บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
จอมใจเจ้าชีวัน บทที่ ๗ โดย...บัดดี้

เตชิตอ้อยอิ่งคุยกับมารดาไม่ยอมลากลับ หวังใจว่าจะได้ยลนวลหน้าแสนงามของวีณาอีกครา แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง เมื่อสาวสวยไม่แวะเวียนมาให้ได้พบหน้าอีกเลย

“ฉันเห็นจะต้องลาแล้วล่ะแม่ ต้องเข้าประชุมปรึกษาราชการกับพระองค์ท่าน พรุ่งนี้ต้องตามเสด็จไปเขมรัฐ”

“อะไรกัน จะไปอีกแล้วรึ เพิ่งกลับมาเมื่อวานเท่านั้น”

“เรื่องร้อนจ้ะ แม่” เตชิตอมยิ้ม

“เรื่องร้อนอะไรกัน มีปัญหาอะไรหรือ” พระนมกระซิบกระซาบ

“งานราชการท่าน เที่ยวป่าวประกาศไปไม่ได้หรอก” คุณท้าวพระนมได้ยินลูกชายตอบยียวนกวนนัก ก็หยิกหนับเข้าให้ที่หน้าขาใกล้มือ ยิ่งอยากรู้ พ่อเจ้าประคุณยิ่งทำลีลามาก

“โอ๊ย! แม่ ทำร้ายเจ้าพนักงาน ระวังจะโดนอาญาหลวง” พ่อลูกชายแกล้งโวยวายเป็นเรื่องใหญ่โต

“กล้ารึ” นางอาภาถลึงตาใส่

“ไม่กล้าหรอกจ้ะ ใครจะกล้าลงอาญาคุณท้าวพระนมคนสำคัญ” เตชิตลงมือบีบนวดแขนมารดา ประจบเอาใจ หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี พระนมเห็นลูกแกล้งเอาใจก็แสร้งแง่งอนใส่บ้าง

“ไม่ต้องมายอ มาประจบฉันหรอกย่ะ ตกลงจะเล่ามาดีๆ ไหมว่าจะเสด็จเขมรัฐด้วยเรื่องอะไร”

“ก็เรื่องเก่าค้างมาแต่รัชกาลที่แล้วน่ะแหละ”

“เรื่องอะไร นี่พ่อจะเล่าให้มันถนัดชัดเจนเสียหน่อยไม่ได้หรือไรนะ ทำมากเรื่องลีลาจัดอยู่นั่น”

“โธ่...ก็พระคู่หมั้นที่เขมรัฐยัดเยียดถวายให้อย่างไรเล่า”

“ตาย! ตาย! ตายแล้ว! ลูกชายฉัน ทำไมปากคอร้ายกาจอย่างนี้ ฉันไม่เคยสั่งเคยสอนให้ทำวาจาก้าวร้าวเยี่ยงนี้นะ พระคู่หมั้นน่ะไม่ใช่ข้าวของราชบรรณาการ จะมายกมาถวายให้ได้อย่างไร คิดไม่ดี พูดไม่ดี ระวังเถอะ ขี้กรากจะขึ้นปากลามขึ้นกบาล” เตชิตหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม สบายใจที่ได้ต่อปากคำกับมารดา เขาไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่เบื้องสูง แต่เพราะรู้ดีว่าแม่ต้องออกโรงสยายปีกปกป้องทุกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับองค์เหนือหัว ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม จึงตั้งใจแกล้งเย้าแหย่มารดาเล่นเท่านั้น

“ฉันพูดตามพระองค์ท่าน ไม่ได้พูดเองเสียหน่อย” มือสองข้างยังบีบนวดแขนมารดาอย่างเอาใจ

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พระองค์ท่านเป็นเจ้าเป็นนาย อย่าริอาจไปตีตนเสมอ” ชายหนุ่มยิ้มในหน้าด้วยคาดเดาไว้ไม่ผิดว่าแม่จะพูดว่าอะไร ตั้งแต่เล็กจนโต แม่บอกสอนเสมอให้รู้จักศักดิ์รู้จักฐานะตน อย่าได้วางตัวเสมอท่าน แม้จะโตขึ้นมาด้วยน้ำนมจากอกเดียวกัน แต่สำหรับเขาแล้ว ราวกับในกระแสเกษียรของมารดาฝังคำว่า ‘ภักดี’ ลงไปในทุกหยาดหยด

“ฉันรู้แล้วจ้า แม่สอนฉันมาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“รู้แล้วยังทำ ยิ่งผิดมาก” พระนมนิ่วหน้าใส่อย่างตำหนิ

“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันขอโทษ ต่อไปจะไม่พูดพล่อยๆ ให้แม่ฟังแล้ว ว่าแต่ว่าแม่ไม่สงสัยหรือ ว่าจะทรงเจรจาเรื่องพระคู่หมั้นกับพระราชินีเขมรัฐว่าอย่างไร”

“อือ ว่าอย่างไรล่ะ”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ แม่ ฉันจะกล้าตีตนเสมอ ไปคิดแทนพระองค์ท่านได้อย่างไร” ยังไม่ทันสิ้นคำตอบดี เนื้อหน้าขาของราชองครักษ์หนุ่มก็ร้อนเพราะโดนหยิกเข้าให้อีกครั้ง ด้วยความหมั่นไส้บุตรชายคนเดียวเหลือคณา

“ลีลามากนักนะพ่อคุณ เลิกเป็นองครักษ์ไปเล่นจำอวดดีไหม หา”

“โอ๊ยยย...เจ็บแล้วจ้ะ แม่จ๋า ไม่เอาแล้ว ฉันไปดีกว่า อยู่นี่มีแต่เจ็บตัว” เตชิตแสร้งลูบหน้าขาบริเวณที่โดนหยิกไปมา เหมือนว่าเจ็บเสียเหลือเกิน ก่อนจะยิ้ม ขยับตัวบรรจงก้มกราบลงแทบตักมารดา รับพรจากผู้มีพระคุณ รอยยิ้มระบายเต็มใบหน้าอิ่มเอิบของคุณท้าวพระนม ลูบศีรษะลูกชายอย่างสุดรักใคร่เอ็นดู

“ขอให้การงานสำเร็จราบรื่น เดินทางปลอดภัย ภยันตรายใดๆ ก็ให้แคล้วให้คลาด คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะลูกนะ” พรของแม่เป็นดังเกราะป้องกันภัย เป็นเครื่องรางที่เขาต้องพกติดตัวไปด้วยเสมอ เมื่อต้องเดินทางไกล


ลงเรือนมาแล้ว ราชองครักษ์หนุ่มก็เดินเลี่ยงเข้าด้านหลังที่เป็นครัว มองหาหญิงสาวที่ตั้งตารออยู่นาน แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อได้รับทราบว่านางไปเข้าเฝ้าพระนางสร้อยรัศมี ชายหนุ่มเดินเรื่อยออกจากเขตเรือนคุณท้าวพระนมอาภา เหลือบเห็นนางจัน โขลนทวารที่เฝ้ารออยู่ก็พยักหน้าให้ นางรู้โดยไม่ต้องเจรจาว่า ท่านราชองครักษ์เสร็จกิจของท่านที่ฝ่ายในแล้ว

เตชิตครุ่นคิดหงุดหงิดเรื่องสาววีณา ด้วยความรู้สึกผิดยังติดใจอยู่ แต่วันนี้ทั้งวันคงไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากขอโทษนางเป็นแน่ เพราะต้องยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมขบวนเสด็จ เห็นทีจะต้องแบกความผิดติดใจไปถึงเขมรัฐ กว่าจะกลับมาอีกทีก็คงไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ถึงตอนนั้นนางจะกลับไปอยู่กับเจ้านายที่แท้จริงแล้วหรือยังก็ไม่รู้ ถ้าย้ายไปอยู่ตำหนักโน้นแล้ว จะหาโอกาสพบหน้ากันคงยิ่งยากลำบากเข้าไปอีก ความรู้สึกหลากหลายวุ่นวายผสมปนเป ใบหน้าที่เหมือนวัลลีสาวคนรักนั่นแหละ ที่ดึงดูดใจเขามากที่สุด น่าประหลาดที่คนสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด จะสามารถมีใบหน้าเหมือนกันได้ราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกันขนาดนั้น

จากคำบอกเล่าของมารดา พระนางสร้อยรัศมีทรงช่วยเหลือรับนางมาจากทางใต้ของเมืองหลวงปาล พระนางคงทอดพระเนตรเห็นใบหน้าที่เหมือนวัลลีราวกับคนเดียวกัน และแน่นอนว่าคงต้องทรงคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากใบหน้าเหมือนนั้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทรงรู้ดีอยู่แล้วว่าวัลลีมีความสำคัญต่อองค์เหนือหัวของเขาขนาดไหน สำหรับองค์อัคนิรุทร เขาไม่รู้ว่าเวลาที่ผ่านเลยมาหลายปี ทำให้ความรู้สึกที่เข้มข้น เจือจางลงบ้างหรือไม่ แต่สำหรับเขา เวลาไม่ช่วยอะไรเลย

เตชิตปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามกระแสนทีแห่งความคิดถึง การคิดถึงวัลลี เป็นความรื่นรมย์หนึ่งในชีวิต เพราะความทรงจำดีๆ ที่ทั้งสองเคยมีร่วมกัน มากมายเสียจนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้สำหรับตอนจบที่โหดร้ายของเรื่องระหว่างเขาและนาง

เขายังจำได้ หลังจากที่นางมาอยู่กับแม่ได้สักพัก พอเริ่มคุ้นเคยกัน หนูน้อยวัลลีก็เริ่มตามติดเขาแจ เตชิตในตอนนั้น ยังเด็กเกินกว่าจะชื่นชมการเกาะติดของเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ที่คอยแต่จะชวนให้ปลูกดอกไม้บ้าง เก็บหินเก็บหญ้ามาเล่นทำกับข้าวบ้าง บางครั้งก็สมมุติให้เขาเป็นพ่อและนางเป็นแม่ พยายามป้อนก้อนหินในชามใบเล็กให้เขากิน เตชิตอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้เมื่อนึกถึงเด็กหญิงวัลลีที่ร้องไห้โวยวาย เมื่อเขาโยนชามแกงจืดลูกรอกที่ทำจากหินสีขาวทิ้ง ก่อนจะวิ่งหนีไป วัลลีจะโกรธและงอน ไม่คุยกับเขาอยู่สามวัน โดยไม่ต้องง้องอน วันที่สี่นางก็จะกลับมาเกาะติดเขา ชวนเล่นขายของเหมือนเดิมอีก ราวไม่เคยมีเรื่องหมางใจใดๆ

ชายหนุ่มเดินเลี้ยวมุมตึกสีขาวสะอาดหลังสุดท้ายใกล้ประตูทางออก ความคิดเพลิดเพลินถูกขัดจังหวะเมื่อชนเข้ากับร่างเล็กที่ยืนหลบมุมอยู่ สัญชาตญาณสั่งให้เขาคว้าตัวคนที่ตนเองชนเข้าหา ร่างหนาสง่าสมชายแข็งแกร่งกว่าร่างอ้อนแอ้นของนางในทั้งหลายไม่รู้กี่เท่า

“อุ๊ย!”

“วัล...วีณา...” หญิงสาวบิดกายออกจากการเกาะกุม นึกสงสัยตัวเองว่า ทำไมช่างขยันตกเข้าไปในอ้อมแขนของชายผู้นี้นัก ก้มตัวลงเก็บกระดาษที่ตกพื้น บรรจงพับเรียบร้อยก่อนเบี่ยงตัวหนีร่างหนา

“เดี๋ยวสิ” ชายหนุ่มคว้าข้อมือนางไว้มั่น

“เอ๊ะ!” วีณาร้องขัดขึ้น ขัดใจที่บุตรชายคุณท้าวถือวิสาสะ จับมือถือแขนนาง คงจะเป็นเขาผู้นี้เสียมากกว่าละมัง ที่ขยันพาอ้อมแขนตัวเองไปโอบกอดข้าหลวงนางในทั้งหลาย มือไม้ไวเสียเหลือเกิน คงถือตัวว่าเป็นคนสนิทของเจ้าเหนือหัวแห่งปาล

“พูดไม่เป็นเสียแล้วรึ ทำไมเมื่อเช้าด่าได้เป็นชุดทีเดียว” ราชองครักษ์หนุ่มกระเซ้าเมื่อเห็นใบหน้างอของสาวงาม ยอมปล่อยแขนเล็กแต่โดยดี เมื่อเห็นนางหยุดยอมเจรจาด้วย

“ท่านเตชิต ต้องการรับอีกสักชุดหรือเจ้าคะ” วีณาตอบเสียงเรียบ จนเตชิตอดยิ้มไม่ได้

“ก็เพลินดีนะ” ประสาท! วีณาร้องด่าในใจ

“คนประเภทไหนเจ้าคะ ชอบโดนด่า”

“ไม่เคยได้ยินหรือ ผู้หญิงด่า แปลว่า ผู้หญิงรัก” เห็นใบหน้างอหงิกแล้วก็อดหยอกเล่นไม่ได้ และก็ได้ผลเพราะใบหน้าสวยยามนี้ ดวงตาเป็นประกายแทบถลนออกจากเบ้า ปากบางเม้มแน่น คงกำลังด่าเขาเปิงอยู่ในใจ

“ล้อเล่นหรอกน่า ไม่ได้อยากให้ใครมารักนักหรอก ที่รั้งไว้ก็แค่อยากขอโทษเท่านั้นเอง”

“เรื่องอะไรเจ้าคะ” เตชิตคิดว่านางแกล้งพูดตั้งแง่งอนไปตามประสาหญิง แต่วีณากลับคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะขอโทษนางเรื่องไหน มีตั้งหลายเรื่องที่เขาควรชดใช้ หลอกให้นางตกใจนั่นเรื่องหนึ่ง ถือวิสาสะกอดนางทั้งที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกก็อีกเรื่อง เดินหลับหูหลับตามาชนนางทั้งที่นางยืนอ่านจดหมายอยู่ดีๆ แล้วแถมยังกล้าจับมือถือแขนนางต่อหน้านางโขลนทวาร เขาควรขอโทษให้ครบทุกเรื่องด้วยซ้ำ แล้วนางควรให้โทษอะไรกับเขาดี

“ก็เรื่องที่...” ชายหนุ่มก้มลงกระซิบใกล้ใบหน้าสวย เพราะไม่อยากให้นางจันได้ยินเรื่องที่คุยกัน “ที่หน้าเรือน ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

ฝ่ามือน้อยๆ สะบัดเต็มแรงลงบนใบหน้ายียวนที่ลอยอยู่ไม่ห่าง ชายหนุ่มตกตะลึง ไม่ได้เจ็บตรงที่โดนตบ แต่ตกใจที่นาง ‘กล้า’ ลงมือกับหัวหน้าราชองครักษ์ต่อหน้าคนอื่น เขามองเห็นนางจันขยับตัวจะเข้ามา จึงต้องขึงตาปรามไว้

“นางข้าหลวงในพระนางสร้อยรัศมี ช่างเก่งกล้าเสียจริงนะ” วีณาพอใจที่เสียงเย้าแหย่กวนโมโหเข้มขึ้น

“ท่านราชองครักษ์ขอโทษ ฉันก็ให้โทษตามที่ขอนะเจ้าคะ ถ้ายังรู้สึกไม่สบายใจ อยากจะขอ ‘โทษ’ อีกก็ได้นะเจ้าคะ”

“ปากดีนักนะเจ้า” ประกายแสงจากดวงตางามของผู้ทรงศักดิ์ศรีแห่งราชองครักษ์องค์เหนือหัวแห่งปาล ทำให้นางใจเต้นรัวเร็วราวกลองเพล แต่ก็พยายามทำใจดีสู้ ถ้าถอยเสียตอนนี้ ต่อไปก็จะโดนข่มเหงโดนรังแกเอาตามใจอีก เป็นไงก็เป็นกัน

“ฉันไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ แค่ทำตามที่ถูกร้องขอเท่านั้น ถ้าท่านเตชิตสบายใจแล้ว ฉันขอตัวนะเจ้าคะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไปทันที แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาดุดันของนางจัน

เตชิตมองตามร่างบางก้าวถี่เร็วรัวจากไป หญิงสาวนางนี้ แม้หน้าตาจะเหมือนวัลลีราวกับคนเดียวกัน แต่เท่าที่เห็น นิสัยช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับทะเล วัลลีของเขาแสนจะอ่อนโยนอ่อนหวาน แต่วีณาคนนี้ ทั้งแข็งกระด้าง กล้าเกินสตรีนางในทั่วไป ทั้งดุอย่างกับเสือ อดยิ้มขำตัวเองไม่ได้ที่อยู่ดีๆ ก็ยื่นหน้าไปให้สาวตบ หนักไม่เบา มือน้อยคงช้ำไปเหมือนกัน

นางจันมองหน้าราชองค์รักษ์คนสำคัญอย่างสงสัย หรือท่านจะสติวิปลาสไปเสียแล้ว คนอะไรโดนตบแต่กลับยิ้มเผล่อยู่ได้


เตชิตพาร่างสูงสง่าเข้ามาถึงท้องพระโรงที่ออกว่าราชการ เหล่าเสนาบดีคนสำคัญอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

“ว่าอย่างไร ท่านเตชิต ไปเที่ยวกลับมาสนุกไหม” สมุหราชมณเฑียรที่ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากจะสนทนาด้วยทักขึ้นก่อน เตชิตยิ้ม ตอบแต่เพียงสั้น

“ตามเสด็จที่ใด ก็สนุกทั้งนั้นแหละขอรับ” รู้ดีว่าคำทักทายนั้นแฝงคำกระแนะกระแหนเสียดสี ไปตามประสาคนไม่ชอบหน้ากัน

“เห็นว่าพรุ่งนี้จะเสด็จเยือนเขมรัฐ ทำไมถึงฉุกละหุกนักล่ะ มีเรื่องด่วนอันใดกัน”

“หากท่านสมุหสงสัย ก็กราบทูลถามพระองค์ท่านเองจะดีกว่า กระผมเป็นแต่ข้ารับใช้ มีพระราชบัญชาให้จัดการอะไรก็ต้องทำไปตามนั้น” คู่สนทนาบึ้งหน้าเข้าใส่ ด้วยร้อนตัวว่าโดนประชดประชันที่ไปสงสัยในพระราชบัญชาองค์เหนือหัว น้ำเสียงตอบกลับจึงห้วนแข็งขึ้นทันที

“ฉันก็ไม่ได้ว่าจะไม่รับสนองพระราชโองการ เพียงแต่สงสัยเท่านั้น ท่านไม่ทราบก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพระองค์ท่านก็คงรับสั่งให้เข้าใจกันทั่ว ฉันก็ได้แต่หวังว่าจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ ก็เท่านั้น” ราชองครักษ์รู้สึกรำคาญใจกับท่าทางหยิ่งผยองของสมุหกรมวังผู้นี้ยิ่งนัก เหตุแห่งการไม่ชอบกันนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการมีนายคนละคนกัน สมุหพระราชมณเฑียรผู้นี้รับใช้องค์วชิรหัตถ์มาแต่เดิม แต่หลังจากที่เสด็จสวรรคต ก็ไปเข้าทางพระนางสร้อยรัศมี จนบัดนี้ราชบัลลังก์เป็นขององค์อัคนิรุทร แม้ข้าราชบริพารทุกผู้ทุกคนจะถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดี แต่สำหรับบุรุษผู้นี้ คำสัตย์เห็นจะเป็นเพียงลมปากเท่านั้น ยังไม่ทันที่เขาจะตอบโต้อะไรกลับไป เจ้าเหนือหัวแห่งปาลก็เสด็จเข้ามาพอดี ความรุ่มร้อนจึงได้แต่ถูกเก็บกักไว้เพียงในใจ

การประชุมจบลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเป็นที่ประจักษ์กันทั่วทุกตัวคนว่า วันนี้องค์อัคนิรุทรมีพระอารมณ์ไม่ดี เรื่องยาวจึงถูกรวบรัดให้สั้นเข้า เรื่องไม่เร่งด่วนก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องกราบทูลให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จบการประชุมแล้ว อัคนิรุทรก็เสด็จกลับเข้าห้องทรงพระอักษรทันที

“เราจะหาเหตุผลอะไร ไปยกเลิกการหมั้นหมายดี ช่วยคิดหน่อย” ตรัสขึ้นทันทีเมื่ออยู่กันตามลำพังกับราชองครักษ์คนสนิท

“หากทรงหาเหตุผลไม่ได้ ก็ไม่ต้องทรงยกเลิกการหมั้นหมายสิพ่ะย่ะค่ะ”

“ว่าไงนะ นี่กำลังล้อเราเล่นหรือไง”

“กระหม่อมแค่คิดว่า การผูกสัมพันธ์กับเจ้าฟ้าหญิงแห่งเขมรัฐน่าจะส่งผลดีต่อเรามากกว่า”

“ท่านพูดราวกับว่าลืมไปแล้วว่า อดีตเจ้าฟ้าหญิงแห่งเขมรัฐ ที่กลายมาเป็นแม่เลี้ยงของเราเนี่ย ทำอะไรเอาไว้บ้าง”

“แต่สถานการณ์ตอนนั้น กับตอนนี้ไม่เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ” เตชิตเห็นองค์อัคนิรุทรทรงนิ่งรอฟัง ก็อธิบายต่อ

“พระราชินีแห่งเขมรัฐจนป่านนี้ก็ยังไม่ทรงปลงพระทัยอภิเษกสมรสกับใคร ไม่ว่าจะมีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจากทั่วทุกสารทิศ ทาบทามหวังผูกสัมพันธ์ด้วย แต่ไม่ทรงตัดสินพระทัยเลือกใครทั้งนั้น หม่อมฉันคิดว่าน่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทรงครองตัวเป็นโสด แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม พวกที่หวังจะครอบครองเขมรัฐ เมื่อพลาดหวังจากองค์พี่ ก็จะพุ่งเป้าไปที่เจ้าฟ้าองค์เล็ก พระขนิษฐภคิณี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีก เพราะทรงหมั้นหมายอยู่กับฝ่าพระบาทตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ หากทรงยกเลิกการหมั้นหมายตอนนี้ ไม่เท่ากับทรงโยนเนื้อชิ้นโตให้เสือหิวหรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมั่นใจว่า พวกเสือทั้งหลายต้องขย้ำฆ่ากันตายเพื่อเนื้อโอชาชิ้นนี้เป็นแน่”

“ก็มีเหตุผล แต่ท่านก็รู้ว่าสิ่งที่เรากังวลคือสร้อยรัศมี เลือดมักจะเข้มข้นกว่าน้ำ เราต้องการรานีที่จะทำให้บัลลังก์แห่งปาลมั่นคง ไม่ใช่ต้องคอยระแวงว่าจะโดนแทงข้างหลัง” หลังสิ้นองค์วชิรหัตถ์ พวกเสนาอำมาตย์จำนวนไม่น้อยหันไปเข้าเป็นพวกพระนางสร้อยรัศมี กว่าอัคนิรุทรจะได้เถลิงราชย์ เลือดพวกข้าราชย์ใจคดต้องล้างแผ่นดินไปไม่น้อย พวกที่ยังเหลือก็เพราะยังหาเหตุมากำจัดให้สิ้นซากไม่ได้ แต่ก็ถูกลดบทบาทหน้าที่ลงจนแทบไม่เหลืออำนาจใด

“ตอนนี้พระนางก็แทบจะไม่เหลือมือเท้าแล้ว หากจะทรงคิดการใหญ่ก็ทำได้ยากลำบากเต็มที กระหม่อมคิดว่า น่าจะทรงพยายามดึงพระคู่หมั้นให้อยู่ข้างเรามากกว่า พระนางสร้อยรัศมีเสด็จปาลตั้งแต่เจ้าฟ้าหญิงเพิ่งประสูติ สายสัมพันธ์เห็นจะไม่ได้แน่นแฟ้นนักหรอกพ่ะย่ะค่ะ” อัคนิรุทรนิ่งทบทวน จะว่าไปแล้วต้นเหตุที่แท้จริง ก็เป็นเพราะองค์วชิรหัตถ์พระราชบิดาที่หลงใหลพระนางสร้อยรัศมี จนปล่อยให้ก้าวก่ายราชกิจ ตัดสินใจแทนพระองค์ในเรื่องสำคัญต่างๆ มากมาย ความรักบังสายพระเนตรให้เห็นแต่ความดีงามความเก่งกาจสามารถของพระนาง แต่การแต่งงานขององค์เองในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความรัก แม้จะไม่ชอบใจเท่าไร แต่ก็พอมองเห็นประโยชน์อย่างที่เตชิตกล่าว

“ไปเยี่ยมแม่นมมาหรือยัง” อัคนิรุทรเปลี่ยนเรื่องโดยพลัน เตชิตเข้าใจดีว่าทรงต้องการคิดใคร่ครวญข้อเสนอเขาให้รอบคอบ

“ไปตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่นมเป็นอย่างไรบ้าง เราว่าจะแวะไป แต่ยังวุ่นวายอยู่ เลยยังไม่ได้ฤกษ์เสียที”

“สุขภาพร่างกายแข็งแรงสบายดีพ่ะย่ะค่ะ ไม่น่าเป็นห่วง แม่ฝากมากราบทูลให้ทรงถนอมพระวรกายด้วย อย่าทรงงานหนักนัก” เจ้าเหนือหัวปาลแย้มพระสรวลอย่างเป็นสุข พระนมที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก เปรียบได้กับแม่คนที่สองก็ไม่ปาน

“ฝากขอบใจแม่นมด้วย กลับจากเขมรัฐครั้งนี้ คงมีเวลาแวะไปหา”

“มีเรื่องหนึ่งที่กระหม่อมต้องกราบทูล” เตชิตเสียงเข้มขึ้นเมื่อนึกถึงสาวงามที่ฝากรอยฝ่ามือเอาไว้ แม้จะไม่ได้เจ็บปวดที่ผิวเนื้อแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกว่ารอยนั้นยังค้างอยู่ที่แก้มตลอดเวลา

“มีเรื่องอะไรหรือ” พระสุรเสียงเข้มไม่แพ้กัน

“เมื่อตอนที่ฝ่าพระบาทเสด็จเขมรัฐอาทิตย์ก่อน พระนางสร้อยรัศมีเสด็จทางใต้ของรัฐ ทรงรับนางข้าหลวงคนใหม่มาฝากให้แม่ช่วยอบรม”

“เรื่องแค่นี้เอง ทำท่าทางเครียดเคร่งเสียนึกว่าเรื่องใหญ่” อัคนิรุทรคลายยิ้มออกมาได้ หลงนึกว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร ราชองครักษ์คนสนิทถึงทำเสียงเข้มงวดนัก

“นางข้าหลวงคนใหม่ของพระนาง มีใบหน้าเหมือนวัลลีราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกันเลยพ่ะย่ะค่ะ” พระพักตร์เงยสบสายตาคนพูด ชื่อ ‘วัลลี’ สะดุดใจพระองค์ไม่น้อยไปกว่าเตชิต ไม่มีใครเอ่ยถึงนางผู้นี้นานแล้ว พระขนงขมวดมุ่นอย่างตรึกตรอง

“น้องสาววัลลีหรือ”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ แม่ซักประวัติดูแล้วก็เห็นว่าไม่น่าใช่ กระหม่อมได้พูดคุยด้วย นิสัยใจคอก็แตกต่างกันสิ้นเชิง ไม่น่าจะเป็นพี่น้องกันได้”

“ไม่ได้เป็นญาติเป็นเชื้อ จะเหมือนกันได้ขนาดไหน”

“ต้องทอดพระเนตรเองพ่ะย่ะค่ะ” อัคนิรุทรแย้มพระสรวลอีกครั้ง ท่าทางรับรองแข็งขันของเตชิตดูน่าขันเหมือนเด็กที่ต้องการยืนยันว่าตัวไม่ได้โกหก

“เอาเถอะ แล้วถ้าแวะไปเยี่ยมแม่นมเมื่อไหร่จะขอยลโฉมเสียหน่อย” เตชิตลังเลว่าจะกราบทูลความกังวลในใจดีหรือไม่ เรื่องที่สงสัยว่าพระนางสร้อยรัศมีอาจต้องการพาวีณาเข้าวังด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่เขาเองก็ยังไม่มีข้อมูลใดยืนยัน เป็นเพียงความสงสัยที่ไม่หนีห่างจากความระแวงสักเท่าไหร่

“กลับไปพักเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า” อัคนิรุทรเสด็จผ่านหน้าเขาออกจากห้องทรงพระอักษร เตชิตน้อมตัวถวายคารวะ ก่อนก้าวตามออกไปติดๆ คิดว่าเรื่องของวีณา น่าจะลองสืบเองดูก่อน กราบทูลไปตอนนี้ก็จะมีแต่ทำให้กังวลพระทัย ดีไม่ดี หากทรงตัดสินพระทัยให้ตัดไฟเสียแต่ต้นลม สาววีณาปากเก่งคงไม่ได้อยู่ในวังหลวงอีกต่อไป หรืออาจจะร้ายยิ่งกว่านั้น...ก็ไม่แน่


Create Date : 12 สิงหาคม 2553
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:24:58 น. 2 comments
Counter : 368 Pageviews.

 
หายง่วงเลย เห็นที่รักมาอัพแล้ว คิคิ


โดย: sakeena IP: 124.120.111.85 วันที่: 15 สิงหาคม 2553 เวลา:10:37:43 น.  

 
คุณ"บัดดี้" นักเขียนเรื่องนี้ แอบบ่นว่า หืดขึ้นคอแล้วค่ะ ฮ่าฮ่า กำลังพยายามเข็นบทต่อไปมาให้ได้อ่านกันต่อ (พะ ยา ย้าม พะ ยา ยาม)


โดย: mercury_books IP: 180.183.232.95 วันที่: 16 สิงหาคม 2553 เวลา:0:02:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.