เมื่อคนรักคือสายลับที่ปลอมตัวมา 1

เมื่อชายคนหนึ่งหายตัวไปคนรักของเขาซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมและรู้จักเขาในชื่อ จอห์น บาร์เกอร์ จึงเริ่มต้นออกเดินทางตามหาที่นำเธอไปถึงบ้านเก่าของเด็กชายเจ้าของชื่อตัวจริงที่คนรักของเธอนำมาใช้สวมรอย

จอห์นบาร์เกอร์ตัวจริงคือเด็กชายที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวตั้งแต่อายุได้แปดปีซึ่งตรงกับปี 1968 สิบเก้าปีต่อมา ข้อมูลส่วนตัวของเขาถูกตำรวจนำมาใช้ใหม่อย่างเงียบๆชายที่นำข้อมูลของเด็กมาอ้างว่าเป็นของตน คือ จอห์น ไดนส์สิบเอกสายลับแห่งหน่วยพิเศษของตำรวจนครบาลลอนดอน

ในปี1987 ไดนส์ได้รับหน้าที่ให้ปลอมเป็นผู้ประท้วงต่อต้านทุนนิยมและคอยส่งข้อมูลลับให้แก่ตำรวจในหน่วยลับชื่อว่า กองดูแลด้านจลาจลชุดพิเศษ(ชื่อย่อภาษาอังกฤษคือเอสดีเอส หรือ SDSย่อมาจาก the special demonstration squad) เรื่องของกองกำลังนี้เป็นที่ถกเถียงของผู้คนและถูกตั้งคำถามในเชิงจริยธรรมด้วยมันตั้งอยู่ได้ห้าปี และตอนนี้มันกำลังย้อนกลับมาหลอกหลอนเขา

เช่นเดียวกับตำรวจของกองกำลังเอสดีเอสอีกหลายๆคน ไดนส์เองก็มีคนรักเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเธอไม่ต้องการเปิดเผยตัวจริงและขอให้นักข่าวเรียกเธอว่า แคลร์

เรื่องราวของเธอนอกจากจะเผยให้เห็นถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่ผู้หญิงหลายคนได้รับซึ่งทางตำรวจอธิบายว่าพวกเธอคือเหยื่อของ"ผลข้างเคียง" จากการปฏิบัติงานสายลับแล้วยังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ตัวตนของเด็ก ๆซึ่งเสียชีวิตไปแล้วจะถูกตำรวจนำไปใช้อีกด้วย

ในปี1990 ชายที่แคลร์รู้จักในนาม จอห์น บาร์เกอร์ขอยืมเงินเธอสำหรับเดินทางไปนิวซีแลนด์เพื่อไปงานศพของแม่เขา “ในคืนก่อนที่เขาจะบินไปที่นั่น เขาพักที่บ้านฉันและเหมือนว่าเขาจะพรั่งพรูความในใจออกมาจนหมด ความรู้สึกที่เรามีต่อกันลึกซึ้งมากเมื่อเขากลับมา เราจะอยู่ด้วยกัน"

ไม่มีงานศพที่นิวซีแลนด์และไดนส์ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องยืมเงินแต่แคลร์รู้จักไดนส์ในฐานะเพื่อนร่วมประท้วงมาเป็นเวลาสามปี ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องระแวงเขาเลยและทั้งคู่ยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันถึงสองปี

"เขาบอกว่า เขาอยากอยู่กับฉันไปตลอดชีวิตและฉันก็หลงรักเขาหัวปักหัวปำ" แคลร์กล่าว "เขาบอกว่าเขาอยากให้เรามีลูกด้วยกันเขาเคยบอกว่าครั้งหนึ่งเคยเห็นคู่ตายายชาวกรีกนั่งอยู่ที่เฉลียงบ้านมองพระอาทิตย์ตกด้วยกันและเขาวาดภาพเราแก่ไปด้วยกันแบบนั้น"

ก่อนฤดูร้อนปี1991 ไดนส์เริ่มแสดงอาการว่าเจ็บปวดทางใจซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนตีจาก

"เขาเอาแต่บอกว่า เขาไม่มีใครเหลือแล้วนอกจากฉัน" แคลร์เล่า"พ่อแม่ของเขาตายหมดแล้ว เขาไม่มีพี่น้องเลย ผู้หญิงคนเดียวที่เขาเคยรักก่อนหน้าฉันผู้หญิงที่ชื่อเด็บบี้ก็ทิ้งเขาไปบอกว่าเขาเชื่อว่าฉันก็คงจะทำอย่างนั้นกับเขาเหมือนกัน"

ไดนส์ทำให้เชื่อจริงๆ ว่าเขาอยากจะหนีไปจากปีศาจร้ายที่อยู่ในตัว"ฉันเห็นเขาร้องไห้อย่างหนัก" แคลร์บอก "เขาบอกฉันว่าเขาทิ้งของมีค่าของแม่เขาลงแม่น้ำจนหมดเพราะคิดว่าแม่ไม่เคยรักเขาเลยเขาบอกว่าพ่อแม่เคยทำร้ายเขา"

ในเดือนมีนาคม1992 ไดนส์โทรมาสนามบินฮีธโทรว์ น้ำเสียงโศกเศร้าบอกว่าเขากำลังจะบินไปที่ประเทศอาฟริกาใต้หลังจากนั้นแคลร์ได้รับจดหมายสองฉบับประทับตราไปรษณีย์ของอาฟริกา จากนั้นชายคนรักของเธอก็หายสาบสูญไป

แคลร์ถูกทิ้งให้อยู่กับความว้าวุ่นและสับสน"ฉันเป็นห่วงสภาพจิตใจเขามากจริงๆ" เธอเล่า"ฉันยังแทบบ้าเพราะกังวลว่าเขาอาจจะฆ่าตัวตาย"

แคลร์ติดต่อกับกงสุลอังกฤษประจำอาฟริกาใต้และโทรไปตามโรงแรมอย่างบ้าคลั่ง เธอคิดว่าเขาอาจจะยังพักอยู่ที่โจฮันเนสเบิร์กต่อมาเธอจ้างนักสืบเอกชน แต่เขาก็ไม่พบร่องรอยของไดนส์เลย

มันเป็นการเริ่มต้นออกเดินทางตามหาความจริงที่ใช้เวลายาวนานเกือบสองทศวรรษและในที่สุด มันพาเธอไปที่นิวซีแลนด์กว่าเธอจะรู้แน่ว่าชายที่เธอรักคือตำรวจลับก็หลังปี 2010

ในเวลาที่แคลร์คิดไปว่าคนรักของเธอหายตัวขณะอยู่ต่างประเทศ ความจริงเขากำลังทำงานอยู่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์เมื่องานสายลับของเขาจบลง ไดนส์ก็เลิกไว้ทรงผมฮิปปี้และกลับไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ตำรวจนครบาลในสก็อตแลนด์ยาร์ดซึ่งเพื่อนร่วมงานของเขาคนหนึ่งอ้างว่า เขาดูท่าทาง"ทุกข์ระทมเหลือเกิน"

ในการแสวงหาคำตอบหนึ่งในสิ่งแรกๆที่แคลร์ทำคือหาสำเนาของใบสูติบัติที่เธอสันนิษฐานว่ามันน่าจะเป็นของชายรักของตนเองเอกสารใบนั้นรายละเอียดตรงตามข้อมูลที่เขาเคยบอกเธอมันบอกว่าเขาเกิดที่เมืองหนึ่งในมิดแลนดส์ เมื่อเดือนมกราคมปี 1960เธอไม่รู้เลยว่ามันคือของปลอม และความจริง จอห์น บาร์เกอร์ตายไปตั้งแต่ยังเด็กแล้ว

แปลจาก

//www.theguardian.com/uk/2013/feb/03/woman-search-police-spy

Create Date : 03 พฤษภาคม 2557		0 comments
Last Update : 4 มิถุนายน 2557 18:08:18 น.
Counter : 1465 Pageviews.
Share Tweet