ตัวอย่าง
<<
กุมภาพันธ์ 2566
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
21 กุมภาพันธ์ 2566
เปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ขายดี แต่เงินเข้ากระเป๋าใคร?
ถ้ามีกองทุนสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว จะช่วยเยียวยาผู้ประกอบการได้แค่ไหน?
พาชมรถBMWมือสองไมล์น้อยออกศูนย์จากอมรเพรสทีจรังสิตกับโซนบริการใหม่สุดว้าว
ข่าวท่องเที่ยวไทย กับตัวเลขนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ดีลลับการเมืองในสนามบอล การเมืองกับเรื่องกีฬาเป็นเรื่องเดียวกันจริงหรือ?
มองธุรกิจท่องเที่ยวไทย หลังปัญหา 'ทัวร์ศูนย์เหรียญ' ยังไม่จบดี กลับมามีศึกใหญ่ 'ทัวร์อั้งยี่' ที่ว่ากันว่า รุนแรงกว่าเดิม
จำนวน นทท.9ล้านคน เทียบกับก่อนโควิดได้หรือไม่???
แค่ขายฝัน หรือทำได้จริง ตอบชัดจาก3พรรคใหญ่บนเวทีดีเบต
10 พรรคการเมือง โชว์กึ๋น นโยบายไหนทำได้เลยทำได้ไว กับรายการพิเศษ ดีเบตใหญ่ เลือกตั้ง 66 ผ่านไทยพีบีเอส
ลุงป้อมว่าไง...หลังถูกถามคำถามผ่านรายการ ชั้นเชิงดีมั้ยมาลองดู
พาดู BMW X1 โฉมใหม่ Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 44
King Power ปรับทัพใหม่ในรอบ 3 ทศวรรษ เดินหน้าสร้างดิวตี้ ฟรี อีก 2 แห่ง
เปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ขายดี แต่เงินเข้ากระเป๋าใคร?
รถยนต์ไฟฟ้า(EV) เทรนของโลกยุคใหม่จะเลือกค่ายไหนดีระหว่าง BMW กับ Tesla?
อย่าหวังกับชาวจีนมากไป SME ท่องเที่ยวไทยยังน่าห่วง
มารีวิว Test Drive BMW iX3 รถไฟฟ้า 100% ในงาน Amorn Prestige Rally 2022 ตามนัด ^^
งานแรลลี่ของ Amorn Prestige Rally 2022 ประทับใจแบบสุดๆไปเลย
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวไทย เป็นอย่างไรบ้างมาดูกัน
สรุปปัญหาท่องเที่ยวไทยปีหน้า
อัพเดตรัวๆ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยล่าสุด ประจำเดือนตุลาคม 2022
จีนไม่มา ฝรั่งไม่มี ยอดจองโรงแรมไฮซีซั่นนี้ มีแค่ 40%
ไม่ใช่อินเดีย แต่เป็นมาเลเชีย ครองอันดับเข้าไทย
นโยบาย" Zero-COVID " ของจีนกระทบไทยแค่ไหน
ปัญหาและ เหตุผลที่ทำไมการท่องเที่ยวไทยไม่ฟื้นเสียที
ไขข้อสงสัยเปิดประเทศแล้ว ทำไม? ธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเสียที
เปิดตัวเลขท่องเที่ยวเดือน กันยายน 65 ตามคาดหรือไม่มาดูกัน
ท่องเที่ยวไทยน่าห่วง...ทางรอดธุรกิจท่องเที่ยว
ยอดซื้อในสนามบินฯยังคงเงียบเหงา หลังไทยเปิดประเทศ
พลังคนไทย การให้ที่ยั่งยืนด้วยกิจกรรม CSR ท่ามกลาง COVID-19
อีกหนึ่งครั้งที่คิงเพาเวอร์ นำ เอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก
เปิดประเทศกันแล้วเป็นยังไงบ้าง วันนี้มาดูสนามบินกัน
นักท่องเที่ยวใช้จ่ายไม่ดีเหมือนก่อน เกิดจากอะไรกัน
ความหวังจากรัฐ ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว คาดปี 2566
น่ายินดี สโมสรเลสเตอร์ มอบรางวัลให้กับ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา
นโยบายดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ความหวังจากรัฐสู่ธุรกิจท่องเที่ยว
เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ใครได้อานิสงค์?
เปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ขายดี แต่เงินเข้ากระเป๋าใคร?
หลังจากที่ประเทศไทยดีใจกันอย่างหนักกับการที่ประเทศจีนประกาศเปิดประเทศในเดือนมกราคม65 ที่ผ่านมา แน่นอนว่าทุกคนคิดว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นน่าจะยิ้มหน้าบานไปตามๆ กัน เศรษฐกิจไทยและปากท้องคนไทยนั้นคงจะดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้วแน่ๆใช่มั้ย
จากภาพที่เราได้เห็นในข่าวกับการที่ทางภาครัฐหน้าชื่นตาบานไปกับการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยของนักท่อเที่ยวจีนกับภาพที่คุ้นตากับการเรียงแถวยืนต้องรับ(อย่างเขิลอาย)พร้อมมอบพวงมาลัยดอกไม้สร้างความประทับใจว่าขนาดผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยังลงมาต้อนรับกันขนาดนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเราอยู่โลกใบเดียวกันหรือป่าว เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลก็ดีใจกับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีถึง 11 ล้านคน แต่ถ้าเปิดข้อมูลกันจริงๆก่อนปี 2019 เรามีนักท่องเที่ยวมากถึงเกือบ 40ล้านคน. แถมตัวเลขที่เราหลงดีใจ 11 ล้านคนนั้น ก็ไม่ได้ทำรายได้เข้าไทยได้มากตามที่หวังแม้แต่น้อย ข่าวที่ประชาสัมพันธ์ออกมาชั่งย้อนแย้งกับความเป็นจริงที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเจอจริงๆ
การเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนนั้น อาจจะไม่ได้นำเงินเข้าประเทศไทยของเราแต่กลับเอาเงินเข้ากระเป๋านักลงทุนชาวจีน เพราะจากที่คิดว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาเป็นลูกค้าแต่กลับกลายว่ามาเป็นคู่แข่งทางการค้าด้วยซ้ำไป จะเห็นได้อย่างชัดเจนในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของชาวจีน ขอยกตัวอย่างง่ายๆ ห้วยขวาง ถ้าลงมาดูตลาดท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านของฝาก ร้านนวด ร้านอาหาร บริเวณนั้น เจ้าของเป็นคนจีนที่มีธุรกิจรวมกับคนไทย หรือเรียกง่ายๆว่า คนไทยเราเองเป็นนอมินีของเศรษฐีชาวจีน
แถมร้านพวกนี้จะได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เพราะพวกเค้าจะได้รับการบริการในรูปแบบคนกันเอง พูดภาษาเดียวกัน วัฒนธรรมเดียวกัน ลดแลกแจกแถมกันแบบนี้เป็นใครใครก็ชอบ แล้วจะเรียกได้ว่าเงินเข้ากระเป๋าใครกันแน่ ลองคิดดู ยังไม่นับกระแสนิยมที่เกิดขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน การที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยแล้วได้อุดหนุนร้านรวงต่างๆที่มีชาวจีนเป็นเจ้าของนั้นก็ยังคงเป็นกระแสนิยมเสมอ เพราะ กระแสชาตินิยมของชาวจีนนั้นบอกเลยว่ามีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนวิกฤตโควิด-19 ด้วยซ้ำแต่ประเทศไทยก็ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้เสียที เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรมีการจัดการกับธุรกิจกลุ่มทุนผิดกฎหมายเหล่านี้ เพราะถ้าประชาชนรู้ ตำรวจจะไม่รู้ได้อย่างไร
ล่าสุดกับเทศกาลวันวาเลนไทน์ ที่ผ่านมา สดๆร้อนๆ เมื่อพูดถึงวาเลนไทน์แน่นอน ปากคลองตลาดคือมุ่งหมายของคู่หนุ่มสาวที่มาจับจ่ายซื้อดอกไม้ให้คนรัก แต่เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ร้านขายดอกไม้ ที่ตลาดปากคลองนั้น มีทุนจีนที่มีนอมินีไทยซื้อตึกเอง เปิดร้านขายดอกไม้กันโจ๋งครึ่ม นำเข้าดอกกุหลาบจากจีนเอง แถมยังมีขนาดดอกใหญ่กว่าไทยหลายต่อหลายเท่า แถมราคาถูกกว่าอีกด้วย ทำให้ดอกกุหลาบจีนได้รับความนิยมอย่างมาก
โดยส่วนแบ่งทางการตลาดพี่จีนของเราเอาไปแล้ว 60% ส่งผลให้ร้านที่มีเจ้าของเป็นคนไทยนั้น ยอดตกแบบฮวบๆ แบบนี้ไม่รู้ว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น เป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจกันแน่ แต่ธุรกิจที่เอาเงินเข้ากระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวาแบบนี้ ไม่ดีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน ไม่ใช่หมอดูก็รู้อนาคตอย่างชัดแจ๋ว
ถึงแม้ไทยจะเป็นจุดหมายหลักในการมีเที่ยวและจริงๆมันก็มีบางร้านที่ได้อานิสงค์ตรงนี้อยู่ด้วย แต่ก็เป็นการกระจุกรายได้อยู่กับร้านที่เป็นที่นิยม นักท่องเที่ยวมาเพิ่มจริงแต่ก็เพราะกระแสโซเชี่ยลนี่แหละ ที่ทำให้ร้านต่างๆ ในประเทศไทยบางร้านเป็นที่นิยมของชาวจีนเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นร้านข้าวมันไก่เจ้าดังย่านประตูน้ำ มี2 ร้านติดกันขายอาหารเหมือนกันแต่แค่มองที่หน้าร้านเห็นได้ชัดเลยว่า หนึ่งร้านมีแถวที่ยาวมากส่วนอีกร้านไม่มีคิวเลย นั่นแสดงให้เห็นถึงการกระจุกตัวของรายได้ SME ในธุรกิจท่องเที่ยวนั่นไม่ได้ดีขึ้นทุกที่แม้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา เพราะรายได้นั้นมาไม่ถึงพวกเขา ไม่มีใครไปเสียเวลาลองชิม ลองชอป ร้านที่ไม่เป็นกระแส แล้วจาดเทรนด์โซเชียลแนวแบ็คแพ็ค หรือสตรีทฟู๊ตมาแรง กระทั่งเซเลปดาราก็ยังทิ้งภาพการเดินทางท่องเที่ยวแบบไฮโซ ช้อปปิ้งแบรนด์เนมหรูในดิวตี้ฟรี หรือพักโรงแรมระดับ 5 ดาว มาเดินเล่นสู้ชีวิตกันตามตลาด
หากฟังมาแบบนี้ว่าน่าเห็นใจธุรกิจท่องเที่ยวของไทยเองแล้วยังคงมีอีกเรื่องที่เราพบเห็นได้บ่อยมาก กับการที่ชาวจีนมาเที่ยวประเทศไทย และซื้อสินค้าจากร้านที่มีชาวจีนเป็นเจ้าของธุรกิจ และไลฟ์สดขายสินค้านั้นๆ เพื่อส่งไปยังประเทศจีน บอกเลยว่าเม็ดเงินที่เข้ากระเป๋าประเทศไทยจริงๆ น้อยมาก
สุดท้ายถ้ารัฐบาลยังไม่ลงมาดูแลส่วนนี้ การปล่อยให้กลุ่มทุนจีนเข้ามามีผลต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวนั้นไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน(หรือจะมีส่วนได้เสียกันแน่นะเลยทำเบลอๆไป) ทั้งที่ประชาชนตาดำๆอย่างเรายังมองเห็นชัดเจนมาก ถ้ารัฐบาลยังหลับหูหลับตากันต่อไป ธุรกิจท่องเที่ยวของเราคงไม่มีทางกลับมานำเงินเข้าประเทศเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน อีกอย่างควรเอาเวลากับการหลงตื่นเต้นไปกับตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่มาเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังน้อยอยู่ดี ลงมาช่วยเหลือเยียวยาธุรกิจท่องเที่ยวกันดีกว่ามั้ย เพราะลืมไปหรือป่าวว่า ธุรกิจที่ปิดตัวไปกว่า 3 ปี ขาดสภาพคล่องอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ห้างร้าน โรงแรม ดิวตี้ฟรี สายการบิน กลุ่มธุรกิจSME รายย่อยๆในตอนนี้พวกเค้าเหลือเงินในกระเป๋าเพื่อดำเนินธุรกิจต่อหรือไม่ เพราะเท่าที่ผ่านมาเห็นแต่การประโคมข่าวเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยข่าวจำนวนเงินใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่ลดลงนั้น กลับไม่มีการนำเสนอ หรือเพราะท่านๆไม่กล้าเผชิญความจริงกันนะ
เมื่อมันย้อนแย่งกันขนาดนี้ รัฐบาลก็ยังไม่มีโครงการช่วยเหลือเยียวยาธุรกิจท่องเที่ยวเลย ได้แต่หวังว่ารัฐบาลใหม่จะมองเห็นจุดนี้หรือจะเป็นวังวนที่ประชาชนเห็นภาครัฐไม่เห็น ซ้ำรอยแบบนี้ไปอีกหรือไม่ คงต้องติดตาม ตอนนี้ได้แต่นั่งถอนใจกันแล้ว...
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2566
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2566 3:49:04 น.
1 comments
Counter : 233 Pageviews.
(โหวต blog นี้)
Share
Tweet
สรรพกรต้องทำงานมาก-ขึ้น-ครับ
โดย:
ไวน์กับสายน้ำ
วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:7:05:56 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ผักกาดดองเน่า
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add ผักกาดดองเน่า's blog to your web]
Bloggang.com