กันยายน 2553

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
เที่ยวเกาหลี (Seoul, Korea)
ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับเกาหลี หลังจากสิ้นสุดสงครามเย็น เมื่อปี พ.ศ. 2488 ประเทศเกาหลีได้แบ่งออกเป็น 2ประเทศคือ “เกาหลีเหนือ” และ “เกาหลีใต้”

ประเทศเกาหลีเหนือ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (Democratic People's Republic of Korea) ปกครองโดยระบบคอมมิวนิสต์ ภายใต้การดูแลของสหภาพโซเวียต หลังจากที่แบ่งประเทศและกลายเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว เราจึงไม่ค่อยได้ยินข่าวคราวจากประเทศนี้นัก รวมทั้งไม่เคยเห็นคนเกาหลีเหนือตัวเป็นๆเลย (ส่วนใหญ่มีแต่เกาหลีใต้) แต่ทั่วโลกยังคงต้องจับตาดูเกาหลีเหนืออยุ่ตลอดเวลา เพราะเกาหลีเหนือยังคงคิดค้นและทดลองระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่มีอานุภาพรุนเรงกว่าตอนที่ถล่มเมืองฮิโรชิม่าในสงครามโลกครั้งที่ 2

ประเทศเกาหลีใต้ มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea) ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย เกาหลีใต้พัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็วภายใต้การสนับสนุนของอเมริกา ดังนั้นเวลาคนพูดถึงเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นซีรีย์เกาหลี นักร้องเกาหลี เครื่องสำอางค์ ทัวร์ประเทศเกาหลี แฟชั่นต่างๆ หรือแม้กระทั่งการศัลยกรรมแบบเกาหลี รู้ไว้เลยนะคะว่าเรากำลังพูดถึงเกาหลีใต้ค่ะ



บีบีต้องแวะเปลี่ยนเครื่องบินที่เกาหลี เรามีเวลาว่างก่อนเครื่องออก 9ชั่วโมง บีบีเลยไปเลื่อนตั๋วเครื่องบินจากที่ต้องรอเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี 9ชั่วโมง เปลี่ยนเป็น 2 วันซะเลย จะได้แวะเที่ยวเกาหลีด้วย

การท่องเที่ยวที่เกาหลี(ใต้) ค่อนข้างจะสบายนะ ใช้แค่พาสปอร์ตอย่างเดียว วีซ่าไม่ต้อง ตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเจ้าหน้าที่ก้อไม่ถามอะไรเลย แค่มองหน้า+สแตมป์พาสปอร์ต แล้วก้อให้ผ่านไปเลย เรานั่งรถบัสจากสนามบินไปโรงแรมที่เราพักค่ะ เราพักกันที่โรงแรมเบสท์เวิสเทิร์นพรีเมี่ยมกักโด (Best Western Premier Kukdo) คนขับรถบัสก้อน่ารักมากค่ะ พูดหรือฟังภาษาอังกฤษไม่ได้เลย บีบีกะแฟนหนุ่มอเมริกันก้อพูดเกาหลีไม่ได้เหมือนกัน แต่โชคดีที่บีบีหยิบโบชัวร์โรงแรมมาจากสนามบิน เฮียแกเลยรู้ว่าเราจะไปไหน เลยจอดให้เราลงถูกที่ค่ะ

เราถึงโรงแรมตอนเกือบเก้าโมงเช้า เลยนอนงีบกันสักหน่อย ก่อนจะออกไปตะลุยเที่ยวแดนกิมจิ ห้องที่เราพักแคบใช้ได้เลยค่ะ (แต่ยังไงก้อกว้างกว่าห้องสวีทในฮ่องกงอ่ะนะ) นอกนั้นแล้วห้องนี้ถือว่าดีเลยที่เดียว ถ้าเปรียบเทียบกับมาตราฐานห้องพักในเครือโรงแรมนี้ ที่บีบีชอบอีกอย่างหนึ่งคือชักโครกค่ะ มันเหมือนชักโครกของญี่ปุ่นเลย (ไม่เคยไปญี่ปุ่นหรอก แต่เคยทำงานที่บริษัทญี่ปุ่น เลยเคยใช้ส้วมญี่ปุ่นค่ะ) คือชักโครกมีปุ่มเลือกความแรงของน้ำที่จะมาล้างก้น มีลมพัดแล้วก้อฮีทเตอร์ด้วย เหอ เหอ ชอบ แต่จริงๆบีบีชอบชักโครกกที่สนามบินเกาหลีมากกว่านะ แบบว่ามันมีพลาสติกหุ้มฝารองนั่งอ่ะค่ะ ก่อนเราทำธุระเราก้อกดปุ่มเพื่อเลื่อนพลาสติก แล้วพาสติกที่อยู่ตรงหน้าเรามันก้อจะม้วนๆไปข้างใน แล้วพลาสติกอันใหม่ก้อจะไหลออกมา สะดวกและสะอาดดีค่ะ เราไม่ต้องเสียเวลามาเช็ดฝารองนั่งเองค่ะ





เช้านี้เราเริ่มกันที่ พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของเกาหลี มีการแสดงโชว์การเปลี่ยนเวรยามของทหารราชองครักษ์ด้วยวันละ 3รอบ (10.30 น., 13.30 น., 15.30น.) มีไกด์ฟรี 4ภาษา คือ ภาษาเกาหลี ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ หลังจากเราดูโชว์เปลี่ยนเวรยามเสร็จ เราก้อไปรอไกด์ที่หน้าห้องศูนย์ข้อมูล สักพักไกด์ก้อมาค่ะ ไกด์เราเป็นผู้หญิงแต่งตัวเป็นชุดประจำชาติเกาหลีสีชมพูมาเลยค่ะ น่ารักเชียว




































ด้านหลังของพระราชวังเคียวบกกุง คือ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (National Folk Museum of Korea) ถ้าเรามีตั๋วเข้าชมพระราชวังเคียงบกกุงอยู่แล้วก้อสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้ได้เลย ไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่ค่ะ ตัวตึกของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นเหมือนเจดีย์ซ้อนกันหลายๆชั้น สวยดีค่ะ ด้านหน้าทางเข้ามีหินแกะสลักเป็นรูปสัตว์ 12 ราศี ส่วนด้านในก้อจัดแสดงวิถีการดำเนินชีวิตของคนเกาหลีในสมัยโบราณ เครื่องไม้เครื่องมือ เสื้อผ้า การประกอบอาหาร ประเพณีต่างๆ เจ๋งดีค่ะ ชอบๆ แต่ตอนบีบีไปมันมีกรุ๊ปทัวร์ของเด็กมาพอดีค่ะ น่าจะเป็นเด็กระดับประถมอ่ะค่ะ เสียงดังชะมัด








ออกจากพิพิธภัณฑ์มาเราก้อนั่งแท๊กซี่ไปตลาดอินซาดง (Insadong Market ) แต่ปรากฏว่าตลาดที่เราไปถึงคือ ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market) ซะงั้น แท๊กซี่นะแท๊กซี่ แต่เอาเหอะมาถึงแล้วเดินดูหน่อยก้อได้ ว่าแล้วเราก้อเดินเล่นกันที่ตลาดนัมแดมุนสักพัก ตลาดนี้ขายของเกือบทุกประเภทเลยค่ะ ทั้งของกินของใช้ แต่คนเดินตลาดส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคนขึ้นมาทั้งนั้น ไม่มีเด็กวัยรุ่นเลย





หลังจากที่เรามีประสบการณ์แท๊กซี่ส่งผิดมาแล้ว เราเลยเลือกที่ใช้บริการรถไฟใต้ดินแทนค่ะ และแล้วเราก้อมาโผล่ที่ ตลาดอินซาดง (Insadong Market) ได้สำเร็จ ตลาดนี้เป็นตลาดขายของพวกแอนทีคค่ะ นอกจากนั้นยังมีพวกงานศิลปะแฮนด์เมดพื้นบ้านต่างๆวางขายอยู่ด้วย แฟนที่เคารพของบีบีเค้าชอบค่ะ ซื้อของฝากซะกระจายเลย ซื้อของที่นี่ดีอยู่อย่างค่ะ คนขายเค้าจะห่อใส่กล่องกันกระแทกให้เป็นอย่างดีเลย เราไม่ต้องลำบากแพ็คของขึ้นเครื่องกลับบ้านเอง ตอนที่เดินอยู่ในตลาดนี้บีบีเดินผ่านร้านเครื่องสำอางค์ Etude ร้านหนึ่ง เลยแวะเข้าไปดู สักพักทัวร์ลงค่ะ เป็นทัวร์ของคนไทยด้วย มาเพื่อซื้อเครื่องสำอางค์โดยเฉพาะ คิดอยู่ในใจว่าสงสัยไกด์จะได้เปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งเยอะนะเนี่ยะ จริงๆแล้วเครื่องสำอางค์ Etude ที่ขายในสนามบินเกาหลีราคาจะถูกกว่าซื้อจากร้าน Etude ในเมืองค่ะ เพียงแต่ว่าในสนามบินจะมีของให้เลือกไม่มากเท่ากับในร้านในเมือง





ออกจากตลาดอินซาดง (Insadong Market) เราก้อนั่งรถไฟใต้ดินไปที่ ตลาดเมียวดง (Myeongdong Market) ตลาดนี้แตกต่างจาก 2 ตลาดที่ไปมามากๆ ตลาดนี้วัยรุ่นเพียบเลยค่ะ แล้วแต่ละคนแต่งองค์ทรงเครื่องกันเหมือนหลุดออกมาจากแมกกาซีนเลย สาวๆเกาหลีหน้าตาน่ารัก แต่งตัวก้อน่ารักด้วย ส่วนหนุ่มๆ ก้อแต่งตัวดีค่ะ เรียกว่าตามแฟชั่นนั่นแหล่ะ ส่วนหน้าตาก้อ อืม..นึกถึงคำพูดของโน้ตอุดมในเดี่ยว 7 ที่ว่า ทรงผมเกาหลีมีประโยชน์ตรงที่ทำให้คนหน้าxxx ดูดีขึ้นมาหน่อย 555 อันนี้บีบีเห็นด้วยค่ะ เพราะว่าถ้ามองผ่านเสื้อผ้าและทรงผมเข้าไปแล้วเนี่ยะ ดูยังไงก้อไม่หล่ออ่ะ ไมเหมือนสาวเกาหลีนะ อันนั้นน่ะน่ารักจริงๆ (งานนี้ชั้นจะโดนสาวกหนุ่มเกาหลีตื้บเอามั้ยเนี่ยะ?) ตลาดเมียวดงถือว่าเป็นศูนย์รวมแฟชั่นล่าสุดของเกาหลีเลยก้อว่าได้ค่ะ อันไหนกำลังอิน ที่นี่มีขายหมด บีบีชอบค่ะ เพลิดเพลินกับการช๊อปปิ้งที่นี่มาก นอกจากการช๊อปปิ้งแล้วบีบีชอบชิมอาหารตามร้านรถเข็นต่างๆด้วยค่ะ ทั้งปลาหมึกย่าง ลูกชิ้นปลา ไส้กรอก แต่ที่โปรดปรานมากที่สุดคือมันฝรั่งทอดค่ะ เค้าเอามันฝรั่งลูกหนึ่งมาฝานเป็นเกลียวบางๆโดยไม่ให้ขาดกันแล้วเสียบใส่ไม้ไปทอด พอสุกเค้าก้อจะเอาผงบาร์บีคิวโรยรอบๆมันฝรั่งค่ะ อร่อยค่ะ นึกถึงภาพแล้วน้ำลายไหลค่ะ








วันต่อมาเราตื่นแต่เช้าไป วัดโชเกชา (Jogyesa Temple) กันค่ะ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ในเกาหลีนับถือศาสนาพุทธกันค่ะ แต่คนสมัยก่อนนับถือลัทธิขงจื้อกันอย่างเคร่งครัดค่ะ ทำให้วัดพุทธในเมืองถูกทำลาย ดังนั้นวัดพุทธที่สวยงามจึงต้องไปก่อสร้างกันนอกเมืองหรือตามภูเขาค่ะ วัดโชเกชานี้เป็นวัดพุทธ 1ในไม่กี่ที่ของกรุงโซลค่ะ วัดที่นี่ไม่มีกำแพง ไม่มีป้ายบอกชื่อวัดด้วย (ยังกะมีป้ายแล้วจะอ่านออกงั้นล่ะ) แต่พอไปถึงเราจะรู้เลยค่ะว่าที่นี่คือวัด ที่นั่นจะประดับโคมไฟสีต่างๆไว้เหมือนเพดานเต๊นท์อะไรสักอย่างรอบๆวัดเลยค่ะ สวยเชียว ตอนเราไปถึงในโบสถ์กำลังทำพิธีทางศาสนาอยุ่ค่ะ มีพระนั่งสวดมนต์ มีคนแก่หลายคนนั่งอยุ่แต็มโบสถ์เลยค่ะ รอบๆโบสถ์มีภาพเขียนเกี่ยวกับพุทธประวัติ แต่ที่สะดุดตาบีบีมากที่สุดคือพระพุทธรูปที่อยู่ตรงทางขึ้นโบสถ์ค่ะ เป็นพระพุทธรูปที่แกะจากหิน องค์ไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่หน้าตาของพระพุทธรูปนั้นน่ารักคิกขุอาโนเนะมาก เหมือนการ์ตูนเลย นอกจากนั้นเค้ายังเอาตุ๊กตาหมาตัวใหญ่ๆมาตั้งไว้ข้างๆกันด้วย คือดูแล้วมันไม่น่าเลื่อมใสเท่าไหร่เลยอ่ะ แต่ว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเค้าก้อหยุดไหว้กันหมดนะ














ออกจากวัดแล้วเราก้อเดินไปที่ คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon) คลองนี้เป็นคลองที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เวลาผ่านไปคลองนี้ก้อเน่าเสียค่ะ จนเมื่อปี ค.ศ. 2003 ที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีจึงมีโครงการฟื้นฟูคลองนี้ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ซะเลย จากคลองเน่าเหม็นกลายมาเป็นคลองที่ใสสะอาด มีน้ำตก มีน้ำพุ มีโคมไฟประดับอยู่ตลอดความยาวของคลอง สวยงามที่เดียว








เราเดินเลียบคลองไปเรื่อยๆ จนเมื่อยเลยเรียกแท๊กซี่ไปส่งที่ พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeok Palace) (แอบลุ้นกันกับแฟนว่าแท๊กซี่จะพาไปส่งผิดวังรึป่าวน้อ) พระราชวังชางด๊อกกุงแห่งนี้เป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดของเกาหลี และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกด้วย (องค์กรเดียวกันที่พยายามจะเอาเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกนั่นแหล่ะ) คราวนี้เราไม่รอไกด์แล้วค่ะ เดินดูเองเลย พระราชวังแห่งนี้สวยงามสมกับที่ได้เป็นมรดกโลกจริงๆค่ะ ถึงแม้ว่าบางส่วนจะโดนไฟไหม้ไปแล้วก้อตาม ด้านหลังของพระราชวังแห่งนี้คือ “อุทธยานพีวอน หรือสวนต้องห้าม (Bewon or Forbidden garden)” ที่ขึ้นชื่อว่าสวยและร่มรื่นที่สุด แต่ว่าการจะเข้าไปข้างในนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องเข้าไปพร้อมไกด์ของพระราชวังเท่านั้น ห้ามเข้าไปโดยลำพังค่ะ




















ออกจากที่นั่นแล้วเรานั่งรถไฟใต้ดินไปที่ ตลาดอิเทวอน (Iteawon Market) ตลาดนี้เป็นตลาดนานาชาติ เพราะมีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติค่ะ ร้านอาหารฟาสฟูดแบรนด์เนมเพียบ บีบีรู้สึกว่าที่นั่นเป็นที่เดียวในโซลที่เห็นป้ายร้านค้าเป็นภาษาอังกฤษเกือบทุกร้าน เราไปถึงบ่ายเศษๆเค้าเพิ่งออกมาเปิดร้านกันค่ะ ของขายส่วนใหญ่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย เราเลยนั่งรถไฟใต้ดินไปแถว หน้ามหาวิทยาลัยสตรีอีหวา (Ewha Womans University) เป็นถนนขายเสื้อผ้าแฟชั่นอีกที่หนึ่ง (คล้ายหน้ามหาลัยรามคำแหงบ้านเราเลยค่ะ) มีทั้งร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมและโนเนม แล้วแต่จะเลือก ราคาไม่ค่อยแพงด้วย ร้านอาหารแถวนี้ก้อถูกด้วยค่ะ มาแถวนี้ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ได้เสื้อผ้ากลับไปอีกหลายตัว แถมยังอิ่มอร่อยประหยัดเงินอีกด้วย แฟนที่เคารพมันเลยเหน็บว่าตั้งใจมาที่นี่เพราะอย่างนี้เองใช้มะ





ในเมื่อแฟนที่เคารพมันตามใจบีบีมาที่หน้ามหาวิทยาลัยสตรีอีหวาแล้ว บีบีก้อเลยให้มันเลือกที่ที่มันอยากไปมาที่หนึ่ง มันเลือกไปหมูบ้านโอลิมปิคค่ะ เกาหลีเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคเมื่อปี ค.ศ. 1988 ที่ผ่านมานู้นแน่ะค่ะ ที่ตั้งของหมู่บ้านโอลิมปิคนี่ก้ออยู่นอกเมืองเลยค่ะ ไกลโคตร กว่าจะไปถึงหลงกันอยู่เกือบชั่วโมงแน่ะ เรานั่งรถไฟใต้ดินไปค่ะ แล้วรถไฟที่ไปที่นั่นปลายทางมันแยกเป็นสองทาง แต่รถไฟไม่ได้จอดให้เราลงเพื่อเปลี่ยนขบวนนะคะ มันวิ่งอ้อมเป็นวงกลมไปเลย เราก้อหลง หาทางไปที่นั่นไม่ได้สักที ถามคนแถวนั้นก้อเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษกันอ่ะค่ะ บางคนเค้าก้อทำเป็นไม่ได้ยินแล้วก้อเดินหนีไปเลย จนในที่สุดฟ้าก้อประทานผู้ชายที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้มาให้เราคนหนึ่ง เค้าบอกเราว่าเราต้องฟังประกาศเอาค่ะว่ารถขบวนนี้จะวิ่งไปทางไหน เราก้อฟังไม่ออกอ่ะค่ะ เพราะเค้าพูดเป็นภาษาเกาหลี (แล้วชั้นจะไปฟังรู้เรื่องได้ยังไง) ผู้ชายคนนั้นเลยบอกว่ามันเป็นทางเดียวกันที่เค้าจะผ่านพอดีเลย จะไปกับเค้าเลยมั้ย เวลาถึงที่ที่เราต้องลงเค้าจะได้บอก ขอบพระคุณรุนช่องผู้ชายคนนั้นอย่างแรง เราเลยไปถึงหมู่บ้านโอลิมปิคด้วยประการละชะนี้แล

หมู่บ้านโอลิมปิคกว้างมากอ่ะค่ะ ไม่เดินดีกว่าค่ำแล้วด้วย (เมื่อย+หิวแล้วด้วย) เราเลยเดินเล่นกันแค่ที่สวนสาธารณนะด้านหน้า ตรงที่เค้าเคยใช้เป็นที่จุดคบไฟโอลิมปิค แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ออกกำลังกายของคนที่นั่นค่ะ





คืนนี้เรากลับไปกินข้าวที่ตลาดเมียวดงอีกรอบก่อนที่จะออกมาเดินดูคลองชองเกชอน (Cheonggyecheon ) บรรยากาศที่คลองตอนกลางคืนสวยและโรแมนติกมากๆค่ะ เห็นคู่รักบางคู่มานั่งกุมมือกันอยุ่ข้างๆคลอง เหมือนในหนังเกาหลีเลย







เที่ยวเกาหลีทริปนี้ถือว่าโอเคค่ะ การเดินทางสะดวกสบายดี เสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่นสวยดี แล้วที่ประทับใจอีกอย่างคือเด็กนักเรียนที่นี่เวลาเห็นคนต่างชาติอย่างเรา เค้าจะหันมายิ้มแล้วก้อพูดสวัสดีเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แต่สิ่งไม่ปลื้มเท่าไหร่คือคนที่นี่ไม่ค่อยอยากช่วยอ่ะค่ะ โดยเฉพาะเวลาที่เราถามทาง ก้อเข้าใจอยุ่นะว่าภาษาหลักของเขาคือเกาหลี แต่ภาษาอังกฤษง่ายๆที่เราควรจะสื่อสารกันได้ก้อน่าจะหัดไว้บ้าง โดยเฉพาะคนที่ทำงานในโรงแรมหรือขับแท๊กซี่ จริงๆบนรถแท๊กซี่ทุกคนจะมีสติ๊กเกอร์เบอร์โทรของคนแปลภาษาติดไว้ เพื่อที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะได้โทรไปเบอร์นี้ แล้วคนรับสายจะคุยกับคนขับรถให้ (คล้ายๆบริการDtac Happyที่ติดไว้ตามรถแท๊กซี่ในไทย) แต่ปัญหามันอยุ่ที่ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเราจะมีสักกี่คนที่พกมือถือไปด้วย แล้วพอเราจะยืมมือถือของคนขับแท๊กซี่เพื่อโทรไปเบอร์นั้น คนขับแท๊กซี่ก้อไม่เข้าใจอ่ะว่าเราต้องการอะไร สื่อสารกันไม่ได้สักที เฮ้อ! ไม่เก่งเหมือนแท๊กซี่ไทยเล้ย (แท๊กซี่ไทยรู้หมดทุกอย่าง แต่ไว้ใจไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง ก๊ากก)







Create Date : 24 กันยายน 2553
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2554 10:32:56 น.
Counter : 5279 Pageviews.

9 comments
  
เข้ามาบ้านนี้เพลินได้อีก อยากไปมั่งจัง
โดย: pragoong วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:15:23:48 น.
  

ทักทายวันศุกร์คะ..
โดย: แอ๊ปเปิ้ลโบราณ วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:15:34:14 น.
  
ขอบคุณมากคะ เขียนสนุกอ่านง่ายมาก อยากไปมานานแล้ว ได้อ่านข้อความของคุณมีประโยชน์มากเลยคะ
โดย: lamlert IP: 87.171.57.158 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:19:25:42 น.
  
มาเยี่ยมชมบล็อคนี้ แล้วมีความสุขมากเลย
เพราะภาพสวย และ ตัุวหนังสือน่าอ่าน
เขียนหนังสือได้ชวนติดตาม
น่าจะเป็นนักเขียนอีกอาชีพนึงนะครับ
โดย: Tinnie IP: 110.168.16.34 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:21:32:58 น.
  
อ่านไปดูรูปไป

ก็รู้สึกอยากไปแล้วสิ
โดย: jejeeppe วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:1:46:43 น.
  
มีคนชมว่าเขียนดี ปลื้ม จนตัวจะลอยอยู่แล้วค๊าาา

ยังไงก้อขอบพระคุณรุนช่องสำหรับคำติชม และทุกคนที่มาเยี่ยมบล็อคนะคะ
โดย: Sugar lip วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:4:43:00 น.
  
ทักทายคร้าบผม

อยากไปๆๆๆๆๆๆ
โดย: DAN_KRAB วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:20:19:34 น.
  
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ บรรยายสนุกดี เหมือนไปด้วยเลย...
โดย: noinanai วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:19:28:58 น.
  
แวะมาเยี่ยมเยียนกันจร้า

แล้วจะแวะมาอีกนะค่ะ

ดูแลสุขภาพด้วยนะ

อยากไปมั๊งจัง แต่ขอไปช่วงหิมะตกนะ หุหุหุ
โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 27 ตุลาคม 2553 เวลา:20:43:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sugar lip
Location :
Seattle  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]



วันหนึ่ง เราจะต้องทำบล็อคหน้าตาสวยๆออกมาให้ได้ คอยดูสิ หึ

บีบีได้มาใช้ชีวิตอยุ่ที่อเมริกาถึงวันนี้ก้อเกือบ 3 ปีล่ะค่ะ การได้มาใช้ชีวิตต่างแดนตัวคนเดียว เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยขึ้นมา มันก้อไม่รุ้จะไปถามใคร ภาษาเราก้อไม่ดี บีบีก้อจะหาข้อมูลในเวป google แล้วบีบีก้อจะได้คำตอบออกมาในรูปแบบของ bloggang บีบีเลยรู้สึกถึงความสำคัญของบล็อค รู้สึกขอบคุณคนเขียนบล็อคทุกๆคน ที่เสียสละเวลามาเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบีบี ดังนั้นบีบีก้อเลยตั้งใจไว้ว่าจะทำบล็อคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ how to ต่างๆ ของบีบี เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆมั่งค่ะ
New Comments