สุภารัตถะ บล็อก
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
4 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
ฉันไม่อยากตื่นขึ้นมา

เรื่องสั้น ฉันไม่อยากตื่นขึ้นมา
โดย สุภารัตถะ


ภาพไฮสปีด แสดงภาพต่อภาพด้วยความเร็วกว่าการเคลื่อนไหวจริง ตรึงฉันให้มองดูอยู่ด้านล่าง รวมอยู่ในกลุ่มคนซึ่งกำลังแหงนหน้าชมมัน ขณะถ่ายทอดอยู่ในวีดีโอวอร์ขนาดยักษ์ ที่ติดอยู่กลางห้างสรรพสินค้า

คงเป็นภาพยนตร์ต่างชาติแนวทดลอง เดาอย่างนั้น ด้วยการถ่ายทำและตัดสลับไวๆ น่าขบขันอยู่ในที แต่เนื้อหาช่างเอาจริงเอาจัง แสดงภาพคนตัดไม้ในป่ากันอย่างบ้าคลั่ง อาจเพราะภาพดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากด้วยกระมัง ป่าไม้ถูกถากถาง มีถนน บ้าน ผุดขึ้นๆ กลายเป็นเมือง เมืองแล้วเมืองเล่า สัตว์ป่าตายอนาถไร้ที่อยู่อาศัย บ้างถูกรถชนตายคาถนนขณะข้ามอย่างตื่นๆ แต่ละเมืองมีผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ รถค่อยๆ มากขึ้น อลหม่านทั้งคนทั้งรถเบียดเสียดจอแจ เสียงคนเสียงรถวุ่นวายอึกทึก ทุกคนมีมือถือพูดแล้วก็พูด พวกค้าขายตะโกนกันโหวกเหวก รถแต่ละคันบีบแตรและพ่นควันเหม็นจนน่าปวดหัว ตัดภาพมาที่คนกินและกิน อาหารล้นโต๊ะ คนซื้อข้าวของเครื่องใช้เป็นคิวยาวเหยียด ขยะเพิ่มขึ้นๆ จนล้นเมือง มีข้อความขึ้นด้านล่างของภาพว่า เชื้อไวรัสยังอายและทำลายล้างได้ไม่เทียบเท่า.. ภาพตัดกลับมาที่ควันพิษต่างๆ ก่อตัวจนปกคลุมโลก บางแห่งอากาศร้อนจัด บรรยากาศชั้นโอโซนทะลุ ไฟไหม้ป่า น้ำแข็งขั้วโลกละลาย แล้วน้ำป่ากำลังไหลหลากมาท่วมโลกในหลายๆ ประเทศ จู่ๆ โลกก็ระเบิดเสียงดังกัมปนาท บึม !!! ฉันและหลายคนในกลุ่มกำลังยืนดูเพลินๆ สะดุ้งขึ้นพร้อมกัน หนังเวียนฉายใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก หลายคนหัวเราะและเดินจากไป

ฉันยืนดูอยู่อีกหลายรอบ..เริ่มเฉยชาและเฉื่อยเนือย เราหยุดคนบนโลกไม่ได้ นอกจากหยุดตัวเอง ที่ตัวเอง..

กลับมาถึงบ้าน ทุกทิศล้วนติดกับบ้านหลังอื่นยกเว้นหน้าบ้าน ทาวน์เฮ้าส์สวรรค์น้อยๆ เอาไว้ซ่อนตัวจากภายนอก อีกทั้งรถ มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอำนวยความสะดวก ที่พยายามเพียรหามันมาให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด คล้ายกับหนังซึ่งดูมาสักครู่นี้..

ภายในบ้านเต็มไปด้วยขยะ มันเคยมีค่ามากตอนซื้อ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุทำมาจากไม้ โลหะ หรือวัสดุต่างๆ ดัดแปลงมาเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ใครๆ ก็ต้องการ บางทีก็เพราะพิสมัยมากกว่าคุณประโยชน์ที่มีจริงๆ ของมัน แต่ก็หาช่วยให้มีความสุขได้นาน จำได้ว่า โซฟาใหม่ซื้อมาแทนเตียงเก่าที่ยกเอาไปให้คนอื่น

“พี่เคยบอกว่าชอบหนูมากไงคะ” เตียงคงตัดพ้อ

“ของเก่ามันก็ขึ้นสนิม ตอนนี้พี่เขาหลงใหลฉันมากกว่า” โซฟาคงกล่าวเตือน

ตู้สองตู้ได้มาด้วยความอยาก จนต้องจับชนกันหน้าหลังเพราะไม่มีที่จะวาง

“แกว่าเราจะหันหลังชนกันไปอีกนานแค่ไหน” ตู้ทั้งสองคงหันหลังคุยกันอย่างปลงสังเวช

อารมณ์ความสุขขณะซื้อจบลง และแทนมันด้วยของใหม่ต่อไป หรือไม่ก็รกเกินจะเบียดกันอยู่ภายในบ้าน ยังไม่นับสารพันสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ถูกแอบซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ เหมาะบ้างไม่เหมาะบ้าง หลังจากโดนปลดระวางจากที่ที่เคยมีเกียรติ

“เราอยู่ที่ไหน ทำไมฝุ่นจับตัวเราเสียแน่นหนาน่าอัปลักษณ์ ยุดทองของเราจบสิ้นแล้ว” ของหลายชิ้นคงบ่นระงม ด้วยความอาฆาตฉัน

บ้านกลายเป็นรังเก็บขยะ จะหาที่ว่างคงยากยิ่ง แต่พอจะทิ้งกลับหวั่นเกินจะทำได้ง่าย ดังเช่นจิตใจ อัดแน่นไปด้วยความคิดฟุ้งซ่านซึ่งถูกหวงแหน เกินจะขว้างมันออกไป ฉันหวาดกลัวตัวเอง มนุษย์กัดกินทุกอย่างหมดโลกก็ไม่มีวันอิ่ม โลกถูกถลุงจนพินาศ แล้วก็ระเบิด ความสุขจาการแสวงหาไม่เคยพอ กลับยังพ่ายแพ้ต่อความเบื่อ จนต้องแสวงหากันต่อไป แต่ฉันขณะนี้ หน่ายจะหาความสุขใหม่ๆ ที่ไม่ทานทนเอาเสียแล้ว จนจับขั้วหัวใจ..

เหมือนหมดความสนใจใคร่รู้ต่อโลกไปเสียเฉยๆ ชีวิตซ้ำๆ เดิม เวียนอยู่ชั่วนาตาปี อยากยุติการค้นหาสิ่งใหม่ แต่กลับจมอยู่ในอดีตแทน แม้โลกจะยังก้าวไปไม่หยุด ราวมีอะไรแปลกใหม่จนตามไม่ไหว แต่ก็เป็นเพียงความใหม่ในรูปแบบเดิมๆ ฉันวิ่งมาชนความเบื่อครั้งแล้วครั้งเล่า ความเบื่อสุดๆ เล่นงานฉันไปเสียทุกเรื่อง จนไม่อยากหาเรื่องอะไรมาเล่นอีก หรือบางทีอาจจะมี แต่ก็เห็นจะเล่นกับมันได้ไม่ทนเหมือนอย่างแต่ก่อน ตอนนี้ ทุกสิ่งที่ฉันเข้าไปสังฆกรรมร่วม กลับไม่สามารถสนุกอยู่กับมันได้นาน ไม่มีความสามารถในการหลงรักใคร เบื่อการสมาคม ไม่ซึมซาบกับหนังอันตื่นตระการตายิ่งใหญ่ บทเพลงสุดแสนซาบซึ้ง แม้แต่คอมพิวเตอร์เครื่องมือสื่อสารอันเป็นเลิศซึ่งเป็นของใหม่สำหรับฉันด้วยซ้ำ หรือว่ามันเป็นอาการของคนแก่ แต่คนสูงวัยกว่าฉันหลายคน ก็ยังเห็นเขาสนุกกับโลกดีอยู่ สิ่งที่คิดว่าใหม่ยังคงถูกเวียนหา..

พอเปิดทีวีแก้ความวังเวง กลับต้องรีบปิดลงทันควัน.. ตัวละครชื่อแม่พลอยโลดแล่นอยู่หน้าจอ หล่อนช่างไม่เหน็ดเหนื่อยเสียบ้างเลย หล่อนถูกถ่ายทำมากี่ครั้งแล้ว ห้าครั้งแล้วกระมังในช่วงชีวิตฉัน และจะอีกกี่ครั้งกันกว่าฉันจะตาย ฉันมองหล่อนเย็นชา ก็คงสร้างความประทับใจให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไปได้อยู่หละ แต่สำหรับฉัน หลายอย่างเคยดูตื่นเต้นน่าติดตาม มันไม่น่าติดตามอีกแล้วในตอนนี้ ฉันทบทวนความซ้ำซากอยู่ตลอดคืนจนเกือบเช้า

หัวเราะให้ตัวเองแผ่วเบาในลำคอ ราตรีไม่ได้เหน็บหนาวหรือเปลี่ยวเหงา ลมหายใจของฉันเองต่างหากที่ซ้ำซาก คิดถึงสิ่งผ่านๆ มาอีกแล้ว การเดินทางไกลมาในระยะไม่นาน แต่ชิงเบื่อหน่ายอย่างรวดเร็ว และคงจะเร็วยิ่งขึ้นในเด็กรุ่นหลัง เพราะถูกเร่งเร้าด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ดิ่งด่วนเข้าสู่ความเจ็บปวดจากความสุขกลวงเปล่าภายนอก ซึ่งถูกยัดเยียดมาจากทุกสารทิศ กับสิ่งจริงแท้คือความหายนะของโลกที่ผุพัง ความสบายฆ่าเราอย่างทารุณ ทำให้เรานิสัยเสีย เราเรียกหามันด้วยการทำร้ายคืนต่อโลกผู้มีพระคุณ ฉันถูกน็อคล้มคว่ำจากคู่ต่อสู้ที่เรียกว่าสัจจะ เลือดคงคั่งอยู่ในสมอง อัมพาตชีวิตกัดกินฉันจนเหลือแต่ซาก

ที่สุด ฉันก็ตัดสินใจนอนลง หลับตา จะไม่ทำอะไรอีกแล้ว หลับและเลิกจะตื่นเสียที..

ผ่านไปเนิ่นนานขนาดไหน.. ก็ไม่ทราบ

แล้วก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกจนได้ ความเสียใจแล่นพล่านอยู่ซ่านทรวง น้ำตาไหลย้อนเข้าสู่ภายใน จะทำอย่างไรได้ ต้องพยักหน้าหงึกๆ ยอมรับว่าตัวเองมีสติขึ้นมาอีกครั้ง รับรู้ได้อีกครั้ง มีอาการคล้ายสะอื้นอยู่ในอก แต่ก็ว่างเปล่า ฉันตื่นขึ้นจนได้ คราวนี้คงหลับไปอย่างเต็มที่ก็สักหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ไม่อาจจะหลับแบบไม่ตื่นตามต้องการ ก็คนยังไม่ตาย !! จะไม่ตื่นขึ้นมาได้อย่างไร?

ใช่.. มันก็แค่เรื่องตลก !! ใครจะไปแก้ปัญหาด้วยการนอนไม่ตื่นได้กันล่ะ แม้จะเซ็งชีวิตขนาดไหนก็เถ่อะ.. ฉันอาจจะแก้ปัญหาด้วยการนอนมาตั้งแต่เด็ก เมื่อพบความผิดหวัง เบื่อหน่าย ท้อแท้ หรือปัญหาอะไรก็ตาม นอนลงด้วยใจอันอ่อนล้าและไม่อยากตื่นขึ้น แต่นั่น มันก็แค่การวิ่งหนีปัญหาซึ่งเป็นไปไม่ได้ ก็แค่ การไม่อยากตื่นแต่ต้องตื่น ก็เท่านั้น เพราะมันไม่ใช่การตายสักหน่อย แล้วชีวิตก็จะดำเนินไปตามครรลองของมัน ที่เหมือนไม่ใช่ของฉัน !!! ร่ำไป...

คงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ทีเดียว คลับคล้ายว่าจะหลับไปตอนเช้ามืดตี 5.50 น. ของเมื่อวันก่อน สังเกตจากนาฬิกาบอกเวลาเดิม ตีห้าห้าสิบ และบรรยากาศรอบตัวที่คล้ายเดิม ฉันตื่นขึ้นมาด้วยเวลาเดิมที่นอนลงไป ยี่สิบสี่ชั่วโมงพอดิบพอดี ฉันนึกขัน แต่พอเห็นวันที่ที่เป็นวันที่เดิมด้วย ถึงกับต้องแค่นหัวเราะด้วยความเซ็งสุด !! นาฬิกาตายเสียแล้วกระมัง ตกลง ฉันหลับไปนานเท่าไรกัน??

ดันตัวเองลุกขึ้น ขยี้ตาเบาๆ ในท่านั่งบนเตียงนอนที่รองรับร่างกายเปลี้ยๆ เตียงคลุมไว้ด้วยผ้าสีฟ้าเกือบขาว มันเป็นสีที่สะอาดตา หันมองไปรอบห้องๆ ข้าวของเครื่องใช้อันตรธานหายไปหมด รู้สึกห้องโล่งโปรงสบาย ไม่มีขยะอีกต่อไป ไม่มีแม้แต่หน้าต่างประตู กลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมลูกบาศก์เกือบขาวโพลน ฉันกะพริบและขยี้ตาอีกหลายครั้ง เริ่มตกใจแล้วซิทีนี้ !!! ลูบใบหน้าแรงๆ เพื่อให้แน่ใจกับภาพที่เห็น “เฮ้ย..มันอะไรกันนี่” ลุกขึ้นและวิ่งไปที่ผนัง..

“โธ่เว้ย.. แล้วจะออกไปได้อย่างไรกัน” ลืมเรื่องที่ไม่อยากจะตื่นไปเสียสนิท ความกลัวเข้าครอบงำแทนที่ ได้แต่ตะโกนพร้อมทุบผนัง ซึ่งปิดตายทุกด้าน “ใครก็ได้ ช่วยด้วย..” เสียงสะท้อนของตัวเองดังย้อนกลับมาเป็นระลอกคล้ายตีกลับเป็นระยะจนน่าวิงเวียน ทั้งทุบและตะโกนอยู่จนเหนื่อย มันต้องเป็นแค่ความฝัน ฉันหยุดคิด คิดและพยายามคิด ใช่ ฉันคิด เดี๋ยวฉันก็จะตื่นขึ้นแล้วหละ ตั้งสติ หายใจอย่างผ่อนคลาย ไม่ต้องกังวลไป กลับมาที่เตียงล้มตัวเพื่อนอนอีกครั้ง ในสภาพที่คิดว่าเป็นความฝัน และพยายามจะหลับ เพื่อจะได้ตื่นแบบตื่นขึ้นมาจริงๆ

ทว่าอาการหลับ ที่ตั้งจิตตั้งใจจนทำได้ทันทีเมื่อต้องการ เพื่อหนีความรู้สึกไม่อยากพบพานของอารมณ์ซึ่งมากระทบ ไม่ว่าจะโดยสาเหตุใดก็ตาม กลับไม่อาจทำได้ในตอนนี้เสียแล้ว ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ไม่อาจหลับลงในความฝันนี้ได้ นี่มันเรื่องโคตรโง่เง่าอะไรกัน.. โง่กว่าเรื่องซ้ำๆ ที่ผ่านมาตลอดชีวิตของฉันงั้นหรือ??

ภายในห้องสี่เหลี่ยมฝาชนฝา ทวีความเวิ้งว้างยิ่งกว่าเกาะกลางทะเล นอกจากไม่สามารถหลับลงได้อย่างต้องการ ดูเหมือนดวงตาตัวเองกลับเบิ่งโต จ้องมองเพดานขาวๆ อยู่แทบจะเป็นบ้า ฉันผุดลุกผุดนั่ง เดินไปมารอบๆ ห้อง เป็นพันๆ หมื่นๆ รอบ นี่มันคืออาการนอนหลับของฉันหรือ?? ทำไมมันเป็นเช่นนี้ ทำไมฉันหลับอยู่ในความตื่น โลกแคบๆ ความคิดแคบๆ ฉันนั่งอยู่ปลายเตียงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง หมดแม้แต่แรงกระวนกระวาย ล้มตัวลงอีกครั้งด้วยความไร้หวัง เรื่องเลวร้ายแบบนี้ เกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุใด..

ไม่รู้วันเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด.. ฉันยังนอนงอขดอยู่ปลายเตียงไปเรื่อยๆ เนิ่นนาน..นานจนสำนึก ว่าฉันลืมท้องฟ้า สายลม และผู้คนไปได้อย่างไร?? คิดถึงดอกแคทลียากำลังเบ่งบานสะพรั่งจนฉันต้องแอบมองดูเธออยู่ข้างหน้าต่างเมื่อสองวันก่อน ความงดงามที่ฉันดันหลงลืม

ในคำสอนมรณานุสติ ไม่ให้ประมาทต่อความตายซึ่งจะมาเยือนเราได้ทุกขณะ ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เลินเล่อต่อการดำรงชีวิต แม้แต่การนอนหลับในยามค่ำคืนก็อาจทำให้ไม่สามารถตื่นขึ้นมาดูโลกอันสดใสในยามเช้าได้ ฟังดูน่ากลัวนัก กับความตายที่จะมาจู่โจมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

แต่หลายคนที่อยากจากโลกอันเส็งเคร็งนี่ไป อาจนึกถึงการหลับไปโดยไม่ต้องตื่นมารับรู้เรื่องราวบ้าๆ ในชีวิตอีก พวกเขาคงคิดว่ามันเป็นการหลับและจากไปอย่างสุนทรีย์น่ารื่นรมย์ เหมือนการนอนหลับเป็นปรกติในทุกๆ วัน หลับเป็นสุขชั่วนิจนิรันดร์ หรืออาจฝันไปไกลว่าจะตื่นขึ้นในสถานที่ที่ดีกว่า.. แต่จะเคยคิดไหม?? ว่าการตายขณะหลับ น่าจะเกิดจากความร้ายแรงผิดปรกติอย่างใดอย่างหนึ่งในร่างกายจนทำให้ถึงแก่ความตาย และอาจหมายถึง..จะต้องไปตื่นในสถานที่ที่น่ากลัวมากๆ ก็ได้ หรือไม่ ก็ไม่รู้หรอกว่า การตื่นในอาการหลับ โดยไม่สามารถตื่นขึ้นได้จริงๆ อย่างฉันขณะนี้ มันน่ากลัวขนาดไหน??

โอกาสของการได้รับชีวิต แม้ในท่ามกลางความขมขื่น จนยาก พิกลพิการ หลายคนยังดิ้นรนที่จะอยู่ อยู่อย่างมีหวัง และอาจหมายถึงอยู่อย่างมีค่า มีหน้าที่ต่อชีวิตของผู้อื่น อยู่เป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย หรืออยู่เพื่อเก็บสะสมความดี เพื่อเป็นเสบียงในโลกหน้า บางที..การตื่น อาจหมายถึงโอกาสอันพิเศษ

ถึงฉันจะไม่ใช่พวกทำลายโอกาสตัวเอง โดยการสร้างแต่สิ่งชั่วร้ายให้กับเพื่อนร่วมโลก เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวโดยเอารัดเอาเปรียบส่วนรวม สนุกกับการสะสมความเลวเพื่อหอบไปโลกหน้า แต่มันสมควรหรือเปล่า ที่ฉันปิดโอกาสตัวเองด้วยความท้อแท้

นึกถึงแม่หมาผู้งามสง่าตัวหนึ่ง มีรูปร่างและขนที่สวยมาก มันยืนคอยลูกขี้เรื้อนซึ่งพยายามข้ามถนนมาหามันยังอีกฟาก ถนนที่คราคร่ำไปด้วยรถ รถหลายคันพยายามชะลอให้ มันข้ามถนนมาจนได้ ด้วยความโล่งใจของคนหลายคน แม่หมาเลียมันไปทั้งหน้าและตัวเพื่อรับขวัญ ลูกที่น่าเกลียดของมันรอด และชีวิตขี้เรื้อนของมันก็ยังคงรอด ด้วยการเป็นที่รักอย่างสุดซึ้ง ให้กับแม่หมาตัวหนึ่ง ใช่ !! มันน่าประทับใจ..น่าตื้นตัน

ชีวิตซ่อนความหมายบางประการไว้ให้เรา มันยิ่งใหญ่กว่าการมีชีวิต

จงนอนเถอะ หากเหน็ดเหนื่อย หมดทั้งแรงกายและแรงใจ ให้ร่างกายได้พัก เพื่อปรับสมดุลในยามหลับใหล ทุกอย่างจะถูกซ่อมแซมฟื้นฟูและคืนพลังแห่งชีวิตให้เมื่อยามตื่น พร้อมรับรุ่งอรุณ หรือไม่ก็เวลาใหม่ที่ลืมตาขึ้นมา พลังธรรมชาติและชีวิตจะขับเคลื่อน ผู้เห็นความงามในความอัปลักษณ์ และความอัปลักษณ์ในความงาม เขาย่อมเบิกบานและเข้าใจถึงความสัมพันธ์ มันดำรงอยู่ เพื่อรอวันที่ฉันจะเข้าใจถ่องแท้ นั่นหละ ความสำคัญของการนอน ฉันไม่อยากตื่นขึ้นมาในความหลับใหล..

บางที ใช่.. บางที การมีชีวิตอาจเป็นไปเพื่อคนอื่น แม้ชีวิตเราจะไม่สวยงามนักก็ตาม หรือไม่ก็เพื่อ อะไร..บางสิ่งบางอย่าง สัจจะอีกฟากกำลังรอฉัน..

บางที ฉันกำลังจะตื่นขึ้น เมื่อการนอนครั้งนี้เพียงพออีกครั้ง…



Create Date : 04 กันยายน 2548
Last Update : 7 สิงหาคม 2549 17:52:30 น. 0 comments
Counter : 322 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

suparatta
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร..
..ท่านนาคารชุนะ..
วิภาษวิธี..เกริ่นนำ..ตอนจบ..

๐ สมุดเยี่ยมและบ่นได้..
**ทางลัด**
๐ สารบัญทักทาย(ทั้งหมด)
๐ ชวนคุย&ฟังเพลงปี48(ทั้งหมด)
๐ นอนดูจันทร์..(ส่วนตัว)

**log in หน่อยน่า..



Google.co.th
Friends' blogs
[Add suparatta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.