บทสัมภาษณ์ของผู้กองเบิร์ด จากรายการราตรีสโมสร พร้อมภาพใหม่ใหญ่กว่าเดิม (เห็นความหล่อชัดขึ้น)

เมื่อเดือนที่แล้วคุณหนุ่ม - กรรชัย กำเนิดพลอย 1 ในพิธีกรจากรายการราตรีสโมสร ได้เดินทางไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเยี่ยมชมค่ายสุรสีห์ สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์แห่งสยามประเทศฟอร์มยักษ์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไกด์รับเชิญก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้กองเบิร์ด - พ.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้รับบท พระนเรศ หรือองค์ดำ จากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนั้นเอง ผู้กองเบิร์ดไม่ได้นำเที่ยวแต่ในกองถ่ายนะคะ ยังพาไปชมที่ทำงาน รวมทั้งรีสอร์ทของผู้กองด้วยค่ะ

จริงๆ เคยโพสต์ภาพพวกนี้ไปแล้วที่กระทู้นี้ //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5205181/A5205181.html แต่ไม่มีบทสัมภาษณ์ มาคราวนี้เลยแกะบทสัมภาษณ์มาให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มีเหตุมิได้ชมเทปรายการคราวนั้นมาให้อ่านกันด้วย ตามที่ได้เคยให้สัญญากันไว้ แม้ว่าจะล่าช้าไปสักหน่อย ก็อย่าได้โกรธได้เคืองกันเลยนะคะ

ไม่ชักช้าละ เริ่มโพสต์เลยละกัน ถ้าอยากชมภาพแบบเต็มก็เชิญคลิกเลยนะคะ ทำเป็น thumbnail ไว้ จะได้ไม่โหลดหน้าบล็อกนานเกินไปค่ะ





เริ่มจาก รูปผู้กองเบิร์ดขี่ม้ามารับคุณกรรชัย (เท่ห์มากมาย) ซึ่งม้าตัวนี้เป็นม้าตัวเดียวกับที่ผู้กองขี่ในหนังด้วยค่ะ






ผู้กองพาไปเยี่ยมชมห้องทำงานก่อน ส่วนรูปนี้เป็นรูปที่ติดหน้าห้องทำงานของผู้กองค่ะ (เป็น chart แสดงสายการบังคับบัญชา) คุณหนุ่มถามว่ายศของคุณเบิร์ดนั้น จริงๆ แล้วต้องเรียกผู้กองหรือผู้พัน คุณเบิร์ดตอบว่า
“จริงๆ แล้วถ้าคนข้างนอกก็จะเรียกว่าผู้พัน แต่ว่าคนข้างในจะเรียกตามตำแหน่ง คือไม่ได้เรียกตามยศ ตำแหน่งก็ยังเป็นผู้กองอยู่”

เรื่องสีผิว ผู้พันบอกว่า “จริงๆ แล้วขาวครับ โดยปกติแล้วจะไม่ดำขนาดนี้ แต่ว่าที่ดำขนาดนี้เพราะว่าแสดงภาพยนตร์ ในหนึ่งสัปดาห์ถ้าไม่มีการถ่ายทำ ผมก็จะต้องไปอาบแดด ทาซันแทนให้ดำ”







ผู้กองเบิร์ดพาไปชมถึงโต๊ะทำงาน ที่มีหนังสือ ภาพถ่าย (เพื่อขอลายเซ็น) และกองจดหมายของแฟนคลับจำนวนหนึ่งวางไว้









บรรยากาศการทำงานของผู้กองเบิร์ด







คุณกรรชัยขอกางเกงตัวใหม่







มาดเท่ห์ๆ ของคุณหนุ่มในชุดทหาร







คุณหนุ่มใส่รองเท้าไม่เรียบร้อย เลยโดนวิดพื้น 2 ที







คุณหนุ่มสงสัยว่านายทหารคนนี้มีลำตัวหรือไม่







ผู้กองเบิร์ดให้พี่หนุ่มร่วมกิจกรรมฝึกทหาร













ผู้กองจัดให้คุณหนุ่มอยู่ในกลุ่มชุดยิง ข โดยวางแผนว่า
จะให้ชุดยิง ข ไปก่อน โดยมีชุดยิง ก ยิงสนับสนุน (ป.ล. คุณกรรชัยวิ่งรั้งท้ายมิได้อยู่ในแผน เข้าใจว่าเพราะวิ่งไม่ทันจริงๆ (มั้ง) อิอิ)











ไม่ทันไรคุณหนุ่มก็ตะโกนว่า "ผมโดนยิง ๆ" แต่มีรึที่ทหารอาชิพ (ตัวจริง) อย่างผู้กองเบิร์ดจะเชื่อ "โดนยิงก็ไปต่อได้ครับ" คุณหนุ่มเลยวิ่งรั้งท้าย (อีกแล้ว) ตามไป
แถมตะโกนให้เพื่อนในกลุ่มช่วยรอด้วย









คุณหนุ่มขอให้ผู้กองเบิร์ดสั่งให้ ชุดยิง ค วิ่งไปก่อน ผู้กองเลยเตือนความจำว่ามีชุดยิงแค่ 2 ชุด คือ ชุด ก กับ ชุด ข สุดท้ายก็ต้องหิ้วปีกคุณหนุ่มกลับมา








อินจัน ทรี รีสอร์ทเล็กๆ ของผู้กองเบิร์ด ติดแม่น้ำแควใหญ่ ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว บรรยากาศ (เท่าที่เห็น) ดีนะคะ เห็นแล้วอยากไปมากกกกกก








ถึงตอนนี้คุณหนุ่มชวนคุยเรื่องส่วนตัวๆ ของผู้กองเล็กน้อย ผู้กองเป็นคนที่รักและผูกพันกับครอบครัวมาก ทุกวันนี้ก็ทำเมนูพิเศษของคุณแม่ คือข้าวเหนียวยัดไส้ปลาทูโรยเกลือ รับประทานเองอยู่เสมอ เหตุผลที่ต้องทำเองนั้น ผู้กองให้คำตอบว่า “เพราะยังไม่มีคนทำให้ทาน” คุณหนุ่มถามกลับว่ามีแฟนหรือยัง ผู้กองยืดอกสามศอกรับหนักแน่นว่า “มีแล้วครับ” คุณหนุ่มรุกต่อว่าจะแต่งหรือยัง ผู้กองตอบเสียงหนักแน่น “อีกไม่นานครับ” คุณหนุ่มยังข้องใจว่าทำไมถึงไม่บอกว่ายังไม่มีแฟน ผู้กองแจงว่า


“คือแฟนเขาบอกว่าถ้ามีคนถามต้องบอกนะว่ามีแฟนแล้ว”


ผู้กองเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า ท่านมุ้ยทรงสอนและให้คำแนะนำเรื่องผู้หญิงๆ เอาไว้ว่า


“ด้วยความที่เรามารับบทสำคัญขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัวหรือเรื่องเบื้องหลังกว่าที่เราจะมาได้รับบทแบบนี้ เราควรจะต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิต เพราะว่าในอนาคตโตขึ้นก็ต้องรับราชการต่อไป เป็นทหารที่มียศใหญ่ขึ้น สูงขึ้น เพราะฉะนั้นเราควรจำดำเนินชีวิตหรือครองตนให้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง”









กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คุณหนุ่มก็เช่นกัน ผู้กองเบิร์ดพาไปรับประทานอาหารกลางวันเมนูเด็ด "ผัดไทยไร้เส้น" คุณหนุ่มถามว่าผู้กองรับประทานอะไรถึงได้หล่อเหลาเอาการถึงเพียงนี้ ผู้กองหัวเราะชอบใจก่อนจะตอบว่า “ไม่มีเมนูพิเศษอะไรเท่าไหร่ครับ จริงๆ แล้วผมเกิดที่จังหวัดลำปาง ก็จะชอบพวกอาหารอีสาน อาหารเหนือ พวกข้าวเหนียวอะไรพวกนี้ครับ”











พอไปถึงกองถ่ายที่ค่ายสุรสีห์ ทั้งสองหนุ่มก็ทำตัวให้เข้ากับบรรยากาศโดยการขี่ม้าชมเมือง คุณหนุ่มถามว่าหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเข้าฉายแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปหรือไม่ ผู้กองตอบว่า “ก็ถือว่าเปลี่ยนไปพอสมควรครับ เพราะมีคนรู้จักมากขึ้น ไปไหนก็มีคนทักว่า พระนเรศ พระนเรศ”







คุณหนุ่มถามว่าใบหน้าของผู้กองไปละม้ายกับรูปปั้น (ขออภัยนะคะไม่ทราบว่าคำราชาศัพท์ใช้ว่าอย่างไร) ของพระนเรศวรจริงหรือไม่ คำตอบของผู้กองคือ “จริงๆ แล้วเราไม่เคยรู้จักหรอกว่า องค์ดำจะมีพระพักตร์แบบไหน เพราะฉะนั้นรูปปั้นที่เราเห็นนั้นเป็นเพียงจินตนาการ จินตนาการขึ้นมา แต่ว่าบังเอิญไปคล้ายเท่านั้นเองครับ เพราะจริงๆ แล้วเราไม่สามารถไปเปรียบเทียบกับพระองค์ท่านได้”


แล้วเหตุไฉนท่านมุ้ยจึงทรงเลือกให้ผู้กองรับบทสำคัญนี้ ผู้กองให้คำตอบว่า “ไม่ทราบเลยครับ แต่ผมรู้เพียงแต่ว่าท่านมุ้ยจะทรงบอกว่า ‘ผมไม่ได้เลือกคุณ แต่ผมเป็นคนคัดคนอื่นออกไป’








ท่านมุ้ยทรงสอนเกี่ยวกับการแสดง อย่างไรบ้าง ผู้กองตอบว่า


“ท่านมุ้ยจะทรงสอนเสมอครับ คือท่านจะให้ประสบการณ์หลังจากที่ผมเป็นทหารแล้วเนี่ย ท่านก็จะพูดถึงว่าคุณเป็นทหาร แต่ว่าวันหนึ่งคุณมาเป็นนักแสดงเนี่ย เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณเข้ามาถ่ายทำในแต่ละวัน วันเวลามันไม่สามารถที่จะย้อนเวลากลับไปได้ และก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัว เพราะฉะนั้นการที่คุณเข้ามาในแต่ละครั้ง ในแต่ละวันนั้น คุณจะต้องมาด้วยใจ อย่ามาแต่เพียงแค่แรงกายเพียงอย่างเดียว ต้องมาทั้งแรงกาย แรงใจด้วย”









คุณหนุ่มทราบมาว่าท่านมุ้ยทรงพาคุณเบิร์ดตระเวนไปยังโรงหนังต่างๆ ด้วย ท่านทรงมีเหตุผลอันใด ผู้กองอธิบายว่า


“เหตุผลก็คือ ต้องการดูว่าคนดูในโรงเนี่ยเยอะไหม ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง แต่ละโรงที่ฉายนั้นมีความชัดเจนขนาดไหน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือท่านต้องการจะสอน คือตลอดเวลาที่ผมอยู่กับท่านตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เจอกันทุกวัน ท่านมุ้ยจะทรงสอนเหมือนๆ กันครับว่า ผมพาคุณมาเพื่อจะให้คุณดูว่าวันนี้คนมาขอลายเซ็นคุณ แต่ในวันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีใครมาขอลายเซ็นคุณแบบนี้ก็ได้ เพระฉะนั้นวันเวลาจะผ่านไปเรื่อยๆ และมันจะเรียกย้อนกลับคืนมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะทำสิ่งใดก็ขอให้ทำอย่างเต็มที่ จะสร้างคุณงามความดีอะไรก็รีบสร้าง ท่านจะทรงสอนเสมอครับ”









คุณหนุ่มถามกันตรงๆ เลยว่า ค่าตัวคุณเบิร์ดแพงไหม คำตอบคือ “เรื่องค่าตัวเนี่ย ผมเองก็ยังรับราชการอยู่ และเนื่องจากว่ารายได้ทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้จะทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.....” คุณหนุ่มย้ำว่าสรุปแล้วไม่รับค่าตัว
“จะถวายไปทั้งหมดเลยครับ”


แล้วชีวิตหลังถ่ายทำภาพยนตร์ล่ะ ผู้กองคิดจะทำอะไรต่อไป จะทำงานด้านบันเทิงต่อไปหรือไม่ จะแสดงเพชรพระอุมาไหม ผู้กองตอบว่า


“ตรงนี้นะครับมีคนถามเยอะมากว่าหลังจากนี้ผมจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป ซึ่งจริงๆ แล้วผมอยากจะบอกว่าผมก็รู้สึกสนุกกับการถ่ายทำ และชอบงานบันเทิงต่างๆ ผมเชื่อว่าคนที่อยู่ในวงการเหนื่อย และน่าเห็นใจ เพราะฉะนั้นผมก็รู้สึกสนุก แต่วันนึงผมคิดแล้วว่าอาชีพของผมเป็นทหาร และเหมาะกับการเป็นทหารมากกว่า ผมก็เลยอยากจะสืบสานอุดมการณ์ของผม และของคุณพ่อว่าเราจะต้องเป็นทหารอาชีพ คือไม่ได้มีเพียงแค่เป็นอาชีพทหาร เวลาที่เราเป็นทหารอาชีพนั้นคำว่าทหารอาชีพนั้นจะอยู่ติดตัวไปกับเราจนกระทั่งเราตาย"







จบแล้วค่ะ ไม่ได้แกะมาทุกคำพูดที่ผู้กองพูดในรายการนะคะ เอาแต่เฉพาะที่สำคัญริงๆ หวังว่าคงจะถูกใจบ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ






 

Create Date : 06 เมษายน 2550
2 comments
Last Update : 16 มิถุนายน 2550 11:16:03 น.
Counter : 1400 Pageviews.

 

อ่านเพลินดีค่ะ

ติดตามเรื่องนี้มาสองภาคแล้ว

รอภาคสามค่ะ

 

โดย: โสดในซอย 6 เมษายน 2550 9:54:33 น.  

 

น่ารักดีเนาะ

 

โดย: ป่ามป๊าม 6 เมษายน 2550 22:32:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


snodgrass
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





แสงหนึ่ง - ครอบครัว "ศรีณรงค์"
บรรเลงสดในรายการ "จับเข่าคุย"



ทำให้ใจเต้นแรง


บล็อกล่าสุด

รวมรูปคนดัง (6 มี.ค. 51) - Catherine Zeta Jones, Rachel McAdams, Maria Sharapova และอีกมากมาย

รวมรูปคนดัง (ครั้งยิ่งใหญ่) - Winona Ryder, Natalie Portman, Maria Sharapova และอีกมากมาย

รวมรูปคนดัง (ครั้งยิ่งใหญ่) - Jessica Alba, Kate Beckinsale, Jennifer Hawkins และอีกมากมาย

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในความทรงจำของ "หมึกแดง"

บทความเก่าของคุณ ปิติ เลิศลุมพลีพันธุ์ "สนามวิจารณ์ : คารวะแด่ Morricone"

: Users Online
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
6 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add snodgrass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.