ความทุกข์ของแม่บ้าน

ประตูห้อง pantry  ที่แย้มไว้เผยให้ฉันเห็นใบหน้าเศร้าหมองของแม่บ้านประจำชั้น เธอหันมามองพร้อมกับพูดว่า "ป้าเบื่อจังเลยคุณต้อย แม่บ้านชั้นล่างลาออกอีกแล้ว ป้าจะทนไม่ไหวแล้ว ทำงานไม่ได้หยุดเลยสักวัน เสาร์ อาทิตย์ก็ต้องมาช่วยชั้นล่าง แล้วนี่ยังมาลาออกอีก ป้าก็ต้องวิ่งรอกสองชั้นเลย"  เธอพูดพลางพับถุงขยะให้เข้ารูปเข้ารอยที่เธอต้องการ

เธอบ่นต่อไปว่า "เงินก็ไม่พอใช้ สามีที่ได้อยู่ด้วยกันก็กินเหล้า ป้าเพิ่งจะไล่ไป สร้างแต่ภาระให้ อยู่ดี ๆ ก็เอาหนี้มาให้ ซื้อมอเตอร์ไซด์มา 70,000 เป็นชื่อป้า เพิ่งผ่อนไปได้ครึ่งเดียว  รู้งี้ไม่อยู่ด้วยหรอก"

ฉันหันไปยิ้มแล้วถามเธอว่า "ถ้าป้าลาออกจากที่นี่ แล้วไปเป็นแม่บ้านที่อื่น คิดว่างานจสบายขึ้น?"
ป้ามองหน้า "ก็คงเหมือนกัน"
ฉันเสริมต่อ "เมื่อป้าคุ้นเคย รู้งานแล้วก็สามารถจัดการงานได้เร็ว ส่วนเพื่อนที่ลาออกก้ต้องให้หัวหน้าเร่งหาคนมาทดแทน ช่วยในส่วนที่เราพอช่วยได้ แต่งานหลักของเราก็ต้องไม่เสีย"
"จริงด้วย แต่อย่างไรป้าก็เครียดอยู่ดี เพราะเงินไ่ม่พอใช้จากหนี้ที่ใช้่แทนสามีที่เพิ่งเลิกกันไป เมื่อก่อนอยู่สองคนแม่ลูกก็สบายดี พอสามีเก่าตายได้กับคนนี้ก็มีแต่เรื่อง"

ฉันตอบแบบใจเย็น "ไม่ว่าป้าหรือใคร ๆ ก็มีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น หนูมีทุกข์เพราะอยากได้โน่น อยากได้นี่ ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาตอบสนองกิเลส  หนูอาจจะทุกข์มากกว่าป้าอีกนะ เพราะหนูมีหนี้มากกว่าป้าหลายสิบเท่า แต่ถ้าป้ารู้จักทำใจปล่อยวาง หนี้ก็ส่วนหนี้ มีหนี้ก็ทยอยใช้ไป เดี๋ยวก็หมด แต่ถ้าอยากหมดหนี้เร็วก็ขายรถไป เลือกเอาว่าอยากได้แบบไหน ที่จริงก่อนหน้านี้ถ้าอยู่แบบพอเพียง ไม่ใช่จ่ายเกินตัว ถึงแม้จะไม่รวยก็มีความสุขอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ แต่ใจเราดิ้นรนหาสิ่งที่คิดว่าจะนำพาความสุขมาให้ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ สุขกลับตาลปัตร กลายเป็นทุกข์ไป วิธีแก้ง่่าย ๆ  ปล่อยวางแล้วเลิกเครียดซะ เครียดไปเงินก็ไม่ได้เยอะขึ้น สุขก็หาไม่ได้ แล้วเดี๋ยวหนูจะนำหนังสือสวดมนต์มาให้นะคะ เมื่อมีสมาธิสติจะมาเอง แล้วชีวิตจะดีขึ้นค่ะ ที่พูดเนี่ยว่าหาว่าสอนผู้ใหญ่กว่านะ แต่เทียบเคียงจากประสบการณ์ตัวเองน่ะ"

ป้ายกมือไหว้จนฉันรับไหว้แทบไม่ทัน
"ขอบคุณมาก ป้าสบายใจขึ้นเยอะเลย ไม่งั้นกลับไปบ้านก็เครียดทุกวัน ชีวิตหาความสุขไมไ่ด้เลย ต่อไปป้าจะกลับไปทำเหมือนเดิม นั่งรถบริการมาทำงาน คนไม่ดีก็เลิกไปซะ จะได้กลับไปมีความสุขแบบเดิม"

"ดีแล้วค่ะ สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจเรา ไม่มีใครมาทำให้เราทุกข์ได้หรอกหากใจเราไม่ทำเอง"

เช้าวันจันทร์หนังสือสวดมนต์ถึงมือของแม่บ้านตามที่สัญญาไว้ พร้อมคำอธิบายให้เธอสวดบทต่าง ๆ เช่น บทพุทธคุณ พาหุง และหากเิริ่มชำนาญแล้วก็ต่อด้วยชินบัญชร ที่สำคัญคือให้พยายามสวดให้ได้ทุกวัน เพราะนอกจากจะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ สร้างสมาธิให้กับตัวเองแล้ว ยังไม่ต้องไปเสียเงิันเสียทองกับกิจกรรมที่ไม่เกิดประโยชน์และสร้างทุกข์อีกด้วย

เช้าวันอังคารแม่บ้านมาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าเมื่อคืนเธอและสามีพร้อมใจกันสวดมนต์ ทำให้สามีไม่มีเวลาไปกินเหล้ากับเพื่อน ๆ เหมือนเคย ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น

ที่จริงเราจะคลายทุกข์ได้ก็ด้วยการสตินี่เอง เมื่อมีสติก็จะคิดอ่านทำในสิ่งที่ทำให้ตนเองไปสู่ความเจริญ นอกกจากนี้การสวดมนต์นอกจากจะเป็นการสร้างกุศลตามแนวพุทธศาสนาแล้ว หากพิจารณาตามหลักวิทยาศาสตร์การสั่นสะเทือนของเสียงก็ส่งผลดีต่อการบำบัดโรค เพราะขณะที่เราสวดมนต์จิตใจเราจะมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับบทสวดเหล่านั้น และบทสวดมนต์ที่ได้แนะนำแม่บ้านไปนั้นก็ล้วนเป็นบทสรรเสริญพระพุทธเจ้าที่จะนำพาความสุขความเจริญมาแก่ผู้ปฏิบัติ

ตัวฉันเองก็ยังมีทุกข์เหมือนปุถุชนทั่วไป แต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้แบ่งปันประสบการณ์แห่งห้วงความทุกข์ที่เราเคยเดินผ่านมาแล้วให้แก่เพื่อนร่วมสังคม ถึงแม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ประสบการณ์ของตัวเองฉันเชื่อโดยสนิทใจว่าการให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวงจริง ๆ

Create Date : 16 มิถุนายน 2555		1 comments
Last Update : 19 มิถุนายน 2555 19:50:41 น.
Counter : 1686 Pageviews.
Share Tweet