คำนวณภาษีเงินได้ประจำปีผิดพลาด แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ นี่ก็เดือนกุมภาพันธ์แล้ว และเป็นเวลาที่เราจะต้องนำส่งภาษีหรือคำนวณเงินได้ของปีที่ผานมากันแล้ว โดยเรื่องที่จะมาเล่าสู่กันฟังวันนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และนำมาฝากเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้เพื่อน ๆ ได้ระวังจะได้ไม่เกิดกรณีที่ต้องเผชิญกับตัวเองขึ้นมาอีก
ระหว่างปี 2546 ได้ย้ายงานระหว่างสิ้นไตรมาส 3 ขึ้นไตรมาส 4 และเมื่อสิ้นปีจึงได้นำเอกสารที่รับรองรายได้และการหักภาษีส่งให้บริษัทใหม่เพื่อคำนวณภาษีประจำปี (ตอนนั้นยังไม่สามารถทำผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้) ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บริษัทที่ย้ายงานมาใหม่เกิดสับสน และทำผิดพลาดอย่างไม่น่าจะเกิด คือ เธอได้นำรายได้จากบริษัทเก่ามาคิดเป็นรายได้ของบริษัทใหม่ด้วย หมายความปีนั้นเงินได้เท่ากับ 9 เดือนจากบริษัทเก่า และ 9 + 3 เดือนเป็นรายได้ของบริษัทใหม่ หมายถึงเธอคำนวณเกินมา 9 เดือนนั่นเอง ถึงแม้ตอนนั้นเงินเดือนจะยังไม่ได้สูงมากมายอะไร แต่ปัญหาคือ เราอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีก็เลยมีสารพันปัญหาตามมากมายหลังจากนั้น แล้วเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ไม่ทราบว่าตนเองทำผิด เรามารู้ตอนที่รับสลิปเงินเดือนสิ้นปี พอเห็นภาษีก็เข่าอ่อนเพราะเราจบบัญชีมาเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นก็ทำเรื่องท้วงติงไปแต่เธอก็ไม่ได้กระตือรือค้นที่จะดำเนินการอย่างใดให้ชัดเจนเพื่อที่จะแก้ต่างให้เรา จนกระทั่งผ่านไปครึ่งปีเราลาออกจากที่นั่น ก็ยังไม่มีความคืิบหน้า หลังจากนั้นก็ยังตามอยู่เสมอก็ยังไม่คืบหน้า จนเธอคนนั้นลาออกไป และมีเจ้าหน้าที่คนใหม่เข้ามาแทน เราก็ยังโทรไปตามเรื่องตลอด ยังโชคดีที่หัวหน้างานเธอยังทำงานอยู่ และให้เจ้าหน้าที่คนใหม่ดำเนินการให้หลังจากนั้น 1 ปี โดยทำเรื่องขอแก้ไขภาษีและชี้แจงไปยังสรรพากรจังหวัด เราก็ตามและก็ยังไม่คืบหน้า ก็เข้าใจว่าจบไปแล้ว เพราะที่จริงเราถูกหักภาษีไว้เกินประมาณสองสามพันก็เลยไม่ได้กังวล
ผ่านไปประมาณ 5 ปี มีจดหมายจากสรรพากรกรุงเทพที่เรามีทะเบียนบ้านอยู่ฟ้องร้องให้เราจ่ายภาษีย้อนหลังหมื่นกว่าบาทด้วยสาเหตุว่าชำระภาษีขาดพร้อมดอกเบี้ย โอ้โห ปวดหัวเลย เกิดมาก็ไม่เคยมีเรื่องคดีความกับใครเขา ภาษีก็จ่ายเงินแถมยังต้องมาเจอคดีอีก
วันนั้นจำได้ว่าโทรไปปรึกษาเจ้าหน้าที่กฎหมายของสรรพากรที่ชลบุรี เจ้าหน้าที่ก็ให้ลองนำเอกสารเข้าไปติดต่อ พอไปถึงก็เล่าเรื่องราวให้ฟัง เขาก็อธิบายว่าค่อนข้างจะยาก ยกเว้นหลักฐานพร้อม นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่คนนี้ยังได้อธิบายแนวทางการทำหนังสือขออุทธรณ์ไปยังสรรพากรเขตที่กรุงเทพ เจ้าหน้าที่ถามมาประโยคหนึ่งว่าน้องเป็นนักกฎหมายหรือเปล่า เราก็ตอบไปว่า เปล่าค่ะ แต่หนูไม่ได้ทำผิดอะไร และต้องการพิสูจน์ความถูกต้อง ถ้าหนูไ่ม่ผิดสักบาทหนูก็ไม่อยากจ่าย เขาฟังแล้วก็ยิ้มแล้วให้กำลังใจว่า เราคิดถูกต้องแล้ว และให้คำแนะนำอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเรามาก
กลับมาเราก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่คนนี้แนะนำและส่งจดหมายร้องเรียนไปยังเขตที่กรุงเทพ ผ่านไปสักระยะก็มีเจ้าหน้าที่ติดต่อขอให้เราไปให้ปากคำพร้อมเอกสาร เราก็ดำเนินการส่งเอกสารและไปให้ปากคำตามความเป็นจริง
เราโชคดีมากที่ตอนนี้เห็นเค้าลางของปัญหาก็เลยเก็บเอกสารไว้ทุกอย่าง หนังสือรับรองภาษีของทุกบริษัท สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองการทำงาน คือมีอะไรเก็บหมด และก็เป็นประโยชน์มาก ตอนแรกเจ้าหน้าที่บอกว่าเราทางศาลมีข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นกรณีของ nominee เขาจึงตรวจสอบความเชื่อมโยงของทั้งสองบริษัท และมีการสอบและพิจารณาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ กันอยู่นาน จนสุดท้ายก็ขอให้บริษัทแรกทำหนังสือรับรองระยะเวลาทีทำงานและเงินได้มาอีกครั้ง สรุปรวมเวลาในการอุทธรณ์คดีก็ประมาณปีเศษ
ผลคือ เราหลุดจากการข้อกล่าวหาดังกล่าว และสรรพากรยกเว้นการปรับหมื่นกว่าบาทที่กล่าวมาข้างต้น
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ทำให้เราแย่ไปเหมือนกันเพราะกว่าจะพิสูจน์ให้เชื่อว่าเกิดจากการทำงานผิดพลาดของพนักงานบริษัท ไม่ใช่เพราะเราจ่ายภาษีขาด
ปัจจัยที่ทำให้เราชนะคดีนี้คือหลักฐานที่เราเก็บรวบรวมไว้ครบ ถึงแม้อาจจะไม่ 100% แต่ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญโต้แย้งได้ และที่สำคัญที่จะต้องกล่าวขอบคุณด้วยใจจริงคือเจ้าหน้าที่ทั้งคนแรกที่ให้คำแนะนำ และเจ้าหน้าที่ดูแลและพิจารณาคดีที่พิจารณาที่ยังสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างเรา ๆ ได้ ก็ขอให้ท่าน ๆ เหล่านี้คงความดีเช่นนี้ตลอดไป
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
4 comments |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2555 20:25:52 น. |
Counter : 5074 Pageviews. |
|
|