|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
จอมใจเจ้าชีวัน บทที่ ๒ โดย...บัดดี้
กำแพงปูนสีขาวปรอททอดเป็นแนวโค้งยาวบนเชิงเทินล้อมรอบด้วยคูน้ำลึกกว้างห้าวาเศษ สูงขึ้นไปเหนือกำแพง ปืนใหญ่สามกระบอกตั้งเรียงหันปลายปืนไปทางทิศใต้ ราชสีห์ทองคำผงาดอยู่บนผืนผ้าสีแดงเลือดนก ธงสัญลักษณ์แห่ง ‘สิตา’ ปักเด่นสง่าอยู่กลางหลังคาทรงโค้ง โบกสบัดพัดพลิ้วไปตามแรงลม พื้นที่ถัดจากคูออกมาเป็นทุ่งโล่ง ไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือแม้แต่ต้นไม้ให้ร่มเงา ทหารยามในเครื่องแบบสีแดงสดยืนนิ่งประจำอยู่ไม่ห่างกระบอกปืนใหญ่ สายตามองระแวดระวังไปทั่วบริเวณ ป้อมชายแดนสิตา-ปาลแห่งนี้ ไม่ได้ใช้งานในราชการสงครามมานานหลายทศวรรษ แต่ก็ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีสำหรับกิจการอื่นของ ‘สิงคาล’ ราชาแห่งสิตา รถม้าคันสุดท้ายในขบวนเสด็จกำลังก้าวย่องเนิบช้าบนสะพานที่ทอดข้ามคูล้อมป้อม ไม่นานก็หายผ่านเข้าประตูไปในที่สุด หญิงสาวผิวน้ำผึ้งนวลเนียน ซอยเท้าถี่พาร่างอวบอิ่มเข้าไปในโรงครัว ไม่ได้สนใจเสียงเอะอะโวยวายของแม่ครัวและลูกมือที่กำลังช่วยกันจัดเตรียมอาหารกันยกใหญ่ กระทะและหม้อใบใหญ่บนเตาบอกถึงปริมาณอาหารมากมายราวกับจะเลี้ยงคนเป็นกองทัพ นางมุ่งหน้าตรงไปหาหญิงวัยกลางคนที่กำลังวุ่นวายออกคำสั่งคนงานให้จัดการสำรับที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า เสียงเท้ากระชั้นถี่เข้ามาดึงความสนใจของสาวใหญ่ให้หันมองผู้มาเยือน “เสด็จถึงแล้วรึ แม่จัน” สาวร่างอวบอวดยิ้มฟันขาวพยักหน้า หอบหายใจจนหน้าอกโอฬารกระเพื่อมเกือบล้นออกมานอกเสื้อคอปาด “เจ้าค่ะ คุณท้าว ให้ฉันยกเครื่องเสวยขึ้นถวายเลยไหมจ๊ะ” เสียงตอบนั้นสดใสร่าเริงราวนกน้อย นานเหลือเกินที่ ‘พระองค์ท่าน’ ไม่ได้เสด็จป้อมชายแดน ข่าวการมาจึงทำให้นางแช่มชื่นเป็นพิเศษ เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจหญิงที่ว้าเหว่มานาน แต่คำตอบของผู้ที่นางเรียก ‘คุณท้าว’ กลับเหมือนน้ำร้อนสาดกลับมา “ไม่ต้องหรอก วันนี้จะให้แม่วีณาจัดการ” คุณท้าวพูด ไม่ได้สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันทีของคนเพิ่งมา “แต่วีณามาอยู่ใหม่ เกิดทำอะไรให้ขัดเคืองพระราชหฤทัยจะพลอยลำบากกันไปหมดนะเจ้าคะ” เหลือบมองร่างอรชรที่นั่งหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ให้หงุดหงิดใจหนักขึ้นไปอีก ใบหน้าสวยเย็น แม้จะวางหน้าเรียบเฉย แต่ก็คงจะดึงดูดใจพระองค์ท่านไม่ใช่น้อย รูปร่างบางแต่อกเอวสมส่วนรับกันกลมกลึง ผิวพรรณก็เต่งตึงอิ่มเอิบเหลือเกิน คุณท้าวก็ดูราวจะสนับสนุนนางจนออกนอกหน้า คงกะจะให้ถวายตัวกระมัง ยิ่งมอง ลมเพชรหึงริษยาก็ยิ่งพัดกระหน่ำรุนแรง “หล่อนคิดว่ามีเพียงตัวคนเดียวเท่านั้นหรือไร ที่รู้พระทัยพระองค์ท่าน!” คุณท้าวขึ้นเสียงอย่างไว้อำนาจ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเจ้าค่ะ แต่วีณายังไม่เคย ยังไงให้ตามฉันขึ้นไปก่อน แล้วคราวหลังค่อยไปเอง ไม่ดีกว่าหรือจ๊ะ” แม้จะโกรธแสนโกรธ ทั้งหึงทั้งหวงตัวท่าน แต่ในเวลานี้จะทำอะไรได้นอกจากยอมอ่อนเสียงให้คุณท้าวคนสำคัญคนนี้ “หุบปากหล่อนไปเลย ถ้ามีอะไร ฉันจะรับผิดชอบเอง ไป แม่วีณา ไปได้แล้ว จำที่ฉันสั่งสอนไว้ให้ดี” คุณท้าวตัดรำคาญด้วยการหันไปพยักพเยิดหญิงสาวที่นั่งเงียบให้รีบออกไป “ตามใจ” เมื่อต่อรองไม่ได้ และไม่เห็นทางจะห้ามความประสงค์ของคุณท้าว ก็ทำได้เพียงสะบัดหน้าเดินหนีไป คิดปลอบตัวเองในใจว่า หากในเรื่องลีลาแล้ว สาวน้อยอ้อนแอ้นนั่นคงไม่มีทางเทียบเทียมนางได้หรอก สุดท้ายก็ทรง ‘เรียกหา’ อยู่ดี วีณาเดินยกสำรับขึ้นไปถึงห้องบรรทม เมื่อนายทวารเปิดประตูให้เข้าไป หญิงสาวคลานเข่าไปจากหน้าประตู ตรงไปยังตั่งสำหรับตั้งเครื่องเสวย ไม่กล้ามองซ้ายแลขวา จดจ่ออยู่แต่กับเครื่องเสวยในมือ กลัวจะทำพลาดตกหกเลอะ คงได้คอขาดเป็นแน่ นางค่อยๆ บรรจงวางจัดถ้วยโถในมือ ยังไม่ทันเรียบร้อยดี แขนแข็งแรงก็สอดเข้ามาโอบรวบจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว “ว้าย!!” ถ้วยชามกระทบกันเสียงดังเคร้งคร้าง หญิงสาวดิ้นรนด้วยความตกใจจากการจู่โจม พอเห็นหน้าผู้ลักกอดนางชัดเจนก็ก้มหมอบกราบกรานแนบพื้น เจ้าสิงคาลคุกเข่าข้างหนึ่งยันพื้นไว้ เชยใบหน้างามขึ้น หญิงสาวยังหลบตาไม่กล้ามองตรง “อ้าว คนใหม่หรือนี่ ขอโทษที เรานึกว่านังจัน” สายพระเนตรลวนลามไปทั่วผิวหน้าผิวเนื้อที่ดูผุดผาดของสาววัยกำดัด “คุณท้าว...ให้หม่อมฉันนำเครื่องเสวยมาถวายแทนพี่จันเพคะ” เสียงสั่นๆ กระตุ้นให้ชายตื่นตัวขึ้นทันที ลูบไล้พระหัตถ์แผ่วเบาไปตามเรียวแขนนวลเนียนราวท่อนเทียน คุณท้าวนี่ช่างรู้ใจจริงๆ ขยันหาสาวงามมาปรนนิบัติ หัตถ์แข็งแรงประคองนางขึ้นยืน หญิงสาวห่อไหล่ ก้มหน้างุดหลบสายตาคมวาวด้วยแรงปรารถนา สะดุ้งสุดตัวเมื่อใบหน้าเข้มค่อยซุกไซ้ไปตามซอกคอ ดอมดมกลิ่นหอมจากเรือนกายสาว “อย่าเพคะ ฝ่าบาท” เสียงห้ามสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ มือน้อยๆ ผลักอกกว้างที่หาได้ขยับเขยื้อนไม่ สัมผัสจากมืออุ่นจัดจนร้อนลูบเลื่อนไปตามเนื้อตัว ยิ่งตกใจกลัวเมื่อสัมผัสจากปากก็พร่ำพรมจูบไปทั่วทั้งคอทั้งไหล่รุนแรงขึ้นอย่างหื่นกระหาย หญิงสาวเริ่มดิ้นรนหนักขึ้น ด้วยแท้จริงไม่ได้ตั้งใจสมัครใจจะ ‘ถวายตัว’ “จะไม่เสวยเสียหน่อยก่อนหรือเพคะ ฝ่าบาท” เสียงเย็นเยียบของผู้ที่เพิ่งเข้ามาเป็นประจักษ์พยานหยุดอาการรุกไล่คึกคะนองของกษัตริย์หนุ่ม ทรงผละออกจากนางข้าหลวงทันที รี่ไปหาต้นเสียง โอบเอวบางเข้าหาจนแนบชิด “ก็ทรงปล่อยให้หม่อมฉันรอนาน หม่อมฉันเลยต้องหาอะไรทำฆ่าเวลาเสียหน่อย” พลางจุมพิตไซ้ไปที่เรียวคอบางระหงเป็นการต้อนรับผู้มาเยือน ตัวคนที่เป็นของฆ่าเวลาทรุดหมอบอยู่กับพื้นตัวสั่นเทา พระนางสร้อยรัศมีบิดวรกายออกจากอ้อมกรแกร่ง ก้าวเนิบสง่างามเข้าหาร่างที่หมอบแทบพื้น เชยใบหน้าสวยขึ้นมอง แววเนตรฉงนฉาบขึ้นบนดวงเนตรหรี่เพ่ง ก่อนรอยแย้มโอษฐ์จะค่อยๆ จุติขึ้น “เจ้าชื่ออะไร” “หม่อมฉัน...ชื่อ...วีณา..เพคะ” เสียงสั่นด้วยยังไม่หายประหม่า ประสมเข้ากับความกลัวจะโดนโทษทัณฑ์ หญิงสูงศักดิ์ทวนชื่อที่ได้ยินแผ่วเบา กิริยาเหมือนกำลังใช้ความคิด แค่เพียงชั่วครู่เดียวก็ทรงหันกลับไปหากษัตริย์หนุ่ม “หม่อมฉันขอพระราชทานนางคนนี้ได้ไหมเพคะ” พระนางตรัสถามเจ้าสิงคาลที่ทรงยืนสง่าอยู่ไม่ห่าง คนถูกถามแสดงท่าทางออกชัดเจนทันทีว่าไม่เต็มใจนัก เพราะยังไม่ได้สมรสรักอย่างที่ตั้งใจ สร้อยรัศมีเยื้องย่างเข้าหาอย่างยั่วยวน เรียวนิ้วลูบไล้ไปตามกล้ามแข็งแกร่งบนแผงพระอุระ “น่านะ ส่วนเรื่องอื่น...หม่อมฉันจะจัดการให้เอง” “พระองค์จะทรงต้องการนางไปทำไม” “หม่อมฉัน...แค่ถูกชะตาน่ะเพคะ ทรงยกให้หม่อมฉันเถอะนะเพคะ” จูบเบาอ้อยอิ่งเชิญชวน ไม่ว่าชายหน้าไหนก็ต้องโอนอ่อน สร้อยรัศมีทรงรู้วิธีเย้ายวนให้อยากจะระเบิดอารมณ์ใส่พระนางเสียเหลือเกิน ตามใจ อยากได้อะไรก็เอาไป เสร็จแล้วจะได้ทำอย่างอื่นต่อ “แล้วแต่พระประสงค์เถอะ” เมื่อได้คำตอบที่พอพระทัย สร้อยรัศมีก็ผละร่างออกไปหานางที่หมอบพื้นอยู่อีกครั้ง ปล่อยให้องค์เจ้าสิงคาลทอดพระเนตรอย่างไม่สบพระอารมณ์ จนต้องเลี่ยงไปกระแทกตัวประทับลงบนพระแท่น ขัดอะไรขัดได้ แต่ขัดอารมณ์ชายเช่นนี้ หงุดหงิดเหลือประมาณ “เจ้าไปได้แล้ว เตรียมเก็บข้าวของด้วย เราจะเดินทางเช้าตรู่พรุ่งนี้” วีณากราบคารวะก่อนคลานเลี่ยงออกไปโดยเร็วอย่างโล่งอก สร้อยรัศมีทอดพระเนตรตามหลัง ความคิดมากมายผุดขึ้นในสมอง นอกจากจะกำจัดนางกำนัลหน้าสวยให้ห่างจากสิงคาลแล้ว ยังน่าจะใช้ประโยชน์จากใบหน้าสวยนั่นได้ ใบหน้าที่...ไม่ใช่แค่คล้าย แต่เหมือนใครคนหนึ่งมากเหลือเกิน เสียงแก้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง บ่งบอกอารมณ์ของคนวางได้ดี ปลุกพระนางจากภวังค์ความคิด สร้อยรัศมีแย้มพระสรวลนิดๆ ที่มุมโอษฐ์ นวยนาดไปประทับตรงพระพักตร์ร่างสง่างามบนแท่นบรรทม ผ้าคลุมแพรเบาบางค่อยๆ เลื่อนหลุดเปิดเผยเนื้อเนียนเปล่งปลั่งที่สิงคาลหลงใหล แม้จะเคยเห็นเคยสัมผัสแต่ก็รู้สึกเหมือนอดพระทัยไม่ได้ทุกครั้งที่ได้เห็นได้สัมผัสอีก คงมีเพียงอารมณ์เร่าร้อนของแม่หม้ายอย่างสร้อยรัศมีเท่านั้นกระมังถึงจะเติมเต็ม ‘ความต้องการ’ ของราชาแห่งสิตาได้อย่างเต็มที่ ไฟสวาทจุดติดขึ้นอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องการเชื้อเพลิง เจ้าสิงคาลทรงระลึกถึงการพบกันครั้งแรก ตอนนั้นพระนางยังทรงอยู่ในฐานะขนิษฐาแห่งราชินีเขมรัฐ ดวงพักตร์งามสง่าตราตรึงใจ ดวงเนตรหวานวาวเรียวแลฉลาดล้ำกว่าสตรีนางใดที่พระองค์เคยรู้จัก โอษฐ์แย้มยิ้มเย็นประดับอยู่บนพระพักตร์ตลอดเวลา จนยากที่ใครจะคาดเดาอารมณ์หรือความคิดได้ พระนางเหมือนปริศนาที่ไม่มีใครอาจหาญกล้าไขให้กระจ่าง องค์เองเพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่ม ตามเสด็จพระราชบิดาไปร่วมงานฉลองบัลลังก์ ‘ศศิลักขณา’ ราชินีแห่งเขมรัฐ ความรักจู่โจมเข้าเกาะกุมพระทัยตั้งแต่เพียงแรกพบพักตร์ จนแม้พระนางจะกลายไปเป็นรานีแห่งวชิรหัตถ์แล้วความรักยังคงมั่น พระองค์ทรงรู้ว่าพระนางก็รู้สึกไม่ต่างกัน เมื่อได้พบกันอีกครั้งในงานถวายพระเพลิงองค์ราชินีศศิลักขณา แค่เพียงได้พบพักตร์สนทนากันไม่กี่คำ ความรักที่เก็บงำมานานก็ราวกับจะปะทุระเบิดออกมาจากพระอุระให้จงได้ สัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างกันจึงก่อเกิดขึ้นอย่างลับๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนหวานนุ่มนวล คุ้มค่ากับการรอคอยเสียเหลือเกิน สร้อยรัศมีเปรียบดังรสหวานหอมแห่งน้ำทิพย์ติดชิวหามิวางวาย เมื่อได้สมรักแล้วก็มิอาจหักพระทัยได้ กระวนกระวายคลุ้มคลั่งราวคนบ้า ปรารถนาจะประหัตประหารวชิรหัตถ์ให้ดับดิ้นแล้วรับพระนางมากกกอดแนบข้าง ยิ่งทรงคิดว่าวชิรหัตถ์มีสิทธิเต็มที่ที่จะดื่มด่ำรสรักจากพระนาง พระองค์ยิ่งแทบจะทนมีชีวิตต่อไปไม่ไหว เหล่าสนมนางกำนัลที่ห้อมล้อมมิอาจทำให้พระทัยรุ่มร้อนด้วยกามตัณหาเบาบางลงได้ จะหารสพิศวาสใดเทียมเท่าสร้อยรัศมีมิมีอีกแล้วในโลกหล้า เสน่หาที่ตราตรึงไม่เคยคลาคลายกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดเหนี่ยวนำไปสู่การ ‘ลักลอบ’ พบกันอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง... อันที่จริง องค์สิงคาลเริ่มรู้สึกชื่นชอบการได้พบกันเยี่ยงนี้ เพราะมันยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้ได้มากขึ้นอีก และรักพระนางได้รุนแรงเร่าร้อน พระนางเองก็ตอบสนองได้อย่างสมพระอารมณ์เฉกเช่นกัน วชิรหัตถ์ราชาบัดนี้สวรรคตไปแล้ว แต่ฐานะรานีอดีตพระราชายังค้ำคอไม่ให้สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ จะมีใครในราชสำนักแห่งปาลบ้างไหมที่ล่วงรู้ความลับนี้ “ทรงคิดอะไรอยู่เพคะ” สร้อยรัศมีไล้นิ้วไปบนแผงพระอุระรกครึ้มไปด้วยขนอย่างรักใคร่หลังเสร็จสมรสรักที่โหยหา “คิดว่าทำไมพระองค์เสด็จมาได้วันนี้” ราชาหนุ่มแห่งสิตาหันหาร่างเปลือยแนบข้างลูบไล้เอวบางอย่างหลงใหล “อัคนิรุทรเสด็จประพาสนอกเมือง หม่อมฉันยังสงสัยอยู่ว่าไปไหน” “อ๋อ ลูกเลี้ยงไม่อยู่ แม่เลี้ยงเลยมีอิสระ” น้ำเสียงเยาะหยันทำให้สร้อยรัศมีเสียงขุ่นเข้ม “ทรงหมายความว่ากระไร” แม้จะเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องแสร้งโกรธเกรี้ยว จะยอมรับให้ใครกล่าวหาว่าเป็นนางพระยาเทครัวได้อย่างไร “อย่ากริ้วไปเลย ทูลหัวของหม่อมฉัน แค่เย้าเล่นเท่านั้นหรอกน่า” “ความสัมพันธ์ระหว่างหม่อมฉันกับอัคนิรุทร เป็นเพียงแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงธรรมดาเท่านั้น ฝ่าบาทก็ทรงทราบดี” ใช่สิ แค่แม่เลี้ยงลูกเลี้ยงธรรมดา จะไม่ธรรมดาก็ตรงที่ ความเกลียดชังในใจอัคนิรุทรที่มีต่อพระนาง ราวกับจะฝังรากลึกเกินกว่าสิ่งใดจะไถ่ถอนได้ สร้อยรัศมีแสร้งสะบัดตัวลุกหนี แต่พระกรแกร่งของสิงคาลรั้งวรองค์บอบบางกลับเข้าแนบชิด รวบรัดไว้ด้วยวรกายแข็งแรงขององค์เอง “หม่อมฉันขอประทานอภัย คราวหลังจะไม่ปากพล่อยให้เคืองพระทัยอีกแล้ว” เคราสากไล้ไปตามซอกพระศอก่อกระแสซ่านเสียวให้เกิดในอารมณ์หญิงอีกครั้ง วิธีการง้อสาวงอนอย่างนี้ ไม่มีใครเก่งเกินสิงคาล แต่ยังหรอก จะให้อภัยโดยง่ายนั้นไม่ควร “ทรงหมิ่นน้ำใจหม่อมฉันเหลือเกิน อุตส่าห์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาหา แต่กลับต้องมาโดนเหยียดหยามเช่นนี้ หม่อมฉันคงไม่มีความหมายอันใดทั้งสิ้นสำหรับฝ่าบาท” เสียงกระเง้ากระงอดกับท่าทางสะบัดสะบิ้ง ทำให้เจ้าสิงคาลต้องทรงกอดกระชับปลอบประโลม “ใครว่า หม่อมฉันหลงใหลพระองค์ออกขนาดนี้ ที่พูดไปก็เพราะรักเพราะหวงเหลือเกิน ไม่อยากให้ใครได้ยลเนื้อนวลของพระองค์ แค่คิดหม่อมฉันก็แทบจะขาดใจตาย” ก้มพระพักตร์เชยชมนวลเนื้อไหล่ไล่ไปตามเนินอกอย่างคลั่งไคล้ อดีตรานีแห่งปาลจำต้องผลักร่างที่รุกไล่ออกห่าง ถามสุรเสียงอ่อนหวาน “จริงนะเพคะ” “จะกล้าปดพระองค์ได้อย่างไร มามะ หม่อมฉันจะแสดงให้ดูว่าหม่อมฉันรักพระองค์ขนาดไหน” สร้อยรัศมีสรวลเมื่อใบหน้าสากซุกลงแนบอกอิ่มขบเล็มอย่างสนุกปาก ผลักร่างหนาออกจนหงาย พลิกองค์เองขึ้นอยู่เหนือ สำแดงอำนาจแห่งตน “ไม่ได้ ต้องให้หม่อมฉันสำเร็จโทษฝ่าบาทก่อน” ปากบางจู่โจมโรมรันกับอีกปากที่ยื่นขึ้นราวลูกนกร้องขออาหารจากแม่นก แม่นกไล่จุมพิตเร่าร้อนไปตามมัดกล้ามแข็งแรงจนชายร้องครางอย่างเสียวกระสัน เกมสวาทยุทธ์เริ่มขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงร้องครางกระเส่าของทั้งสองร่าง ต่างคนต่างสนองความปรารถนารุ่มร้อนของตนเอง ในขณะที่สมองก็กำลังวางแผนเพื่อผลประโยชน์แห่งตนเช่นกัน รุ่งสาง เจ้าสิงคาลเสด็จส่งขบวนทหารม้าของสร้อยรัศมีถึงประตูป้อม อ้อยอิ่งร่ำลากันราวจะไม่ได้พบกันอีกทั้งชาติ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า หากสบโอกาสเมื่อใด ทั้งสองก็พร้อมใจจะมาหาความสุขร่วมกันที่ป้อมชายแดนแห่งนี้ “หม่อมฉันไม่อยากให้เสด็จกลับเลย” “ไม่กลับไม่ได้หรอกเพคะ ไม่รู้ว่าอัคนิรุทจะเสด็จกลับเมื่อไหร่” เจ้าสิงคาลทำเนตรปรอยออดอ้อนราวเด็กน้อย “ทรงแกล้งทำเนตรเศร้าอย่างนี้ แต่พอคล้อยหลังหม่อมฉัน ขี้คร้านจะทรงหานางกำนัลมาล้อมหน้าหลัง” “โถ...ทูลหัวของหม่อมฉัน พระองค์ไปแล้ว หม่อมฉันคงนอนซมเพราะพิษคิดถึงพระองค์” น้ำเสียงออดอ้อนยังไม่เท่ามือไม้ที่ลูบไล้ไม่เกรงสายตาใคร สร้อยรัศมีต้องรั้งองค์เองออกจากอ้อมพระกร “ปากหวานนักนะ เชื่อได้แค่ไหนก็ไม่รู้” “ทรงอยู่ต่อเพื่อพิสูจน์ไหมเล่า” สิงคาลจุมพิตลงบนสองหัตถ์นวลผ่องที่เกาะกุมอย่างรักใคร่ สร้อยรัศมีส่งสายตาหวานซึ้งตอบแทน “เรื่องที่คุยกันไว้ ขอฝ่าบาททรงพิจารณานะเพคะ ถ้าตกลงเมื่อไหร่ หม่อมฉันจะจัดการให้ทันที” สิงคาลแสร้งทอดถอนใจ ตรัสน้ำเสียงตัดพ้อไปยังชู้รัก “ทำไมพระทัยดำนัก จะทรงผลักไสหม่อมฉันให้คนอื่นได้ลงคอ” “คนอื่นที่ไหน หลานแท้ๆ ของหม่อมฉันนะเพคะ” สร้อยรัศมีสรวลเบาๆ ช้อนพระเนตรมองอย่างหยอกเย้า ก่อนหันหาเหล่านางข้าหลวงตามเสด็จ “วีณาล่ะ” พอเห็นนั่งก้มหน้างุดอยู่ในหมู่สาวๆ ก็ร้องสั่งการ “ไปกันได้แล้ว” สิงคาลจำต้องปล่อยหัตถ์บาง วรองค์งามสง่าขึ้นประทับม้าทรงสีขาวนวลอย่างทะมัดทะแมง ก่อนควบเหยาะๆ ตามทหารองครักษ์ออกไป เสียงม้าควบค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมฝุ่นคลุ้งจากกีบเท้าม้า สิงคาลผินพักตร์หาคุณท้าวคนสนิท “เรียกนังจันไปหาข้าที่ห้องด้วย”
Create Date : 09 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:21:39 น. |
|
0 comments
|
Counter : 315 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป |
ซัน โรแมนติก-อบอุ่น ราคา 220 บาท
น้ำชารสสตรอเบอร์รี่ รัก-โรแมนติก ราคา 190 บาท
ปางเสน่หา โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้) สนพ.พลอยชมพู
|
งานเขียนใน “สวยสมวัย” เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ ........................... คิดเอง เขียนเอง และสร้างความภาคภูมิใจ ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|