมอมา?..นั่นไง?..
แต่ประเทศจีน(รวมทั้งเวียดนามด้วย),ดูเขาจะจริงจังมาก(?),เท่าที่เคยได้ยินตามข่าวต่างๆ(?),ถ้าใครทุจริต?,คอร์รัปชั่น?จะต้องนำไปประหารชีวิต?เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง(?)..เป็นต้น(?).. จึงทำให้ประเทศจีนพัฒนาไปไกลกว่าประเทศไทยมากมาย(?)..ไงล่ะ?..
แต่สำหรับของประเทศไทย.. เช่น.. สมัยหนึ่ง(ในอดีต),สื่อภาครัฐ?ก็คล้ายว่างมาก(?),ก็เลยจัดทำให้มีการล้อเลียนนักการเมือง?(เช่น..ในรายการสภาจ.?),ที่มีการเรียกฝ่ายค้าน?ว่าฝ่ายแค้น?บ้าง(?),ซึ่งเท่ากับดิ๊สเครดิต?ต่อฝ่ายค้าน?ให้เสียคุณค่าไป(?),เหมือนว่า..ฝ่ายค้าน?เป็นฝ่ายที่มีวาระส่วนตัว?,เพราะอกหักไม่ได้เป็นรัฐบาล?,จึงมีความคับแค้น?,ที่ต้องการกลั่นแกล้งฝ่ายรัฐบาล?(หรือรัฐบวม?),หรือพยายามหาทางล้มรัฐบาล?,เพื่อที่ฝ่ายค้าน?จะได้มีโอกาสเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรัฐบาล?แทน(?)..ประมาณนั้น(?)..นั่นไง(?)..(ใช่หรือไม่?)..
และเท่ากับเป็นเรื่องใช้แง่จิตวิทยา?ในการทำให้เรื่องการเมือง?กลายเป็นเรื่องเล่นๆ?(ชวนขบขัน?,อย่าไปถือสาหรือจริงจังอะไรมาก?).. ประมาณว่า..สร้างค่านิยมมองผ่าน?,ให้คนไทย?อย่าไปถือสาอะไร?กับนักการเมือง?ให้มากนัก(?),ขอให้เห็นเป็นเรื่องน่ารักๆ?,จนเป็นวัฒนธรรม(?),ที่ทำให้สื่อต่างๆ?(บางส่วน)ซึมซับ?,ที่ไม่ค่อยเอาเป็นเอาตาย?,กับนักการเมือง?ที่ไม่ค่อยสัตย์ซื่อกับประชาชน?กันเท่าไหร่นัก?..นั่นไง?..เช่นนี้เป็นต้น(?)..(ใช่หรือไม่?)..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:26:42 น.
84.ดังนั้น.. จากนิสัยคนไทยขี้เล่น?,ติดสนุกสนาน?,ก็เลยเป็นที่มาแห่งการสร้างนิยายศรีธนญชัย?ขึ้นมา(?),จนกลายเป็นแบบอย่างของคนฉลาด?(K.ล่อน?),ในการรู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี?(เฉพาะตัว?)(หรือนักเลี่ยงบาลี?),ซึ่งเชื่อมโยงกับคำกลอนของสุนทรภู่?ที่ว่า..แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ.. ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา.. รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา.. รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี..นั่นไง?..เช่นนี้เป็นต้น(?)..
ทำให้ยุคนี้(?).. จึงมีเรื่องที่แปลกๆ(?),และแปลกมากๆ(?)..เกิดขึ้น(?).. คือจะพบว่า.. ทำไมคนเลว?หรือคนสีเทาๆ?(บางส่วน),จึงมีวัฒนธรรมเลียนแบบกัน?,ที่ชอบทำบุญ?ให้กับวัดวาอาราม?หรือกับพระดังๆ?กันเป็นจำนวนมาก(?)..
ดังจะเห็นตามข่าวต่างๆ(?).. ว่า.. เวลาที่คนดังบางส่วน?ถูกจับกุม?หรือถูกกล่าวหาเรื่องเงินๆทองๆ?,หรือการฟอกเงิน?,จึงมักอ้างว่า..เป็นเงินที่ฝาก?หรือโอนให้กัน?เพื่อการทำบุญ?(ซึ่งเป็นจำนวนเงินมากๆ?),และมักทำบุญเช่นนี้?อยู่อย่างสม่ำเสมอ(?),เป็นกิจวัตร(?)(แทบทุกๆเดือน?),ซึ่งดูเป็นที่ผิดสังเกต?อย่างมาก(?)..
ซึ่งจริงๆ..ทางหลักพุทธศาสนามองว่า.. การทำบุญควรต้องไปทำด้วยตนเอง?,การฝากผู้อื่นไปทำบุญให้?นั้น(?),อานิสงส์?ที่จะได้,ก็ย่อมลดน้อยถอยลงตามลำดับ(?)..ตามไปด้วย(?).. แต่คนสีเทาๆ?(บางส่วน)ก็ยังคงนิยมฝากเงินจำนวนมากๆ?ไปทำบุญกับคนอื่นๆ?อยู่เป็นประจำ(?).. มันแปลกดีนะ(?)..
หรือมีกรณีที่คนบางคน?(ในแวดวงสำคัญต่างๆ?),ที่เมื่อถูกกล่าวหานั่น,นี่?,ก็มักใช้การไปบวชสักระยะหนึ่ง?,เป็นการทำให้ภาพพจน์ของตัวเองดูดีขึ้น?..นี่ก็ด้วย(?).. หรืออีกเรื่อง..คนมีฐานะร่ำรวย?(โดยเฉพาะคนในแวดวงนักการเมือง?,รวมทั้งแวดวงอื่นๆ?ด้วย),ทำไมจึงมักนิยมสะสมพระเครื่องดังๆ?(มูลค่าเป็นหลักล้านบาท?ขึ้นไป?)เหมือนกับการทำตามๆอย่างกัน?จนเป็นปกติวิสัย(?),(ซึ่งจะว่าศรัทธาพระพุทธเจ้ามากมายเหลือเกิน?ก็ไม่น่าจะใช่?)..
ซึ่งประชาชนบางส่วน?ก็อาจนึกสงสัยได้ว่า.. นักการเมืองบางส่วน?ที่มีพฤติกรรมการชอบสะสมพระเครื่องดังๆ?(ที่มีมูลค่าแพงๆ?)ดังกล่าวนั้น(?).. อาจมีนัยยะ?( =กลวิธีซับซ้อน?)ที่เชื่อมโยง?กับการฟอกเงิน?,หรือเป็นเรื่องกลเม็ด?,เคล็ดวิธี?ของการปกปิดเรื่องเงิน?ที่ได้มาจากความไม่ชอบมาพากล?จากการรับสินบน?,หรือการคอร์รัปชั่นต่างๆ?ก็เป็นได้(?)..ด้วยหรือไม่?..(ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา:22:58:05 น.
85.(เกร็ดวิเคราะห์)..
ต้องยอมรับว่า..หลายบริบทของพุทธทำให้มีข้อถกเถียง?ต่อได้อีกว่า..ยังสอนไม่ครบในบางเรื่อง?.. เช่น..สอนว่ากตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี.. ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีต,ในสภาไทย.. เคยมีคุณอ๊อกว่อร์ด?พูดในสภา,ทำนองว่า.. ถ้าเราคิดแต่เพียงต้องกตัญญูกับคนที่มีบุญคุณส่วนตัวกับเรา?เท่านั้น(?),แต่เขาเป็นคนที่คอร์รัปชั่นต่อบ้านเมือง?,แล้วสังคมไทยจะเป็นอย่างไร?.. หรือถ้าเรายอมเนรคุณ?,แต่ได้เปิดเผยถึงการกระทำที่โกงกินประเทศชาติ?(แม้ว่าคนนั้นจะมีบุญคุณต่อเราเป็นส่วนตัว?ก็ตาม?)..อย่างนี้จะดีกว่ามั้ย?..
เราจึงมองว่า.. อย่างกรณีของดิ....?ที่มีเจ้าของบริษัท?ที่เป็นคนที่มีบุคลิกเฉพาะตัวพิเศษ?เหมือนเจมส์....008,หรือเหมือนนักสืบแม็คไกเว่อร์(ซึ่งเป็นนักประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหา?,ซึ่งเป็นซีรี่ส์ฝรั่งในอดีตราว40กว่าปีก่อน),ซึ่งเจ้าของบริษัทคนนี้?เขามีทัศนะที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างนอก?,และเป็นนักใช้อุปกรณ์อัดเสียง?,เพื่อเก็บหลักฐาน?ของนักตบทรัพย์ทั้งหลาย?,ก็ต้องยอมรับว่า..เขามีส่วนที่เป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศ?ที่ช่วยเปิดโปงมุมเลวร้ายของสังคมไทย?(ในเรื่องการตบทรัพย์?ของคนบางคน,บางกลุ่ม?)ได้อยู่พอสมควรนะ(?)..
แต่อย่างกรณีล่าสุดของแม่-ลูกบางคู่?แม้จะมีลักษณะDNAที่ถอดแบบกันเปี๊ยบ(?),แต่ดูว่า..เขาอาจไม่มีบุคลิกพิเศษ?เหมือนกับเจมส์....008,โดยเฉพาะคนที่เป็นลูก?,ดูจะยังมีความคิดแบบเกรงใจ?(หรือคิดเรื่องกตัญญู?)ต่อคนบางคนในภาคการเมือง?อยู่มาก(?),แม้อาจจะมีความคับแค้นส่วนตัวว่า..ทำไมจึงถูกทอดทิ้งจากผู้ที่ได้รับผปย.ร่วมกันมาก่อน?,แต่ดูอาจจะไม่มีความกล้ามากพอ?ที่จะเปิดเผยอะไร?ที่เกี่ยวกับผู้ที่อยู่สูงกว่าขึ้นไป?.. แต่ถ้าเขากล้าเหมือนเจมส์.....008,และเปิดเผยไปให้สุดทาง(?),เขาก็จะได้ชื่อว่า..ช่วยทำความสะอาดประเทศชาติ?ได้เป็นอย่างมาก(?)..อีกคนหนึ่งนะ(?)..เราว่า(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2567 เวลา:7:06:37 น.
86.(เรื่องที่คนไทยต้องฉุกคิด?)..
1.กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด?อยู่เรื่อยนะคนไทย??.. ทำไมคนไทย?(บางส่วน)จึงชอบคบหากับคนผิด?,เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าแก่ตน?อยู่เสมอ?..(อาจเพราะการสอนศาสนาพุทธให้กับคนไทยล้มเหลว?..หรือไม่?).. เพราะคนไทย?(บางส่วน)ไม่คิดแบบกามิกาเซ่?( =ชาติญี่ปุ่นที่เขาเจริญมากกว่าไทยหลายร้อยเท่า?),หรือไม่คิดแบบพันท้ายนรสิงห์?,แต่ชอบคิดแบบสุนทรภู่?(เพราะคนไทย?ติดเรื่องลิเก,ละคร,วรรณคดีบางเรื่อง,ที่ไร้สาระ?,ที่มอมเมาให้สังคมจมอยู่กับกิเลส,ตัณหา,ผิดศีล5?,โดยเฉพาะศีลข้อ3,ไม่ว่าจะเป็นพระอภัยมณี,ครุฑ,คนธรรพ์,ขุนแผน,วันทอง,ฯลฯ.. เป็นต้น),ที่มีคำกลอนสุนทรภู่ที่ว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี?..นั่นไง?..
2.คำพังเพยไทยที่ว่า..ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น?.. แปลความว่า.. DNAของต้นแม่พันธุ์?เป็นอย่างไร(?).. DNAของต้นลูก?ก็มักจะไม่ต่างกัน(?).. ถ้าแม่พันธุ์?เป็นDNAโกง?.. เมื่อลูกพันธุ์?ออกมา(?),ก็มักได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรม?เป็นDNAโกง?ตามไปด้วยเสมอ(?)..(เรื่องเหล่านี้..ไม่ค่อยมีการพูดกันในสังคมไทย?และในสื่อมวลชน?).. โอกาสที่จะมีการผ่าเหล่า,ผ่ากอ?(Mutation),ที่ต้นลูกพันธุ์?จะเป็นอภิชาตบุตร?ดีเด่นกว่าต้นแม่พันธุ์?,ย่อมเป็นไปได้ยากมาก(?)..(ใช่หรือไม่?)..
3.เพราะฉะนั้น.. ในอดีตแต่ครั้งโบราณกาล(คนโบราณมีเซ้นซ์ที่ฉลาดมาก?)จึงมักมีกฎหมายสำคัญ?ที่ต้องให้มีโทษหนักมากๆถึงขั้น.....7ชั่วโคตร?มาโดยตลอด(?)..นั่นไงล่ะ?.. คือต้องขุดออกให้หมด?กระทั่งDNAของต้นพันธุ์ที่ไม่ดี?ทั้งหมด(?)..ด้วยไงล่ะ(?)..(ใช่หรือไม่?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:28:24 น.
87.(เรื่องน่าคิด?.. ฤาผิดที่ระบบ?)..
1.สื่อ?คือ"กลไกสำคัญ?"ของระบบประชาธิปไตย.. ซึ่งในยามปกติมักพูดกันว่า.. สื่อมวลชนต้องได้รับการคุ้มครอง,ต้องเป็นอิสระ,ต้องไม่ถูกแทรกแทรงจากองค์กรใดๆหรือกลุ่มใดๆ.. แต่อีกมุม?.. ก็เห็นสื่อบางค่าย?,บางรายการ?,บางพิธีกร(อาจถึง10รายการ),กำลังทำตัวเป็นผู้ชี้นำทิศทาง?,คอนเท้นต์?(โดยที่มักไม่นำทั้ง2ฝ่ายมาพร้อมๆหน้ากัน?),หรือมักถามให้แขกรับเชิญ(ซึ่งก็ย่อมอยากแสดงภูมิของตน?)ให้ตอบแบบเท่ากับไปช่วยชี้ช่อง?(ให้เกิดการวางแผน?,แก้เกมส์?กันไปมา?,จนปัญหาบางเรื่อง?ยืดเยื้อ,ไม่จบลงง่ายๆ?,เพราะเลยเท่ากับไปคอยเปิดเผยให้แต่ละฝ่าย?เขารู้ทันเกมส์กันไปหมด?),ให้เกิดความผิดผวน?,วุ่นวาย?,ยุ่งเหยิง?,แผนแตก?,ในมุมเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ?,โดยอาจไม่รู้(?)และไม่เจตนา(?),แต่ทำไปเพราะมุ่งให้รายการตนได้รับเรตติ้ง?,เพราะเป็นอาชีพที่ต้องทำ?เพื่อหาเลี้ยงชีพ?เท่านั้น(?)ก็เป็นได้(?)..(ใช่หรือไม่?)..
2.ช่องสื่อจะได้เรตติ้ง,รายการก็ได้เรตติ้ง,"พิธีกร"ได้แสง(?),ได้เครดิต(?),ได้เป็นพิธีกรเด่นของช่อง?(?).. ส่วนนักวิชาการ(บางส่วน)ก็มักไม่ปฏิเสธการรับเชิญ,เพราะทั้งได้แสง?(?),และได้ค่าน้ำมันรถ?(?),ซึ่งเป็นจำนวนเงินพอสมควร?,จึงเป็นเหตุให้อาจไม่มีแรงที่จะปฏิเสธ?นั้นด้วย(?)..ก็เป็นได้(?)..หรือไม่?..
3.เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติ?เกิดขึ้นทุกครั้ง(?),จะสังเกตว่า.. ทำไมสื่อมวลชน?ต้องถูกควบคุมเป็นอันดับแรก(?)..[ซึ่งขัดกับหลักการประชาธิปไตยสากล?,ที่สื่อจะต้องเป็นอิสระ(?)..ใช่หรือไม่?].. เพราะฉะนั้น.. ย่อมแปลว่า.. สื่อ?จึงมีผลอย่างสำคัญ?ต่อการทั้งชี้นำ?,และช่วยเหลือสังคม?,หรือในมุมตรงข้าม,ก็อาจมีลักษณะปั่นป่วน,รบกวนการทำงานของบางฝ่าย?,ให้ผิดแผน?,วุ่นวาย?,ยุ่งเหยิง?,ควบคุมเกมส์ได้ยาก?ไปด้วยก็เป็นได้(?)..ด้วยหรือไม่?..
4.คุณอ๊อกว่อร์ด?จึงเคยพูดประมาณว่า..ความสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย?จากการจัดการต่อความวุ่นวายต่างๆ?ของระบบประชาธิปไตย?นั้น..มองว่าเป็นต้นทุนของประชาธิปไตย?(คือเป็นเงินภาษีประชาชนที่ต้องจ่าย?)ที่ไม่อาจปฏิเสธได้(?)..ประมาณนั้น(?)..[ดังนั้น..จึงมีคำถามว่า.. ระบบคอมมิวนิสต์?และระบบเผด็จการ?อาจใช้งบประมาณค่าใช้จ่าย?ที่น้อยกว่าระบบประชาธิปไตย?มากๆ(?)..ใช่หรือไม่?]..
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา:0:10:30 น.
5.สื่อบางค่าย?มีแนวคิดกึ่งลำเอียง?ที่ชอบพูดวิเคราะห์ข่าวแบบต่อต้านเมกา?และอิสราเอล?[เพราะตนเอง?มีเชื้อสายจีน?,มีสมองแบบจีนๆ?,จึงมักพูดเข้าข้างจีนอยู่เสมอ(?),ทั้งๆที่จีน?เป็นต้นกำเนิด?ของคำว่าจีนเทา?(รวมทั้งแก็งค์คอลฯ?),เป็นจุดริเริ่ม?ของธุรกิจสินค้า20บาท?ที่ไร้คุณภาพ(?),รวมทั้งสินค้าปลอม?,สินค้าเลียนแบบสารพัด?,ที่เคยเป็นข่าวเป็นระยะๆ?,อยู่เสมอมา?,และเคยมีหนังสื่อชื่อจีนอัปลักษณ์?(ราว40กว่าปีก่อน?),ที่สื่อบางค่ายนี้?คงไม่เคยอ่าน(?)].. แต่เรากลับมองว่าอิสราเอล?(ซึ่งให้เกียรติและชื่นชอบแรงงานคนไทย)เป็นศาสนายิว?,เขามีคติว่าตาแทนตา?,ฟันแทนฟัน?,และในที่สุด..เขาก็มักจะสามารถจัดการเรื่องราวที่ดูรุนแรง,ให้จบลงได้โดยที่เขาเป็นฝ่ายชนะอย่างมีศักดิ์ศรี?ได้เสมอ(?)..
6.มีคำถามว่า.. สื่อบางค่าย?ชอบชเลียร์จีน?,แต่จีน?คือระบบเหมาฯ?มาก่อน(?),แต่คุณสื่อบางค่ายนี้?อยู่ในระบบประเทศไทย?,ซึ่งยึดระบบประชาธิปไตยสากล?แบบอังกฤษ,เมกา?.. และคุณก็เรียนจบจากเมกา?,ซึ่งก็แปลก(?),ที่คุณทั้งๆที่ได้ประโยชน์?จากการได้ประสบการณ์ทางภาษาอังกฤษ?จากเมกา?,จึงอาจรู้ลึกถึงข่าวสารต่างๆ?จากอีกซีกโลก?มากกว่าคนไทยโดยทั่วไป?,และเอาการรู้ภาษาอังกฤษ?มาใช้กับการสื่อสารของคุณ?.. แต่คุณก็กลับชอบพูดจา,โจมตี,ต่อต้านเมกา?อยู่เป็นเนืองนิตย์(?),จนคนบางส่วน?อาจมองว่า..คุณลำเอียงเข้าข้างจีน?ไปเสียทุกอย่าง(?)..หรือไม่?.. เราจึงไม่รู้ว่ารากฐานในใจของคุณนั้น?.. คุณคิดอย่างไร?..
7.เท่าที่เราสังเกต.. เรามองว่า.. เมกา?ไม่เคยคิดอยากเป็นศัตรูกับไทย(?),มีแต่คอยช่วยเหลือไทยอยู่เป็นระยะๆเสมอมา(?).. มีแต่สื่อบางค่าย?(รวมทั้งทนายมีปีก?บางคน?)ที่ดูเหมือนจะคอยตั้งป้อม?จะเป็นศัตรูกับเมกา?(รวมทั้งอิสราเอล?)อยู่เรื่อยๆ(?).. ทั้งๆที่ตนเอง?ก็เคยตั้งกลุ่มที่มีชื่อเพื่อประชาธิปไตย?,แต่ก็กลับไปชเลียร์จีน?ซึ่งเป็นคนละระบบการปกครอง?กับเรา(?).. หรือถ้าอย่างนั้น?.. เราทุกคน..ก็พากันเปลี่ยนให้เป็นระบบแบบจีน?เขาเลย(?)..ดีหรือไม่?.. จะได้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา:0:58:30 น.
88.(สังคมไทย?วกวน?,วุ่นวาย?.. เพราะสื่อบางค่าย?ชอบอ่านนิยาย3ก๊ก?)..
ทัศนะแบบนิยาย3ก๊ก?คือรากฐานมาจากประวัติศาสตร์ทางการเมืองแบบจีน?.. คือสรุปว่า..นิยายจีนเรื่องนี้?ทำให้มองว่า.. ในทางการบ้านการเมือง?นั้น(?),ไม่มีใครจริงใจต่อใครแบบถาวรตลอดไป(?)( =ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร?..นั่นเอง?)..
คือ..ไม่มีแค่คน2กลุ่ม,2พวก?เท่านั้น(ที่เป็นพวกตรงข้ามกัน?).. แต่อาจมีมากกว่า3กลุ่มขึ้นไป?ด้วยนะ(?)..[คืออาจมีการคบหากันเฉพาะกิจ,เฉพาะงาน?,ดังคำที่ว่า..ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร?(เฉพาะหน้า?),หรืออย่างน้อยเป็นแค่มิตรชั่วคราว?ก็ยังดี?..นั่นเอง?]..
คืออาจมีบางกลุ่มที่เด่น?,แต่อีกบางกลุ่ม?ก็คล้ายวางตัวกลางๆ?(รอดูลาดเลา?).. ซึ่งอาจมีนักการเมืองบางกลุ่ม?,ถ้าเห็นกลุ่มเด่นเริ่มเพลี่ยงพล้ำ?,และมองว่ากลุ่มตนเอง?สามารถจะตีตื้นขึ้นมาเป็นกลุ่มหลักได้?,ก็อาจจะหาทางแทงข้างหลัง?บ้าง(?),หรือเล่นแง่?,ต่อรอง?ด้วยเงื่อนไขต่างๆ?บ้าง(?)..
คือสรุปว่า.. แทบทุกกลุ่ม?ล้วนเข้ามาสู่การเมืองด้วยทัศนะของการหาผลประโยชน์?เข้าหากลุ่มก้อน?,กลุ่มก๊วน?ของตัวเอง?หรือเครือญาติของตัวเอง?กันแทบทั้งนั้น(?).. ซึ่งคุณจะมองว่า.. จะมีใครที่ดีบริสุทธิ์ทุกประการ?นั้น(?).. เรามองว่า..แทบหาไม่ได้เลย?..
เรายอมรับคนที่ซื่อสัตย์,ไร้ประโยชน์แบบทับซ้อนส่วนตัวจริงๆก็มีแค่2ท่านเท่านั้น.. คือ..ลุงมหาจ.,และป๋าป...นั่นเอง.. นอกจากนั้น..ในทัศนะของเรา,เรามองว่า.. ก็ล้วนมีม่านบางๆ?มาปิดกั้นใบหน้าของตัวเอง?(ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ทางตรง?หรือผลประโยชน์ทางอ้อม?ก็ตาม?)..แทบทั้งนั้น(?)..
...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...
โดย: สมจิต IP: 124.122.14.178 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา:12:27:04 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ผักกาดดองเน่า
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add ผักกาดดองเน่า's blog to your web]
Bloggang.com